yoshi3416
25th June 2012, 14:35
เปิดตำนานเกมต่อสู้ Street Fighter จุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จ
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_street_fighter_game_reviews_1.jpg
บทที่ 1 จุดเริ่มต้น Street Fighter
จุดเริ่มต้นของเกม Street Fighter ย้อนกลับไปในตอนเริ่มต้นประมาณยุค 80 ที่ Takashi Nishiyama ได้ถูกว่าจ้างโดย Capcom โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเกมต่อสู้ โดยให้เน้นการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 และให้เน้นลงในเครื่อง Arcade ในเรียกว่ามีเป้าหมายชัดเจนมากๆ ซึ่ง Nishiyama ก็วางแผนไว้เรียบร้อย อย่างแรกที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมอื่นก็คือเขาต้องการให้ตัวละครมีเนื้อเรื่องและที่มาเป็นของตัวเอง นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของตัวละครแรกของเกม Street Fighter ริว (Ryu)
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_StreetFighter1_1.png
นอกจากนั้นในภาคแรกผู้เล่นยังสามารถเลือกเล่นเป็น Ken อีกหนึ่งตัวละครที่มีความสามารถเช่นเดียวกับ Ryu โดยจากประวัติแล้วทั้งสองคนได้รับการฝึกฝนจากอาจารย์คนเดียวกันทำให้มีความสามารถในการต่อสู้คล้ายกัน ซึ่งจริงๆ ในเป้าหมายในการสร้าง Ken นั้นก็เพื่อให้ผู้เล่นคนที่สองสามารถต่อสู้กับผู้เล่นคนแรกได้นั้นเอง นอกจากที่ใน Street Fighter ภายแรกนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของตัวละครแล้ว ยังมีการคิดค้นรูปแบบการบังคับใหม่ที่ด้วยนั้นก็คือการบังคับแบบ 6 ปุ่มจากเดิมในยุคเริ่มต้นเกมต่อสู้ในยุคนี้จะประกอบไปด้วย 2 ปุ่มคือโจมตีหนักและโจมตีเบส แต่ Nishiyama ไม่ต้องการเพียงแค่นั้นเขาต้องการให้ปุ่มการเล่นมีทั้งหมด 6 ปุ่ม แบ่งออกเป็น เบา, กลาง, หนัก ทั้งต่อยและเตะ
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_snap00053_1.jpghttp://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_Street_Fighter_Ryu_Ken_Spar__article_image_1.jpg
ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนั้น Capcom ไม่พอใจกับความคิดนี้เท่าไรนัก เนื่องจากการเพิ่มปุ่มจะเป็นการเพิ่มงบประมาณอีกทั้งยังกังวลอีกว่าอาจจะทำให้ผู้เล่นสับสนไม่เข้าใจปุ่มในการเล่น ซึ่งท้ายสุดแล้ว Nishiyama ก็สามารถเกลี่ยกล่อมให้ Capcom ยอมปล่อยระบบนี้ออกมาด้วยเหตุผลที่ว่า "ไม่ว่าผู้เล่นจะกดปุ่มไหนยังไงก็ยังคงเป็นปุ่มโจมตีและไม่สับสนกับวิธีการเล่นแน่นอน" และในที่สุดในปี 1987 Street Fighter ก็ออกสู่ตลาดในญี่ปุ่นละก็ประสบความสำเร็จไปด้วยดีไม่ว่าจะมาจาก Art Work, ระบบบังคับแบบใหม่ที่แตกต่างจากเกมอื่นๆ หรือท่าโจมตีพิเศษต่างๆ และสุดท้ายเมื่อ Street Fighter ได้ออกไปจำหน่ายทั่วโลกทาง Capcom ได้ทดแทนระบบ 6 ปุ่มด้วย ระบบปุ่มสัมผัส 2 ปุ่ม โดยให้เป็นปุ่มเตะหนึ่งปุ่มและต่อยอีกหนึ่งปุ่ม ส่วนท่าโจมตีนั้นจะอยู่ที่ลักษณะการกดยิ่งผู้เล่นกดแรงก็จะเป็นโจมตีหนักหรือกดเบาก็จะเป็นโจมตีเบา
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_street_fighter_1_original_arcade_1.jpg
หลังจากนั้นมีเกมอื่นๆ มากมายที่ออกมาคล้ายๆ กับ Street Fighter แต่สุดท้ายก็ไม่มีเกมไหนสามารถทดแทนสิ่งที่ Street Fighter สามารถทำไว้ได้และในที่สุดทีม Street Fighter เดิมก็ได้รับการว่าจ้างอีกครั้งเพื่อให้สร้าง Street Fighter ภาค 2 และแน่นอนว่าในครั้งนี้ต้องมีสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม
บทที่ 2 Street Fighter 2 ภาคต่อของเกมในตำนาน
Street Fighter 2 หรือชื่อเต็มว่า Street Fighter II: The World Warrior เป็นภาคที่มีการพัฒนาขึ้นจากเดิมอย่างมาก และเป็นเกมนี้อีกเช่นกันที่เริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ที่เกมต่อสู้อื่นๆ ไม่เคยทำมาก่อนเลย นั้นก็คือการให้ผู้เล่นสามารถเลือกตัวละครของตัวเองได้ เกมต่อสู้ในสมัยนั้นทุกจะบังคับให้ผู้เล่นเล่นได้เฉพาะกับตัวละครหลัก (เช่น Street Fighter ภาคแรกที่ สามารถเล่นได้เฉพาะ Ryu และผู้เล่นคนที่สองเล่นได้เฉพาะ Ken ) ในภาคนี้ได้มีการพัฒนาให้ผู้เล่นสามารถเลือกตัวละครในการต่อสู้ได้มากถึง 8 ตัวละคร และแต่ละตัวจะต้องมีท่าการโจมตี รูปร่าง เนื้อเรื่องและค่าสถานะแตกต่างกันไป ซึ่งจริงๆ แล้วการสร้างตัวละครหลายตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เพราะเกมต่อสู้ส่วนใหญ่มักมีศัตรูมากเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่เพียงแค่เราสามารถเลือกและบังคับได้เท่านั้นเอง
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2_1.gif
สำหรับภาคนี้สองตัวละครหลักจากภาคแรก Ryu และ Ken ยังได้กลับมาอีกเช่นเดิม แต่ในรอบนี้ Ryu ต้องกลับมาย้อมผมให้กลายเป็นสีดำ (Street Fighter ภาคแรกเป็นภาคเดียวที่ Ryu มีผมสีแดง) และอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปคือแต่ละตัวละครจะมีคัทซีนเป็นของตัวเองในตอนจบของทุกตัวละคร ทำให้เกมดูมีเนื้อเรื่องและความน่าสนใจในแต่ละตัวละครมากยิ่งขึ้น และในที่สุด Street Fighter II: The World Warrior ก็ออกสู่ตลาดในปี 1991
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2_s1_1.gifhttp://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2_usa_1.gif
Street Fighter II: The World Warrior ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ด้วยระบบการเลือกตัวละคร เนื้อเรื่องที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ Street Fighter 2 ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีเกมต่อสู้ไหนทำได้มาก่อน ในยุคนั้นไม่มีเกมไหนสามารถมาทดแทนเกมนี้ได้เลย และแน่นอนว่าประสบความสำเร็จขนาดนี้ย่อมต้องมีการพัฒนาต่อ ซึ่งก็มีภาคเสริมอื่นๆ อีกมากมายเข้ามาอย่างต่อเนืองและยังมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถเล่นได้กับเครื่องอื่นๆ อีกมาก เมื่อเรารวมรายได้ของเกมนี้ทั้งหมดบวกกับรายได้จากภาคเสริมแล้วในปี 1993 เกมนี้สามารถทำรายได้ให้ Capcom ได้รวมเฉลี่ยนแล้วมากถึง 1,500,000,000 ดอลลาร์และอย่าลืมว่าตลาดเกมและค่าเงินสมัยนั้นมีค่ามากกว่าสมัยนี้เยอะมากๆ ทำให้สุดท้ายแล้วเกม Street Fighter II เป็นต้นแบบของเกมต่อสู้ทุกชนิดในสมัยนี้เลยครับ
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2_s9_1.jpg
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2ar_1.jpg
แน่นอนว่าตำนานของ Street Fighter ยังไม่จบแค่นี้แน่นอนครับ ถ้าใครสนใจอยากรู้ต่อไว้ติดตามได้ในรอบต่อๆ ไปส่วนตอนนี้ขอตัวก่อนละครับ
Credit : http://en.wikipedia.org/wiki/Street_Fighter
Youtube Channel : All Your History Machinima
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_street_fighter_game_reviews_1.jpg
บทที่ 1 จุดเริ่มต้น Street Fighter
จุดเริ่มต้นของเกม Street Fighter ย้อนกลับไปในตอนเริ่มต้นประมาณยุค 80 ที่ Takashi Nishiyama ได้ถูกว่าจ้างโดย Capcom โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเกมต่อสู้ โดยให้เน้นการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 และให้เน้นลงในเครื่อง Arcade ในเรียกว่ามีเป้าหมายชัดเจนมากๆ ซึ่ง Nishiyama ก็วางแผนไว้เรียบร้อย อย่างแรกที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมอื่นก็คือเขาต้องการให้ตัวละครมีเนื้อเรื่องและที่มาเป็นของตัวเอง นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของตัวละครแรกของเกม Street Fighter ริว (Ryu)
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_StreetFighter1_1.png
นอกจากนั้นในภาคแรกผู้เล่นยังสามารถเลือกเล่นเป็น Ken อีกหนึ่งตัวละครที่มีความสามารถเช่นเดียวกับ Ryu โดยจากประวัติแล้วทั้งสองคนได้รับการฝึกฝนจากอาจารย์คนเดียวกันทำให้มีความสามารถในการต่อสู้คล้ายกัน ซึ่งจริงๆ ในเป้าหมายในการสร้าง Ken นั้นก็เพื่อให้ผู้เล่นคนที่สองสามารถต่อสู้กับผู้เล่นคนแรกได้นั้นเอง นอกจากที่ใน Street Fighter ภายแรกนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของตัวละครแล้ว ยังมีการคิดค้นรูปแบบการบังคับใหม่ที่ด้วยนั้นก็คือการบังคับแบบ 6 ปุ่มจากเดิมในยุคเริ่มต้นเกมต่อสู้ในยุคนี้จะประกอบไปด้วย 2 ปุ่มคือโจมตีหนักและโจมตีเบส แต่ Nishiyama ไม่ต้องการเพียงแค่นั้นเขาต้องการให้ปุ่มการเล่นมีทั้งหมด 6 ปุ่ม แบ่งออกเป็น เบา, กลาง, หนัก ทั้งต่อยและเตะ
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_snap00053_1.jpghttp://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_Street_Fighter_Ryu_Ken_Spar__article_image_1.jpg
ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนั้น Capcom ไม่พอใจกับความคิดนี้เท่าไรนัก เนื่องจากการเพิ่มปุ่มจะเป็นการเพิ่มงบประมาณอีกทั้งยังกังวลอีกว่าอาจจะทำให้ผู้เล่นสับสนไม่เข้าใจปุ่มในการเล่น ซึ่งท้ายสุดแล้ว Nishiyama ก็สามารถเกลี่ยกล่อมให้ Capcom ยอมปล่อยระบบนี้ออกมาด้วยเหตุผลที่ว่า "ไม่ว่าผู้เล่นจะกดปุ่มไหนยังไงก็ยังคงเป็นปุ่มโจมตีและไม่สับสนกับวิธีการเล่นแน่นอน" และในที่สุดในปี 1987 Street Fighter ก็ออกสู่ตลาดในญี่ปุ่นละก็ประสบความสำเร็จไปด้วยดีไม่ว่าจะมาจาก Art Work, ระบบบังคับแบบใหม่ที่แตกต่างจากเกมอื่นๆ หรือท่าโจมตีพิเศษต่างๆ และสุดท้ายเมื่อ Street Fighter ได้ออกไปจำหน่ายทั่วโลกทาง Capcom ได้ทดแทนระบบ 6 ปุ่มด้วย ระบบปุ่มสัมผัส 2 ปุ่ม โดยให้เป็นปุ่มเตะหนึ่งปุ่มและต่อยอีกหนึ่งปุ่ม ส่วนท่าโจมตีนั้นจะอยู่ที่ลักษณะการกดยิ่งผู้เล่นกดแรงก็จะเป็นโจมตีหนักหรือกดเบาก็จะเป็นโจมตีเบา
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_street_fighter_1_original_arcade_1.jpg
หลังจากนั้นมีเกมอื่นๆ มากมายที่ออกมาคล้ายๆ กับ Street Fighter แต่สุดท้ายก็ไม่มีเกมไหนสามารถทดแทนสิ่งที่ Street Fighter สามารถทำไว้ได้และในที่สุดทีม Street Fighter เดิมก็ได้รับการว่าจ้างอีกครั้งเพื่อให้สร้าง Street Fighter ภาค 2 และแน่นอนว่าในครั้งนี้ต้องมีสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม
บทที่ 2 Street Fighter 2 ภาคต่อของเกมในตำนาน
Street Fighter 2 หรือชื่อเต็มว่า Street Fighter II: The World Warrior เป็นภาคที่มีการพัฒนาขึ้นจากเดิมอย่างมาก และเป็นเกมนี้อีกเช่นกันที่เริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ที่เกมต่อสู้อื่นๆ ไม่เคยทำมาก่อนเลย นั้นก็คือการให้ผู้เล่นสามารถเลือกตัวละครของตัวเองได้ เกมต่อสู้ในสมัยนั้นทุกจะบังคับให้ผู้เล่นเล่นได้เฉพาะกับตัวละครหลัก (เช่น Street Fighter ภาคแรกที่ สามารถเล่นได้เฉพาะ Ryu และผู้เล่นคนที่สองเล่นได้เฉพาะ Ken ) ในภาคนี้ได้มีการพัฒนาให้ผู้เล่นสามารถเลือกตัวละครในการต่อสู้ได้มากถึง 8 ตัวละคร และแต่ละตัวจะต้องมีท่าการโจมตี รูปร่าง เนื้อเรื่องและค่าสถานะแตกต่างกันไป ซึ่งจริงๆ แล้วการสร้างตัวละครหลายตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เพราะเกมต่อสู้ส่วนใหญ่มักมีศัตรูมากเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่เพียงแค่เราสามารถเลือกและบังคับได้เท่านั้นเอง
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2_1.gif
สำหรับภาคนี้สองตัวละครหลักจากภาคแรก Ryu และ Ken ยังได้กลับมาอีกเช่นเดิม แต่ในรอบนี้ Ryu ต้องกลับมาย้อมผมให้กลายเป็นสีดำ (Street Fighter ภาคแรกเป็นภาคเดียวที่ Ryu มีผมสีแดง) และอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปคือแต่ละตัวละครจะมีคัทซีนเป็นของตัวเองในตอนจบของทุกตัวละคร ทำให้เกมดูมีเนื้อเรื่องและความน่าสนใจในแต่ละตัวละครมากยิ่งขึ้น และในที่สุด Street Fighter II: The World Warrior ก็ออกสู่ตลาดในปี 1991
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2_s1_1.gifhttp://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2_usa_1.gif
Street Fighter II: The World Warrior ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ด้วยระบบการเลือกตัวละคร เนื้อเรื่องที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ Street Fighter 2 ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีเกมต่อสู้ไหนทำได้มาก่อน ในยุคนั้นไม่มีเกมไหนสามารถมาทดแทนเกมนี้ได้เลย และแน่นอนว่าประสบความสำเร็จขนาดนี้ย่อมต้องมีการพัฒนาต่อ ซึ่งก็มีภาคเสริมอื่นๆ อีกมากมายเข้ามาอย่างต่อเนืองและยังมีการพัฒนาเพื่อให้สามารถเล่นได้กับเครื่องอื่นๆ อีกมาก เมื่อเรารวมรายได้ของเกมนี้ทั้งหมดบวกกับรายได้จากภาคเสริมแล้วในปี 1993 เกมนี้สามารถทำรายได้ให้ Capcom ได้รวมเฉลี่ยนแล้วมากถึง 1,500,000,000 ดอลลาร์และอย่าลืมว่าตลาดเกมและค่าเงินสมัยนั้นมีค่ามากกว่าสมัยนี้เยอะมากๆ ทำให้สุดท้ายแล้วเกม Street Fighter II เป็นต้นแบบของเกมต่อสู้ทุกชนิดในสมัยนี้เลยครับ
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2_s9_1.jpg
http://img.online-station.net/_news/2012/0622/59447_sf2ar_1.jpg
แน่นอนว่าตำนานของ Street Fighter ยังไม่จบแค่นี้แน่นอนครับ ถ้าใครสนใจอยากรู้ต่อไว้ติดตามได้ในรอบต่อๆ ไปส่วนตอนนี้ขอตัวก่อนละครับ
Credit : http://en.wikipedia.org/wiki/Street_Fighter
Youtube Channel : All Your History Machinima