ดูเวอร์ชั่นเต็ม : [Batman] ความรู้สึกในแต่ละภาค ที่ โนแลนต้องการสื่อ
Bumblebee
30th July 2012, 19:56
..________..
Batman Begins - ความกลัว
The Dark Knight - ความโกลาหล
The Dark Knight Rises - ความเจ็บปวด
Credit : DC#
ปล.ผมชอบมากๆครับ โดยเฉพาะภาค Dark Knight
CORNETTO
30th July 2012, 20:31
BATMAN ทุกภาคมันยังตราตรึงอยู่ในใจ :heart
Phromrat
30th July 2012, 20:47
The Dark Knight Rises - หัวใจที่หล่อของพี่แบทแมน
cableneo
30th July 2012, 21:24
batman มาแรงจริงๆ ช่วงนี้
thanawat-numjarun
30th July 2012, 22:01
ถ้าสังเกตดูดีๆ มันต่างกันจริงๆนะ เกิดจากความตั้งใจของโนแลนด์ล้วนๆ เพราะเค้าชอบกำกับหนังแบบภาคต่อภาค ไม่เคยวางไว้ว่าจะทำภาคต่อ เพียงแค่อยากทำ ความแตกต่างก็... เช่น
ภาคแรก Begins มันเหมือนหนังประวัติศาสตร์เล่าปูมหลัง มันอธิบายอะไรหลายๆอย่างในหนังให้เราได้รู้มากกว่าแบทแมนทั่วๆไป ทำไมบรู๊ซต้องทำเพื่อเมืองกอธแธม? ทำไมมันเก่งจัง? ทำไมสัญลักษณ์มันต้องเป็นค้างคาวด้วย? ทำไมหน้ากากมันต้องมีหู? มีผ้าคลุมไปทำไม? แล้วภาคนี้มันอธิบายมีน้ำหนัก มันทำได้ดีในการให้เหตุผล
ภาคสอง The Dark Knight บรรยากาศเปลี่ยนไป กลายเป็นแนวหนังอาชญากรรม พร้อมกับเมืองที่เปลี่ยนไปด้วย(สังเกตว่าภาคแรกดูเป็นเมืองกอธแธมที่ดู"จินตนาการ"กว่าภาคสองซึ่งยกเอาทุกอย่างในนิวยอร์กมาเลย) ภาคนี้เล่นกับจิตใจเป็นหลัก เพราะตัวร้ายคือโจ๊กเกอร์ แน่นอนเจอพี่แบทโจ๊กเกอร์คงสู้ตัวๆไม่ไหว ต้องสู้ด้วยสมอง มันจึงเอื้อต่อการเล่นกับจิตใจ ภาคสองเลยได้หนังอาชญากรรมเครียดๆมา
ส่วนภาคสาม The Dark Knight Rises มันออกมาตามสูตรหนังทั่วไป ตัวเอกล้ม สุดท้ายก็ลุกได้อย่างผงาด มันคือความตั้งใจของโนแลนด์ที่จะทำหนังให้ตามสูตร เขาไม่ได้มือตกแต่อย่างใด และมันก็สรุปได้ดีจริงๆ
helos
30th July 2012, 22:03
อ่อม นึกว่าจะเป็นกระทู้วิเคราะห์ยาวเหยียดน่าอ่านซะอีก
3 บรรทัดจบเลยเรอะ 0_____________0
ถ้าสังเกตดูดีๆ มันต่างกันจริงๆนะ เกิดจากความตั้งใจของโนแลนด์ล้วนๆ เพราะเค้าชอบกำกับหนังแบบภาคต่อภาค ไม่เคยวางไว้ว่าจะทำภาคต่อ เพียงแค่อยากทำ ความแตกต่างก็... เช่น
ภาคแรก Begins มันเหมือนหนังประวัติศาสตร์เล่าปูมหลัง มันอธิบายอะไรหลายๆอย่างในหนังให้เราได้รู้มากกว่าแบทแมนทั่วๆไป ทำไมบรู๊ซต้องทำเพื่อเมืองกอธแธม? ทำไมมันเก่งจัง? ทำไมสัญลักษณ์มันต้องเป็นค้างคาวด้วย? ทำไมหน้ากากมันต้องมีหู? มีผ้าคลุมไปทำไม? แล้วภาคนี้มันอธิบายมีน้ำหนัก มันทำได้ดีในการให้เหตุผล
ภาคสอง The Dark Knight บรรยากาศเปลี่ยนไป กลายเป็นแนวหนังอาชญากรรม พร้อมกับเมืองที่เปลี่ยนไปด้วย(สังเกตว่าภาคแรกดูเป็นเมืองกอธแธมที่ดู"จินตนาการ"กว่าภาคสองซึ่งยกเอาทุกอย่างในนิวยอร์กมาเลย) ภาคนี้เล่นกับจิตใจเป็นหลัก เพราะตัวร้ายคือโจ๊กเกอร์ แน่นอนเจอพี่แบทโจ๊กเกอร์คงสู้ตัวๆไม่ไหว ต้องสู้ด้วยสมอง มันจึงเอื้อต่อการเล่นกับจิตใจ ภาคสองเลยได้หนังอาชญากรรมเครียดๆมา
ส่วนภาคสาม The Dark Knight Rises มันออกมาตามสูตรหนังทั่วไป ตัวเอกล้ม สุดท้ายก็ลุกได้อย่างผงาด มันคือความตั้งใจของโนแลนด์ที่จะทำหนังให้ตามสูตร เขาไม่ได้มือตกแต่อย่างใด และมันก็สรุปได้ดีจริงๆ
ใช่ครับ ภาคล่าสุดถ้าเทียบกับหนังอื่นๆของโนแลนดูจะมีเรื่องชวนคิดวิเคราะห์น้อยลง แต่ก็เพราะโนแลนไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นในภาคนี้อยู่แล้ว
เพราะธีมของภาคนี้ชัดเจนว่าความเจ็บปวด เจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก สูญเสียคนดูแล สูญเสียทรัพย์สิน สูญเสียสังขาร
แต่ยังไงสิ่งที่เหลือท้ายที่สุดที่ใครก็ชิงไปไม่ได้คือจิตวิญญาณนั่นเอง เป็นบทสรุปที่ยิ่งใหญ่มากๆ
ปล.แต่ถึงจะมีเรื่องแง่คิดน้อยกว่าเรื่องอื่นๆของโนแลนแต่ถ้ามองว่าเป็นหนังทั่วไปละก็แง่คิดมันมากโขเลยครับ
satsawat7925
30th July 2012, 22:55
..________..
Batman Begins - ความกลัว
The Dark Knight - ความโกลาหล
The Dark Knight Rises - ความเจ็บปวด
Credit : DC#
ปล.ผมชอบมากๆครับ โดยเฉพาะภาค Dark Knight
แถมโทนหนังไม่เหมือนกันด้วยครับ ผมลองสังเกตุจากโปสเตอร์แล้วไปดูในหนังมันน่าจะสื่อดังนี้ครับ ความกลัวจะออกสีน้ำตาลดำ ความโกลาหลจะออกน้ำเงิน ความเจ็บปวดจะออกสีขาวๆ
miyabijune
31st July 2012, 15:40
คือหนังมันทำดี จนผมไม่อยากให้จบ T^T
vBulletin v4.2.1, สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, Jelsoft Enterprises Ltd.