xxxlnwjung1
11th August 2012, 17:54
http://image.ohozaa.com/i/g5c/2kMCyb.jpg
เนื่องมาจากภาพนี้ ทำให้ผมคันมืออยากจะพิมพ์ขึ้นมา ตามประสาคนปากมาก 555
เรื่องที่ผมจะพูดก็คือ "คนเก่งนั้นมีอยู่ทุกสังคม และการซุบซิบนินทาก็มีีอยู่ทุกสังคมเช่นกัน"
ผมไม่ได้แย้งประเด็นคุณ แต่อยากจะอธิบายประเด็นให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้คนไทยและเด็กไทยหลายๆคนที่เข้ามาดูและเห็นภาพนี้
มองสังคมไทยไปในทางลบมากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ สื่อมักจะนำเสนอแต่เรื่องเสื่อมๆ ซึ่งคุณได้เงินได้ผู้ชมไปแต่มันทำให้สังคมไทยเสื่อมทรามลงมาก
เพราะถูกคนไทยมองในแง่ลบ ทั้งๆที่เรื่องดีๆก็มีอยู่มากมาย ผมไม่ได้อยากจะให้สื่ิอปกปิดความจริง แต่อยากให้สื่อหลักๆ ก็คือพวกช่อง Free TV หลักๆนั่นแหละ
ช่องใหญ่ๆก็คือ ช่อง 3,7,9 โดยเฉพาะช่อง 3 และ 7 ชอบตีข่าวให้เรื่องเสื่อมๆเป็นประเด็นให้เพลาๆบ้าง 555 ช่างมันเถอะ
เข้าเรื่องของรูปภาพ
ผมอยากจะอธิบายว่า "คนเก่งนั้นมีส่วนทำให้สังคมเจริญ" แต่คนที่ทำให้สังคมเจริญมากที่สุดคือ "คนที่คิดเป็น"
ซึ่งการนำเสนอว่า คนไทยนั้นเมื่อแสดงออกเมื่อใดมักจะถูกซุบซิบนินทา มันไม่ได้มีอยู่ทุกที่หรอกครับ แต่ก็จริงที่ว่าพวกชอบนินทาในทางเสีย
มันถ่วงความเจริญของสังคม แต่มันจะไม่เป็นเช่นนั้น ถ้ามีคนที่คิดได้และกล้าแสดงออกจริงๆ แค่คำนินทามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
ผมเป็นหนึ่งในคนที่ชอบยกมือตอบเช่นกัน หากไม่อยากโดนนินทาขอให้คุณตอบด้วยความมั่นใจ มันเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่ผมคิดได้
คนเก่งนั้นมีส่วนจำเป็นในการช่วยบริหารสังคม แต่คนคิดเป็นคือผู้นำของสังคมอย่างแท้จริง
หากคุณคิดเป็นแค่เสียงนินทาคุณจะไปสนใจอะไรครับ มันไม่ได้ถ่วงคุณหรอก มันไม่ได้ทำให้ความ Popular ของคุณหายหรอก
เพราะคนบ้าวิชาการส่วนมาก ไม่มีความ Popular อยู่แล้ว คุณจะไปกลัวอะไร ขอให้ทำมันให้เต็มที่ ทำด้วยความมั่นใจ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ถูก
ต้อง ใครจะนินทาก็ช่างหัวมันสิ คุณก็ด่ามันไปเลยสิ ถ้ากล้าแค่ตอบคำถามแต่ไม่กล้าที่จะปกป้องตัวเอง ก็ไม่ใช่คนที่สามารถจะทำให้สังคมเจริญขึ้นได้หรอก
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คนซุบซิบนินทา แต่มันอยู่ที่ความอ่อนแอของจิตใจและความคิดไม่เป็นต่างหากครับ
ผู้ใหญ่รวมถึงเด็กหลายๆคนไม่กล้าที่จะปกป้องตัวจากสิ่งต่างๆเช่นเสียงนินทา หลายๆคนไม่กล้าที่จะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่
เพียงเพราะความอ่อนแอของจิตใจ เด็กอย่างผมกล้าจะที่จะปกป้องตัวเอง เด็กอย่างผมคิดอะไรได้มากกว่าใครหลายๆคน
แต่เด็กอย่างผมก็ไม่ได้มีส่วนทำให้สังคมเจริญขึ้น เพราะฉนั้นถ้าคุณคิดไม่ได้จริงๆว่า อะไรที่มันทำให้สังคมเจริญขึ้น หรืออะไรที่มันทำให้สังคมเสื่อมลง
ผมก็ไม่อยากให้คุณ หยิบยกสิ่งที่คุณคิดมาประจานหรือเผยแพร่เพราะมันทำให้สังคมไทย ถูกมองให้เสื่อมเสียโดยคนไทยเอง แน่นอนมันทำให้สังคมเสื่อมลง
แต่ ผมไม่ได้ว่าเจ้าของกระทู้คือคุณ Ghostzaba นะ ผมแค่อยากจะพูดถึงเรื่องที่คนไทยมองสังคมในแง่ลบมากเกินไป โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง
แค่ดูแล้วคล้อยตามสิ่งที่บุคคลหรือสื่อนำเสนอออกมา ทำให้สังคมไทยถูกมองในแง่ลบโดยคนไทยเอง
ผมว่าข้อบกพร่องของระบบการศึกษาไทยคือการ ยึดติดกับสถาบันมากเกินไป (สถาบันในที่นี้หมายถึงโรงเรียน และมหาวิทยาลัยนะครับ...) เพราะเท่าทีสังเกตุดูการศึกษาบ้านเรา มักจะจำกัดสิทธิในการศึกษามากเกินไป ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของสถาบันมากเกินไป และการให้ความสำคัญแบบผิดๆ...
ผมจะขออธิบายเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1. จำกัดสิทธิทางการศึกษา มากเกินไป
ไม่ทราบว่าจะอธิบายอย่างไรดี เลยขอยกตัวอย่างจากเพื่อนผมละกัน เพื่อนผมที่มหาวิทยาลัย (ผมเรียนราชมงคลครับ) มีหลายคนที่จบสายอาชีพมาทั้ง ปวช.-ปวส. แต่กลับไม่มีทางเลือกในการเรียนต่อระดับปริญญา ด้วยเหตุผลที่ว่า สถาบันดังๆ มักไม่รับเด็กจากสายอาชีพ...
(ผมไม่ได้กล่าวว่ามหาวิทยาลัยราชมงคล เป็นสถาบันที่ไม่ดี แต่ก็ปฏิเสทไม่ได้ว่า การเข้าถึงข้อมูลความรู้ในการศึกษา และความพร้อมในบางด้านด้อยกว่าสถาบันมีชื่อหลายๆแห่ง)
2.ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของสถาบันมากเกินไป
ต้องยอมรับว่าระบบการรับคนเข้าทำงานในแต่ละที่ของประเทศไทย มักจะให้ความสำคัญกับสถาบัน มาเป็นอันดับหนึ่ง มีการคัดสีเลือด ต่างๆนาๆ ทำให้เด็กรุ่มใหม่ๆมีความคิดที่ว่า "เรียนอะไร ไม่สำคัญ ขอให้ได้เรียนในมหาลัยดังๆละกัน" แทนที่จะเลือกสาขาวิชาชีพที่เหมาะสมกับตน แต่กลับเลือกเรียนในมหาลัยที่มีชื่อเสียงมากกว่า...
3.การให้ความสำคัญแบบผิดๆ
จากเท่าทีมองดูผมคิดว่า สถาบันที่สร้างแม่พิมของชาติอย่าง ราชภัฏ ควรจะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประสิทธิภาพอันดับต้นๆ ไม่ใช่หรือ? แต่จากเท่าทีดูแล้วผู้ที่ตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในสถาบันราชภัฏ (ส่วนใหญ่) กลับเป็นผู้ที่สอบเข้าไม่ติด หรือไม่มีเงินเรียนเอกชน และสถาบันเหล่านี้มักถูกให้ความสำคัญน้อยมาก...
4.การแข่งขันแบบผิดๆ
เนื่องด้วยในปัจจุบัน มักมีการแข่งขันกันระหว่างสถาบัน จนเกิดเป็นระบบที่ผมขอเรียกว่า "นักเรียนเก่ง สร้างชื่อสถาบัน" ขึ้นมา กล่าวคือ โรงเรียนที่มีชื่อเสียง จะกวาดเอาเด็กนักเรียนที่หัวดีเข้ามาอยู่ในโรงเรียน เพื่อสอบแข่งขัน เพื่อให้นักเรียนเหล่านั้นสอบได้คะแนนสูงๆ เพื่อเป็นตัวชี้วัดว่าโรงเรียนของตนนั้นมีประสิทธิภาพ ทั้งที่จริงๆแล้วนักเรียนเหล่านั้นกลับได้มาจากการเรียนพิเศษ...
5. มีการจัดระดับสถาบันมากเกินไป
มีการจับแยกกลุ่มระหว่างนักเรียนที่เก่ง กับ นักเรียนที่ไม่เก่งมากเกินไป ในขณะที่นักเรียนที่สนใจเรียนมารวมกลุ่มกัน ได้รับความสำคัญดูแลจากคนในสังคม ในขณะที่นักเรียนไม่เก่ง มารวมกัน กลับถูกมองว่าเป็นเพียงกลุ่มคนที่คอยจะก่อปัญหาสังคม ถูกดูถูกดูแคลนจากสังคม ให้โอกาศทางการศึกษาไปก็เสียงบประมาณแผ่นดิน เราคิดอย่างนี้กันอยู่หรือเปล่า???
สำหรับสุดท้ายนี้ความคิดเห็นนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว อาจจะมีผิดบ้าง ถูกบ้างปะปนกันไป ไม่อยากให้เอามาเป็นเรื่องดราม่า เพราะเป็นเพียงความคิดเห็นที่ได้มาจากมุมมองของผมเพียงคนเดียว อาจจะผิดทั้งหมดเลยก็ได้ หากได้บังเอิญไปกล่าวล่วงเกินผู้ใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ....
เห็นด้วยมากๆครับ พวกที่สถานที่ทำงานต่างๆ เช่น พวกบริษัทหรือหน่วยงานหรือองกรณ์ต่างๆ มากมายในประเทศไทย ยึดติดกับสถาบันมาก
ทำให้คนที่จบจากสถาบันที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง สมัครเข้าทำงานที่ต้องการได้ยากมากๆ เพราะมีไม่กี่ที่ ที่จะเปิดโอกาสให้บุคคลได้แสดงความคิด
ซึ่งนั่น(ความคิด)เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าสถาบันที่จบมาเสียอีก ผมก็เบื่อเช่นกัน ที่มีองกรณ์ส่วนน้อยเท่านั้นที่เปิดโอกาสให้คนได้แสดงความคิด ไม่ใช่เอาแต่ยึดติด
กับสถาบัน
เนื่องมาจากภาพนี้ ทำให้ผมคันมืออยากจะพิมพ์ขึ้นมา ตามประสาคนปากมาก 555
เรื่องที่ผมจะพูดก็คือ "คนเก่งนั้นมีอยู่ทุกสังคม และการซุบซิบนินทาก็มีีอยู่ทุกสังคมเช่นกัน"
ผมไม่ได้แย้งประเด็นคุณ แต่อยากจะอธิบายประเด็นให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้คนไทยและเด็กไทยหลายๆคนที่เข้ามาดูและเห็นภาพนี้
มองสังคมไทยไปในทางลบมากกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ สื่อมักจะนำเสนอแต่เรื่องเสื่อมๆ ซึ่งคุณได้เงินได้ผู้ชมไปแต่มันทำให้สังคมไทยเสื่อมทรามลงมาก
เพราะถูกคนไทยมองในแง่ลบ ทั้งๆที่เรื่องดีๆก็มีอยู่มากมาย ผมไม่ได้อยากจะให้สื่ิอปกปิดความจริง แต่อยากให้สื่อหลักๆ ก็คือพวกช่อง Free TV หลักๆนั่นแหละ
ช่องใหญ่ๆก็คือ ช่อง 3,7,9 โดยเฉพาะช่อง 3 และ 7 ชอบตีข่าวให้เรื่องเสื่อมๆเป็นประเด็นให้เพลาๆบ้าง 555 ช่างมันเถอะ
เข้าเรื่องของรูปภาพ
ผมอยากจะอธิบายว่า "คนเก่งนั้นมีส่วนทำให้สังคมเจริญ" แต่คนที่ทำให้สังคมเจริญมากที่สุดคือ "คนที่คิดเป็น"
ซึ่งการนำเสนอว่า คนไทยนั้นเมื่อแสดงออกเมื่อใดมักจะถูกซุบซิบนินทา มันไม่ได้มีอยู่ทุกที่หรอกครับ แต่ก็จริงที่ว่าพวกชอบนินทาในทางเสีย
มันถ่วงความเจริญของสังคม แต่มันจะไม่เป็นเช่นนั้น ถ้ามีคนที่คิดได้และกล้าแสดงออกจริงๆ แค่คำนินทามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
ผมเป็นหนึ่งในคนที่ชอบยกมือตอบเช่นกัน หากไม่อยากโดนนินทาขอให้คุณตอบด้วยความมั่นใจ มันเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่ผมคิดได้
คนเก่งนั้นมีส่วนจำเป็นในการช่วยบริหารสังคม แต่คนคิดเป็นคือผู้นำของสังคมอย่างแท้จริง
หากคุณคิดเป็นแค่เสียงนินทาคุณจะไปสนใจอะไรครับ มันไม่ได้ถ่วงคุณหรอก มันไม่ได้ทำให้ความ Popular ของคุณหายหรอก
เพราะคนบ้าวิชาการส่วนมาก ไม่มีความ Popular อยู่แล้ว คุณจะไปกลัวอะไร ขอให้ทำมันให้เต็มที่ ทำด้วยความมั่นใจ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ถูก
ต้อง ใครจะนินทาก็ช่างหัวมันสิ คุณก็ด่ามันไปเลยสิ ถ้ากล้าแค่ตอบคำถามแต่ไม่กล้าที่จะปกป้องตัวเอง ก็ไม่ใช่คนที่สามารถจะทำให้สังคมเจริญขึ้นได้หรอก
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คนซุบซิบนินทา แต่มันอยู่ที่ความอ่อนแอของจิตใจและความคิดไม่เป็นต่างหากครับ
ผู้ใหญ่รวมถึงเด็กหลายๆคนไม่กล้าที่จะปกป้องตัวจากสิ่งต่างๆเช่นเสียงนินทา หลายๆคนไม่กล้าที่จะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่
เพียงเพราะความอ่อนแอของจิตใจ เด็กอย่างผมกล้าจะที่จะปกป้องตัวเอง เด็กอย่างผมคิดอะไรได้มากกว่าใครหลายๆคน
แต่เด็กอย่างผมก็ไม่ได้มีส่วนทำให้สังคมเจริญขึ้น เพราะฉนั้นถ้าคุณคิดไม่ได้จริงๆว่า อะไรที่มันทำให้สังคมเจริญขึ้น หรืออะไรที่มันทำให้สังคมเสื่อมลง
ผมก็ไม่อยากให้คุณ หยิบยกสิ่งที่คุณคิดมาประจานหรือเผยแพร่เพราะมันทำให้สังคมไทย ถูกมองให้เสื่อมเสียโดยคนไทยเอง แน่นอนมันทำให้สังคมเสื่อมลง
แต่ ผมไม่ได้ว่าเจ้าของกระทู้คือคุณ Ghostzaba นะ ผมแค่อยากจะพูดถึงเรื่องที่คนไทยมองสังคมในแง่ลบมากเกินไป โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง
แค่ดูแล้วคล้อยตามสิ่งที่บุคคลหรือสื่อนำเสนอออกมา ทำให้สังคมไทยถูกมองในแง่ลบโดยคนไทยเอง
ผมว่าข้อบกพร่องของระบบการศึกษาไทยคือการ ยึดติดกับสถาบันมากเกินไป (สถาบันในที่นี้หมายถึงโรงเรียน และมหาวิทยาลัยนะครับ...) เพราะเท่าทีสังเกตุดูการศึกษาบ้านเรา มักจะจำกัดสิทธิในการศึกษามากเกินไป ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของสถาบันมากเกินไป และการให้ความสำคัญแบบผิดๆ...
ผมจะขออธิบายเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1. จำกัดสิทธิทางการศึกษา มากเกินไป
ไม่ทราบว่าจะอธิบายอย่างไรดี เลยขอยกตัวอย่างจากเพื่อนผมละกัน เพื่อนผมที่มหาวิทยาลัย (ผมเรียนราชมงคลครับ) มีหลายคนที่จบสายอาชีพมาทั้ง ปวช.-ปวส. แต่กลับไม่มีทางเลือกในการเรียนต่อระดับปริญญา ด้วยเหตุผลที่ว่า สถาบันดังๆ มักไม่รับเด็กจากสายอาชีพ...
(ผมไม่ได้กล่าวว่ามหาวิทยาลัยราชมงคล เป็นสถาบันที่ไม่ดี แต่ก็ปฏิเสทไม่ได้ว่า การเข้าถึงข้อมูลความรู้ในการศึกษา และความพร้อมในบางด้านด้อยกว่าสถาบันมีชื่อหลายๆแห่ง)
2.ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของสถาบันมากเกินไป
ต้องยอมรับว่าระบบการรับคนเข้าทำงานในแต่ละที่ของประเทศไทย มักจะให้ความสำคัญกับสถาบัน มาเป็นอันดับหนึ่ง มีการคัดสีเลือด ต่างๆนาๆ ทำให้เด็กรุ่มใหม่ๆมีความคิดที่ว่า "เรียนอะไร ไม่สำคัญ ขอให้ได้เรียนในมหาลัยดังๆละกัน" แทนที่จะเลือกสาขาวิชาชีพที่เหมาะสมกับตน แต่กลับเลือกเรียนในมหาลัยที่มีชื่อเสียงมากกว่า...
3.การให้ความสำคัญแบบผิดๆ
จากเท่าทีมองดูผมคิดว่า สถาบันที่สร้างแม่พิมของชาติอย่าง ราชภัฏ ควรจะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประสิทธิภาพอันดับต้นๆ ไม่ใช่หรือ? แต่จากเท่าทีดูแล้วผู้ที่ตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในสถาบันราชภัฏ (ส่วนใหญ่) กลับเป็นผู้ที่สอบเข้าไม่ติด หรือไม่มีเงินเรียนเอกชน และสถาบันเหล่านี้มักถูกให้ความสำคัญน้อยมาก...
4.การแข่งขันแบบผิดๆ
เนื่องด้วยในปัจจุบัน มักมีการแข่งขันกันระหว่างสถาบัน จนเกิดเป็นระบบที่ผมขอเรียกว่า "นักเรียนเก่ง สร้างชื่อสถาบัน" ขึ้นมา กล่าวคือ โรงเรียนที่มีชื่อเสียง จะกวาดเอาเด็กนักเรียนที่หัวดีเข้ามาอยู่ในโรงเรียน เพื่อสอบแข่งขัน เพื่อให้นักเรียนเหล่านั้นสอบได้คะแนนสูงๆ เพื่อเป็นตัวชี้วัดว่าโรงเรียนของตนนั้นมีประสิทธิภาพ ทั้งที่จริงๆแล้วนักเรียนเหล่านั้นกลับได้มาจากการเรียนพิเศษ...
5. มีการจัดระดับสถาบันมากเกินไป
มีการจับแยกกลุ่มระหว่างนักเรียนที่เก่ง กับ นักเรียนที่ไม่เก่งมากเกินไป ในขณะที่นักเรียนที่สนใจเรียนมารวมกลุ่มกัน ได้รับความสำคัญดูแลจากคนในสังคม ในขณะที่นักเรียนไม่เก่ง มารวมกัน กลับถูกมองว่าเป็นเพียงกลุ่มคนที่คอยจะก่อปัญหาสังคม ถูกดูถูกดูแคลนจากสังคม ให้โอกาศทางการศึกษาไปก็เสียงบประมาณแผ่นดิน เราคิดอย่างนี้กันอยู่หรือเปล่า???
สำหรับสุดท้ายนี้ความคิดเห็นนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว อาจจะมีผิดบ้าง ถูกบ้างปะปนกันไป ไม่อยากให้เอามาเป็นเรื่องดราม่า เพราะเป็นเพียงความคิดเห็นที่ได้มาจากมุมมองของผมเพียงคนเดียว อาจจะผิดทั้งหมดเลยก็ได้ หากได้บังเอิญไปกล่าวล่วงเกินผู้ใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ....
เห็นด้วยมากๆครับ พวกที่สถานที่ทำงานต่างๆ เช่น พวกบริษัทหรือหน่วยงานหรือองกรณ์ต่างๆ มากมายในประเทศไทย ยึดติดกับสถาบันมาก
ทำให้คนที่จบจากสถาบันที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง สมัครเข้าทำงานที่ต้องการได้ยากมากๆ เพราะมีไม่กี่ที่ ที่จะเปิดโอกาสให้บุคคลได้แสดงความคิด
ซึ่งนั่น(ความคิด)เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าสถาบันที่จบมาเสียอีก ผมก็เบื่อเช่นกัน ที่มีองกรณ์ส่วนน้อยเท่านั้นที่เปิดโอกาสให้คนได้แสดงความคิด ไม่ใช่เอาแต่ยึดติด
กับสถาบัน