PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : Conqueror คนบ้า ท้าครองโลก



Instinger_Zone
19th August 2012, 22:24
CONQUEROR
คนบ้า ท้าครองโลก

นิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ.....อะไรก็ไม่รู้
อยากให้คนอ่านลองมาทายกันดู พอดีลุงยังไม่ได้คิดนะ ว่าตอนที่ 1 จะเป็นอย่างไร
แต่อยากให้ทุกคนที่ได้มาอ่าน ลองวิจารณ์ดูหน่อยนะจ้ะ


บทนำ

โตขึ้น ผมจะครองโลก


“เด็กชายพิรุธ ใครตั้งชื่อให้เธอ เอ้ย! โตมาเธออยากเป็นอะไร?” คำถามของคุณครูวาสนา ทำให้เด็กชายพิรุธ ผู้ที่มีใบหน้ายิ้มแบบมี ‘พิรุธ’ ตลอดเวลา ต้องคิดและตอบในทันที เพราะพิรุธคิดว่าหากตอบช้า ตนคงจะถูกเพื่อนล้อ ไม่ก็โดนครูด่าแน่ๆ

“ผมอยากเป็นผู้ครองโลกครับ!!” เด็กหนุ่มประกาศกร้าว เสียงของเด็กหนุ่มซึ่งไม่ได้ดังมาก แต่ด้วยความหมายนั่นเอง ทำให้ทั้งห้องถึงกับต้องเงียบฟัง รวมถึงคุณครูวาสนาด้วย

“นี่ พิรุธ ตอบดีๆสิ อย่ามั่วซั่ว” คุณครูวาสนาพูดเหมือนว่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่พิรุธพยายามสื่อออกมา จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าถูกคำพูดที่เปรียบเสมือนดาบทิ่มแทงเข้ามา ช่างโหดร้ายยิ่งนัก

“ผมพูดจริงๆนะครับครู!! ผมอยากจะครองโลก ผมอยากมีลูกน้องคอยรับใช้ครับ ลูกน้องผมก็... คนทั้งโลกเลยไง” สีหน้าและแววตาอันมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มนั้นส่องประกายออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านั้นจะไม่ได้สะดุดตาคุณครูวาสนาเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงเชื่อสนิทใจว่าพิรุธนั้น ‘เพ้อเจ้อ’

“พิรุธ ท่าทางเธอไม่สบายรึเปล่า? ทำไมไม่ตอบดีๆแบบคนอื่นเขาล่ะ?” คุณครูวาสนาจ้องพิรุธแบบไม่ละสายตา ไม่เพียงแค่ครูครูวาสนาเท่านั้น เพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนต่างก็จ้องมาที่เขาด้วยเช่นกัน วินาทีนี้พิรุธทำอะไรไม่ถูก ความกัดดันเพิ่มมากขึ้น เขากำหมัดแน่นก็เพื่อลดความเครียดจากความกดดัน แต่แค่นี้มันยังไม่พอ ความเครียดที่เกิดขึ้นมากมายในตัวเขา มันจำเป็นต้องถูกระเบิดออกมา

“ครูอ่ะ!!” นั่นเป็นคำพูดคำเดียวสั้นๆที่ทำให้พิรุธได้ระเบิดความเครียดออกมา แล้วพิรุธก็รีบวิ่งหนีครู วิ่งหนีความกดดันนั้น วิ่งหนีสายตาที่เขาคิดว่ามันคอยทำร้ายเขา เขาได้วิ่งหนีมันออกมา

“พิรุธ!! พิรุธ!!” คุณครูวาสนาตะโกนไล่หลังพิรุธพร้อมวิ่งตาม แต่ดูเหมือนว่าเด็กตัวเล็กๆแบบพิรุธจะซอยเท้าได้ไวกว่า จึงได้ทิ้งห่างคุณครูวาสนาไปไกลเกินกว่าจะมองเห็นได้ คุณครูวาสนาที่ไม่เห็นซึ่งความหวังที่จะวิ่งตามพิรุธไปได้ทันจึงได้เดินหลบเข้ามาในห้องพร้อมคิดในใจว่า ‘พิรุธคงไม่ไปไหนไกลหรอก’ จากนั้นจึงเริ่มทำการอธิบายให้นักเรียนของตนที่นั่งเรียงรายจะอยู่ในห้องได้ทราบถึงสถานการณ์ในตอนนี้ และเริ่มทำการสอนต่อ

พิรุธวิ่งออกมาจากห้องเรียนสักพักก็หยุดวิ่งเพราะหมดแรง รู้ตัวอีกทีเขาก็มาหยุดอยู่ตรงห้องน้ำนักเรียนชาย “แฮ่ก....แฮ่ก....” เขาเหนื่อยหอบ และในที่สุดเมื่อเหนื่อยล้ามาบรรจบกับจุดหมาย เขาจึงได้นั่งลงตรงหน้าห้องน้ำ หลังชุ่มเหงื่อของเขาพิงกับผนังห้องน้ำซึ่งปิดทับด้วยกระเบื้อง จึงทำให้เขารู้สึกเย็นขึ้นมาได้สักนิด เขาพยายามหลับตาและคิดว่า สิ่งที่เขาได้พูดออกไปต่อหน้าคุณครูวาสนาและเพื่อนๆของเขานั้น มันไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยหรือ สีหน้าเศร้าๆของเขาในตอนนี้ เมื่อได้เห็น คงไปสะดุดตาใครหลายคนแน่

“เฮ้ย! ไอ้น้อง มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ?” เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพิรุธพร้อมคำพูดที่ทำให้พิรุธต้องลืมตาขึ้นมามองเขา เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ ซึ่งดูแล้วก็ไม่แน่จะเป็นเด็กประถมเหมือนกับพิรุธไปได้เลย

“คุณครูว่าผมมั่วซั่วอ่ะพี่ ครูถามผมว่าอยากเป็นอะไร ผมก็ตอบไปแล้วว่าอยากเป็นผู้ครองโลก ผมตอบผิดเหรอพี่?”

“เอ็งมันยังไม่เข้าใจเว้ย ผู้ใหญ่สมัยนี่นะ ชอบคิดว่าความคิดของเด็กเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เรามันก็แค่เด็กนี่ ผู้ใหญ่เขา....อืม....เอ้อ! อาบน้ำร้อนมาก่อน แหม กว่าจะคิดคำนี้ออก” ชายหนุ่มรุ่นพี่คนนี้พูดเหมือนว่าตัวเขาเองนั้นเข้าใจความคิดของพิรุธได้เป็นอย่างดี

“นี่! จะครองโลกเหรอ!? เอ็งนี่มันถูกใจข้าดีเหมือนกันนะ ไว้วันหลังชวนข้าไปครองโลกบ้างล่ะ แต่ตอนนี้ขอตัวไปฉี่ก่อน ไปล่ะ!” แล้วชายหนุ่มผู้เป็นรุ่นพี่คนนั้นก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร็ว ราวกับว่าเขาต้องการจะปลดปล่อยความทุกข์ของตนเองลงโถส้วมอย่างเต็มที่

นั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้พิรุธนั่งอยู่ที่หน้าห้องน้ำแต่เพียงผู้เดียว เขาเริ่มคิดหลังจากได้ยินคำพูดของรุ่นพี่ปริศนาคนนั้น ‘เรามันยังเด็ก ความคิดของเราตอนนี้ก็.....อะไรนะ เป็นไปไม่ได้!? ตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าเราโตขึ้นล่ะ?’ เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงเริ่มลุกขึ้น ร่างที่ชุ่มด้วยเหงื่อของเขาในที่สุดก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง ความหวังของเขาคือสถานที่ที่เขาวิ่งหนีมา

แต่น่าแปลกที่พิรุธไม่มีท่าทีแสดงอาการร้องไห้เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เขาได้ยินคำพูดที่เหมือนดูถูกเขาจากปากคุณครูวาสนาขนาดนั้น

สองเท้าน้อยๆค่อยๆซอยมาถึงหน้าห้องเรียน เขายังคงกำหมัดแน่น และยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไปไหน ทำให้ใครหลายคนที่อยู่ในห้องต้องพากันหันหน้ามามอง เมื่อได้จังหวะคุณครูวาสนาหันมา เขาก็เริ่มตะโกนเรียกชื่อคนที่เหมือนดูถูกเอาไว้เมื่อหลายนาทีก่อน “คุณครูครับ!!! ผม.....”



...ลองเดาเล่นๆดู ว่าพิรุธจะพูดอะไรต่อ...

Stormwind
19th August 2012, 22:58
ผมคิดว่าควรจะไปแต่งนิยายเรื่องเก่าๆ อาทิเช่น

The mask of chaos

Stone of immortal

สมาคมคนไม่ปกติ

และ เรื่องสั้นอารมณ์ดี ให้เสร็จก่อนนะครับ แต่งค้างไว้เยอะมาก ไม่อยากให้ทิ้งงานน่ะครับ

By Stormwind [ Male ]

Instinger_Zone
22nd August 2012, 23:31
ผมคิดว่าควรจะไปแต่งนิยายเรื่องเก่าๆ อาทิเช่น

The mask of chaos

Stone of immortal

สมาคมคนไม่ปกติ

และ เรื่องสั้นอารมณ์ดี ให้เสร็จก่อนนะครับ แต่งค้างไว้เยอะมาก ไม่อยากให้ทิ้งงานน่ะครับ

By Stormwind [ Male ]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะจ้ะ แต่ตอนนี้สมองลุงสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี

ใจจริงลุงก็อยากจะแต่งเรื่องเก่าๆให้เสร็จ โดยเฉพาะ The Mask of Chaos และ Stone of Immortal
ซึ่งลุงวางโครงเรื่องไว้ใหญ่พอสมควร แต่บางทีก็คิดว่ามันใหญ่เกินไป และรู้สึกท้อ จึงได้ปล่อยมันไว้แบบนั้น

[แกล้งโง่] เรื่องสั้นอารมณ์ดี และ สมาคมคนไม่ปกติ นั้นมีโครงเรื่องแนวเดียวกันคือ สบายๆคลายเครียด
ซึ่งตอนแรกลุงคิดว่ากะจะแต่งได้แบบสบายๆ แต่พอเอาเข้าจริง ก็ยังนึกไม่ออกเลยว่ามันจะจบอย่างไร
และไม่ได้มีการวางโครงเรื่องไว้เหมือนสองเรื่องแรก เพราะกะจะให้เป็นแบบว่า แต่งไปเรื่อยๆ สบายๆ
เหมือนการแต่งบทซิทคอมของนักเขียนบทในแต่ละสัปดาห์

เหตุผลอีกข้อคือ บางทีลุงก็ดูเหมือนเป็นคนตลกนะ(ถ้าได้เจอกันจริงๆ) แต่เอาเข้าจริง
ตอนอยากจะคิดเรื่องตลกๆสบายๆกลับคิดไม่ออกสักที

ส่วนเรื่องนี้ Conqueror คนบ้า ท้าครองโลก โครงเรื่องใหญ่มาก มากกว่าเรื่องก่อนๆที่เคยคิดจะแต่ง แต่พอมา ณ จุดนี้ก็เกิดคำถามเดิม
มันใหญ่เกินกว่าที่เราจะแต่งได้ไหวไหม
เพราะพอเอาเข้าจริง มันจะกลายเป็นวัฏจักร แบบที่ว่า เก่าไปใหม่มา(และเก่านั้นยังไม่เสร็จด้วย)

หากจะถามลุงว่า แล้วจะแต่งมาทำไมตั้งหลายเรื่อง? ลุงบอกได้คำเดียวว่า ทุกเรื่องของลุงล้วนมีแรงบันดาลใจ
แกล้งโง่ = ซิทคอม ส่วน สมาคมฯ = ซิทคอม + อนิเมะคลายเครียด
Stone of Immortal = Mar Heaven และ The Mask of Chaos = Game of Thrones
ส่วน Conqueror ก็ = นิยายระทึกขวัญอันดับ 1 ในเว็บ Dek-D + 20th Centuries Boys

ซึ่ง*****ไม่มีความเป็นตัวเองเลย โดนนู่นนั่นนี่ชักจูง จนต้องพิมพ์ๆๆๆๆ พอพิมพ์แล้วมันไม่มีที่ให้ไปต่อ ก็ต้องลงเว็บ
มาลงเว็บบอร์ดนี้ เพราะคิดว่า มันเคยเป็นที่ที่ลุงใช้ โพสท์นิยายเรื่อง เผลอใจรักยัยทอมซ่าส์
ซึ่งตอนนี้ยังไงก็หาไม่เจอ เพราะมันหายไปพร้อมกับคราบของเว็บ Jokergameth อันเก่าแล้ว
ซึ่งสังคมบอร์ดในสมัยนั้นดีมากๆ admin ดูแลดี mod ก็ดูแลดี มีการคัดเลือก mod ด้วย
มีการดูแลกัน คุยกัน ช่วยเหลือกัน ผู้คนส่วนมากก็มักจะชอบ ในนิยายของลุง
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้การแต่งนิยายเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ก็อย่างที่บอก สิ่งเหล่านั้น มันหายไปหมดแล้ว
หรือไม่งั้น มันก็อา่จจะมีอยู่ แค่ลุงอาจจะยังหามันไม่เจอ เพราะลุงก็อดคิดไม่ได้ว่า คราบเก่าๆมันก็คงต้องเหลือให้เห็นอยู่

นิยายเรื่องนั้น ถ้าจนถึงตอนนี้ก็นับได้ว่ามันก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่แต่งไปอย่างสบายๆ ได้หลายตอน
แต่นั่นเป็นเพราะว่าตอนนั้นเป็นอย่างที่บอกไว้ข้างต้นประกอบกับลุงยังไม่ได้เสพย์อะไรหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องนู่นนั่นนี่ เสื่อม โทรม ลามก ความจริง ความลวง บลาๆ
แต่พอลุงได้มาตระหนักถึงตอนนี้ ลุงคิดว่าลุงรู้จักโลกมากขึ้น โลกในอุดมคติ จึงหายไปในพริบตา
ความสนุกแบบเด็กๆมันหมดลงแล้วงั้นหรือ

ลุงเลยลองคิดจะแต่งนิยายดู เผื่อบางทีอาจจะได้ปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกมาจากตัวลุงได้บ้าง ซึ่งนั่น
มันก็เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ

ลุงอาจจะไม่ได้รักในการแต่งนิยายอีกแล้ว ตอนนี้ลุงก็แค่ หลงทาง ในการแต่งนิยาย

ลุงควรจะทำอย่างไร ควรจะจบชีวิตตนเอง ณ เขาวงกตของจิตใจแห่งนี้ หยุดทุกอย่าง รอเพียงเวลา
หรือพยายามคลำหาทางใหม่อีกและหลงคิดว่ามันดีกว่า ทั้งที่อาจจะทำให้เราไปเจอกับ ทางตันก็ได้
หรือไม่งั้นก็อาจจะกลับไปคลำหาทางที่เคยผ่านมา ซึ่งมันยังไปไม่สุด แต่นั่นก็หมายความว่า ลุงอาจจะพบกับ ทางตัน ได้เช่นกัน

Stormwind
23rd August 2012, 01:30
"หากจะถามลุงว่า แล้วจะแต่งมาทำไมตั้งหลายเรื่อง? ลุงบอกได้คำเดียวว่า ทุกเรื่องของลุงล้วนมีแรงบันดาลใจ
แกล้งโง่ = ซิทคอม ส่วน สมาคมฯ = ซิทคอม + อนิเมะคลายเครียด
Stone of Immortal = Mar Heaven และ The Mask of Chaos = Game of Thrones
ส่วน Conqueror ก็ = นิยายระทึกขวัญอันดับ 1 ในเว็บ Dek-D + 20th Centuries Boys"

ถ้าผมพูดตรงๆ ก็ลองดูจากนิยายที่แต่งจากหนัง(ไปดูแล้วเกิดแรงบันดาลใจ) ส่วนมาก "ไม่รอด" ทั้งนั้นแหละครับ
มันก็เหมือนรถ ที่้ต้องการน้ำมัน(แรงบันดาลใจ) จากปั้ม (แหล่งสร้างแรงบันดาลใจ) ต้องขับไปเรื่อยๆ และต้องการน้ำมันเติมอยู่ตลอดเวลา
นิยายที่สร้างจากหนังมันก็เหมือนกับว่าเราเติมน้ำมันจากปั้มเดียว แล้วมุ่งตรงไปจนสุดทางที่แสนไกล บอกตรงๆว่ามันเป็นไปไม่ได้
การแต่งนิยายต้องหาแรงบันดาลใจจากทุกๆอย่างรอบตัวเรา ความเป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่เราต้องการจะสื่อออกมาผ่านทางนิยาย
ไม่ว่าจะเป็น สังคม มุมมอง ทัศนคติ การแสดงอารมณ์ต่างๆ จะอ้างอิงจากที่ที่เดียวที่เรียกว่า "หนัง" ไม่ได้หรอกครับ
หรือกระทั่งเกมส์ นักเขียนมือใหม่ยังไม่สามารถสื่อเรื่องราว มุมมอง ที่แตกต่างออกไปได้
เช่นเรื่อง ซามูไร อะไรซักอย่างของคุณ Menshinonda ผมยอมรับว่า เอามาจากเกมส์ โชกุน ที่เจ้าตัวเพิ่งได้ลองเล่นมา หรือไม่ก็เล่นมานานแล้ว
เพียงแค่เห็นพล็อตเรื่อง ผมก็รู้ได้ในทันที่ว่ามันเอามาจากโชกุนแน่ๆ กับอีกหลายๆเรื่อง ที่เอามาจาก Assasin Creed แบบทั้งดุ้น ทั้งชื่อตัวละคร บลาๆ
ทางที่ดี การแต่งนิยายนั้นควรจะเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดครับ
แต่ก็ใช่ว่านิยายที่เอามาจากหนังจะไม่ประสบความสำเร็จเลย ขอยกตัวอย่างก็คือ ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ ของโกวเล้ง
ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่อง God father

แล้วสิ่งสำคัญที่สุดของอรรถรสในนิยายก็คือ "การใช้คำ" ครับ ถ้าใช้คำไพเราะ ไม่ยืดเยื้อ ไม่สั้นจนเกินไป และที่สำคัญคือใช้มันอย่างถูกต้อง
มันก็เป็นหนทางที่นำเราไปสู่ความสำเร็จ
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ใช้มันผิด มันก็ไปต่างอะไรกับการพาตัวเองไปแดนประหารเลยครับ

"มันเคยเป็นที่ที่ลุงใช้ โพสท์นิยายเรื่อง เผลอใจรักยัยทอมซ่าส์
ซึ่งตอนนี้ยังไงก็หาไม่เจอ เพราะมันหายไปพร้อมกับคราบของเว็บ Jokergameth อันเก่าแล้ว
ซึ่งสังคมบอร์ดในสมัยนั้นดีมากๆ admin ดูแลดี mod ก็ดูแลดี มีการคัดเลือก mod ด้วย
มีการดูแลกัน คุยกัน ช่วยเหลือกัน ผู้คนส่วนมากก็มักจะชอบ ในนิยายของลุง
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้การแต่งนิยายเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ก็อย่างที่บอก สิ่งเหล่านั้น มันหายไปหมดแล้ว
หรือไม่งั้น มันก็อา่จจะมีอยู่ แค่ลุงอาจจะยังหามันไม่เจอ เพราะลุงก็อดคิดไม่ได้ว่า คราบเก่าๆมันก็คงต้องเหลือให้เห็นอยู่"

คิดแบบนี้งั้นเหรอครับ? คิดว่าการไม่มีคนอ่านแล้วจะไม่มีความสนใจ ไม่เลยครับ ถ้าคุณคิดแบบนั้น คุณก็เป็นเพียงแค่นักแต่งนิยายธรรมดาๆทั่วไป ที่มองว่า ยอดวิว เป็นสิ่งสำคัญ
และคิดว่าถ้ายอดวิวน้อย ก็ไม่มีแรงบันดาลใจ เลิกแต่ง**** !!!
แต่นักเขียนนิยายที่รักในงานของตนเอง ซึ่งในบอร์ดนี้มีน้อยมาก หนึ่งในนั้นก็คือ Prince No. 9 ที่ขยันลงนิยายอยู่เสมอ แม้ว่ายอดวิวจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
อาจเพราะเขาลงนิยายแบบยาวๆ ทำให้คนอ่านขี้เกียจที่จะอ่าน แต่บทนิยายของเขาถือว่าทำได้สุดยอดมากครับ และอีกคนก็คือ พี่ REX ที่แต่งเรื่อง Rising จนจบ แม้ว่าคนอ่านก็ไม่ค่อยมี
แต่ในบอร์ดเก่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นตำนานเลยก็ว่าได้ครับ สิ่งสำคัญของทั้งสองก็คือ ความสม่่ำเสมอ ที่นักแต่งนิยายในบอร์ดไม่มี

ส่วนเรื่องสังคม ยอมรับว่าบอร์ดนี้คนน้อย เพราะเด็กไทยส่วนมากไม่ชอบที่จะอ่านอะไรยาวๆ ที่นี่คือการรวมตัวของสิ่งมีชีวิตที่เหลือน้อยเต็มทนบนเว็ปแห่งนี้ ทุกคน ถึงแม้ว่าบางคน เช่น ผม หรือ แก้มแหม่ม
จะคอมเม้นต์แรงๆ ใส่หลายๆคน แต่ก็เพราะอยากพูดให้ตรงจุดที่จะแก้ไข ซึ่งคนที่ถูกผมกับแฟนผมวิจารณ์ไปบางคนก็ไม่ได้กลับมาแต่งนิยายอีกเลย โดยอ้างเหตุผลสะระตะหลายอย่าง เช่น เป็นไข้เลือดออก
ไม่มีแรงบันดาลใจเลย บลาๆ แต่บางคนก็ยังคงก้มหน้าก้มตาปรับปรุง และแต่งนิยายต่อไป ซึ่งผมจะบอกไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า นักเขียนที่ดี ต้องเคยถูกด่า และนำคำด่ากลับมาปรับปรุงตัวเองครับ


"ลุงอาจจะไม่ได้รักในการแต่งนิยายอีกแล้ว ตอนนี้ลุงก็แค่ หลงทาง ในการแต่งนิยาย

ลุงควรจะทำอย่างไร ควรจะจบชีวิตตนเอง ณ เขาวงกตของจิตใจแห่งนี้ หยุดทุกอย่าง รอเพียงเวลา
หรือพยายามคลำหาทางใหม่อีกและหลงคิดว่ามันดีกว่า ทั้งที่อาจจะทำให้เราไปเจอกับ ทางตันก็ได้
หรือไม่งั้นก็อาจจะกลับไปคลำหาทางที่เคยผ่านมา ซึ่งมันยังไปไม่สุด แต่นั่นก็หมายความว่า ลุงอาจจะพบกับ ทางตัน ได้เช่นกัน"

เรื่องนี้ผมคงตอบไม่ได้ แต่ผมก็เคยมีอาการแบบเดียวกัน ในตอนนั้น ผมเริ่มสับสน เหนื่อย จนเกือบที่จะเลิกแต่งนิยาย ผมเปิดเว็ป Joker game เข้ากระทู้นิยายของผม
แล้วพิมพ์คำว่า

"ผมจะเลิกแต่งเรื่องนี้ เพราะผมหมดแรงบันดาลใจ แล้วครับ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง"

แต่ผมกลับไม่กล้ากดปุ่มส่งข้อความ แฟนผมเองมาเห็นก็ถามผมว่า "พี่คิดดีแล้วเหรอ? นิยายเรื่องนี้พี่ทุ่มเทกันมันมามากแค่ไหน? พี่จะทิ้งมันง่ายๆเหมือนนักเขียนกากๆหลายคนเหรอ?

พี่อยากเป็นแบบนั้นเหรอ?"

ผมไม่ตอบ แต่ผมก็กลับมาคิดได้ว่า ถ้าผมเลิกแต่งกลางคันแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น? ผมไม่เคยแคร์ยอดวิว แต่ผมก็ดีใจ และขอบคุณทุกคนที่่วยกันทำให้ผมมาถึง ณ.จุดนี้ ผมตอบหัวใจของผมเองได้แล้ว
ว่างานที่ผมรักมากที่สุดคือ "นิยาย" นี่แหละครับ ผมทุ่มเทให้มันมาก เขาว่ากันว่า สิ่งที่เรารักมากที่สุดและมีเพียงชิ้นเดียว เราก็ไม่อยากจะสูญเสียมันไป
แต่ในวันที่เรามีสิ่งที่รักอยู่สองสิ่ง เราก็จะเลือกทิ้งอันเก่าไปหาอันใหม่ได้อย่างไม่ลังเล.....ตอบหัวใจของคุณให้ได้นะครับ

ก็ฝากไว้เพียงเท่านี้นะครับ

ขอบคุณที่ฟังผมบ่นมาเสียยืดยาว

By Stormwind [Male]

ปล. ทำไมต้องเรียกลุงครับ ?

Instinger_Zone
23rd August 2012, 11:12
เขาว่ากันว่า สิ่งที่เรารักมากที่สุดและมีเพียงชิ้นเดียว เราก็ไม่อยากจะสูญเสียมันไป
แต่ในวันที่เรามีสิ่งที่รักอยู่สองสิ่ง เราก็จะเลือกทิ้งอันเก่าไปหาอันใหม่ได้อย่างไม่ลังเล.....ตอบหัวใจของคุณให้ได้นะครับ

ก็ฝากไว้เพียงเท่านี้นะครับ

ขอบคุณที่ฟังผมบ่นมาเสียยืดยาว

By Stormwind [Male]

ปล. ทำไมต้องเรียกลุงครับ ?

ขอบคุณมากนะจ้ะ ไว้ลุงจะถามตัวเองอีกทีว่าจะเอาไงต่อ และลุงจะพยายามหาทางออกที่ลุงคิดว่าดีต่อทุกฝ่ายมาให้ได้จ้ะ

ปล. พอดีลุงเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งอ่ะจ้ะ คือแบบว่าชอบให้คนอื่นเรียกว่าลุง ชอบคิดว่า "อยากแก่จัง แก่แล้วดูเท่ดี ยิ่งคาแรคเตอร์แบบลุงๆเนี่ย มันเท่มากเลย" ทั้งๆที่จริงๆแล้วลุงก็ไม่ได้เป็นคนมีอายุมากเท่าไร
แต่อย่างที่บอกอ่ะจ้ะ ลุงเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง แต่หากไม่อยากเรียกลุงว่าลุง จะเรียกว่า "พี่ น้อง ไอ้นู่น ไอ้นั่น ไอ้นี่" ก็ตามใจเลยจ้ะ