PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ตำนาน "เทพผานกู่" ปฐมเทพผู้เบิกฟ้า



RabbitsZombie
3rd September 2012, 20:55
ถึงแม้ว่าปัจจุบัน สังคมจีนในสายตาของคนไทยอาจจะตกไปอยู่ในแง่ลบอย่างมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังคงรัก และสนใจคือ เรื่องเล่า
และประวัติศาสตร์ 4000ปี ของประเทศจีนครับ อย่าเพิ่งมีอัคติในการอ่าน อ่านไว้ไม่เสียหาย อิอิ



เทพผานกู่
เทพบิดรแห่งชนชาติชาวจีน


โลกใบนี้ที่ว่ามีลักษณะเหมือนผลส้มที่เราอาศัยอยู่นั้น ถึงปัจจุับันทางวิทยาศาสตร์จะมีข้อพิสูจน์ว่า โลกและจักรวาลเกิดมาจากซูเปอร์โนวา หรือ บางทฤษฎีว่าเกิดมาจากการรวมตัวของอะตอม แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโลกของเราใบนี้เกิดขึ้นมาอย่างไีร เพราะมันเป็นเำพียงแค่การสมมุติของนักวิทยาศาสตร์เท่านั้นเอง มนุษย์บรรพชนของเราก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกันนะ เรื่องของตำนานการกำเนิดโลกจึงมีอยู่ทุกชนชาติต่าง คราวนี้เรามาดูในตำนานเทพเจ้าของชาวจีนซึ่งมีอารยธรรมมาอย่างยาวนานก็มีความเชื่อเรื่องนี้เช่นกัน ชาวจีนจินตนาการและเชื่อว่า โลกและจักรวาลเกิดขึ้นจาก เทพยักษ์ตนหนึ่ง นามว่า "ผานกู"

http://cn.yimg.com/ncp/128_1131934550.jpg


ตอนเริ่มแรกยังไม่มีสรรพสิ่งเกิดขึ้น ชาวจีนจินตนาการว่าจักรวาลนั้นเสมือนไข่ฟองหนึ่ง ภายในเปือกไข่ันั้นก็มีแต่ความมืดมัวมืดมน และแล้วภายในไข่นั้นก็มีสิ่งๆหนึ่งอาศัยอยู่นั้นคือ ผานกูนั้นเอง ผานกูอยู่้ในไข่เป็นเวลามานานกว่า 18000 ปี จึงตื่นขึ้นจากการนิทรามาอย่างยาวนานตั้ง18000ปี เมื่อผานกูตื่นขึ้นมาก็พบกับความมืดและความอึดอัด ผานกูไม่ชอบในสภาพอย่างนี้เขาเลยทำการทลายไข่ฟองนี้โดยใช้ขวานที่เป็นอาวุธคือกายฟันฝ่้าจนไข่นั้นแตกออกจากกันเป็นสองซีก ละอองควันภายในไข่ที่ถูกกักขังมานานก็ลอยขึ้นไปเป็นท้องฟ้า และเปลือกไข่ก็จมสลายจนกว่าเป็นดิน ฟ้า - ดินก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อฟ้ากับดินแยกออกจากกันแล้ว แต่ผานกูก็ยังกลัวว่าฟ้ากับดินจะกลับมาร่วมตัวกันอีกและตนเองก็ต้องอึดอัดเป็นอีกแน่ ผานกูจึงค่ำฟ้าโดยให้มือดันฟ้าขึ้น ส่วนดินใช้เท้าเหยียบไว้เขาทำเช่นนี้เป็นเวลานานกว่าหมื่นปีจนฟ้าและดินแยกออกจากกันอย่างถาวรแน่นอน ผานกูได้หมดพลังลงหลังจากการใช้ร่างของตนแยกฟ้ากับดินมานานกว่าหมื่นปี ร่างกายของผานกูก็กลายเป็นโลกใบนี้ ซึ่งมีผู้บรรยายว่า ร่างกายของผานกูกลายเป็นโลก ซึ่งส่วนต่างๆแม้อวัยวะบางอย่างก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกได้แก่
- ดวงตาทั้งสองข้างกลายเป็นดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์
- เส้นผมกลายเป็นดวงดาว
- กระดูกกลายเป็นภูเขา
- ผิวกลายเป็นดิน

- ฟันกลายเป็นแร่ทองคำ
- ไขข้อกลายเป็นมุกและหยก
- เลือดกลายเป็นน้ำไหลไปเป็นแม่น้ำลำคลองและมหาสมุทร
- เหงื่อกลายเป็นบ่อน้ำและฝน
- ลมหายใจกลายเป็นสายลม
ซึ่งว่าได้ว่าโลกของเราก็คือผานกูนั้นเอง ท่านยังคงทำหน้าที่ของท่านเพื่อสรรพสิ่งทั้งหลาย เมื่อร่างของผานกู่กลายเป็นโลกแล้ว ร่างทิพย์ของผานกู่ก็ลอยไปในห้วงอากาศเดินทางไปในที่ต่างๆกลายเป็นเทพ และแล้วผานกู่ก็พบเข้ากับเทพธิดานามว่า "ไท่หยวน" ซึ่งนางกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่บนยอดเขาสูง เทพผานกู่ยินดีเ้ป็นอย่างยิ่งที่พบเทพธิดาไท่หยวนและพระองค์ก็เนรมิตร่างกลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งเข้าปากของเทพธิดา จากนั้นเทพธิดาก็ทรงท้องนานถึง 12 ปี (เทพเขาอุ้มท้องกันนานจริงๆ) แล้วให้กำเนิดเป็นบุตรชาย นามว่า "ง่วนสีเทียนกุ๋น" ต่อมาก็กลายเป็นเทพสูงสุดแห่งลัทธิเต๋า (ตีได้ว่า ง่วนสีเทียนกุ๋นนั้นก็คือเทพผานกู่ หรือไม่ก็เป็นโอรสของเทพผานกู่ก็ได้)


http://image.dek-d.com/24/2047426/105793454

http://image.dek-d.com/24/2047426/105791369

http://board.postjung.com/data/530/530614-topic-ix-11.gif

Credit: มะเดหวีมาตา เด็กดี.คอม

สรุปง่ายตามความที่ผมเข้าใจคือ เมื่องก่อน ฟ้า กับดินไม่ได้แยกกัน แต่รวมกันเป็นหนึ่ง ฟ้า คือตัวแทนความอบอุ่น หรือผู้ชาย (หยิน) ดินแทนความเย็น หรือผู้หญิง (หยาง)
เมื่อเทพผานกู่ได้ตื่นขึ้น จึงเอามือจับฟ้ากับดินแยกกัน แล้วดันฟ้าขึ้นไปด้านบนแล้วใช้เท้ายันดินไว้ จนฟ้าค่อยๆสูงขึ้น ร่างกายของผานกู่ ก็ค่อยๆสูงตาม

และมีอีกเรื่องว่ากันว่า ผานกู่เมื่อตื่นมา รู้สึกว่าเหงา (ก็อยู่คนเดียวนี่) วันแรกของการดันฟ้า ได้เกิดมีสัตว์ตัวเล็กสีเขียว คลานไปๆมาๆ มาอยู่เป็นเพื่อน
วันที่2ของการดันฟ้า ก็มีสัตว์ตัวยาวๆ เลื้อยไปๆมาๆ มาอยู่เป็นเพื่อนอีก วันที่3 ก็มีสัตว์ 4ขา ตัวสีแดง มีเขาเกิดขึ้นมาอีก และวันที่4 ก็เกิดมีสัตว์มีปีก
มีขนสีแดงเพลิง ออกมาบินไปบินมา เมื่อเจ้า ตัวยาวๆ เห็นว่าเจ้าตัวนี้บินได้ ก็เลยลองบินมั่ง ปรากฎว่า ตัวเองก็บินได้เหมือนกัน (ง่ายไปม้าง) สัตว์ทั้ง4
ได้อยู่เป็นเพื่อนผานกู่ จนวันที่ผานกู่ตาย ผู้คนจึงเรียกสัตว์พวกนี้ว่า

เรียก ตัวสีเขียวๆคลานต้วมเตี้ยม ว่า เต่า
เรียกตัวยาวๆที่ค้นพบว่าตัวเองบินได้ ว่า มังกร
เรียกตัว4ขาตัวสีแดงมีเขา ว่า กิเลน
เรียกตัวมีปีกขนสีแดงเพลิง ว่า หงส์

จึงเกิดเป็น 4สัตว์มงคลของจีน - -

USED_JKG
4th September 2012, 14:15
ก็แค่จินตนาการ

Zeallar
4th September 2012, 16:58
เห็นแก้ผ้า + สีน้ำในรูปแล้ว คิดไปซะไกลเลยแหะ ...

benzjitpanu
4th September 2012, 17:16
ผมชอบนะครับ เกี่ยวกับประวัติแบบนี้ ถ้ามีอีกก็เอามาลงอีกนะครับ เพราะผมรู้สึกว่าจะยังมีเทพอื่นๆอีก เยอะ ผมพึ่งอ่านเทพฝั่งกรีกจบไปเอง หนุกๆพอๆกันครับ