PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : บทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม Lightning Returns -Final Fantasy XIII-



breeze
8th September 2012, 17:35
http://www.gconsole.com/images/13890/LR08.jpg

บทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม Lightning Returns -Final Fantasy XIII- จาก Famitsū แฟมิซือ
BY BoN 2012-09-08, 02:31:03 Read (1653)
Source Famitsu, Nova Crystallis

วันพุธที่ผ่านมาทางนิตยสารแฟมิซือตีพิมพ์บทสัมภาษณ์แรกของทีมงานผู้สร้าง Lightning Returns -Final Fantasy- ซึ่งชาวญี่ปุ่นในบอร์ด 2ch ก็ช่วยกันสรุปบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นหัวข้อสั้นๆ ให้ได้อ่านกันตั้งแต่วันดังกล่าวแล้ว แต่ล่าสุดนี้ก็พึ่งจะมีคนที่พิมพ์บทสัมภาษณ์แบบเต็มมาให้อ่านกัน

โดยสำหรับทีมงานผู้สร้าง Lightning Returns ที่มาให้ปากคำในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ประกอบไปด้วย
ผู้อำนวยการ - โยชิโนริ คิตาเสะ
ผู้กำกับ - โมโตมุ โทริยามะ
ผู้กำกับศิลป์ - อิซามุ คามิโคคุเรียว
ผู้กำกับระบบการเล่น - ยูจิ อาเบะ

สำหรับคำให้การของแต่ละท่านนั้นมีดังนี้

คิตาเสะ : ทั้งภาคนิยายเอย DLC ของ FFXIII-2 เอย อีกทั้ง Lightning Returns เองต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของการแผ่ขยาย เกมภาคนี้อาจมองได้ว่าเป็นบทสรุปเรื่องราวของไลท์นิ่งที่เชื่อมโยงต่อจาก FFXIII-2 มันจะปิดเรื่องราวของไลท์นิ่งลง แต่ไม่ใช่ว่าเกมนี้จะเป็นส่วนที่เหลือทั้งหมดของซีรียส์นี้* และเราก็กำลังสร้างระบบเกมเพลย์แบบใหม่ขึ้นมาสำหรับมัน ชื่อของเกมก็สะท้อนแบบนั้น และขอเน้นอีกครั้งว่านี่คือ เกมสุดท้ายที่จะพรรณนาถึงไลท์นิ่งแล้ว

[ความเห็นผู้แปล] คำพูดที่ว่าเกมนี้ไม่ใช่ส่วนที่เหลือทั้งหมดของซีรียส์นี้ ตีความได้ 2 แบบ คือ
1. ไม่ใช่ส่วนที่เหลือทั้งหมดของซีรียส์ FFXIII - แปลว่าเนื้อเรื่องของชาวโคคูนและพัลส์ยังมีต่อจากนี้
2. ไม่ใช่ส่วนที่เหลือทั้งหมดของซีรียส์ Fabula Nova Crystallis - แปลว่าไปต่อในภาคVersus

http://www.gconsole.com/images/13890/LR08.jpg

อิซามุ : คุณคิตาเสะเป็นคนรีเควสต์ให้โลโก้ของภาคนี้แตกต่างจาก FF ภาคก่อนๆ ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนมัน

โทริยามะ : คอนเซปต์ของ คราวนี้เป็นคำใหม่ "World Driven" ตัวภาคแรกนั้น (FFXIII) โดยหลักแล้วจะเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องเป็นหลักจนเรียกได้ว่า "Story Driven" ส่วน XIII-2 นั้นโดยหลักแล้วจะดำเนินไปตามการตัดสินใจของผู้เล่นเป็นหลักจนเรียกได้ว่า "Player Driven" โลกของ Lightning Returns นั้นเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะตามแต่การกระทำของผู้เล่น นั่นคือความหมายของ "World Driven"

อาเบะ : การเดินของเวลาในเกมจะสอดคล้องกับเวลาในโลกแห่งความจริง พวกคุณจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง เนื้อเรื่องของภาคนี้จะก้าวเดินไปด้วยการทำเควสต์ การกระทำอย่างจบเควสต์นั้นจะทำให้เวลาเพิ่มมากขึ้น หนึ่งวันในเกมนั้นเทียบเท่า 1-2 ชั่วโมงในโลกแห่งความจริง LRFFXIII ได้เริ่มต้นที่ 13 วันก่อนวันสิ้นโลก แต่ด้วยการกระทำของผู้เล่น ก็เป็นไปได้ว่าวันที่ 13 จะไม่มีวันมาถึง เพราะการกระทำแต่ละอย่างของผู้เล่นจะเปลี่ยนแปลงเวลาที่เหลืออยู่ของโลก

โทริยามะ : เมื่อจบเกมแล้ว คุณจะสามารถพกไอเทมทั้งหมดไปใช้ต่อในการเล่นรอบถัดไปได้ เราออกแบบไว้อย่างนั้น ด้วยเหตุนี้คุณจึงสามารถสนุกกับเกมได้หลายๆ รอบ

อาเบะ : เราออกแบบให้ระยะเวลาที่ใช้ในการจบเกมแต่ละรอบ ยาวไม่เกินสิบกว่าชั่วโมง (เนื้อเรื่องจะสั้นไปไหน)

[ความเห็นผู้แปล] ตัวเกมสร้างมาโดยเน้นให้เล่นหลายรอบ ทั้งนี้เพราะโลกในเกมแต่ละวันและแต่ละสถานที่นั้น จะมีอีเวนต์ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว (ตัวอย่างเช่น ถ้าวันที่ 1 เราไปทำเหตุการณ์ของเมือง A เราก็จะพลาดเหตุการณ์วันที่หนึ่งของเมือง B พอเวลาในเกมเลื่อนผ่านไปถึงวันที่สอง เหตุการณ์ของแต่ละเมืองก็จะเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นผู้เล่นจึงต้องเก็บเหตุการณ์ของวันที่หนึ่งของเมือง B เอาไว้ไปเล่นในรอบถัดไป) เป็นไปไม่ได้ที่ผู้เล่นจะไปในทุกสถานที่และทุกเวลาในพร้อมๆ กัน หากผู้เล่นอยากจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดให้ครบก็ต้องเล่นหลายรอบ ถึงการเล่นในแต่ละรอบจะใช้เวลาแค่สิบกว่าชั่วโมง แต่ถ้าจะเห็นเนื้อเรื่องหลายๆ แบบก็ต้องเล่นหลายๆ รอยอยู่ดี

โทริยามะ : คำว่า World Driven ยังมีความหมายว่าตัวเกมนั้นเชื่อมโยงกับโลกแห่งความจริง ในระบบออนไลน์นั้น ก็จะมีอุปกรณ์บางอย่างให้ผู้เล่นได้ใช้สื่อสารกันอย่างเป็นธรรมชาติได้

คิตาเสะ : มันเป็นประสบการณ์ที่เจ๋งมากเมื่อเทียบกับระบบการเชื่อมต่อกับ Facebook ใน FFXIII-2

http://www.gconsole.com/images/13890/LR12.jpg

โทริยามะ : โลกของ Lightning Returns นั้นดำเนินต่อเนื่องจากตอนจบของ XIII-2 ที่เคออสในวาลฮัลล่าออกมาผสมกับโลกแห่งความจริง เกิดเป็น Novus Partus โลกใบใหม่ ที่เริ่มจะเสื่อมลงเพราะผลจากเคออส และ ยังส่งผลให้เวลาของผู้คนทั้งหมดหยุดลง พวกเขาไม่แก่ไม่ตาย และสภาพเช่นนี้ก็ดำเนินไปหลายร้อยปี ความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในเกมนี้ได้ีรับผลมาจากสำนึกในความเป็นอมตะ พวกเขาจึงเริ่มมีมุมมองต่อความตายที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง*

[ความเห็นผู้แปล] ก็ตีความได้สองแง่คือ
1. อยู่เป็นอมตะมานานจนชินชา และเลิกที่จะคิดถึงเรื่องตายแล้ว ไม่อยากตายอีกต่อไป
2. อยู่เป็นอมตะมานานจนปลงกับทุกอย่าง และอยากจะตาย หรือดับสูญไป

โทริยามะ : ผมไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่ก็บอกได้ว่าตัวละครหลักในภาคก่อนๆ จะได้ปรากฏตัว

อิซามุ : ภาพอิลลัสฯ ของ Novus Partus ถูกออกแบบมาให้รวบรวมองค์ประกอบทั้งหมดไว้ในภาพๆ เดียว ไอเดียเบื้องหลังโลกนี้ประกอบไปด้วยวิหารเอโทรและสรวงสวรรค์ที่อยู่ไกลออก ไป*

[ความเห็นผู้แปล] คงหมายถึงโคคูนใหม่ที่อยู่บนฟากฟ้า ในส่วนลึกสุดของภาพ

โทริยามะ : แต่ก่อน Novus Partus ก็คือแกรนพัลส์ แต่ตอนนี้มันผสมผสานกับเคออสจนทำให้สูญเสียรูปร่างเดิมแทบทั้งหมดไป ดินแดนส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็คือเวทีของภาคนี้ ซึ่งก็ประกอบไปด้วยทวีปที่มีผืนดินแบบธรรมชาติด้วยกัน 2 ทวีป และอีก 2 ทวีปที่เป็นสังคมเมือง รวมทั้งหมดเป็นสี่ทวีปแล้วออกมาเป็นโลกในปัจจุบันนี้

http://www.gconsole.com/images/13890/LR13.jpg

อิซามุ : นครแห่งแสง Luxerion มีภาพลักษณ์ที่น่าเหลือเชื่อราวกับเทพนิยาย ผมอยากจะสร้างบางสิ่งบางอย่างที่บิดเบือนไปจากความจริง เนื่องจากแกนหลักของเรื่องราวนั้นมาจากโลกที่กำลังเข้าสู่จุดจบ จึงออกแบบให้สะท้อนเรื่องเหล่านี้ออกมาด้วยการผสมผสานองค์ประกอบของโกธิคลง ไป ผมใส่โมโนเรลลงไปในภาพก็เพราะคุณสามารถท่องไปทั่วโลกกว้างได้อย่างอิสระ และคิดว่าถ้าได้ใส่ระบบขนส่งแบบนี้ลงไปในเกมด้วยก็คงดี คุณโทริยามะและทีมงานคนอื่นๆ ก็ชอบไอเดียนี้ พวกเขาจึงตัดสินใจจะนำไปเป็นส่วนหนึ่งของเกมเพลย์ด้วย

โทริยามะ : เป้าหมายของไลท์นิ่ง คือ การค้นหาหนทางในการช่วยโลก ส่วนเซร่าห์นั้น เอาเป็นว่าตอนนี้เธออยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อช่วยเหลือทุกสรรพสิ่ง

โทริยามะ : ที่แล้วมา ตัวเกมทุกภาคจะเน้นไปที่เทพคนละองค์กัน คราวนี้เรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับการตื่นขึ้นของบูนิเบลเซ่ ชาว Luxerion บูชาเขาและปรารถนาให้เขากลับมาแล้วนำพาโลกใบใหม่มา

โทริยามะ : จุดประสงค์ของภาคนี้ คือ การคืนชีพตัวละครไลท์นิ่งขึ้นมาอย่างสมบูีรณ์ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเป็นตัวละครที่เล่นได้เพียงตัวเดียว ระดับของอิสระในการปรับแต่งเธอนั้นก็จะสูงเลยทีเดียว

อาเบะ : ตัวเกมมีระบบที่ เรียกว่า Style เป็นส่วนหนึ่งของระบบปรับแต่งตัวละคร คุณสามารถเซ็ตเครื่องแต่งกายไว้ได้หลายชุด โดยแต่ละชุดก็ประกอบไปด้วยของสวมใส่หลายชิ้น ทำให้เกิดสกิลต่อสู่ที่แตกต่างกันออกไป ผู้เล่นสามารถตั้งสไตล์ล่วงหน้าไว้หลายๆ แบบ แล้วสลับไปมาได้ แล้วแทนที่จะเลือกคำสั่ง คุณจะได้กดปุ่มแต่ละปุ่มเพื่อใช้อบิลิตี้แต่ละอย่างแทน

อาเบะ : ระบบ เดรสสเฟียร์ ใน FFX-2 นั้นคล้ายคลึงกับระบบ Job แต่ระบบ Style นั้นจะแยกย่อยลึกไปถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่ทำให้เกิดเป็น Job ขึ้นมา อบิลิตี้ที่ได้ก็จะแตกต่างจากแต่ก่อน ตัวอย่างเช่น คุณจะไม่สามารถสร้างจอมเวทย์ขาวแบบแท้ๆ ขึ้นมาได้ ดังนั้นเราถึงเรียกมันว่า Style ซึ่งแตกต่างจากระบบ Job ดั้งเดิม การปรับแต่งในคราวนี้จะมีอิสระสูงมาก คุณสามารถสร้างตัวละครที่มีสมดุลดีก็ได้ หรือจะสร้างตัวละครที่บ้าพลังขึ้นมาก็ได้*

[ความเห็นผู้แปล] พูดแล้วมันก็เหมือนระบบ Optima/Paradigm Shift ที่อัพเกรดมาให้ผู้เล่นสามารถกำหนดรายละเอียดสกิลและอบิลิตี้ของแต่ละ Role ได้ โดยเวลาต่อสู้ผู้เล่นก็ยังคงต้องสลับ Role ไปมาเหมือนเดิม เพียงแต่ภาคนี้แทนที่จะเรียกว่าเปลี่ยน Role ก็เรียกว่าเปลี่ยน Style แทน คิดๆ แล้วก็นึกถึงตัวไลท์นิ่งใน DLC เนื้อเรื่องของเธอใน FFXIII-2 ที่พอเราเปลี่ยน Role ท่าโจมตี อบิลิตี้ ความสามารถทั้งหมดของเธอก็จะเปลี่ยนไปทันที แล้วเกมมันก็สร้างมาให้เราสลับ Role ของเธอไปมา ระบบ Style ในภาคนี้ก็เหมือนวิธีการต่อสู้ของไลท์นิ่งคนนั้นมาต่อยอด

โทริยามะ : แม้ระบบต่อสู้จะคล้ายกับเกม Action แต่ก็ยังมีเกจ ATB อยู่

อาเบะ : ไลท์นิ่งต่อสู้เพียงลำพังทำให้การต่อสู้จดจ่อกับเธอเพียงคนเดียว ระหว่างสู้ผู้เล่นก็สามารถเคลื่อนไหวตัวเธอไปรอบ ๆ ได้อย่างอิสระ ระบบการเล่นจะมีกลไกที่เกี่ยวกับเวลาด้วย

อิซามุ : คราวนี้จำนวนมอนสเตอร์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตจะมีมากขึ้นแล้ว

โทริยามะ : การสู้บอสและ ศัตรูโหดๆ ถูกออกแบบมาให้มอบประสบการณ์การต่อสู้อันเลอค่าแก่ผู้เล่นได้ กุญแจสำคัญในคราวนี้อยู่ที่การทำลายชิ้นส่วนจุดต่าง ๆ ในร่างกายมอนสเตอร์

คิตาเสะ : ทั้งไลท์นิ่งและมอนสเตอร์ต่างก็สามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น การต่อสู้จึงมีความหลากหลายขึ้นมาก

อาเบะ : เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดในบทสัมภาษณ์นี้เป็นจริง

อิซามุ : องค์ประกอบในเกมเกือบทั้งหมดถูกออกแบบขึ้นมาใหม่ Novus Partus เองก็เกิดจากการรวบรวมภาพวาดที่เยอะแยะมากมาย ตัวไลท์นิ่งในตอนนี้ก็ดูงดงามมากเช่นกัน

โทริยามะ : การพัฒนาเกมในตอนนี้คืบหน้าไปราว 30% นี่คือภาคสุดท้ายที่ไลท์นิ่งจะได้เห็นฉากจบที่ดี เธอกำลังจะเผชิญหน้ากับบททดสอบสุดท้ายในการต่อสู้ครั้งนี้ การต่อสู้ที่ผลักดันให้เธอใกล้เคียงกับตำนานซึ่งเธอได้ใช้เวลาทั้งหมดในการสร้างมันขึ้นมา และแม้ว่าจะไม่มีฉากจบหลายแบบ แต่คุณก็อาจเจอฉากจบแบบแย่ได้ถ้าเวลาหมดลง ผลก็คือโลกก็ถูกทำลาย

คิตาเสะ : ไลท์นิ่งอยู่ กับพวกเรามาตั้งแต่ปี 2006 เราก็รู้จักเธอมาอย่างยาวนาน เธอจะเป็นจุดศูนย์รวมของ Lightning Returns เพื่อชดเชยกับความจริงที่ว่าเธอไม่ค่อยมีบทโผล่ออกมามากนักในตัวเกมภาคที่แล้ว

http://lunadigital.tv/wp-content/uploads/2012/07/Final_Fantasy_XIII_wallpaper_by_Fea.jpg

อ้างอิงจาก :> http://gconsole.com/cgi-bin2/show.php?page=news&id=13890
โดย คุณ BoN

*** ลงข่าวครั้งแรกครับ ถ้าซ้ำขออภัยด้วยนะครับ ***

Guilty Crown
8th September 2012, 17:43
ผมมีเเต่เครื่อง PC นะ

cableneo
8th September 2012, 17:52
บอกจริงๆ เบื่อ ภาคที่แล้วก็เอียนจนขายไม่ออก ทำภาค 15 เหอะ

phacawit
8th September 2012, 18:05
ยูจิ อาเบะ 555

victoria
8th September 2012, 18:33
ตกลงจะทำลง PS3 หรือ PS4 เนี้ย ผมจะไปซื้อ Ps3 แล้วนะ ภาคเก่ายังไม่ได้เล่นเลย T^T

lgorakoj
8th September 2012, 18:35
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2010/01/A8740696/A8740696-39.jpg

massmello
8th September 2012, 19:10
ทำๆมาเหอะเคยสัญญาไว้แล้วว่าจะซื้อให้ทุกภาค ทุกเครื่องเล่น

patricklevy
8th September 2012, 19:28
ผู้กำกับระบบการเล่น - ยูจิ อาเบะ

คงไม่มีท่าตุ๋ยหลังนะครับ

Ksleser
8th September 2012, 19:41
จัดแท้แน่นอน สอยมาตั้งแต่ XIII-XIII-2 ละ :clap