casanovasby
25th September 2012, 13:17
http://images.thaiza.com/31/31_20120127110247..jpg
หลังจากที่บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก หันมาให้ความสำคัญกับการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ในอีก 28 ปีข้างหน้า อาจไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ใบขับขี่อีกต่อไป เพราะว่ารถยนต์กว่าร้อยละ 75 ที่วิ่งอยู่บนท้องถนน จะเป็นรถยนต์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
สถาบันการไฟฟ้าและวิศวกรรมไฟฟ้า หรือ IEEE คาดการณ์ว่า ภายในปี 2583 หรืออีก 28 ปีข้างหน้า รถยนต์บนท้องถนนกว่าร้อยละ 75 จะกลายเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยคนขับแต่อย่างใด เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลก ได้หันมาให้ความสำคัญกับการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมากขึ้น
เริ่มตั้งแต่บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ หรือ จีเอ็ม ที่ได้ออกมาประกาศว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติออกมาวางจำหน่ายในตลาดรถยนต์อย่างแน่นอน และหลังจากสิ้นสุดทศวรรษนี้ จีเอ็มจะเดินหน้าผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้รถยนต์ที่ผลิตโดยจีเอ็มทั้งหมด เป็นรถยนต์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ส่วนค่ายรถยนต์จากฝั่งยุโรป เช่น ออดี้ และ BMW ก็ได้ร่วมมือกับนักวิจัย จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เพื่อพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นต้นแบบออกมา ซึ่งกระบวนการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้รถต้นแบบมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด
โดยก่อนหน้านี้ บริษัทกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยี ก็ได้นำรถยนต์โตโยต้า พริอุส ไฮบริด ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมาอวดโฉมบนท้องถนน พร้อมกับแสดงศักยภาพ ด้วยการปล่อยให้รถคันดังกล่าว ขับเคลื่อนไปเอง บนระยะทางกว่า 300,000 ไมล์ ซึ่งหลังจากนั้น กูเกิลได้ผลักดันให้ทางการของมลรัฐเนวาดา ในสหรัฐฯ ให้การรับรองให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์ทั่วโลก โดยประเด็นดังกล่าว กำลังได้รับการพิจารณาจากทางการของมลรัฐแคลิฟอร์เนียและวอชิงตันเช่นเดียวกัน
ซึ่งตัวแทนจาก IEEE เปิดเผยว่า หากมนุษย์เข้าสู่ยุคของการใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในอนาคต อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สัญญาณไฟจราจร หรือป้ายจราจรใดๆทั้งสิ้น และมากไปกว่านั้น อาจมีการยกเลิกระบบการทำใบขับขี่ไปเลยก็เป็นได้ เพราะรถยนต์ในอนาคตจะไม่ต้องการคนขับอีกต่อไป แต่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในขณะนี้ ก็คือการพัฒนาเทคโนโลยี ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคต
หลังจากที่บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก หันมาให้ความสำคัญกับการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ในอีก 28 ปีข้างหน้า อาจไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ใบขับขี่อีกต่อไป เพราะว่ารถยนต์กว่าร้อยละ 75 ที่วิ่งอยู่บนท้องถนน จะเป็นรถยนต์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
สถาบันการไฟฟ้าและวิศวกรรมไฟฟ้า หรือ IEEE คาดการณ์ว่า ภายในปี 2583 หรืออีก 28 ปีข้างหน้า รถยนต์บนท้องถนนกว่าร้อยละ 75 จะกลายเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยคนขับแต่อย่างใด เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลก ได้หันมาให้ความสำคัญกับการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมากขึ้น
เริ่มตั้งแต่บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ หรือ จีเอ็ม ที่ได้ออกมาประกาศว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติออกมาวางจำหน่ายในตลาดรถยนต์อย่างแน่นอน และหลังจากสิ้นสุดทศวรรษนี้ จีเอ็มจะเดินหน้าผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้รถยนต์ที่ผลิตโดยจีเอ็มทั้งหมด เป็นรถยนต์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ส่วนค่ายรถยนต์จากฝั่งยุโรป เช่น ออดี้ และ BMW ก็ได้ร่วมมือกับนักวิจัย จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เพื่อพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นต้นแบบออกมา ซึ่งกระบวนการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้รถต้นแบบมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด
โดยก่อนหน้านี้ บริษัทกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยี ก็ได้นำรถยนต์โตโยต้า พริอุส ไฮบริด ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมาอวดโฉมบนท้องถนน พร้อมกับแสดงศักยภาพ ด้วยการปล่อยให้รถคันดังกล่าว ขับเคลื่อนไปเอง บนระยะทางกว่า 300,000 ไมล์ ซึ่งหลังจากนั้น กูเกิลได้ผลักดันให้ทางการของมลรัฐเนวาดา ในสหรัฐฯ ให้การรับรองให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์ทั่วโลก โดยประเด็นดังกล่าว กำลังได้รับการพิจารณาจากทางการของมลรัฐแคลิฟอร์เนียและวอชิงตันเช่นเดียวกัน
ซึ่งตัวแทนจาก IEEE เปิดเผยว่า หากมนุษย์เข้าสู่ยุคของการใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในอนาคต อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สัญญาณไฟจราจร หรือป้ายจราจรใดๆทั้งสิ้น และมากไปกว่านั้น อาจมีการยกเลิกระบบการทำใบขับขี่ไปเลยก็เป็นได้ เพราะรถยนต์ในอนาคตจะไม่ต้องการคนขับอีกต่อไป แต่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในขณะนี้ ก็คือการพัฒนาเทคโนโลยี ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคต