PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : Heated Special Operation Record



Alathreon
28th October 2012, 21:16
สำหรับกระทู้นี่ จะเป็นตอนพิเศษเนื้อเรื่องไซด์สตอรี่ ของเรื่อง Heated ทีมเดือดมหาประลัย (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=89503)นะครับ เนื้อหาหลักๆจะเป็นการเปิดมุมใหม่ๆของตัวละครแต่ละตัวให้เข้ากับเทศกาลต่างๆ ยังไงก็ลองอ่านดูนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะคร้าบบ


SpecOp:Midnight Kiss 01

สำหรับเด็กผู้ชายที่ใช้ชีวิตในแบบของทหาร มาทั้งชีวิต การได้ตั้งวงกินวอดก้าแกล้มกับของทอดมันๆกับเพื่อนทหาร 4-5 ในหน่วยก็เป็นการสังสรรค์ที่นับว่าดีที่สุดแล้ว สำหรับเกรฟ แต่ตอนนี้ เขาไม่ได้อยู่ในรัสเซียอีกแล้ว ตั้งแต่เข้าอเมริกามา ปาร์ตี้แทบจะเห็นได้ทั่วๆไป ตามบ้าน หรือไนต์คลับ ขนาดว่าวันนั้นไม่ได้เป็นวันเทศกาล ปาร์ตี้ที่เห็นได้ทั่วไปก็บ้าสุดเหวี่ยงชนิดเมาเป็นหมาเลยทีเดียว
ขณะที่เกรฟนั่งดูรายการทีวีช่วง 6 โมงเย็นอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

“ว่าไง?” เกรฟมองดูที่สายเข้า ปรากฏเป็นชื่อของมาริ แล้วกดรับมัน

“นี่ๆ นายช่วยมาที่ห้องบัญชาการหน่อยสิ มีภารกิจด่วนน่ะ” แล้วเธอก็วางสายไป โดยที่เกรฟไม่ทันได้พูดอะไร เขายิ้มส่ายหัวแล้วปิดทีวี เดินออกจากห้อง แล้วกดลิฟท์ ไปที่ชั้น 27 เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เกรฟแทบจะร้องเป็นภาษาเชชเนีย ทหารของ Blue Hound หลายคน ต่างก็ออกมาอยู่หน้าห้องของตน บางคนคุยกับเพื่อน บ้างกำลังกินเบียร์ และทุกคนดูเตรียมพร้อม เหมือนว่า กำลังออกจะไปเที่ยว แต่ปัญหามันติดอยู่ที่ ชุดของทุกคนไม่ใช่ชุดทหารหรือชุดลำลอง แต่มันเป็นชุดคอสเพลย์ ที่ดูออกไปทางสยองขวัญมากกว่า
เกรฟขมวดคิ้ว เมื่อมี Blue Hound นายหนึ่งในชุดแบทแมนวิ่งผ่านเขาไป
"นา นา นา นา นา นา นา นา นา นา แบทแมนนน!" โดยที่กู่ร้องเพลงเปิดของการ์ตูนแบทแมนเมื่อปี 60 ไปด้วย

“นี่มัน บ้าอะไรวะเนี่ย...” เกรฟพึมพำกับตัวเอง ขณะที่เดินไปห้องบัญชาการ

“ไง! เกรฟ!!” ทหารนายหนึ่งในชุดขุนนางฝรั่งเศสที่มีเลือดท่วมตัว ทักเขาอย่างเป็นกันเอง เกรฟยิ้มให้ อย่างกลัวๆ

“อะฮ่า!!!! หนุ่มหล่อของชั้นนน” มาริ-ในชุด...สาวใช้... ตระโกนลั่นเมื่อเกรฟเปิดประตูเข้าไป ข้างๆมีโคโลเนล...ที่ใส่ชุดขนรุงรัง คาดด้วยแผงระเบิดมือปลอม และสะพายหน้าไม้ติดกล้องของตัว “วูกี้” จากภาพยนตร์ชุด “STAR WARS” โดยที่ยังไม่สวมหัว นั่งจิบเบียร์อย่างสบายอารมณ์ และแรปป้า ที่แต่งเป็น เบน จากภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight Rise ที่เอาผ้าสีเนื้อมาคลุมหัวให้ดูเหมือนหัวโล้น และหน้ากากรูปฟันกอริลล่าสีเงิน ที่เปลี่ยนเสียงหัวเราะของเขา ให้ดูน่าเกรงขามและดุดัน อยู่ข้างๆ และที่มุมโต๊ะ ก็มีชายคนหนึ่งในชุดที่ดูธรรมดาที่สุดแล้ว เพราะเขาสวมเพียงเสื้อแจ๊คเก็ตและกางเกงยีนส์สีดำที่มีเข็มขัดที่ติดด้วยสายห้อยฝักดาบ และมันก็มีดาบคาตานะเล่มงามห้อยอยู่จริงๆ เกรฟคิดว่าคงจะได้เห็นหน้ากากสีดำด้านๆ แต่ไม่เลย เขาเห็นหน้ากากยักษ์โอนิ แบบญี่ปุ่นสีแดงเพลิงที่มีเส้นผมสีขาว ที่ยาวจนถึงเอวเป็นรูปหยดน้ำกลับหัว

“เอ่อ...มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย...” เกรฟถามอย่างงงๆ พลางคิดว่าวัฒนธรรมอเมริกันนี่ บ้าใช่ได้เลยแฮะ

“นี่ นายเมายาหรือเอาหัวไปฟาดผนังมารึป่าววะ” แวนดอลในชุดสูทสีม่วงจัดจ้านอันเป็นเอกลักษณ์ มีมาริกำลังแต่งหน้าให้เขาอยู่ ลิปสติกสีแดงที่ปาดบนใบหน้าที่ถูกปะด้วยแป้งจนเป็นสีขาวทั้งหน้าจากปากไปจนถึงติ่งหูถูกยกออกไป ทำให้เขาพูดต่อได้

“นี่มัน 31 ตุลาน่ะเว้ย” เขาสวมวิกผม ที่ยาวถึงบ่า ในสภาพรุงรัง สีเขียวหม่นๆ มาสวมหัว “ไปล่า ไอ้แบทแมนกัน...”

“ฮาโลวีน...” เกรฟเบาๆ นั่นสิ นี่เป็นเทศกาลที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียว กับการได้เห็นผู้คนสวมชุดประหลาดๆ เดินร่อนตามถนน แวะตามบ้าน หรืออาคารที่มีคนอยู่ แล้วขอขนม ด้วยความสุข ทั้งจากผู้รับ และผู้ให้ จากนั้นก็ไปมันกันต่อกับปาร์ตี้ชุดแฟนซีตามไนต์คลับได้ยันเช้า

“อ่ะ นี่ ชุดของนาย” มาริเดินเข้ามา พร้อมกับวางกล่องกระดาษใบใหญ่ให้ตรงหน้า เกรฟจึงเปิดดูอย่างรวดเร็ว เขาพบกับหน้ากากทรงกระโหลกมนุษย์โลหะในสไตล์ของยุคสตีมพั้งค์ แท่งโลหะสีดำ หน้าไม้อันกะทัดรัดและปืนพกแบบนกสับที่ดูแตกต่างจากปืนนกสับของจริงมาก เขารู้ทันทีว่าเค้าจะได้แต่งเป็นใคร
“คอร์โว แอททาโน จาก Dishonored …ชั้นว่านายเหมาะกับหมอนี่มากเลย” แวนดอลกล่าวขณะจิบเบียร์กระป๋อง เกรฟได้รู้ว่า แวนดอลเป็นเกมเมอร์ก็ตอนที่เขาอารมณ์เสียเมื่อสั่งจองเกมๆหนึ่งในรุ่นลิมิตเต็ดไม่ทันเวลา นั้นทำให้แวนดอลหัวเสียไปหลายวัน แถมเขายังบ่นๆว่า จะถล่มร้านขายเกมนั้นซะ

“ชั้นอยากรู้ประวัติหมอนี่” เกรฟลบเล้า ดูเหมือนว่า เขาจะชอบชุดนี่ เข้าซะแล้ว

“คอร์โว เหรอ?” แวนดอล กางมืออธิบาย “ราชองครักษ์ขององค์จักรพรรดินีซึ่งหล่อนมีใจในตน แถมลูกสาวของเธอยังติดแจ แต่ต่อมาโดนใส่ร้ายว่าฆ่าเจ้านายตัวเอง เลยตามแก้แค้นและหาทางล้างมลทินให้ตัวเอง..”

“เหมาะกับชั้นตรงไหนวะ” เกรฟงง เลยถามแวนดอลกลับไป

“หมอนั้น ไว้ผมยาวเหมือนนาย” แวนดอลยิ้มแสยะ ทำเอาเกรฟสะดุ้งไปพักหนึ่ง รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความบ้าและวิกลจริตของเขาช่างดูเหมือนฮีด เลดเจอร์ ผู้แสดงบท The Joker ใน The Dark Knight เหลือเกิน

เวลาสองทุ่มกว่าๆ ก็เริ่มมีคนในชุดคอสเพลย์ และสยองขวัญออกเดินเพ่นพ่านตามท้องถนนในเมืองกันบ้างแล้ว บางปาร์ตี้ถึงกับจัดกันแน่นจนล้นออกมากลางถนนเลยทีเดียว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ว่าหรืออะไร เป็นเกรฟเห็นคนหนึ่งเข้าไปร่วมวงด้วย จนเขาเริ่มไม่แน่ใจว่านั้นเป็นตำรวจจริง หรือชุดฮาโลวีนกันแน่

“ต๊ายยย แต่ละคน หล่อกันจังเลย เธอก็สวยดีนะมาริ !” ลิซ่ารอพวกเขาอยู่ที่หน้าร้าน The Club ในชุดเกราะสปาร์ตัน จากเกมซีรีย์ Halo เธอห้อยหมวกไว้ที่เอว ข้างๆกับปืน DMR จำลอง กับผมสีฟ้าใสที่ดูหลุดโลกเช่นเดิม

“นี่ ไม่คิดจะเปลี่ยนชุดอื่นบ้างหรอยะ” ลิซ่าถามโคโลเนล ซึ่งฝ่ายหลังไม่พูดอะไร แต่ใช่การกดเครื่องเสียงขนาดเล็กที่ติดไว้ที่สายสะพายปืน แล้วส่งเสียงของตัววูกี้กลับมาอย่างดัง แต่ละคนส่งเสียงหัวเราะ แม้แต่เบิร์นก็หัวเราะในลำคอ

“ป่ะ เข้าร้านกัน” ลิซ่ายิ้มแล้วเดินนำเข้าร้าน ที่ตอนนี้ เธอจัดงานปาร์ตี้ฮาโลวีนจนมีผู้คนเข้ามากันคับคั่ง จนต้องเอาโต๊ะดีเจ และบาร์เหล้าขนาดเล็กมาตั้งนอกร้านด้วย
ทั้งหมดนั่งอยู่ที่ โต๊ะ VIP ชั้น 3 บนโต๊ะมีแก้วเครื่องดื่มมากมาย และขนมขบเคี้ยวด้วย

“ให้ตายสิ นี่พึ่งแค่ 2 ทุ่มครึ่งนะเนี่ย” แรปป้ากล่าวขณะนั่งมองสาวๆที่ลานเต้น พลางจิบเหล้าผ่านช่องที่เปิดได้ของหน้ากากบริเวณปาก

“ช่ายยย ชั้นโคตรชอบวันฮาโลวีนเลยว่ะ ที่ผู้หญิงทุกคนเค้าจะแต่งชุดวาบหวิวกัน” โคโลเนลทำเสียงนุ่มๆก่อนจะหันไปมองลิซ่า “เธอเป็นผู้หญิงจริงรึป่าววะ?”
เธอไม่ตอบอะไร แต่ยิ้ม แล้วชักปืน DMR ยิงใส่หน้าที่มีหมวกวูกี้คลุมดังว่า ฟุบ! เห็นได้ชัดว่า มันคือปืนบีบีกันที่ดัดแปลงให้มีรูปร่างเหมือนในเกม ฝ่ายโคโลเนลร้องเสียงหลง ไม่รู้ว่าแกล้งหรือเจ็บจริงกันแน่ สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกๆคนเป็นอย่างมาก

“ให้ตายสิวะ พวกนายเคยคบกันอยู่ได้ยังไงวะ ตั้ง 2 ปี” แวนดอลดื่มเหล้าไปอึกใหญ่แล้วรินใหม่อย่างรวดเร็ว

“ชั้นก็ไม่รู้ว่ะ รู้แต่ว่าตอนนั้น ยัยนี่ สวยกว่าตอนนี้เยอะ” โคโลเนลกล่าว ลิซ่ายิ้มแล้วเล็งปืนมาที่เขาอีกครั้ง

“พูดเล่นน่ะ คนสวย แฮะๆ” โคโลเนลถอดหมวกออก แล้วจิบเหล้าไป 1 อึก รอยช้ำแดงระเรื่อบนหน้าผากของเขาเห็นได้ชัดเจนมาก

“เฮ้! คอร์โว! นั่นจักรพรรดินี ของนายนี้” แวนดอลบอกกับเกรฟ พลางชี้ไปที่บาร์เหล้าที่ชั้น 1 เมื่อเกรฟมองไป เขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอตัวสูงโปร่งและหุ่นดี สวมที่เธอดูธรรมดา แต่ก็ไม่ธรรมดา เธอสวมเสื้อสีดำที่ดูเหมือนเสื้อขุนนางที่มีผ้าคุลมบังไหล่และที่แขนเสื้อเป็นแบบแสกข้างขึ้นมาจนถึงศอกเผยให้เห็นเสื้อสีขาวที่ถูกเสื้อสีดำสวมทับ มีข้อมือทรงกระบอก และชายคอเสื้อยกสูงที่ด้านหลังปิดบังท้ายทอย เธอสวมกางเกงขายาวที่บริเวณหน้าแข้งโป่งขึ้นมา ด้วยรองเท้าบูทสีดำ เธอทำผมเรียบๆที่มัดผมเป็นมวยไว้ด้านบนหัว เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งเป็น จักรพรรดินี เจซซามีน คาล์ดวิน

“หน้าตาดีด้วยว่ะเฮ้ย” แรปป้ากล่าวสนับสนุน เกรฟเองก็เห็นด้วย เมื่อเขาเห็นใบหน้าเรียว และคิ้วที่คม กับแววตาที่ดูเศร้าสร้อยและน่าค้นหาของเธอ ทำให้เกรฟรู้สึกบางอย่างกับเธอ

“ไปเลย คอร์โว ไปปกป้องราชินีของนายซะสิ!” แวนดอลกล่าวไล่ เกรฟหันหน้าไปมองเขาด้วยสีหน้ายิ้มเหนื่อยๆ ภายใต้หน้ากาก

เกรฟเดินลงมาที่ชั้นที่ 1 ก่อนจะหันไปมองพวกแวนดอลที่ชั้น 3 อีกครั้ง แวนดอลชูนิ้วโป้งให้ แล้วยิ้ม เกรฟไม่มีทางเลือก บวกกับที่ตนสนใจเธอ-คนที่แต่งเป็นเจซซามีนด้วย
เขาเดินมาที่บาร์เหล้าแล้วนั่งลง สั่งเหล้ามาหนึ่งแก้ว แล้วจ้องมองมัน

“ถ้าไม่ถอดหน้ากาก จะดื่มได้หรอ คอร์โว” เกรฟได้ยินเสียงหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นและเข้มแข็งแต่อ่อนโยนดังทักขึ้น และเขามั่นใจว่า ทัก เขาเพราะไม่มีใครแต่งเป็นคอร์โว นอกจากเขาเอง

“นักฆ่า...ไม่ควรเปิดเผยตัวตนนี่” เกรฟกล่าวกลับ เธอ-คนที่แต่งเป็นเจซซามีน หัวเราะเบาๆ แล้วเดินมานั่งข้างๆ เขา

“นี่คุณจริงจัง หรือล้อชั้นเล่นล่ะเนี่ย” เธอยิ้มหวานที่ดูเข้ากับแววตาของเธอมาก “ชั้น เจซซามีน”
“เรียกผมว่า คอร์โว แล้วกัน” เกรฟกล่าวกลับด้วยน้ำเสียงหนุ่มนวล เจซซามีนหัวเราะเบาๆอีกครั้ง เธอไม่มีทางรู้เลย ว่าเกรฟหน้าแดงขนาดไหน ภายใต้หน้ากากกะโหลก

“ไปข้างนอกกันไหม?” เจซซามีนเชื้อเชิญ “ชั้นไม่ค่อยชอบที่ที่คนแออัดซักเท่าไหร่”

“แล้วคุณมาเที่ยวที่นี่ เนี่ยนะ?” เกรฟถามกลับไป เธอยิ้ม “ก็ดีเหมือนกัน ผมอยากไปสูดอากาศซักหน่อย”
เขาลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินตามเธอไป

“ก็แหงล่ะ เล่นใส่หน้ากากแบบนั้น” เจซซามีนยิ้มแล้วจับที่นิ้วชี้และกลางของเกรฟ แล้วจูงเขาไป

To be Continue…

Alathreon
29th October 2012, 21:58
SpecOps: Midnight Kiss 02

เกรฟในชุดคลุมคอร์โว แอททาโน เอามือทั้งสองข้างสอดใส่กระเป๋ากางเกง นั่งเคียงข้างกับเจซซามีน สาวสวยผู้ที่แต่งกายเป็นตัวละครจากเรื่องเดียวกับเกรฟ ที่เก้าอี้สาธารณะตัวหนึ่งในย่าน ไทม์ แสควร์ เธอกำลังจิบกาแฟร้อนจากแก้วกระดาษอย่างช้าๆ

“คุณออกมาคนเดียวเหรอ?” เกรฟเป็นฝ่ายเริ่มพลางมองใบหน้าของเธอจากด้านข้าง

“อืม..” เธอจิบกาแฟอีกอึก แล้วกล่าวต่อ “ชั้นพึ่งย้ายมาจากต่างประเทศน่ะ”

“ย้ายมาคนเดียว? คุณทำงานอะไรเหรอ”

“ชั้นเป็นสถาปนิกน่ะ เรียนจบเมื่อ 2 ปีก่อน แล้วบริษัทที่ทำงานอยู่ ก็ลองส่งชั้นมาทำงานที่สาขาใหญ่น่ะ” เธอยิ้มให้กับเกรฟราวกับว่า หน้ากากมิได้ปิดบังเขาทั้งคู่อยู่ “แล้วคุณล่ะ?”

“อ๋อ... ผมเป็น ท..ครูสอนภาษาน่ะ” เกรฟตอบอย่างติดขัดเล็กน้อยนึกอะไรไม่ออก จึงกล่าวอย่างนั้นไป
เจซซามีนยิ้มแล้วมองหน้าเกรฟอย่างรอคอยคำตอบ

“ภาษารัสเซียน่ะ”

“ว้าว!! งั้นคุณก็เป็นคนรัสเซียล่ะสิ?”

“อ่า...ก็ใช่ ผมพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปีน่ะ”

“มาคนเดียวเหมือนชั้นรึป่าว?” เธอถามด้วยแววตาเป็นประกาย ทำเอาเกรฟรู้สึกเขินอย่างอธิบายไม่ได้

“….ใช่ครับ ผมมาคนเดียว”

“ดีจัง แล้วคุณพักอยู่ที่ไหนเหรอ?” เธอถามคำถามที่เกรฟไม่อาจจะตอบได้ สมองของเขาเริ่มสับสน

“ฮ่าๆๆ ใจเย็นน่า คอร์โว ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรหรอก” เจซซามีนกล่าวหัวเราะกับเกรฟ แล้วหันไปจิกกาแฟต่อ แต่ดูท่าทางเธอจะยังขำอยู่
ในขณะที่ความเงียบเข้ามาย่ำกรายระหว่างทั้งคู่ เสียงโห่ร้องและเสียงเพลงของปาร์ตี้ในระแวกนั้นก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันมิได้มีผลกระทบอะไรต่อคู่ชายหญิงในชุดคอสเพลย์ที่นั่งอยู่คู่กันเลย เกรฟหงายมือดูนาฬิกา 3 ทุ่มครึ่งแล้ว อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เขาหันไปมองเจซซามีน เธอมีท่าทางสั่นๆ เกรฟไม่อาจจะถอดชุดคลุมตัวยาวนี้ได้ เขาจึงค่อยๆเขยิบเข้าไปจนแทบจะเบียดเจซซามีน เธอยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

“เอ่อ....หนาวรึป่าว เจซ…” เกรฟคิดในหัวตัวเองดังๆว่า คิดบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย

“อือ...” เจซซามีนตอบสั้นๆ เกรฟหันไปมองเธอ ก่อนจะยกแขนไปโอบเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้ามากอดจากแผ่วเบา เจซซามีนค่อยๆขยับตัวให้เอียงเข้าหาเกรฟ แล้วผิงหัวลงบนไฟล่ของเขาอย่างเบาบาง

“อุ่นขึ้นมากเลยล่ะ...” เธอกล่าวอย่างแผ่วเบา แล้วปล่อยตัวลงไปที่เกรฟ เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความห่วงหา และความรู้สึกแปลกๆ ที่ทำให้เขารู้สึกดี ทั้งคู่ปล่อยให้เวลาผ่านไป อย่างช้าๆ คลอไปด้วยเสียงดนตรีจากงานปาร์ตี้ข้างเคียง จนกระทั่ง

“เอ่อ...พี่ครับ” เสียงของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งดังขึ้นมา จนทั้งเกรฟและเจซซามีนสะดุ้งและผละตัวออกจากกันอย่างเขินอาย

“ว่าไงจ๊ะ?” เจซซามีนเป็นคนออกตัวก่อนในขณะที่เกรฟพยายามทำเป็นตรวจของกระเป๋าแก้เขิน

“คือ...ชุดพี่เค้าโคตรสวยเลยอ่ะครับ ตั้งแต่ดูงานคอสมา ผมว่าชุดคอร์โวของพี่ดูดีที่สุดแล้วครับ” วัยรุ่นคนเดิมที่อยู่ในชุดเกราะทหารอวกาศซึ่งทำจากยางอีวีเอ ได้สวยงาม บนหน้าอกมาสัญลักษญ์ N7 ติดอยู่ เกรฟพึ่งสังเกตเห็นว่ามีเพื่อนของเด็กคนนั้นในชุดที่มาจากเรื่องเดียวกันอีก 5 อยู่ด้านหลัง

“ผมอยากจะขอถ่ายรูปพี่กับ...เพื่อนพี่หน่อยน่ะครับ”

“อ่า...ได้สิ” เกรฟยืนขึ้นแล้วก้าวออกมาจากเก้าอี้

“พี่มีพร๊อพของคอร์โวรึป่าวครับ? ดาบสั้น กับอาวุธยิงอ่ะครับ” ดูท่าทางจะเป็นเกมเมอร์สินะ เกรฟ ร้อง อ่อ แล้วเริ่มคลำหาที่เข็มขัดของชุด ดูเหมือนว่า แวนดอลจะสั้นทำให้ชุดดูเหมือนในเกมมากที่สุด เพราะตั้งแต่หน้ากาก ยันอาวุธนั้น ทำออกมาได้ดูสมจริงมา เกรฟหยิบแท่งโลหะสีดำที่ด้านบนมีกรงเล็บที่เรียงตัวกันเป็นรูปใบบัวอยู่ 4 ซี่ เกรฟควงมัน ให้ลอยขึ้นและจับมันไว้อีกครั้ง กรงเล็บสีดำก็กางออกเป็นรูปกรงเล็บตีนนก แท่งโลหะเรียวที่ดูคล้ายใบมีดยาว 2 ฟุตก็โผล่พรวดออกมาอย่างรวดเร็ว

“ให้ตายสิ! ดาบก็สมจริงมากเลยครับ” วัยรุ่นคนนั้นกล่าวอย่างตื่นเต้น ก่อนที่จะเรียกให้เพื่อนๆมาดู เกรฟยิ้มอย่างเหนื่อยๆภายใต้หน้ากาก โดยที่มองเจซซามีนชึ่งกำลังยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย วัยรุ่นคนนั้นหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมา แล้วบรรเลงถ่ายภาพเกรฟ ในท่าทางต่างๆ รวมทั้งอาวุธยิงอย่างหน้าไม้และปืนนกสับด้วยหลายสิบใบ อีกทั้งยังถ่ายรูปเจซซามีนแบบรูปเดียวและรูปคู่กับเกรฟในชุดคอร์โวอีก แถมด้วยรูปกลุ่มที่ถ่ายกับพวกวัยรุ่นอีก รวมเป็นเกือบ 60 รูป

“ขอบคุณมากครับ!!!” วัยรุ่นคนนั้นกล่าวพร้อมกับเพื่อนๆของเขาเสียงดัง

“พี่รู้ไหมครับว่า พี่สองคนเหมือนคู่พระนางตัวจริงจาก Dishonored มากเลยนะครับ” เขากล่าวก่อนจะเดินไปผจญปาร์ตี้ วันฮัลโลวีนต่อ เขซซามีนยิ้มกว้างอย่างมีความสุข แล้วมองมาที่เกรฟ ที่มันมีท่าทางตื่นพร๊อพที่ทำออกมาได้สวยงามอย่างไร้ที่ติ

“นี่ ! งงอะไรล่ะ ชุดคุณก็ทำเองนิ?” เธอกล่าวอย่างร่าเริง

“ก็....ตอนทำเสร็จมันไม่ได้สวยขนาดนี้นี่” เกรฟกล่าวไปอย่างขำๆ

“ไปเดินเล่นกันไหม?” เธอกล่าวชวนเกรฟ ซึ่งเขาก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งคู่เดินผ่านไนต์คลับและร้านอาหารที่โปรโมชันชุดฮาโลวีนหลายสิบร้าน มองดูผู้คนสังสรรค์อย่างมีความสุขในชุดที่บ้าหลุดโลก พวกเขาเดินมาถึงไนต์คลับที่หนึ่งที่มีงานนอกร้าน เจซซามีนตัดสินใจเข้างานที่นี่เพราะคนไม่เยอะนัก ผู้คนต่างกล่าวทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับยื่นแก้วเบียร์ให้ เกรฟไม่เคยรู้สึกมีความสุขเช่นนี้มาก่อน ได้ร่วมงานสังสรรค์ที่ทุกคนเป็นกันเอง ไม่ว่าจะมาจากไหน จะเดินเคียงข้างกับผู้หญิงคนหนึงที่เขามีความรู้สึกดีๆให้ เกรฟนั่งมองเก็บบรรยกาศรอบๆตัว ที่ชุดของแต่ล่ะคนมีตั้งแต่ชุดที่เท่ สวยงามและดูเหมือนหลุดมากจากเกมส์ บางคนก็ใส่ชุดประหลาดๆอย่างเช่นชุด “เสาของสาวนักเต้น” เอากระดาษแข็งพ่นสีเงินมาพันรอบตัวให้ดูเป็นเสาแล้วมีตุ๊กตายางที่เป็นนักเต้นติดอยู่ข้างๆหรือชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิง หรือชุดที่ดูน่ากลัวและตลก
แต่แล้ว เกรฟก็ไปหยุดอยู่ที่ชายคนหนึ่ง เขาสวมชุดทหาร เป็นชุดทหารที่ดูคุ้นตา ชุดแห่งหน่วยรบสเปซนาซ
ชายคนนั้นหันหน้าให้เกรฟ แต่ว่า เกรฟจำได้แม่นยำแม้จะเป็นด้านหลังก็ตาม เกรฟลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะเดินเข้าไปหา แต่ดูเหมือนชายคนนั้นจะรู้ตัว เขารีบเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน เกรฟรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว เมื่ออกมาจากงานได้ เขาเห็นชายคนนั้นเดินเข้าไปในตรอกซอยมืดๆแห่งหนึ่ง

“ซาช่า!!! ” เกรฟตระโกนลั่นซอย แม้จะรู้ว่า อย่างไรมันก็เป็นไปไม่ได้

“อะไรกัน คอร์โว?” เจซซามีนวิ่งตามเขามาด้วย “จู่ๆก็เห็นคุณวิ่งเข้ามาที่นี่”

“…คือ...ผมจะคุยโทรศัพท์น่ะ” เกรฟกล่าวขำๆ แม้เจซซามีนจะทำหน้าไม่เชื่อก็ตาม

“เรารีบออก..”

“เฮ้ย !!!!!” ขณะที่เกรฟกำลังจะพาเจซซามีนออกจากตรอกแห่งนี้ ชาย 4 คนในชุดมอซอๆ ก็ก้าวออกมาจากตรอกแห่งหนึ่ง พวกเขาดูท่างทางเหมือนพวกขี้เมาและอันธพาลขี้ยาอย่างเห็นได้ชัด ค่อยๆก้าวเข้าหาเกรฟและเจซซามีนพร้อมกับอาวุธที่เป็นของที่หาได้บริเวณนั้นมือ

“หน้ากากสวยดีนี่หว่า ไอ้ตุ๊ด...” พวกมันคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยปากที่แสยะยิ้ม “ทิ้งเงินกับแฟน***ไว้ที่นี่แหละ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”

“ถอยไปดีกว่าน่า ฝ่ายที่จะเจ็บตัวน่ะ มันพวกนายนะ” เกรฟกางแบนขวาปกป้องเจซซามีนที่อยู่ด้านหลังเขา เธอมีอาการตัวสั่นและหน้าซีดเซียว

“เหลวไหลล่ะ***!!!” อันธพาลคนเดิมพุ่งเข้ามาพร้อมกับง้างแท่งเหล็กงัด หมายจะฟาดหัวเกรฟ แต่ทว่า เกรฟกลับพุ่งเข้าใส่ สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับพวกมันมาก เขาฟันศอกเขาไปที่สีข้างที่ง้างแขนออกของมันจนเสียหลักแล้วฮุดตรงด้วยหมัดซ้าย และจบด้วยอัปเปอร์คัทขวาจนมันลอยขึ้นไปกลางอากาศ เลือดไหลกลบปาก พร้อมกับสติที่ดับไปชั่วคราว

“เฮ้ย!!! อะไรวะ” พวกมันที่เหลือร้องตระโกนด้วยความตกใจ แล้วพากันวิ่งเข้ามาจู่โจมเกรฟอย่างบ้าคลั่ง
เกรฟเพียงยืนเฉยๆ รอพวกมันเ 3 คนเข้ามา...
เมื่อได้จังหวะ เกรฟพุ่งเข้าไปแล้วลอดตัวผ่านคนที่หนึ่ง แล้วทำโคทไลน์ใส่คนที่สองจนล้มทั้งยืน ในขณะที่คนที่สามฟาดไม้เบสบอลเข้ามา เกรฟม้วนตัวหลบแล้ว หยิบพร๊อพดาบโลหะแล้วฟาดฟันไปที่สีข้างของมัน แม้จะทื่อจนฟันไม่เข้าแต่ก็คมและหนาพอที่จะฟาดคนให้สลบได้ มันร้องด้วยความเจ็บปวด คนที่หนึ่งที่พึ่งรู้ตัวก็พุ่งเข้ามา เกรฟละมือจากคนที่สามแล้ว แล้วหมุนตัวหลบทำให้คนที่หนึ่งจั่วลม เขาฟาดดาบที่หลังมันตามแรงเหวี่ยงแล้วถีบซ้ำเข้าไปจนหน้าคะมำ คนที่สองที่กำลังลุกขึ้นมา โดนเกรฟใช่ด้ามดาบทุบที่หัวจบสลบไป แล้วเขาก็พุ่งไปหาคนที่สามแล้วเผด็จศึกมันด้วยการเตะตัดขาแล้วตามด้วยการฟาดที่ต้นคอ จนมันสลบไปในที่สุด เกรฟยืนอยู่ในท่าของนักดาบที่พึ่งประหารศัตรู โดยที่รอบกายมีอันธพาลสลบอยู่แทบเท้า

“คุณปลอดภัยนะ?” เกรฟหดเก็บดาบโลหะแล้วเดินเข้ามาหาเจซซามีนที่ยืนทึ่งในความสามารถการต่อสู้ของเกรฟ

“คุณเป็นครูภาษาแน่เหรอ?” เธอยิ้มแห้งๆ เพราะยังตัวสั้นจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา

“..แฮะๆ..ก็มาอยู่คนเดียวในเมืองใหญ่…สักครู่นะ” เกรฟหันหลังแล้วหยิบปืนนกสับเล็งไปทางอันธพาลคนที่โดนถีบจนกระเด็นไป ซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ปุ๊! เกรฟลั่นไก พร๊อพปืนนกสับยิงลูกเม็ดพลาสติกที่แข็งพิเศษไปกระทบกับหน้าผากของมันพอดี จนลูกเม็ดพลาสติกแตกกระจุยพร้อมกับรอยเลือดเล็กๆ มันร้องเสียงหลงแล้วค่อยๆหงายหลังล้มลงไปทั้งๆที่ยังอยู่ในท่าวิ่ง เกรฟดูที่พร๊อพปืนนั้น ดูเหมือนว่า มันจะเป็นปืนบีบีกันความแรงสูง ไม่อยากจะเชื่อว่า แวนดอลจะเอาของที่ “ดีเกินไป” มาให้เขา

“ชุดคุณเจ๋งดีนะ...” เจซซามีนกล่าวแล้วยิ้มอย่างติดตลก เกรฟพยักหน้าเบาๆแล้วจูงมือเธอ

“กลับเข้างานกันเถอะ”

To be Continue…

Alathreon
31st October 2012, 19:26
SpecOps: Midnight Kiss 03 END

เกรฟไม่รู้เลยว่า เวลาล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เจซซามีนทำให้เขาลืมเลือนเรื่องที่ทำให้ทุก๘ใจแทบหมดสิ้น ความอบอุ่น ความสดใสและร่าเริงที่ขัดกับแววตาของเธอ ช่วยนำพาผู้ชายสีดำอย่างเกรฟ ให้เกิดสีขาวขึ้นในจิตใจ เกรฟไม่รู้ว่าภาระ “งาน” ของเขาจะส่งผลต่อทั้งความปลอดภัยและความสัมพันธ์ของทั้งคู่รึเปล่า แค่มันก็เป็นเพียงความคิดที่เกิดจากคน คนเดียว เธออาจจะไม่พร้อมและอยากจะเป็นเพียงเพื่อนของเกรฟก็ได้

“คิดอะไรอยู่หรอ?” เจซซามีนก้าวเข้ามาแล้วจ้องเลนส์ดวงตาบนหน้ากากของเกรฟ ที่ส่งผ่านมาถึงภายใน

“ไม่...ไม่มีอะไรหรอก คิดเรื่อยเปื่อยน่ะ”

“อ๋อ...เราไปข้างนอกกันไหม นีก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วนะ”

“หา?” ใช่ เกรฟลืมเลือนทุกอย่างหมดสิ้น

“ไปเถอะ!”

เจซซามีนจูงมือเขาขึ้นมา ขณะที่กำลังเดินออกจากงานก็มี หญิงสาวในชุดประหลาดๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของปาร์ตี้เดินมากล่าวลาและขอบคุณที่มาร่วมงาน
ถึงแม้คนบนท้องถนนจะดูบางตาไปบ้าง แต่งานปาร์ตี้งานใหญ่ๆ ก็ไม่มีท่าทีจะเลิกได้ง่ายๆ
เกรฟยืนรอเจซซามีนอยู่หน้าร้านกาแฟ มีผู้คนสัญจรไปมาบ้าง แต่ค่อนข้างบางตา ไม่นานนักเจซซามีนก็ออกมาจากร้านพร้อมกับกาแฟร้อนสองแก้ว และเพรสเซลอีก 2 ชั้น ซึ่งเกรฟรับหน้าที่ถือให้
ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆ จนมาหยุดนั่งพักที่ม้านั่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ทั้งคู่นั่งชิดติดกันจนเทียบจะขยับแขนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอากาศที่หนาวเย็น หรือความรู้สึกต่อกัน ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กันและกันไม่ว่าเกรฟจะใส่หน้ากากอยู่แต่ดูเหมือนว่า เจซซามีนจะรู้อาการของเขา เธอขอเพรสเซลมาหนึ่งชิ้นแล้วกัดคำเล็กๆ

“คุณมาจากประเทศอะไรเหรอ?” เกรฟถามเธอ เพิ่งทำลายความเงียบงัน เธอยิ้ม

“ชั้นมาจากอังกฤษค่ะ...”

“แล้ว...ครอบครัวคุณล่ะครับ ไม่มีใครมาด้วยเลยเหรอ”

“ไม่ค่ะ...คือว่า...พ่อแม่ของชั้นเสียตั้งแต่ชั้นยังเด็กๆ ญาติก็ไม่มี”

“ผม...เสียใจด้วยจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...” เธอกล่าวแล้วพิงไหล่ของเกรฟ

“คุณ...ไม่ได้เป็นครูสอนภาษาสินะค่ะ” เจซซามีนถามขึ้นมาทำให้เกรฟใจหายวาบเขารู้อยู่ว่ายังไงก็ไม่น่าจะปิดบังอยู่

“ตอนชั้นเห็นคุณสู้...มันไม่เหมือนกับวิชาการป้องกันตัว” เธอจิบกาแฟ “วิธีที่คุณสู้ มันเหมือนการเอาชีวิต”
เกรฟนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาค่อยๆเอื้อมมืออันหยาบกร้านของตนเข้าไปแตะที่ฝ่ามืออันอ่อนนุ่มของเจซซามีน เธอค่อยๆคลายมือของตนแล้วสอดเข้าไปที่ช่องว่างระหว่างนิ้วของเกรฟอย่างแผ่วเบา และค่อยๆกุมมือเขาไว้

“ใช่...คุณพูดถูก…” เกรฟตอบกลับอย่างเรียบๆ “ผมเคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษของรัสเซีย”

“แล้ว...ทำไมคุณถึงได้...”

“ผม...” เกรฟเองก็ยังไม่มั่นใจเหตุผลที่ตัวเองลาออกมาเช่นกัน “ผมเสียลูกทีมคนสำคัญไป...พร้อมๆกับความศรัทธาในตัวผู้บัญชาการสูงสุด...ผมไม่อาจทนเป็นตัวเบี้ยที่ทำทุกอย่างโดยไม่เคยตั้งคำถาม....”

“แต่คุณยังคงทิ้งความเป็นทหารไม่ได้สินะค่ะ”

“….” เกรฟหยุดนิ่งไป “คุณมองคนได้เก่งดีจัง...”

“ไม่หรอก....ชั้นแค่รู้สึกได้จากตัวของคุณ” เธอยิ้มให้กับเกรฟ แล้ววางแก้วกาแฟ เธอค่อยๆนำมือที่ขาวสะอาดของเธอค่อยๆไปแตะที่หน้ากากของเกรฟ

“ถ้าหากคุณลองให้เวลากับตัวเอง หยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ชั่วคราว คุณอาจจะได้พบกับคุณอีกคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากนี่ก็ได้”

เกรฟนำมือขึ้นมากุมมือของเจซซามีนบนหน้ากาก แล้วค่อยๆจับที่ขอบล่างของหน้ากาก แล้วถอดมันออกอย่างช้าๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าและโดดเดี่ยวของเขาไปจ้องมองโดยตรงกับดวงตาของเจซซามีน เส้นผมที่ถูกเสยขึ้นไป ร่วงมาอยู่ที่เดิมของมัน เจซซามีนยิ้มแล้ว ลูบใบหน้าของเกรฟเบาๆ ก่อนที่จะล่วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบไหมพรมแผ่นหนึ่งขึ้นมา มันเป็นถุงมือไหมพรมสีเทาเก่าๆ เธอบรรจงค่อยๆสวมมันไปที่มือขวาของเกรฟ

“จริงๆแล้ว คุณชื่ออะไรหรอ” เธอถาม

“…เกวริล...เกวริล เดมอนเชฟ”

“เกวริล...” เธอยิ้มรับ และต่อมาก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

“ชั้นต้องไปแล้วล่ะ...”

“เดี๋ยวสิ เจซซามีน....”

เกรฟยืนขึ้น แต่ทันทีที่ตัวตั้งตรง เจซซามีนก็เลื่อนเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วจนเกรฟไม่ทันตั้งตัว เธอประกบริมฝีปากของเธอเข้าเกรฟอย่างรวดเร็ว แต่นิ่มนวล เกรฟที่ดวงตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นสันระรัวในวินาทีของสัมผัส เขาค่อยๆสงบใจลงแล้วกอดเธอเอาไว้ แม้จะเป็นเวลาแต่เพียงวินาที แต่สำหรับเกรฟมันช่างรู้สึกอย่างนั้นดุจชั่วนิรันดริ์ เจซซามีนค่อยๆลดตัวลง มองแววตาของเกรฟที่เต็มไปด้วยความเขินอาย ท่ามกลางแสงจันทร์สีน้ำเงินที่สาดส่องลงมา

“ชั้นอยากจะขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่ทำให้ชั้นมีความสุข ทำให้ชั้นได้รับรู้สิ่งดีๆที่ชั้นไม่เคยได้รับ”

“เจซ....”

“ชั้นชื่อเจซซามีน คอนวอล...” เธอยิ้มให้กับเกรฟ แต่น้ำตาที่ไหลออกมาจากตามันดูขัดกับทุกสิ่ง

“ชั้นหวังว่า เราควรจะได้พบกันเร็วกว่านี้...ได้รักกันเร็วกว่านี้....ชั้นขอโทษจริงๆ”

“เจซ...คุณพูดเรื่องอะไรกัน?” เกรฟที่ในความคิดเต็มไปด้วยความสับสน

“ชั้นขอโทษจริงๆ คุณช่างเป็นผู้ชายที่ดีเหลือเกิน”

“ไม่ เจซ คุณ...” เกรฟคว้ามือของเขาตั้งใจจะจับมือของเจซซามีนเอาไว้

แต่ว่ามือของเขากลับคว้าผ่านตัวเธอมาเฉยๆ

มันเหมือนกับคว้าอากาศ เกรฟตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง เจซซามีนยิ้มทั้งน้ำตาที่ค่อยๆเลือนหายไป เธอก้าวเข้ามา กระซิบข้างหูเกรฟเบาๆ

“ชั้นรักคุณ...”

ดวงตาของเกรฟแดงกร่ำ มันเป็นอาการที่เค้าไม่เคยได้รู้สึกมานานมากแล้ว ไม่แม้แต่ตอนที่ ซาช่าตาย น้ำตาหยดเล็กๆค่อยๆไหลรินจากบ้างตามาที่คาง เกรฟเอามือข้างที่สวมถุงมือไหมพรมมาเช็ดหน้าตาหยดอื่นๆที่ไหลตามมา สีหน้าของเขานิ่งเฉยเหมือนกันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าภายในใจที่กำลังโหยหวนและเฝ้าถามถึง เขามองดู ร่างของเจซซามีนค่อยๆเลือนหายไปกับสายลมหนาว ในวินาทีสุดท้าย เขายิ้มให้กับเธอที่ยิ้มกลับอย่างสดใสให้กับเขาเป็นครั้งสุดท้าย

เกรฟนั่งค่อมอยู่บนรถมอเตอไซค์ของเขา ขณะที่ดูรูปภาพๆหนึ่งในโทรศัทพ์ที่ซึ่งโหลดมาจากเว็บไซต์คอมมูนิตี้ที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ มันเป็นรูปของชายในชุดนักฆ่าสวมหน้ากากโลหะรูปกะโหลกมนุษย์ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวที่หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความสุข ถึงแม้ว่าจะมีอีกหลายรูป แต่มีรูปนี้ เพียงรูปเดียวที่มีหญิงสาวคนนี้ติดอยู่ด้วย
ส่วนรูปอื่นๆจะเป็นภาพมัวๆหรือแสงแฟลชบดบังหญิงสาวคนนั้นจนมองไม่ออก โดยที่เจ้าของรูปภาพก็ไม่ทราบเหตุผลเชื่อกัน เกรฟยิ้มให้กับรูปนั้น แล้วเก็บโทรศัทพ์ไป ในถืออีกข้างถือช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ทั้งช่อ และพวงมาลัยดอกเจซซามีนอีกหนึ่งพวง เขาเดินเข้าไปที่สุสานอันเงียบสงบแต่งหนึ่ง น่าแปลกที่เสียงแวดล้อมภายในเมืองแมนฮัตตัน ทั้งเสียงผู้คน เสียงรถ ต่างเงียบหายไป ราวกับถูกตัดออกไป
ในเวลาสายๆ มีคนอยู่ที่นี่ปะปาย ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีอายุหรือคนวัยกลางคน หรือไม่ก็เป็นกลุมครอบครัวที่มาเยี่ยมญิๆของตน เกรฟเดินมาจนเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีท่าทางคุ้นตา เธอไว้ผมยาวและสวมแว่นสายตากรอบสีเขียวอ่อนกับสีดำ สวมชุดเสื้อสเวตเตอร์มีฮูด กางเกงยีนส์ กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่บนม้านั่ง ที่หน้าป้ายสุสานป้ายเล็กๆแต่สวยงาม เกรฟเดินเงียบๆเข้าไป เธอคนนั้นรู้สึกตัวจึงละสายตาจากหนังสือ เธอยิ้มให้กับเกรฟ เกรฟก็ยิ้มกลับ ก่อนจะค่อยๆคุกเข่าลงที่หน้าสุสานซึ่งมีช่อดอกไม้อีกดอกวางไว้ก่อนแล้ว และวางพวงมาลัยและช่อดอกไม้ไว้ที่หน้าป้าย เขามองไปที่หน้าป้าย

“เจซซามีน คอนวอล เกิด 22 มิถุนายน 198.. – เสียชีวิต 31 ตุลาคม 2015 แด่เพื่อนที่รักและพี่ที่แสนดี ”

เกรฟจ้องมองป้ายสุสานอยู่นาน เขายังคงรู้สึกเหมือนกับว่า เจซซามีนกำลังกุมมือเขาอยู่ เขายิ้มแห้งๆแล้วค่อยๆลุกขึ้น

“วันนี้ ครบรอบ 1 ปีแล้วสินะ” หญิงสาวที่สวมแว่นกล่าวขึ้น เกรฟหันไปมองเธอก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆ

“คุณ....”

“เกวริล เดมอนเชฟ ครับ”

“มีไม่กี่คนหรอกค่ะ ที่รู้ว่าพี่ชอบดอกเจซซามีน คนที่รู้ ก็มีแต่คนที่ชั้นรู้จัก แต่คุณสิ ไม่คุ้นหน้าเลย”

“…ผมเป็นเพื่อนน่ะครับ...พึ่งรู้ว่าเธอเสียชีวิตแล้ว ส่วนดอกไม้...ไม่รู้สิ จู่ๆผมก็สั่งดอกไม้นี้เอง”

“เธอ...ตายยังไง” เกรฟถามขึ้นมา หญิงสาวที่น่าจะเป็นน้องสาวของเจซซามีนยิ้มด้วยความเศร้า

“…พี่...ทำงานหนักมากไป จนหลับป่วย เพราะว่าอ่อนแออยู่แล้วจึงทรุดหนัก”

“ผมเสียใจด้วย...”

“ค่ะ...ชั้นเองที่ตอนนั้นทำงานอยู่อังกฤษ พอพี่ป่วยก็รีบมาหาเลย เธอจากไปอย่างสงบ...”

เกรฟนั่งเงียบ ส่วนหญิงสาวถอดแว่นตาแล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลริน

“ชั้น โรเซ็ตต้า คอนวอลค่ะ น้องสาวฝาแฝดของเจซซามีน คอนวอล”

เธอจับมือกับเกรฟ ต่างคนต่างยิ้มให้กันและกัน

“ให้ผม...พาไปทานมื้อเที่ยงนะครับ”

โรเซ็ตต้ายิ้มอย่างอบอุ่นเฉกเช่นเดียวกับเจซซามีน เธอพยักหน้าแล้วยืนขึ้น เกรฟเดินนำเธอไปที่รถ พร้อมกับมองดูถุงมือไหมพรมสีเทาที่กำไว้ในมือ

SpecOps: Midnight Kiss : END