Speedy-K.O.
3rd November 2012, 13:33
http://image.ohozaa.com/i/9ad/sCZwyf.jpg
10. Interstellar Travel
มนุษย์ มีความกระหายและกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้จากดินแดนใหม่ๆ มาเป็นเวลานาน ภายหลังจากที่มนุษย์คิดค้นจรวดได้ เป็นแรงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะส่ง ยานอวกาศ ไปพร้อมกับจรวดเพื่อสำรวจดินแดนอันกว้างใหญ่ในอวกาศ จวบจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน แต่ ก็มีปัญหาก็คือเชื้อเพลิงที่ต้องใช้อย่างมหาศาลและระยะทางมหาศาลที่มีหน่วย วัดเป็นปีแสง มีวิธีไหนที่เราสามารถการเดินทางระหว่างดวงดาวได้ง่ายๆ บ้างหนอ สังเกต ไหมครับว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมายังโลกได้ ทั้งๆ ที่มีโลกมีระยะทางไกลหลายหมื่นปีแสดง ก็เพราะยานของพวกเขาต้องมีระบบอะไรสักอย่างในการย่นระยะทางการเดินทางแน่นอน หากเรารู้เทคโนโลยีนี้เราสามารถเดินทางไปดวงดาวไหนๆ ก็ได้ในจักรวาล โดยแนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ปัจจุบันดูเหมือนว่า NASA จะพยายามทดลองโครงการการขับเคลื่อนเช่นนี้อยู่ และบางทีมันอาจเป็นไปได้ในอนาคต
http://image.ohozaa.com/i/g77/4BcufN.jpg
9. Terraforming
มีความหมายว่า การเปลี่ยนสภาพของดาวเคราะห์(Terraform) กระบวนการสมมุติที่ให้ดาวที่แห้งแล้ง มีบรรยากาศเบาบาง มีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงสภาพภายในดาว จนเกือบปราศจากสนามแม่เหล็ก(และรังสีต่างๆจากดวงอาทิตย์ ชการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ, อุณหภูมิ, พื้นผิว และนิเวศวิทยาให้ดวงดาวนั้นมีลักษณะคล้ายโลก ที่เราสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เช่นดวงอังคารที่มีโครงการมายาวนานแล้วว่าสักวันเราจะสามารถอพยพไปอยู่ที่ นั้นได้เหมือนกับอยู่บนโลก โดยแนวคิดนี้เป็นขององค์การนาซา ที่เริ่มมีโครงการจะไปเริ่มสร้างเมืองในอวกาศ โดยเลือกพื้นที่ดาวอังคาร เพราะมีสภาพเหมือนกับโลก ขณะที่ดาวดวงอื่นเต็มไปด้วยอากาศพิษ ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป ดาวพฤหัสฯ มีสภาพเป็นกรด ดาวอังคารแม้อากาศหนาวและมีสภาพไร้น้ำหนัก แต่มนุษย์อยู่ได้ด้วยการไปสร้างเมืองกระจกทำให้มีแรงโน้มถ่วงเหมือนกับอยู่ บนโลกได้ ในเบื้องต้นจะส่งคนออกไปสร้างอุตสาหกรรมในอวกาศ ใช้วัตถุดิบจากดวงจันทร์ของดาวอังคาร ซึ่งมีอยู่ 2 ดวง จะมีสารทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ยิปซัม แร่ธาตุต่างๆ และการขนย้ายแร่ธาตุเหล่านี้จะเป็นไปโดยง่ายบนสภาพไร้น้ำหนัก
http://image.ohozaa.com/i/g4c/R0OXka.jpg
8. Space Elevator
แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศ ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศ และจรวดขับดัน ชาวรัสเซีย ชื่อ คอนสแตนติน โซลคอฟสกี (Constantin Tsiolkovsky, ค.ศ. 1857 - 1935) ได้เขียนบทความชื่อ "Daydream about the Earth and the Heaven" (ฝันกลางวันเกี่ยวกับโลกและสวรรค์) ในปี 1985 กล่าวถึง "หอคอยสูงเสียดฟ้าจากผิวโลกถึงอวกาศ” จากนั้นเป็นต้นมาก็มีหลายคนวางโครงการที่ยิ่งใหญ่โดยพยายามสร้างทางเชื่อม โลกกับดวงดาวต่างๆ ไว้มีวัตถุประสงค์เคลื่อนย้ายคนและสิ่งของจากพื้นผิวโลกขึ้นไปในอวกาศ รูปแบบที่มีการนำเสนอมักเป็นโครงสร้าง โดยสร้างต่อเนื่องจากผิวโลก ขึ้นไปยังวงโคจรค้างฟ้า และสร้างต่อเนื่องออกไป โดยมีตุ้มน้ำหนักถ่วงที่ปลายอีกด้านหนึ่ง วัสดุที่มีการเสนอให้ใช้ มีลักษณะเป็นเคเบิล หรือแถบรับน้ำหนัก ที่สามารถรับกำลังได้สูง โดยทำเลที่ตั้งโครงสร้างจะอยู่บริเวณแถบเส้นศูนย์สูตร แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศมีเค้าลางแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเมื่อ นาซ่า ได้ให้ความสนใจโครงการดังกล่าวอย่างจริงจังและได้นำแนวคิดดังกล่าวเข้าร่วม พิจารณาในปี คศ.1999 ทั้งได้มีการทดลองเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ "ลิฟต์อวกาศ" หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Geostationary Orbiting Tether "Space Elevator" โดยได้ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล เมืองฮันสวิลล์ รัฐอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนาซ่าจัดให้มีการวิจัยในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษาวิจัยความเป็นไปได้จริงของลิฟต์อวกาศมีมากน้อยเพียงใด การวิจัยและพัฒนาหาวัสดุเหมาะสมสำหรับใช้เป็นสายเคเบิลของลิฟต์อวกาศ การทดลองขั้นต้นเกี่ยวกับลิฟต์อวกาศโดยยานขนส่งอวกาศโดยได้ทดลองปล่อยสายเค เบิ้ลหลายกิโลเมตรเป็นจำนวนหลายครั้ง โครงสร้างของลิฟต์อวกาศ ระบบขับเคลื่อน รวมทั้งเรื่องผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์
http://image.ohozaa.com/i/298/g1ETCz.jpg
7. Force field
สนามพลังงาน, บาเรีย, เกราะพลังงาน เกราะบาเรีย โล่มหัศจรรย์ ที่เราพบเห็นในหนังนิยายไซไฟแหละครับ เคยเห็นไหมจำพวกสงครามอวกาศที่ปล่อยพลังงานโดยใช้อนุภาคอะไรสักอย่างป้องกัน อาวุธหรืออุกาบาตต่างๆ ไม่ให้เข้ามาทำอันตราย ยาน, ดวงดาวได้ มันคงดีไม่น้อยหากเรามีเทคโนโลยีชนิดนี้ เพราะหากมีโลกเราก็จะปลอดภัยเรื่องอุกาบาตรชนโลก ยานอวกาศสามารถป้องกันชั้นบรรยากาศก็ได้ สหรัฐก็ไม่ต้องกลัวนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโจมตีประเทศของตน ป้องกันน้ำท่วม ป้องกันเมียที่เห็นเราเจ้าชู้เอาปืนมายิง(เอิ่ม... [=____= lll]) ทุกอย่างป้องกันด้วยบาเรีย รู้สึกว่าเทคโนโลยีเป็นจริงอีกครั้งเมื่อมหาลัยกลุ่มวอชิงตันพยายามทดสอบโดย ใช้ม่านพลาสมาห่อหุ้มยานอวกาศ เพื่อใช้ป้องกันรังสีจากดวงดาวและอนุภาคบางอย่างเวลาท่องอวกาศ เช่นเดียวกับคนงานในโรงไฟฟ้า 3M ในมลรัฐเซาท์แคโรไลนา ในเดือนสิงหาคม 1980 ได้พบผนังไฟฟ้าสถิตมองไม่เห็นในพื้นที่หนึ่งในแผ่นฟิล์มพอลิโพรไพลีนซึ่งบาง ทีมันอาจสามารถดัดแปลงเป็นบาเรียในอนาคตก็เป็นไปได้
http://image.ohozaa.com/i/58f/dIdzdO.jpg
6. Panacea (medicine)
ยาแก้สารพัดโรค(ภาษาอังกฤษตั้งชื่อตามเทพธิดาแห่งการรักษาของกรีก)แน่นอนว่า เทคโนโลยีสำคัญต่อชีวิตเราแน่นอน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องกลัวโรคร้ายที่รักษาไม่หายอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เอดส์, มะเร็ง, ไวรัสทุกอย่าง อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการยืดอายุอีก เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลย และความคิดเหล่านี้กำลังเป็นจริงเมื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ โดยพวกเขากำลังศึกษายีนพันธุกกรมและสิ่งแวดล้อมที่ ในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นในยุคปัจจุบัน
http://image.ohozaa.com/i/69f/pWlfUB.jpg
5. Anti-Gravity
พลังงานต้านแรงโน้มถ่วง มันเป็นแนวคิดในการสร้างสถานที่หรือวัตถุที่เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วงของโลก คือแรงโน้มถ่วงของโลกจะไม่แสดงหรือไม่สามารถใช้ได้กับสถานที่หรือวัตถุ เหล่านั้น พลังงานต้านแรงโน้มถ่วงนั้นไม่ใช่ของใหม่ มนุษย์เราใฝ่ฝันถึงเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งในนิยายวิทยาศาสตร์และโลกของวิชาการ สำหรับในประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์นั้น ความคิดเกี่ยวกับ Anti-Gravity ที่สำคัญที่สุด ได้ถูกประดิษฐ์เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นเป็นเพียงแค่เสมียนธรรมดาๆคนหนึ่งในสำนำงานจดลิขสิทธิ์ เขาผู้นั้นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่นเอง และต่อมาก็มีการพัฒนาเรื่องนี้หลายโครงการและบางทีมันอาจจะเป็นจริงในอนาคตก็ได้(แต่ถ้าโลกไม่มีแรงโน้มถ่วงเลย จะเป็นยังไงล่ะเนี่ย ?)
http://image.ohozaa.com/i/9fc/FDq4CC.jpg
4. Bionics
Bionics หมายถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะที่เลียนแบบการปรับตัวทางชีวภาพในสิ่งแวดล้อม เช่น เรือดำน้ำผิวเหมือนปลาโลมา, ภาพอัลตราซาวด์เลียนแบบคลื่นความถี่ของค้างคาว นอกจากนี้คำนี้ยังหมายถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายหรืออวัยวะ ของมนุษย์ให้เข้ากับเครื่องจักร เช่น หัวใจเทียม, ประสาทหูเทียม เลนส์ตา ฯลฯ แนวความคิดที่จะจับเอาบางส่วนของหุ่นยนต์มาใส่ให้แก่คนที่มีสมรรถนะร่างกาย ต่ำกว่าคนปกติ เช่น แขนเทียม ขาเทียม ไปจนถึงมือเทียม ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจากทั้งผู้วิจัยและพัฒนา และผู้ใช้ทั่วโลก
http://www.youtube.com/watch?v=X1OBzc9QfIs
ในปี ค.ศ. 2006 โลกได้กำเนิดมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์ทั้งเพศชายและเพศหญิงเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ได้สูญเสียแขนจากอุบัติเหตุ คลาวเดีย มิทเชล (Claudia Mitchell) [จากคลิปด้านบนแต่ไม่มีเสียงพูด] เล่าว่าในช่วงแรกที่เธอกลับมาใช้ชีวิตที่มีแขนข้างเดียว เวลาจะรับประทานกล้วย เธอต้องเอาเท้าทั้งสองจับกล้วยแล้วใช้มือขวาที่เหลืออยู่ปอกกล้วย “การปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เคยคิด” ถึงแม้ในที่สุดเธอจะยังสามารถทำภารกิจแบบนี้ได้ มันก็มักจะทำให้อารมณ์เธอแปรปรวนทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเพียงแต่เอาแขนกลมาอยู่ใกล้ๆ กล้วยแล้วพยายามคิดที่จะจับกล้วย แขนกลนั้นจะตอบสนองคำสั่งจากสมองของเธอด้วยการจับกล้วยลูกนั้น ก่อนที่เธอจะใช้มือจริงของเธอปลอกเปลือกมันออกเพื่อรับประทาน ทหารผ่านศึกพิการจากสงครามในอิรักของสหรัฐอเมริกาจำนวนหลายร้อยคน ต่างก็รอคอยการกลับไปใช้ชีวิตที่ถึงไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เคยทำ อยู่เดิม เทคโนโลยี Bionics จักเป็นความหวังให้ผู้พิการทางร่างกายทั่วโลก ได้ใช้ชีวิตเทียบเท่ากับคนธรรมดา
http://image.ohozaa.com/i/51e/3y9ASv.jpg
3. Global Municipal Wi-Fi
เครือข่ายระบบไร้สายทั่วโลก หรือ Wi-Fi(WLAN = Wireless Local Area Network) เป็นแนวคิดการเปลี่ยนทุกที่ในโลกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สารให้เป็น แบบบริการสากล โดยใช้โปรแกรมเครือข่ายไร้สาร อุปกรณ์ทุกตัวที่ต่างยี่ห้อกันจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ประสบ ปัญหา โดยระบบการสื่อสารข้อมูลแบบไร้สารนี้มีความคล่องตัวมาก เพราะใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ RF และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ ทะลุกำแพง เพดานหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ โดยปราศจากความต้องการของการเดินสาย อีกทั้งยังสามารถทำงานได้โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ที่ต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ แต่เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นอาจไม่สามารถเป็นจริงได้เพราะขาดความเข้าใจกัน ระหว่างบริษัท เอกชน และรัฐบาล ที่ไม่สนับสนุนเท่าใดนัก(อ่านะ)
http://image.ohozaa.com/i/75b/uqoQYR.jpg
2. Transatlantic tunnel
อุโมงค์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นอุโมงค์ของรถไฟฟ้าที่คิดจะสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามระหว่างทวีปอเมริกา เหนือและทวีปยุโรป โดยรถไฟฟ้านั้นจะใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง 300 ถุง 5000 mph(500 ถึง 8000 km/h) พูดง่ายๆ ก็คือสามารถเดินทางจากนิวยอร์กไปลอนดอนได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หรือจัดส่งสินค้าต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย(แต่ว่านะ จะต้านแรง G ไหวเหรอน่ะ) ความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวนี้ความจริงไม่เกินความสามารถของเรา หากแต่อุปสรรคสำคัญในการสร้างอุโมงค์ดังกล่าวคือค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประมาณ 12,000,000,000,000 ดอลลาร์(เลขศูนย์ครบทุกตัว)และเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องใช้วัสดุอย่างดี พร้อมระยะเวลาในการสร้างที่ยาวนานซึ่งบางทีอาจใช้เวลา 3,000 ปี
http://image.ohozaa.com/i/557/M4O6Y5.jpg
1. Ocean Colonization
สมมุติหากวันหนึ่งน้ำท่วมโลกเราจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบคือเทคโนโลยี “การสร้างอาณานิคมใต้น้ำ” จะดีขนาดไหนที่เราสามารถสร้างโลกใต้น้ำโดยไม่ต้องกังวลน้ำท่วมได้ Ocean Colonization เป็นทฤษฏีที่มีความคิดว่ามนุษย์น่าจะสามารถสร้างชุมชนถาวรขนาดใหญ่ที่สามารถ จุคนได้เป็นแสคนในโลกใต้ทะเลได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องความกดดันอากาศของน้ำ หรือเรื่องอากาศหายใจ โดยอาณานิคมนั้นใช้พลังงานหมุนเวียน ทำให้เกิดแสงสว่างเสมือนกับหนึ่งโลกข้างบน(ความจริงความหมายนี้รวมไปถึงการ สร้างอาณานิคมที่พื้นน้ำด้วย) แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ก็ยังคงเป็นทฤษฏีในฝันต่อไปเนื่องจากความเป็นไปได้ต่ำ มาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมอารยธรรมและสภาพเศรษฐกิจและสังคมใน อาณานิคม การสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวกับโลกใต้ทะเล ระบบพลังงานมหาศาล การขนส่งทางทะเล
http://upic.me/i/dk/zorori_06.gif อืม... ก็คล้ายๆกับทำนองของ "10 อันดับ สิ่งประดิษฐ์ไฮเทคที่ไม่สมควรคิดค้น (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=135786)" ที่เคยโพสต์ไปเมื่อครั้งก่อนน่ะครับ ก็ขอตอบแบบเดียวกันเลยนะครับ ว่ามันก็แล้วแต่ล่ะความคิดน่ะแหละครับ ว่าจะมีแนวคิดหรือตัดสินยังไงน่ะครับ
Credit : http://toptenthailand.com/2012/toptenlist.php?cate=12&sub_id=435&topic_id=546&list_id=1313 http://image.free.in.th/z/iz/zorori04.gif
Interstellar Travel กับ Force field สุดยอด
Panacea (medicine)
ยาแก้สารพัด " โลก " ... :p
http://upic.me/i/dk/zorori_06.gif แก้ล่ะครับ ขอบคุณที่บอกครับ =w=
10. Interstellar Travel
มนุษย์ มีความกระหายและกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้จากดินแดนใหม่ๆ มาเป็นเวลานาน ภายหลังจากที่มนุษย์คิดค้นจรวดได้ เป็นแรงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะส่ง ยานอวกาศ ไปพร้อมกับจรวดเพื่อสำรวจดินแดนอันกว้างใหญ่ในอวกาศ จวบจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน แต่ ก็มีปัญหาก็คือเชื้อเพลิงที่ต้องใช้อย่างมหาศาลและระยะทางมหาศาลที่มีหน่วย วัดเป็นปีแสง มีวิธีไหนที่เราสามารถการเดินทางระหว่างดวงดาวได้ง่ายๆ บ้างหนอ สังเกต ไหมครับว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมายังโลกได้ ทั้งๆ ที่มีโลกมีระยะทางไกลหลายหมื่นปีแสดง ก็เพราะยานของพวกเขาต้องมีระบบอะไรสักอย่างในการย่นระยะทางการเดินทางแน่นอน หากเรารู้เทคโนโลยีนี้เราสามารถเดินทางไปดวงดาวไหนๆ ก็ได้ในจักรวาล โดยแนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ปัจจุบันดูเหมือนว่า NASA จะพยายามทดลองโครงการการขับเคลื่อนเช่นนี้อยู่ และบางทีมันอาจเป็นไปได้ในอนาคต
http://image.ohozaa.com/i/g77/4BcufN.jpg
9. Terraforming
มีความหมายว่า การเปลี่ยนสภาพของดาวเคราะห์(Terraform) กระบวนการสมมุติที่ให้ดาวที่แห้งแล้ง มีบรรยากาศเบาบาง มีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงสภาพภายในดาว จนเกือบปราศจากสนามแม่เหล็ก(และรังสีต่างๆจากดวงอาทิตย์ ชการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ, อุณหภูมิ, พื้นผิว และนิเวศวิทยาให้ดวงดาวนั้นมีลักษณะคล้ายโลก ที่เราสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เช่นดวงอังคารที่มีโครงการมายาวนานแล้วว่าสักวันเราจะสามารถอพยพไปอยู่ที่ นั้นได้เหมือนกับอยู่บนโลก โดยแนวคิดนี้เป็นขององค์การนาซา ที่เริ่มมีโครงการจะไปเริ่มสร้างเมืองในอวกาศ โดยเลือกพื้นที่ดาวอังคาร เพราะมีสภาพเหมือนกับโลก ขณะที่ดาวดวงอื่นเต็มไปด้วยอากาศพิษ ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป ดาวพฤหัสฯ มีสภาพเป็นกรด ดาวอังคารแม้อากาศหนาวและมีสภาพไร้น้ำหนัก แต่มนุษย์อยู่ได้ด้วยการไปสร้างเมืองกระจกทำให้มีแรงโน้มถ่วงเหมือนกับอยู่ บนโลกได้ ในเบื้องต้นจะส่งคนออกไปสร้างอุตสาหกรรมในอวกาศ ใช้วัตถุดิบจากดวงจันทร์ของดาวอังคาร ซึ่งมีอยู่ 2 ดวง จะมีสารทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ยิปซัม แร่ธาตุต่างๆ และการขนย้ายแร่ธาตุเหล่านี้จะเป็นไปโดยง่ายบนสภาพไร้น้ำหนัก
http://image.ohozaa.com/i/g4c/R0OXka.jpg
8. Space Elevator
แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศ ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศ และจรวดขับดัน ชาวรัสเซีย ชื่อ คอนสแตนติน โซลคอฟสกี (Constantin Tsiolkovsky, ค.ศ. 1857 - 1935) ได้เขียนบทความชื่อ "Daydream about the Earth and the Heaven" (ฝันกลางวันเกี่ยวกับโลกและสวรรค์) ในปี 1985 กล่าวถึง "หอคอยสูงเสียดฟ้าจากผิวโลกถึงอวกาศ” จากนั้นเป็นต้นมาก็มีหลายคนวางโครงการที่ยิ่งใหญ่โดยพยายามสร้างทางเชื่อม โลกกับดวงดาวต่างๆ ไว้มีวัตถุประสงค์เคลื่อนย้ายคนและสิ่งของจากพื้นผิวโลกขึ้นไปในอวกาศ รูปแบบที่มีการนำเสนอมักเป็นโครงสร้าง โดยสร้างต่อเนื่องจากผิวโลก ขึ้นไปยังวงโคจรค้างฟ้า และสร้างต่อเนื่องออกไป โดยมีตุ้มน้ำหนักถ่วงที่ปลายอีกด้านหนึ่ง วัสดุที่มีการเสนอให้ใช้ มีลักษณะเป็นเคเบิล หรือแถบรับน้ำหนัก ที่สามารถรับกำลังได้สูง โดยทำเลที่ตั้งโครงสร้างจะอยู่บริเวณแถบเส้นศูนย์สูตร แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศมีเค้าลางแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเมื่อ นาซ่า ได้ให้ความสนใจโครงการดังกล่าวอย่างจริงจังและได้นำแนวคิดดังกล่าวเข้าร่วม พิจารณาในปี คศ.1999 ทั้งได้มีการทดลองเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ "ลิฟต์อวกาศ" หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Geostationary Orbiting Tether "Space Elevator" โดยได้ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล เมืองฮันสวิลล์ รัฐอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนาซ่าจัดให้มีการวิจัยในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษาวิจัยความเป็นไปได้จริงของลิฟต์อวกาศมีมากน้อยเพียงใด การวิจัยและพัฒนาหาวัสดุเหมาะสมสำหรับใช้เป็นสายเคเบิลของลิฟต์อวกาศ การทดลองขั้นต้นเกี่ยวกับลิฟต์อวกาศโดยยานขนส่งอวกาศโดยได้ทดลองปล่อยสายเค เบิ้ลหลายกิโลเมตรเป็นจำนวนหลายครั้ง โครงสร้างของลิฟต์อวกาศ ระบบขับเคลื่อน รวมทั้งเรื่องผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์
http://image.ohozaa.com/i/298/g1ETCz.jpg
7. Force field
สนามพลังงาน, บาเรีย, เกราะพลังงาน เกราะบาเรีย โล่มหัศจรรย์ ที่เราพบเห็นในหนังนิยายไซไฟแหละครับ เคยเห็นไหมจำพวกสงครามอวกาศที่ปล่อยพลังงานโดยใช้อนุภาคอะไรสักอย่างป้องกัน อาวุธหรืออุกาบาตต่างๆ ไม่ให้เข้ามาทำอันตราย ยาน, ดวงดาวได้ มันคงดีไม่น้อยหากเรามีเทคโนโลยีชนิดนี้ เพราะหากมีโลกเราก็จะปลอดภัยเรื่องอุกาบาตรชนโลก ยานอวกาศสามารถป้องกันชั้นบรรยากาศก็ได้ สหรัฐก็ไม่ต้องกลัวนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโจมตีประเทศของตน ป้องกันน้ำท่วม ป้องกันเมียที่เห็นเราเจ้าชู้เอาปืนมายิง(เอิ่ม... [=____= lll]) ทุกอย่างป้องกันด้วยบาเรีย รู้สึกว่าเทคโนโลยีเป็นจริงอีกครั้งเมื่อมหาลัยกลุ่มวอชิงตันพยายามทดสอบโดย ใช้ม่านพลาสมาห่อหุ้มยานอวกาศ เพื่อใช้ป้องกันรังสีจากดวงดาวและอนุภาคบางอย่างเวลาท่องอวกาศ เช่นเดียวกับคนงานในโรงไฟฟ้า 3M ในมลรัฐเซาท์แคโรไลนา ในเดือนสิงหาคม 1980 ได้พบผนังไฟฟ้าสถิตมองไม่เห็นในพื้นที่หนึ่งในแผ่นฟิล์มพอลิโพรไพลีนซึ่งบาง ทีมันอาจสามารถดัดแปลงเป็นบาเรียในอนาคตก็เป็นไปได้
http://image.ohozaa.com/i/58f/dIdzdO.jpg
6. Panacea (medicine)
ยาแก้สารพัดโรค(ภาษาอังกฤษตั้งชื่อตามเทพธิดาแห่งการรักษาของกรีก)แน่นอนว่า เทคโนโลยีสำคัญต่อชีวิตเราแน่นอน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องกลัวโรคร้ายที่รักษาไม่หายอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เอดส์, มะเร็ง, ไวรัสทุกอย่าง อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการยืดอายุอีก เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลย และความคิดเหล่านี้กำลังเป็นจริงเมื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ โดยพวกเขากำลังศึกษายีนพันธุกกรมและสิ่งแวดล้อมที่ ในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นในยุคปัจจุบัน
http://image.ohozaa.com/i/69f/pWlfUB.jpg
5. Anti-Gravity
พลังงานต้านแรงโน้มถ่วง มันเป็นแนวคิดในการสร้างสถานที่หรือวัตถุที่เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วงของโลก คือแรงโน้มถ่วงของโลกจะไม่แสดงหรือไม่สามารถใช้ได้กับสถานที่หรือวัตถุ เหล่านั้น พลังงานต้านแรงโน้มถ่วงนั้นไม่ใช่ของใหม่ มนุษย์เราใฝ่ฝันถึงเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งในนิยายวิทยาศาสตร์และโลกของวิชาการ สำหรับในประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์นั้น ความคิดเกี่ยวกับ Anti-Gravity ที่สำคัญที่สุด ได้ถูกประดิษฐ์เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นเป็นเพียงแค่เสมียนธรรมดาๆคนหนึ่งในสำนำงานจดลิขสิทธิ์ เขาผู้นั้นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่นเอง และต่อมาก็มีการพัฒนาเรื่องนี้หลายโครงการและบางทีมันอาจจะเป็นจริงในอนาคตก็ได้(แต่ถ้าโลกไม่มีแรงโน้มถ่วงเลย จะเป็นยังไงล่ะเนี่ย ?)
http://image.ohozaa.com/i/9fc/FDq4CC.jpg
4. Bionics
Bionics หมายถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะที่เลียนแบบการปรับตัวทางชีวภาพในสิ่งแวดล้อม เช่น เรือดำน้ำผิวเหมือนปลาโลมา, ภาพอัลตราซาวด์เลียนแบบคลื่นความถี่ของค้างคาว นอกจากนี้คำนี้ยังหมายถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายหรืออวัยวะ ของมนุษย์ให้เข้ากับเครื่องจักร เช่น หัวใจเทียม, ประสาทหูเทียม เลนส์ตา ฯลฯ แนวความคิดที่จะจับเอาบางส่วนของหุ่นยนต์มาใส่ให้แก่คนที่มีสมรรถนะร่างกาย ต่ำกว่าคนปกติ เช่น แขนเทียม ขาเทียม ไปจนถึงมือเทียม ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจากทั้งผู้วิจัยและพัฒนา และผู้ใช้ทั่วโลก
http://www.youtube.com/watch?v=X1OBzc9QfIs
ในปี ค.ศ. 2006 โลกได้กำเนิดมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์ทั้งเพศชายและเพศหญิงเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ได้สูญเสียแขนจากอุบัติเหตุ คลาวเดีย มิทเชล (Claudia Mitchell) [จากคลิปด้านบนแต่ไม่มีเสียงพูด] เล่าว่าในช่วงแรกที่เธอกลับมาใช้ชีวิตที่มีแขนข้างเดียว เวลาจะรับประทานกล้วย เธอต้องเอาเท้าทั้งสองจับกล้วยแล้วใช้มือขวาที่เหลืออยู่ปอกกล้วย “การปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เคยคิด” ถึงแม้ในที่สุดเธอจะยังสามารถทำภารกิจแบบนี้ได้ มันก็มักจะทำให้อารมณ์เธอแปรปรวนทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเพียงแต่เอาแขนกลมาอยู่ใกล้ๆ กล้วยแล้วพยายามคิดที่จะจับกล้วย แขนกลนั้นจะตอบสนองคำสั่งจากสมองของเธอด้วยการจับกล้วยลูกนั้น ก่อนที่เธอจะใช้มือจริงของเธอปลอกเปลือกมันออกเพื่อรับประทาน ทหารผ่านศึกพิการจากสงครามในอิรักของสหรัฐอเมริกาจำนวนหลายร้อยคน ต่างก็รอคอยการกลับไปใช้ชีวิตที่ถึงไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เคยทำ อยู่เดิม เทคโนโลยี Bionics จักเป็นความหวังให้ผู้พิการทางร่างกายทั่วโลก ได้ใช้ชีวิตเทียบเท่ากับคนธรรมดา
http://image.ohozaa.com/i/51e/3y9ASv.jpg
3. Global Municipal Wi-Fi
เครือข่ายระบบไร้สายทั่วโลก หรือ Wi-Fi(WLAN = Wireless Local Area Network) เป็นแนวคิดการเปลี่ยนทุกที่ในโลกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สารให้เป็น แบบบริการสากล โดยใช้โปรแกรมเครือข่ายไร้สาร อุปกรณ์ทุกตัวที่ต่างยี่ห้อกันจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ประสบ ปัญหา โดยระบบการสื่อสารข้อมูลแบบไร้สารนี้มีความคล่องตัวมาก เพราะใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ RF และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ ทะลุกำแพง เพดานหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ โดยปราศจากความต้องการของการเดินสาย อีกทั้งยังสามารถทำงานได้โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ที่ต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ แต่เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นอาจไม่สามารถเป็นจริงได้เพราะขาดความเข้าใจกัน ระหว่างบริษัท เอกชน และรัฐบาล ที่ไม่สนับสนุนเท่าใดนัก(อ่านะ)
http://image.ohozaa.com/i/75b/uqoQYR.jpg
2. Transatlantic tunnel
อุโมงค์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นอุโมงค์ของรถไฟฟ้าที่คิดจะสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามระหว่างทวีปอเมริกา เหนือและทวีปยุโรป โดยรถไฟฟ้านั้นจะใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง 300 ถุง 5000 mph(500 ถึง 8000 km/h) พูดง่ายๆ ก็คือสามารถเดินทางจากนิวยอร์กไปลอนดอนได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หรือจัดส่งสินค้าต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย(แต่ว่านะ จะต้านแรง G ไหวเหรอน่ะ) ความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวนี้ความจริงไม่เกินความสามารถของเรา หากแต่อุปสรรคสำคัญในการสร้างอุโมงค์ดังกล่าวคือค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประมาณ 12,000,000,000,000 ดอลลาร์(เลขศูนย์ครบทุกตัว)และเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องใช้วัสดุอย่างดี พร้อมระยะเวลาในการสร้างที่ยาวนานซึ่งบางทีอาจใช้เวลา 3,000 ปี
http://image.ohozaa.com/i/557/M4O6Y5.jpg
1. Ocean Colonization
สมมุติหากวันหนึ่งน้ำท่วมโลกเราจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบคือเทคโนโลยี “การสร้างอาณานิคมใต้น้ำ” จะดีขนาดไหนที่เราสามารถสร้างโลกใต้น้ำโดยไม่ต้องกังวลน้ำท่วมได้ Ocean Colonization เป็นทฤษฏีที่มีความคิดว่ามนุษย์น่าจะสามารถสร้างชุมชนถาวรขนาดใหญ่ที่สามารถ จุคนได้เป็นแสคนในโลกใต้ทะเลได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องความกดดันอากาศของน้ำ หรือเรื่องอากาศหายใจ โดยอาณานิคมนั้นใช้พลังงานหมุนเวียน ทำให้เกิดแสงสว่างเสมือนกับหนึ่งโลกข้างบน(ความจริงความหมายนี้รวมไปถึงการ สร้างอาณานิคมที่พื้นน้ำด้วย) แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ก็ยังคงเป็นทฤษฏีในฝันต่อไปเนื่องจากความเป็นไปได้ต่ำ มาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมอารยธรรมและสภาพเศรษฐกิจและสังคมใน อาณานิคม การสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวกับโลกใต้ทะเล ระบบพลังงานมหาศาล การขนส่งทางทะเล
http://upic.me/i/dk/zorori_06.gif อืม... ก็คล้ายๆกับทำนองของ "10 อันดับ สิ่งประดิษฐ์ไฮเทคที่ไม่สมควรคิดค้น (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=135786)" ที่เคยโพสต์ไปเมื่อครั้งก่อนน่ะครับ ก็ขอตอบแบบเดียวกันเลยนะครับ ว่ามันก็แล้วแต่ล่ะความคิดน่ะแหละครับ ว่าจะมีแนวคิดหรือตัดสินยังไงน่ะครับ
Credit : http://toptenthailand.com/2012/toptenlist.php?cate=12&sub_id=435&topic_id=546&list_id=1313 http://image.free.in.th/z/iz/zorori04.gif
Interstellar Travel กับ Force field สุดยอด
Panacea (medicine)
ยาแก้สารพัด " โลก " ... :p
http://upic.me/i/dk/zorori_06.gif แก้ล่ะครับ ขอบคุณที่บอกครับ =w=