PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : 10 ปริศนาการหายสาบสูญที่เราไม่ค่อยรู้จัก



Speedy-K.O.
4th November 2012, 18:26
บนโลกของเรานั้นมีเรื่องราวปริศนามากมาย บางอันก็น่าพิศวง บางอันก็น่ากลัว น่าสยดสยอง ลึกลับ โดยเฉพาะเรื่องราวการหายตัวนั้นเป็นปริศนาที่น่ากลัวที่สุดของโลกเรามาช้านาน ตั้งแต่อดีตและปัจจุบันมีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมากมาย คุณคิดว่าเกิดจากอะไรดีล่ะ ?



http://image.ohozaa.com/i/eab/1PWOS.jpg

10. The Flannan Isles lighthouse keepers

หนึ่งในกรณีของการหายสาบสูญที่น่าพิศวงก็คือกรณีเหตุเกิดที่เกาะฟรานแนน ซึ่งเป็นเกาะเล็กแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากสกอตแลนด์ประมาณ 20 ไมล์ โดยเกาะแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นจุดเด่นก็คือประภาคารสูงกว่า 23 เมตร ที่สร้างขึ้นระหว่าง 1895 และ 1899 และสถานที่แห่งนี้เองได้เกิดเรื่องลึกลับขึ้น เมื่อในวันที่ 15 ธันวาคม 1900 เรือกลไฟที่ผ่านเกาะแห่งนี้ในสภาพอากาศเลวร้ายได้สังเกตว่าแสงไฟจากประภาคารไม่ได้ส่องนำทางให้แก่เรือของพวกเขา ทั้งที่ในประภาคารเวลานั้นมีเจ้าหน้าที่ประภาคารสามคนผลัดเปลี่ยนเวรอยู่ แต่เนื่องด้วยตอนนั้นสภาพอากาศเลวร้ายทำให้พวกเขาไม่ได้ขึ้นไปตรวจสอบ จนกระทั้งวันต่อเมื่อมีตรวจสอบประภาคารก็พบว่ายามทั้งสามคนได้หายตัวไปอย่างลึกลับจากเกาะโดยทิ้งหน้าที่ของพวกเขาเอาไว้ ที่น่าลึกลับก็คือประตูทางเข้าประภาคารได้ถูกปิดลง นาฬิกาหยุด เตียงถูกทำลาย เครื่องครัวของทุกคนสะอาดแสดงว่าเขาน่าจะหายไปหลังอาหารค่ำ แม้หลายฝ่ายจะมีการค้นหาสามยามดังกล่าวจากหน้าผาหรือในน้ำแต่ก็ล้มเหลว หลายคนเชื่อว่าสามคนที่หายไปนั้นเกิดจากพายุจากสภาพอากาศที่เลวร้าย หรือจากปรากฏการณ์ลึกลับเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว งูทะเลยักษ์คาบไปกิน หรือไม่ก็ทั้งสามถูกลักพาตัวโดยสายลับต่างชาติ




http://image.ohozaa.com/i/459/UXbbKv.jpg

9. Katz II

ในปี 2007 มีการพบ เรือยอร์ช Katz II ยาว 9.8 เมตร ถูกทิ้งนอกชายฝั่งของรัฐควีนส์แลนด์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลียในเดือนเมษายน เรือยอร์ชดังกล่าวได้ออกจากหาดแอร์ลีบิซเมื่อวันอาทิตย์ 15 เมษายน แล่นไปประมาณ 80 ไมล์ทะเล(150กิโลเมตร) ก่อนที่จะหยุดแถวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ (แนวปะการังใหญ่) ละถูกพบโดยเจ้าหน้าที่ทางทะเล เมื่อพวกเขาสำเร็จเรือก็พบว่าคนบนเรือสามคนหายไปหมด ในขณะที่เสื้อชูชีพและอุปกรณ์ช่วยรอดชีวิตอยู่ในเรือ อีกทั้งเครื่องยนต์ยังทำงานเป็นปกติ(เสียหายไปบ้างแต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง) วิทยุสื่อสารก็ปกติ ทิ้งงานค้างเอาไว้ และอาหารยังอยู่บนโต๊ะ ราวกับว่าลูกเรือหายไปอย่างทันทีทันใด จากการค้นหาลูกเรือทั้งสามก็ล้มเหลว ที่น่าพิศวงก็คือที่รอบๆ พื้นที่ดังกล่าวไม่มีเรือหรือแพลำไหนเลยลอยอยู่ ส่วนภาพเป็นรูปถ่ายวีดีโอตอนที่มีลูกเรืออยู่ก่อนที่จะหายตัวไป จากการตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด จากเหตุการณ์ดังกล่าวหลายคนเปรียบเทียบว่าเหมือนเหตุการณ์คนหายในเรือแมรี่เซเลสเต้ เลยทีเดียว ส่วนคำอธิบายของสาเหตุดังกล่าวก็มีหลากหลาย เช่นเรืออาจเจอสภาพอากาศเลวร้ายฉับพลัน ถูกคลื่นประหลาดพัด ถูกพายุโฉบ ฯลฯ




http://image.ohozaa.com/i/d64/mnLtGv.jpg

8. Pilot Felix Moncla Lost Chasing UFO

การหายสาบสูญที่น่าพิศวงหลายกรณีนั้น มักมีเรื่องเหนือธรรมชาติเกี่ยวของอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องของมนุษย์ต่างดาว อย่างเรื่องกรณีของเฟลิกซ์ นักบินที่ไล่ตามวัตถุบินลึกลับก่อนที่จะหายสาบสูญไปอย่างไม่มีวันกลับ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนเย็นของวันที่ 23 พฤศจิกายน 1953 สถานีป้องกันทางอากาศของสหรัฐได้พบเรดาร์ว่ามีวัตถุไร้ที่มาที่ซูล็อกใกล้ทะเลสาบสุพีเรีย มิชิแกน ใกล้กับชายแดนสหรัฐและแคนาดา พวกเขาเลยส่งเครื่องบินควบคุมโดยมีคนขับคือเฟลิกซ์ ส่วนโรเบิร์ตเป็นคนปฏิบัติการจอเรดาร์ เครื่องบินออกจากฐานทัพอากาศคินรอสและพยายามตามรอยเป้าหมายลึกลับบนเรดาร์นั้น โดยวัตถุลึกลับดังกล่าวบิน ด้วยความสูง 8000 ฟุตจากพื้นดิน ระหว่างนั้นสัญญาณการสื่อสารมีปัญหาเล็กน้อย โดยเครื่องบินของเฟลิกซ์ได้บินไปจนถึงเป้าหมายลึกลับ ต่อมาก็เกิดเรื่องลึกลับขึ้นเมื่อภาพจอเรดาร์ปรากฏว่าเครื่องบินได้รวมตัวเป็นหนึ่งตัวกับวัตถุลึกลับนั้น(เชื่อกันว่าเครื่องบินอยู่ใกล้เป้าหมายมากจนเกือบเชื่อว่าเครื่องบินถูกชน) และหลังจากนั้นสัญญาณเครื่องบนและวัตถุลึกลับก็ได้หายไป แม้ว่าจะมีพยายามติดต่อตัวนักบินทางวิทยุก็ไม่สำเร็จ จากนั้นก็มีการค้นหาและกู้ภัยแต่ก็ไม่พบร่องรอยซากเครื่องบินหรือตัวนักบินเลย ซึ่งต่อมาหลายฝ่ายได้ขนานนามเหตุการณ์นี้ว่า "เหตุการณ์คินรอส" จากนั้นก็มีแถลงการณ์จากกองทัพอากาศ โดยตอนแรกเชื่อว่านักบินเกิดอากาศวิงเวียนศีรษะจนเกิดอุบัติเหตุในทะเลสาบ หรือไม่ก็เกิดแรงระเบิด หากแต่หลายคนไม่เชื่อเพราะไม่มีการพบซากเครื่องบิน และเชื่อว่าเป็นฝีมือของจานบิน ล่าสุดบริษัทเรือดำน้ำของมิชิแกนได้ออกมายืนยันว่าพวกเขาได้พบซากเครื่องบินและยูเอฟโอ หากแต่การค้นหานี้ได้ถูกระงับและออกมาแถลงการณ์ว่าเป็นเรื่องหลอกลวง




http://image.ohozaa.com/i/39b/cuwCNv.jpg

7. Frederick Valentich’s Disappearance

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 21 ตุลาคม 1978 ขณะที่เฟรเดอริก วาเลนติช นำเครื่องบินส่วนตัว Cessna 182 ขึ้นบินจากกรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย มุ่งหน้าไปยังเกาะคิงไอแลนด์ ขณะที่บินอยู่เหนือมหาสมุทร เขาแจ้งไปยังหอบังคับการการบินว่ามีเครื่องบินลำอื่นเคลื่อนที่อยู่ในระดับ ความสูงเดียวกับเขา หากแต่หอบังคับการการบินแจ้งกลับไปว่าไม่มีเครื่องบินลำอื่นบินอยู่ในระดับความสูงนั้น แต่เฟรเดอริกยังยืนยันว่ามันบินอยู่ห่างจากเขาไปแค่ 300 เมตรเท่านั้น แต่รูปร่างมันไม่เหมือนเครื่องบินชนิดใดที่เขาเคยเห็นมาก่อน มันมีลำตัวยาวมากและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง 30 วินาทีต่อมา เฟรเดอริกรายงานว่า เครื่องบินประหลาดบินเคลื่อนตัวมาประชิดกับเขา มันมีลักษณะเป็นโลหะมันวาว มีไฟสีเขียวบนลำตัว จู่ๆมันก็บินหายไปจากสายตา การติดต่อขาดหายไปเป็นเวลา 28 วินาที เฟรเดอริกรายงานอีกครั้งว่าเครื่องบินลึกลับบินกลับมาประชิดเขาอีกครั้ง และเขาได้พูดประโยคหนึ่งที่ยังคงลึกลับจนถึงปัจจุบันว่า "มันกำลังลอยตัว มันไม่ใช่เครื่องบิน" เฟรเดอริกเงียบเสียงไป แต่เสียงบรรยากาศแวดล้อมบ่งบอกว่าเครื่องส่งวิทยุยังคงทำงานอยู่ เสียงคล้ายโลหะขัดสีกันดังอยู่นาน 17 วินาที และมันคือเสียงสุดท้ายที่หอบังคับการบินได้บันทึกเอาไว้ เฟรเดอริกไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก เขาไม่ได้นำเครื่องลงจอดที่เกาะคิงไอแลนด์ ทั้งเฟรเดอริกและเครื่องบินหายสาบสูญไปเฉยๆ และไม่มีใครพบเห็นตัวเขานับจากนั้นเป็นต้นมา มีผู้พยายามอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเฟรเดอริกเกิดประสาทหลอนขับ เครื่องบินตีลังกากลับหัว มองเห็นเงาสะท้อนของเครื่องบินตัวเองบนผิวทะเลและคิดไปว่าเป็นเครื่องบินลำ อื่น แต่ไม่มีใครสามารถอธิบายเสียงโลหะเสียดสีกันในช่วง 17 วินาทีสุดท้ายของการติดต่อทางวิทยุได้




http://image.ohozaa.com/i/e49/fOoUol.jpg

6. Vanished Cripple

โอเว่น พาร์ฟิตต์ชายอายุ 60 ปี ได้ป่วยเป็นอัมพาตเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองใหญ่ ในเดือนมิถุนายน 1763 ที่เซฟดัน มาร์เลท ประเทศอังกฤษ โอเว่นนั่งนอกบ้านของน้องสาวของเขาซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่เขามักทำเสมอในตอนเย็นที่อากาศอบอุ่น ตอนนั้นเขาใส่ชุดนอนและผ้าคลุมนั่งเงียบๆ ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับถนนเป็นฟาร์มที่ตอนนั้นคนงานกำลังเสร็จสิ้นภารกิจในการจัดการกองฟาร์มอยู่ ต่อมาเมื่อถึงเวลา 7:00 PM น้องสาวของโอเว่นที่ชื่อ ซูซานนาห์ พาร์ฟิตต์ กำลังจะออกไปข้างนอกกับเพื่อน และเธอได้ไปหาโอเว่นเพื่อพาเขาเข้ามาในบ้านเนื่องจากพายุกำลังจะเข้า หากแต่แล้วเธอกับพบว่าเขาหายไป เหลือแต่เสื้อคลุมที่เขาพับไว้ที่นั่งเท่านั้น จากการสอบสวนก็ไม่พบอะไรทั้งสิ้นแม้แต่ร่างเขาของ จนกระทั้งสิ้นสุดลงใน 1933 ปี และจนบัดนี้ไม่มีร่องรอยหรือเบาะแสโอเว่น




http://image.ohozaa.com/i/a54/INwVJa.jpg

5. Time Tunnel

ในปี 1975 มีชายคนหนึ่งชี่อไมเคิ่ล ไรท์ กำลังขับรถโดยมีภรรยามาร์ธ่านั่งมาด้วย พวกเขาขับรถจากนิวเจอร์ซีย์เพื่อยังนิวยอร์ก โดยระหว่างทางพวกเขาต้องผ่านอุโมงค์ลินคอล์น และเมื่อไมเคิ่ลขับรถผ่านอุโมงค์แล้วเขาได้เช็ดไอน้ำที่ติดกระจกหน้ารถออก และภรรยาก็อาสาจะทำความสะอาดกระจกด้านหลังด้วยเพื่อให้รถพร้อมที่จะเดินทางต่อ และเมื่อไมเคิ่ลทำความสะอาดเสร็จเขาก็หันกลับไปก็พบว่าภรรยาของเขาได้หายไป ซึ่งเขาไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติเลย จากการสืบสวนภายหลังไม่พบสิ่งปกติอะไรและในอุโมงค์แห่งนั้น และไม่มีใครพบเห็นมาร์ธ่าอีกเลยไม่ว่าจะเป็นศพหรือตัวเป็นๆ





http://image.ohozaa.com/i/682/e5tTDg.png

4. The Norfolk Regiment

ตำนานการหายตัวสาบสูญของกองทัพทหารทั้งกองทัพจากคำบอกเล่าของพยานซึ่งเป็นทหารสามนายยังคงความลึกลับมายาวนานตลอด 50 ปี โดยเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อปี 1915 ในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยตอนนั้นพยานสามนายซึ่งเป็นสมาชิกของบริษัทนิวซีแลนด์ได้มองดูกองทหาร Norfolk (เป็นกองทหารราบของอังกฤษ) กำลังเดินขบวนสวนสนามอยู่ในตุรกี เดินอยู่แถวหน้า ข้างเทือกเขา Suvla Bay จู่ๆ ก็มีหมอกหรือเมฆประหลาดเคลื่อนตัวลงต่ำปกคลุมอยู่ทั่วอย่างช้าๆ ทำให้มองไม่เห็นกองทัพดังกล่าว หลังจากที่ทหารคนสุดท้ายผ่านเข้าไปในหมอกดังกล่าว และเมื่อหมอกหรือเมฆเลื่อนออกจากข้างภูเขาและหายไปปรากฏว่าทหารหายไปทั้งกองทัพ โดยไม่สามารถอธิบายได้ว่าเรื่องแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตอนแรกรัฐบาลอังกฤษเชื่อว่าทหารของพวกเขาถูกพวกตุรกีจับไป หากแต่ทางการตุรกีปฏิเสธ และจนบัดนี้เราก็ไม่ทราบข่าวกองทัพทหารอังกฤษทั้งกองทัพแม้แต่น้อยเลยนับจากวันนั้น





http://upic.me/i/yw/606455-topic-ix-7.jpg

3. The Legend of David Lang

นี่คือหนึ่งในการหายสาบสูญที่มีชื่อเสียง เมื่อเดือนกันยายน 1880 ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองกัลลาติน มลรัฐเทนเนสซี ได้เกิดเรื่องประหลาดต่อหน้าต่อตาพยานหลายคน เมื่อเด็กน้อยชื่อ ยอร์ช อายุ 8 ขวบ และซาร่าห์ แลง อายุ 11 ขวบ เล่นกันอยู่บ้านของพ่อแม่พวกเขาเดวิดและเอ็มม่า ตอนนั้นเดวิดได้ออกมาทางประตูหน้าบ้านและเดินผ่านข้ามทุ่งเลี้ยงสัตว์ โดยบอกกับภรรยาว่าอีก 2-3 นาทีเขาจะกลับ ในตอนรถม้าที่เพื่อนของเดวิดซึ่งเป็นผู้พิพากษา ชื่อออกัสท์ เป็ค มุ่งหน้ามายังบ้านเขาเห็นเดวิดโบกมือให้ออกัสท์ แล้วเขาก็เดินกลับบ้าน เพื่อเตรียมต้อนรับเขา และเวลานั้นเองร่างทั้งร่างของเดวิด แลง ก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาบุคคลทั้งหมด ราวกับล่องหนไปเฉยๆ นางแลงร้องกรี๊ดสุดเสียง ในขณะที่บุตรของนางทั้งสองคนยืนตะลึงจังงังพูดไม่ออก แต่แล้วโดยสัญชาตญาณ ทุกคนออกวิ่งไปยังจุดที่เห็นแลงยืนอยู่เมื่อครู่นี้ ผู้พิพากษาเป็คและน้องเขยซึ่งมากับรถม้ารีบก้าวลงและวิ่งข้ามทุ่งนาไปเกือบจะพร้อมๆกัน ในจุดที่เดวิดหายไม่มีหลุมอะไรเลยแม้แต่น้อย จากการค้นหาก็ไม่พบอะไรที่จะเกี่ยวข้องกับเดวิดแม้แต่น้อย เรื่องราวยังไม่จบเวลาผ่านไป 7 เดือน เหตุประหลาดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ในเดือนเมษายน 1881 ลูกชายหญิงทั้งสองของเดวิด แลง ออกไปเล่นยังจุดที่พ่อของพวกเขาหายตัวไป ได้สังเกตว่ามีวงหญ้าสีเหลืองบริเวณบริเวณดังกล่าวที่ล้มและร่วงจนกลายเป็นวงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 ฟุต เห็นได้ถนัดชัดเจนอย่างประหลาด แล้วเด็กทั้งสองก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังจากวงหญ้าสีเหลืองดังกล่าวว่า "ซาร่าห์...ยอร์ช ช่วยพ่อด้วย...ช่วยด้วย"




http://image.ohozaa.com/i/7ef/MgwYRC.jpg

2. The Stonehenge Disappearance

กองหินประหลาด Stonehenge ของประเทศอังกฤษเองก็มีเรื่องราวการหายสาบสูญลึกลับเหมือนกัน โดยในเดือนสิงหาคม ในปี 1971 ซึ่่งในช่วงเวลานั้น Stonehenge ยังไม่ได้รับคุ้นครองจากทางการ ทำให้มีหลายคนเข้ามายุ่งย่ามกับกองหินดังกล่าวหลายครั้ง จนกระทั้งวันหนึ่งมีกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า "Hipples" ได้เข้ามากางเต็นท์ที่กองหินดังกล่าว ตรงจุดศูนย์กลาง และ พวกเขาได้ตั้งหม้อทำอาหารและนั่งรอบๆ สูบบุหรี่ และเล่นเกมรอบกองไฟ จนกระทั้งเวลาประมาณสองทุ่ม จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องรุนแรง ลมแรง และฟ้าผ่าลงในพื้นที่ตรงจุดศูนย์กลางของกองหิน ทำให้ต้นไม้บริเวณดังกล่าวเสียหาย และตอนนั้นเองมีพยานสองคนซึ่งเป็นชาวนาและตำรวจได้เห็นกองหินประหลาดมีแสงสว่างสีน้ำเงินจ้าจนแสบตา และพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากกองหินประหลาดดังกล่าว ซึ่งตอนแรกพวกเขานึกว่าเป็นเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือเพราะได้รับบาดเจ็บจากฟ้าผ่าดังกล่าว และเมื่อทำการสำรวจดู ปรากฏว่าพวกเขาไม่พบใครเลยแม้แต่คนเดียวในกองหินประหลาดดังกล่าว พวกเขาหายตัวไปราวกับอากาศธาตุ ไม่มีแม้แต่ชิ้นส่วนศพใดๆ ปรากฏเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่พวกเขายืนยันว่าในเวลาดังกล่าวพวกเขายังเห็นคนทั้งกลุ่มอยู่กลางกองหินประหลาดก่อนที่จะหายไป




http://image.ohozaa.com/i/3f2/ZdjDt8.jpg

1. The Village That Disappeared

ไม่มีเรื่องราวหายสาบสูญไหนที่จะลึกลับประหลาดและน่ากลัวเกินไปกว่าการหายสาบสูญของคนทั้งหมู่บ้านกว่า 2,000 คน ที่มีทั้งผู้ชาย เด็กและผู้หญิง โดยเรื่องราวเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 1930 เมื่อนายพรานคนหนึ่งชื่อ Labelle ได้นำขนสัตว์ที่ล่ามาได้มาขายในหมู่บ้านชาวเอสกิโมที่ตั้งอยู่ข้างทะเลสาบ Ankikuni ในแคนาดาตอนเหนือ นายพรานคนดังกล่าวคุ้นเคยกับหมู่บ้านนี้ดีว่ามีชาวบ้านกี่คน แต่ละคนมีนิสัยอย่างไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาไปถึงกลับพบว่าหมู่บ้านดังกล่าวรกร้าง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเลย จากการสำรวจกระท่อมก็ยิ่งน่าตกใจของว่าบางกระท่อมปรากฏว่าเคยมีหลักฐานว่ามีคนอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน บางกระท่อมมีไฟกำลังเผาไหม้บนหม้อที่กำลังตุ๋นเนื้อจนดำ นายพรานคนดังกล่าวตกใจเรื่องนี้มากจึงแจ้งทางการให้ลงมือสืบสวนและตรวจสอบ หากแต่เมื่อทำการค้นหาพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียดพวกเขาไม่พบร่องรอยหรือหลักฐานอะไรทั้งสิ้น ไม่มีแม้กระทั้งซากศพชาวเอสกิโมที่ฝังอยู่ในใต้หิมะหรือรอยเท้าแต่อย่างใด หลักฐานที่พอเป็นไปได้ก็คือซากศพสุนัขเลี้ยงที่ถูกอดอาหารจนตายที่ถูกฝังใต้พื้นหิมะ 15 ฟุตเท่านั้น ทำให้เชื่อได้ว่าพวกเขาได้สละหมู่บ้านอย่างเร่งด่วนจนลืมแม้กระทั้งสุนัขตนเอง หรือเกิดเหตุการณ์อะไรที่ทำให้คนหายไปจากหมู่บ้านกะทันหัน และที่น่าสุดพิศวงที่สุดก็คือเมื่อพวกเขาทำการสำรวจสุสานบรรพบุรุษของหมู่บ้านเอสกิโมปรากฏว่าว่างเปล่า โดยทฤษฏีที่น่าเชื่อที่สุดก็คือถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว แต่จนบัดนี้ปริศนาการหายสาปสูญหมู่บ้านเอสกิโมก็ไม่มีคำตอบแต่อย่างใด


Credit : http://www.toptenthailand.com/display.php?id=3919 http://image.free.in.th/z/iz/zorori04.gif



ขอบคุณครับ ผมชอบอ่านเรื่องแบบนี้มาก เพราะเป็นความรู้รอบตัวดี ยังไง ฝาก จขกท หาเรื่องสามเหลี่ยมเมอร์บิวด้า มาเล่าสู่กันฟังทีนะครับ
หืม... เหมือนเห็นใครโพสต์ไปเมื่อไม่นานนี่นา ค้นหาแปป อืม.... [Loading...] อ่อ เจอล่ะ ก็ลองอ่านดูครับ ;)
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=142143
ถ้าไง ถ้าครั้งหน้ามีข้อมูลไรเด็ดๆเดี๋ยวก็โพสต์ให้ครับ

nakiann123
4th November 2012, 18:37
David Lang

โคตรหลอน :sweat

oodkungzx
4th November 2012, 18:48
อันดับ1 นี่หนังชัดๆๆ555+ ส่วนอันดับ3เป็นผมคงตกใจมากอ่ะ

tawin4447
4th November 2012, 18:51
มีมนุษต่างดาวใน Jokergame มั๊ย !!!! บรึ๊ยยยยย....

Fairy
4th November 2012, 18:54
0.5 การหายไปของ User หลายๆคนใน JKG อย่าง.......อุ้บ.............!

devilparm
4th November 2012, 19:17
ขอบคุณครับ ผมชอบอ่านเรื่องแบบนี้มาก เพราะเป็นความรู้รอบตัวดี ยังไง ฝาก จขกท หาเรื่องสามเหลี่ยมเมอร์บิวด้า มาเล่าสู่กันฟังทีนะครับ

redrock
4th November 2012, 19:35
ขอบคุณครับ สาระ

Mcarmy
4th November 2012, 20:22
ตรงบริเวณทั้งหมดของทุกอันดับ อาจจะเกิดจาก กาลเวลาที่ผันผวนทำให้เกิดช่องว่างเวลาและสิ่งที่ เคลือนไหวแหวกอากาศอาจจะถูกดูดแล้วหายวับไปทันทีเหมือนเรากด Delete files
หรือไม่แน่ โลกเรามันก็เหมือนกับ คอมพิวเตอร์ มีบางคนกำลัง ควบคุมอะไรบางอย่างอยู่
555 แต่งเองน่ะ ผมว่าโดยรวมแล้ว ยุคเริ่มแรกของเราที่รู้จัก เอเลี่ยน หรือ UFO พอมันผ่านมาได้ซัก 10 ทศวรรษ หลังจากนั้นก็มีคนสนใจแล้วนำออกรายการโทรทัศน์แต่งเรื่องให้ตื่นเต้น
มันก็เริ่มแพร่กระจายจาก ที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง จากอังกฤษไป เยอรมัน จาก ยุโรปไป อเมริกา และแล้วก็มาถึงทวีปเอเชีย หลายคนแต่งเรื่องราวเป็นว่าเล่นจนหารู้ว่ามันมีจริงหรือแต่งขึ้นมา
แต่หลักฐานที่น่าจะเป็นจริง มักจะไม่ชัดเจน เช่น มีข่าวว่าเจอ แต่กองทัพสหรัฐก็อาจจะอ้างขึ้นเพื่อปกปิด แล้วมันจะมีจริงไหมนี่
มันก็มีเรื่องราวที่ว่า คนเอาเม็ดกระดุมไปวางบนภาพแล้วถ่ายออกมาให้เราดูแล้วตะลึงผ่านรุ่นหลานจนมีคนสามารถจับได้มันก็นานกว่า 40 ปีแน่ะ ผมไม่ได้พยายามบอกว่ามันไม่มีจริงนะ
จากที่ผมเอาสมองกะทิสดคิด ในเมื่อผมหรือคุณที่กำลังนั่งอ่านโพสผมสามารถหายใจสามารถสำผัสอากาศหรือมีเด็กกำลังเกิดในขณะที่บางคนก็ตาย เรามีชีวิตซึ่งแตกต่างจากหินหรือธาตุ
แสดงว่าตัวตนเรามีอยู่จริงนี่คือความเป็นจริงไม่ใช่ฝันของจักวาลที่ตื่นแล้วเราก็หายไป
สรุปได้เลยว่า
อาจจะมีพื้นแผ่นดินอันไกลโพ้น อาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่กำลังเคี้ยวหญ้า หรือกำลังปรับเปลี่ยนพันธุ์กรรมเช่นหายใจโดยคาร์บอนไดออกไซต์ให้มีชีวิตรอดในอีกหลายสหศววษ หรือกำลัง นั่งอยู่ในรถที่ควบคุมอัตโนมัติ
ในเมื่อเราที่เป็นสิ่งมีชีวิต ที่อื่นอาจจะมีก็ได้นะ แต่ วิทยาการของมนุษย์เรายังไม่สูงพอจะรับรู้
เอาล่ะอย่าหาว่าผมบ้าบอเลย อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น คุณอาจจะถูกไฟดูดตายในวันนี้หรือสะดุดล้ม ก็เป็นไปได้ ขอให้โชคดีนะครับผมต้องไปจากที่นี้แล้วถึงเวลาที่ผมจะต้องไป :bye
เข้าห้องน้ำท้องเสียน่ะ

universalpt
4th November 2012, 20:50
David Lang

โคตรหลอน :sweat
:eek:...+1