John Marston
6th November 2012, 12:41
ผุดนาฬิกา GPS คุมประพฤติ แว้น-สก๊อย นำร่อง กทม. ปี 56
http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/Locality%20News/20121105174009.jpg
กรมคุมประพฤติ เตรียมนำร่องระบบคุมประพฤติผ่านนาฬิกาข้อมือเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียม GPS ให้โอกาสคนทำผิดกลับไปอยู่กับครอบครัว ประเดิมใช้กับกลุ่มเด็กแว้น-สก๊อยที่ถูกจับใน กทม. เริ่มมกราคม 2556
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา น.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เป็นประธานประชุมแนวทางขับเคลื่อนการนำเครื่องมือการควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) มาใช้กับผู้กระทำความผิดแทนการควบคุมตัวในเรือนจำหรือสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดย น.ส.รื่นฤดี แถลงหลังการประชุมว่า มาตรการดังกล่าว สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายให้กรมคุมประพฤติ ศึกษาแนวทางแก้ปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ ดังนั้นกรมคุมประพฤติจึงผลักดันโครงการนำร่องควบคุมเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดด้วยระบบนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบสัญญาณดาวเทียม GPS ก่อนนำเสนอในที่ประชุม ปรากฏว่าทุกฝ่ายเห็นชอบ ซึ่งหลังจากนี้กรมคุมประพฤติจะทำแผนเสนออธิบดีศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าวต่อไป
น.ส.รื่นฤดี กล่าวอีกว่า โครงการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะนำร่องใช้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนในเขต กทม. ที่จับกลุ่มแข่งขันมอเตอร์ไซค์บนถนนสาธารณะ หรือที่เรียกว่า กลุ่มเด็กแว้น-สก๊อย ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติในโครงการดังกล่าวนั้น เริ่มจากเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเด็ก ตามกฎหมายเยาวชนต้องนำตัวส่งศาลเยาวชนฯ ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อศาลเยาวชนฯ อนุญาตให้เด็กเข้าโครงการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เด็กจะถูกส่งตัวมายังกรมคุมประพฤติ เพื่อเข้าโครงการคาดว่าต้นเดือนมกราคม ปี 2556 กรมคุมประพฤติจะเปิดทดลองระบบควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ได้ ประมาณ 1,000 ราย
http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/Crime%20News/300.jpg
น.ส.รื่นฤดี กล่าวต่อว่า สำหรับนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ ที่จะใช้ผูกข้อมือเด็กที่ทำผิด ราคาชุดละประมาณ 2 หมื่นบาท เชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบ GPS มายังศูนย์ควบคุมกลางที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อคุมประพฤติเด็กตามเงื่อนไขของศาลเยาวชนฯ เด็กสามารถอยู่บ้านกับพ่อแม่ผู้ปกครอง และเรียนหนังสือได้ตามปรกติ แทนการถูกขังในกำแพงสี่เหลี่ยม แต่อาจมีเงื่อนไขคุมประพฤติของศาลเยาวชนฯ เช่น ห้ามเด็กออกจากบ้านหลังเวลา 20.00 น. ห้ามเข้าสถานที่ต้องห้าม ห้ามเที่ยวเตร่ ขยันเรียน เด็กยังต้องมารายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติตามนัด เพื่อเข้าโปรแกรมฟื้นฟูบำบัด เมื่อเด็กปฏิบัติตามเงื่อนไข พนักงานคุมประพฤติจะเสนอความเห็นต่อศาลเยาวชนฯ พิจารณาสั่งยุติคดี ลบประวัติการกระทำผิดออกจากทะเบียนประวัติอาชญากร
น.ส.รื่นฤดี กล่าวอีกว่า หากเด็กฝ่าฝืนเงื่อนไขระหว่างการคุมประพฤติ โดยการออกนอกบ้านในเวลากำหนด หรือเข้าไปในสถานที่ต้องห้าม ระบบ GPS จะส่งสัญญาณเตือนไปที่ศูนย์ควบคุมกลาง เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานคุมประพฤติออกติดตามเด็กในทันที โดยตนจะเข้าหารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพื่อหาแนวทางในการทำงานร่วมกัน เช่น เด็กที่ฝ่าฝืนคำสั่งคุมประพฤติ จะต้องกลับเข้าไปฝึกอบรมในสถานพินิจฯ ส่วนใครที่ทำลายอุปกรณ์นาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ อาจมีความผิดทำลายทรัพย์สินทางราชการอีกข้อหา
ทั้งนี้ ตัวนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์จะมีความแข็งแรง ไม่สามารถถอด หรือตัดออกได้ การเลือกรุ่นนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ จะเลือกรุ่นที่ทันสมัย เด็กใส่แล้วไม่รู้สึกมีปมด้อย และไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะในประเทศยุโรปที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิ ได้มีการใช้ระบบดังกล่าวอย่างแพร่หลาย สำหรับระบบการควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ จะไม่สามารถเจาะระบบสัญญาณ หรือมีอุปกรณ์อื่นใดที่เข้ามารบกวนระบบการควบคุมเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปสวีเดน เพื่อศึกษาเทคโนโลยีทั้งหมด และเริ่มวางแผนงานผลักดันโครงการดังกล่าว ซึ่งถ้าโครงการนำร่องได้ผล อาจมีการขยายผลไปใช้กับผู้ต้องขังในเรือนจำต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
http://hilight.kapook.com/img_cms2/logo/mcot_news.jpg (http://www.mcot.net/site/content?id=5097c925150ba0f752000004#.UJhqz2dluFQ) http://hilight.kapook.com/img_cms2/logo/thaipost.jpg (http://www.thaipost.net/x-cite/061112/64734)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักข่าวไทย
http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/Locality%20News/20121105174009.jpg
กรมคุมประพฤติ เตรียมนำร่องระบบคุมประพฤติผ่านนาฬิกาข้อมือเชื่อมต่อสัญญาณดาวเทียม GPS ให้โอกาสคนทำผิดกลับไปอยู่กับครอบครัว ประเดิมใช้กับกลุ่มเด็กแว้น-สก๊อยที่ถูกจับใน กทม. เริ่มมกราคม 2556
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา น.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เป็นประธานประชุมแนวทางขับเคลื่อนการนำเครื่องมือการควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) มาใช้กับผู้กระทำความผิดแทนการควบคุมตัวในเรือนจำหรือสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดย น.ส.รื่นฤดี แถลงหลังการประชุมว่า มาตรการดังกล่าว สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายให้กรมคุมประพฤติ ศึกษาแนวทางแก้ปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ ดังนั้นกรมคุมประพฤติจึงผลักดันโครงการนำร่องควบคุมเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดด้วยระบบนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบสัญญาณดาวเทียม GPS ก่อนนำเสนอในที่ประชุม ปรากฏว่าทุกฝ่ายเห็นชอบ ซึ่งหลังจากนี้กรมคุมประพฤติจะทำแผนเสนออธิบดีศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าวต่อไป
น.ส.รื่นฤดี กล่าวอีกว่า โครงการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะนำร่องใช้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนในเขต กทม. ที่จับกลุ่มแข่งขันมอเตอร์ไซค์บนถนนสาธารณะ หรือที่เรียกว่า กลุ่มเด็กแว้น-สก๊อย ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติในโครงการดังกล่าวนั้น เริ่มจากเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเด็ก ตามกฎหมายเยาวชนต้องนำตัวส่งศาลเยาวชนฯ ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อศาลเยาวชนฯ อนุญาตให้เด็กเข้าโครงการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เด็กจะถูกส่งตัวมายังกรมคุมประพฤติ เพื่อเข้าโครงการคาดว่าต้นเดือนมกราคม ปี 2556 กรมคุมประพฤติจะเปิดทดลองระบบควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ได้ ประมาณ 1,000 ราย
http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/fontip/Crime%20News/300.jpg
น.ส.รื่นฤดี กล่าวต่อว่า สำหรับนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ ที่จะใช้ผูกข้อมือเด็กที่ทำผิด ราคาชุดละประมาณ 2 หมื่นบาท เชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบ GPS มายังศูนย์ควบคุมกลางที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อคุมประพฤติเด็กตามเงื่อนไขของศาลเยาวชนฯ เด็กสามารถอยู่บ้านกับพ่อแม่ผู้ปกครอง และเรียนหนังสือได้ตามปรกติ แทนการถูกขังในกำแพงสี่เหลี่ยม แต่อาจมีเงื่อนไขคุมประพฤติของศาลเยาวชนฯ เช่น ห้ามเด็กออกจากบ้านหลังเวลา 20.00 น. ห้ามเข้าสถานที่ต้องห้าม ห้ามเที่ยวเตร่ ขยันเรียน เด็กยังต้องมารายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติตามนัด เพื่อเข้าโปรแกรมฟื้นฟูบำบัด เมื่อเด็กปฏิบัติตามเงื่อนไข พนักงานคุมประพฤติจะเสนอความเห็นต่อศาลเยาวชนฯ พิจารณาสั่งยุติคดี ลบประวัติการกระทำผิดออกจากทะเบียนประวัติอาชญากร
น.ส.รื่นฤดี กล่าวอีกว่า หากเด็กฝ่าฝืนเงื่อนไขระหว่างการคุมประพฤติ โดยการออกนอกบ้านในเวลากำหนด หรือเข้าไปในสถานที่ต้องห้าม ระบบ GPS จะส่งสัญญาณเตือนไปที่ศูนย์ควบคุมกลาง เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานคุมประพฤติออกติดตามเด็กในทันที โดยตนจะเข้าหารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพื่อหาแนวทางในการทำงานร่วมกัน เช่น เด็กที่ฝ่าฝืนคำสั่งคุมประพฤติ จะต้องกลับเข้าไปฝึกอบรมในสถานพินิจฯ ส่วนใครที่ทำลายอุปกรณ์นาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ อาจมีความผิดทำลายทรัพย์สินทางราชการอีกข้อหา
ทั้งนี้ ตัวนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์จะมีความแข็งแรง ไม่สามารถถอด หรือตัดออกได้ การเลือกรุ่นนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ จะเลือกรุ่นที่ทันสมัย เด็กใส่แล้วไม่รู้สึกมีปมด้อย และไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะในประเทศยุโรปที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิ ได้มีการใช้ระบบดังกล่าวอย่างแพร่หลาย สำหรับระบบการควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ จะไม่สามารถเจาะระบบสัญญาณ หรือมีอุปกรณ์อื่นใดที่เข้ามารบกวนระบบการควบคุมเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปสวีเดน เพื่อศึกษาเทคโนโลยีทั้งหมด และเริ่มวางแผนงานผลักดันโครงการดังกล่าว ซึ่งถ้าโครงการนำร่องได้ผล อาจมีการขยายผลไปใช้กับผู้ต้องขังในเรือนจำต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
http://hilight.kapook.com/img_cms2/logo/mcot_news.jpg (http://www.mcot.net/site/content?id=5097c925150ba0f752000004#.UJhqz2dluFQ) http://hilight.kapook.com/img_cms2/logo/thaipost.jpg (http://www.thaipost.net/x-cite/061112/64734)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักข่าวไทย