Speedy-K.O.
8th November 2012, 16:19
http://image.ohozaa.com/i/231/cG4ESb.jpg
อุทยานแห่งชาติ “วีรุงก้า” ในประเทศคองโก ชวนนักท่องเที่ยวตั้งแคมป์ชมภาพอันน่าตื่นตะลึงของภูเขาไฟ “ยามูลากีร่า” ขณะพ่นเถ้าถ่านและลาวาขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงกว่า 200-300 เมตรในยามค่ำคืน
นับเป็นโอกาสทองของนักท่องเที่ยวที่อยากดูภูเขาไฟระเบิดแบบใกล้ๆ โดยไม่มีอะไรมาคั่นสายตา เพราะอุทยานแห่งชาติ “วีรุงก้า” ในประเทศคองโก ประกาศชวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปตั้งแคมป์ชมน้ำพุลาวา ที่พวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ ”ยามูลากีร่า” ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตอุทยาน
แคมป์ดังกล่าวตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูเขาไฟ “ยามูลากีร่า” ห่างจากจุดที่เกิดการปะทุเพียง 1 ไมล์ (1.6 ก.ม.) เท่านั้น ถึงแม้จะอยู่ในระยะใกล้แต่ก็ปลอดภัย เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟจากศูนย์เฝ้าระวังภูเขาไฟในเมืองโกมา เป็นผู้กำหนดจุดตั้งแคมป์สำหรับนักท่องเที่ยวด้วยตนเอง
http://image.ohozaa.com/i/6b7/QQtOdB.jpg
สำหรับค่าใช้จ่ายในการตั้งแคมป์ชมภูเขาไฟระเบิดนั้น อยู่ที่คนละ $300 หรือกว่า 9 พันบาท ซึ่งจะรวมค่าบริการและอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ เต็นท์ เสื่อ ผ้าห่ม ตลอดจนรถรับส่ง แต่นักท่องเที่ยวจะต้องนำ ถุงนอน อาหาร น้ำ และเสื้อกันฝนติดตัวไปเอง ทางอุทยานจะนำรถไปรับนักท่องเที่ยวที่เมืองโกมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตอุทยานในแถบรูการี (ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง) หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเข้าไปยังจุดตั้งแคมป์ภายใต้การดูแลและนำทางของเจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินเท้าราว 3-4 ชั่วโมง
แม้การเดินทางค่อนข้างยากลำบาก แต่เมื่อไปถึงที่หมายแล้วนักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพอันน่าตื่นตะลึงของภูเขาไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพลาวาสีแดงและเถ้าถ่านสีน้ำเงินที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิดในยามค่ำคืน
http://image.ohozaa.com/i/559/k4mvSg.jpg
ภูเขาไฟดังกล่าวเคยเกิดการปะทุครั้งใหญ่ในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 9 เดือน ขณะที่การปะทุครั้งล่าสุดในปีที่ผ่านมาใช้เวลาเพียง 3-4 วันก็สงบลง
http://image.ohozaa.com/i/ac4/Ursmdn.jpg
นับว่ายังโชคดีที่การปะทุครั้งนี้ไม่สร้างความเสียหายหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้คน เพราะลาวาได้ไหลอย่างช้าๆ ไปในบริเวณที่ไม่มีประชาชนอาศัยอยู่ นอกจากนี้ สัตว์ป่านานาชนิดที่อาศัยอยู่ภายในเขตอุทยาน (รวมทั้ง กอริลล่าภูเขาใกล้สูญพันธุ์ราว 200 ตัว) ก็ไม่ได้รับอันตรายจากการปะทุของภูเขาไฟเช่นกัน
อุทยานแห่งชาติ “วีรุงก้า” ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) ภายในมีเนื้อที่กว้างขวางมากถึง 7,800 ตร.ก.ม. ครอบคลุมภูเขาไฟ 7 ใน 8 ลูกบนเทือกเขาวีรุงก้า ซึ่งทอดตัวเป็นแนวยาวระหว่างพรมแดนประเทศคองโก รวันดา และยูกันดา ภูเขาไฟส่วนใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติ “วีรุงก้า” ล้วนเป็นภูเขาไฟที่ไม่มีพลัง คงมีเพียง 2 ลูกเท่านั้นที่ยังคงมีพลังอยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือ “ยามูลากีร่า” ที่ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาไฟที่มีพลังมากที่สุดในแอฟริกา
http://www.youtube.com/watch?v=oT0_JskP4zs
Credit : http://board.postjung.com/583088.html http://image.free.in.th/z/iz/zorori04.gif
อุทยานแห่งชาติ “วีรุงก้า” ในประเทศคองโก ชวนนักท่องเที่ยวตั้งแคมป์ชมภาพอันน่าตื่นตะลึงของภูเขาไฟ “ยามูลากีร่า” ขณะพ่นเถ้าถ่านและลาวาขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงกว่า 200-300 เมตรในยามค่ำคืน
นับเป็นโอกาสทองของนักท่องเที่ยวที่อยากดูภูเขาไฟระเบิดแบบใกล้ๆ โดยไม่มีอะไรมาคั่นสายตา เพราะอุทยานแห่งชาติ “วีรุงก้า” ในประเทศคองโก ประกาศชวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปตั้งแคมป์ชมน้ำพุลาวา ที่พวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ ”ยามูลากีร่า” ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตอุทยาน
แคมป์ดังกล่าวตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูเขาไฟ “ยามูลากีร่า” ห่างจากจุดที่เกิดการปะทุเพียง 1 ไมล์ (1.6 ก.ม.) เท่านั้น ถึงแม้จะอยู่ในระยะใกล้แต่ก็ปลอดภัย เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟจากศูนย์เฝ้าระวังภูเขาไฟในเมืองโกมา เป็นผู้กำหนดจุดตั้งแคมป์สำหรับนักท่องเที่ยวด้วยตนเอง
http://image.ohozaa.com/i/6b7/QQtOdB.jpg
สำหรับค่าใช้จ่ายในการตั้งแคมป์ชมภูเขาไฟระเบิดนั้น อยู่ที่คนละ $300 หรือกว่า 9 พันบาท ซึ่งจะรวมค่าบริการและอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ เต็นท์ เสื่อ ผ้าห่ม ตลอดจนรถรับส่ง แต่นักท่องเที่ยวจะต้องนำ ถุงนอน อาหาร น้ำ และเสื้อกันฝนติดตัวไปเอง ทางอุทยานจะนำรถไปรับนักท่องเที่ยวที่เมืองโกมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตอุทยานในแถบรูการี (ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง) หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเข้าไปยังจุดตั้งแคมป์ภายใต้การดูแลและนำทางของเจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินเท้าราว 3-4 ชั่วโมง
แม้การเดินทางค่อนข้างยากลำบาก แต่เมื่อไปถึงที่หมายแล้วนักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพอันน่าตื่นตะลึงของภูเขาไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพลาวาสีแดงและเถ้าถ่านสีน้ำเงินที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิดในยามค่ำคืน
http://image.ohozaa.com/i/559/k4mvSg.jpg
ภูเขาไฟดังกล่าวเคยเกิดการปะทุครั้งใหญ่ในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 9 เดือน ขณะที่การปะทุครั้งล่าสุดในปีที่ผ่านมาใช้เวลาเพียง 3-4 วันก็สงบลง
http://image.ohozaa.com/i/ac4/Ursmdn.jpg
นับว่ายังโชคดีที่การปะทุครั้งนี้ไม่สร้างความเสียหายหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้คน เพราะลาวาได้ไหลอย่างช้าๆ ไปในบริเวณที่ไม่มีประชาชนอาศัยอยู่ นอกจากนี้ สัตว์ป่านานาชนิดที่อาศัยอยู่ภายในเขตอุทยาน (รวมทั้ง กอริลล่าภูเขาใกล้สูญพันธุ์ราว 200 ตัว) ก็ไม่ได้รับอันตรายจากการปะทุของภูเขาไฟเช่นกัน
อุทยานแห่งชาติ “วีรุงก้า” ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) ภายในมีเนื้อที่กว้างขวางมากถึง 7,800 ตร.ก.ม. ครอบคลุมภูเขาไฟ 7 ใน 8 ลูกบนเทือกเขาวีรุงก้า ซึ่งทอดตัวเป็นแนวยาวระหว่างพรมแดนประเทศคองโก รวันดา และยูกันดา ภูเขาไฟส่วนใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติ “วีรุงก้า” ล้วนเป็นภูเขาไฟที่ไม่มีพลัง คงมีเพียง 2 ลูกเท่านั้นที่ยังคงมีพลังอยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือ “ยามูลากีร่า” ที่ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาไฟที่มีพลังมากที่สุดในแอฟริกา
http://www.youtube.com/watch?v=oT0_JskP4zs
Credit : http://board.postjung.com/583088.html http://image.free.in.th/z/iz/zorori04.gif