PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : นิยาย แฟนตาซี -Jenova Misloft the legend of Strang World- (แต่งโดย Amoris)



Ryusaki Hideyoshi
22nd August 2011, 22:14
- Jenova Misloft The Legend of Strang World -

- เป็นนิยายที่แต่งเองครับ ยังไม่ได้ตีพิมพ์ -
- อ่านกันแล้วเป็นยังไง หรือ มีความคิดเห็นยังไงบ้าง ช่วยบอกกันด้วยนะคับ -

:yes - ขอบคุณทุกท่านครับ - :yes

http://upic.me/i/57/background_22.jpg

Chapter 1 :
ตุ๊กตาหมีกับดอกโพลิไลออน
-Half blood-
เสียงครืนๆบนท้องฟ้าเมฆหมอกหนาสีดำทะมึนลอยเคว้งเป็นวงกว้างราวกับเป็นสัญญาณเตือนให้ทราบว่าต้องหยิบอุปกรณ์มาป้องกันโรคที่จะมาตามหยดน้ำ
สิ้นเสียงท้องฟ้าคำรามเม็ดฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักหน่วง ราวกับกำลังตอกย้ำทุกสิ่งอย่างบนโลก ตะเกียงถูกจุดขึ้นภายในเกือบจะทันทีที่เม็ดฝนหยดแรกต้องพื้นดิน

ในไอหมอกที่พวยพุ่งปรากฏร่างเล็กๆเดินเตาะแตะอย่างเชื่องช้า ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกนั้นทำให้ร่างเล็กดูน่ากลัว
ภายใต้เรือนผมสีเงินที่แสนยาวระพื้นดินและเปียกลู่นั้น นัยน์ตาสีเพลิงแข็งกร้าวสอดส่ายหาทางเดินข้างหน้า มือซ้ายกระชับตุ๊กตาหมีแน่น ริมฝีปากน้อยๆถอนหายใจเบาๆ
พึมพำในโชคชะตาที่เลวร้ายของตนเอง
'ข้าต้องตื่นแต่เช้ามาเพื่อพบกับ คนใจร้าย กลิ่นยาเส้นเหม็นๆ และ ฝนตกหนัก คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าชีวิตแบบนี้แล้วกระมัง'
ร่างเล็กบีบแขนตุ๊กตาจนแขนทั้งแขนสั่น

'น้ำตาไม่สมควรมาหลั่งไหลเพียงเพื่อโชคชะตาที่เลวร้ายแบบนี้ ต้องเข้มแข็งสิ' ร่างเล็กกัดฟันแล้วมุ่งหน้าเดินเข้าสู่ถนนสายเปลี่ยว
และเก่าแก่ที่สุดของลิตเติ้ลแมนดัฟ เบื้องหน้าเป็นบ้านสีหม่น เก่าๆทรุดโทรม ไร้แสงสว่างใดๆในบ้าน

"นี่แกจะยืนอยู่แบบนั้นอีกนานมั้ย ยาเส้นข้าเปียกหมดแล้ว !"

เสียงตะคอกดังแว่วๆจากด้านหลัง ร่างเล็กหันศีรษะไปทางต้นเสียง พร้อมกับหลับตาลงอย่างเสียไม่ได้เมื่อรับรู้ว่าอะไรจะตามมา
มือหนาใหญ่ฟาดกระทบใบหน้าของเด็กน้อยจนร่างทรุดลงกับพื้นดินที่แห้งและเฉอะแฉะ

โคลนตมเปื้อนเลอะเต็มชุดกระโปรงขาดหวิ่นของหล่อน ...ขมเลือดในปาก... ร่างเล็กก้มหน้ามองพื้นดิน
พลางช้อนนัยน์ตาเพลิงเหลือบมองร่างใหญ่ที่ทำร้ายเธอผ่านเรือนผมสีเงินของหล่อน ร่างเล็กหยัดยืนลุกขึ้นพลางถมเลือดรดพื้นดินที่เปียกแฉะ
หล่อนโยนถุงยาเส้นลงบนพื้นดินชุ่มน้ำ และหมุนตัวเดินเตาะแตะเข้าบ้านสีหม่นด้านหน้าไปอย่างไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าทอที่ไล่หลังมาแม้แต่น้อย

'นี่ครั้งที่ล้านแล้วที่มันทำร้ายข้าแบบนี้ ...แต่ก็เลี่ยงไม่ได้' ร่างเล็กคิดพลางเดินขึ้นห้องชั้นสอง
ของตนเองอย่างเงียบเชียบ แขนน้อยๆเอื้อมมือปาดเลือดที่ยังคงไหลรินจากมุมปาก หล่อนเขย่งตัวยกตุ๊กตาหมีตัวโตแขวนตากลอยบนลวดขึงเหนือที่นอน

ร่างเล็กมองเจ้าหมีสีดำลอยค้างอยู่เหนือหัวด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า....

'แกคงเป็นสิ่งเดียวที่เป็นเพื่อนกับข้ามาจนทุกวันนี้' ร่างเล็กคิด หล่อนสะบัดหน้าเพื่อละทิ้งภาพที่ยังติดตาเมื่อครู่
หล่อนเบือนหน้ามองที่หน้าต่างบานใหญ่ไร้กระจก ฝนตกหนาเม็ดจนมองไม่เห็นอะไร หลังคาก็รั่ว ที่นอนก็เปียก
นี่คงต้องเป็นอีกคืนที่หล่อนต้องนอนหลับบนพื้นไม้ที่ชื้นและเย็นเฉียบ

"เจโนวา !! แกยังไม่ได้ทำข้าวเย็น ไสหัวเล็กๆของแกลงมาเดี๋ยวนี้ ! "

เด็กหญิงยืนนิ่งเงียบและยังคงทอดสายตาออกไปจากตัวบ้าน ไกลแสนไกล ราวกลับไม่ได้ยินเสียงเรียกจากปากคนใจร้าย

ตึง !!!

"เจโนวา !!"

ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เจ้าบ้านั่นกระทืบประตูห้องหล่อนอีกแล้ว คงต้องลงไปข้างล่างอีกอย่างเลี่ยงไม่ได้
เด็กหญิงเดินลงจากชั้นสอง เปิดประตูไปพบชายร่างใหญ่ที่คอยแต่ข่มเหงหล่อน ชายคนนี้คือโมลเดอร์ แอคเชอร์
คนที่เธอเชื่อว่าเค้าคือญาติเพียงคนเดียวที่เหลือของเธอ

แน่ล่ะ ตั้งแต่จำความได้ หล่อนก็เห็นแต่หน้าของแอคเชอร์ ถึงแม้จะพยายามถามถึงที่มาของชื่อ
และร่างกายที่ผิดแปลกจากญาติของหล่อนเพียงไร กลับได้แต่คำตอบที่ว่าหล่อนเป็น ลูกปีศาจและแม่ของหล่อนเป็นโสเภณีเพียงเท่านั้น

"นี่แกยังจะยืนเอ๋ออะไรอีก ไปเสียที! ข้าหิวจนท้องร้องไปหมดแล้ว"

แอคเชอร์ตะคอกใส่หน้าหล่อนพลางผลักหัวเจโนวาอย่างรุนแรงจนร่างเล็กเสียหลักล้มลงกับพื้น
เจโนวานอนนิ่งบนพื้นที่แสนเย็นยะเยือก น้ำตาปริ่มขอบตากลมโตของหล่อน แอคเชอร์ใช้เท้าเขี่ยและผลักร่างเล็กๆของหล่อนให้ลุกขึ้นยืน
เจโนวายันกายขึ้นจากพื้นอันเย็นเฉียบก่อนที่แอคเชอร์จะมีโอกาสมากระทืบเจ้าหล่อนซ้ำ

หล่อนกระพริบตาสองสามทีเพื่อไล่น้ำตาเจ้ากรรมให้ย้อนคืนกลับไป หล่อนเดินกึ่งวิ่งเข้าห้องครัวด้านซ้ายของตัวบ้าน
ในห้องครัวเหลือเสบียงเพียงน้อยนิด เจ้าแก่ขี้เหนียวอย่างแอคเชอร์ ได้เงินมาก็พนันเสียหมดตัว

เหลือเงินซื้ออาหารประทังชีวิตไม่กี่อย่าง และ หล่อนก็ไม่ได้รับอนุญาติให้ทานอะไรในห้องครัวทั้งสิ้น
หล่อนหันซ้ายมองขวาก่อนจะหยิบขนมปังเก่าๆชิ้นที่เกือบจะเสียมาผิงไฟ พอแห้งกรอบดีจึงนำมาหั่นและวางบนจาน
หล่อนเอื้อมมือคว้ากระปุกน้ำผึ้งมาราดบนขนมปังให้หวาน

'ยังขาดสิ่งใดอีกนะ ? อ้อจริงสิ กาแฟ' ร่างเล็กไต่ขึ้นเก้าอี้อย่างรู้งานหยิบเอาแก้วกาแฟลงมา
พลางสอดส่ายสายตาหา กระปุกกาแฟ ...หล่อนถอนหายใจเป็นรอบที่สามของวัน

กาแฟมันเหลืออยู่เพียงน้อยนิดวันพรุ่งนี้หล่อนคงต้องออกเดินทางเข้าเมืองไปหากาแฟมาเพิ่ม
เจ้าหล่อนถอนหายใจอีกแล้วหันไปหยิบเอานมและน้ำตาลในตู้ไม้ พร้อมหยิบเอาถังใส่น้ำตั้งบนเตาไฟ เมื่อน้ำเดือดหล่อนเทส่วนผสมลงในแก้ว
และเมื่อทุกอย่างพร้อมหล่อนหยิบอาหารที่เตรียมไว้ใส่ในถาดสังกะสีผุๆพร้อมกับเดินนำอาหารไปส่งให้ถือมือญาติของหล่อน

แอคเชอร์กำลังเขี่ยถ่านไฟในเตาผิง และง่วนอยู่พักใหญ่ เจโนวาวางถาดอาหารบนโต๊ะข้างเก้าอี้นวมหนานุ่มของแอคเชอร์
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดูสบาย แต่เค้าสั่งให้หล่อนอยู่ห่างๆเฟอร์นิเจอร์ทุกชนิดในบ้าน และ ห้ามใช้อย่างเด็ดขาด เพราะไม่ได้รับอนุญาต

แอคเชอร์หันมาเห็นถาดอาหารก็วางทุกอย่างทิ้งไว้แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้นวมข้างเตาผิง เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเจโนวาแม้แต่น้อย
และไม่เคยอนุญาติให้หล่อนกินอะไรด้วยทั้งนั้น เจโนวายืนรอคำสั่งต่อไป แอคเชอร์เริ่มรำคาญกับสายตาที่แข็งกร้าวและใบหน้าเฉยฉาของหล่อนจึงโบกมือไล่

"แกจะไปไหนก็ไป"

สิ้นเสียงคำพูด มันให้ความรู้สึกราวกับขึ้นสวรรค์ของหล่อน เจโนวาหมุนกายวิ่งขึ้นห้องนอนไป
ก่อนจะเดินจากประตูห้องหล่อนก็ไม่เคยที่จะลงกลอนอย่างแน่นหนาทุกวัน หล่อนไม่ยอมให้ใครเข้ามาก้าวก่ายในพื้นที่ของหล่อนเป็นแน่
ซึ่งแน่นอนด้วยว่า โดยเฉพาะ ลุงแอคเชอร์ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้วและพระอาทิตย์ส่องแสงจ้าแต่พื้นยังเปียกไปหมด

หมู่บ้านเสื่อมโทรมลิตเติ้ลแมนดัฟอยู่ห่างใกล้จากตัวเมืองโข แต่ก็ไม่ไกลมากพอที่จะได้เห็นเครื่องยนต์บินได้บนท้องฟ้าลอยผ่าน
เจโนวาชอบมองท้องฟ้าสีฟ้า ชอบเวลาแสงแดดลอดผ่านใยแมงมุมที่มีน้ำเกาะแพรวพราว ชอบกลิ่นดินยามเปียกฝน
ผ่านช่องหน้าต่างบานใหญ่ไร้กระจกแสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องของเธอ

เจ้าหมีตัวโตกำลังจะแห้งสนิทถึงจะชื้นเพราะกลิ่นเหม็นอับแต่เจโนวาก็ยังกอดและรักเจ้าหมีตัวโตอย่างพึงพอใจ
หล่อนยิ้มแห้งๆให้เจ้าหมีก่อนจะนั่งลงบนขอบหน้าต่างบานใหญ่ หล่อนอิงขอบหน้าต่างและผลอยหลับเข้านิทราอย่างสบายใจ

"เจโนวา ตื่นเถอะ นี่บ่ายแล้วไม่ใช่เวลานอนแล้วนะ"

เสียงหวานนุ่มกระซิบข้างหู นัยน์ตาสีเพลิงเบิกโพลงอย่างตกใจพลางหันมองรอบกาย
หล่อนยังคงนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างและชั้นสองนี้มีเพียงหล่อนกับเจ้าหมีตัวโต เจโนวาเหลือบมองหมีที่ยังคงถูกแขวนลอยไว้เหนือหัว
เด็กหญิงถอนหายใจแล้วหันกลับไปมองด้านนอกหน้าต่าง

'หมีพูดไม่ได้หรอก'

"นี่กะจิตกะใจจะไม่ช่วยเราหน่อยหรือ ...รึเจ้ามองไม่เห็น"

น้ำเสียงหวานนุ่มฟังดูเริ่มหงุดหงิด เจโนวาหันหาที่มาของเสียง รึจะเป็น มุมห้อง ? แต่ที่ตรงนั้นมืดเสียจนมองอะไรไม่เห็น

"ข้าติดอยู่ที่ด้านล่างเจ้านี่ สนใจหน่อยสิ หันหาอะไรกัน ! " เจโนวาหันก้มลงไปมองด้านล่างของตัวเองทันทีที่สิ้นเสียง
นกรูปร่างประหลาด ขนสีทองเงาวาววับทั้งตัว หางยาวเป็นเมตร นัยน์ตาสีมรกตดูฉลาดเฉลียว แต่คงไม่ได้ฉลาดเท่าใบหน้าเสียเท่าไหร่
บินยังไงให้ขาติดอยู่ในร่องไม้ เจโนวานึกประหลาดใจ

'นี่ข้าได้ยินเสียงของนกพูด ? พิลึกแท้' หล่อนคิดพลางหย่อนตัวลงข้างๆเจ้านกประหลาด
หล่อนแกะและขยับแผ่นไม้อย่างเบามือเจ้านกประหลาดขยับขาพลางกระพือปีก ในที่สุดมันก็เป็นอิสระ
เจ้านกบินวนรอบตัวเจโนวาแล้วลงไปเกาะบนพื้นไม้

"ขอบใจมาก" นกน้อยพูดเสียงเจือยแจ้ว มันทำตัวดูเหมือนกับว่าการคุยกับมนุษย์เป็นเรื่องธรรมดาและเจโนวายังคงมองเจ้านกด้วยความสงสัย

"นี่เจ้าจะไม่พูดอะไรบ้างเลยรึไง เอาแต่มองแบบนี้มันเสียมารยาทมากนะ" เจ้านกแวดๆใส่ หล่อนนิ่วหน้าแล้วขยับนั่งในท่าที่สบายขึ้นก่อนจะพึมพำคำพูด

"ประหลาด นกอย่างเจ้าเข้าใจภาษาคน" เสียงหวานนุ่มลึกถูกเปล่งออกจากริมฝีปากบางเล็ก เด็กหญิงที่ไม่เคยพูดเลยนับสิบปี
คงต้องขอมีบทสนทนากับเจ้าตัวประหลาดนี่ซักหน่อย

"ก็นึกว่าเจ้าเป็นใบ้ และเราก็ไม่ได้ประหลาด เจ้าต่างหากที่เข้าใจสิ่งที่เราพูด" นกน้อยกระโดดพลางกระพือปีกบินมาเกาะที่หัวเข่าของเจโนวา
หล่อนมองเจ้านกอย่างพิจารณา ยิ่งดูก็ยิ่งแปลก

"เลิกมองข้าแบบนั้นเสียทีจะได้ไหม" เจ้านกโวย เจโนวาพยักหน้าอย่างว่าง่ายพลางหันหน้ามองไปทางอื่น

"เรามีนามว่า โร็คเอ็ค เป็นพิสแมสเซนเจอร์ มีข้อความจากหญิงไม่ประสงค์ออกนามให้เรามามอบสารถึงเจ้า" โร็คเอ็คยกปีกขึ้นแล้วคาบห่อม้วนกระดาษขนาดใหญ่ออกมา
ม้วนกระดาษใหญ่กว่าเจ้านกเสียอีก

'มันเก็บไว้ได้ยังไงกัน และผู้ใดกันที่ส่งข้อความถึงข้า นึกว่าชีวิตนี้คงเหลือไว้แค่เจ้าแก่นั่นเสียอีก' เจโนวาอดทึ่งในโชคชะตาและความสามารถของโร็คเอ็คไม่ไหว

"สงสัยอีกล่ะสิว่าข้าเอาม้วนสารยัดเข้าไปได้ยังไง คือมันเป็นความพิเศษของพิสแมสเซนเจอร์นัมเบอร์วันของข้า ฮ่าๆ เอ่อ... อะแฮ่มๆ
เอาเป็นว่าเจ้าสนใจสารของเจ้าเสียก่อนดีกว่า" โร็คเอ็คคลีสารออก ถึงจะมาเเบเป็นสารแต่คนที่ไม่เคยเรียนอย่างหล่อนแค่พูดได้ก็ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว

"ข้าอ่านไม่ได้"

เจโนวาพูดพลางถอนหายใจหล่อนเอนกายพิงกับผนังไม้อย่างไร้ความหวัง โร็คเอ็คส่ายหัวให้กับท่าทีของหล่อน
"งั้นเจ้าจงเงี่ยหูฟัง เราจะอ่านให้" โร็คเอ็คถอนหายใจก่อนจะร่ายประโยคออกจากกระดาษส่งสาร


' ยามสายันห์คือเวลาของข้า
เจ้าต้องหา 2 สิ่งมาบูชา
หนึ่งคือยาจากดอกโพลิไลออน
สองคือขนหนานุ่มของไพรทอน
เจ้าจึงจักได้ครองอิสระตามใจปราถนา'


โร็คเอ็คจบประโยคแล้วม้วนสารเก็บเข้าที่เดิม เจโนวาครุ่นคิด ' อิสระ? ชีวิตนี้ข้าจะได้มีอิสระ ??' เจโนวาเงยหน้าขึ้นมองเจ้านกประหลาดพลางถาม

"ข้าจะหาโพลิไลออนกับขนของไพรทอนได้ที่ไหน" เจโนวามองเจ้านกน้อยด้วยความหวังเต็มเปี่ยม โร็คเอ็คหัวเราะพลางชี้ขนสีทองของมันไปยังเจ้าหมีตัวโต

"หมีตัวนั้นไง ทำจากขนของไพรทอนทั้งตัว นี่เจ้ามีของดีติดตัวยังไม่รู้อีกหรือ ว่าแต่ใครกันช่างสามารถเอาขนของสัตว์แสนดุร้ายมาทำเป็นตุ๊กตาหมีตัวนี้" เจโนวาลุกขึ้นยืน
เอื้อมมือหยิบตุ๊กตาหมีของหล่อนลงมาวางที่พื้น มันเป็นสิ่งเดียวที่หล่อนยังคงจำได้ว่าอยู่เป็นเพื่อนมาตั้งเเต่จำความได้

"แล้วโพลิไลออนล่ะ ข้าจะหาได้ที่ไหน" เจโนวาหันกลับมามองโร็คเอ็ค

"เราหาให้เจ้าได้ แต่เจ้าต้องมีค่าจ้างให้ เพราะมันเป็นงานนอกเวลา" โร็คเอ็คบินวนรอบๆหัวของหล่อน มันทำให้รู้สึกวิงเวียน

"ข้าไม่มีเหรียญแม้แต่น้อย" เจโนวาทำหน้าเศร้าเมื่อคิดถึงราคาของสิ่งของ และแน่ล่ะ เหรียญทั้งหมดอยู่ที่แอคเชอร์

"ข้าขอเส้นผมของเจ้าจำนวนหนึ่งแลกกับดอกโพลิไลออนที่งามที่สุด มันคงไม่มากไป" โร็คเอ็คบินไปเกาะบนหน้าต่าง
เรือนผมของหล่อนเป็นสีเงินสุกสกาวภายใต้แสงแดด หล่อนพยักหน้าแล้วหยิบเอาตะปูคมๆแถวนั้นมาตัดผมของเธอหนึ่งกำมือ ดีเสียอีก
มันยาวจนเรี่ยพื้นมานานมากแล้ว หล่อนส่งผมสีเงินให้โร็คเอ็ค

"ขอบใจมาก งั้นรับนี่ไป" โร็คเอ็คหยิบเอาดอกไม้ใบใสออกมาจากข้างปีก

"ปีหนึ่งๆจะเกิดเพียงแค่ 10 ดอกและมันราคาแพงหูฉี่ ข้าได้มาระหว่างบินเตรดเตร่บนท้องฟ้า งั้นก็...หมดธุระของข้าแล้ว
คงต้องไปล่ะ ข้ายังมีสารต้องส่งอีกมาก ถ้ายังมีโชคต่อกันเราคงจะได้พบกันอีก" โร็คเอ็คกล่าวลาพลางกระพือปีกบินออกจากหน้าต่างบานใหญ่ของหล่อนไปอย่างรวดเร็ว

"ว่าแต่สายันห์...คือตอนไหนล่ะ" เด็กหญิงพึมพำ หล่อนวางดอกโพลิไลออนลงบนตุ๊กตาของหมี
ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มทีหล่อนหย่อนกายลงข้างๆตุ๊กตาหมีตัวโตพลางมองมันอย่างสิ้นหวังก่อนจะหลับตาลง

ทันทีที่ดวงอาทิตย์ปริ่มขอบฟ้าแสงสว่างสีขาวก็กระจ่างทั่วห้องของหล่อน แสงจ้าเกินกว่าจะลืมตาได้เจโนวาลืมตาไหวหล่อนหยีตาพยายามมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
เมื่อแสงสว่างพลันหายไปก็ปรากฏร่างของหญิงสาวที่งดงาม เรือนผมสีทองอำพัน นัยน์ตาสีดำนิลประกายสุกสกาวดั่งดวงดาวยามค่ำคืน ผิวสีขาวอมชมพูมีเลือดฝาด
ริมฝีปากบางสีชมพูไข่มุขระเรื่อ เปลือกตาสีชมพูอ่อน ช่วงเวลาที่หล่อนกระพริบตาให้ความรู้สึกราวกับถูกตรึงอยู่กับที่ ร่างโปร่งใสลอยอยู่เหนือดอกโพลิไลออนและตุ๊กตาหมี

"สายันห์สวัสดิ์ เจโนวา ตัวเราชื่อ เกรซ เดอ โดโรเรส ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบเธอ" เจโนวามองหญิงสาวที่เอ่ยนามออกมาอย่างตกตะลึง คนลอยได้ !

"เรามีความประสงค์ที่จะพาท่านออกไปจากที่นี่ สัญญาที่ท่านได้ลงไว้กับโมลเดอร์ แอคเชอร์ได้หมดลงแล้ว" เด็กหญิงงุนงงและก่อนที่จะได้เอ่ยปากพูดอะไร
แอคเชอร์ที่แอบฟังอยู่ด้านหลังประตูอยู่นานก็ถีบประตูเพียงโครมเดียว พังทลายทุกอย่างและภายในเวลาอันรวดเร็วนั้น
แอคเชอร์ก็มายืนตระหง่านอยู่ต่อหน้าเจโนวา และ หญิงแปลกหน้า

"ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์เอานังนั่นไปจากข้า... ไป ! ออกไปที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า" แอคเชอร์ตวาดพลางโบกมือไล่และพยายามเดินเข้ามาใกล้เจโนวา

"ถอยไปเจ้าหมูโสโครก อย่าให้เท้าข้าต้องได้มาเปื้อนเลือดโสโมมของเจ้า" เกรซลอยมาขวางด้านหน้าเจโนวา แอคเชอร์ชะงัก
สีหน้าหวั่นวิตกด้วยความตกใจที่เห็นคนลอยได้

"อย่าได้อวดดี" เกรซขี้นิ้วเรียวยาวของหล่อนหน้าใส่แอคเชอร์ หล่อนสางผมสีอำพันของหล่อนพลางกล่าว

"ไปกันเถอะสาวน้อย ที่นี่ไม่เหมาะสมกับเธอ" เกรซลอยเข้าใกล้เจโนวาแต่ยังคงไม่ละสายตาจากแอคเชอร์

"อย่าเอานางไป ได้โปรด อย่างน้อยๆก็เห็นแก่หัวใจคนที่เลี้ยงมาตั้งเเต่ยังเป็นทารก" จู่ๆแอคเชอร์ก็ทรุดตัวลงกับพื้นไม้พร้อมกับร่ำไห้ เสียงสั่น

"เจ้าอย่ามามารยากับข้าแอคเชอร์ ตั้งเเต่เจโนวายังเป็นทารกเจ้าไม่เคยป้อนอาหารให้ ไม่เคยดูแลนาง แล้วเจ้าจะมาบีบน้ำตาเพื่อสิ่งใด" เกรซตวาดใส่หน้าของแอคเชอร์
เจโนวามองหน้าแอคเชอร์อย่างสมเพจและยิ้มเยาะ

"ไปกันเถอะ เวลามีไม่มาก"

เกรซเอื้อมมือมาดึงแขนของเจโนวา ก่อนที่หล่อนจะลอยขึ้นเหนือพื้นมือขวาคว้าเอาตุ๊กตาหมีตัวโปรดมาถือแน่น
เกรซหันหน้าออกทางหน้าต่างและพาเจโนวาลอยออกไป ยังไม่ทันพ้นขอบหน้าต่างดี แอคเชอร์กระโดดคว้าเอาข้อเท้าขวาของหล่อน
เจโนวากรีดร้องอย่างตกใจ แอคเชอร์ยิ้มราวกับปีศาจและบิดข้อเท้าเล็กๆของหล่อนจนหักกรอบและดึงข้อเท้าที่หักนั่นอย่างแรงจนกระดูกทิ่มเนื้อออกมา
หล่อนสะบัดเท้าข้างที่ว่างอยู่เข้าใส่หน้าของแอคเชอร์อย่างเต็มเปา ..ผิดคาด มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แอคเชอร์กลับกระตุกข้อเท้าข้างที่หักของเธอแรงขึ้น
พลางหัวเราะอย่างน่าเกลียด

"เจ้าเป็นสมบัติของข้าไอ้เด็กเวร!"

แอคเชอร์จิกข้อเท้าของหล่อนและฉีกเอาเนื้อบริเวณข้อเท้าของหล่อนออกมา แผลที่ฉีกอยู่แล้วฉีกกว้างขึ้นอีก
จนตอนนี้ข้อเท้าของหล่อนเหลือเพียงหนังเท้าด้านหน้าเท่านั้น เกรซเห็นว่าหล่อนสู้ไม่ไหวจึงสะบัดปลายผ้าฟาดที่หน้าของแอคเชอร์อย่างแรงจนกระดูกจมูกของแอคเชอร์หักครึ่ง
แอคเชอร์ปล่อยข้อเท้าของเจโนวาอย่างอัตโนมัติเป็นผลทำให้มันหล่นลงจากหน้าต่างชั้นสอง
หัวของมันฟาดเข้ากับระเบียงด้านล่างอย่างแรงจนกระดูกข้อต่อบริเวณคอหักงอทิ่งแทงหลอดลม เกรซปล่อยให้มันได้นอนอยู่อย่างนั้น
เสียชีวิตอย่างทรมาณ เจโนวาน้ำตาไหล ข้อเท้าของหล่อนลู่ลงและบิดอย่างผิดธรรมชาติ กระดูกข้อเท้าของหล่อนยื่นหักและหายไป เกรซช้อนตัวหล่อนขึ้นมาในอ้อมแขน

"อดทนอีกนิดเถิดคนเก่ง เรากำลังจะพาท่านไปในภพที่สมควร" เกรซพึมพำ เจโนวาลืมตามองด้านหน้าด้วยนัยน์ตาที่เลื่อนลอย
หล่อนหมดสติไปในอ้อมแขนของเกรซ

"อัลล็อค"

สิ้นถ้อยคำของเกรซ พลันเกิดเป็นประตูบานใหญ่ลอยเหนือพื้นดิน
เกรซเอื้อมมือเปิดประตูก่อนที่จะพาร่างเล็กของหล่อนลอยข้ามไปยังอีกฟากของประตูที่สร้างขึ้นด้วยวงเเหวนเวท นำหล่อนเข้าสู่อีกภพมิติ

..........To be continued

Ryusaki Hideyoshi
12th September 2011, 15:36
comment กันได้เลยนะคับ สนุกไม่สนุกบอกกันหน่อยนะคับ

pone123
20th September 2011, 22:03
สนุกดีครับมีอีกมั้ย

pone123
20th September 2011, 22:04
มีการรับสมัครตัวละครมั้ยครับ

pone123
21st September 2011, 14:55
ว่าแต่ในรูปใช่เจโนวาเปล่าครับ

Ryusaki Hideyoshi
22nd September 2011, 22:41
ในรูปไม่ใช่ jenova คับ
ในรูป เป็นพระเอกของเราเอง ^ ^

Ryusaki Hideyoshi
22nd September 2011, 22:42
ติดตามต่อได้ตามนี้เลยนะคับ

http://writer.dek-d.com/raility/writer/view.php?id=737760

ขอบคุณมากนะคับสำหรับการสนับสนุน ^ ^

รับสมัครตัวละครด้วยนะคับ ^__^

pone123
23rd September 2011, 07:25
ขอบคุณมากครับ เดี่ยวผมจะแต่งนิยายบ้างช่วยเป็นกำลังใจให้ทีนะครับ

มันเป็นนิยายของพี่ใช้มั้ยครับ

Ryusaki Hideyoshi
23rd September 2011, 13:02
เดะผมเป็นกำลังใจให้คับ เป็นของเพื่อนผมเองคับ ^ ^ นิยายเรื่องนี้

bulakorn123
23rd September 2011, 13:06
ถ้าเสริมความตื่นเต้นน่าจะสนุกกว่านี้นะครับ

นิยายแฟนตาซีมาก :)

pone123
24th September 2011, 10:20
เดะผมเป็นกำลังใจให้คับ เป็นของเพื่อนผมเองคับ ^ ^ นิยายเรื่องนี้

http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=22203 ขอบคุณด้วยนะครับ

pone123
26th September 2011, 09:23
ี่ครับผมแต่งเสร็จแล้วนะ

Ryusaki Hideyoshi
27th September 2011, 19:48
อื้มม เดะผมตามเข้าไปชมนะคับ ^ ^

pone123
27th September 2011, 19:51
ครับผมส่งตัวละครด้วยนะครับ