PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ช่วยแปลภาษาอังกิดทีครับ



TAMAOI
7th December 2012, 02:04
4.inspired by the example of that great Cornellian, Vladimir Nabokov, some
of your frien.ds have become amateur lepidopterists (they study butterflies).
Often when they return from a trip with specimens of butterf~es,
it is very difficult for them to tell how many distinct species they’ve
caught--thanks to the fact that many species look very similar to one
another.
One day they return with n butterflies, and they believe that each
belongs to one of two different species, which we’ll call A and B for
purposes of this discussion. They’d like to divide the n specimens into
two groups--those that belong to . A and those that belong to B--but it’s
very hard for them to directly label any one specimen. So they decide to
adopt the following approach.
For each pair of specimens i and j, they study them carefully side by
side. If they’re confident enough in their judgment, then they 1abe! the
pair (i,j) either "same" (meaning they believe them both to come from
the same species) or "different" (meaning they believe them to come from
different species). They also have the option of rendering no judgment
on a given pair, in which case we’ll call the pair ambiguous.
So now they have the collection of n specimens, as well as a collection
of m judgments (either "same" or "different") for the pairs that were not
declared to be ambiguous. They’d like to know if this data is consistent
with the idea that each butterfly is from one of species A or B. So more
concretely, we’ll declare the m judgments to be consistent if it is possible
to label each specimen either A or B in such a way that for each pair (i,j)
labeled "same," it is the case that i andj have the same label; and for each
pair (i,j) labeled "different," it is the case that i andj have different labels.
They’re in the middle of tediously working out whether their judgments
are consistent, when one of them realizes that you probably have an
algorithm that would answer this question right away.
Give an algorithm with running time O(m + n) that determines
whether the m judgments are consistent.


3. The algorithm described in Section 3.6 for computing a topological ordering
of a DAG repeatedly finds a node with no incoming edges and deletes
it. This will eventually produce a topological ordering, provided that the
? input graph really is a DAG.
But suppose that we’re given an arbitrary graph that may or may not
be a DAG. Extend the topological ordering algorithm so that, given an
input directed graph G, it outputs one of two things: (a) a topological
ordering, thus establishing that a is a DAG; or (b) a cycle in G, thus
establishing that a is not a DAG. The nmning time of your algorithm
should be O(m + n) for a directed graph with n nodes and m edges.

TrollRolling
7th December 2012, 10:50
Google แปลภาษาสิครับ = =

inwfield
8th December 2012, 23:56
ถามก่อนไปเอามาจากไหนเนี่ย

ballba
9th December 2012, 00:14
อ่านไปอ่านมาดูมั่วมาก 555

4.inspired โดยตัวอย่างที่ดี Cornellian, Vladimir Nabokov บาง จาก frien.ds ของคุณได้กลายเป็นมือสมัครเล่น lepidopterists (พวกเขาผีเสื้อศึกษา) บ่อยครั้งเมื่อพวกเขากลับมาจากการเดินทางด้วยตัวอย่างของ butterf ~ ซาลาม, มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะบอกว่าหลายชนิดที่แตกต่างกันที่พวกเขาได้ จับ - ขอบคุณความจริงที่ว่ามีหลายสายพันธุ์มีลักษณะคล้ายกันมากกับหนึ่ง อื่น วันหนึ่งพวกเขากลับมาพร้อมกับผีเสื้อ n, และพวกเขาเชื่อว่าแต่ละ เป็นหนึ่งในสองชนิดที่แตกต่างกันซึ่งเราจะเรียก A และ B สำหรับ วัตถุประสงค์ของการอภิปรายนี้ พวกเขาต้องการที่จะแบ่งตัวอย่าง n เป็น ทั้งสองกลุ่ม - ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก และผู้ที่อยู่ใน B - แต่ ยากมากสำหรับพวกเขาที่จะป้ายโดยตรงใด ๆ ตัวอย่างหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะ นำวิธีต่อไปนี้ สำหรับคู่ของตัวอย่างแต่ละ i และ j พวกเขาเรียนพวกเขาอย่างระมัดระวังด้าน ด้าน หากพวกเขากำลังมีความมั่นใจในการตัดสินใจพอจากนั้นพวกเขา 1abe! คู่ (i, j) ทั้ง "เดียวกัน" (หมายถึงพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองจะมาจาก เดียวกันสายพันธุ์) หรือ "แตกต่าง" (หมายถึงพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะมาจาก สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน) พวกเขายังมีตัวเลือกของการแสดงผลการตัดสินไม่มี คู่ที่ได้รับในกรณีที่เราจะเรียกคู่คลุมเครือ ดังนั้นตอนนี้พวกเขามีการเก็บตัวอย่าง n เช่นเดียวกับคอลเลกชัน ของการตัดสินเมตร (ทั้ง "เดียวกัน" หรือ "แตกต่าง") สำหรับคู่ที่ไม่ได้ ประกาศจะคลุมเครือ พวกเขาต้องการที่จะทราบว่าข้อมูลนี้มีความสอดคล้อง ด้วยความคิดที่ว่าผีเสื้อแต่ละจากหนึ่งในสายพันธุ์หรือ B. ดังนั้นมากขึ้น ธรรมเราจะประกาศคำตัดสินเมตรเพื่อให้สอดคล้องถ้าเป็นไปได้ ป้ายแต่ละตัวอย่างทั้ง A หรือ B ในลักษณะที่สำหรับแต่ละคู่ (i, j) ป้าย "เดียวกัน" เป็นกรณีที่ฉัน andj มีป้ายชื่อเดียวกันคือ; และสำหรับแต่ละ คู่ (i, j) ระบุว่า "แตกต่างกัน" มันเป็นกรณีที่ฉันมีป้ายชื่อ andj ที่แตกต่างกัน พวกเขาอยู่ในช่วงกลางของการเบื่อหน่ายการทำงานออกว่าคำตัดสินของพวกเขา มีความสอดคล้องกันเมื่อหนึ่งในนั้นตระหนักว่าคุณอาจจะมี อัลกอริทึมที่จะตอบคำถามนี้ได้ทันที อัลกอริทึมให้กับการทำงานเวลา O (m + n) ที่กำหนด ไม่ว่าจะตัดสินเมตรมีความสอดคล้อง 3 อัลกอริทึมที่อธิบายไว้ในมาตรา 3.6 สำหรับการคำนวณการสั่งซื้อทอพอโลยี จาก DAG ซ้ำพบโหนดที่มีขอบไม่เข้าและลบ มัน ในท้ายที่สุดนี้จะผลิตสั่งทอพอโลยีโดยมีเงื่อนไขว่า ? ข้อมูลกราฟจริงๆเป็น DAG แต่สมมติว่าเรากำลังให้กราฟก็ได้ที่อาจจะหรืออาจไม่ได้รับ จะ DAG ขยายอัลกอริทึมการสั่งซื้อเพื่อให้ทอพอโลยีให้ ใส่กำกับกราฟ G มันจะออกผลลัพธ์หนึ่งในสองสิ่ง: () ทอพอโลยี สั่งซื้อจึงกำหนดว่าเป็นลูกไม้หรือ (ข) วงจรใน G จึง กำหนดว่าไม่ DAG เวลาของขั้นตอนวิธี nmning ของคุณ ควรเป็น O (m + n) สำหรับกราฟโดยตรงกับโหนด n และขอบเมตร

pug1
9th December 2012, 01:10
4. แรงบรรดาลใจอาจมาจากตัวอย่างที่ดี เช่น Cornelian,Vlardemir Nabokov หรือว่าอาจจะจากเพื่อนบางคนของคุณ อย่างเช่นพวกนักกีฏวิทยาส่วนใหญ่(เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพวกแมลง) บ่อยครั้งที่พวกเขาจะกลับมาจากการเดินทางและหอบเอาผีเสื้อสายพันธ์ใหม่ๆมาเสมอ มันยากมากที่จะบอกได้ว่าเขาจับมันมาทั้งหมดเท่าไหร่ แต่ ก็ขอขอบคุณที่มันยังมีสายพันธ์ที่มีลักษณะใกลเคียงกันกับสายพันธ์อื่นๆอยู่
วันหนึ่ง พวกเขากลับมาพร้อมกับผีเสื้อ n ตัว ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า ผีเสื้อที่จับมาได้นี้จะต้องมีอยุ่สองกลุ่มอย่างแน่นอน พวกเขาจึงเรียกกลุ่มทั้งสองว่า ผีเสื้อสายพันธ์ A และ ผีเสื้อสายพันธ์ B และพวกเขาต้องการแบ่งผีเสื้อ n ตัวนี้ให้อยู่ใน 2 กลุ่มสายพันธ์ คือพวกเขาจะแบ่งผีเสื้อที่ไมได้เป็นสมาชิกของกลุ่ม และเป็นสมิกของกลุ่ม B แต่มันยากมากที่พวกเขาจะบอกได้ตรงๆ พวกเขาเลยต้องใช้วิธาการต่อไปนี้

พวกเขาจะแบ่งเป็นผีเสื้อ I และ J โดยจะศึกษาอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด และเมื่อพวกเขาตัดสินใจได้แล้ว พวกเขาจะเลือกมา 1 คู่ คือ (i,j) ซึ่งถ้าทั้งสองเป็นสายพันธ์เดียวกัน จะเรียกว่า "เหมือน" แต่ถ้าทั้งสองเป็นคนละสายพันธ์จะเรียกว่า "ต่างกัน" ซึ่งมันจะเหลือพวกที่ไม่เข้ากลุ่มอยู่ ซึ่งนั่นก็คือพวกที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของคู่ใด เขาจะเรียกพวกนั่นว่าพวก "คู่ครุมเครือ"

ซึ่งตอนนี้พวกเขาได้คอลเล็คชั่นของมีเสื้อ n ตัว ซึ่งก็คือคอลเล็คชั่นคู่นั่นเอง(คู่"เหมือน"และคู่"แตกต่าง) พวกเขาต้องการจะทราบว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีความสอดคล้องกับข้อมูลที่ว่าผีเสื้อพวกนี้จะต้องเป็นหนึ่งใน สายพันธ์ A และ B หรือไม่ และเพื่อที่จะทำให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น พวกเขาจะสามารถบอกได้ว่าสายพันธ์ A,B นั่น เหมือนกับคู่ (i,j) พวกเขาจะประกาศเป็น "เหมือน" นี่คือสิ่งที่เขาจะทำเหมือนพบสายพันธ์ที่ตรงกัน แต่ถ้าหากว่า สายพันธ์ AกับB นั่น ไม่เหมือนกับคู่ (i,j) มันจะเป็นช่วงที่ยากมากของการทำงาน ซึ่งพวกเขาจะให้ อัลกอร์ลิทึม O(m+n) ในการหาคำตอบนี้


แปลมาได้คร่าวๆประมาณนี้นะครับ ยากมากเลย ท่านกำลังเรียนเรื่องอะไรอยุ่เหรอ?????

ปล.แปลมาแต่ข้อ 4 ไอ่ข้อข้างล่างนี่ไม่ไหวละ 5555