PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ยุทธการผาเมืองเผด็จศึก วีรกรรมบรรพบุรุษ



universalpt
10th January 2013, 00:28
http://upic.me/i/i7/408604_517385284960737_766776156_n.jpg (http://upic.me/show/42642865)


อยากให้อ่านกันมากๆ เพราะบรรพบุรุษเขาสละเลือดเนื้อเพื่อให้เรามีผืนเเผ่นดินอยู่ อยากให้รู้ถึงการเสียสละของทหารหาญทุกนาย อาจยาวไปหน่อยแต่ก็คุ้มที่จะเสียเวลา ที่ได้รับรู้เรื่องราวของผู้มีพระคุณ ที่ได้สละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องบ้านเกิดเรา

เสียงกึกก้องกัมปนาทของปืนใหญ่บนเขาค้อและปืนใหญ่จากด้านเขาห้วยทรายที่ยิงติดต่อกันไม่ขาดระยะ นาฬิกาเพิ่งบอกเวลา ๐๕.๓๐ น. ของวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ อากาศรอบฐานหนาวเย็นยะเยือก อาศัยแสงดาวที่ระยิบระยับบนท้องฟ้า ทำให้พอสังเกตเห็นว่าที่ลานจอด ฮ. ข้างกองอำนวยการโครงการพัฒนา ลุ่มน้ำเข็ก ขณะนี้คราคร่ำไปด้วยเหล่าทหารจาก กองพันทหารราบเฉพาะกิจที่ ๓๔๔๔ (พัน.ร ๓๔๔๔) ซึ่งเป็นทหารจาก กองพันที่ ๔ กรมทหารราบที่ ๔ และเต็มไปหมด เสียงตะโกนเรียกหากันดังโหวกเหวก ระคนกับเสียงคุยจ้อกแจ้กจอแจ

เมื่อปืนใหญ่เงียบเสียงไปแล้ว สักครู่ก็ปรากฏเสียง ฮท.๑ จำนวนหลายลำดังกระหึ่มมาจากทางด้านหล่มสัก พอใกล้เข้ามาเสียงก็ยิ่งดังจนแสบแก้วหู ไฟสีเขียวสีแดงที่ตัวเครื่องวูบวาบข้ามศีรษะไปเป็นทางเหมือนกับผีกระสือ

อึดใจเดียวก็ได้ยินเสียงปืนกล เอ็ม-๖๐ ดี ขนาด ๗.๖๒ มม. ของ ฮท.๑ (ขนส่ง) ซึ่งติดตั้งอยู่ข้างห้องโดยสารของเครื่องข้างละกระบอก ที่เพิ่งบินผ่านไปเมื่อสักครู่ ดังสนั่นจนได้ยินอย่างชัดเจน เสียงการยิงดังกล่าวเป็นการยิงเพื่อเคลียร์พื้นที่ก่อนที่จะปล่อยทหารระลอกแรกลงในพื้นที่บริเวณหนองแม่นา นอกจากนั้นยังมีเสียงจรวด ๗๐ มม. และปืนมินิกัน ๖ ลำกล้อง ขนาด ๗.๖๒ มม. ของ ฮท.๑ (กันชิพ) ที่บินคุ้มกันดังสนั่นหวั่นไหวสลับกันอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

ฮ. เหล่านี้บินมาจาก พตท. ๑๖๑๗ อ. หล่มสัก และเป็น ฮ. เที่ยวแรกที่นำทหารจาก พัน. ร. ๓๔๔๔ จำนวน ๑ กองร้อย ไปลงในพื้นที่หนองแม่นา รังใหญ่ของ ผกค. เขตเขาค้อ

วันนี้ (๒๐ ก.พ. ๒๔) เป็นวันที่กองทัพภาคที่ ๓ ประกาศสงครามกับกองกำลังผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องจารึกเอาไว้ว่า วันนี้นักรบไทยส่วนหนึ่งในสังกัดของ กองพลทหารราบที่ ๔ ได้ไปสร้างเกียรติประวัติฝากชื่อไว้ในแผ่นดินที่ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ก่อนที่จะถึงวันนี้กองกำลังส่วนหนึ่งซึ่งประกอบ ด้วยทหารพรานและอาสาสมัครชาวเขาได้เคลื่อนย้ายเข้าปิดล้อมฐานที่มั่นของ ผกค. และในวันนี้เป็นวันที่กำลังส่วนหน้านั้นจะสมทบกับกำลังที่ส่งทางอากาศเข้าร่วมโจมตีที่หมายต่างๆ พร้อมกัน

๐๖.๐๐ น. ดวงอาทิตย์สีหมายสุกโผล่พ้นทิวเขาขึ้นมา พอจะเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น บริเวณลานจอด ฮ. ที่กำลังพลุกพล่านไปด้วยทหารจาก พัน. ร. ๓๔๔๔ ทั้งนายทหาร นายสิบ พลทหาร ทุกคนสวมหมวก แบร์เล่ย์สีพราง จำนวนไม่ต่ำกว่า 2 กองร้อย กำลังรอคิวขึ้น ฮ. เที่ยวต่อไป เป้ที่อยู่บนหลังบรรจุแน่นไปด้วยสิ่งของเครื่องใช้ อาวุธ กระสุนทุกชนิดเต็มอัตราศึก ทหารเหล่านี้พอกหน้าด้วยดินหม้อจนดูเหมือนพวก นิโกร ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริง พูดกระเซ้าเย้าแหย่กันด้วยความสนุกสนาน ไม่มีแวววิตกกังวลอยู่บนใบหน้าแม้แต่น้อย ผบ.ร้อย ผบ.หมวด ผบ.หมู่ กำลังจัดระเบียบการขึ้น ฮ. อยู่อย่างสับสน ผบ.หมู่ กำลังตามหาลูกหมู่ของตนอยู่อลหม่าน เสียงตะโกนเรียกหาโหวกเหวกดังอยู่อย่างเอ็ดอึง.... กว่าจะตามหาได้ครบก็เสียงแหบเสียงแห้ง

สักครู่หนึ่ง ฮท.๑ (ขนส่ง) ๓ - ๔ เครื่อง ก็บินกลับลงมาจอดที่ลานจอด โรเตอร์หลักพัดฝุ่นฟุ้งตลบ อบอวลจนเกือบมองไม่เห็นอะไร เดี๋ยวเดียวก็ทยอยกันมาอีก ๖ เครื่อง และกำลังทยอยลงจอดเป็นแถวยาวเยียด มี ฮท.๑ (กันชิพ) ๔ เครื่องเท่านั้นที่บินเลยไปจอดที่ลานอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กันแต่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อโหลดจรวดและกระสุนปืนกลเพิ่ม ขณะที่ทหารกองร้อยแรกของ พัน.ร. ๓๔๔๔ ลงไปตะลุยขับเคี่ยวกับ ผกค. อยู่ในหนองแม่นาแล้ว ซึ่งสามารถได้ยินเสียงปืนแว่วมาจากด้านหลังของเขาค้อ และทหารส่วนที่เหลือนี้กำลังจะตามไปสมทบอีก....

ฮ. ยังคงติดเครื่องกระหึ่ม ใบพัดใหญ่หมุนคว้างฝุ่นปลิวว่อน นักบินและช่างเครื่องกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ท้องเครื่องเพื่อหารอยกระสุน เพราะเมื่อสักครู่นี้ขณะที่ร่อนลงปล่อยทหาร ถูก ผกค. ซัดเข้าไปหลายรู อาจจะเป็นเพราะเราจู่โจมลงไปโดยที่มันไม่รู้ตัวก็ได้มันเลยตั้งหลักไม่ทัน จึงเพียงแต่เฉี่ยวๆ ไม่ถูกที่สำคัญ เหล่าทหารที่กำลังรอขึ้นเครื่องอยู่ ก็เริ่มทยอยขึ้นเครื่อง ๆ ละ ๖ - ๗ นาย ซึ่งปรกติแล้วถ้ามีแต่ตัวเปล่าๆจะนั่งได้อย่างสบาย แต่เมื่อทุกคนบรรทุกของใส่เป้มาเต็มที่ น้ำหนักไม่ต่ำกว่าคนละ ๓๐ กก. แล้วไหนจะอาวุธและกระสุนอีกก็เลยทำให้ภายในเครื่องเกือบไม่มีที่ว่างแม้แต่นิดเดียว พอทหารขึ้นนั่งประจำที่ครบทุกเครื่องแล้ว

“เคลียร์”

พอสิ้นเสียง นักบิน ฮท.๑ (ขนส่ง) เครื่องหมายเลข ๑ ซึ่งจอดอยู่หัวแถว ก็เร่งเครื่องจนใบพัดใหญ่หมุนติ้ว เครื่องยกตัวขึ้น พอสกีพ้นพื้นก็พุ่งปราดไปข้างหน้า บินนำไปก่อนเป็นเครื่องแรก แล้วเครื่องที่ ๒-๓-๔-๕ จนถึงเครื่องที่ ๑๐ ก็บินตามกันไปเป็นหาง มุ่งหน้าสู่หนองแม่นาซึ่งกำลังมีการปะทะกันอยู่ ส่วน ฮท.๑ (กันชิพ) ทั้ง ๔ เครื่องนั้นไปบินวนคุ้มกันอยู่บนอากาศก่อนแล้ว พอขบวน ฮ. บินผ่านฐานปฏิบัติการบนเขาค้อ ก็มองเห็นทหารที่อยู่บนฐานนั้นโบกมือให้กำลังใจกันสลอน

ข้ามเขาค้อไปก็มองเห็นเขาย่าอยู่แค่เอื้อม ตรงนั้นมีที่ราบนิดหน่อย ฮท.๑ หมายเลข ๒๓๔๐๗ ซึ่งเป็นเครื่องนำขบวน เริ่มลดระดับลง ฮ. เครื่องอื่นที่บินเกาะหมู่มาด้วยกันก็แยกย้าย เพื่อเตรียมร่อนลงปล่อยทหารตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ แนวไม้ข้างล่างใกล้พื้นที่เป้าหมายมีกลุ่มควันที่เกิดจากการปะทะ ผุดขึ้นตรงโน่นตรงนี้ราวกับดอกเห็ด

นักบินบังคับเครื่องวนอยู่สักอึดใจก็นำเครื่องลดระดับลงต่ำ พลปืนกลทั้งซ้ายขวายิงกราดนำไปก่อน เพื่อเป็นการเคลียร์พื้นที่ ที่หมายเป็นป่าอ้อสูงท่วมหัวปะปนกับไม้รวกหนาทึบมีที่ว่างอยู่นิดหน่อย.....พอถึงที่หมาย นักบินบังคับเครื่องให้ลอยนิ่งอยู่ในระยะ ๑๕ ฟุต เหนือพื้นดิน พลปืนบนเครื่องสอดสายตามองหาเป้าหมายที่เป็น พวกแม้วแดง ที่อาจจะแอบซ่อนอยู่ในดงไม้เพื่อหาโอกาสสอย ฮ. ที่กำลังลอยตัวเพื่อส่งทหารลงที่หมาย ซึ่งเกือบจะเป็นเป้านิ่งเลยทีเดียว

“โดด...”

สิ้นเสียงผู้บังคับหมู่สั่ง.... ทหารทั้งหมดต่างโดดออกจากประตูเครื่องทั้งสองข้าง เสียงอีลุ่บตุ้บตั้บ บางคนลงในป่าอ้อ บางคนลงไปในกอไม้รวกเสียงสวบสาบ พอทหารกระโดดลงหมดแล้ว ฮ. ยกตัวขึ้น ไอ้แม้วไม่รู้ว่าซ่อนอยู่ตรงไหน ซัดด้วยอาร์ก้าหรือ เซกาเซ่ก็ไม่ทราบ......

“เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง.........”

มายังกับห่าฝน กระทบตัวเครื่องทั้งซ้ายขวาดังโป๊กเป็ก มือไวทันคิด พลปืนเอ็ม-๖๐ ทั้งสองข้างซัดตอบโต้ลงไปเสียงสนั่นหวั่นไหว นักบินดึงเครื่องพุ่งปราดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ฮท.๑ (กันชิพ) เครื่องหนึ่งจิกหัวตรงรี่ลงมาเกือบเรี่ยติดดิน หวดซ้ำด้วยปืน มินิกันเป็นแนวยาวไปตลอด กระสุนส่องวิถีแดงวูบวาบลงไปในแนวป่า

ฮท.๑ (ขนส่ง) ทุกเครื่องกลับมาอย่างปลอดภัยไม่มีเครื่องใดได้รับอันตรายจนถึงกับโหม่งโลก แต่ก็ได้แผลกลับกันมาเครื่องละแผลสองแผล บางเครื่องก็ห้าหกแผล พอลงจอดบนลานช่างเครื่องก็กระโดดลงมาเพื่อตรวจรอยกระสุนที่ไอ้แม้วมันฝากมาเป็นที่ระลึก เครื่องที่โดนช่างเครื่องก็จะเอาตะไบขูดแต่งเสียงโกรกกราก ถ้าโดนตรงหัวเครื่องก็ยากหน่อยเพราะหารูออกไม่เจอต้องเอาไขควงมาถอดสกรูออกเป็นช่องเพื่อควานหาหัวกระสุน ถ้าปล่อยเอาไว้อาจจะเป็นอันตราย ถ้าบินขึ้นไปอีกครั้งไอ้หัวกระสุนที่ปล่อยทิ้งไว้มันอาจจะทำพิษภายหลัง บินไปดีๆ คันบังคับแข็งขึ้นมาดื้อๆ จะลำบาก

เสียงโจษจันของนักบินกับช่างเครื่องยังดังอยู่อื้ออึงแข่งกับเสียงเครื่องยนต์

“เฮ้ย...ของอั๊ว ๓ รู ว่ะ...”

“สู้ของข้าไม่ได้ ๕ รู ว่ะ...”

“ไอ้บ้า...เอ็งเล่นเอารูเก่ามานับด้วยนี่หว่า...”

ถูกยิงมาแทนที่จะอกสั่นขวัญหาย แต่ไม่เห็นมีใครวิตกกลับเห็นเป็นของธรรมดาเห็นเป็นของสนุก ต่างประกวดประขันกันเสียอีกว่าของใครจะถูกมากกว่ากัน พอพบเข้ารูหนึ่งก็ “เฮ” ขึ้นมาครั้งหนึ่ง...

นักบินและช่างเครื่อง เหล่านี้ผ่านมาเกือบทุกสมรภูมิในภาคเหนือ มีอยู่เครื่องหนึ่ง ช่างเครื่องซึ่งกำลังตรวจหารอยกระสุน ได้ถอดฝาครอบท่อนหางดูทุกคนร้อง “โอ้โฮ...” เกือบจะพร้อมกัน ภาพที่เห็นก็คือ โซ่ที่บังคับเทลโรเตอร์ (ใบพัดหาง) นั้นขาดตกลงมาห้อยร่องแร่ง ปลายโซ่ที่เหลืออีกข้างหนึ่งเกาะอยู่บนเฟืองเพียงซี่เดียวจะหลุดมิหลุดแหล่ ถ้าโซ่เส้นนี้หลุดจากเฟืองขณะที่ยังอยู่ในอากาศละก็มีหวังหมุนคว้างโหม่งโลกอย่างไม่มีปัญหา ก็ไม่รู้ว่ามีหลวงพ่อองค์ไหนช่วยเอาไว้ จึงได้ลงจอดอย่างนิ่มนวลจนเกือบจะไม่มีใครรู้สึกเลยว่าอะไรผิดปรกติ

การลำเลียงทหารของ พัน.ร. ๓๔๔๔ เข้าไปส่งในพื้นที่เป้าหมายในหนองแม่นา ของ ฮท.๑ (ขนส่ง) ทั้ง ๑๐ เครื่อง ยังดำเนินต่อไปอีก ๓ เที่ยวบิน จนกระทั่งในเที่ยวที่ ๖ ซึ่งจะนำ ทหารที่เหลืออีก ๑ หมวด เข้าสู่พื้นที่หนองแม่นาเป็นเที่ยวสุดท้าย

เมื่อ ฮ. ทั้งหมดลอยอยู่เหนือที่หมาย ตรงนั้นเป็นทุ่งนาที่ ผกค. ใช้ปลูกข้าวกว้างสุดลูกหูลูกตา ผิดกับในแผนที่อย่างลิบลับเพราะดูในแผ่นที่มีอยู่นิดเดียว มองเห็นลำน้ำเข็กไหลคดเคี้ยวไปไกลพอเครื่องลดระดับลงก็ได้ยินเสียงปืนเล็กปืนกลและเสียงระเบิดจากการปะทะดังกึกก้องไปหมด ซึ่งขณะนั้นมีการปะทะกันอย่างหนักที่ริมลำน้ำเข็ก พื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ตั้งของบ้านหลักชัย

บ้านหลักชัยมีชื่อเดิมว่า “บ้านเขาย่า” แต่ถ้าจะไปหาชื่อบ้านหลักชัยในแผนที่จะไม่มีทางหาพบ เพราะชื่อนี้เป็นชื่อจัดตั้ง บ้านหลักชัยตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของลำน้ำเข็กตรงข้ามกับเขาค้อแต่ห่างกันหลายกิโลเมตร มีอยู่ด้วยกัน 50 หลังคาเรือน ประธานบ้านชื่อ เล่าแกน แซ่โล่ว มีทหารบ้านประจำอยู่หลายสิบคน รอบๆ หมู่บ้านจะขุดเป็นคูยิงไว้โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ หลุมหรือบังเกอร์สำหรับเก็บซ่อนอาวุธ หรือใช้หลบภัยไว้ทุกบ้าน เพราะฉะนั้นหมู่บ้านแห่งนี้จึงเป็นฐานที่มั่นแห่งหนึ่งที่ต้องทำลายให้หมดสิ้น

ฮ. ร่อนต่ำลงไปทุกที ยังไม่ทันที่สกีจะแตะพื้น ทุกคนกระโจนพรวดออกจากเครื่อง ทันทีที่ส่งกำลังพลทั้งหมดลงสู่ที่หมาย ฮ. ทั้งหมดก็บินออกจากพื้นที่ไป ผู้บังคับกองพันก็กางแผนที่เช็คพิกัดหาที่หมายอยู่จ้าระหวั่น มันไม่ใช่ของง่ายในการที่จะรู้ได้ทันทีว่าขณะนี้หน่วยของเราลงมาอยู่ที่ไหน เพราะไมมีอะไรเป็นที่สังเกตุโดยเฉพาะที่นี่เป็นทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา จะใช้ภูเขาเป็นจุดอ้างหรือก็ยาก เพราะภูเขามันก็เหมือนกันทุกลูก จะใช้แม่น้ำรึเราก็มองเห็นเฉพาะเมื่อยังอยู่บนอากาศ พอลงมาแล้วกลับหาไม่เจอ ไอ้หมู่บ้านหรือที่หมายต่างๆ มันก็ซุกซ่อนอยู่ในป่าที่มีต้นไม้ปกคลุมหนาทึบ ไม่ใช่ว่ามันจะตั้งเรียงรายเห็นหลังคาสีขาวโพลนเหมือนกับบ้านในเมือง เพราะฉะนั้นมันจึงผิดกับที่เราดูในแผนที่อย่างลิบลับ กว่าจะรู้ว่าขณะนี้เราอยู่ที่ไหนก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร

ในการเคลื่อนย้ายทางอากาศในครั้งนี้ มีหลายครั้งที่เรากระโดดลงจาก ฮ. แล้วผ่าลงไปบนหลังคาบ้าน ผกค. ยังไม่ทันตั้งตัวก็ต้องออกแรงซัดกับเจ้าของบ้านเอาเหงื่อกันเสียก่อน ดูๆ มันก็เป็นเรื่องตลก แต่ตอนนั้นมันกลับตลกไม่ออก เพราะการเล่นจ๊ะเอ๋กันแบบนี้ต่างคนก็ต่างมีปืน มือใครไวเหนี่ยวไกก่อนคนนั้นก็ได้เปรียบ ถ้ารอดแล้วค่อยกลับมาเล่าสู่กันฟัง......

ภายหลังจากที่กำลังพลของ พัน.ร. ๓๔๔๔ ทั้ง ๓ กองร้อย เคลื่อนย้ายเข้าสู่ที่หมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พันโทหาญ เพไท ผู้บังคับกองพัน พัน.ร. ๓๔๔๔ ได้นำทหาร ร้อย.ร. ๔๔๒ และ ร้อย.ร. ๔๔๓ ลัดเลาข้ามทุ่งนาที่เว้งว้างไปทางทิศตะวันออก มุ่งสู่ชายป่าที่เห็นลิบๆ อยู่ข้างหน้า

ส่วน ร้อย.ร. ๔๔๑ ได้เข้าสนธิกำลังกับกองร้อยทหารพราน จาก พตท. ๑๖๑๗ ภายใต้การนำของ ร.ท. ไพบูลย์ บุญรอด เข้าล้อมปิดล้อมบ้านหลักชัย ในขั้นต้นได้ให้ นาย เล่าพลุ แซ่ลี ผกค. กลับใจซึ่งเป็น ผู้นำทางใช้โทรโข่งตะโกนภาษาม้งให้คนที่อยู่ใน หมู่บ้านทั้งหมดวางอาวุธแล้วออกมามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ และจะไม่ทำอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น แต่คำตอบที่ได้รับก็คือ กระสุนปืนที่ระดมยิงออกมาอย่างหูดับตับไหม้ ผู้ที่โดนกระสุนของ ผกค. เป็นคนแรกก็คือ อส.ทพ. วันชัย ศรีลัยรัตน์ ถูกยิงเข้าที่หน้าอกทะลุหลัง อาการสาหัส หมวดไพบูลย์สั่งให้หมอสนามรีบเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วสั่งให้ทหารพรานทั้งหมดกระชับวงล้อมเข้าไปอีก แต่ยังไม่อนุญาตให้เปิดฉากยิงอย่างเด็ดขาด เพราะได้รับคำสั่งว่าอย่าใช้อาวุธ ให้ปฏิบัติอย่างนุ่มนวลจนถึงที่สุด หมวดไพบูลย์ให้นายเล่าพลุตะโกนกรอกใส่โทรโข่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เวลาผ่านไปไม่นานก็มี ผกค. รวม ๑๓ ชีวิต วิ่งกระเซอะกระเซิงหอบหม้อข้าวพะรุงพะรังออกมาจากชายป่าด้านหนึ่ง หมวดไพบูลย์ได้สั่งให้ทหารพรานรีบนำออกไปพักที่โค่นต้นไม้ห่างออกไป ๔๐๐ เมตร

เวลาผ่านไปเกือบ ๔๕ นาที เสียงปืนของ ผกค. กลับหนาแน่นยิ่งขึ้นแสดงว่า ผกค. ต้องการจะสู้ตายโดยไม่สนใจต่อคำพูดของ เล่าพลุ แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ฝ่ายเรายังไม่ได้ยิงแม้แต่นัดเดียว ได้แต่ใช้โทรโข่งพูดเกลี้ยกล่อมอยู่ตลอดเวลา

จ.ส.อ. ทองแดง บุญญานุสนธ์ ผบ.ร้อย อส.ทพ. ที่ ๒ อดรนทนไม่ได้ลุกพรวดสั่งทหารพรานบุกเข้าโจมตีทันที คราวนี้แหละเสียงปืนของทั้งสองฝ่ายจึงดังขึ้นอย่างหูดับตับไหม้ บ้านหลังหนึ่งไฟลุกพรึ่บขึ้นด้วยอำนาจการยิงของปืนเอ็ม-๗๙ จากนั้นอีกไม่นานบ้านหลังอื่นๆ ก็ตกอยู่ในทะเลเพลิงลักษณะเดียวกัน

ขณะที่กำลังทั้งหมดได้เข้าไปลุยกับ ผกค. อยู่ที่บริเวณลานบ้าน มีการดวลกันในระยะประชิดชนิดใครดีใครอยู่ ลูกระเบิดมือลูกแล้วลูกเล่าเหวี่ยงเข้าไปในคูยิงและอุโมงค์ที่อยู่ในบริเวณบ้าน เสียงตูมๆ ไม่ขาดระยะ ควันกระจายสูงท่วมหัว ผกค. หลายคนเผ่นออกมาจากบังเกอร์ถูกหวดซ้ำเข้าไปอีกด้วย เอ็ม-๑๖ ผงะหงายกลิ้งไม่เป็นท่า เสียงของจ่าทองแดงตะโกนสั่งเข้าตรวจค้นบ้านให้หมดทุกหลัง บ้านไหนที่ยังยิงสู้ก็ให้ถล่มเข้าไปให้แหลก แสดงเพลิงแดงฉานจับท้องฟ้าคละคลุ้งด้วยควันจน ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ

แต่ขณะที่จ่าทองแดงวิ่งนำหน้าทหารบุกเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่งที่ยังมีการยิงต่อสู้กันอยู่ ยังไม่ทันจะถึงชายคาบ้าน เสียงอาร์ก้าดังรัวขึ้นถี่ยิบ....

“เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...................”

ร่างของจ่าทองแดงผงะหงาย อส.ทพ. ทอง ปราดเข้าพยุงแล้วเหนี่ยวไกออกไปพรืดหนึ่ง ผกค. สวนกลับมาด้วยอาร์ก้า อส.ทพ. ทอง ล้มกลิ้งลงไปอีกคนหนึ่ง เท่านั้นแหละ ทหารพราน ๓ - ๔ นาย ที่ตามจ่าทองแดงมาข้างหลังก็กระหน่ำออกไปอย่างไม่นับ ไอ้แม้วคนยิงที่แอบซุ่มอยู่ในคูเหรดพรุนเละไปทั้งตัวไม่ร้องสักแอะ และอีก ๓ คนที่เผ่นขึ้นมาจากคูเหรดล้มลุกคลุกคลานก็ถูกซัดเข้าไปอีก ๑ ชุด งอก่องอขิงลงนรกไปไม่เป็นท่า

แสงเพลิงแผ่ออกไปเป็นวงกว้างทุกที ควันดำลอยคลุ้งขึ้นสูงลิบ เสียงเศษไม้ไหม้ดังเปรี้ยะๆ บัดนี้ หมู่บ้านสู้รบแห่งหนึ่งในเขตฐานที่มั่นของ ผกค. เขต ๑๕ ที่มีชื่อว่า “หลักชัย” ได้ถูกทหารพรานของหมวดไพบูลย์ และ ทหารจาก ร้อย.ร. ๔๔๑ ทำลายเสียจนราบเรียบ ที่เก็บเสบียงอาหารจำพวก ข้าวเปลือก ข้าวสาร หลุมเก็บอาวุธและวัตถุระเบิดทั้ง ๕ หลุมถูกถล่มจนไม่มีอะไรเหลือ ศพของ ผ.ก.ค. จำนวน ๑๐ ศพ นอนตายเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณ ส่วนที่เหลือก็แตกกระเจิดกระเจิงไปทางป่าหลังหมู่บ้านพร้อมกับกวาดต้อนคนให้หมู่บ้านไปด้วย

หลังจากบ้านหลักชัยถูกไฟเผาผลาญจนหมดแล้ว หมวดไพบูลย์ สั่งให้ทหารทั้งหมดถอนตัวไปทางทิศตะวันตก พร้อมกับแบกร่างของจ่าทองแดงกับ อส.ทพ.ทอง แก้วทา ออกมาเพื่อรอ ฮ. นำกลับส่วนหลัง แต่ยังไม่ทันที่กำลังทั้งหมดจะถอนตัวออกมาห่างจากหมู่บ้านได้เท่าใดนัก ไอ้พวกแม้วแดงที่แอบย้อนกลับมาซุ่มอยู่ข้างทางก็เปิดฉากถล่มทันที

“เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...................”

“ตูม....ตูม...ตูม..........”

ทั้ง อาร์พีจี แ ละปืนเล็ก ดังสนั่น กระสุนปลิวว่อนทุกคนกระโจนพรวดหมอบติดดินทันที ไม่มีใครยิงตอบโต้เพราะยังไม่รู้ทิศทางที่มันยิงมา

“เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...................”

“ตูม....ตูม...ตูม..........”

พอสิ้นเสียงปืนชุดที่ ๒ ของไอ้แม้ว จึงได้รู้ว่ามันยิงมาจากทางด้านซ้าย เท่านั้นแหละฉากการตะลุมบอนด้วยปืนและลูกระเบิดมือก็เกิดขึ้น

“วี้ดดดดด....กรั้มมมมมม”

อาร์พีจี ของทหารพรานถูกยิงล่วงหน้าสกัดไปก่อนเป็นการเปิดฉาก แล้วตามติดด้วยปืนเล็กปืนกลดังสนั่นจนจับไม่ได้ว่าเป็นปืนของฝ่ายไหน ศพถูกวางทิ้งไว้ก่อนเพราะคนหามกำลังซัดกับพวกลอบกัดอยู่

“เปรี้ยง..เปรี้ยง..” เสียงปืน เอ็ม ๑๖ รัวกระหน่ำ

“บึม...บึม...บึม...” ระเบิดมือถูกขว้างออกไป

“วี้ดดดดด....กรั้มมมมมม” อาร์พีจี หวดตาม

เวลาผ่านไป ๒ ชั่วโมงครึ่ง แนวรบด้านนี้ยังระงมไปด้วยเสียงปืนนานาชนิด ที่ฝ่าย ผกค. ระดมยิงมาที่ทหารอย่างหนาแน่น การรบไม่มีทีท่าจะยุติลงได้ง่าย ๆ ต่างฝ่ายต่างตรึงกันอยู่อย่างนั้น ขยับตัวก็ไม่ได้ พอขยับก็เปรี้ยงทุกที เพราะ ผกค. อยู่ในภูมิประเทศที่ดีกว่ายึดเอาต้นไม้ใหญ่เป็นที่กำลัง ส่วนฝ่ายทหารอยู่กลางทางเดินที่มีหญ้าคากับป่าสาบเสือเท่านั้น




ฝ่ายทหารพยายามที่จะรบหน่วงเวลาเพื่อให้กำลังส่วนหนึ่งถอนตัวออกจากพื้นที่ และต้องการจะหลอกล่อให้ ผกค. ติดตามออกสู่ที่โล่งเพื่อจะได้ซัดกันให้ถนัดมือ เพราะบนฟ้ามี ฮท.๑ (กันชิพ) บินวนคอยทีอยู่แล้ว แต่ที่ยังไม่ลงมือเพราะอยู่ในระหว่างลูกติดพัน

จ.ส.อ. ทวีป ดีรักษา ผบ.ร้อย. อส. ทพ. ที่ ๑ กับ จ.ส.อ. ธีระวัฒน์ รอง ผบ.ร้อย. อส. ทพ. ที่ ๑ รับอาสานำทหารพรานชุดหนึ่งทำหน้าที่ยิงสกัดระวังหลังโดยจะยิงกดเอาไว้ให้ จ่าทวีปจึงนำทหารพรานลุยอย่างไม่กลัวตาย และในขณะที่กำลังนำทหารพรานเข้าตะลุมบอนอยู่นั้น

“เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...เปรี้ยง...................”

พอสิ้นเสียงปืนชุดนี้ กระสุนนัดหนึ่งก็เจาะเข้าที่ลำคอ อีกนัดหนึ่งเจาะเข้าอย่างจังที่หน้าอก จ่าทวีปผงะหงายล้มกลิ้งเสียชีวิตทันที ส่วนจ่าธีระวัฒน์ซึ่งควบคุมทหารพรานลุยกับ ผกค. อยู่อีกด้านหนึ่งก็ถูกกระสุนที่โคนแขนขวาอาการสาหัส... แต่ไม่เป็นไรกำลังที่เหลือคงลุยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งเวลาบ่ายแก่ๆกำลังส่วนใหญ่ของหมวดไพบูลย์ พร้อมกับศพของจ่าทองแดง กับ อส.ทพ. ทอง แก้วทา จึงได้หลุดออกสู่ ทุ่งโล่งโดยปลอดภัย แต่การปะทะกับ ผกค. ยังไม่มีวี่แววจะยุติ ศพของจ่าทวีป และจ่าธีระวัฒน์ ที่ได้รับบาดเจ็บยังเอาออกมาไม่ได้ เพราะการรบยังติดพันอยู่ หมวดไพบูลย์ จึงสั่งให้กำลังทั้งหมดกลับเข้าไปช่วยอีกครั้งหนึ่ง

พอกลับเข้าไปถึงจุดที่ปะทะ ก็เข้าสมทบกับทหารที่อยู่ระวังหลัง เฮโลเข้าตะลุมบอนดะ ปรับเป็นแถวหน้ากระดานเข้าไปเลย มันจะอยู่ตรงไหนก็ช่าง มองเห็นหรือไม่เห็นไม่รู้ ทุกคนไล่ยิงด้วยความบ้าเลือดชนิดตายเป็นตาย เอ็งแน่ก็ยิงเข้ามา เสียงอาร์พีจี,ปืนเอ็ม-๗๙, เอ็ม-๑๖ และ เอ็ม-๖๐ ดังก้องป่าไปหมด

พอเจอความบ้าเลือดแบบนี้เข้า ไอ้แม้วถอยกรูดๆ ลากคอเพื่อนที่ม่องเท่งแล้วถูลู่ถูกังเลือดสาดกระจายหนีไปทางริมตลิ่ง ทหารยังตามกระหน่ำซ้ำด้วยอาร์พีจีและเอ็ม-๗๙ จนกระทั่งเสียงปืนของมันค่อยๆ ห่างออกไปทุกทีแล้วเงียบหายไปในที่สุด

หลังจากที่ ผกค. แตกหนีออกไปแล้ว ทหารก็ได้นำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมารอ ฮ. อยู่ที่โค่นต้นไม้ ซึ่งที่นั่นมีมวลชน ผกค. จำนวน ๑๓ คน รวมอยู่ด้วย ไม่นาน ฮ. ติดเครื่องหมายกากะบาดสีแดงเขียนข้างลำตัวว่า “ไทยช่วยไทย” ร่อนลงมารับเอาร่างผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ กลับไป
ด้านของ ผู้พันหาญ ผบ.พัน.ร. ๓๔๔๔ หลังจากนำ ร้อย.ร. ๔๔๒ และ ๔๔๓ แยกทางกับ ร้อย.ร. ๔๔๑ เพื่อเข้าสู่ที่หมายซึ่งอยู่ห่างออกไป ๒ ก.ม. อันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนการเมืองการทหาร ซึ่งเปรียบเสมือน หัวใจของ ผกค. เขต ข.๓๓ ตัวสหายวิสุทธิ์ (เล่าย่า)จอมวายร้ายกรรมการรวมเขต 3 จังหวัด (พิษณุโลก - เพชรบูรณ์ - เลย) รวมทั้ง ผกค. ชั้นหัวกะทิทั้งหมดก็อยู่ที่นี่ด้วย ส่วนสาเหตุที่ไม่เลือกพื้นที่ส่งกำลังลงใกล้กับที่หมายก็เพราะว่า รร.การเมืองการทหาร, สำนักอำนาจรัฐ, สำนักนาเคลื่อนที่ และสำนักทหารช่าง ที่หมายเหล่านี้แต่ละแห่งก็อยู่ห่างกันไม่เท่าไร ถ้าหากถูก จู่โจมเมื่อใด ผกค. ประมาณ ๒๐๐ คนจะต้องเฮโลเข้ามาช่วยกัน ซึ่งจะทำให้ฝ่ายเราต้องสูญเสียมากขึ้นด้วย

กำลังทั้ง ๒ กองร้อย เดินข้ามทุ่งโล่งอย่างไม่สู้รีบร้อนนัก ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เหน็ดเหนื่อยเสียก่อน เมื่อกำลังทั้งหมดมาถึงห้วยร่อนแก่นซึ่งเป็นลำห้วยเล็กๆ ซึ่งแยกมาจากลำน้ำเข็ก และน้ำก็ไม่ลึกจนเกินไปพอที่จะลุยข้ามได้ ผู้พันหาญจัดกำลังเป็นส่วนระวังหลังไว้จำนวนหนึ่ง นอกนั้นได้ทยอยกันลุยข้ามลำห้วยไป แล้วกระจายกำลังลัดเลาะไปทางป่าตีนเขาหลังโนนสน

ใกล้เข้าไป....ทุกอย่างเงียบสงบแม้แต่ลมก็ไม่กระดิก มันเงียบจนเกือบจะไม่แน่ใจว่ามาถูกทางหรือเปล่า มันน่าจะมีวี่แววอะไรสักอย่างปรากฏให้เห็นแต่มันก็ไม่มี แต่เมื่อเคลื่อนที่เข้าไปใกล้อีกหน่อย ก็มองเห็นทุ่งนานาวเหยียดมีความ ๒ - ๓ ตัว เล็มหญ้าอยู่ ทางด้านซ้ายเป็นลำน้ำเข็ก ด้านขาวเป็นป่าที่มีต้นยางสูงเสียดฟ้าแออัดยัดเยียดกันจนเกือบจะไม่มีช่องว่าง แต่ละต้นล้วนใหญ่โตมโหฬารทั้งสิ้น เมื่อสังเกตุให้ดีอีกครั้งหนึ่งก็เห็นว่าที่ริมลำน้ำเข็กนั้นมีกระต๊อบเล็ก ๆ เตี้ย ๆ เรียงรายอยู่ ๖ - ๗ หลัง แต่มองไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว ผู้พันหาญกางแผนที่เช็กพิกัดให้แน่นอนอีกครั้งหนึ่ง ก็ปรากฏว่าได้นำกำลังมาถูกที่แล้ว เพราะฉะนั้นที่หมายที่จะเข้าโจมตีจะต้องอยู่ในป่าแห่งนั้นอย่างแน่นอน ผู้พันหาญสั่งการให้ ผบ.ร้อยทั้งสองเตรียมเข้าถล่มทันที ชุดยิง ค.๖๐ ของทั้งสองกองร้อย ตั้งขาหยั่งอย่างรีบด่วน เมื่อทุกอย่างพร้อม พลกระสุนก็ปล่อยลูก ค. นัดแรกเข้าไปโดยไม่ต้องเล็ง

“บึมส์....” ค. นัดแรกหยอดข้ามทุ่งนาไปแล้วเป็นการหยั่งเชิง ระเบิดดินฟุ้งขึ้นพ้นยอดยาง เงียบ....

“บึมส์....” นัดที่สองหยอดซ้ำลงไปอีก ควันโขมง...

“วี้ดดดดด....กรั้มมมมมม......”

เจ้าของบ้านตอบมาแล้ว คราวนี้พวกเราหมอบติดคันนาเลยทีเดียว เพราะอาร์พีจี ๒ - ๓ นัด ของ ผกค. ปลิวมาตกอยู่ตามคันนาฝุ่นฟุ้ง วัวควายวิ่งกันกระเจิง ทหารทั้งสองกองร้อยชาร์ทเข้าหาที่หมายทันที โดยทางด้านซ้าย ร้อย.ร. ๔๔๒ ตีโอบเข้าไป ร้อย.ร. ๔๔๓ โอบทางด้านขวาเข้าหาชายป่าที่อยู่ตรงหน้า ผกค. ระดมยิง ค. และ อาร์พีจี ใส่อย่างไม่ยั้งพยายามจะสกัดไม่ให้ฝ่ายเราบุกเข้าไปถึงที่หมาย ทหารทั้งหมดบุกเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย ค.๖๐ ฝ่ายเราที่อยู่ด้านหลังก็ยังคงระดมยิงเข้าไปเพื่อเปิดทางให้ฝ่ายเราบุกเข้าไปเป็นระลอกๆ

บนท้องฟ้า ฮท.๑ (กันชิพ) ๒ เครื่อง เพื่อนร่วมสมรภูมิปรากฏตัวขึ้นแล้ว มาถึงก็ไม่ฟังเสียงจิกหัวตรงรี่ลงมาเลย

“แซ๊ดส์....บึมส์....แซ๊ดส์....บึมส์....”

จรวด ๗๐ มม. ๒ ลูกซ้อน พุ่งปร๊าดออกจากท่อยิงทั้งสองข้างตรงไปยังกลุ่ม ผกค. ที่กำลังยิงต่อสู้กับฝ่ายเราอยู่ จรวดทั้งสองลูกกระทบที่หมาย ควันโขมง ดินจากแรงระเบิดสูงพ้นยอดไม้ ฮ. กันชิพ เครื่องแรกถล่มด้วยจรวดเสร็จแล้วก็ยกตัวขึ้นสูงเพื่อเปิดทางให้ ฮ. กันชิพอีกเครื่องจิกหัวลงซ้ำด้วยปืนกลอากาศ...

“พรู่ด....พรู่ด...พรู่ด....พรู่ด.........” เสียงดังราว กับช้างร้อง แล้วก็เอียงลำตัวให้ปืนอีกข้างหนึ่งหวดซ้ำลงไปอีก

“พรู่ด....พรู่ด...พรู่ด....พรู่ด.........”

แสงไฟจากปากลำกล้องสีแดงสลับเขียวพุ่งเป็นฝอยราวกับไฟพะเนียง พอเครื่องที่สองไต่ระดับขึ้นสูง เครื่องแรกก็จิกหัวตรงรี่ลงมาอีก กระหน่ำด้วยจรวดอีก ๒ นัด ตามด้วยปืนกลอีก ๓ - ๔ ชุด ฮท.๑ (กันชิพ) ทั้งสองเครื่องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันแผลงฤทธิ์อย่างสนุกสนาน ลูกจรวดตกลงบนหลังคาค่ายพักไฟลุกพึ่บแล้วลามไปยังหลังอื่นๆ อย่างรวดเร็ว




ทางด้านภาคพื้นดิน ทหารทั้ง ๒ กองร้อยเคลื่อนที่พ้นทุ่งนาเข้าไปแล้ว ระเบิดควันสีเขียวสีม่วงสีเหลืองถูกเหวี่ยงออกไปเป็นสัญญาณบอกแนวให้นักบินรู้ว่ากำลังของเราอยู่ที่ไหน กันชิพทั้งสองเครื่องต่างผลัดเปลี่ยนกันกระหน่ำเสียจน ผกค. โงหัวไม่ขึ้น พอกระสุนปืนและจรวดหมดก็บินกลับไปโหลดให้ โดยเปลี่ยนให้ บ.จล. ๒ “สปุ๊กกี้” ของกองทัพอากาศซึ่งบินวนคอยทีอยู่แล้วลงกระหน่ำด้วยปืน“มินิกัน” ที่มีอัตราการยิงมากกว่า ๖,๐๐๐ นัดต่อนาที เท่านั้นยัง ไม่หนำใจพอ “สปุ๊กกี้” จากไป ปืนใหญ่จากฐานยิงบนเขาค้อเริ่มบรรเลงซ้ำลงยังที่หมายเดิมเป็นวงกว้าง เสียงระเบิดตูมตาม ต้นหมากรากไม้ล้มระเนระนาดทั้งหินทั้งดินฟุ้งกระจายสะเกิดปลิวว่อนจนเราต้องหลบกันจ้าละหวั่น เพราะเป็นการยิงในระยะใกล้แนวของทหารภาคพื้นดิน ผู้ตรวจการณ์หน้า (ผตน.) ต้องตะโกนกรอกวิทยุเสียงลั่นให้ยิงห่างแนวออกไปหน่อย ภารกิจยิงของปืนใหญ่ครั้งนี้รู้สึกสะใจจริงๆ เพราะเป็นการยิงติดต่อกันยาวนานนับชั่วโมง

พอปืนใหญ่เงียบเสียงไป คราวนี้ ร้อย ร.๔๔๒ กับ ร้อย ร. ๔๔๓ ก็ชาร์ทเข้าไปโดยอัตโนมัติ กำลังทั้งสองกองร้าอยเข้าไปลุยอยู่ในบริเวณสำนักทหารช่างก่อนแล้วเลยเข้าไปที่ รร.การเมืองการทหาร เผาให้มันวายวอดไปเลย หมูเห็ดเป็ดไก่วิ่งกันกระเจิงเสียง กระโต๊กกระต๊ากดังลั่นป่าไปหมด ผกค.หนีกันเตลิดเปิดเปิงเห็นหัวสลอนวิ่งเข้าป่าไปปักหลักสู้อยู่ตามคูยิงและบังเกอร์ที่มีอยู่อย่างมากมายในบริเวณนั้น ทิ้งศพเพื่อนนอนตายไว้ตามสุมทุมพุ่มไม้นับได้เกือบ ๒๐ ศพ โดยมีทหารไล่ตามขยี้อย่างดุเดือด เสียงปืนดังกึกก้อง ไฟลุกข้ามจากหลังโน่นไปหลังนี้ติดต่อกันไปเป็นบริเวณกว้างหลายไร่ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตถูกนำออกจากป่าอย่างทุลักทุเลแล้วนำไปคอย ฮ. อยู่ที่บริเวณทุ่งนาเพื่อรอส่งกลับส่วนหลังต่อไป

หลังจากศึกถล่มศูนย์ประสาท ผกค. เขต ข.๓๓ ผ่านไป ผู้พันหาญสั่งให้ตรวจค้นทันที สิ่งของ อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือช่าง เอกสารสำคัญต่างๆ ถูก ผกค. นำไปซุกซ่อนไว้ตามอุโมงค์ โดยเฉพาะที่ริม ลำน้ำเข็ก พวก ผกค. ได้ขุดอุโมงค์ไว้ เรียงกันเป็นตับเต็มตลิ่งไปหมด และใช่ว่าจะขุดกันตื้นๆ เสียด้วย แต่ละแห่งจุคนได้ไม่น้องกว่า ๕ คนขึ้นไป

ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ ผู้พันหาญได้สั่งให้กำลังเข้าโจมตีสำนักนาเคลื่อนที่ ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักทหารช่างและ ร.ร. การเมืองการทหารไปประมาณ 2 กม. แต่การต่อสู้กับ ผกค. ที่นี่ไม่หนักหนาเท่าไรนัก เพราะ ผกค. ได้นำกำลังจากที่หมายนี้ไปช่วยสู้รบที่สำนักทหารช่างและ ร.ร. การเมืองการทหารหมด จึงเหลือกำลังอยู่ไม่กี่คน การรบจึงไม่รุนแรง


ตามแผนที่กำหนดไว้นั้น จะใช้ ฮ. เคลื่อนย้ายกำลังทางอากาศลงสู่ฐานที่มั่นของ ผกค. ในบริเวณหนองแม่นาพร้อมกัน ๒ กองพัน คือ พัน. ร. ๓๔๔๔ และ พัน. ร. ๓๔๔๗ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ใน วันที่ ๒๐ ก.พ. ๒๕๒๔ จึงได้ส่ง พัน. ร. ๓๔๔๔ ลงไปก่อนเพียงกองพันเดียว ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ส่วน พัน. ร. ๓๔๔๗ นั้นได้เคลื่อนย้ายกำลังเข้าที่หมายในวันที่ ๒๑ ก.พ. ๒๕๒๔

พัน. ร. ๓๔๔๗ เป็นกองพันผสมระหว่างทหารจากกรมทหารราบที่ ๔ กับกรมทหารราบที่ ๗ กองพันนี้อยู่ในบังคับบัญชาของ พ.ต. ประสม สอนปาน ภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ การกวาดล้าง ผกค. และทำลายโรงพยาบาลเขต สำนักพลาธิการเขต ๑๕ พลาธิการกองร้อย ซึ่งที่หมายทั้งหมดนี้อยู่ที่บริเวณตีนเขาย่า ใกล้กับหมู่บ้านทุ่งแดงชิงชัยใหม่ มีทหารบ้านติดอาวุธจำนวนหนึ่งเฝ้ารักษาไว้อย่างแข็งแรง

นักบิน ฮ. และช่างเครื่องต้องทำงานหนักกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะ ฮ. ที่นำมาใช้ในการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ก็คือ ฮ. ชุดเดียวกับเมื่อวันที่ ๒๐ ก.พ. ๒๕๒๔ ฮ. ทุกเครื่องได้ถูกนำไปรวมไว้ ณ ที่แห่งหนึ่งในเพชรบูรณ์ตั้งแต่เมื่อพลบค่ำแล้ว การเตรียมการเป็นไปอย่างคึกคัก พล.ต. ระลอง รัตนสิงห์ พ.อ. พิจิตร กุลละ-วนิชย์ พ.อ. สุรเชษฐ์ เดชาติวงศ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ วิ่งวุ่นกันตั้งแต่เช้า เพราะขณะนี้หน่วยต่างๆ ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่หนองแม่นาได้รายงานเข้ามาเป็นระยะ ๆ บางหน่วยยึดที่หมายได้กำลังรอรับคำสั่งปฏิบัติต่อไป บางหน่วยร้องขอ ฮ. เพื่อไปรับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บางหน่วยร้องขอกระสุนและเสบียงเพิ่มเติม

ครั้นได้เวลาประมาณ ๐๕.๐๐ น. ขณะนี้ ฮ. ทุกเครื่องติดเครื่องรอพร้อมอยู่แล้ว พอทหารจาก พัน.ร. ๓๔๔๗ กองร้อยแรกขึ้นประจำที่เรียบร้อยแล้ว ฮ. ลำเลียงทั้ง ๑๐ เครื่อง ได้ทยอยกันขึ้นตามลำดับมุ่งไปทางบ้านเล่าลือ โดยมี ฮ. กันชิพ ๔ เครื่องบินคุ้มกันไปตลอดทาง เมื่อถึงพื้นที่เหนือเป้าที่ได้กำหนดให้เป็นที่ร่อนลงจอดของ ฮ. แต่ละเครื่อง จึงได้ลดระดับเพื่อเตรียมปล่อยทหารลง....

ไอ้พวกแม้วแดงซึ่งคอยทีอยู่แล้วก็เริ่มแผลงฤทธิ์ยิงถล่มไปที่ ฮ. ทันที ซึ่งมันคงหวังอย่างยิง

Cd.อาวุธยุทโธปกรณ์ ของไทย เเละ นานาชาติ