ballba
4th February 2013, 15:01
มาแล้วครับผมลองอ่านดูนะครับ
https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-snc6/250783_139088056252491_466824380_n.jpg
แนวความคิดระบบกำลังสำรองรูปแบบใหม่
------------------
ข้อมูลนี้เป็นบางส่วนที่ กรมการสรรพกำลังกลาโหม ได้นำเสนอ ปลัดกระทรวงกลาโหม
แนวความคิดในการพัฒนาเพื่อการเตรียมกำลัง ในส่วนของ ทหารกองประจำการ จะใช้ทหารกองประจำการอาสาสมัครอายุ ๑๘ ปี เข้ามารับราชการ ๕ ปี ทดแทนการเรียกเกณฑ์แบบเดิม โดยกำหนดแรงจูงใจ เช่น ค่าตอบแทนเริ่มต้นและเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิและจำนวนปีที่รับราชการ การได้รับสิทธิสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ / นักเรียนจ่า รวมทั้งในขณะเป็นทหารกองประจำการ จะมีโอกาสเข้ารับการศึกษาเพื่อเพิ่มวุฒิทางการศึกษาให้สูงขึ้น ตลอดจนการได้รับสิทธิพิจารณาเข้าทำงาน ในภาครัฐและรัฐวิสาหกิจก่อนบุคคลอื่น เมื่อเป็นทหารกองหนุนหรือกำลังสำรอง
ในส่วนของ ทหารกองหนุนและกำลังสำรอง เมื่อทหารกองประจำการอาสาสมัคร ปลดเป็นทหารกองหนุน และได้รับการพิจารณาให้บรรจุในบัญชีบรรจุกำลัง จะเป็นกำลังสำรองของหน่วยนั้นเป็นเวลา ๕ หรือ ๑๐ ปี โดยใน ๕ ปีแรกจะเป็นกำลังสำรองชั้นลูกแถว ซึ่งจะคัดเลือกส่วนหนึ่ง พัฒนาเป็นกำลังสำรองชั้นนายทหารประทวน และคัดเลือกจากส่วนนี้พัฒนา ให้เป็นกำลังสำรองชั้นนายทหารสัญญาบัตรชั้นยศ ไม่เกินร้อยเอกใน ๕ ปีต่อไป โดยได้รับ สิทธิประโยชน์ เช่น การเลื่อนยศสูงขึ้น ได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือน หรือเงินก้อนเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ เมื่ออยู่ครบตามกำหนดเวลา การพัฒนาการเตรียมกำลังตามแนวทางนี้ จึงขอเรียกว่า การเตรียมกำลังระบบ ๕:๕:๕
เลข ๕ ตัวที่ ๑ คือ ระยะเวลาเป็นทหารกองประจำการอาสาสมัคร
เลข ๕ ตัวที่ ๒ คือ ระยะเวลาเป็นกำลังสำรองชั้นลูกแถว และชั้นนายทหารประทวน
เลข ๕ ตัวที่ ๓ คือ ระยะเวลาเป็นกำลังสำรองชั้นนายทหารสัญญาบัตร
ในด้านของ ทหารกองเกิน คงดำเนินการตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ คือเมื่ออายุครบ ๒๑ ปี จะต้องมารายงานตัวตามหมายเรียก แต่เมื่อกองทัพได้รับทหาร กองประจำการอาสาสมัครในปีนั้นครบแล้ว จึงไม่มีการเกณฑ์เข้ารับราชการ แต่จะได้รับการ จัดแบ่งเป็นกลุ่มไว้ตามความรู้ความสามารถ ทั้งนี้เพื่อให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ด้านการบรรเทาสาธารณภัย หรือหน่วยงานอื่น สามารถขอเรียกเข้ามาช่วยปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็นในห้วงระยะเวลา ๗ ปี
โดยทหารกองเกินในกลุ่มของกระทรวงกลาโหม จะได้รับการพัฒนา ด้วยการเรียกเข้ามารับการฝึกวิชาทหาร ตลอดระยะเวลา ๗ ปี ทั้งนี้เพื่อให้เป็นทหารกองเกินที่ได้รับการฝึกแล้ว และเมื่อมีอายุ ๓๐ ปี จะถูกปรับเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ต่อไป
การดำเนินการตามแนวทางนี้ จึงเป็นการยกเลิกการฝึกวิชาทหาร ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ.๒๕๐๓ เนื่องจากไม่ได้ใช้กำลังสำรองที่ผลิตจากนักศึกษา วิชาทหาร เป็นระบบที่ทำให้ชายไทยไม่ต้องถูกเรียกเกณฑ์ และสามารถใช้ศักยภาพในการสร้างผลผลิตให้กับประเทศชาติ ได้อย่างเต็มที่
โดยที่ หลักสูตรการฝึกวิชาทหาร จะต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นการศึกษาทางวิชาการแขนงหนึ่ง เช่นเดียวกับหลักสูตรทางวิชาชีพแขนงอื่นๆ ซึ่งผู้ผ่านการฝึกสามารถนำไปคิดเป็นหน่วยกิตในการศึกษาต่อไปได้ และต้องยกระดับวิชาชีพทหาร ให้เป็นที่ยอมรับและมีคุณค่า ในสังคม รวมทั้งต้องมีค่าตอบแทนที่ไม่น้อยกว่าวิชาชีพอื่นๆ โดยต้องสงวนบาง อาชีพไว้ให้ คนไทยเท่านั้น เช่น รปภ. ซึ่งผู้ที่ผ่านการเป็นทหารจะเป็น รปภ.ที่มีคุณภาพ หรือเป็นหัวหน้า รปภ. ได้
ซึ่งการดำเนินการตามแนวความคิดนี้ จะสามารถตอบสนองนโยบายและเจตนารมณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในประเด็น การสร้างแรงจูงใจให้ประชาขนเข้ามา เป็นทหาร ตลอดจนพิจารณาใช้ประโยชน์ทหารกองประจำการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมกับคุณวุฒิทางการศึกษา
แนวทางในการเตรียมกำลังตามระบบ ๕:๕:๕ (เลข ๕ ตัวที่ ๑)
การดำเนินการด้านทหารกองประจำการ
ปัจจุบันกองทัพมีความต้องการทหารกองประจำการประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ นาย ด้วยการเรียกเกณฑ์เข้ามาและปลดออกไปปีละประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ นาย
---------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กองการสั สดี กรมการสรรพกำลังกลาโหม
credit: นายหอกลอง ณ สนามหลวง
คิดว่าเป็นไงกันบ้าง ผมอ่านๆแล้่วยัง งงๆ = =
https://fbcdn-sphotos-d-a.akamaihd.net/hphotos-ak-snc6/250783_139088056252491_466824380_n.jpg
แนวความคิดระบบกำลังสำรองรูปแบบใหม่
------------------
ข้อมูลนี้เป็นบางส่วนที่ กรมการสรรพกำลังกลาโหม ได้นำเสนอ ปลัดกระทรวงกลาโหม
แนวความคิดในการพัฒนาเพื่อการเตรียมกำลัง ในส่วนของ ทหารกองประจำการ จะใช้ทหารกองประจำการอาสาสมัครอายุ ๑๘ ปี เข้ามารับราชการ ๕ ปี ทดแทนการเรียกเกณฑ์แบบเดิม โดยกำหนดแรงจูงใจ เช่น ค่าตอบแทนเริ่มต้นและเพิ่มขึ้นตามคุณวุฒิและจำนวนปีที่รับราชการ การได้รับสิทธิสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ / นักเรียนจ่า รวมทั้งในขณะเป็นทหารกองประจำการ จะมีโอกาสเข้ารับการศึกษาเพื่อเพิ่มวุฒิทางการศึกษาให้สูงขึ้น ตลอดจนการได้รับสิทธิพิจารณาเข้าทำงาน ในภาครัฐและรัฐวิสาหกิจก่อนบุคคลอื่น เมื่อเป็นทหารกองหนุนหรือกำลังสำรอง
ในส่วนของ ทหารกองหนุนและกำลังสำรอง เมื่อทหารกองประจำการอาสาสมัคร ปลดเป็นทหารกองหนุน และได้รับการพิจารณาให้บรรจุในบัญชีบรรจุกำลัง จะเป็นกำลังสำรองของหน่วยนั้นเป็นเวลา ๕ หรือ ๑๐ ปี โดยใน ๕ ปีแรกจะเป็นกำลังสำรองชั้นลูกแถว ซึ่งจะคัดเลือกส่วนหนึ่ง พัฒนาเป็นกำลังสำรองชั้นนายทหารประทวน และคัดเลือกจากส่วนนี้พัฒนา ให้เป็นกำลังสำรองชั้นนายทหารสัญญาบัตรชั้นยศ ไม่เกินร้อยเอกใน ๕ ปีต่อไป โดยได้รับ สิทธิประโยชน์ เช่น การเลื่อนยศสูงขึ้น ได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือน หรือเงินก้อนเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ เมื่ออยู่ครบตามกำหนดเวลา การพัฒนาการเตรียมกำลังตามแนวทางนี้ จึงขอเรียกว่า การเตรียมกำลังระบบ ๕:๕:๕
เลข ๕ ตัวที่ ๑ คือ ระยะเวลาเป็นทหารกองประจำการอาสาสมัคร
เลข ๕ ตัวที่ ๒ คือ ระยะเวลาเป็นกำลังสำรองชั้นลูกแถว และชั้นนายทหารประทวน
เลข ๕ ตัวที่ ๓ คือ ระยะเวลาเป็นกำลังสำรองชั้นนายทหารสัญญาบัตร
ในด้านของ ทหารกองเกิน คงดำเนินการตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ คือเมื่ออายุครบ ๒๑ ปี จะต้องมารายงานตัวตามหมายเรียก แต่เมื่อกองทัพได้รับทหาร กองประจำการอาสาสมัครในปีนั้นครบแล้ว จึงไม่มีการเกณฑ์เข้ารับราชการ แต่จะได้รับการ จัดแบ่งเป็นกลุ่มไว้ตามความรู้ความสามารถ ทั้งนี้เพื่อให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ด้านการบรรเทาสาธารณภัย หรือหน่วยงานอื่น สามารถขอเรียกเข้ามาช่วยปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็นในห้วงระยะเวลา ๗ ปี
โดยทหารกองเกินในกลุ่มของกระทรวงกลาโหม จะได้รับการพัฒนา ด้วยการเรียกเข้ามารับการฝึกวิชาทหาร ตลอดระยะเวลา ๗ ปี ทั้งนี้เพื่อให้เป็นทหารกองเกินที่ได้รับการฝึกแล้ว และเมื่อมีอายุ ๓๐ ปี จะถูกปรับเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ต่อไป
การดำเนินการตามแนวทางนี้ จึงเป็นการยกเลิกการฝึกวิชาทหาร ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ.๒๕๐๓ เนื่องจากไม่ได้ใช้กำลังสำรองที่ผลิตจากนักศึกษา วิชาทหาร เป็นระบบที่ทำให้ชายไทยไม่ต้องถูกเรียกเกณฑ์ และสามารถใช้ศักยภาพในการสร้างผลผลิตให้กับประเทศชาติ ได้อย่างเต็มที่
โดยที่ หลักสูตรการฝึกวิชาทหาร จะต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นการศึกษาทางวิชาการแขนงหนึ่ง เช่นเดียวกับหลักสูตรทางวิชาชีพแขนงอื่นๆ ซึ่งผู้ผ่านการฝึกสามารถนำไปคิดเป็นหน่วยกิตในการศึกษาต่อไปได้ และต้องยกระดับวิชาชีพทหาร ให้เป็นที่ยอมรับและมีคุณค่า ในสังคม รวมทั้งต้องมีค่าตอบแทนที่ไม่น้อยกว่าวิชาชีพอื่นๆ โดยต้องสงวนบาง อาชีพไว้ให้ คนไทยเท่านั้น เช่น รปภ. ซึ่งผู้ที่ผ่านการเป็นทหารจะเป็น รปภ.ที่มีคุณภาพ หรือเป็นหัวหน้า รปภ. ได้
ซึ่งการดำเนินการตามแนวความคิดนี้ จะสามารถตอบสนองนโยบายและเจตนารมณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในประเด็น การสร้างแรงจูงใจให้ประชาขนเข้ามา เป็นทหาร ตลอดจนพิจารณาใช้ประโยชน์ทหารกองประจำการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมกับคุณวุฒิทางการศึกษา
แนวทางในการเตรียมกำลังตามระบบ ๕:๕:๕ (เลข ๕ ตัวที่ ๑)
การดำเนินการด้านทหารกองประจำการ
ปัจจุบันกองทัพมีความต้องการทหารกองประจำการประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ นาย ด้วยการเรียกเกณฑ์เข้ามาและปลดออกไปปีละประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ นาย
---------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กองการสั สดี กรมการสรรพกำลังกลาโหม
credit: นายหอกลอง ณ สนามหลวง
คิดว่าเป็นไงกันบ้าง ผมอ่านๆแล้่วยัง งงๆ = =