PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ลองอ่านให้หน่อยครับ(มือใหม่)



samuan01
20th February 2013, 22:40
แก้นิดนึงนะครับ พยายามให้อ่านง่ายขึ้น แต่ก็ทำได้แค่นี้(พิมพ์ในiphoneเลยเละๆนิดหน่อย)
ขณะที่ผมกำลังเดินอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อหาห้องน้ำ ผมพบว่าตัวเองกำลังหลงทาง แต่ไม่นานป้ายในโรงพยาบาลก็นำผมไปพบที่หมาย มันเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่โตมาก ขนาดที่คนอย่างผมยังหลงได้ ตามป้ายที่เห็นผมพบว่ามีมินิมาร์ทอยู่ด้านล่างจึงคิดที่จะไปซื้อของ ขณะที่ผมกำลังลงบันไดไปตามทางเดินแคบๆ ผมพบเด็กสาวร่างเล็กกำลังเกาะขอบราวบันไดและค่อยๆเดินลงไปอย่างช้าๆ "นี่ให้ช่วยมั๊ย"ผมเดินเข้าไปทักเธอ แม้จะไม่ใช่นิสัยส่วนตัวแต่บางอย่างในร่างกายกระตุ้นให้ผมทำแบบนี้ "ข..ขอบคุณค่ะ"เธอพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างแผ่วเบา ผมค่อยๆจับมือเธอเดินช้าๆจนในที่สุดก็ลงมาอยู่หน้ามินิมาร์ท"จะซื้ออะไรล่ะ"ผมถามเธอด้วยความคิดที่จะไปซื้อให้ "ม..ไม่เป็นไรค่ะแค่จะมาเดินเล่นเท่านั้นเอง"เธอดูอายๆหน่อยๆคงเพราะผมที่เป็นคนแปลกหน้าเข้าไปคุยด้วย ผมจูงมือเธอเดินเข้าไปช้าๆเพราะ ผมเริ่มรู้สึกชื้นๆที่มือ"อ้า โทษที"ตั้งแต่ลงบันไดมาผมยังจับมือเธออยู่ ที่แก้มของเธอมีสีแดงเรื่อ อ่อนๆ"คงรู้สึกไม่ดีสินะจะปล่อยเดี๋ยวนี้แหละ" ผมกำลังจะปล่อยมือออก เธอเอามืออีกข้างมาจับที่มือผม "ม..ไม่ต้องก..ก็ได้ค่ะ" ผมเริ่มรู้สึกอายหน่อยๆแต่ก็ยังจับมืเธอไว้ ระหว่างเดินผมกะจะชวนเธอคุยอะไรซักอย่าง บรรยากาศจะได้ดูผ่อนคลายมากขึ้น "เธอชื่ออะไรเหรอ" ผมถามเธอไปอย่างนั้น ไม่คิว่าเธอจะตอบคนแปลกหน้าอย่างผมด้วยซ้ำ"ฮา ฮ..ฮาจ.. ฮาจิโกะ ค..ค่ะ" เธอดูจะอายมากผมจึงพยายามที่จะชวนเธอคุยต่อ "อยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ" "ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนค่ะ" การพูดของเธอดูเป็นธรรมชาติขึ้น ผมจึงเริ่มสบายใจ แต่การมาอยู่โรงพยาบาลที่นานขนาดนี้คงจะไม่ใช่อาการป่วยที่ธรรมดา ผมพาเธอเดินไปมารอบๆและออกมาเพื่อที่จะมาเธอไปส่งที่ห้อง ขณะที่จูงเธอขึ้นบันไดอีกครั้งผมก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ซื้อน้ำอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ไว้ค่อยลงมาใหม่หลังส่งเธอที่ห้องก็คงได้ "แล้วพ่อแม่เธอล่ะ" "ทำงาน พวกท่านยุ่งมากๆ"เธอตอบผมด้วยเสียงที่ไม่ค่อยมั่นคง "ช..ชั้นคงต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปแน่ๆ ก็พวกหมอน่ะยังบอกเลยว่าโรคที่ชั้นเป็นน่ะไม่มีทางหายได้"เธอเริ่มพูดในขณะที่ตาเริ่มแดง เนื้อตัวสั่นเทา "พ่อกับแม่น่ะ ต้องมานั่งทำงานเพื่อหาเงินให้กับ ลูกสาวที่ไร้ประโยชน์อย่างชั้น" "อ..อย่างชั้นน่ะน่าจะรีบๆตายไปซะดีกว่า" "ไม่ได้นะ!" เธอหันมามองผมด้วยสายตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา"ทำไมล่ะ"เธอถามในขณะที่กำมือผมแน่น"เธอน่ะไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ จะมาพูดแบบนั้นไม่ได้นะ พ่อกับแม่เธอไม่มีทางคิดว่าเธอเป็นภาระแน่ เธอน่ะเป็นความหวังของพวกเค้านะ" "นายจะไปรู้อะไรล่ะ"เธอตะโกนออกมาขณะที่ร้องไห้ "รู้สิเธอน่ะเป็นคนสำคัญนะ"ผมพูดขณะที่ดึงเธอเข้าไปกอด ร่างกายของเธออุ่นอย่างน่ะประหลาด ไม่รู้ทำไมน้ำตาของผมเองก็ไหลออกมาเช่นกัน เธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไร จนกระทั่งลิฟท์เปิดและผมพาเธอเดินมาจนถึงห้องของเธอ "ล..แล้วมาเยี่ยมชั้นบ้างนะ"เธอพูดขณะที่เอามือจับประตูห้องไว้และโผล่หน้าออกมาครึ่งนึง "อือ" ผมใช้เวลาอำลาเธอไม่นานก่อนจะเดินจากไป เวลาไม่ถึง30นาที มันทำให้บางอย่างในชีวิตผมเปลี่ยนไป วันธรรมดาๆวันนึงในชีวิตผมมีบางอย่างที่อบอุ่นมาจุดไฟให้มันแล้ว ผมรู้สึกได้จากก้นบึ้งของหัวใจ และนี่หละคือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่24มกราคม
http://upic.me/i/ph/img_04621.jpg
ค่ำคืนเนี่ยมันน่าเบื่อจริงๆผม สบถกับตัวเอง ผมเดินอยู่บนทางเดินติดขอบถนนที่มีรถมากมาย แต่ดูจะไม่มีรถคันไหนต้องการไปส่งผม ผมไม่ได้ขอร้องหรือภาวนาให้มีคนใจบุญ มาอาสาทำอะไรให้ผมหรอก เพียงแค่แท็กซี่ว่างๆซักคันที่พร้อมไปส่งผม ผมก็พอใจแล้ว นี่มันงี่เง่าชัดๆ แสงเจิดจ้ามากมายบนถนนราวกับกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ ผมได้แต่ยืนและหันไปหันมา ความคิดที่ปรากฏเด่นชัดคือไม่มีทางได้กลับไปเหยียบบ้านแน่นอน "งี่เง่า!" ผมตะคอกออกมา แต่เสียงที่ได้ยินกลับดูก้องกังวาลราวกับไม่ใช่แค่เสียงผมที่เป็นคนพูด นั่นทำให้ผมขนลุกไปชั่วขณะก่อนที่ผมพยายามที่จะมองไปรอบๆเพื่อหาเจ้าของเสียง แต่ในพื้นที่รอบๆกลับไม่มีใครเลย นั่นทำให้ผมกลัว "เอ้าไ่ปเลย!" เสียงเล็กๆชวนแสบแก้วหูดังขึ้นข้างหลังผม "มันหนักนะ" ผมพูดออกไปเพราะดูท่าเจ้าของเสียงกำลังขี่คอผมอยู่"นี่ลงไปซักทีสิ" ไม่นานผมก็รู้สึกว่าตัวเองเบาขึ้น ผมหันหลังกลับไปดู ภาพที่เห็นคือเด็กผู้หญิงร่างเล็กยืนเท้าเอวอยู่ อะไรกันไอ้ท่าทางแบบนั้น ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ "นายน่ะพูดคำว่า งี่เง่า เหมือนชั้นเลยนะ" แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่อย่างน้อยก็ตอบคำถามเรื่องเสียงได้ ผมก็สบายใจขึ้นนิดหน่อย "แล้วทำไมล่ะ ก็แค่เซ็งที่หารถกลับบ้านไม่ได้เท่านั้นเอง" "งี่เง่าน่าบ้าน ของแบบนั้นจะกลับไปทำไมล่ะ" ผมเริ่มอารมณ์เสียกับการคุยกับเด็กผู้หญิงตรงหน้าแล้ว "จะว่าไงก็ช่างเธอเถอะ ไปล่ะ" จ๊อ~ก เสียงท้องร้องทำให้ผมหยุดชะงักและหันกลับไปมอง "ล..เลี้ยงข้าวหนูหน่อยดิ" เธอพูดด้วยแววตาที่ออดอ้อน "ไม่" ผมไม่หลงกลและเชื่ออะไรใครง่ายๆอีกแล้ว ดพราะเมื่อก่อนมันก็สร้างความลำบากให้ผมไม่น้อย เราไม่ควรใจดีกับคนทุกคน ผมถือคตินั้น "น้า~" เธอยังคงทำเสียงออดอ้อนขอร้องผม "ถ้ามีแรงพูดได้ขนาดนั้นได้ก็คงยังไหวสินะ ผมค่อยๆเดินออกห่าง เพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนาที่เปล่าประโยชน์ ตุบ! เสียงบางอย่างกระแทกพื้นดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปดูทันทีเพราะร่างของเด็กสาวที่ผมเพิ่งคุยด้วยกำลังกองอยู่บนพื้นตรงหน้าผม ผมรีบแบกเธอขึ้นหลังและพาเข้าห้างที่อยู่ใกล้ๆเพื่อหาอะไรให้เธอกิน ผมได้ร้านเสต็กที่ดูน่าจะพออิ่มและราคาไม่แพงก่อนจะแบกเธอเข้าไป ผมวางเธอที่ที่นั่งฝั่งตรงข้าม เธอลุกพรวดขึ้นมาหยิบเมนู "นี่ตกลงเธอไม่ได้เป็นอะไรใช่มั๊ย" "ปิ๊งป่อง! ถูกแล้วค่า" "งั้น ไปล่ะ" เธอทำแก้มป่องหยีตาเหมือนจะร้องไห้ ใจเย็นๆต้องไม่ประมาท "ถ้าขยับอีกก้าวชั้นจะร้องว่านายลักพาตัวชั้นมา" 18มงกุฏชัดๆ แต่ในตอนนี้คนในร้านก็มองกันเต็มไปหมดเลย ยังไงก็คงต้องเสียทรัพย์แหงๆ "เออๆ เอาก็เอา จะกินอะไรล่ะ" ไม่นายเธอก็สั่งซุปชามเล็กๆ ถึงแม้ผมจะดูเมนูผ่านแต่ก็เห็นว่ามันราคาถูกและดูไม่น่าจะอิ่ม ซึ่งการกระทำของเธอตอนนี้มันดูขัดๆกับตอนที่เธอแกล้งเป็นลมอย่างสิ้นเชิง "ตกลงเธอต้องการอะไรกันแน่" เด็กสาวตรงหน้าได้แต่นิ่งเงียบเอาช้อนเกลี่ยหน้าซุปไปมา "ว่าไงล่ะ" "ฮึก" เธอแก้มแดงและเริ่มมีน้ำตาเอ่อที่ขอบตา ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ "เดี๋ยวสิเป็นอะไรไป" เธอยังคงไม่พูดอะไร "บ้านนายน่ะเป็นไงเหรอ" เธอถามผมด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ต่างกับตอนแรกที่เจอกัน "ก็ต้องเป็นบ้านปกติแน่นอนอยู่แล้วสิ" สีหน้าของเธอยิ่งดูไม่สู้ดีมากขึ้นไปอีก "ขอโทษที่รบกวนค่ะ" เธอเอามือปาดน้ำตาและลุกออกไป ผมจับแขนเธอไว้ "เดี๋ยวสิ เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ" ในที่สุดเธอก็นั่งลงอีกครั้ง แต่บรรยากาศในตอนนี้ดูจะตึงเครียดกว่าเมื่อกี๊มาก "คุณพ่อของชั้นน่ะ" เธอพูดด้วยเสียงที่ทำให้ แม้แต่ผมก็รู้สึกหวั่นไหว "วันนั้น เค้าเมามาก ตอนที่คุณแม่ของชั้นจะเข้าไปช่วยพยุง ค..คุคุณพ..พ่อ ก..ก็"น้ำตาเธอเริ่มไหลเป็นสาย ภาพตรงหน้าดูหดหู่เกินกว่าที่ผมจะทนไหว "พอเถอะ" ผมลุกขึ้นเอาเงินวางบนโต๊ะก่อนที่จะจูงมือเธอเดินออกไป ผมหยุดอยู่ในมุมถนนที่ได้พบกับเธอ "แม้ความรู้สึกของเธอ ผมจะไม่สามารถเข้าใจได้" "แต่ว่าตอนนี้ ตอนนี้น่ะ ผมจะรับมันไว้เอง" ขณะที่ผมลูบหัวเธอ เธอก็ร้องไห้ออกมา แต่อย่างน้อยผมก็รับรู้ได้ว่าอย่างน้อยความเศร้าของเธอก็เบาบางลงบ้างแล้ว "อือ ขอบใจนะ" ความรู้สึกตอนนี้น่ะเหมือนได้คืนดีกับน้องสาวที่ทะเลาะกันเลย "เธอชื่ออะไรล่ะ" "ของแบบนั้นน่ะลืมไปตั้งแต่ออกจากบ้านมาแล้วล่ะ"ผมและเธยืนจ้องมองแสงไฟหลากหลายที่ราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงอยู่เบื้องหน้าผมและเธอ "งั้นชั้นเรียกเธอว่าน้องสาวนะ" ผมไม่แน่ใจว่าคำที่เพิ่งพูดไป ผมได้พูดมันออกไปจริงรึเปล่า "ได้สิพี่ชาย" "เดี๊ยวสิ อย่าเรียกพี่ชายแบบนั้นสิ มันรู้สึกแปลกๆนะ" "ให้นายเรียกอยู่คนเดียวก็ขี้โกงสิ แบร่!" เธอแลบลิ้นให้ผม ภาพตรงหน้าหากต้องแลกด้วยเวลาที่เพิ่มขึ้นในการกลับบ้านก็นับว่าคุ้มค่าไม่น้อยเลย ไม่นานผมก็ดรียกแท็กซี่ได้ แต่บางอย่างต่างออกไป บางอย่างไม่เหมือนการนั่งแท็กซี่ทั่วๆไปของผม ผมใส่หูฟังเพียงข้างเดียว เพราะอีกข้างอยู่กับเด็กสาวที่ผมเพิ่งเจอแลพตัดสินใจที่จะพาเธอไปด้วย ไม่นานขณะที่รถผ่านแสงแห่งความวุ่นวายของสังคมเมืองจนพ้นออกมา ผมกบว่าเด็กสาวข้างๆได้ผลอยหลับไปแล้ว หน้าของเธอพิงอยู่บนไหล่ของผม บางทีผมว่าผมก็คงต้องพักซักงีบบ้าล้วหละ ผมหวังว่าการตัดสินใจของผมจะมีผลดีต่อใครซักคน ไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง ผมค่อยๆเอาหัวพิงกับขอบกนะจกก่อนที่จะมองออกไปยัง ความวุ่นวายที่เพิ่งพ้นออกมา ผมพบว่าผมได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากเมืองใหญ่ที่ผมเคยชิงชังแล้วล่ะ และนี่ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนวันที่25มกราคม

เกือบๆจะกุมภาพันอยู่แล้ว ถ้าจะพูดถึงกุมภาพันก็คงต้องพูดถึงวันที่14สินะ วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก ผมพึมพำเรื่องของวันวาเลนไทน์ขึ้นมาก็เพราะทางเดินที่กำลังเดินผ่านมันมี ของขายเกี่ยวกับวาเลนไทน์อยู่เต็มไปหมด ผมเพียงแต่เดินผ่านพวกมัน หากซื้อช๊อกโกแลต หรือขนมอื่นๆมากิน มันก็ไม่ต่างกับการซื้อขนมทั่วไปโดยที่จ่ายราคาสูงกว่าปกติ แล้วผู้คนจะยอมจ่ายในราคาที่สูงกว่าอย่างไม่มีเหตุผลไปเพื่ออะไร ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ง่ายมาก สำหรับวันแห่งความรักแล้วนี่ล่ะคือค่าตอบแทนที่คุ้มค่าและไม่น่าเสียดายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่จะให้ซื้อกินเองยังไงมันก็ดูไม่คุ้มและดูโง่ๆด้วย เหมือนจะเป็นการตอกย้ำว่ายังไงก็ไม่มีทางได้อะไรในวันวาเลนไทน์ แม้จะคิดว่าไม่มีทางเสียเงินให้กับร้านพวกนี้ แต่ผมก็มาหยุดอยู่หน้าร้านๆนึง ร้านทุกร้านเป็นบูทเล็กๆที่มีขนาดเท่าๆกันในห้างสรรพสินค้า แต่ร้านที่ผมหยุดอยู่ตรงหน้านั้นกลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป การตกแต่งที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เค้กสีสรรสดใส ที่บรรจงตกแต่งทำให้ผมยืนจ้องอยู่หน้าร้าน ทั้งๆที่ร้านอื่นปล่อยรังสีทุนนิยม ที่แสวงหาแต่ผลกำไรออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ร้านนี้กลับไม่ใช่ มันเหมือนมีตัวตนอยู่เพื่อวาเลนไทน์โดยเฉพาะ "อ๊ะ!" เสียงอุทานดังขึ้นในขณะที่ผมรู้สึกดหมือนถูกกระแทก "อ๊า หล่นหมดแล้ว" เด็กสาวท่าทางลนลานกำลังก้มเก็บเศษเหรียญที่ตกกระจายตามพื้น เธอน่าจะเดินมาชนผมเพราะไม่ได้มองส่วนผมก็ไม่ได้ระวัง นั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่เศษเหรียญของเธอตก เมื่อประติดประต่อเหตุการณ์ได้ผมก็รีบลงไปช่วยเธอเก็บ "อ้ะ นี่"ผมยื่นเหรียญอันสุดท้ายให้เธอ"ขอบค..." ขณะที่เธอกำลังจะขอบคุณผมและรับเหรียญไป ก็มีชายอีกคนที่แทรกมาทางด้านหลังผมนั่นทำให้ผมทำเหรียญร่วงก่อน ที่จะถึงมือเธอ ไม่นานเหรียญ กลมๆก็กลิ้งหายเข้าไปทางฝูงชน เธอทำมือเหมือนจะวิ่งตามไปเก็บ แต่ไม่ทันจะก้าวขาเธอก็หยุดชะงักเหมือนคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางได้คืนมา เธอค่อยๆกลับมาอยู่ในท่ายืนตรงอย่างช้าๆ ไม่นานเธอก็สะดุ้งเหมือนนึกอะไรได้ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินที่ถืออยู่เมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมานับ เธอทำท่าลนลานนับเงินอยู่ซักพักก็พับมันและเก็บมันกลับเข้ากระเป๋าสะพาย และมายืนจ้องไปที่ร้านตรงหน้าเหมือนผม เธอเริ่มตัวสั่น "ฮึก" เธอเริ่มหยีตา แก้มเริ่มมีสีแดงเรื่ออ่อนๆ "เป็นอะไรรึเปล่า"ผมสะกิดเธอ "แง~" เธอร้องไห้ออกมา ผมถอยห่างออกมาด้วยความตกใจ ผู้คนรอบๆเริ่มจ้องมองมาทางเธอมากขึ้น ไม่นานผมก็ตัดสินใจที่จะดึงมือเธอและพาออกจากบริเวณตรงนั้น ไม่นานผมก็เจอที่เงียบๆ ผมให้เธอค่อยๆนั่งลง เธอยังคง สะอึกสะอื้นอยู่ "เอ่อ เดี๋ยวจะชดใช้ให้นะเงินที่ตกหายไปน่ะ" เธอส่ายหัวไปมา ดวงตายังเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา "ต่อให้ได้เงินนั่นมา ชั้นก็ไม่มีเงินพอจะซื้อของที่อยนกได้หรอก" "งั้นขาดเท่าไหร่ล่ะ จะช่วยออกให้นะ" ผมพยายามที่จะทำให้เธอหยุดร้องไห้ เธอค่อยๆเช็ดหน้าเช็ดตา แต่ก็ยังมีน้ำตาไหลอยู่ "ไม่จำเป็นแล้วล่ะ คงไม่มีใคร..." เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง ไม่นานเธอก็ร้องไห้ออกมา บางทีถ้าปล่อยให้ร้องออกมา อาจจะดีขึ้นก็ได้ เวลาผ่านไปซักพัก เธอก็ค่อยๆสงบลง "ตกลงว่า" เธอใช้เวลาซักพักสูดหายใจ "ความจริงแล้วตั้งใจ จะซื้อเค้กให้คนที่ชอบ น..ในวันวาเลนไทน์น่ะค่ะ" ความ
โศรก เศร้าเริ่มกลายเป็นความเอียงอายของหญิงสาว ราวกับแย้มแรกของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ "แต่ว่า รุ่นพี่ที่ชอบกำลังจะจบการศึกษา ชั้นก็เลย.."เธอนิ่งเงียบไป "กะจะเอาไปให้ก่อนใช่มั๊ยล่ะ" เธอเพียงแต่พยักหน้ารับเฉยๆ "แล้วทำไมถึงจะตัดใจไม่ซื้อล่ะ ดูเหมือนจะเก็บเงินมานี่ หรือว่าเงินไม่พอ จะช่วยออกก็ได้นะ" เธอส่ายหน้า "จริงๆแล้วชั้นน่ะ แค่เข้าไปคุยด้วยก็ ยังไม่เคยเลย จนชั้นเอง รู้สึกเหมือนว่าจะรัก อยู่ข้างเดียว" เธอเริ่มทำหน้าซึมๆ ขณะที่ผมพยายามจะพูดเพื่อเปลี่ยนอารมณ์เธอ เธอก็พูดขึ้นมาก่อน "พอตอนที่เหรียญตกและกลิ้งหายไป ชั้นก็เริ่มรู้สึกได้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ ความรู้สึกของชั้น ตัวตนของชั้น มันก็ไม่ต่างกับเหรียญเล็กๆที่ไม่มีคุณค่า และกลิ้งออกไปอย่างไร้ทิศทาง ล..แล้ว ว..วันนึง ก..ก็ หายไปอย่างไร้การรับรู้ ไร้การจดจำ" เธอกล้ำกลืนน้ำตาของตัวเองในขณะที่พยายามจะจบประโยค ภาพนั้นทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวจนรู้สึกว่าถ้าไม่ทำอะไรเลยผมจะต้องรู้สึกผิดไปจนถึงวันที่14แน่ และอาจจะตลอดไปเลยด้วย "ทำไมเธอถึงชอบผู้ชายคนนั้นล่ะ" เธอทำท่าพยายามจะพูดอยู่ซักพักก่อนจะพูดออกมา"ค..คือว่า ชั้นแค่เห็นเค้าก็รู้สึกชอบแล้วล่ะ ก็เลย ฝ..เฝ้ามองมาตลอด" เธอนิ่งเงียบอีกครั้ง "ความรักสินะ" เธอหน้าแดงพยักหน้ารับเบาๆ "เธอมีเพื่อนสินะ" เธอเอียงคอเหมือนสงสัยในคำตอบของผม"เอ่อ ใช่ค่ะ" ผมจ้องหน้าเธอ มองเข้าไปในดวงตาที่สับสนของเธอ "เธอชอบผู้ชายคนนั้นจริงๆ " ผมสูดหายใจก่อนที่จะพูดต่อเพราะผมก็ไม่มั่นใจในการกระทำของตัวเองเหมือนกัน "หรือว่าทำเพื่อที่จะมีเรื่องคุยกับกลุ่มเพื่อน" "ไม่ใช่นะ!" "ทำเพื่อให้มีคนสนใจ" "ไม่ใช่!" "เธอน่ะเข้าใจคำว่าความรักจริงรึเปล่า" น้ำตาของเธอไหลออกมาก่อนที่เธอจะฟุบลงตรงหน้าผม มือของผมประคองไหล่ของเธอไว้ แม้เธอจะต้องเจ็บปวด แม้จะต้องร้องไห้ แต่ผมก็จำเป็นต้องพูด เพราะจะปล่อยให้เธอจมอยู่ในความรู้สึกปลอมๆแบบนี้ไม่ได้ ผมปล่อยให้เธอเดินต่อไปในทางที่ไม่ถูกต้องนี้ไม่ได้ ผมเลยต้องทำให้เธอล้มเพื่อที่จะได้เรียนรู้ที่จะลุกขึ้นและก้าวต่อไ่ในวันพรุ่งนี้ด้วยตัวเอง ด้วยความรู้สึกของตัวเองอย่างแท้จริง ผมค่อยๆจับไหล่เธอขึ้นมาให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าที่เจ็บปวดของเธอทำให้ผมหวั่นไหว "ชั้นน่ะ ช..ชั้นน่ะ ชั้น..." "ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ"ผพเพียงแต่ลูบหัวเธอเบาๆ "ทำตามที่คิดเถอะ ทำตามที่ตัวเองเชื่อเถอะ ปล่อยให้ความรู้สึกนำทาง แล้วซักวัน ซักวันก็จะพบสิ่งที่ตามหาเอง" เธอเพียงแต่เงยหน้ามองผม
"เอ้า เอาไปสิ" ผมยื่นช็อกโกแลตให้เธอ มันไม่ใช่ของมีราคา แต่อย่างน้อยมันก็มีความเป็นธีมของวาเลนไทน์อยู่ "ขอบใจนะ" เธอยิ้มรับ มันก็แค่วันๆที่ไม่ช่วันที่14 สำหรับหลายๆคนมันก็เป็นวันธรรมดาๆ แต่สำหรับบางคนมันก็มากกว่านั้น ผมเข้าใจดี หลายครั้งที่วันธรรมดาๆวันนึงจะกลายเป็นวันที่น่าจดจำ เธอเล่าเรื่องต่างๆของเธอให้ผมฟัง ไม่ว่าจะโรงเรียน วันหยุด ความรัก ความรู้สึกมากมายถูกสื่อผ่านออกมาจากเด็กสาว เรื่องราวที่เศร้า อบอุ่น ซึ้งใจ ทุกๆอย่างพรั่งพรูออกมาจากเธอ เสียงกรอบแกรบของซองช็อกโกแลตดังขึ้น เธอค่อยๆกัดมันคำเล็กๆ เธอหลับตาตอนที่ใช้ฟันเล็กๆของเธอกัดมัน "ข..ขมจัง" เป็นภาพที่ดูอบอุ่นไม่น้อยราวกับภาพความฝันของครอบครัวที่ไม่มีวันเป็นจริง "ขอบใจนะ วันนี้น่ะขอบใจจริงๆ" ในที่สุดใบหน้าของเธอก็บ่งบอกว่าสามารถก้าวไปสู่วันพรุ่งนี้ด้วยขาของตัวเองได้ ภาพความหวังที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาของเธอ มันมาแทนคราบน้ำตาที่ดูจะไม่มีวันเลือนหาย "ชั้นจะไม่ร้องไห้แล้วล่ะ ชั้นจะต้องเข้มแข็งกว่านี้" ผมพยักหน้ารับเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ "ทำไมนายถึงรู้ล่ะว่าความรู้สึกของชั้น มันเป็นของปลอมน่ะ" คำถามของเธอทำให้ผมถามตัวเองว่าผมรู้ได้ยังไง "เอ่อ ก็เดาเอา ละมั้ง" เธอทำหน้าหงุดหงิด แล้วเอามือฟาดหลังผม "นี่ถ้าไปพูดกับผู้หญิงคนอื่น อาจจะร้องไห้ก็ได้นะ" เธอทำแก้มป่องเหมือนเด็กๆเวลางอน "นายนี่มันไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงเลยนะ" "อย่างน้อยก็เข้าใจเธอละกัน" เด็กสาวหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกได้แต่เอามือตีหลังผมเบาๆ "บ..บ้าเหรอ อยู่ๆก็พูดอะไรบ้าๆออกมา" "โอ๋ ขอโทษน้า" "อย้ามาทำเหมือนชั้นเป็นเด็กๆนะ" ผมลูบหัวเธอเบาๆ"ไว้จะพาไปเที่ยวนะ" "งื้อ! นายนี่มันบ้าจริงเลย" เธอถอยห่างออกไปยืนกอดอกทำหน้าหงุดหงิด"แต่ยังไงวันนี้ก็ ขอบใจนะ" เธอหันมาบอกผมด้วยรอยยิ้ม ไม่นานเธอก็วิ่งหายไปทางด้านที่มีของขาย เธอเดินกลับมาพร้อมถุงที่ผูกโบว์สีชมพูด้านในมีไวท์ช็อกโกแลตที่ทำเป็นรูปหัวใจ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าผม "อ้ะ" เธอยื่นของในมือให้กับผม ขณะที่ผมกำลังเอื้อมมือออกไป "แบร่!" เธอกระโดดถอยหลังทำให้ผมชะงัก "นายนี่มันโลภมากจริงๆนะ" "ไม่เอาก็ได้นะ ไปล่ะ" ผมทำท่าจะหันหลัง แต่ก็ถูกฉุดแขนเสื้อไว้ด้วยมือเล็กๆของเธอ "เดี๊ยวสิ" เธอยืนนิ่งในท่าบิดๆที่ดูเขินๆ "ค..ความจริงแล้วไอ้นี่น่ะ อ..อยากจ..จะ" "อะไร เหรอ" "อยากจะให้นายในวันที่14น่ะ" ผมนิ่งเงียบไม่พูดอะไร "อะไรเล่าไม่ดีใจหน่อยเหรอ ได้ช็อกโกแลตจากผู้หญิงในวันวาเลนไทน์เชียวนะ" "ก็งั้นๆแหละ" ฮึ เธอทำเสียงไม่พอใจออกมา "แล้วส่วนของชั้นที่เธอกินไปล่ะ" "นั่นน่ะนายให้ชั้นไม่ใช่เหรอ ไม่เกี่ยวกับวาเลนไทน์เลยนะ เพราะงั้น ว..วาเลนไทน์ น..นายจะต้องซื้อช็อกโกแลตให้ชั้นอีกนะ" ผมกะจะแกล้งเธอแต่ดูเธอหยีตาเหมือนจะร้องไห้ "อื้อได้สิ จะซื้อให้แน่นอน ก็วาเลนไทน์นี่เนอะ" เธอยิ้มอ่อนๆออกมา "แล้วเจอกันวันที่14นะ"เธอเดินออกไป และหันกลับมายิ้มและโบกมือให้ แม้จะเป็นเพียงเด็กสาวแต่ตอนนี้ภาพแผ่นหลังของเธอก็ยิ่งใหญ่กว่าใครหลายๆคน ผมค่อยๆหันกลับไปนั่งที่ม้านั่ง อารมณ์ก็เหมือนสายลมที่พัดมากระทบตัวเรา หากต้านมันมากๆซักวันก็ต้องหักงอ และปลิวไปตามสายลมนั้น แต่หากปล่อยให้อารมณ์พัดพาราวกับต้นหญ้า ไม่ว่าจะเจออะไรที่หนักหนาแค่ไหนก็ตาม ก็แค่เอนเอียงไป แต่ก็ยังมั่นคงและยืนหยัดอยู่ต่อไปได้ ในวันนี้ก็มีอีกหลายอย่างที่ทำให้ผมได้เข้าใจหลายๆอย่างมากขึ้น ความจริงแล้ววันของคุณเองก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะมองขึ้ยไปบยฟ้า เมฆที่อึมครึมบ่งบอกว่าวันนี้ไม่ใช่วันที่ดีนัก แต่เหตุการณ์หลายๆอย่างก็ทำให้นดีว่าวันนี้เองก็อาจจะสำคัญกับใครบางคน อย่างน้อยๆก็คงซักคนสองคนละมั้ง ทางเดินด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทุกคนยังคงเดินและทำตามหน้าที่ของตัวเอง หลายๆอย่างผันเ่ลี่ยนไปในเวลาอันสั้น ผมไม่สามารถแก้ไข หรือทำอะไรกับเรื่องในอดีตได้ นั่นเป็นเรื่องที่เราต่างก็รู้ดี ผมได้แต่มองออกไปและยิ้มให้กับวันวานอันหอมหวานที่มิอาจหวนคืนกลับมา และนี่ล่ะคือเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่31มกราคม
http://upic.me/i/yp/img_02201.jpg
ผมนั่งลงบนม้าหินหลังบ้านและมองออกไปที่สวนด้านหลัง แม้หญิงสาวข้างๆจะไม่ใช่น้องสาวของผมแต่ผมก็เรียกเธออย่างนั้น ลมอ่อนๆที่พัดมาทำให้ผมเริ่มหลับตาลง แต่ไม่นานก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเนื่องจากการสะกิดของหญิงสาวด้านข้าง "นี่นายน่ะจะนอนไปถึงไหน" "เฮ้อ ยุ่งน่า" เธอเริ่มทำหน้าไม่พอใจ "ถึงจะทำหน้าแบบนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก" ผมบอกปัดเธอและเริ่มหลับตาอีกครั้ง "งั้นเหรอ ชั้นอยู่ไปก็ไม่ได้อะไรสินะ คงงั้นแหละ ไม่เคยมีใครที่ต้องการชั้นจริงๆเลยนิ" เสียงที่ผมได้ยินทำให้ผมรีบลืมตาขึ้นและหันไปมองด้านข้าง ไม่มี ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ผมอึ้งจนพูดไม่ออกราวกับไม่มีคำใดที่ผมสามารถอธิบายความรู้สึกได้ "ท..ทั้งๆที่พามาด้วยแล้วแท้ๆ ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าจะต้องช่วยเธอได้" ผมปล่อยคำพูดหลุดลอยไปราวกับคนเสียสติ "ทำไม ทำไมล่ะ หายไปไหนล่ะ เธอน่ะเป็นน้องสาวของชั้นไม่ใช่เหรอ!" ผมตะโกนออกไปก่อนที่จะเสียงของผมจะค่อยๆจางหายไปกับความเงียบ "เห ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ นายนี่ขี้แยไม่เบาเลยนะ" เสียงใสๆปนเยาะเย้ยดังขึ้นด้านหลังผม ผมหรี่ตาและค่อยๆหันไปมองด้านหลัง เด็กสาวต้นตอของเสียงหลับตายิ้มให้ผม "โอ๊ย!" เธอร้องออกมาหลังโดนกำปั้นของผมเขกหัว "นี่ มันเจ็บนะ" "ก็เธอน่ะเล่นอะไรแปลกๆนี่นา เรื่องแบบนี้น่ะมันล้อเล่นกันได้ที่ไหนล่ะ" "ก็นายไม่สนใจชั้นเลยนี่นา"เธอพูดเสียง อ่อยๆในขณะที่ปาดน้ำตาบางทีผมอาจจะเขกหัวเธอแรงไป "เอ่อ เมื่อกี๋น่ะขอโทษนะเจ็บร็เปล่า" เธอเอามือสองข้างลูบหัวและเริ่มขดตัว ก่อนจะเอามือมาปิดตา "นี่ เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ ขอโทษนะ" เธอค่อยๆเงยหน้า "แบร่" เธอถ่างตาทำหน้าล้อเลียนก่อนจะลุกวิ่งหนีไป "นี่กลับมาเลยนะ"ผมวิ่งไล่เธอซักพัก ไม่นานผมกับเธอก็กลับมานั่งหอบที่ม้าหินเหมือนเดิม "เธอเนี่ยไม่ไหวจริงๆนะ" "ก็นายเอาแต่นอนนี่นา" "งั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะ" เธอค่อยๆลุกขึ้น ดูท่าทางเหมือนว่าจะหายเหนื่อยแล้ว "อย่างน้อยๆก็รู้ว่าถ้าชั้นหายไปนายก็จะร้องไห้นะ" "เออๆล้อเข้าไป"เธอมานั่งข้างๆผม "ไม่ได้ล้อนะ ดีใจต่างหากล่ะ" เธอหน้าแดงอ่อนๆ "ไม่หรอก ไม่ปล่อยให้หายไปหรอก ก็เธอน่ะเป็นน้องสาวผมนี่นา" เธอยิ้มอีกครั้ง"อื้อ" ก่อนจะเอาริมฝีปากเล็กๆมาแตะที่แก้มผม "น..นี่เดี๊ยวสิ ทำอะไรน่ะ" "ว้า ว้า หน้าแดงแล้ว" "นายนี่ไม่ได้เรื่องเลยนะ" ผมเอามือดันเธอ "เออๆช่างเหอะน่า" "นี่ๆนายน่ะก่อนหน้านี้ไม่เคยอยากมีน้องสาวเหรอ"คำถามแปลกๆออกมาจากปากเธออย่างไม่หยุดหย่อน"หือ ไม่เคยเลยเหรอ" "เออ ก็บอกว่าไม่เคยไงจะเอาอะไรนักหนา" เธอค่อยๆลุกขึ้นและออกห่างผม "เอ๋อย่าบอกนะว่านายคิดกับชั้นแบบ..." "บ้าเหรอ จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ"เธอเอียงคอเล็กน้อย"น้องสาว" ผมได้แต่กัดฟันเพราะทำอะไรเธอไม่ได้ "แกล้งนายเนี่ยง่ายจริงๆนะ" เธอกลับมานั่งข้างๆผม "เออๆ แต่จะว่าไปเมื่อก่อนชั้นก็คอยอยากมีน้องเหมือนกันนะ" "เอ๋ จริงเหรอแล้วทำไมถึงจู่ๆก็ไม่อยากมีล่ะ"ผมนิ่งเงียบหาคำตอบซักพัก "คงเพราะตอนนั้นละมั้ง" เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้่ผม "ตอนไหนเหรอเล่าหน่อยสิ" "ไม่มีทาง"เธอทำหน้าไม่พอใจอีกครั้ง"ไม่เล่าก็คือไม่เล่า" เธอเงียบซักพักก่อนที่จะกลับมานั่งตรงๆ"งั้นเหรอ ก็ชั้นน่ะเป็นแค่..."ผมส่ายมือ"เข้าใจแล้วเล่าก็เล่า แต่เธอต้องเลิกพูดอะไรแปลกๆแบบนั้นล่ะ" "ค้า~"เธอยิ้มตอบรับผมเลยจำใจที่จะต้องเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟัง
เมื่อก่อนผมมักจะเข้าโรงพยาบาลบ่อยมาก จนผมเริ่มที่จะชอบโรงพยาบาล เพราะทุกครั้งที่ไปผมได้พบกับเพื่อนมากมาย จนผมคิดว่าการไปโรงพยาบาลคือการได้พบปะกับเพื่อนใหม่ ผมเล่นกับพวกเค้าเสมอๆ มีครั้งนึงผมได้พบกับเด็กผู้หญิงที่ใส่ผ้าปิดตาท่าทางเศร้าๆแต่ไม่นานเมื่อผมเล่นกับเธออาการเศร้านั้นก็กลายเป็นความสนุกสนาน ถึงขนาดตอนที่ผมกลับเธอยังถามผมว่าจะมาอีกเมื่อไหร่ ผมยิ้มรับเธอและบอกว่าคงอีกไม่นาน ทั้งๆที่ผมไม่เคยพบกับใครเป็นครั้งที่สองซักครั้ง ผมจึงพูดได้แค่ว่าพบเพื่อนใหม่ทุกครั้งเพราะไม่เคยเจอใครเลยที่เคยเจอมาก่อน "แค่เนี๊ยนะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องน้องสาวตรงไหนเลย"เสียงเล็กๆที่ไม่ค่อยพอใจขัดจังหวะการเล่าของผม "เออน่า ฟังๆไปก่อนเถอะ" ผมหันไปมองเธอทำแก้มป่องทำหน้าตาไม่ค่อยสบอารมณ์ "งั้นเลิกเล่าล่ะ" "อ๊า~"ท่ามางไร้เดียงสาของเธอทำให้ผมใจอ่อนเสมอแม้บางครั้งเธอจะแกล้งทำก็เถอะ ผมไม่ได้คิดมากอะไรกับเรื่องเพื่อน เพราะผมคิดว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนอีกมากมายให้คบหาและรู้จัก ทุกครั้งที่ผมไปโรงพยาบาลมันเหมือนกับการผจญภัยที่แปลกใหม่เสมอ การได้เจอกับผู้คน จนผมเริ่มรอคอยที่จะได้ไปโรงพยาบาลผมคิดว่าทุกอย่างสวยงาม และลงตัวไปหมด ผมยิ้มเสมอจนวันนึง ผมไปโรงพยาบาลด้วยอาการไข้หวัดที่ไม่รุนแรง ระหว่างรอเข้าห้องตรวจ ผมก็ไปเดินเหมือนทุกๆครั้ง เด็กชายตัวสูงประมาณผมยืนอยู่ไม่ก่างจากผมมาก ตรงข้ามของเค้า มีเด็กสาวท่าทางอ่อนแอยืนอยู่ในท่าทีที่ไม่ค่อยมั่นคง ผมไม่ได้คิดอะไรมากเพียงแต่เดินเข้าไปใกล้ๆ "ยกโทษให้ชั้นเถอะนะ" เด็กสาวเอ่่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ ผมหยุดเดินและยืนฟังจากด้านหลังของเด็กชาย "เธอน่ะสนุกมากสินะ ที่ทั้งพ่อกับแม่ใช้ให้ชั้นดูแลเธอน่ะ" "ไม่ใช่นะ" เด็กชายยกมือขึ้น"เธอคงเห็นชั้นเป็นทาสสินะ" สิ้นประโยคนั้นผมก็ตกตะลึงกับการกระทำตรงหน้า มือของเด็กชายฟาดลงบนใบหน้าของเด็กสาวจนล้มลง เธอฟุบลงซักพัก เนื่องจากที่ที่ผมอยู่นั้นไม่ค่อยมีคน การกระทำของเด็กชายจึงไม่มีใครที่รับรู้ "เธอรู้มั๊ยว่าชั้นต้องทนทำนู่นทำนี่ให้เธอขนาดไหน" นัยตาใสๆของเด็กสาวเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา "ขอโทษนะ" เด็กชายใช้มือฟาดลงบนใบหน้าของเด็กสาวอีกครั้ง เหมือนกับการฉีกภาพวาดอันสวยงามต่อหน้าเจ้าของภาพ ผมรู้สึกอย่างนั้นแม้จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเด็กสาวก็ตาม "อย่างเธอน่ะไม่ต้องมาพูดเลย ชั้นน่ะ" หัวใจผมเต้นอย่างรุนแรงราวกับจิตใจจะแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ "ชั้นน่ะเกลียดเธอแล้ว"น้ำตาของเด็กสาวไหลอาบแก้มของเธอ สีแดงที่เกิดจากการกระแทกบนหน้าของเธอทำให้ผมกลัว "ไม่น่ะจะอะไรก็ได้ แต่พี่อย่าเกลียดหนูนะ" เด็กชายเดินเข้าไปใกล้เด็กสาว "ไม่มีทาง ชั้นน่ะเกลียดเธอ" น้ำตาของเด็กสาวไหลออกมาราวกับว่ามันใจไหลไปเรื่อยๆ ไหลออกมาจนทำให้คิดว่ามันจะไม่มีวันหยุด "ไม่ ไม่ ไม่ พี่อย่าเกลียดหนูเลยนะ หนูจะไม่ขอให้พี่ทำอะไรอีกแล้ว ขอร้องล่ะอย่าเกลียด...อย่าเกลียดหนูเลยนะ"สิ้นเสียงของเด็กสาวเท้าข้างหนึ่งของเด็กชายก็ถูกยกขึ้น ใบหน้าของเค้าไม่ได้แสดงออกถึงความโกรธแม้แต่น้อย มันเต็มไปด้วยความสนุกและความสะใจ ภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นมันทำให้ผมอยู่นิ่งไม่ได้ขาของผมเก้าออกไป ผมไม่เคยต่อยกับใคร ผมไม่เคยชนะใครผมอ่อนแอกว่าจะชนะเด็กด้วยซ้ำ แต่ผมก็จับไหล่ของเด็กผู้ชายตรงหน้าด้วยแรงที่มากพอที่จะทำให้เค้าหันมามองผม เค้าจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ผมไม่รู้ว่าจะตีความยังไง เวลาเหมือนหยุดลงซักพัก ความรู้สึกมากมายทำให้ผมสับสน สติของผมเริ่มรับรู้อีกครั้งเมื่อร่างของผมถูกผลักออกจากเด็กชาย แม้จะไม่ใช่แรงที่มากขนาดที่จะทำให้ผมล้มได้แต่ผมก็ตกใจเพราะ คนที่ผลักผมออกมาคือเด็กสาวที่เหนื่อยอ่อน แม้จะเหมือนผลักเบาๆแต่ท่าทางของเธอราวกับว่าใช้แรงทั้งหมดที่มี ผมอึ้งไปซักพัก ไม่มีคำพูดใดๆหลุดลอยออกมา "อย่ามา.. อย่ามายุ่งกับพี่ชายนะ"สิ้นประโยคของเธอ ร่างของเด็กสาวก็ทรุดลง โดยที่ไร้การเหลียวแลของผู้ที่เป็นพี่ชาย ใบหน้าของเด็กชายตรงหน้านั้นยังคงไม่สารถตีความถึงอารมณ์ได้แต่ผมรู้สึกเหมือนโดนเยาะเย้ยอยู่ ความเงียบถูกปล่อยทิ้งไว้อีกครั้ง มีเพียงเสียงหอบเหนื่อยของเด็กสาว ไม่นานเวลาล่วงเลยไ่ม่ถึงนาที แต่ผมรู้สึกราวกับว่ามันเนิ่นนานราวกับจะคงอยู่อย่างนั้น ตลอดไป เสียงฝีเท้าจากด้านหลังทำให้ผมสะดุ้งและหันไปมอง ผู้หญิงที่ดูมีอายุแต่ก็ไม่ได้แก่ขนาดจะเรียกว่าป้ากำลังเดินมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ผมที่ดูยุ่งเล็กน้อยกับหน้าตาท่าทางและลักษณะการเดิน ผมตีความทันทีว่าเป็นพวกบ้างานที่ไม่มีเวลาให้ลูก และวันๆก็เอาแต่บ่นนู่นบ่นนี่ "หายไปไหนมา บอกให้รออยู่ข้างหน้าไง" เสียงของเธอดังขึ้น มันเป็นโทนเสียงของคำถามกึ่งตวาดเล็กน้อย เสียงที่ดังขึ้นดูเหมือนจะเป็นการสนทนากับคนสองคนด้านหลังผม แม่ของทั้งสองเดินผ่านผมไป และเริ่มต่อว่าเด็กทั้งสอง เสียงเหล่านั้นลอยผ่านผมไป ในหัวผมว่างเปล่า จนกระทั่งทั้งสามค่อยๆก้าวเดินออกไ่ป ผมก็ทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำ "ด..เดี๊ยวก่อน"เสียงของผมดังขึ้น ทั้งสามคนจึงหันมามอง "อะไร" เสียงคำถามปนรำคาญดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจของ แม่ของเด็กทั้งสอง "ก็" ขณะที่คำพูดของผมกำลังถูกถ่ายทอดออดมา ผมก็ต้องชะงักด้วยสายตาของเด็กสาวที่จ้องมองมาทางผม นัยตากลมโตที่ยังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ผมไม่อาจพูดอะไรออกไปได้เมื่อเห็นใบหน้านั้นของเธอ "ก... ก." "เฮ้อ! อะไรนักหนามีอะไรก็ไม่พูด บ้ารึเปล่า ไปไปไป กลับเหอะเจอแต่พวก บ้าๆทุกวันจนชั้นจะบ้าไปด้วยแล้ว" ไม่นานรอบๆตัวผมก็ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน ไร้ซึ่งเสียงใดๆ มีเพียงผมที่ถูกทิ้งอยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผมเอามือปาดมันออกแต่นั่นยิ่งทำให้มันใหลออกมา ทำไม ทั้งๆที่โดนทำร้ายขนาดนั้นแต่ก็ยังปกป้องอยู่ ทำไมถึงได้เกิดเรื่องโหดร้ายแบบนี้ขึ้นแม้จะไม่มีใครตาย แต่ความคิดบางอย่างในตัวผมได้ตายลงไป ความคิดที่ว่าโลกนี้มีแต่เพื่อน มีแต่เรื่องสนุก มันค่อยๆเลือนหายไป ราวกับว่าความจริงที่ปฏิเสธมาตลอดได้ประจักรอยู่ตรงหน้า ผมค่อยๆหาที่นั่งและมองไปยังไฟที่เพดาน เธอจะเจ็บมั๊ย ไม่รู้ผมบอกตัวเอง ทำไมคนเราถึงยักรักและเคารพในใครบางคนไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นยังไงก็ตาม ไม่มีหรอกคำตอบน่ะ คนเราก็แบบนี้ล่ะ ผมบอกกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้น แต่ว่าถ้าจะต้องทำให้ใครเจ็บปวดแล้วล่ะก็ ไม่เอาหรอก ถึงจะไม่มีสายสัมพันธุ์กับใครก็ไม่เป็นไรแค่ไม่มีใครเจ็บปวดก็พอ เป็นความโดดเดี่ยวที่แลกมากับความหวัง ก็เพราะคิดแบบนี้แหละถึงได้ไม่อยากมีน้องสาว ผมหันไปมองด้านข้างหลังจากขุดคุ้ยอดีตขึ้นมาเล่า "เห นายนี่ก็น่าเศร้าเหมือนกันเนอะ" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เธอก็ตั้งใจฟังผมมาตลอด "แล้วก็เรื่องในตอนนั้นที่โรงพยาบาลน่ะ ขอบใจนะ"เธอพูดเสียงเบาๆและหลบหน้าผม ผมใช้เวลาคิดซักพัก "ไม่ใช่ ไม่ใช่เธอแน่" "เอ๊ ทำไมถึงรู้ล่ะ" ผมส่ายหัวเล็กน้อย"ก็เด็กในตอนนั้นน่ะน่ารักจะตาย ไม่เหมือนเธอซักนิด" เด็กสาวด้านข้างทำแก้มป่องกับสีหน้าไม่พอใจใส่ผมอีกครั้ง ผมเอามือวางบนหัวเธอเบาๆ"แต่ตอนนี้มีเธออยู่ด้วยก็โอเคแล้วล่ะ" เธอหลับตาตอนที่ผมลูบหัวเธอเบาๆ "แล้วทำไมนายถึงคุยกับชั้นล่ะ ถึงกระทั่งพามาอยู่ด้วยแบบนี้น่ะ" เธอก้มหน้าพูดเสียงอ่อยๆทำท่าอายที่ดูผิดธรรมชาติ"หรือว่านายจะไม่ได้เห็นชั้นเป็นแค่น้องสาว"คำพูดของเธอทำให้ผมหันไปจ้องหน้าเธอ "หวา หวา หน้าแดงแล้ว" "ไม่ได้แดงสะหน่อย"ผมหันหน้าไปอีกทาง "นายนี่ไม่ไหวเลยน้า แล้วซักวันจะมีแฟนมั๊ยล่ะเนี่ย" "ยุ่งน่า" "ไม่เป็นไรๆถ้าวันนั้นมาถึงชั้นจะเป็นแฟนให้นายเอง" ผมส่ายหัว"ไม่เอา" เธอขำนิดหน่อยก่อนจะเดินไป ผมพิงหลังเข้ากับที่นั่ง ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่แต่จะปล่อยเธอทิ้งไว้ในสภาพนั้นคงไม่ได้ ที่ผมพาเธอมาเพราะสงสารเหรอ ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ ไม่หรอกต้องมากกว่านั้นสิ ก็นั่นน่ะน้องสาวของเรานี่นา ผมเพิ่งได้รู้ว่าผมยึดติดกับบางอย่างมากเกินไปแต่เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ผมบอกกับตัวเองเสมอ อย่างน้อยวันนี้ก็ถือว่าได้ของขวัญจากอดีตละนะ และนี่ล่ะคือเรื่องเล่าในวันที่12กุมภาพันธ์

ขาว หรือว่าดำดี ผมอยู่ในที่ที่เคยมา แต่ไม่คิดจะมาอีกในวันนี้ แต่ตอนนี้คงต้องบอกว่าจำเป็นต้องมา ผมหยิบช็อกโกแลตตรงหน้าขึ้นมาทั้งสีขาวและดำ "เอานี่ล่ะครับ"ผมยื่นมันให้กับคนขาย ไม่นานก็ได้กล่องที่ดูกุ๊กกิ๊กตามไสตล์ของในวันวาเลนไทน์มา ผมยืนอยู่ท่ามกลางวงของผู้คนมากมาย ในมือมีถุงที่ด้านในมีกล่องใส่ช็อกโกแลตจำนวนนึงที่พอสำหรับการให้แบบพอเป็นพิธี ผมมองไปรอบๆ วันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่คน ผมเริ่มเดินไปทางกำแพงเพื่อหลบคน หรือว่าที่จริงแล้ววันนี้เราไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ก็ได้ เหมือนว่าจะหวังอะไรแปลกๆแฮะ ถึงบอกว่าจะมา แต่เอาเข้าจริงแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ ไม่หรอกผมพูดกับตัวเอง ต้องมาแน่ยังไงเธอก็ต้องมา "นายตรงนั้นน่ะ" เสียงที่ฟังดูแปลกๆเหมือนดัดเสียงดังขึ้นด้านหลังผมจึงหันไปมอง ผมยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ว่าแล้วว่ายังไงก็ต้องมา หญิงสาวตรงหน้ายิ้มตอบ คงเพราะเห็นผมยิ้มให้ แต่ยังไงก็คงอดดีใจไม่ได้ "นี่ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอที่เจอชั้นน่ะ"เธอถามผมด้วยสายตาที่กึ่งๆจะแสดงอำนาจเล็กน้อย "หือเธอเป็นใครเหรอ"ผมทำหน้าโง่ๆถามเธอ "อ๊า~ อย่ามาทำเป็นไม่รู้จักนะ" เธอร้องเสียงดัง มันทำให้ผมหัวเราะเล็กน้อย "งื้อ อย่ามาทำเป็นขำนะ" ไม่นานผมก็เดินไปที่เก้าอี้ที่ได้คุยกับเธอครั้งที่แล้ว "มาจริงๆด้วยสินะ" รอยยิ้มของเธอทำให้ผมสบายใจ "แล้วเป็นไงมั่งล่ะ" เธอนิ่งไปซักพัก "อืม ก็โอเคแหละ แต่ว่าพอลองทำอะไรตามที่ตัวเองคิด ตัวเองชอบ ก็ทำให้เสียเพื่อนไปบ้าง" "คนพวกนั้นน่ะไม่เรียกว่าเพื่อนหรอก"เธอพยักหน้ารับเบาๆ "แล้วรุ่นพี่คนนั้นล่ะ" เธอใช้เวลาคิดไม่นานก่อนจะเปิดปากพูดออกมา"ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก ถึงบางคนจะทำเหมือนให้กำลังใจแต่ความจริงกำลังเล่นกับความรู้สึกของชั้น" เธอก้มหน้าซักพัก "พอลองมองหลายๆอย่างแล้ว หลายๆคนรอบตัวก็โหดร้ายกว่าที่คิดเอาไว้" เธอพูดด้วยรอยยิ้มแม้ดวงตาจะไม่ได้บ่งบอกว่ามีความสุขก็ตาม หลายวันมานี้เธอก็คงเจอกับอะไรมากมาย "ดูเข้มแข็งขึ้นนะ" เธอยิ้มและหัวเราะเล็กน้อย "ก็งั้นแหละ" ผมหยิบของจากกระเป๋า"อ้ะนี่" เธอใช้มือเล็กๆของเธอรับของจากผม"ซื้อให้จริงๆด้วยสินะ" ผมส่ายหัว"เปล่าจะถามว่าสวยมั๊ย กะว่าจะเอาไปให้ผู้หญิงตรงนั้นน่ะ" ผมชี้ไปทางผู้หญิงคนนึง เธอทำหน้าไม่พอใจ "ฮึ ไม่คุยกับนายแล้ว" เธอหันหน้าหนีผม "เอ้า เอ้าล้อเล่นน่า เอาไปสิ" เธอยิ้มรับก่อนจะหยิบถุงช็อกโกแลตไป "รู้อยู่แล้วล่ะน่า" เธอก้มลงไปค้นในกระเป๋าซักพักก่อนจะหยิบถุงบางอย่างออกมา โบว์สีชมพูที่ดูสะดุดตา กับไวท์ช็อกโกแลตรูปหัวใจ เมื่อรับมาจากเธอผมก็รู้สึกได้ทันทีถึงความเย็นของมัน "เธอเก็บช็อกโกแลตตอนนั้นมาจนถึงวันนี้เลยเหรอ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยที่แก้มใสๆของเธอมีสีแดงเรื่ออ่อนๆปรากฏอยู่ "ก ก..ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ใครนิ จะทิ้งก็เสียดาย ก..ก็.. ก็เลย" "เอาของเหลือมาให้ว่างั้น" เธอพยักหน้าหงึกๆ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ว่าความเย็นของช็อกโกแลตนี่เหมือนเพิ่งออกจากตู้เย็นใหม่ๆเลยนั่นแสดงออกถึงความใส่ใจของเธอ นั่นทำให้ผมที่เพิ่งซื้อรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ "เธอนี่เป็นคนที่ใส่ใจในสิ่งต่างๆดีเนอะ" "ทำไมเหรอ"ผมส่ายมือ "เปล่าๆไม่มีอะไร" สำหรับเธอคงเป็นเรื่องธรรมดาสินะ ทั้งๆที่เป็นเด็กสลวที่ซื่อขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้ดอกไม้ในวันนี้เลย ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างบอกไม่ถูก "นี่" ผมรู้สึกถึงแรงสะกิดเบาๆ "นี่ เรียกตั้งหลายรอบไม่ได้ยินเหรอไง" "อ้อ โทษทีเผอิญว่าคิดอะไรเพลินไปหน่อย" เธอทำหน้าไม่พอใจ"นี่อยู่กับชั้นมันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอไง" "เปล่าหรอกโทษทีนะ" เธอถอยห่างผม "หรือว่ากำลังคิดอะไรลามกๆอยู่" "จะบ้าเหรอ!" ผมกับเธอนิ่งไปซักพักก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน "ไม่นึกว่าวันนี้จะได้หัวเราะเลยนะ"คำพูดของเธอบ่งบอกว่าเธอเองก็ไม่ได้มีความสุขอะไรมากกับชีวิตในโรงเรียน ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ถามอะไรเธอมากนอกจากความเป็นอยู่ทั่วไป เวลาล่วงเลยไปซักพักเวลาที่จะต้องจากกันก็มาถึง แม้เธอจะต้องเจอกับเรื่องเศร้าแต่อย่างน้อยผมก็มั่นใจว่าเธอจะต้องผ่านมันไปได้ ผมกล่าวลาก่อนที่จะลุกขึ้นแต่ผมถูกฉุดแขนเสื้อไว้ เมื่อหันกลับไปภาพที่เห็นคือเด็กสาวที่ก้มหน้าทำปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง"อะไรเหรอ"ผมถามเธอไป "นายน่ะมาจริงๆด้วย" น้ำตาของเธอเริ่มใหลออกมาแต่น้ำเสียงของเธอยังคงความหนักแน่น "ทั้งๆแค่ชื่อของชั้นยังไม่รู้จักชั้นแท้ๆ แต่กลับทำถึงขนาดนี้ ชั้นน่ะดีใจมากเลยนะ" ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป "แต่ว่านะพอคิดว่าจะต้องจากนายไป ไม่ว่าที่ไหน โรงเรียน หรือว่าบ้าน ทุกที่ดูจะเย็นชาไปหมด ช..ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับนายน่ะ ชั้นรู้สึกอบอุ่นมากเลยนะ ขอร้องล่ะ คบกับชั้นเถอะนะ" ผมไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ในหัวของผมมันโล่งไปหมด "คบงั้นเหรอ?" ผมยังคงอึ้งอยู่ "บ้าเหรอ" เสียงๆนึงดังมาจากด้านหลังของผม "อย่างนายเนี่ยนะ โง่จริงๆเล้ย!" "แค่ผู้หญิงเสียน้ำตานิดหน่อยก็ทำเป็นสงสาร คิดจริงๆเหรอว่าเธอจะรักนายน่ะ" กลุ่มผู้หญิงที่ปล่อยรังสีไม่น่าคบออกมาอย่างเห็นได้ชัดเดินมาทางผม และดึงตัวเด็กสาวข้างๆผมไป"ทำได้ดีมาก" "ตกลงว่า"ผมถามออกไปด้วยเสียงเรียบๆ "โง่จริงๆเลย ก็นายน่ะโดนเธอเล่นละครหลอกแล้วเข้าใจอะไรยากเย็นจริงๆ" ผมเพียงมองหน้าพวกเธอด้วยสายตาที่ใช้มองสิ่งไม่มีชีวิต "เธอนี่เล่นละครเก่งจริงๆ ที่หลอกให้ผู้ชายโง่ๆแถวนี้ตกหลุมรักได้" หญิงสาวที่ผมคิดที่จะมาเจอในตอนแรกนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเธอเพียงก้มหน้าหลบสายตาผม "งั้นเหรอ งั้นขอของที่ให้ไปคืนได้มั๊ย"ผู้หญิงที่เพิ่งตวาดใส่ผมหยิบถุงในมือเธอและปามาให้ผม "ของดาดๆแบบนี้น่ะเอาคืนไปเหอะ"ผมรับมันไว้ด้วยมือขวา หญิงสาวที่ผมตั้งใจจะให้ช็อกโกแลตเธอในตอนแรกทำมือเหมือนอยากจะยื้อเอาไว้แต่ของก็มาอยู่ในมือผมแล้วเธอจึงลดมือลงและก้มหน้าเหมือนเดิม "พอดีนึกได้น่ะว่ายังมีคนที่ต้องเอาไปให้อีก ขอคืนละกันนะ" ผมโบกมือก่อนจะหันหลังและกำลังจะก้าวออกไป "สุขสันต์วันวาเลนไทน์"เสียงตะโกนห้วนๆดังขึ้นก่อนดอกกุหลาบจะถูกปักลงที่ด้านหลังของกระเป๋าของผม เธอวิ่งกลับไปยืนที่เดิมและมองหน้าผม สีหน้าของเธอดูจะไม่ค่อยพอใจเพราะผมไม่ได้ร้องไห้หรือวิ่งหนี "แค่นี้ใช่มั๊ย"ผมถามเธอ เธอเพียงกัดฟันที่ทำอะไรผมไม่ได้ ช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะหันหน้าเดินไปและไม่หันกลับมาอีก ใบหน้าของเด็กสาว สีหน้าของเธอเศร้าสร้อย ไร้ซึ่งรอยยิ้มสะใจเหมือนที่กลุ่มผู้หญิงด้านข้างเธอมี ผมไม่อาจถามอะไรเธอได้ก่อนจะเดินออกไป ผมเอาหัวพิงกับกำแพงรถไฟฟ้าและมองออกไปด้านนอก ผมไม่ได้เสียใจมากเพราะปกติก็ชินกับการสูญเสียหรืออะไรทำนองนั้น แต่ที่ตอนนี้ผมที่น้ำตาของผมไหลออกมาคงเป็นเพราะ เป็นห่วงเด็กสาวคนนั้นมากกว่า ไม่ว่ายังไงผมก็มั่นใจว่าความรู้สึกของเธอนั้นจริง ความสิ้นหวัง ความสุข รอยยิ้ม แต่ผมก็ไม่สามารถช่วยหรือถามอะไรเธอได้เลย ผมเพียงเอามือปาดน้ำตาออกก่อนจะมองออกไปอีกครั้ง พระอาทิตย์ที่ส่องแสงห่างไกลออกไปผมรู้สึกราวกับว่ามันมอบความหวังและความอบอุ่นให้ผม ผมอยู่ในโรงพยาบาลย์ที่ไม่ว่ากี่ครั้งก็รู้สึกเหมือนจะหลงได้เสมอ ผมเดินไปมาซักพักก่อนจะตัดสินใจถามชื่อจากพยาบาล ผมกดลิฟท์ไปยังชั้นที่14 เดินไปที่ห้อง1407 เสียงเคาะประตูของผมดังขึ้นสามครั้ง ไร้การตอบสนองใดๆผมกำลังจะหันหลังกลับแต่ความที่เสียดายเวลาจึงใช้เวลาตัดสินใจซักพักก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ในห้องถูกปล่อยให้ว่างโล่งมีเพียงโต๊ะและของใช้นิดหน่อย ในห้องมีเพียงสีขาวจากผนังและแสงจากหลอดไฟ เด็กสาวที่ผมจะมาหา ผมได้ให้สัญญากับเธอไว้ว่าจะมาเยี่ยมแต่ก็ไม่เคยได้มา บนเตียงมีเด็กสาวตัวเล็กๆนอนห่มผ้าอยู่ผ้าปูสีขาวทำให้ร่างกายของเธอยิ่งดูบอบบาง ผมค่อยๆเดินไปดูเธอที่เตียง ผมวางช็อกโกแลตไว้ให้เธอที่ด้านข้างของเตียง ผมเอาของที่ผมซื้อไว้ให้เองให้เธอไป เพราะอีกถุงผมเตรียมไว้เพื่อที่จะให้น้องสาว เธอน่าจะชอบไวท์ช็อกโกแลตมากกว่า ผมมองเธออีกครั้งก่อนจะเดินออกไป "เดี๊ยวก่อนสิ" ผมหันไปมองที่มาของเสียง "ทำให้ตื่นรึเปล่า" เธอส่ายหน้า "ต...ต..ตื่นอยู่แล้วล่ะ" "อ้าวแล้วทำไมไม่ตอบตอนเคาะประตูล่ะ" เธอเงียบไปซักพัก "ก็นายอยู่ดีๆก็เปิดเข้ามา ชั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงนี่" ผมยิ้มหัวเราะ แหะๆ เป็นการกระทำของเด็กที่ไร้เดียงสาจริงๆ "แต่ตื่นอยู่ก็ดีแล้วล่ะ เอาของมาให้น่ะ" เธอมองตามที่ผมชี้ "สำหรับวาเลนไทน์เหรอ" "อื้อ วันนี้ไม่ติดอะไรก็เลยมาเยี่ยมน่ะ ตามที่สัญญาไว้ไง" เธอแสดงอาการอายอย่างเห็นได้ชัด "ชั้นค..คิดว่านายจะไม่มาแล้วซะอีก" "ยังไงก็สัญญาไว้แล้วไง" เธอนิ่งเงียบไปอีกครั้ง ก่อนที่บางอย่างที่ผมไม่อยากจะเห็นเริ่มหลั่งไหลออกมา "เป็นอะไรรึเปล่า" ผมถามเธอ เธอเพียงเอามือเช็ดน้ำตา"มาจริงๆสินะ" "อือ" ผมเดินเข้าไปจับมือเธอ"อยากเจอ อยากเจอมากเลยล่ะ" ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากเจอผมขนาดนี้ "ช่วงที่ผ่านมาน่ะชั้นอยู่แต่ในห้องนี้ ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้เจอใครเลย" มือของเธอสั่นจนผมรู้สึกได้ "แล้วพ่อแม่เธอล่ะ" เธอส่ายหัวเล็กน้อย "พวกท่านไม่มีเวลามาเยี่ยมงั้นหรอกค่ะ พอโทรไปเพราะคิดว่าแค่ได้ยินเสียงก็ยังดี ก็โดนต่อว่าไม่ให้โทรไปอีกเพราะติดงานอยู่" เธอหยุดเช็ดน้ำตาอีกครั้ง"ชั้นรู้ดีว่าพวกท่านทำทุกอย่างก็เพื่อชั้น บางทีคนไร้ประโยชน์อย่างชั้นอาจจะต้องการอะไรมากเกินไป" ผมไม่อาจพูดอะไรปลอบใจเธอได้เพราะผมเอง ก็แทบจะเก็บน้ำตาของตัวเองไว้ไม่ได้ "แต่ว่านะวันนี้ได้เจอกับนาย ชั้นน่ะดีใจมากเลยนะ"ผมดึงตัวเธอที่นั่งอยู่เข้ามาใกล้ๆ "อือ อยากเจอเหมือนกันล่ะ" เธออยู่ในอ้อมกอดของผม ในตอนแรกเธอเหมือนจะฝืนเล็กน้อยแต่หลังจากนั้นไม่นานก็ ค่อยๆใช้มือเล็กๆของเธอทั้งสองข้างจับที่ตัวของผม "ขอบใจนะ"เธอพูดใยขณะที่ผมปล่อยเธอ "แต่ว่าไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยก็ได้นี่" เธอพูดในขณะที่หน้าแดงเล็กน้อย "ขอโทษทีนะเผอิญว่าวันนี้ผมเองก็เจอเรื่องน่าหนักใจมาเหมือนกัน" "คงไม่ใช่เรื่องผู้หญิงสินะ"เธอพูดออกมาในขณะที่ขำเล็กน้อย ผมไม่ได้บอกอะไรเธอแต่จะว่าไปสิ่งที่เธอพูดก็ไม่ผิดหรอก "อ้อ คือพอดีมีเรื่องติดใจอยู่นิดหน่อยน่ะ" เธอหันมาถามผม"อะไรเหรอ" "เธอน่ะ ทำไมถึงชื่อฮาจิโกะล่ะ" เธอก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันมายิ้มให้ผม "พี่ชายตั้งให้น่ะค่ะ" แม้เธอจะยิ้มอยู่แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเธอซ่อนบางอย่างไว้ "แล้วพี่ชายเธอล่ะ" "พี่ชายน่ะเสียไปแล้วล่ะค่ะ เมื่อประมาณสี่เดือนก่อน" พอๆกับช่วงที่เธอมาอยู่ในโรงพยาบาลเลย "แปดค่ะ ฮาจิแปลว่าแปด แปดเป็นเลขที่ดีค่ะ" ผมมองหน้าเธอ "พี่ชายบอกไว้อย่างนั้นน่ะค่ะ" "เธอคงจรักพี่มากสินะ" เธอพยักหน้า"ค่ะแต่ว่า ชั้นจะไม่ร้องไห้แล้วล่ะค่ะ" ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป "ขอบใจสำหรับของฝากนะคะ" "อืมแล้วจะมาเยี่ยมใหม่นะ" ผมกำลังจะเดินไปแต่ก็ถูกฉุดแขนเอาไว้อีกครั้ง ผมจึงหันไปมอง เด็กสาวกำลังร้องไห้อีกครั้ง "ต้องมานะ ต้องมาให้ได้นะ นายสัญญาแล้วนะ" ผมเดินกลับไปหาเธอ "อือ ไว้จะมาหาทุกเย็นเลย" "ม..ไม่เห็นต้องทำข..ขนาดนั้นเลยก็ได้นี่" เหมือนคำพูดของผมจะทำให้เธออายเล็กน้อย "ขอโทษนะ ทั้งๆที่บอกว่าจะไม่ร้องไห้แล้วแท้ๆ" "ไม่เป็นไรหรอก คนเราน่ะเข้มแข็งตลอดเวลาไม่ได้หรอก ในบางครั้งเราก็ต้องอ่อนแอบ้าง" เธอหลับตาในขณะที่ผมลูบหัวเธอ "อือ" ผมจึงตัดสินใจที่จะอยู่คุยกับเธอต่อ เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งเธอเริ่มพูดถึงพี่ชายของเธอ ดูเหมือนว่าเค้าจะเป็นคนดีและห่วงใยเธอมาก จนกระทั่งผมเริ่มสังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของเธอ "คือว่า พอเห็นนายแล้นเลยนึกถึงคนๆนึงขึ้นมาน่ะ" เธอนิ่งไปซักพักก่อนจะเริ่มเล่าบางอย่างให้ผมฟัง "ตอนเด็กๆชั้นน่ะขี้กลัวมาก ก็เลยติดพี่มาก" เธอกุมมือและวางมือทั้งสองไว้บนตัก "ทั้งๆที่รู้ว่าพี่รำคาญ แต่ทำยังไงก็ยังไม่หายขี้กลัวอยู่ดี จนเริ่มรู้สึกว่าพี่น่ะ เริ่มจะเกลียดชั้นแล้วล่ะ" ช่องว่างในการพูดของเธอนั้นถูกเว้นไว้อย่างเป็นระเบียบ "จนตอนที่อาการของชั้นเริ่มหนักขึ้นแล้วพี่ต้องมาดูแลชั้น ตอนนั้นอ้อนพี่มากไปหน่อยจน" เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนไ่ด้วยน้ำตา "จ.จนพี่เริ่มจะเกลียดชั้นขึ้นมาจริงๆ" เธอเช็ดหน้าด้วยผ้าห่มเล็กน้อย "จนวันนึงพี่ก็บอกกับชั้นว่า เกลียด ในตอนนั้นชั้นกลัวมากว่าพี่จะไม่สนใจชั้นอีก ก็เลยยอมให้พี่ทำร้ายชั้น" "ในตอนนั้นถึงจะเจ็บมากแต่ก็กลัวมากว่าพี่จะเกลียดชั้น" นั่นเป็นช่วงที่เธอหยุดร้อง และเงยหน้าขึ้นมามองผม "ในตอนนั้นมีผู้ชายคนนึงจับไหล่ของพี่เอาไว้ ด้วยหน้าตาที่ดูจริงจัง ด้วยสีหน้าที่สื่อออกมาว่าต้องการปกป้องชั้นค่ะ" "เค้าไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จ้องมอง ตอนนั้นชั้นคิดว่าเค้าจะทำอะไรพี่ จึงวิ่งเข้าไปผลัก เค้าไม่ได้พูดอะไร พี่เองก็ไม่ได้พูดอะไร" เธอกุมมือผมแน่น "หลังจากวันนั้น พี่ก็เอามือ" เธอเอามือขวาจับที่แก้มซ้ายของผม "เจ็บรึเปล่า" "พี่ถามชั้น พอชั้นตอบไปว่าไม่เป็นไรแล้ว น้ำตาของพี่ที่ชั้นไม่เคยเห็นก็ไหลออกมา" เธอเอามือขวาขึ้นไปเช็ดหน้าอีกครั้ง "ทั้งๆที่เธอชอบชั้นขนาดนี้แท้ๆ ทั้งๆที่เป็นห่วงขนาดนี้ ขอโทษนะ" เธอใช้มือทั้งสองข้างกอดผมแน่น "แล้ว ..แล้ว พี่ก็กอดชั้นแบบนี้ค่ะ" ผมรู้สึกถึงน้ำตาของเธอที่โดนผมอยู่ "ผู้ชายในตอนนั้นน่ะเหมือนนายมาก ผมไม่ได้บอกอะไนเธอเพียงแต่พยายามที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ อย่างน้อยบางอย่างก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าได้ปล่อยบางสิ่งที่ค้างคาอยู่นานออกไป รู้สึกเหมือนได้เอาสัมภาระอันหนักอึ้งทิ้งไป ไม่นานผมก็อำลาเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลที่ใหญ่โต เพื่อกลับไปที่บ้าน ความเหนื่อยล้าเริ่มทำให้รู้สึกอยากพักซักหน่อย แต่ว่ายังต้องเอาช็อกโกแลตไปให้คนอีกคน ผมพาร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยอ่อนกลับมาถึงบ้านได้ ในเวลาที่พระอาทิตย์ไม่ได้ส่องแสงอีกต่อไป ผมเก็บกระเป๋าและของต่างๆตามที่อยู่ของมัน "กลับช้านะ" เด็กสาวที่กำลังขยี้ตาบ่นใส่ผม ผมโบกมือเป็นการขอโทษ "วันนี้น่ะ" วันพฤหัส"ผมพูดแทรกขณะที่เธอกำลังจะพูดบางอย่าง ทำให้เธออึ้งไปซักพัก "อ..เอ้อ ร..รู้อยู่แล้วล่ะ" ผมเดินสวนเธอไป"ไปอาบน้ำนะ" "พี่บ้า" ผมจับไหล่เธอ"ทำไมเหรอ" เธอทำท่าลนลาน"ย..ยังอยู่อ..อีกเหรอ "เธอใช้มือผลักผม "จะไปไหนก็ไปเลย" ผมส่ายหัวนิกหน่อยกับความคิดที่ว่า พอเถอะ "เอ้าถ้าไล่แบบนี้จะไม่ได้ไอ้นี่นะ" ผมเอาของที่เพิ่งได้มาตอนบ่ายมาโบกให้เธอดู หน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม "อ.." ก่อนเธอจะเชิดหน้าอีกครั้ง"รู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงนายก็ต้องเอาอะไรมาให้" "แสดงว่าไม่อยากได้เหรอ" "ไม่ใช่น.." เธอก้มหน้าลงเพื่อซ่อนใบหน้าที่เอียงอายของตัวเอง "สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ" ร่างของเด็กสาวแนบชิดกับตัวของผม ความร้อนที่ส่งผ่านมายังตัวผม ราวกับความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ในยามเช้า แม้เพียงวันๆเดียวจะเกิดเรื่องขึ้นมากมาย หลายอย่างที่ดี และไม่ดีผสมปนเปกันไป แต่นั่นล่ะชีวิต นั่นล่ะคือวันๆนึงของผม "ขอบใจนะ" "อือ" ในขณะที่ผมกำลังเปลี่ยนเสื้อก็พบบางอย่างในกระเป๋า "นี่ชั้นทำเองเลยนะ แล้วก็อย่าเข้าใจผิดล่ะ ให้ตามเทศกาลหรอกนะ ต้องกินให้หมดด้วย แบร่!"รูปหน้าแลบลิ้นถูกเขียนไว้หน้าข้อความ ที่เขียนอยู่บนการ์ด การ์ดนั้นได้มัดถุงลายหมีเอาไว้ จากที่ลองจับดูน่าจะมีช็อกโแลตอยู่ด้านใน แน่นอนรับรองว่าตัองกินจนหมดอย่างแน่น่อน ผมใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นบางอย่างในกระจก "โรคจิต" เด็กสาวทำหน้าเหวออยู่ที่ขอบประตู "อ..อะไรเล่าก..ก็กลัวนายจะเอาใส่ลงตะกร้าท..ทั้งๆที่ยังไม่ได้หยิบออกมา ก..ก็เลย" "มาแอบดู" "อื้อ" เธอผงะเล็กน้อย"บ..บ้าเหรอ ค..ใครจะไปทำอ...อย่างนั้นเล่า" "คนท..ท.ที่ร..โรคจิตน่ะมันนายต่างหาก เล่นอ..ของท..ที่ให้ไปดมแบบนั้น" เธอทำสีหน้าอายมากแสดงว่าคิดแบบนั้นจริงๆ "เฮ้อ แค่เอามือเช็ดหน้าเท่านั้นเอง" "ร..เหรอ" เธอหัวเราะแหะๆออกมา ผมเองก็เช่นกัน ไม่นานวันนี้ก็จบลง หลายอย่างเกิดขึ้นในวันนี้ มันยาวนานจนยากจะเชื่อว่าเป็นวันๆเดียว เมื่อทุกอย่างจบลงผมพบตัวเองอยู่บนที่นอนในห้องมืดๆ ผมง่วงจนเริ่มจะรวบรวมสติสัมปชัญญไม่ได้ ผมไม่รู้จะสรุปเรื่องต่างๆในวันนี้ว่ายังไง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันหลากหลายจนทำให้ผมกลัว แต่พอคิดถึงผู้คนที่คอยเคียงข้างแล้วก็ไม่รู้สึกว่าต้องกลัวอะไรอีกต่อไป และนี่ล่ะคือเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่14กุมพาพันธ์
http://upic.me/i/sb/1abadb312e5992a39698d5603e88380c.jpg

colliinz
20th February 2013, 22:43
ตัวหนังสือเยอะมากจนลายตาเลยล่ะครับ แบ่งเป็นพาร์ทได้มั้ย

THewOVer
20th February 2013, 22:47
อ่านไม่ไหว ครับ

jamebanjen
21st February 2013, 01:13
ตกใจมากครับเปิดมาเจอตัวหนังสือ เยอะม๊วกกก

ผมอ่านได้ 1/4 แล้วครับวันพรุ่งมาอ่านใหม่

เป็นกำลังใจให้ครับ

wizwiz200
21st February 2013, 01:30
อ่านลำบากครับ -*-

EviLBlacK03
21st February 2013, 01:49
อะฮืม!! นึกว่าแบล็คกราว ผมอ่านไม่ไหวจริงๆ อ่านไป 3 บรรทันแล้วอยู่ๆก็อ่านซ่ำบรรทัดบนสะงั้น -.-

nervanamaya
21st February 2013, 01:50
น่าจะแบ่งเป็นย่อหน้า แล้วก็แยกบทสนทนาให้ชัดเจนนะครับ

pongdilok
21st February 2013, 01:53
ผมเห็นแบบนี้ก็ท้อละครับ แหม่

madarain
21st February 2013, 02:03
ลาก่อน .. ...... :eek: :bye

sanookmak
21st February 2013, 02:14
นี่จบหรือยัง...? ตัวเอกของเรื่องจะหาเมียได้ไมแล้วเก็บเด็กที่ไหนมาาา จับทำเมียเลย :o:o:o

philosopher
21st February 2013, 02:21
เอาไปทำหนังที จะได้ดูง่ายๆ

ยาวไป...ไม่อ่าน

Azwrithz
21st February 2013, 02:36
เข้ามาถึงกับตาลาย

tarm2039122
21st February 2013, 04:38
ตาลายมากครับอ่านไม่ไหว แต่หนุก

gintoki
21st February 2013, 04:50
อันนี้นิยายใช้ป่ะ ..เขียนเองเหรอครับน่าสนุกดีน่ะ
แต่...ถ้าเขียนใส่กระดาษถนอมสายตามาให้อ่านคงจะอ่านจบแล้วแหละ ครับ.. ขนาดเลื่อนมาคอมเม้นยังรู้สึกเหนีอยล่ะ

jlooowall
21st February 2013, 04:59
เห็นละท้ิอเลย แต่ก็จะพยามอ่านครับ :yes

shine15599
21st February 2013, 05:45
ใครก๋ได่สรุปเรื่องเหลือ3บรรทัดให้ที

mee2526
28th February 2013, 18:40
ตาลายเลย อ่านยังไม่จบด้วย :eek:

theneddube
28th February 2013, 18:51
เห็นคอมเม้นแล้วไม่กล้าอ่านเลย 5555

Choas67
1st March 2013, 16:52
มาอ่านคอมเม้นข้างล่าง แรกๆ ยังไม่ค่อยรู้อะไร พอขึ้นไปอ่านเท่านั้นแหละ

รู้เลย!!! :eek: