PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ตำนานเปาบุ้นจิ้น



Speedy-K.O.
21st March 2013, 12:43
http://image.ohozaa.com/i/ce7/C4zRut.jpg

เปา เจิ่ง ตามสำเนียงกลาง หรือ เปาจิ้น ตามสำเนียงฮกเกี้ยน หรือในวรรณกรรมเรียก เปา เหวินเจิ่ง ตามสำเนียงกลาง หรือ เปาบุ้นจิ้น ตามสำเนียงฮกเกี้ยน เป็นข้าราชการชาวจีนซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือในรัชกาลพระจักรพรรดิเหรินจง ดำรงตำแหน่งหลายหลากในราชการพลเรือน ตั้งแต่นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำแหน่งสุดท้ายคือเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) มีชื่อเสียงเป็นอันมากในด้านการตรวจสอบทุจริตในวงราชการ ได้รับยกย่องเป็นรัฐบุรุษในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ

ในประวัติศาสตร์

พงศาวดารซ่งว่า เปา เจิ่ง เกิดในครอบครัวนักวิชาการ ณ เมืองหลูโจว หรือปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองเหอเฝย์ อยู่ในมณฑลอันฮุย

ครอบครัว เปาบุ้นจิ้น นั้นมีฐานะปานกลาง บิดามารดาสามารถส่งเสียให้เขาร่ำเรียนได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ก่อนจะให้กำเนิดเขานั้น มารดาต้องขึ้นเขาลงห้วยไปหาของป่าและฟืนมาขายเพื่อเก็บหอมรอมริบไว้สำหรับวันข้างหน้าอยู่พักใหญ่ เปาบุ้นจิ้น เติบโตขึ้นในท่ามกลางสังคมชั้นล่างซึ่งเป็นพลเมืองหลักของประเทศ จึงรับรู้และเข้าใจปัญหาของคนทั้งนั้นเป็นอย่างดี

เมื่อบิดามารดาถึงแก่ความตายในปี 1580 และปลงศพตามประเพณีแล้ว เปาบุ้นจิ้น จึงกลับมารับใช้แผ่นดิน เริ่มแรกเขาได้ปกครองอำเภอเทียนฉั่ง มณฑลอันฮุย มีบันทึกว่า ครั้งนั้น ชาวนาผู้หนึ่งมาร้องทุกข์ว่า โคของตนถูกลอบตัดลิ้น เปาบุ้นจิ้น จึงสั่งให้เขากลับบ้านไปฆ่าโคนั้นทิ้งเสีย แต่อย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้แก่ผู้ใด ตามกฎหมายสมัยนั้น การฆ่าปศุสัตว์เป็นสิ่งต้องห้าม เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ ชาวนาผู้นั้นก็กลับไปปฏิบัติตามคำสั่ง เช้าวันต่อมา มีชายอีกผู้หนึ่งมาฟ้อง เปาบุ้นจิ้น ว่าชาวนาข้างบ้านได้ลอบฆ่าโค เปาบุ้นจิ้น ตบโต๊ะตวาดชายผู้นั้นว่า ลอบตัดลิ้นโคเขาแล้วยังมาฟ้องกล่าวหาเขาอีกเล่า ชายผู้นั้นตกใจที่ เปาบุ้นจิ้น ล่วงรู้ความจริงก็รับสารภาพว่า ตนผิดใจกับชาวนามาแต่เดิมแล้ว จึงกลั่นแกล้งตัดลิ้นโคเขาเสีย เขาจะได้จำใจฆ่าโคนั้นทิ้ง และจะได้มีความผิดฐานฆ่าปศุสัตว์

ต่อมา ในขณะที่ย้ายไปปกครองอำเภอตวนโจว อยู่ในมณฑลกวางตุ้งปัจจุบัน ซึ่งเป็นแหล่งขึ้นชื่อด้านผลิตจานฝนหมึก เปาบุ้นจิ้น ตรวจสอบพบว่า ผู้ปกครองคนก่อน ๆ มักขูดรีดจานฝนหมึกจำนวนมากจากราษฎร เมื่อทำราชการอยู่ที่อำเภอนี้ เปาบุ้นจิ้น จึงใช้จานฝนหมึกเพียงอันเดียว โดยกล่าวว่า ความจำเป็นมีเท่านั้น ครั้นต้องย้ายไปท้องที่อื่น ประชาชนรักใคร่ก็นำจานฝนหมึกมามอบให้เป็นของขวัญมากมาย เปาบุ้นจิ้น ไม่รับไว้เลย และโยนจานฝนหมึกที่ใช้ประจำอยู่นั้นทิ้งลงสู่แม่น้ำกวางตุ้ง

สติปัญญาของ เปาบุ้นจิ้น นั้นเป็นที่ต้องใจของประชาชนและพระหทัยพระจักรพรรดิเหรินจง เขาจึงได้ดำรงตำแหน่งในราชการพลเรือนหลายตำแหน่งทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค พงศาวดารยังว่า เปาบุ้นจิ้น เคยกินเมืองเปียน ซึ่งเป็นเมืองหลวงในครั้งนั้น หรือปัจจุบันเรียก เมืองไคฟง ในเมืองไคฟง เปาบุ้นจิ้น เคยลั่นวาจาว่า "ด้วยเราเป็นผู้รักษากฎหมายในเมืองไคเฟิงนี้ เราจักประหารข้าราชการฉ้อฉล ลงทัณฑ์คนวางอำนาจบาตรใหญ่ และแก้ไขความไม่เป็นธรรม...ผู้กระทำความผิด แม้เป็นเจ้าขุนมูลนาย จะรอดพ้นโทษานุโทษไปนั้นหาได้ไม่"

ในภาพรวม เปาบุ้นจิ้น ไม่ปรากฏผลงานโดดเด่นในด้านหนึ่งด้านใด แต่มีชื่อเสียงเป็นอันมากในด้านการตรวจสอบการทุจริต กับทั้งอุปนิสัยเข้มงวดกวดขัน และไม่อดทนหรือรอมชอบต่อความอยุติธรรมและการฉ้อฉล บุคลิกภาพของ เปาบุ้นจิ้น ก็เป็นที่ขึ้นชื่อเช่นกัน มีบันทึกว่า เปาบุ้นจิ้น วางตัวเคร่งครัดและเคร่งขรึม ถึงขนาดพูดกันทั่วไปว่า รอยยิ้มของ เปาบุ้นจิ้น นั้นหาดูยากยิ่งกว่าฮวงโหกลายเป็นสีใสสะอาด

พงศาวดารว่าในระหว่างที่ เปาบุ้นจิ้น รับราชการอยู่นั้น เปาบุ้นจิ้น ได้ไล่และลดตำแหน่งข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยไปมากกว่าสามสิบคนในข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง กินสินบน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที เปาบุ้นจิ้น เคยถวายรายงานกล่าวโทษ จัง เย่าโจว พระปิตุลาของพระสนม ถึงหกครั้ง กล่าวโทษ หวัง กุ๋ย ข้าราชการคนโปรดของพระมหากษัตริย์อีกเจ็ดครั้ง และกล่าวโทษ ซ่ง หยัง ผู้เป็นมหาอุปราช (นายกรัฐมนตรี) อีกหลายครั้ง จึงมักมีผู้ทูลร้องเรียนว่า เปาบุ้นจิ้น เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แต่พระมหากษัตริย์ทรงเข้าพระทัยและไว้วางพระหทัยเขา ข้อครหาเขาจึงตกไปเสมอ เปาบุ้นจิ้น นั้น แต่ครั้งที่ดำรงตำแหน่งขุนนางทัดทาน (御史台) ยังได้ทูลคัดค้านพระมหากษัตริย์เป็นผลสำเร็จทุกครั้งไป ต่างจากกรณีที่มีมาแล้วในประวัติศาสตร์ เช่น ซือหม่า เชียนที่ ทูลทัดทานพระจักรพรรดิฮั่นอู่ เพียงครั้งเดียวแล้วก็ทรงพระโกรธทันที มีพระโองการให้ตัดศีรษะเขา แต่ก็โปรดลดโทษเป็นตอนองคชาตแทน

กิตติศัพท์เกี่ยวกับความซื่อตรงของ เปาบุ้นจิ้น นั้นเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน พลเมืองมักเล่าขานว่า เปาบุ้นจิ้น นั้นกลางวันรับราชการอยู่บนโลกมนุษย์ กลางคืนไปรับราชการเป็นยมราชอยู่ในยมโลก พูดกันติดปากว่า เช้าชำระคดีคน ค่ำชำระคดีผี

เปาบุ้นจิ้น ถึงแก่อสัญกรรมที่เมืองหลวงเมื่อปี 1065 เพราะโรค แต่พงศาวดารบันทึกว่า เป็นไปได้ที่จะถูกลอบวางยาพิษ พระจักรพรรดิเหรินจงทรงรับศพเขาไว้ในพระราชานุเคราะห์ และพระราชทานสมัญญาแก่เขาว่า "เสี้ยวสู้" (孝肅 ปูชนียบุคคลประดุจบิดามารดา)

วรรณกรรมเรื่อง เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม ว่า พระจักรพรรดิเหรินจงโปรดให้เปา เจิ่งไปตรวจสอบผัง อวี้ (龐昱) ซึ่งโปรดให้เป็นข้าหลวงไปรับมืออุทกภัย ผัง อวี้นั้นเป็นบุตรของผัง จี๋ (庞籍) และดำรงฐานันดรศักดิ์ "อันเล่อโหว" (安樂侯) พระจักรพรรดิจึงพระราชทานอาญาสิทธิ์ให้แก่เปาบุ้นจิ้น สามประการ กงซุน เช่อ ที่ปรึกษาของ เปาบุ้นจิ้น จึงออกแบบเครื่องประหารสามหลัง มีลักษณะเป็นแท่น ทำเป็นรูปสัตว์ มีใบมีดประทับอยู่ปลายข้างหนึ่ง เปิดขึ้นและฟันลงกับแท่นนั้นได้ แล้วขอให้พระราชทานเป็นอาญาสิทธิ์ ใช้ "ประหารก่อน รายงานทีหลัง" ได้ ก็โปรดให้ตามนั้น เครื่องประหารทั้งสามหลังประกอบด้วย


เครื่องประหารหัวสุนัข หรือฉบับแปลไทยเรียก "มีดตัดหัวสุนัข" (狗頭鍘 ) เป็นรูปสุนัขหมอบ สำหรับประหารชีวิตไพร่
เครื่องประหารหัวพยัคฆ์ หรือฉบับแปลไทยเรียก "มีดบั่นศีรษะพยัคฆ์" (虎頭鍘 ) เป็นรูปเสือหมอบ สำหรับประหารชีวิตข้าราชการ
เครื่องประหารหัวมังกร หรือฉบับแปลไทยเรียก "มีดปลิดเศียรมังกร" (龍頭鍘 เป็นรูปมังกรเลื้อย สำหรับประหารชีวิตพระยูรญาติ


พระจักรพรรดิเจินจงยังพระราชทานสิ่งสำคัญอีกหลายสิ่งให้แก่ เปาบุ้นจิ้น เป็นต้นว่า พระแส้ทองคำ (金黄夏楚 ) ใช้เฆี่ยนพระจักรพรรดิปัจจุบันได้ และกระบี่อาญาสิทธิ์ (尚方寶劍) เมื่อเชิญออกแสดงแล้ว ผู้คนทั้งปวงต้องเชื่อฟังประหนึ่งเป็นพระจักรพรรดิ

ในเรื่อง เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม นั้น เปาบุ้นจิ้น ยังเป็นพระสหายของอ๋องแปด (八王爺 ) พระอนุชาของพระจักรพรรดิเจินจง และมักหมางใจกับผัง จี๋ ผู้เป็นราชครู (太師) และเป็นพระศวศุระของพระจักรพรรดิเหรินจง เนื่องจาก เปาบุ้นจิ้น พิพากษาประหารชีวิต ผัง อวี๋ ผู้เป็นบุตร แต่ในทางประวัติศาสตร์ ไม่ปรากฏเหตุผลที่ ผัง จี๋ ปฏิบัติต่อ เปาบุ้นจิ้น อย่างศัตรูแต่ประการใด

ปล. เปาบุ้นจิ้น มีลักษณะตาข้างหนึ่งสีแดงข้างหนึ่งสีขาว(เนตรสุริยัน จันทรา) กลางหน้าฝามีตราพระจันทร์เสียว



หากข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ



ส่วนคลิปนี้แค่ขำๆนะครับ



http://www.youtube.com/watch?v=rjn6TUsVBoI


Credit : http://men.postjung.com/665114.html http://image.free.in.th/z/iz/zorori04.gif