kriszaa_007
4th September 2011, 11:38
http://pics.manager.co.th/Images/554000011818201.JPEG
บริษัทแอคติวิชัน (Activision) รายงานว่าการขายผ่านระบบดิจิตอลของบริษัทกำลังเติมโตไปได้ด้วยดีจากการที่สามารถขายฉากเสริมของเกม Call of Duty: Black Ops ได้ถึง 18 ล้านชุด
จากรายงานของบริษัทแอคติวิชันทำให้ทราบว่าทางบริษัทมีรายรับจำนวน 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากการจำหน่ายทางระบบดิจิตอลดาวน์โหลดเป็นเวลา 12 เดือนหลังจากเดือนมิถุนายน ปี 2011 รายรับดังกล่าวเป็นผลมาจากการขายฉากเสริมของเกม Call of Duty: Black Ops ได้ถึง 18 ล้านชุด
จากการวิเคราะห์ทำให้ทราบว่ารายรับจากการขายทางดิจิตอลดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ จาก 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหลังจากการขายทางดิจิตอลดาวน์โหลดเป็นเวลา 12 เดือนหลังจากเดือนมิถุนายนปี 2010 และเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์จาก 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหลังจากเดือนมิถุนายนปี 2009
เกม Call of Duty: Black Ops วางจำหน่ายได้ถึง 23 ล้านชุดและบริษัทแอคติวิชันได้วางจำหน่ายฉากเสริมของเกมนี้จำนวน 4 ชุดและคิดราคาชุดละ 15 เหรียญซึ่งสามารถขายได้ถึง 18 ล้านชุดทำให้ทราบว่าผู้เล่นแต่ละคนจ่ายเงินจำนวน 76 เหรียญสหรัฐสำหรับการซื้อฉากเสริมของเกมนี้ ถ้าเทียบกับเกมก่อนหน้านี้อย่าง Call of Duty: Modern Warfare 2 ผู้เล่นจ่ายเงินสำหรับซื้อฉากเสริมในเกมไปคนละ 74 เหรียญสหรัฐและเกม Call of Duty: World at War ผู้เล่นก็จ่ายเงินซื้อฉากเสริมคนละ 72 เหรียญสหรัฐ ซึ่งนับได้ว่าเป็นความสำเร็จที่มากขึ้นจากเดิมของบริษัทแอคติวิชัน
สำหรับเกมภาคก่อนหน้านี้ทางบริษัทแอคติวิชันสามารถขายเกม Call of Duty: Modern Warfare 2 ในปี 2009 ได้ 19 ล้านชุดและขายฉากเสริมของเกมไปได้ 11 ล้านชุด ส่วนเกม Call of Duty: World at War ที่วางจำหน่ายในปี 2008 ก็ขายได้ 9 ล้านชุดและขายฉากเสริมได้ 9 ล้นชุดเช่นเดียวกัน
อีริค เฮิร์ชเบิร์กผู้บริหารของบริษัทแอคติวิชันก็ได้แสดงความเห็นว่าจากความสำเร็จข้างต้นทำให้ทางบริษัทนั้นหวังว่าเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 ที่จะวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้นั้นจะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิมและยังหวังว่าจะสามารถทำลายสถิติยอดจำหน่ายเดิมที่เกม Call of Duty: Black Ops ได้ทำไว้อีกด้วย นอกจากนี้แล้วทางบริษัทยังได้ทำแผนส่งเสริมการตลาดให้กับเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 เพิ่มเติมอีกมากมายและเป็นการส่งเสริมการตลาดที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทเลยทีเดียว
บริษัทแอคติวิชันยังได้นำเสนออุปกรณ์ใหม่ของเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 เป็นจอย Wireless ไร้สายสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 3 และเฮดเซ็ทสำหรับเครื่องนินเทนโด วี
http://pics.manager.co.th/Images/554000011818202.JPEG
จอย Wireless Controller ได้รับแรงดันดาลใจจากเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 ตัวจอยเป็นลายเหล็กคาร์บอนเหมือนกับที่ปรากฏอยู่บนปืนของจริง มีลายนูนที่ด้ามจับและปุ่มก็จัดวางได้อย่างลงตัวทำให้จับสบายถนัดมือตลอดการเล่น มีปุ่มเพาเวอร์สีเขียวสไตล์แว่นมองกลางคืนพร้อมก้านอนาล็อกบังคับทิศทางและปุ่มกากบาทดีแพด
http://pics.manager.co.th/Images/554000011818203.JPEG
เฮดเซ็ทสำหรับเครื่องนินเทนโด วี ประกอบไปด้วยหูฟังและไมโครโฟนพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ตัวหูฟังจะเป็นวัสดุแบบด้านและที่หนีบเคลือบยาง มีสายยาวขนาด 3 เมตร
อุปกรณ์สองชิ้นนี้จะวางขายในเดือนตุลาคมปีนี้ก่อนที่ตัวเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 จะตามมาในเดือนพฤศจิกายน แฟนเกมที่สนใจก็สามารถไปจับจองเป็นเจ้าของได้
credit: manager.co.th
บริษัทแอคติวิชัน (Activision) รายงานว่าการขายผ่านระบบดิจิตอลของบริษัทกำลังเติมโตไปได้ด้วยดีจากการที่สามารถขายฉากเสริมของเกม Call of Duty: Black Ops ได้ถึง 18 ล้านชุด
จากรายงานของบริษัทแอคติวิชันทำให้ทราบว่าทางบริษัทมีรายรับจำนวน 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากการจำหน่ายทางระบบดิจิตอลดาวน์โหลดเป็นเวลา 12 เดือนหลังจากเดือนมิถุนายน ปี 2011 รายรับดังกล่าวเป็นผลมาจากการขายฉากเสริมของเกม Call of Duty: Black Ops ได้ถึง 18 ล้านชุด
จากการวิเคราะห์ทำให้ทราบว่ารายรับจากการขายทางดิจิตอลดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ จาก 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหลังจากการขายทางดิจิตอลดาวน์โหลดเป็นเวลา 12 เดือนหลังจากเดือนมิถุนายนปี 2010 และเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์จาก 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐหลังจากเดือนมิถุนายนปี 2009
เกม Call of Duty: Black Ops วางจำหน่ายได้ถึง 23 ล้านชุดและบริษัทแอคติวิชันได้วางจำหน่ายฉากเสริมของเกมนี้จำนวน 4 ชุดและคิดราคาชุดละ 15 เหรียญซึ่งสามารถขายได้ถึง 18 ล้านชุดทำให้ทราบว่าผู้เล่นแต่ละคนจ่ายเงินจำนวน 76 เหรียญสหรัฐสำหรับการซื้อฉากเสริมของเกมนี้ ถ้าเทียบกับเกมก่อนหน้านี้อย่าง Call of Duty: Modern Warfare 2 ผู้เล่นจ่ายเงินสำหรับซื้อฉากเสริมในเกมไปคนละ 74 เหรียญสหรัฐและเกม Call of Duty: World at War ผู้เล่นก็จ่ายเงินซื้อฉากเสริมคนละ 72 เหรียญสหรัฐ ซึ่งนับได้ว่าเป็นความสำเร็จที่มากขึ้นจากเดิมของบริษัทแอคติวิชัน
สำหรับเกมภาคก่อนหน้านี้ทางบริษัทแอคติวิชันสามารถขายเกม Call of Duty: Modern Warfare 2 ในปี 2009 ได้ 19 ล้านชุดและขายฉากเสริมของเกมไปได้ 11 ล้านชุด ส่วนเกม Call of Duty: World at War ที่วางจำหน่ายในปี 2008 ก็ขายได้ 9 ล้านชุดและขายฉากเสริมได้ 9 ล้นชุดเช่นเดียวกัน
อีริค เฮิร์ชเบิร์กผู้บริหารของบริษัทแอคติวิชันก็ได้แสดงความเห็นว่าจากความสำเร็จข้างต้นทำให้ทางบริษัทนั้นหวังว่าเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 ที่จะวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้นั้นจะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิมและยังหวังว่าจะสามารถทำลายสถิติยอดจำหน่ายเดิมที่เกม Call of Duty: Black Ops ได้ทำไว้อีกด้วย นอกจากนี้แล้วทางบริษัทยังได้ทำแผนส่งเสริมการตลาดให้กับเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 เพิ่มเติมอีกมากมายและเป็นการส่งเสริมการตลาดที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทเลยทีเดียว
บริษัทแอคติวิชันยังได้นำเสนออุปกรณ์ใหม่ของเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 เป็นจอย Wireless ไร้สายสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 3 และเฮดเซ็ทสำหรับเครื่องนินเทนโด วี
http://pics.manager.co.th/Images/554000011818202.JPEG
จอย Wireless Controller ได้รับแรงดันดาลใจจากเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 ตัวจอยเป็นลายเหล็กคาร์บอนเหมือนกับที่ปรากฏอยู่บนปืนของจริง มีลายนูนที่ด้ามจับและปุ่มก็จัดวางได้อย่างลงตัวทำให้จับสบายถนัดมือตลอดการเล่น มีปุ่มเพาเวอร์สีเขียวสไตล์แว่นมองกลางคืนพร้อมก้านอนาล็อกบังคับทิศทางและปุ่มกากบาทดีแพด
http://pics.manager.co.th/Images/554000011818203.JPEG
เฮดเซ็ทสำหรับเครื่องนินเทนโด วี ประกอบไปด้วยหูฟังและไมโครโฟนพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ตัวหูฟังจะเป็นวัสดุแบบด้านและที่หนีบเคลือบยาง มีสายยาวขนาด 3 เมตร
อุปกรณ์สองชิ้นนี้จะวางขายในเดือนตุลาคมปีนี้ก่อนที่ตัวเกม Call of Duty: Modern Warfare 3 จะตามมาในเดือนพฤศจิกายน แฟนเกมที่สนใจก็สามารถไปจับจองเป็นเจ้าของได้
credit: manager.co.th