PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : (En) อารยธรรมโรมัน อันยิ่งใหญ่



nalavit02
11th April 2013, 21:51
อารยธรรมโรมัน

http://huehueteotl.files.wordpress.com/2007/05/jean-leon_gerome_pollice_verso.jpg

อารยธรรมโรมัน เป็นอารยธรรมที่สืบเนื่องมาจากอารยธรรมกรีก โดยชาวอิทรัสกัน (Etruscan) ซึ่งมีถิ่นเดิมอยู่ในเอเชียไมเนอร์อพยพเข้าในแหลมอิตาลี นำเอาความเชื่อและศิลปวัฒนธรรมของกรีกเข้ามาด้วย ต่อมาบรรพบุรุษของชาวโรมันคือ ละติน ซึ่งมีถิ่นฐานเดิมอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำไทเบอร์ (Tiber) ได้ขับไล่กษัตริย์อิทรัสกันออกไป ชาวละตินรวมตัวและชุมนุมกันบริเวณที่เรียกว่า ฟอรัม (Forum) ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของเมืองและเป็นจุดเริ่มต้นของกรุงโรมในเวลาต่อมา ชาวโรมันจึงรับเอาอารยธรมของชาวกรีกจากชาวอิทรัสกันมาเป็นต้นแบบอารยธรรมของตนด้วย
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของโรมันได้เปรียบกว่ากรีกหลายประการ คือ มีที่ราบอันกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์เพาะปลูกได้เต็มที่ หุบเขาใกล้เคียงมีป่าไม้และเหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์ ที่ตั้งของกรุงโรมอยู่ห่างจากทะเล 15 ไมล์ เหมาะกับการทำการค้าทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กรุงโรมตั้งอยู่ในทำเลที่ความเหมาะสมทางยุทธศาสตร์ คือ สามารถใช้แม่น้ำเป็นเส้นทางคมนาคม มีภูเขาและหนองน้ำกีดขวางผู้บุกรุก ประมาณ 100 ปีก่อนคริสตกาล โรมันได้รวบรวมดินแดนโดยรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไว้ในอำนาจ ปัจจัยที่สนับสนุนการแพร่อำนาจของอาณาจักรโรมันคือ การสร้างถนนที่มั่นคงถาวรไปยังดินแดนที่ยึดครอง ทำให้เกิดความคล่องตัว การขยายกองทัพและการคมนาคมขนส่ง การสร้างถนนจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายอำนาจและสร้างความมั่นคงให้กับจักรวรรดิโรมัน


https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/13251_443822392371780_1559364447_n.jpg


โรมก่อตัวจากหมู่บ้านทางภาคกลางของอิตาลี อุปนิสัยของโรมันคือ ความเคร่งขรึมและสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ อย่างช้า ๆ แต่มั่นคง ความสามารถทางทหารของโรมันอยู่ที่ความอดทนมากกว่ายุทธวิธีที่ฉลาดปราดเปรื่อง

ระยะแรกสำหรับประวัติศาสตร์โรมนั้นค่อนข้างมืดมน ราว 750 ปีก่อน ค.ศ. มีผู้อพยพมาตั้ง ถิ่นฐานแถบภูเขาพาเลนไตน์ใกล้แม่น้ำไทเบอร์ ต่อมาประมาณ 600 ปี ก่อน ค.ศ. บรรดาผู้อพยพต่างรวมตัวกันตั้งนครรัฐแห่งโรมขึ้น ทำเลของนครรัฐตั้งอยู่ในที่ซึ่งเหมาะสม เหมาะสำหรับความเจริญของโรมในอนาคตทางเหนือของโรมติดต่อกัยดินแกนที่เรียกว่า อีทรูเรีย คือ ทัสคานีปัจจุบัน อีทรูเนียเป็นที่อยู่อาศัยของพวกที่มีอารยธรรมสูงเรียกว่า อีทรัสกัน ซึ่งเป็นพวกที่วางรูปวัฒนธรรมของชาวโรมันแต่เริ่มแรก

ชาวอีทรัสกันเป็นพวกที่รับอารยธรรมกรีกมาผสมผสานกับอารยธรรมของตนและส่งต่อให้กับโรม การปกครองของโรมในระยะแรกอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ที่มีพื้นเพเป็นอิทรัสกัน ความเป็นผู้นำที่มีความสามารถและมุ่งต่อการรุกราน ทำให้ชาวโรมันเป็นชาติที่ทรงอำนาจเหนือชนชาติอื่น ๆ ในละติอุมชุมชนโรมันเจริญทั้งกำลังและความมั่งคั่ง และแล้วก็ได้มีการสร้างวิหารใหญ่โตตามแบบสถาปัตยกรรมของอีทรัสคันขึ้นบนภูเขาแห่งหนึ่งสำหรับเทพเจ้าจูปีเตอร์ของชาวโรมัน

https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/537177_443852145702138_1446310207_n.jpg

ในราว 509 ก่อน ค.ศ. ขุนนางโรมันประสบความสำเร็จในการล้มกษัตริย์อีทรัสกัน และเปลี่ยนแปลงระบอบกษัตริย์มาเป็นสาธารณรัฐปกครองโดยชนชั้นขุนนาง มีประมุข 2 คน แทนที่กษัตริย์เรียกว่ากงสุลสภาขุนนาง (สภาเชเนท) เลือกตั้งกงสุลเป็นประจำทุกปี กงสุลปกครองโดยมีสภาขุนนางเป็นที่ปรึกษาการปกครองนั้น แม้จะปกครองในนามชาวโรมันแต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของชนชั้นสูง คือ แพทริเชียน ส่วนชนชั้นต่ำหรือเพลเบียนนั้น เกือบไม่มีสิทธิทางการเมืองเลย การแต่งงานระหว่าง เพลเบียนกับแพทริเชียนยังเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเด็ดขาดในระยะแรก ๆ

พวกเพลเบียนค่อย ๆ ยกฐานะของตน เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครอง ในชั้นแรกพวกนี้รวมกลุ่มกันจัดตั้งสภาที่ปรึกษา ซึ่งต่อมากลายเป็นองค์กรสำคัญทางการเมืองที่เรียกว่าสภาของเผ่า พวกเพลเบียนเลือกตัวแทนของตนเรียกว่า ทรีบูน ให้เป็นปากเสียงและเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของตนในรัฐบาลซึ่งคุมโดยแพทริเชียน ทรีบูนเป็นพวกที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

เมื่อประมาณ 450 ก่อน ค.ศ. ได้มีการนำกฎหมายที่สืบทอดกันมาตามประเพณีมาเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร คือ กฎหมายสิบสองโต๊ะ กฎหมายนี้ช่วยพิทักษ์บรรดาเพลเบียนให้พ้นจากอำนาจตามอำเภอใจของกงสุลที่มาจากชนชั้นแพทริเชียน กฎหมายสิบสองโต๊ะนี้นับว่ามีความสำคัญมากต่อพัฒนาการทางกฎหมายรัฐธรรมนูญของโรมัน

การพิทักษ์ทางกฎหมาย ทำให้เพลเบียนสามารถจัดการกับเรื่องการจัดสรรที่ดินให้พวกตนได้รับการแบ่งปันบ้าง สภาของเป่าของพวกเพลเบียนได้รับอำนาจในการริเริ่มร่างกฎหมายและมีบทบาทในการปกครองโรมัน ช่วงนี้การแต่งงานกลายเป็นสิ่งไม่ต้องห้าม ต่อมามีกฎหมายที่รองรับให้เพลเบียนมีบทบาทในการปกครองมากขึ้น มาตรการเหล่านี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโรมไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งสำเร็จบริบูรณ์ในปี 287 ก่อน ค.ศ.

การแผ่อำนาจของโรมนั้น มีทั้งการเป็นพันธมิตรและการทำสงครามกับพวกที่เป็นศัตรู อาณาจักรของโรมขยายตัวไปเรื่อย ๆ แต่ชาวโรมันมักจะใจกว้างต่อบรรดาชาติอิตาลีที่ตนเข้าปกครอง โดยยอมให้มีการปกครองตนเองมากพอสมควร จึงมักประสบความสำเร็จในการรักษาความสวามิภักดิ์ไว้ได้ ในเวลาต่อมาเมื่อพิสูจน์ว่าคนในปกครองจงรักภักดีก็จะยอมให้เป็นพลเมืองโรมัน ด้วยวิธีการนี้โรมจึงสามารถสร้างจักรวรรดิที่มีอายุยืนยาวกว่าจักรวรรดิเอเธนส์ของเพริเคลส เมื่อประมาณ 265 ก่อน ค.ศ. โรมอยู่ในฐานะที่ทัดเทียมกับคาร์เธจและนครรัฐทายาทของกรีก คือ เป็นหนึ่งในมหาอำนาจของทะเล เมดิเตอเรเนียน

https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/64380_443824869038199_295504427_n.jpg

ด้านอารยธรรมโรมัน

ด้านการปกครอง : ยึดพระจักรพรรดิมีอำนาจสูงสุด
ด้านการคมนาคม : มีการสร้างถนนเชื่อมต่อเมืองต่างๆ
ด้านกฎหมาย : เกิดหลักกฎหมาย “All free men are equal before the law”
ด้านเศรษฐกิจ : แปรผันตามการเกษตรกรรม
ด้านสังคม : แบ่งชนชั้นผู้ถูกปกครองและผู้ปกครอง
ด้านปรัชญา : ได้แก่ปรัชญาของสโตอิคส์และเอปิคิวเรียน
ด้านสถาปัตยกรรม : รับอิทธิผลมาจากกรีกเฮลเลนิสติก เน้นความแข็งแรงใหญ่โต เช่น :- โรงละคร วิหารพาร์เธนอน โคลีเซี่ยม โรมันฟอรัม
ด้านการประพันธ์ : กวีมีชื่อคือ เวอร์จิล ผู้ประพันธ์มหากาพย์อีเนียด

http://www.wall321.com/thumbnails/detail/20120508/soldiers%20war%20battle%20fantasy%20art%20roman%20empire%201920x1080%20wallpaper_www.wall321.com_39.jpg

สงครามพิวนิค (264 – 146 ก่อน ค.ศ.)

เมื่อโรมกับคาร์เธจเผชิญหน้ากัน ได้เกิดสงคราม 3 ครั้ง เรียกว่า สงครามพิวนิค (The Punic War, พิวนิคมาจากคำว่า โพเอนุส ในภาษาละติน ซึ่งเป็นคำเรียกพวกฟินิเชียหรือคาร์เธจ) สงครามพิวนิคครั้งแรกเกิดเมื่อ 246 – 241 ก่อน ค.ศ. ครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อ 218 – 201 ก่อน ค.ศ. สงครามสองครั้งแรกนี้กินเวลานานและรุนแรงมาก โรมพ่ายแพ้ในการรบหลายครั้ง แต่ก็อดทนจนได้ชัยชนะในการรบครั้งสุดท้ายเมื่อ 149 – 146 ก่อน ค.ศ. คาร์เธจเหลือแต่ซาก โรมได้ครองดินแดนอันกว้างใหญ่ของคาร์เธจในอาฟริกา ซิซิลี และ สเปน

ชัยชนะของโรมเหนือคาร์เธจ ยังผลให้โรมมีอำนาจเหนือรัฐอื่นในทะเลเมดิเตอเรเนียน บรรดาอาณาจักรกรีกเฮลเลนิสติคที่แก่งแย่งชิงดีกัน มักของความช่วยเหลือจากโรมให้ช่วยต่อต้านศัตรูของตน โรมให้ความสนับสนุนเพื่อรักษาดุลย์แห่งอำนาจ แต่ต่อมาโรมเข้าปกครองเสียเอง ระหว่างศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. โลกเฮลเลนิสติคส่วนมากอยู่ภายใต้อำนาจโรมันทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อมา 189 ก่อน ค.ศ. โรมได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาดเหนือพวกซีลูซีด และปราบปรามแมกซิโดเนียได้ในปี 148 ก่อน ค.ศ. และทำลายเมืองคอรินธ์ ในปี 146 ก่อน ค.ศ. โรมค่อย ๆ เปลี่ยนกรีซให้กลายเป็นมณฑลโรมันภายใต้การปกครองของข้าหลวงแห่งรัฐ อาณาจักรเฮลเลนิสติคที่เหลือไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะยอมรับความเป็น ผู้นำของโรมและค่อย ๆ กลายเป็นมณฑลของโรมไปในที่สุด

ในส่วนของโรมนั้น เมื่อเป็นใหญ่เหนือโลกทะเลเมดิเตอเรเนียน ได้เกิดปัญหาในการปรับตัวของรัฐบาลให้เหมาะสมกับการปกครองจักรวรรดิ


เกี่ยวข้อง
(En) สารคดี จักรรดิโรมันใต้ดิน (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=178569)


(En) ไปเล่นสงกรานต์มา :heart
http://www.thaigoodview.com/