PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ขอถามเกี่ยวกับมหาลัยหน่อย + สนทนานิดๆ



clean1447
4th June 2013, 14:42
ตอนนั้นคิดว่า ตัวเองต้องเข้ามหาลัยให้ได้ แต่พอได้มาอยู่แค่วันแรกรู้เลยว่า ตัวเองไปไม่ไหวแน่ๆ

เพราะหนูติดโครงการพิเศษค่าเทอม 2 หมื่น ถ้าหนูพลาด F ไปตัวเดียว ค่าหนวยกิจจะแพงเป็น 10 เท่า คือ คนอื่น 450 หนู 4500

ถ้าหนูยังทนเรียนไปมีหวังได้เครียดไปเรียนไปแน่ๆ อาจจะมานั่งร้องไห้ เพราะสู้ไม่ไหว

หนูควรลาออกดีไหมเนี่ย ค่าหน่วยกิจยังไม่ได้จ่ายเลย ดีที่ยังไม่หมดเวลาจ่าย ทำให้สามารถตัดสินใจกลางคันได้ ถ้าหนูจ่ายหนูต้องทนเรียนแบเครียดๆแน่ๆ

หรือหนูควรหางานทำเลย ถามว่าหนูคิดเหมือนพวกคนดังๆ ในด้านคอม แต่ก็เรียนไม่จบ

ตอบ หนูก็คิดเหมือนกัน แต่ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะเป็นแบบเหมือนคนพวกนั้น เพราะโอกาสคนเราไม่เหมือนกัน

พอแค่อาจารย์บอกว่าระหว่างคนที่เรียนด้านคอมมา กับคนที่ไม่ได้เรียนคอมเลย แต่ใจรัก คนแบบที่ 2 จะไปได้ไกลกว่า เพราะการศึกษาไม่ได้วัดกันที่ความสามารถ

แต่ความสามารถที่แท้จริงคือ สิ่งที่ใจรัก ถ้าใจเรารักจริง ปัญหาต่างๆที่เราถนัด ก็สามารถแก้ไขได้รวดเร็ว

หนูชอบคอม แต่ไม่ชอบพวกเรียนๆ แล้วสร้าง หนูแค่เป็นคนกลางคอยแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ไม่ได้ต้องการที่จะเรียน แล้วบางวิชาหนูก็คิดว่ามันไม่ใช้แน่ๆ

หนูแค่อยากซ่อมคอมเป็น แต่ไม่ได้ลงลึกถึงขั้น แผงวงจร หรือ รหัส 01 มันเกี่ยวอะไรกับคณิต

หนูเห็นมาหลายคนแล้ว คนทีจบมหาลัย ส่วนใหญ่พอทำงาน คิดว่าตัวเองเรียนมาสูงๆ แต่ทำไมทำงานแค่คนเก็บเอกสาร แล้วก็เลิกไป เพราะได้งานที่มันต่ำเกินไป

กับคนที่เรียนจบแค่ ม.6 หรือ ม.3 ทำไมเขาถึงพยายามถึงจะได้งานธรรมดา แต่ก็สามารถไต่ตัวเองให้เป็นถึงระดับหัวหน้า ของคนที่จบระดับปริญญาตรี ได้

คนที่ทำงานพ่อหนู เขาเป็นระดับหัวหน้าฝ่ายระบบคอม ธนาคารกรุงไทย เขาจบแค่ ป.4 แต่เขาสามารถเข้าสังคมเก่ง รักในงานที่ตัวเอง

แต่เนื่องจาก วุฒิ ไม่ถึงจึงได้เป็นแค่หัวหน้าฝ่าย การศึกษาไม่ได้มีไว้แค่อวด แต่พอคุณทำงาน ระดับการศึกษาไหนๆ ก็เท่ากันหมด นั้นถึงว่าเป็นลูกจ้าง

ถ้าคุณไม่พอใจอะไร จะออกก็เชิญ คนที่เรียนระดับปริญญา ส่วนมากได้งานง่ายๆ ก็มักจะออก คิดว่าตัวเองหางานได้อีกเยอะ โอ้อวดว่าตัวเองเก่ง พอพลาดทีหมอไม่รับเย็บแน่

ถ้าเทียบกับคนที่ระดับ ประถม มัธยม ขอแค่มีงาน ก็ทำหมด ไม่เลือกงาน ไม่โอ้อวด ไม่ตามใคร

เรื่องนี้ถึงทำให้รู้ว่า คนที่จบระดับสูงไม่เสมอไปว่าจะ ได้ทำงานในระดับสูงๆ แค่มีความพยายามกับใจรัก แค่ตำแหน่งระดับหัวหน้าก็ไม่ไกลเกินฝัน

บริษัทส่วนใหญ่สมัยนี้เรื่องการศึกษาเขาไม่ค่อยดูกันหรอก ขอแค่คุณพูด อ่าน ENG ได้ มีความพยายาม สามารถรับงานต่างๆได้ เขาก็รับหมด

cu2egg
4th June 2013, 14:50
อ่านแล้วมีเรื่องจะแชร์ให้ฟังเยะเลย คิดถึงตัวเอง คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา แล้วก็เรื่องที่เป็นอยู่

อ่านไปแล้วก็คิดว่าน้องมีธงของตัวเองแล้วหละ

DkTaP82
4th June 2013, 15:09
จริงๆแล้ววุฒินั้นมีไว้เป็นใบเบิกทาง คือเรียกง่ายๆว่าทุนนั้นแหละ
คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกันหรอก กระบวนการแก้ไขปัญหาแต่ละคนก็ไม่้เหมือนกัน

การเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญ เราไม่ต้องรีบร้อนให้ได้จบ จริงๆแล้วเราต้องหางานทำพอเลี้ยงชีพ
และช่วงเวลานั้นเราก็หมั่นศึกษาเก็บเกี่ยวประสบการณ์หลายๆด้าน เรื่องเงินเรื่องทองจริงอยู่
หากมีเยอะๆ จะให้ครอบครัวสะบาย แต่นี้ไม่หนทางที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่เลยจริงๆ
ลองคิดดู ตักต่วงทุกอย่างทรัพย์สินเงินทองเพื่อให้ชีวิตมั่นคง แต่ถ้าไม่รู้จักพอ
เมื่อนั้นแหละชีวิตจะไม่มีความสุขเลย

การหางานทำเราต้องเลืิอกงานที่ทำแล้วสบายใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกจ้างก็ได้
แต่การเป็นลูกจ้างดีอย่างหนึ่งคือ การอยู่ในจุดเล็กๆหากบุคคลนั้นมีความมานะพยาม
เพื่อพัฒนาตนเองแล้วนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีคือ การได้เห็นความสำคัญของจุดที่สูงขึ้นไป
และความประมาทก็จะไม่มี อย่างน้อยดีกว่าคนที่อยู่ที่สูงๆแล้วแต่ไม่เคยหันมองลงมาเบื้องล่าง

เพราะข้างล่างนั้นคุณต้องให้ความสำคัญด้วยเพราะเขาคือแรงพลักดันที่ทำให้คุณสูงขึ้นไป
ไม่มีเขา ก็ไม่มีเรา นี้คือการเห็นอกเห็นใจ หากใครเป็นเจ้าคนนายคนแล้ว ควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย

จากนั้นเมื่อคนเราใช้ชีวิตเสวยไปกับสิ่งรอบตัว เมื่อเวลาผ่านเลยไปก็ต้องมีเจ็บป่วย แก่เฒ่าและตายเหมือนกันหมด
เพราะฉนั้นควรทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ถือว่าประโยชน์ตนเองให้ผู้อื่นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
การได้รับผลกำไรใช่ว่าจะอยู่ที่เงินทอง แต่มันอยู่ที่ความสบายใจของผู้ทำดีนั้นแหละ มูลค่้า
ที่เอาเงินมาตอบแทนไม่ได้

สรุปก็คือคนที่รู้จักประโยชน์ตน เสียสละ มีความสามารถ มีความขยันหมั่นเพียร มีศีล มีคุณธรรม
เขาจะได้ค่าตอบแทนไม่รู้จบ จะเป็นผู้ที่รักแก่บุคคลรอบข้าง ด้วยความดีเหล่านั้นจะเป็นเสมือนเกราะคุ้มครอง
หัวใจยังเต้นอยู่ทุกขณะก็แสดงว่าชีวิตนี้มีความหมายแน่นอน อย่าให้ชีวิตต้องพังเพราะคนอื่นกำหนด
แต่ให้เจริญขึ้นไปเพราะด้วยความเพียรพยามของตัวเรา เพราะที่พึ่งที่ดีที่สุดคือตัวเรานั้นเอง

sanookun
4th June 2013, 15:14
กยศ ก็มีให้กู้ เรียนไม่ไหวก็ซื่ว เข้าเรียนสาขาคอมแล้ว อย่าคิดว่าง่าย ถ้ามองดีๆคณิตศาสตร์ทั้งนั้น คิดว่าเข้าไปเขาจะสอนประกอบคอมแก้ไขปัญหาอะไรง่ายๆอย่าฝันไปเลย ระดับมหาลัยแล้วมันลงลึกกว่านั้นเยอะ เรียนไม่ได้ก็ออกมาไปเรียนคณะอิ่นที่คิดว่าใช่

แล้วอยากให้มองความเป็นจริง สมัยนี้ต่อให้เก่งยังไง แต่ไม่มีวุฒิการศึกษา เขาก็ไม่รับคุณหรอก ไม่ค่อยมีใครอยากเสี่ยง ยกเว้นคุณจะมีโอกาสทำให้เขาเห็นซึ่งบอกตรงยาก

BoonTew
4th June 2013, 15:26
ลองสู้ดูครับ จะได้รู้กันไปเลยว่านี่คือทางของเราจริงหรือเปล่า

อย่าเสียดายเวลา ให้เสียดายโอกาสดีกว่า

clean1447
4th June 2013, 15:35
กยศ ก็มีให้กู้ เรียนไม่ไหวก็ซื่ว เข้าเรียนสาขาคอมแล้ว อย่าคิดว่าง่าย ถ้ามองดีๆคณิตศาสตร์ทั้งนั้น คิดว่าเข้าไปเขาจะสอนประกอบคอมแก้ไขปัญหาอะไรง่ายๆอย่าฝันไปเลย ระดับมหาลัยแล้วมันลงลึกกว่านั้นเยอะ เรียนไม่ได้ก็ออกมาไปเรียนคณะอิ่นที่คิดว่าใช่

แล้วอยากให้มองความเป็นจริง สมัยนี้ต่อให้เก่งยังไง แต่ไม่มีวุฒิการศึกษา เขาก็ไม่รับคุณหรอก ไม่ค่อยมีใครอยากเสี่ยง ยกเว้นคุณจะมีโอกาสทำให้เขาเห็นซึ่งบอกตรงยาก

กยศ หนูกู้ไม่ได้ พ่อแม่เงินเดือน เกิน 3 แสน ต่อปี หนูไม่อยากลำบากพ่อแม่ ที่จริงหนูก็เรียนไปได้ แต่กลัวว่าจะมาตายกลางทาง หนูกะจะซิว เพื่อไปอยู่โครงการธรรมดา แต่การจะโอนเห็นเขาบอกว่าลำบาก

พอจะมาอยู่ราชภัฏ แต่แม่บอกว่าเครดิตมันไม่ดี หางานยาก หนูตันมากเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าจะไปอยู่คณะไหนดี

matsushiro
4th June 2013, 15:49
มฟล. ไม่พิเศษ ก็ 2 หมื่นครับ ค่าเทอมหมอตั้ง 5หมื่น โธ๊ะ!!!! ค่าการศึกษานี่มันแพงเหมือนกันเนอะ

clean1447
4th June 2013, 16:33
ขอโทษค่ะ พอดีโดนมุขดัก....ของรุ่นพี่ รุ่นพี่บอกว่า น้องเจอแคลทุกปีแน่ๆ หนูเลยเซงมากๆ

พอลองกลับมาดูหลักสูตรใหม่ ปรากฎว่า หนูเจอ แคลแค่ ปี 1 เทอมแรก แค่ครั้งเดียว ส่วน เทอม 2 และ ปี 2 3 4 เป็นคอมล้วนๆ

และวิชาเขียนโปรแกรมหนูโดนแค่ ปี 1 ปี เดียว แล้วพอมาลองคิดอีกที มหาลัยอื่น เขาเรียนเลิกกันตั้ง 5-6 โมง พอมาดูของเรา มากสุดแค่ 4 โมงครึ่ง

พูดง่ายๆ ปี 1 มันคือ สิ่งที่ยากที่สุด พอหลังจากปี 2 เริ่มง่ายขึ้น

หนูกะจะทำโปรเจค ตอนปี 2 นี้แหละ ( ปี 1 คงไม่ไหว เรียนเยอะแน่ๆ ) ปี 4 จะได้สบาย และอาจจะจบแค่ 3 ปี ครึ่ง เหมือนฝันเลย ( พอดีปี 4 หลักๆ คือทำโปรเจค ถ้าใครผ่านเร็วก็สบายเลย )

อาจารย์ บอก ปีแรกเป็นตัววัดว่าเราเหมาะเปล่า และปี 2 ต้องหนักกว่าแน่ กับรุ่นพี่ บอก น้องไม่ต้องห่วงเจอ แคล กับ ฟิ ทุกปี สรุปก็คือ อาจารย์ กับรุ่นพี่ จะดูปฏิกิริยาเราว่า ถ้าเจอการพูดแบบนี้จะมีใจไปต่อไหม


555+ ไม่ได้กินหนูหรอก ม.ปลายหนูก็เรียนสายคอมมานะ รู้นะว่าคณิตคอมเป็นไง คอมหลักเป็นไง