PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : 10 อันดับการตายพิลึกพิลั่น อันมีสาเหตุมาจากอาหาร!



beesboy141
16th June 2013, 18:13
1. นาตาชา แฮร์ริส เสียชีวิตเพราะโค้ก

นาตาชา แฮร์ริส เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันในปี 2010 อย่างไรก็ดี แม้ในสายตาคนนอกจะมองว่าเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพหัวใจ แต่คนชิดใกล้รู้ดีว่าไม่ใช่เช่นนั้น เพราะสาเหตุจริง ๆ น่าจะมาจากการที่เธอเสพติดน้ำดำรสซ่าอย่างโคคาโคล่าเสียมากกว่า นาตาชาติดรสชาติของน้ำดำชนิดนี้งอมแงม เธอดื่มมันวันละ 2 แกลลอน (ประมาณ 7.5 ลิตร) ทุก ๆ วัน ติดต่อกันถึง 2 ปี ก่อนจะเสียชีวิตลงในที่สุด

หากคุณสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคนที่ดื่มโค้กวันละ 7.5 ลิตรทุก ๆ วัน ลองมาดูนี่กัน .. คุณจะได้รับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายวันละ 900 กรัม และคาเฟอีนเพียว ๆ อีก 1 กรัม มันค่อย ๆ ทำให้ตับของเธอสะสมพอกพูนไปด้วยไขมัน และหัวใจเต้นผิดจังหวะ จนนำไปสู่อาการหัวใจวายได้เหมือนเช่นในกรณีของนาตาชานี้เอง


2. อดัม ดีลีย์ เสียชีวิตเพราะสำลักคัพเค้ก

นักศึกษากราฟิกดีไซน์จากเวลส์ อดัม ดีลีย์ เสียชีวิตในปี 2008 จากการสำลักคัพเค้กระหว่างการแข่งขันกินคัพเค้ก พ่อหนุ่มอดัมลงแข่งขันแข่งกินคัพเค้ก เขายัดขนมเค้กก้อนจิ๋วลงไปในปากได้ 5 อัน จนแก้มตุ่ย แต่ดันมีคัพเค้กเจ้ากรรมชิ้นหนึ่งดันหลุดเข้าไปในคอ ทำให้อดัมเกิดอาการสำลักอย่างหนักจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในที่สุด



3. ริคกี้ เกสต์-บินส์ เสียชีวิตเพราะถูกพ่อครัวต่อยหลังบ่นไม่พอใจชีสซี่ฟรายด์

เสียชีวิตเพราะถูกพ่อครัวต่อยฟังดูแล้วยังไง ๆ ก็เป็นเรื่องการทำร้ายร่างกายชัด ๆ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอาหารตรงไหน .. งั้นลองมาฟังเรื่องราวกันชัด ๆ ดีกว่า

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองแบล็กพูล ประเทศอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคม 2012 เมื่อ ริคกี้ ไปยืนต่อแถวซื้ออาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หนึ่งในเมนูที่เขาสั่งคือชีสซี่ฟรายด์ แต่สิ่งที่เขาได้ไม่ทำให้เขาพอใจ เพราะชีสที่ราดมาบนเฟรนช์ฟรายด์ของเขาไม่เยิ้มอย่างที่เขาต้องการ ด้วยสาเหตุนี้เขาเลยมีปากเสียงกับพ่อครัว เถียงกันไปเถียงกันมา พ่อครัวเงื้อหมัดต่อยเพียงโป้งเดียวเท่านั้น ริคกี้ผู้เคราะห์ร้ายก็สลบเหมือด และเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยอาการเลือดออกในสมอง ... ต้องมาตายเพราะชีสซี่ฟรายด์ทีเดียวแท้ ๆ



4. สกอต มาร์ติน เสียชีวิตเพราะกินแต่แป้ง

นับตั้งแต่เกิดมาเด็กชายสกอต มาร์ติน ชาวอังกฤษ ก็โปรดปรานการกินแต่อาหารที่มีแป้งสูงเท่านั้น เช่น ขนมปัง ถั่วอบ ฯลฯ และเขาก็กินแต่อาหารแบบนี้เรื่อยมาจนโต บางทีอาจเป็นเพราะความผิดปกติอะไรบางประการก็ได้จึงทำให้สกอตรู้สึกอยากอาหารที่มีแป้งสูงเป็นพิเศษ แต่การกินแต่อาหารที่มีแป้งสูง ทำให้ไขมันไปสะสมที่ตับ เกิดอาการตับอักเสบ ซ้ำยังทำให้เกิดปัญหาเลือดไม่แข็งตัว และแล้ววันหนึ่งที่เขาไปทำฟันก็ดันเกิดอาการเลือดไหลไม่หยุด จนในที่สุดก็ถึงแก่ชีวิต




5. วินเซนต์ สมิธ เสียชีวิตเพราะตกถังหลอมช็อกโกแลต

วินเซนต์ สมิธ เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เด็ก ๆ ฟังแล้วคงจะเบือนหน้าหนีช็อกโกแลตไปอีกนาน เขาทำงานอยู่ที่โรงงานช็อกโกแลตแคมเดน แต่แล้ววันเกิดเหตุวินเซนต์เกิดพลัดตกลงไปในหม้อหลอมช็อกโกแลต และเสียชีวิตในถังหลอมช็อกโกแลตนั่นเอง



6. หนุ่มอเมริกันวัย 19 ปี เสียชีวิตเพราะกินแป้งแพนเค้ก

แป้งแพนเค้กมิกซ์ชนิดชั่งตวงวัดส่วนผสมมาให้เรียบร้อย แค่เทนมผสมก็พร้อมนำลงทอดในกระทะได้ แต่หนุ่มวัย 19 ปี จากอเมริกันคนหนึ่งกลับชอบกินมันในแบบแปลก ๆ เขาโปรดปรานการกินแป้งแพนเค้กเหลว ๆ โดยไม่ต้องนำลงทอด ซึ่งเขาก็กินแบบนี้มาเนิ่นนานและมันก็ไม่เคยมีผลอะไรกับร่างกาย จึงไม่ค่อยมีใครอยากจะเชื่อว่าการที่จู่ ๆ เขาก็เสียชีวิตลง และผลการชันสูตรศพพบว่าในปอดและกล่องเสียงของเขามีเมือกเหนียว ๆ พอกอยู่เต็มไปหมด ... แล้วเมือกเหล่านี้เกี่ยวข้องกับแป้งแพนเค้กได้อย่างไรกันล่ะ ?

อย่างไรก็ดี ในภายหลังได้พบเอกสารทางการแพทย์ที่ระบุสาเหตุการตายของหนุ่มวัยรุ่นคนนี้ ซึ่งพบว่ามีเมือกอยู่เต็มปอดและกล่องเสียงของเขา เกิดจากอาการแพ้อาหารอะไรบางอย่าง ซึ่งก็คือแป้งแพนเค้กมิกซ์ที่เขามีตุนอยู่เต็มตู้ และส่วนใหญ่เลยวันหมดอายุมาถึง 2 ปีแล้วนั่นเอง


7. โนอาห์ เอเคอร์ เสียชีวิตเพราะสำลักฮอตดอก

โนอาห์ โอเคอร์ เด็กชายวัยเพียง 13 ปีจากแคลิฟอร์เนีย มีอันต้องมาเสียชีวิตเพราะฮอตดอก และเมนูที่เขากินก็ไม่ธรรมดา แต่เป็นฮอตดอกมีวิปครีมขาวฟูฟ่องโปะมาเต็มอัน ส่วนผสมของอาหารคาวหวานที่พิลึกพิลั่นนี้เกิดขึ้นในการแข่งขันเพื่อชิงรางวัลเป็นลูกอมแสนอร่อย แต่ไป ๆ มา ๆ โนอาห์ก็เกิดสำลักฮอตดอกจนขาดอากาศเสียชีวิตไป นับว่าชิงเสียชีวิตไปก่อนที่โรคเบาหวานซึ่งเขาได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจะมาคร่าชีวิตไปเสียอีก



8. ซาวานนาห์ ฮาร์ดิน เสียชีวิตจากการถูกลงโทษให้วิ่งเพราะกินขนมมากไป

ปัญหาโรคอ้วนในเด็กเป็นสิ่งที่น่าวิตกเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทางแก้ที่ดีคือพ่อแม่และทางโรงเรียนต้องปลูกฝังให้เด็กเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพให้มากขึ้น แต่เรื่องนี้อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะปลูกฝังและกว่าเห็นผล คุณย่าและแม่เลี้ยงของเด็กหญิงวัย 9 ปี ซาวานนาห์ ฮาร์ดิน จึงใช้วิธีการลงโทษเสียให้เข็ดเพื่อให้เด็กหลาบจำ

หนูน้อยซาวานนาห์ชื่นชอบในความหอมหวานของขนมจึงสวาปามลูกอมขนมหวานเข้าไปเต็มพิกัด เมื่อแม่เลี้ยงและย่าทราบเข้าจึงลงโทษด้วยการให้เธอวิ่งไปเรื่อย ๆ ห้ามหยุด ... การลงโทษจบลงในอีก 3 ชั่วโมงให้หลัง เมื่อร่างกายของซาวานนาห์อ่อนล้าจนช็อกหมดสติไป และเธอก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย แพทย์วินิจฉัยการเสียชีวิตของซาวานนาห์ว่าเกิดจากการขาดน้ำ และระดับโซเดียมในร่างกายตกลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดอาการช็อก ซึ่งนับเป็นอาการคอขาดบาดตายที่เกิดขึ้นกับนักวิ่งแข่งมาราธอนมาหลายคนแล้ว




9. เจฟฟ์ มันโร ถูกผู้ป่วยโรคจิตร่วมห้องตีตายเพราะแอบกินมันฝรั่งทอด

เจฟฟ์ มันโร ผู้รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ และทำอะไรเป็นลำดับขั้นตอนละเอียดยิบไปหมดจนทนความยุ่งเหยิงในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้ จิตก็วิปลาสไปเสียอย่างนั้น เขาถูกส่งตัวเข้าไปในโรงพยาบาลจิตเภท และก็มีอันต้องจบชีวิตอยู่ที่นั่นนั่นเอง เจฟฟ์ เสียชีวิตในปี 2012 โดยทางโรงพยาบาลไม่ได้ระบุสาเหตุแน่ชัดนัก แต่ข่าวจากวงในเขาบอกมาว่า เจฟฟ์ แอบกินมันฝรั่งทอดของเพื่อนผู้ป่วยร่างยักษ์ที่พักอยู่ห้องเดียวกัน จนทำให้อีกฝ่ายโกรธและทุบตีเขาจนถึงแก่ความตายในที่สุด



10. คดีฆ่าคนตายด้วยจิตวิปลาสเพราะกินขนมหวานมากเกินไป!?

เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 1978 แต่ยังคงเป็นที่กล่าวขานกันต่อมายาวนาน ในชื่อที่ผู้คนเรียกกันว่า "ทวิงกี้ ดีเฟนส์" (Twinkie defense) หรือข้ออ้างทวิงกี้ อยากรู้จริง ๆ ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ถ้าอย่างนั้นมาดูที่มาที่ไปของมันกันเถอะ

นายแดน ไวท์ ถูกจับกุมด้วยข้อหาฆาตกรรมเหยื่อสองราย หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้เห็นเป็นใจว่า แดน ไวท์ ฆ่าคนทั้งคู่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ทนายของนายไวท์ก็พยายามช่วยลูกความอย่างเต็มที่ แก้ต่างให้นายไวท์ในชั้นศาลว่า "เขากินขนมทวิงกี้มากเกินไป จนทำให้เกิดอาการซึมเศร้าและก่อเหตุฆ่าคนตายขึ้น" ช่างฟังดูเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นสิ้นดี ทั้งนี้ ทวิงกี้เป็นขนมหวานเนื้อเค้กสอดไส้ครีมรสชาติหอมหวานและน้ำตาลเพียบ! แต่การมาอ้างว่ากินขนมไม่มีประโยชน์น้ำตาลสูงปรี๊ดแล้วทำให้ซึมเศร้าจนจิตแปรปรวนจนก่อเหตุฆ่าคนตาย ฟังยังไงก็ช่างไร้สติ งานนี้นายแดน ไวท์ จึงต้องโทษนอนซังเตไปตามระเบียบ แต่ก็ยังน่าแปลกใจเพราะนายไวท์ฆ่าคนตายถึง 2 คนกลับติดคุกเพียง 5 ปีเท่านั้นเอง!?




CREDIT:http://www.clipmass.com/story/67217 (http://www.clipmass.com/story/67217)