sudteerukpla
16th July 2013, 23:44
ผ่านสายตาช่างภาพชาวเบลเยี่ยม
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-0.jpg
แอนตัน คุสเตอร์ส ช่างภาพชาวเบลเยี่ยมใช้เวลาร่วม 2 ปี ในการติดตามชีวิตและความเคลื่อนไหวของหนึ่งในแก๊งยากูว่าที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดในญี่ปุ่น พวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องความโหด*****ม, รอยสัก และกฎระเบียบภายในอันเข้มงวด
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-1.jpg
หลังจากเพียรพยายามต่อรองอยู่นานหลายเดือน คุสเตอร์สก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากยากูซ่าแก๊งนี้ จนมีโอกาสบันทึกภาพอันน่าหลงใหลภายในโลกขององค์กรอาชญากรรมใต้ดินแห่งญี่ปุ่น
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-2.jpg
สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นเคยประเมินเอาไว้เมื่อปี ค.ศ.2009 ว่ามีสมาชิกยากูซ่าอยู่ 80,900 ราย ที่ยังคงใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่ในโลกใต้ดิน พวกเขาเหล่านั้นประกอบกิจกรรมซื้อขายยาเสพติด, ขู่กรรโชกผู้คน, เปิดบ่อนการพนันผิดกฎหมาย และก่อสงครามกับอันธพาลกลุ่มอื่น
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-3.jpg
ยากูซ่ามีพันธะผูกพันกับกฎเกณฑ์ข้อบังคับอันเข้มงวดและอำมหิต สมาชิกบางคนถึงกับต้องตัดปลายนิ้วมือของตนเอง เพื่อพิสูจน์ความจริงใจในการสำนึกผิดต่อแก๊งต้นสังกัด
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-4.jpg
ผู้ที่ปรารถนาจะเข้าร่วมแก๊งยากูซ่า จะต้องเข้ารับการอบรมในสถานที่เร้นลับ เพื่อฝึกปรือศาสตร์แห่งการต่อสู้ป้องกันตัว และการทำสมาธิ
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-5.jpg
ยากูซ่าญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อเรื่องรอยสักบนเรือนกาย ซึ่งไม่ค่อยเปิดเผยต่อสาธารณะ พวกเขามักเข้ารับการสักด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อเข็มและหมึกถูกจดจารลงบนร่างกายและเนื้อหนังของมนุษย์
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-6.jpg
ยากูซ่าต่างแก๊งต่างพื้นที่ในญี่ปุ่น ต่างมีรอยสักแบบเฉพาะกลุ่มของตนเอง เช่น กลุ่มยากูซ่าในกรุงโตเกียว ซึ่งจะมีรอยสักเฉพาะบนแขนและแผ่นหลัง
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-7.jpg
ตามประเพณีดั้งเดิมยากูซ่าจะนัดพบปะกันในห้องอาบน้ำรวม ซึ่งพวกเขาสามารถเปิดเผยรอยสักบนเรือนร่างให้คนกันเองมองเห็นได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยยืนยันว่าไม่มีใครพกพาอาวุธเข้ามา
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-8.jpg
ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ชาย แต่หญิงสาวประจำแก๊งก็มีรอยสักบนร่างกายเช่นกัน
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-9.jpg
แอนตัน คุสเตอร์ส ฝังตัวเองอยู่กับยากูซ่าแก๊งนั้น กระทั่งในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะอำลาจากมา มิตรสหายยากูซ่าได้พาช่างภาพชาวเบลเยี่ยมไปเที่ยวไนท์คลับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหญิงสาวมาแสดงท่วงท่าวาบหวิว ด้วยการพยายามคาบแบงค์กาโม่เลียนแบบธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ ออกมาจากบริเวณเป้ากางเกงของยากูซ่ารายหนึ่ง
เพิ่มเติมอีกนิด
ยากูซ่า (ญี่ปุ่น: ヤクザ yakuza ?) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า โกะคุโด (ญี่ปุ่น: 極道 gokudō ?) นั้นเป็นสมาชิกของกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณใน ประเทศญี่ปุ่น ในปัจจุบันนี้ ยากูซ่าเป็นปรากฏการณ์ของกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก สื่อตะวันตกนั้นในบางครั้งจะเรียกกลุ่มยากูซ่านี้ว่า มาเฟียญี่ปุ่น
ประวัติ
คำว่า ยากูซ่า นั้นเดิมทีมาจากการเล่นไพ่ของญี่ปุ่น "โออิโช-คาบุ" (เล่นกับไพ่ดอกไม้ (ฮานะฟุดะ) หรือไพ่ kabufuda) คล้ายคลึงกับไพ่บาคารา ค่าของไพ่จะถูกบวกเข้าด้วยกัน และตัวเลขสุดท้ายของผลรวมจะถูกนับเป็นคะแนน ไพ่ที่ถือในมือที่แย่ที่สุดในเกมคือ ชุดของเลข แปด, เก้า และ สาม ซึ่งจะให้ค่ารวมกันเท่ากับ 20 และคะแนนก็จะได้เท่ากับศูนย์นั่นเอง (ตัวเลขสุดท้ายของ 20 คือ 0 ) รูปแบบการนับดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น เรียกตัวเลขเหล่านี้ว่า ยา กู และซ่า ตามลำดับ (8, 9 และ 3) ด้วยเหตุนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของคำว่า "ยากูซ่า" ส่วนในการนับตัวเลขของญี่ปุ่นสมัยใหม่นั้น 8, 9 และ 3 จะอ่านออกเสียงว่า "ฮาจิ คุ ซัน" ซึ่งเป็นชื่อที่ในบางครั้งยากูซ่า ก็ถูกเรียกในปัจจุบันนี้
พวกยากูซ่าเลือกใช้ชื่อนี้เพราะว่า คนที่ถือไพ่ ยา - กู - ซ่า (8, 9 และ 3) ในมือนั้นต้องการทักษะมากที่สุด และเป็นผู้ที่มีโชคน้อยที่สุดเพื่อที่จะชนะ ดังนั้นผู้ที่ชำนาญเท่านั้นที่จะสามารถแก้เกมเพื่อให้ชนะได้ ชื่อยากูซ่านี้ยังได้ถูกใช้เพื่อแสดงถึงความโชคร้ายที่อาจจะได้รับหากทำการต่อต้านกลุ่มด้วย
ยากูซ่า มีรากมาจากวิวัฒนาการทางสังคมตั้งแต่สมัยเอโดะ (พ.ศ. 2146 - พ.ศ. 2410) ยุครุ่งเรืองของโชกุน ซึ่งในเวลาเดียวกัน การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมในสมัยนั้นได้กลายมาเป็นความรับผิดชอบของสมาชิกในสังคมมากกว่าที่จะเป็นของพวกไดเมียว (ขุนนาง) นี่เป็นลักษณะเด่นเฉพาะของเมืองต่าง ๆ ที่อยู่นอกเมืองหลวง ดังที่รัฐบาลในสมัยเอโดะได้อนุญาตให้มีปราสาทสำคัญเพียงปราสาทเดียวในแต่ละจังหวัด แม้ว่าพวกยากูซ่าจะยืนยันว่าต้นกำเนิดของพวกเขาเป็น โรบินฮูดญี่ปุ่น และเป็นผู้ให้ความคุ้มครอง แต่นักวิชาการบางคนค้นพบว่าต้นกำเนิดของพวกเขาเริ่มต้นที่ kabukimono (พวกขี้เมา) หรือยังเป็นที่รู้จักว่าเป็น hatamoto yakko (คนรับใช้ของโชกุน) กลุ่มคนเหล่านี้เป็นโรนิน (ronin) เป็นพวกซามูไรที่ไร้เจ้านาย มักจะทำทรงผมและแต่งตัวแปลกตา มีกิริยาที่รุนแรง พูดสำเนียงภาษาเถื่อนหยาบ และมีคำแสลงเฉพาะ มักจะถือดาบยาว อ้างตัวเป็นผู้รับใช้โชกุน เรียกร้องค่าคุ้มครองจากชาวบ้าน ประกาศตัวเป็นผู้พิทักษ์ รักษาระเบียบ และป้องกันชุมชนจากผู้คุกคามภายนอก เชื่อว่าตนเป็นประหนึ่งวีรบุรุษที่ยืนหยัดอยู่ข้างผู้ยากไร้และคนที่ไม่มีทางสู้ เช่นเดียวกับวีรบุรุษ พวกเขามักจะทำการต่อสู้กับพวกโจรผู้ร้าย และกลุ่มต่าง ๆ เพื่อปกป้องชุมชนของพวกเขา ในเมืองที่ใหญ่กว่า กลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ก็มักจะเกิดมีขึ้นในเวลาพร้อม ๆ กัน และพวกเข้ามักจะต่อสู้กันเพื่อดินแดน อำนาจ และเงินตรา
ยากูซ่า มีพัฒนาการที่กลายเป็นต้นแบบพฤติกรรมปัจจุบันจาก
กลุ่มพ่อค้าเร่ ซึ่งเป็นชนชั้นต่ำสุดในระบบวรรณะสมัยเอโดะ ตั้งกลุ่มขึ้นจัดสรรผลประโยชน์ให้สมาชิก จัดแบ่งพื้นที่ค้าขายในงานเทศกาลต่างๆ ทั้งงานวัด งานศาลเจ้า อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย โดยสมาชิกจ่ายค่าเช่าและค่าคุ้มครอง
กลุ่มนักพนัน เพราะการลักลอบที่มักใช้บริเวณวัดและศาลเจ้าร้างชานเมืองเป็นสถานประกอบการ ต้องวางกำลังคุ้มกันบ่อนซึ่งเงินทองสะพัด
สำหรับการสักร่างกาย หรือ Irezumi ก็สักไว้เปลือยโชว์ขณะเล่นพนัน เป็นสัญลักษณ์ประกาศศักดา รวมถึงการบั่นปลายนิ้วก้อยมือซ้าย แทนความสำนึกผิดอย่างสูง นิ้วก้อยซ้ายสำคัญมากในการจับถือถ้วยลูกเต๋าเล่นพนัน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยากูซ่ารับอิทธิพลวัฒนธรรมอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่มอันธพาล "อัล คาโปน" ตั้งแต่การแต่งกาย ยานพาหนะที่เป็นรถยนต์สีดำคันใหญ่ บางส่วนเข้าเป็นกลไกใต้ดินให้ซีไอเอ และกลุ่มการเมืองอนุรักษนิยม ต่อต้านคอมมิวนิสต์ และกำจัดปฏิปักษ์ทางการเมือง ครอบคลุมทั้งฟอกเงิน ปั่นหุ้น ปล่อยเงินกู้ ค้ามนุษย์ ยาเสพติด รีดไถ และฮั้วประมูล อิทธิพลมิได้จำกัดอยู่เฉพาะในญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว
รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกพวกเขาด้วยศัพท์ทางกฎหมาย Boryo-kudan หรือ violence groups แต่สำหรับองค์กรอาชญากรรมที่มีรากฐานมายาวนาน คำดังกล่าวเป็นการหลู่เกียรติหยามศักดิ์ศรีรุนแรง เพราะความหมายของ Boryo-kudan ผลักยากูซ่าลงเป็นเพียงมิจฉาชีพที่อาศัยความรุนแรงก่อเหตุธรรมดา ๆ
การลงโทษ
การลงโทษของยากูซ่ามีทั้งหมด 7 ขั้นไล่จากหนักไปหาเบา ได้แก่
1. เซทสึเอน-ตัดขาดออกจากกลุ่ม
2. อะมน-ไล่ออกจากกลุ่ม
3. โชะบาโร-การจ่ายค่าปรับ
4. ยุบิทสึเนะ-ตัดนิ้ว
5. โคคะคุ-ลดตำแหน่ง
6. คินชิน-กักบริเวณ
7. คันปะทสึ-ตัดผม
กลุ่มขนาดใหญ่
ปัจจุบัน ทางการญี่ปุ่นได้ขึ้นบัญชีดำยากูซ่าได้ทั้งหมด 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ในประเทศ ได้แก่
1. ยามะงุจิงุมิ มีสมาชิก 60,000 คน
2. ซุมิโยชิ-ไค มีสมาชิก 6,000 คน
3. อินะงะงะวะ-ไค มีสมาชิก 4,000 คน
นอกจากนี้แล้ว จะเป็นกลุ่มย่อย ๆ มีสมาชิกในจำนวนหลักร้อย
หมดแค่นี่ล่ะครับ สำหรับวันนี้ เผอิญ อ่านไปอ่านมา เจอ อันนี้น่าสนใจเลยอยากให้เพื่อนๆ ชาว JOKERGAMETH ได้อ่านกันครับ หวังว่า เพื่อนคงจะมีความสุขไม่มากก็น้อยครับ
CREDIT BY : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314893914&grpid=03&catid=03
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-0.jpg
แอนตัน คุสเตอร์ส ช่างภาพชาวเบลเยี่ยมใช้เวลาร่วม 2 ปี ในการติดตามชีวิตและความเคลื่อนไหวของหนึ่งในแก๊งยากูว่าที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดในญี่ปุ่น พวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องความโหด*****ม, รอยสัก และกฎระเบียบภายในอันเข้มงวด
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-1.jpg
หลังจากเพียรพยายามต่อรองอยู่นานหลายเดือน คุสเตอร์สก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากยากูซ่าแก๊งนี้ จนมีโอกาสบันทึกภาพอันน่าหลงใหลภายในโลกขององค์กรอาชญากรรมใต้ดินแห่งญี่ปุ่น
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-2.jpg
สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นเคยประเมินเอาไว้เมื่อปี ค.ศ.2009 ว่ามีสมาชิกยากูซ่าอยู่ 80,900 ราย ที่ยังคงใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่ในโลกใต้ดิน พวกเขาเหล่านั้นประกอบกิจกรรมซื้อขายยาเสพติด, ขู่กรรโชกผู้คน, เปิดบ่อนการพนันผิดกฎหมาย และก่อสงครามกับอันธพาลกลุ่มอื่น
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-3.jpg
ยากูซ่ามีพันธะผูกพันกับกฎเกณฑ์ข้อบังคับอันเข้มงวดและอำมหิต สมาชิกบางคนถึงกับต้องตัดปลายนิ้วมือของตนเอง เพื่อพิสูจน์ความจริงใจในการสำนึกผิดต่อแก๊งต้นสังกัด
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-4.jpg
ผู้ที่ปรารถนาจะเข้าร่วมแก๊งยากูซ่า จะต้องเข้ารับการอบรมในสถานที่เร้นลับ เพื่อฝึกปรือศาสตร์แห่งการต่อสู้ป้องกันตัว และการทำสมาธิ
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-5.jpg
ยากูซ่าญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อเรื่องรอยสักบนเรือนกาย ซึ่งไม่ค่อยเปิดเผยต่อสาธารณะ พวกเขามักเข้ารับการสักด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อเข็มและหมึกถูกจดจารลงบนร่างกายและเนื้อหนังของมนุษย์
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-6.jpg
ยากูซ่าต่างแก๊งต่างพื้นที่ในญี่ปุ่น ต่างมีรอยสักแบบเฉพาะกลุ่มของตนเอง เช่น กลุ่มยากูซ่าในกรุงโตเกียว ซึ่งจะมีรอยสักเฉพาะบนแขนและแผ่นหลัง
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-7.jpg
ตามประเพณีดั้งเดิมยากูซ่าจะนัดพบปะกันในห้องอาบน้ำรวม ซึ่งพวกเขาสามารถเปิดเผยรอยสักบนเรือนร่างให้คนกันเองมองเห็นได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยยืนยันว่าไม่มีใครพกพาอาวุธเข้ามา
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-8.jpg
ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ชาย แต่หญิงสาวประจำแก๊งก็มีรอยสักบนร่างกายเช่นกัน
http://board.postjung.com/data/691/691878-topic-ix-9.jpg
แอนตัน คุสเตอร์ส ฝังตัวเองอยู่กับยากูซ่าแก๊งนั้น กระทั่งในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะอำลาจากมา มิตรสหายยากูซ่าได้พาช่างภาพชาวเบลเยี่ยมไปเที่ยวไนท์คลับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหญิงสาวมาแสดงท่วงท่าวาบหวิว ด้วยการพยายามคาบแบงค์กาโม่เลียนแบบธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ ออกมาจากบริเวณเป้ากางเกงของยากูซ่ารายหนึ่ง
เพิ่มเติมอีกนิด
ยากูซ่า (ญี่ปุ่น: ヤクザ yakuza ?) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า โกะคุโด (ญี่ปุ่น: 極道 gokudō ?) นั้นเป็นสมาชิกของกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณใน ประเทศญี่ปุ่น ในปัจจุบันนี้ ยากูซ่าเป็นปรากฏการณ์ของกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก สื่อตะวันตกนั้นในบางครั้งจะเรียกกลุ่มยากูซ่านี้ว่า มาเฟียญี่ปุ่น
ประวัติ
คำว่า ยากูซ่า นั้นเดิมทีมาจากการเล่นไพ่ของญี่ปุ่น "โออิโช-คาบุ" (เล่นกับไพ่ดอกไม้ (ฮานะฟุดะ) หรือไพ่ kabufuda) คล้ายคลึงกับไพ่บาคารา ค่าของไพ่จะถูกบวกเข้าด้วยกัน และตัวเลขสุดท้ายของผลรวมจะถูกนับเป็นคะแนน ไพ่ที่ถือในมือที่แย่ที่สุดในเกมคือ ชุดของเลข แปด, เก้า และ สาม ซึ่งจะให้ค่ารวมกันเท่ากับ 20 และคะแนนก็จะได้เท่ากับศูนย์นั่นเอง (ตัวเลขสุดท้ายของ 20 คือ 0 ) รูปแบบการนับดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น เรียกตัวเลขเหล่านี้ว่า ยา กู และซ่า ตามลำดับ (8, 9 และ 3) ด้วยเหตุนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของคำว่า "ยากูซ่า" ส่วนในการนับตัวเลขของญี่ปุ่นสมัยใหม่นั้น 8, 9 และ 3 จะอ่านออกเสียงว่า "ฮาจิ คุ ซัน" ซึ่งเป็นชื่อที่ในบางครั้งยากูซ่า ก็ถูกเรียกในปัจจุบันนี้
พวกยากูซ่าเลือกใช้ชื่อนี้เพราะว่า คนที่ถือไพ่ ยา - กู - ซ่า (8, 9 และ 3) ในมือนั้นต้องการทักษะมากที่สุด และเป็นผู้ที่มีโชคน้อยที่สุดเพื่อที่จะชนะ ดังนั้นผู้ที่ชำนาญเท่านั้นที่จะสามารถแก้เกมเพื่อให้ชนะได้ ชื่อยากูซ่านี้ยังได้ถูกใช้เพื่อแสดงถึงความโชคร้ายที่อาจจะได้รับหากทำการต่อต้านกลุ่มด้วย
ยากูซ่า มีรากมาจากวิวัฒนาการทางสังคมตั้งแต่สมัยเอโดะ (พ.ศ. 2146 - พ.ศ. 2410) ยุครุ่งเรืองของโชกุน ซึ่งในเวลาเดียวกัน การรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมในสมัยนั้นได้กลายมาเป็นความรับผิดชอบของสมาชิกในสังคมมากกว่าที่จะเป็นของพวกไดเมียว (ขุนนาง) นี่เป็นลักษณะเด่นเฉพาะของเมืองต่าง ๆ ที่อยู่นอกเมืองหลวง ดังที่รัฐบาลในสมัยเอโดะได้อนุญาตให้มีปราสาทสำคัญเพียงปราสาทเดียวในแต่ละจังหวัด แม้ว่าพวกยากูซ่าจะยืนยันว่าต้นกำเนิดของพวกเขาเป็น โรบินฮูดญี่ปุ่น และเป็นผู้ให้ความคุ้มครอง แต่นักวิชาการบางคนค้นพบว่าต้นกำเนิดของพวกเขาเริ่มต้นที่ kabukimono (พวกขี้เมา) หรือยังเป็นที่รู้จักว่าเป็น hatamoto yakko (คนรับใช้ของโชกุน) กลุ่มคนเหล่านี้เป็นโรนิน (ronin) เป็นพวกซามูไรที่ไร้เจ้านาย มักจะทำทรงผมและแต่งตัวแปลกตา มีกิริยาที่รุนแรง พูดสำเนียงภาษาเถื่อนหยาบ และมีคำแสลงเฉพาะ มักจะถือดาบยาว อ้างตัวเป็นผู้รับใช้โชกุน เรียกร้องค่าคุ้มครองจากชาวบ้าน ประกาศตัวเป็นผู้พิทักษ์ รักษาระเบียบ และป้องกันชุมชนจากผู้คุกคามภายนอก เชื่อว่าตนเป็นประหนึ่งวีรบุรุษที่ยืนหยัดอยู่ข้างผู้ยากไร้และคนที่ไม่มีทางสู้ เช่นเดียวกับวีรบุรุษ พวกเขามักจะทำการต่อสู้กับพวกโจรผู้ร้าย และกลุ่มต่าง ๆ เพื่อปกป้องชุมชนของพวกเขา ในเมืองที่ใหญ่กว่า กลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ก็มักจะเกิดมีขึ้นในเวลาพร้อม ๆ กัน และพวกเข้ามักจะต่อสู้กันเพื่อดินแดน อำนาจ และเงินตรา
ยากูซ่า มีพัฒนาการที่กลายเป็นต้นแบบพฤติกรรมปัจจุบันจาก
กลุ่มพ่อค้าเร่ ซึ่งเป็นชนชั้นต่ำสุดในระบบวรรณะสมัยเอโดะ ตั้งกลุ่มขึ้นจัดสรรผลประโยชน์ให้สมาชิก จัดแบ่งพื้นที่ค้าขายในงานเทศกาลต่างๆ ทั้งงานวัด งานศาลเจ้า อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย โดยสมาชิกจ่ายค่าเช่าและค่าคุ้มครอง
กลุ่มนักพนัน เพราะการลักลอบที่มักใช้บริเวณวัดและศาลเจ้าร้างชานเมืองเป็นสถานประกอบการ ต้องวางกำลังคุ้มกันบ่อนซึ่งเงินทองสะพัด
สำหรับการสักร่างกาย หรือ Irezumi ก็สักไว้เปลือยโชว์ขณะเล่นพนัน เป็นสัญลักษณ์ประกาศศักดา รวมถึงการบั่นปลายนิ้วก้อยมือซ้าย แทนความสำนึกผิดอย่างสูง นิ้วก้อยซ้ายสำคัญมากในการจับถือถ้วยลูกเต๋าเล่นพนัน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยากูซ่ารับอิทธิพลวัฒนธรรมอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่มอันธพาล "อัล คาโปน" ตั้งแต่การแต่งกาย ยานพาหนะที่เป็นรถยนต์สีดำคันใหญ่ บางส่วนเข้าเป็นกลไกใต้ดินให้ซีไอเอ และกลุ่มการเมืองอนุรักษนิยม ต่อต้านคอมมิวนิสต์ และกำจัดปฏิปักษ์ทางการเมือง ครอบคลุมทั้งฟอกเงิน ปั่นหุ้น ปล่อยเงินกู้ ค้ามนุษย์ ยาเสพติด รีดไถ และฮั้วประมูล อิทธิพลมิได้จำกัดอยู่เฉพาะในญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว
รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกพวกเขาด้วยศัพท์ทางกฎหมาย Boryo-kudan หรือ violence groups แต่สำหรับองค์กรอาชญากรรมที่มีรากฐานมายาวนาน คำดังกล่าวเป็นการหลู่เกียรติหยามศักดิ์ศรีรุนแรง เพราะความหมายของ Boryo-kudan ผลักยากูซ่าลงเป็นเพียงมิจฉาชีพที่อาศัยความรุนแรงก่อเหตุธรรมดา ๆ
การลงโทษ
การลงโทษของยากูซ่ามีทั้งหมด 7 ขั้นไล่จากหนักไปหาเบา ได้แก่
1. เซทสึเอน-ตัดขาดออกจากกลุ่ม
2. อะมน-ไล่ออกจากกลุ่ม
3. โชะบาโร-การจ่ายค่าปรับ
4. ยุบิทสึเนะ-ตัดนิ้ว
5. โคคะคุ-ลดตำแหน่ง
6. คินชิน-กักบริเวณ
7. คันปะทสึ-ตัดผม
กลุ่มขนาดใหญ่
ปัจจุบัน ทางการญี่ปุ่นได้ขึ้นบัญชีดำยากูซ่าได้ทั้งหมด 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ในประเทศ ได้แก่
1. ยามะงุจิงุมิ มีสมาชิก 60,000 คน
2. ซุมิโยชิ-ไค มีสมาชิก 6,000 คน
3. อินะงะงะวะ-ไค มีสมาชิก 4,000 คน
นอกจากนี้แล้ว จะเป็นกลุ่มย่อย ๆ มีสมาชิกในจำนวนหลักร้อย
หมดแค่นี่ล่ะครับ สำหรับวันนี้ เผอิญ อ่านไปอ่านมา เจอ อันนี้น่าสนใจเลยอยากให้เพื่อนๆ ชาว JOKERGAMETH ได้อ่านกันครับ หวังว่า เพื่อนคงจะมีความสุขไม่มากก็น้อยครับ
CREDIT BY : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314893914&grpid=03&catid=03