PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ทหารไทยในสงครามเวียดนาม



wanjaiteeruk
17th July 2013, 14:43
http://www.rta-band.com/military/2512/2512-04.jpg

เหรียญชัยสมรภูมิ (การรบที่เวียตนาม)

เหรียญชัยสมรภูมิ เป็นโลหะกลม ด้านหน้ามีพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกำลังทำยุทธหัตถีกับราชศัตรู มีอักษรย่อที่ริมขอบว่า "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กู้ชาติ" ด้านหลังเป็นรูปจักร กลางจักรมีอักษรว่า "เรารบเพื่อเ...กียรติศักดิ์ไทย" ซึ่งเหรียญชัยสมรภูมิการรบ ณ สาธารณรัฐเวียตนาม จะมีแพรแถบสีเหลือง มีริ้มสีแดงที่ขอบ และถัดจากริ้วสีแดงเข้าไปเป็นริ้วสีขาวทั้งสองข้าง ข้างบนมีเข็มโลหะรูปคทาจอมพลจารึกอักษรว่า "ชัยสมรภูิมิ"

ทหารไทยในสงครามเวียตนาม พ.ศ. 2506 - พ.ศ. 2516

หลังจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. 2506 จอมพล ถนอม กิตติขจร รองนายกรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่งแทน ไทยผูกพันตนเองกับอเมริกา และสงครามเวียดนามมากยิ่งขึ้น ในต้นปี พ.ศ. 2507 หลังจากที่จอมพลถนอม กิตติขจร ขึ้นมาบริหารประเทศได้เพียงไม่กี่เดือน แผนยุทธศาสตร์ของอเมริกาที่จะบุกโจมตีเวียดนามเหนืออย่างรุนแรง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานทัพปฏิบัติการของอเมริกา เช่น ตาคลี อุดรธานี นครพนม อุบลราชธานี นครราชสีมา อู่ตะเภา น้ำพอง ดอนเมือง สัตหีบ กาญจนบุรี สกลนคร และพิษณุโลก ขณะที่อเมริกาทำสงครามในเวียดนามอย่างเต็มทีนั้น มีทหารอเมริกันประจำอยู่ในเมืองไทยถึง 49,000 คน และมีเครื่องบินประมาณ 600 ลำ

http://www.pubangkapi.com/index.php?PHPSESSID=c4dff683f79b9eab15757d49a81a738e&action=dlattach;topic=575.0;attach=2845;image


ลำดับเหตุการณ์

ปี พ.ศ. 2507
ประธานาธิบดี ตรันวันมินห์ แห่งเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย โดยขอให้ฝึกหัดนักบินของกองทัพอากาศเวียดนามใต้ ที่ส่งเข้ามาฝึกในประเทศไทย

ไทยเข้ารบในสงครามเวียดนาม โดยส่งทหารอากาศเข้าไปในเวียดนามใต้ และส่งทหารเรือในปีต่อมา ในที่สุดส่งทหารบกหน่วยจงอางศึก และหน่วยกองพลเสือดำ นอกจากนี้ยังมีทหารอาสาสมัครประเภทรับจ้างชั่วคราว คือ ทหารเสือพราน เข้าไปปฏิบัติการในลาวร่วมกับกองทัพลาวเผ่าแม้ว

http://board.postjung.com/data/616/616196-topic-ix-5.jpg

ปี พ.ศ. 2509
รัฐบาลเวียดนามใต้ได้ขอความช่วยเหลือทางทหารจากไทยเพิ่มเติม โดยขอให้จัดส่งเรือไปช่วยปฏิบัติการลำเลียง และเฝ้าตรวจบริเวณชายฝั่ง ป้องกันการแทรกซึมทางทะเลให้แก่ เวียดนามใต้ และในปีเดียวกัน ก็ได้ขอกำลังจากกองทัพบกไทย เพื่อช่วยยับยั้งการคุกคามของเวียดนามเหนือ

รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือเวียตนามใต้ โดยกองทัพอากาศทำการฝึกนักบินไอพ่นให้กับทหารอากาศเวียดนามใต้ ซึ่งเข้ามารับการฝึกในประเทศไทย ตั้งแต่กันยายน 2507 - กุมภาพันธ์ 2508 รวม 7 รุ่น ๆ ละ 4 คน รวม 28 คน

ให้กองทัพอากาศส่งหน่วยบิน ประกอบด้วยนักบินเครื่องบินลำเลียง 10 คน ช่างอากาศ 6 คน ไปสนับสนุนกองทัพอากาศ เวียดนามใต้ ทำการบินลำเลียงด้วยเครื่องบินลำเลียงแบบ C - 47 เมื่อกันยายน 2507 เรียกนามรหัสหน่วยนี้ว่า หน่วยบินวิคตอรี (Victory Wing Unit)

จัดตั้งกองบังคับการหน่วยช่วยเหลือทางทหารในสาธารณรัฐเวียดนามขึ้นในกรุงไซ่ง่อน เมื่อพฤศจิกายน 2508 เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานของหน่วยบินวิคตอรี ร่วมกับฝูงบินลำเลียงที่ 415 เวียดนามใต้

ไทยส่งเรือหลวงพงัน ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ และเรือ ต. 12 ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งไปร่วมปฏิบัติการใน เวียดนามใต้ โดยขึ้นสมทบกับหน่วยบริการทางทะเล ทางทหารสหรัฐฯ ประจำกรุงไซ่ง่อน และกองเรือเฉพาะกิจที่ 115 ตามลำดับ เรียกนามรหัสว่า ซีฮอร์ส (Sea Horse Task Element)

http://www.pubangkapi.com/index.php?PHPSESSID=c4dff683f79b9eab15757d49a81a738e&action=dlattach;topic=575.0;attach=2846;image

ปี พ.ศ. 2510
ไทยจัดกำลังรบภาคพื้นดินในอัตรากรมทหารอาสาสมัคร ไปปฏิบัติการใน เวียดนามใต้ ภายหลังได้รับนามรหัสว่า จงอางศึก (Queen's Cobra Unit) นับเป็นกองกำลังหน่วยแรกของกองทัพบกที่ปฏิบัติการรบในสงครามเวียดนาม

ต่อมาเมื่อพฤษภาคม 2510 ก็ได้เพิ่มกำลังจากขนาดกรมเป็นกองพลในชื่อเดิม คือ กองพลทหารอาสาสมัคร จากนั้นก็ได้ปรับปรุงกองบังคับการหน่วยช่วยเหลือทางทหาร ในสาธารณรัฐเวียดนาม เป็นกองบัญชาการกองกำลังทหารไทย ในสาธารณรัฐ เวียดนาม คำย่อว่า บก.กกล. ไทย/วน. เป็นหน่วยขึ้นตรงกองบัญชาการทหารสูงสุด

บก.กกล.ทหารไทยในสงครามเวียตนามผลัดที่ 1
จัดตั้งขึ้นเมื่อ 28 มิถุนายน 2510 โดยมี พลตรี ยศ เทพหัสดินทร์ ณ อยุธยา เป็นผู้บัญชาการ มีที่ตั้งชั่วคราวอยู่ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า เชิงสะพานเกษะโกมล ถนนอำนวยสงคราม กรุงเทพ ฯ กำลังพลในกองบัญชาการกองกำลังทหารไทย ฯ ผลัดที่ 1 ออกเดินทางตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม 2510 จึงเข้าที่ตั้งเสร็จ ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจได้ครบถ้วน สมบูรณ์ตามที่ได้รับมอบหมายทุกประการ ตามสายการบังคับบัญชาของชาติซึ่งประกอบไปด้วย กองบัญชาการกองกำลังทหารไทย กรมทหารอาสาสมัคร หน่วยเรือซีฮอร์ส และหน่วยบินวิคตอรี

พ.ศ. 2511
เมื่อครบกำหนด 1 ปี และเมื่อกองบัญชาการกองกำลังทหารไทย ฯ ผลัดที่ 2 เดินทางไปรับหน้าที่ เมื่อ 25 กรกฎาคม 2511 แล้ว ก็เดินทางกลับประเทศไทยเป็นส่วน ๆ โดยเครื่องบินลำเลียงของสหรัฐฯ ดำเนินกรรมวิธีส่งกำลังพลคืนต้นสังกัด จนแล้วเสร็จเมื่อ 15 กันยายน 2511

บก.กกล.ทหารไทยในสงครามเวียตนามผลัดที่ 2-5
ผลัดที่๒ พลโท ฉลาด หิรัญศิริ เป็นผู้บัญชาการ แบ่งการเดินทางโดยเครื่องบินลำเลียงของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เสร็จสิ้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2511 นอกจากปฏิบัติการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายแล้ว ยังได้ทำการช่วยเหลือประชาชน โดยจัดชุดแพทย์ ทันตแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผลัดกันออกไปปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเวียดนามใต้ ณ สถานพยาบาลตูดึ๊ก จังหวัดยาดินห์ เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนอีกด้วย เมื่อปฏิบัติหน้าที่ครบ 1 ปี และผลัดที่ 3 มารับหน้าที่แล้ว จึงเดินทางกลับโดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือส่วนที่ 1 จำนวน 89 คน ส่วนที่ 2 จำนวน 60 คน ส่วนที่ 3 จำนวน 60 คน ส่วนที่ 4 จำนวน 18 คน เดินทางโดยเครื่องบินกลับถึงประเทศไทยเสร็จสิ้นเมื่อ 31 กรกฎาคม 2512

http://board.postjung.com/data/616/616196-topic-ix-14.jpg


ปี พ.ศ. 2513
ผลัดที่ 3 พลโท เชวง ยังเจริญ เป็นผู้บัญชาการ การเดินทางไปแบ่งออกเป็น 4 ส่วน เดินทางโดยเครื่องบินเสร็จสิ้นเมื่อ 28 กรกฎาคม 2513 การปฏิบัติการตามภารกิจที่ได้รับมอบคงเป็นเช่นเดียวกับผลัดที่ 2 เมื่อปฏิบัติการครบกำหนด 1 ปี และผลัดที่ 4 ไปรับหน้าที่แล้วจึงเดินทางกลับ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เดินทางโดยเครื่องบิน เสร็จสิ้นเมื่อ 21 กรกฎาคม 2513


ผลัดที่ 4 พลโท เสริม ณ นคร เป็นผู้บัญชาการ การเดินทางไปแบ่งเป็น 4 ส่วน เดินทางโดยเครื่องบิน เสร็จสิ้นเมื่อ 28 กรกฎาคม 2513 การปฏิบัติการตามภารกิจที่ได้รับมอบคงเป็นเช่นเดียวกับผลัดที่ ๓ เมื่อปฏิบัติการครบ 1 ปี และผลัดที่ 5 มารับหน้าที่แล้วจึงเดินทางกลับ โดยแบ่งเป็น 4 ส่วน เดินทางโดยเครื่องบินเสร็จสิ้นเมื่อ 31 กรกฎาคม 2514


http://www.pubangkapi.com/index.php?PHPSESSID=c4dff683f79b9eab15757d49a81a738e&action=dlattach;topic=575.0;attach=2847;image

ปี พ.ศ. 2514
ผลัดที่ 5 พลตรี ทวิช บุญญาวัฒน์ เป็นผู้บัญชาการ การเดินทางไปแบ่งออกเป็น 2 ส่วน เดินทางโดยเครื่องบินเสร็จสิ้นเมื่อ 28 กรกฎาคม 2514 ในปลายปี พ.ศ.2513 รัฐบาลไทยเริ่มคิดจะถอนกำลังทหารไทยในเวียดนามใต้กลับประเทศไทย ได้มีการปรึกษาหารือกับกองบัญชาการทหารสูงสุดเวียดนามใต้และรัฐบาลเวียดนามใต้ จนได้ข้อยุติในการถอนกำลังกลับ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกเริ่มถอนในเดือนกรกฎาคม 2514 ส่วนที่เหลือในเดือนกันยายน 2515 สำหรับหน่วยเรือซีฮอร์ส เรือ ต.12 จะกลับในเดือนพฤษภาคม 2514 เรือหลวงพงันจะกลับในเดือนเมษายน 2515 ส่วนหน่วยบินวิคตอรี จะถอนกำลังกลับหมดในเดือนธันวาคม 2514 กองบัญชาการทหารไทยฯ ผลัดที่ 5 จะไปปฏิบัติการเพื่อควบคุมการถอนกำลังทหารไทยกลับ อยู่จนถึงเดือนเมษายน 2515

หลังจากนั้นรัฐบาลไทยจะส่งหน่วยขนาดเล็กที่จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือกับฝ่ายโลกเสรี ประจำในเวียดนามใต้ต่อไป การถอนกำลังกลับประเทศไทย ส่วนใหญ่เดินทางโดยเครื่องบินลำเลียงแบบ C -130 ของสหรัฐฯ ส่วนสิ่งของส่งไปกับเรือหลวงพงัน โดยแบ่งการเดินทางเป็น 3 ส่วน เสร็จสิ้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 2515

เมื่อกองบัญชาการกองกำลังทหารไทย ฯ และกองกำลังทหารไทยทั้งหมด ต้องถอนกำลังกลับประเทศไทยในกลางเดือนพฤษภาคม 2515 กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า จึงได้ตั้งสำนักงานผู้แทนทหารไทยในสาธารณรัฐเวียดนาม (สน.ผทท.ไทย วน.) ขึ้น มีกำลังพล 38 คน มีพันเอก ชูวิทย์ ช.สรพงษ์ เป็นหัวหน้าสำนักงาน เดินทางไปปฏิบัติงานเมื่อ 1พฤษภาคม 2515 และรับมอบหน้าที่ในการติดต่อประสานงานกับกองกำลังฝ่ายโลกเสรี ที่ยังคงอยู่ในเวียดนามใต้

เมื่อปฏิบัติได้เกือบครบ 1 ปี สถานการณ์ในเวียดนามใต้ เข้าสู่สภาพคับขันยิ่งขึ้น กองบัญชาการทหารสูงสุด จึงได้มีคำสั่งให้ปิดสำนักงานนี้ แล้วส่งมอบงานการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ให้กับสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารไทย ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไซ่ง่อน และให้กำลังพลเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ 2 มีนาคม 2516 เป็นการยุติการปฏิบัติการรบของทหารไทยในเวียดนามใต้ตั้งแต่นั้นมา


เครดิตร http://www.oknation.net




แถม



วิญญาณทหารไทยในเวียดนาม


http://fix.gs/uploadpic/2012/08/25/15/tarin-2012-08-25-1345883229-179959814380035689.gif


พอดีผมเปิดกูเกิ้ลหาการต่อสู้ในสงครามครั้งหลังๆของทหารไทย ก็ไปเจอ อันนี้อยู่ในเวปพลังจิต ยังงัยก็ใช้วิจารณญาณกันเองนะครับ

"..ผู้กองครับ..พาผมกลับบ้านที.."

*เรื่อง นี้ผมย่อมาจากบทเขียนเรื่องเล่าชีวิตส่วนตัวของ พล.ต ผู้ช่วยฑูตทหารไทยประจำต่างประเทศท่านหนึ่งในหนังสือศิทย์เก่าของเวสพอยท์ ภาคเอเชียแปซิฟิค ที่รวมเล่มอยู่ในหนังสือประจำปีของ ฟอร์ทลีเวนเวิร์ธ อ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนนะครับ ผมเห็นว่ามันแปลกดีก็เลยเอามาถ่ายทอดให้อ่านกัน ที่ไม่เขียนชื่อท่านเจ้าของเรื่องนั้นเพราะ ด้วยหน้าที่และฐานะที่ท่านดำรงอยู่นั้นไม่เหมาะที่จะแพร่ไปในแง่นี้* ***เริ่มเลยละกันนะ***

*เมื่อห้าปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปประเทศเวียดนาม จากคำเชิญของนายทหารระดับสูงของเวียดนามการไปครั้งนี้เป็นการไปแบบส่วนตัว เป็นการตอบแทนที่ครั้งนายทหารเวียดนามผู้นั้นมาประเทศไทยและผมก็คอยอำนวย ความสะดวกให ้กับเขา เขาเลยอยากชวนผมไปเที่ยวบ้านเขาบ้าง*

**เมื่อไปถึงนั้น เขาพาผมเที่ยมชมสถานที่ต่างๆในหลายๆเมือง โดยเฉพาะเมืองที่ทหารไทยเคยมารบในสมัยสงครามเวียดนาม เช่น ลองถั่น โนนทรัค ฟุคโถ ฯลฯ รวมทั้งพาชมมิวเซี่ยมทางทหารต่างๆสถาพหมู่บ้าน อำเภอ ที่ทหารไทยเคยมาอยู่ ท่านนายพลท่านนั้นบอกกับผมว่า ยังคงสภาพเหมือนสมัยสงครามแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย เมื่อมาชมแล้วก็พาให้นึกถึงฉากการรบต่างๆที่ทหารรุ่นหลังอย่างผมได้เพียงแค่ อ่า นจากตำราและหนังสือต่างๆ ในใจคิดไปว่า ทหารไทยไม่น่าจะต้องมาตายที่นี่ ทั้งนายทหาร ทั้งนายสิบ ก็หลายร้อยคนอยู่ เกิดเมืองไทยแต่ต้องมาตายเพื่อบ้านอื่นเมืองอื่นแท้ๆ น่าสงสารจริงๆ *ป่านนี้ดวงวิญญาณจะอยู่ที่ไหนหนอ ไทยหรือเวียดนาม* พอคิดได้เท่านี้ก็เกิดลมพัดเย็นซู่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ท่านนายพลหันมามองหน้าผมแล้วบอกว่า วิญญาณทหารไทยคงดีใจที่มีทหารไทยเหมือนกันมาเยี่ยมพวกเขา**

http://img0.uploadhouse.com/fileuploads/12173/12173000b2207d0da134adb01837566d0498d460.jpg

***คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายก่อนที่พรุ่งนี้ผมจะกลับเมืองไทยผมพักที่บ้าน รับรองที่ทางท่านนายพลจัดเตรียมไว้ให้ อยู่ในอำเภอลองถั่น จังหวัดเบียนหว่า ไม่ไกลจากสมรภูมิเดือดฟุคโถ เท่าไรนัก(ห่างประมาณ ๑๕-๒๕ กม.)คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับ จึงออกมายืนบริเวณนอกชานบ้านพักชั้นสอง เวลาประมาณ ตี ๑ กว่าๆได้มั้ง จู่ๆอากาศที่เย็นสบายกลับมีลมแรงเหมือนฝนจะตก ผมรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างประหลาด หันหลังกลับจะเดินเข้าห้อง พลันในหูแว่วได้ยินเสียงปืน เหมือนมีการยิงกันแว่วๆอยู่ไกล เสียงปืนดังเป็นชุดๆสลับด้วยเสียงวี๊ดของลูกระเบิด นาทีนั้นผมขาแข็ง ตัวชา ใจอยากเดินกลับเข้าห้อง แต่ขามันไม่ยอมเดิน แล้วสายตาที่มองเข้าไปในบ้านก็มองเห็นภาพสะท้อนจากกระจกเงาบานใหญ่ในห้อง ภาพทหารในชุดสนามสีเขียวจางๆนับได้ ๖ คนยืนถือปืนทำท่าวันทยาวุธหน้ากระดานเรียงหกมองมาทางผม ทั้งหกยืนอยู่บนเนินสนามหญ้าหน้าบ้านพัก ผมหันหลังขวับหันไปมองทันที ไม่มี ไม่มีอะไรเลย มีแต่เนินสนามหญ้าว่างเปล่า ลมก็สงบบรรยากาศเงียบสนิท ไม่มีเสียงแมลงกลางคืน ไม่มีหมาหอน เงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น***


http://statics.atcloud.com/files/comments/70/703625/images/1_original.jpg



****คืนนั้นผมสับสน ใจคิดถึงแต่เรื่องภาพที่เห็นในกระจก คิดไป เราเครียดรึเปล่า เราคิดถึงแต่เรื่องสงครามในอดีตมากไปรึเปล่า ตาเลยฝาด แต่บอกตรงๆว่าภาพมันชัดเจน ชัดมากจนเห็นสีหน้าของทหารทั้ง ๖ คนนั้นได้ทั้งที่ระยะไกลประมาณนั้น และยังสะท้อนจากกระจกอีก สีหน้าทุกคนเศร้าหมอง แต่ทุกคนท่าทางเข้มแข็ง ที่สำคัญคือ ทหารเวียดนามไม่ได้ใช้ปืนเอ็ม ๑๖ ผมนอนคิดพิจารณาจนหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แล้วก็ฝัน ในความฝันนั้น ผมรู้สึกว่ามันชัดเจนจนเหมือนตื่นอยู่ ในฝันนั้นผมแต่งชุดสนามเขียวสะพายปืนเฉียง ยืนอยู่ใต้ต้นตาล มีทหาร ๖ คนยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ตรงหน้าผม คนหัวแถวพูดกับผมว่า "..ผู้กองครับ พาพวกเรากลับบ้านที.. พวกเราอยู่ที่นี่มานานเหลือเกิน พวกเราหิวโหย ต้องต่อสู้กับพวกอื่นเพื่อรักษาฐานไว้ พวกเราต้องสู้กับมันทุกวันทุกคืน พวกเราไม่ยอมแพ้ แต่พวกเราอยากกลับบ้าน ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา เรารอผู้กองมานานแล้ว.. ผู้กองเคยบอกพวกเราว่าผู้กองจะไม่ทิ้งพวกเรา.." จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีก ในฝันนั้นผมน้ำตาไหลรู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า เมื่อรู้สึกตัวตื่นมา น้ำตายังเปียกหน้าอยู่เลย****

*****ตื่นมา ๗ โมงกว่า นั่งทบทวนความฝันเมื่อคืน ยิ่งสับสนหนัก เพราะสงสัยทำไมในฝันทหารพวกนั้นเรียกผมว่าผู้กอง ทั้งที่ตอนนั้นผมเป็นพันเอก แต่ก็เริ่มเอ่ะใจ รู่สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่าง จนกระทั่งท่านนายพลมารับเพื่อเลี้ยงอาหารเช้าและเพื่อไปส่งผมกลับที่สนามบิน ผมบอกท่านว่า เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ ฝันก็แปลก ท่านนายพลตอบผมว่า ผมเตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณพาพวกเขากลับบ้านแล้ว ผมงี้ตกใจแทบตกเก้าอี้ ท่านพูดต่อว่า นายทหารที่นี่โดนกันจนไม่มีใครกล้ามาพัก ผมเองก็เคย เขามาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า เขาอยากกลับบ้าน ผมเลยคิดว่าถ้าคุณมาเวียดนาม ผมจะให้คุณมาพักที่นี่ เพื่อให้คุณซึ่งเป็นทหารไทยเหมือนพวกเขาได้สัมผัสและช่วยเหลือพวกเขา เราลองมาแล้วทุกวิธีก่อนที่คุณจะมา แต่พวกเขาก็ไปไม่ได้ ซินแสอาจารย์ของผมท่านบอกว่า ดวงวิญญาณทหารไทยเหล่านี้จิตยึดติดอยู่กับสัญญา ต้องให้พวกพ้องเขาเท่านั้นที่จะปลดปล่อยเขาได้*****

http://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/military/vietnam/vitnan04.jpg


******สิ่งที่ท่านนายพลเตรียมไว้ให้คือ ธูปเทียน และรูปของทหารไทยทุกคนในหนังสือที่มาประจำที่ฐานนี้ โดยให้ผมตั้งจิตและเอ่ยเรียกชื่อทหารทุกคนในหนังสือ(เพราะเราไม่รู้ว่าคน ไหน)ซึ่่งมีรายชื่อทหารทั้งหมด ๑๐๕ คน แต่ผมคัดเพราะผมจำได้จากในฝันว่า เป็นเป็นจ่าสิบเอก ๑ คน(คนนี้แหล่ะที่พูดกับผมในฝัน)สิบเอก ๒คน พลทหาร๓ คน ก็เลยเอ่ยแต่ชื่อ จ่าสิบเอก สิบเอก พลทหาร ซึ่งก็น้อยลงไปแยะ ระหว่างตั้งจิตอฐิษฐานอยู่นั้น ลมแบบเมื่อคืนมาอีกแล้วพัดเหมือนฝนจะตก สักพักก็สงบ ผมเห็นสีหน้าท่านนายพล และนายทหารเวียดนามท่านอื่นพออกพอใจกันถ้วนหน้า แล้วสิ่งที่เหมือนปาฎิหารย์ก็เกิดจนได้ อฐิษฐานเสร็จ ปักธูปลงบนดินปุ๊บ พอผมวางหนังสือ(เล่มขนาดสมุดโทรศัพท์)ลงบนโต๊ะ ลมพัดกรรโชกอย่างแรง หนังสือเปิดพรึบๆๆๆ พอลมสงบ ปรากฎว่าหน้าที่ลมพัดเปิดค้างอยู่นั้น คือหน้าที่บรรยายการรบในคืนที่ทั้ง๖เสียชีวิตไว้เป็นภาษาเวียดนามว่า *เวลา ๗ โมงเช้า กำลังทหารไทย-อเมริกัน เข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณปะทะ พบศพทหารไทย ๖ นาย เป็นเป็นจ่าสิบเอก ๑ นาย สิบเอก ๒ นายพลทหาร ๓ นาย บาดเจ็บสาหัส ๙ คน ศพเวียดกง ๙๕ ศพ และได้ทำการเคลื่อนย้ายศพทหารไทยทั้ง ๖ นาย มายังจุดบราโว่ ๑(ที่ๆผมยืนอยู่นี่เอง โอ้ว แทบช๊อคตอนนั้น) เพื่อเตรียมส่งขึ้น ฮ.ชีนุค ของอเมริกันกลับฐานแบร์แคท******

*******เมื่อกลับเมืองไทยวันแรก ผมรีบค้นคว้าเรื่องการรบที่ฟุคโถอย่างละเอียด ผลคือ ใน ๙ คนที่บาดเจ็บสาหัสในการรบมาราธอนกว่า ๘ ชั่วโมงนั้น(เวียดกงประมาณ ๖๐๐ คนเข้าโจมตีฐานทหารไทยซึ่งมีกำลังเพียง ๘๕ นายตั้งแต่ ๔ ทุ่ม จนถึงตี ๕ ครึ่งจึงล่าถอยไป)มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก ๑ คนคือ ผบ.ร้อย ซึ่งมียศเป็นร้อยเอก และยิ่งค้นลงไปลึกๆแล้ว การนำศพทหารไทยทั้ง ๖ ออกจากเวียดนามนั้น ทำโดยทหารอเมริกันเพราะอเมริกันมอบเหรียญเชิดชูให้เป็นพิเศษเพราะเขายกย่อง และทึ่งในความกล้าหาญ เลยตอบแทนด้วยการจัดส่งให้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งต่างจากทหารไทยทำเองเพราะจะมีพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับประเทศด้วยพระสงฆ์ แต่อเมริกันหวังดีเลยไม่ได้ทำ กรรมแท้ๆ นี่แหล่ะคงเป็นสาเหตุให้ดวง วิญญาณทหารหาญทั้ง ๖ ต้องทนทุกข์ติดอยู่ในสมรภูมิรบนานหลายสิบปี ตัวร้อยเอก ผบ.ร้อยนั้น มาตายทีหลังจึงได้ทำพิธีเชิญวิญญาณโดยพระสงฆ์ไทย ส่วนจะเกี่ยวข้องยังไงกับผมนั้น ผมคงไม่อยากคิดแล้ว คิดแค่ได้มารับเพื่อนกลับบ้านก็รู้สึกเป็นเกียรติเป็นสุขในใจเป็นล้นพ้น แล้ว*** ****

เครดิตร http://www.thailandsusu.com

ปล.รูปบางรูปอาจไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

rokill123z
17th July 2013, 14:59
ตาผมก็อยู่ในนี้ด้วยอะครับ :dance

Patrenko
17th July 2013, 15:08
กระทู้เวียดนามเหมือนกัน แต่เนื้อหาคุณภาพกว่ากระทู้ก่อน :cool:

Forbidden
17th July 2013, 15:08
สีตัวหนังสือแสบตามาก = =

_SaBasTaiN_
17th July 2013, 19:06
เดี๋ยวลับมาอ่าน;)

lovekoal
18th July 2013, 11:38
ขนลุกเลย อยากบอกด้วยความภูมิใจว่า ตาผมก็ไป!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

และก็รอดชีวิตกลับมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ฮ่าๆ

ว่าไปผมก็อยากเป็น War Hero แบบตาผมนะ แต่ถ้าผมไม่ไปไม่รู้จะกลับมามีชีวิตรอดมาเล่าเรื่องให้ลูกหลานได้ฟังเหมือนตาผมได้เปล่า

jjjena1234
18th July 2013, 20:07
ตาของผม เป็นคนโยนเสบียงลงจาก เฮลิคอปเตอร์ คิดแล้วภูมิใจที่ตาของผมได้มีประสบการณ์ได้อยู่ในเหตุการณ์ พอผมเห็นจดหมาย ทหารผ่านศึกมา ผมรู้สึกปลื้มตาผมมากครับที่ท่านเสียสละเพื่อนชาติไปรบในสงครามเวียดนาม ถึงจะเป็นพลเสบียงที่ไม่ได้รบก็เถอะ แล้วที่สำคัญ ตาผมเพิ่งครบรอบอายุ 78 ปี ได้ 5 วันที่แล้วเองครับ ภูมิใจในตัวท่านมากครับ