_TOY_
10th July 2011, 01:16
บทนำ..
ท่านเป็นใคร? เด็กสาวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ท่านเป็นกระต่ายหรือ?
ข้าไม่ใช่กระต่าย ชายหนุ่ม ตอบกลับด้วยความน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความทุกข์ ข้าเป็นสัตว์
แต่สัตว์ไม่สามารถพูดได้ ท่านเป็นใครหรือ? เด็กสาวยังถามเขาด้วยสีหน้าที่งุนงงพร้อมกับมองไปรอบๆป่าซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าโจรร้ายที่แฝงกาย
ข้าคือท้องฟ้า...
นานมาแล้ว มีต้นไม้แห่งปัญญาต้นหนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพยำเกรงเหล่านภา ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ดุจเทพปกครองโดย ซาริธ จ้าวแห่งนครลอยฟ้าฟอร์เจีย ซึ่งกฎของเผ่านภามีอยู่ว่าเหล่านภา ย่อมต้องเป็นชาวเผ่านภาเพียงสิ่งเดียว ไม่ข้องแวะต่อสิ่งอื่นนอกเสียจากจะถูกประหารชีวิตพร้อมกับคนที่รักต่างเผ่า ทั้งสองเผ่าพันธุ์ตั้งกฎนี้ขึ้นพร้อมกับอยู่กันอย่างสงบสุขโดยปราศจากสงครามจวบจนกระทั้งทุกอย่างผ่านมาเป็นเวลานานจนเกินจะรับไหว แมลร์ลีดย์ ธิดาแห่งเผ่าอินทรี บุรุตสาวเพียงหนึ่งเดียวของ อานาทอร์ ซึ่งเป็นหัวแก้วหัวแหวนเพียงหนึ่งเดียวของพระองค์จนกระทั้งนางได้ไปสมสู่กับเจ้าชายแห่งอาณาจักรนภา
เรื่องรู้ไปถึงกษัตริย์ทั้งสอง จึงเกิดข้อถกเถียงกันเป็นระยะเวลานานจนกระทั้งนางกำเนิดบุตรทั้งสองออกมา จนกระทั้งการประชุมเป็นอันสรุปว่าต้องกำจัดบุตรของนางทิ้ง
“ไม่นะ!”แมลร์ลีดย์เร่งฝีเท้าไปที่ห้องบรรทมของตนสุดฝีเท้า หญิงสาวอุ้มลูกทั้งสองของนางวิ่งกระหืดกระหอบลงมายังพื้นเบื้องล่าง ใบหน้าที่ขาวพองอาบไปด้วยหยาดเหงื่อแหละความหวาดกลัว ดวงตาสีฟ้าครามกวาดสายตาไปทั่วจนกระทั้งไปพบกับกระท่อมไม้ ทำจากต้นโอ๊ค หญิงสาวแลซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนกก่อนที่จะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ วางทารกน้อยหน้าบานประตูก่อนที่จะเคาะประตูแล้ววิ่งออกไปเหลือเพียงเด็กทารก ห่อด้วยผ้าแพรอย่างดีอยู่หน้าประตู
แอ๊ด! ประตูไม้เปิดขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มรูปงามร่างสูงเด่นเป็นสง่า ผมสีน้ำตาลยาวปะบ่า ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองเด็กทารกหน้าตาหน้ารัก หน้าเอ็นดู นอนหลับสนิท ณ เบื้องหน้าเขา
ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาพลางคิดว่า ผู้ใดกันถึงใจร้ายใจดำ ทำกับเด็กทารกได้อย่างลงคอเยี่ยงนี้ ก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยส่งให้กับพ่อบ้านหนุ่มซึ่งยืนประกบเขามาด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าชาย ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ใช่กับดักของพวกบาบิรอน”พ่อบ้านหนุ่มกล่าวอย่างตระนกก่อนที่จะก้มมองเด็กทารกที่เจ้าชาย แทรย์ แอนอ์ อาดอร์ฟาร์ แห่งอาณาจักร ฟิลแลนด์ แคว้น แทรย์ทรายแมร์ดร้า ผู้ถูกขนานนามว่า ดาบแห่งคุณธรรม จ้องมองเด็กทารกภายขในอ้อมกอดของพ่อบ้านนาม โชวร์บ “นายท่านโปรดขอความเห็นด้วย” พ่อบ้านหนุ่มกล่าวพลางดึงมือของเด็กทารกซึ่งกำลังดึงปอยผมที่ปกตาขวาของเขาอย่างเมามัน
“ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าข้าจะพาทารกคนนี้กลับราชวัง”ชายหนุ่มรับเด็กมาจากอ้อมอกของพ่อบ้านก่อนที่จะขึ้นม้าสีขาวดุจปุยเมฆ มันครางในลำคอเมื่อชายหนุ่มนั่งบนหลังมันพร้อมกับรัศมีแห่งคุณธรรมที่แผ่ออกมาของยามเช้า “โซวร์บ! ข้าควรตั้งชื่อให้เด็กผู้นี้ว่าเยี่ยงไรดี”เจ้าชายหนุ่มถามขึ้นพลางกำลังควบม้าผ่านป่าภูตออกมา
“แล้วท่านว่าเช่นไรหรือ?”พ่อบ้านหนุ่มกล่าวพลางหันไปมองเด็กทารกซึ่งยังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของพ่อบ้านหนุ่ม
“ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะตั้งชื่อของเด็กคนนี้ว่า เอเทน.....แทรย์ เอเทน อาดอร์ฟาร์!”
…….
สายลมของและกลิ่นเกลือจากทะเลลอยจางออกมาพร้อมกับร่างของเด็กทารกในอ้อมอกของหญิงสาวซึ่งใบหน้าของนางค่อยๆซีดลงไปเรื่อยๆ “โซรอน”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาพลางค่อยๆเอื้อมมือลูบแก้มเล็กๆของทารกน้อยอย่างช้าๆ “ในนามแห่งเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรลาพิวต้า...เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ฮอนธาน โปรดให้ลูกของข้า...แค่ก...ได้ประสบพบความสุข...แค่ก..และเทพแห่ง...ทุก...สรรพสิ่...ง..โปรดให้..ลูกข้า...ปลอด..ภัย”
พลันร่างของเจ้าหญิงค่อยๆสลายกลายเป็นละอองแสงสีขาวนวลเหลือเพียงทารกน้อยซึ่งร้องไห้อยู่ริมหาดทรายสีขาวพร้อมกับเสียงคลื่นซัดฝั่งพร้อมและทุกอากัปกริยาของหญิงสาวอยู่ภายในสายตาของบิดาด้วยความทุกข์เนื่องจากหญิงสาวโดนผีโสโครกกระชากลงจากหน้าผ่าจนตกลงมา ซึ่งทำให้พระราชาทรงปิดกั้น ตาแห่งสวรรค์ จากเบื้องล่างกลับมานั่งตรอมใจ ขังตนเองอยู่ภายในห้องบรรมจวบจนสวรรคตภายในห้องบรรทมของตน
เมื่อข่าวการสวรรคตของอานาทอร์แพร่ไปทั่วทั้งอาณาจักร การกบฎครั้งใหญ่ได้บังเกิดขึ้นจากความโกรธแค้นของเหล่าชนเผ่าอินทรีซึ่งมีต่ออาณาจักรฟอร์เจีย สงครามกินระยะเวลานานถึง 5 ปี ชนเผ่าอินทรีและชาวนภาต่างสูญเสียประชาชนและผู้คนไปถึง 2ใน5ของทั้งหมด และในขณะนั้นเองในช่วงสงคราม 5 ปีพื้นพิภพต่างเกิดความกระสับกระส่ายอย่างรุนแรงพร้อมกับความหวาดกลัวของผู้คนทั่วทุกหนแห่ง
จนกระทั่งทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างตั้งคำสัตว์สาบานต่อทุกสรรพสิ่งทั่วพื้นพิภพว่า ทั้งสองจะไม่ยื่นมือเขาช่วยมนุษย์และจะไม่ก่อสงครามของตนให้ผู้อื่นลำบากยากแม้แต่เพียงน้อยนิด ถ้าหากทั้งสองผิดคำมั่นสัญญาขอให้เทพแห่งความมืด ไซซ่า ทรงประทับค้อนลงอาณาจักรของทั้งสองและให้เกิดภัยแล้ง ความอดยาก และโรคระบาดทั่วทุกแห่งหน
และเรื่องราวทั้งหมดก็ผ่านพ้นมาอีก 50 ปี....
ท่านเป็นใคร? เด็กสาวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ท่านเป็นกระต่ายหรือ?
ข้าไม่ใช่กระต่าย ชายหนุ่ม ตอบกลับด้วยความน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความทุกข์ ข้าเป็นสัตว์
แต่สัตว์ไม่สามารถพูดได้ ท่านเป็นใครหรือ? เด็กสาวยังถามเขาด้วยสีหน้าที่งุนงงพร้อมกับมองไปรอบๆป่าซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าโจรร้ายที่แฝงกาย
ข้าคือท้องฟ้า...
นานมาแล้ว มีต้นไม้แห่งปัญญาต้นหนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพยำเกรงเหล่านภา ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ดุจเทพปกครองโดย ซาริธ จ้าวแห่งนครลอยฟ้าฟอร์เจีย ซึ่งกฎของเผ่านภามีอยู่ว่าเหล่านภา ย่อมต้องเป็นชาวเผ่านภาเพียงสิ่งเดียว ไม่ข้องแวะต่อสิ่งอื่นนอกเสียจากจะถูกประหารชีวิตพร้อมกับคนที่รักต่างเผ่า ทั้งสองเผ่าพันธุ์ตั้งกฎนี้ขึ้นพร้อมกับอยู่กันอย่างสงบสุขโดยปราศจากสงครามจวบจนกระทั้งทุกอย่างผ่านมาเป็นเวลานานจนเกินจะรับไหว แมลร์ลีดย์ ธิดาแห่งเผ่าอินทรี บุรุตสาวเพียงหนึ่งเดียวของ อานาทอร์ ซึ่งเป็นหัวแก้วหัวแหวนเพียงหนึ่งเดียวของพระองค์จนกระทั้งนางได้ไปสมสู่กับเจ้าชายแห่งอาณาจักรนภา
เรื่องรู้ไปถึงกษัตริย์ทั้งสอง จึงเกิดข้อถกเถียงกันเป็นระยะเวลานานจนกระทั้งนางกำเนิดบุตรทั้งสองออกมา จนกระทั้งการประชุมเป็นอันสรุปว่าต้องกำจัดบุตรของนางทิ้ง
“ไม่นะ!”แมลร์ลีดย์เร่งฝีเท้าไปที่ห้องบรรทมของตนสุดฝีเท้า หญิงสาวอุ้มลูกทั้งสองของนางวิ่งกระหืดกระหอบลงมายังพื้นเบื้องล่าง ใบหน้าที่ขาวพองอาบไปด้วยหยาดเหงื่อแหละความหวาดกลัว ดวงตาสีฟ้าครามกวาดสายตาไปทั่วจนกระทั้งไปพบกับกระท่อมไม้ ทำจากต้นโอ๊ค หญิงสาวแลซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนกก่อนที่จะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ วางทารกน้อยหน้าบานประตูก่อนที่จะเคาะประตูแล้ววิ่งออกไปเหลือเพียงเด็กทารก ห่อด้วยผ้าแพรอย่างดีอยู่หน้าประตู
แอ๊ด! ประตูไม้เปิดขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มรูปงามร่างสูงเด่นเป็นสง่า ผมสีน้ำตาลยาวปะบ่า ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองเด็กทารกหน้าตาหน้ารัก หน้าเอ็นดู นอนหลับสนิท ณ เบื้องหน้าเขา
ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาพลางคิดว่า ผู้ใดกันถึงใจร้ายใจดำ ทำกับเด็กทารกได้อย่างลงคอเยี่ยงนี้ ก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยส่งให้กับพ่อบ้านหนุ่มซึ่งยืนประกบเขามาด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าชาย ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ใช่กับดักของพวกบาบิรอน”พ่อบ้านหนุ่มกล่าวอย่างตระนกก่อนที่จะก้มมองเด็กทารกที่เจ้าชาย แทรย์ แอนอ์ อาดอร์ฟาร์ แห่งอาณาจักร ฟิลแลนด์ แคว้น แทรย์ทรายแมร์ดร้า ผู้ถูกขนานนามว่า ดาบแห่งคุณธรรม จ้องมองเด็กทารกภายขในอ้อมกอดของพ่อบ้านนาม โชวร์บ “นายท่านโปรดขอความเห็นด้วย” พ่อบ้านหนุ่มกล่าวพลางดึงมือของเด็กทารกซึ่งกำลังดึงปอยผมที่ปกตาขวาของเขาอย่างเมามัน
“ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าข้าจะพาทารกคนนี้กลับราชวัง”ชายหนุ่มรับเด็กมาจากอ้อมอกของพ่อบ้านก่อนที่จะขึ้นม้าสีขาวดุจปุยเมฆ มันครางในลำคอเมื่อชายหนุ่มนั่งบนหลังมันพร้อมกับรัศมีแห่งคุณธรรมที่แผ่ออกมาของยามเช้า “โซวร์บ! ข้าควรตั้งชื่อให้เด็กผู้นี้ว่าเยี่ยงไรดี”เจ้าชายหนุ่มถามขึ้นพลางกำลังควบม้าผ่านป่าภูตออกมา
“แล้วท่านว่าเช่นไรหรือ?”พ่อบ้านหนุ่มกล่าวพลางหันไปมองเด็กทารกซึ่งยังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของพ่อบ้านหนุ่ม
“ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะตั้งชื่อของเด็กคนนี้ว่า เอเทน.....แทรย์ เอเทน อาดอร์ฟาร์!”
…….
สายลมของและกลิ่นเกลือจากทะเลลอยจางออกมาพร้อมกับร่างของเด็กทารกในอ้อมอกของหญิงสาวซึ่งใบหน้าของนางค่อยๆซีดลงไปเรื่อยๆ “โซรอน”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาพลางค่อยๆเอื้อมมือลูบแก้มเล็กๆของทารกน้อยอย่างช้าๆ “ในนามแห่งเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรลาพิวต้า...เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ฮอนธาน โปรดให้ลูกของข้า...แค่ก...ได้ประสบพบความสุข...แค่ก..และเทพแห่ง...ทุก...สรรพสิ่...ง..โปรดให้..ลูกข้า...ปลอด..ภัย”
พลันร่างของเจ้าหญิงค่อยๆสลายกลายเป็นละอองแสงสีขาวนวลเหลือเพียงทารกน้อยซึ่งร้องไห้อยู่ริมหาดทรายสีขาวพร้อมกับเสียงคลื่นซัดฝั่งพร้อมและทุกอากัปกริยาของหญิงสาวอยู่ภายในสายตาของบิดาด้วยความทุกข์เนื่องจากหญิงสาวโดนผีโสโครกกระชากลงจากหน้าผ่าจนตกลงมา ซึ่งทำให้พระราชาทรงปิดกั้น ตาแห่งสวรรค์ จากเบื้องล่างกลับมานั่งตรอมใจ ขังตนเองอยู่ภายในห้องบรรมจวบจนสวรรคตภายในห้องบรรทมของตน
เมื่อข่าวการสวรรคตของอานาทอร์แพร่ไปทั่วทั้งอาณาจักร การกบฎครั้งใหญ่ได้บังเกิดขึ้นจากความโกรธแค้นของเหล่าชนเผ่าอินทรีซึ่งมีต่ออาณาจักรฟอร์เจีย สงครามกินระยะเวลานานถึง 5 ปี ชนเผ่าอินทรีและชาวนภาต่างสูญเสียประชาชนและผู้คนไปถึง 2ใน5ของทั้งหมด และในขณะนั้นเองในช่วงสงคราม 5 ปีพื้นพิภพต่างเกิดความกระสับกระส่ายอย่างรุนแรงพร้อมกับความหวาดกลัวของผู้คนทั่วทุกหนแห่ง
จนกระทั่งทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างตั้งคำสัตว์สาบานต่อทุกสรรพสิ่งทั่วพื้นพิภพว่า ทั้งสองจะไม่ยื่นมือเขาช่วยมนุษย์และจะไม่ก่อสงครามของตนให้ผู้อื่นลำบากยากแม้แต่เพียงน้อยนิด ถ้าหากทั้งสองผิดคำมั่นสัญญาขอให้เทพแห่งความมืด ไซซ่า ทรงประทับค้อนลงอาณาจักรของทั้งสองและให้เกิดภัยแล้ง ความอดยาก และโรคระบาดทั่วทุกแห่งหน
และเรื่องราวทั้งหมดก็ผ่านพ้นมาอีก 50 ปี....