PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : The Sky



_TOY_
10th July 2011, 01:16
บทนำ..

ท่านเป็นใคร? เด็กสาวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ท่านเป็นกระต่ายหรือ?
ข้าไม่ใช่กระต่าย ชายหนุ่ม ตอบกลับด้วยความน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความทุกข์ ข้าเป็นสัตว์
แต่สัตว์ไม่สามารถพูดได้ ท่านเป็นใครหรือ? เด็กสาวยังถามเขาด้วยสีหน้าที่งุนงงพร้อมกับมองไปรอบๆป่าซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าโจรร้ายที่แฝงกาย
ข้าคือท้องฟ้า...

นานมาแล้ว มีต้นไม้แห่งปัญญาต้นหนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพยำเกรงเหล่านภา ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ดุจเทพปกครองโดย ซาริธ จ้าวแห่งนครลอยฟ้าฟอร์เจีย ซึ่งกฎของเผ่านภามีอยู่ว่าเหล่านภา ย่อมต้องเป็นชาวเผ่านภาเพียงสิ่งเดียว ไม่ข้องแวะต่อสิ่งอื่นนอกเสียจากจะถูกประหารชีวิตพร้อมกับคนที่รักต่างเผ่า ทั้งสองเผ่าพันธุ์ตั้งกฎนี้ขึ้นพร้อมกับอยู่กันอย่างสงบสุขโดยปราศจากสงครามจวบจนกระทั้งทุกอย่างผ่านมาเป็นเวลานานจนเกินจะรับไหว แมลร์ลีดย์ ธิดาแห่งเผ่าอินทรี บุรุตสาวเพียงหนึ่งเดียวของ อานาทอร์ ซึ่งเป็นหัวแก้วหัวแหวนเพียงหนึ่งเดียวของพระองค์จนกระทั้งนางได้ไปสมสู่กับเจ้าชายแห่งอาณาจักรนภา

เรื่องรู้ไปถึงกษัตริย์ทั้งสอง จึงเกิดข้อถกเถียงกันเป็นระยะเวลานานจนกระทั้งนางกำเนิดบุตรทั้งสองออกมา จนกระทั้งการประชุมเป็นอันสรุปว่าต้องกำจัดบุตรของนางทิ้ง
“ไม่นะ!”แมลร์ลีดย์เร่งฝีเท้าไปที่ห้องบรรทมของตนสุดฝีเท้า หญิงสาวอุ้มลูกทั้งสองของนางวิ่งกระหืดกระหอบลงมายังพื้นเบื้องล่าง ใบหน้าที่ขาวพองอาบไปด้วยหยาดเหงื่อแหละความหวาดกลัว ดวงตาสีฟ้าครามกวาดสายตาไปทั่วจนกระทั้งไปพบกับกระท่อมไม้ ทำจากต้นโอ๊ค หญิงสาวแลซ้ายแลขวาอย่างตื่นตระหนกก่อนที่จะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ วางทารกน้อยหน้าบานประตูก่อนที่จะเคาะประตูแล้ววิ่งออกไปเหลือเพียงเด็กทารก ห่อด้วยผ้าแพรอย่างดีอยู่หน้าประตู

แอ๊ด! ประตูไม้เปิดขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มรูปงามร่างสูงเด่นเป็นสง่า ผมสีน้ำตาลยาวปะบ่า ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองเด็กทารกหน้าตาหน้ารัก หน้าเอ็นดู นอนหลับสนิท ณ เบื้องหน้าเขา
ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาพลางคิดว่า ผู้ใดกันถึงใจร้ายใจดำ ทำกับเด็กทารกได้อย่างลงคอเยี่ยงนี้ ก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยส่งให้กับพ่อบ้านหนุ่มซึ่งยืนประกบเขามาด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าชาย ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ใช่กับดักของพวกบาบิรอน”พ่อบ้านหนุ่มกล่าวอย่างตระนกก่อนที่จะก้มมองเด็กทารกที่เจ้าชาย แทรย์ แอนอ์ อาดอร์ฟาร์ แห่งอาณาจักร ฟิลแลนด์ แคว้น แทรย์ทรายแมร์ดร้า ผู้ถูกขนานนามว่า ดาบแห่งคุณธรรม จ้องมองเด็กทารกภายขในอ้อมกอดของพ่อบ้านนาม โชวร์บ “นายท่านโปรดขอความเห็นด้วย” พ่อบ้านหนุ่มกล่าวพลางดึงมือของเด็กทารกซึ่งกำลังดึงปอยผมที่ปกตาขวาของเขาอย่างเมามัน

“ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าข้าจะพาทารกคนนี้กลับราชวัง”ชายหนุ่มรับเด็กมาจากอ้อมอกของพ่อบ้านก่อนที่จะขึ้นม้าสีขาวดุจปุยเมฆ มันครางในลำคอเมื่อชายหนุ่มนั่งบนหลังมันพร้อมกับรัศมีแห่งคุณธรรมที่แผ่ออกมาของยามเช้า “โซวร์บ! ข้าควรตั้งชื่อให้เด็กผู้นี้ว่าเยี่ยงไรดี”เจ้าชายหนุ่มถามขึ้นพลางกำลังควบม้าผ่านป่าภูตออกมา

“แล้วท่านว่าเช่นไรหรือ?”พ่อบ้านหนุ่มกล่าวพลางหันไปมองเด็กทารกซึ่งยังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของพ่อบ้านหนุ่ม

“ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะตั้งชื่อของเด็กคนนี้ว่า เอเทน.....แทรย์ เอเทน อาดอร์ฟาร์!”

…….

สายลมของและกลิ่นเกลือจากทะเลลอยจางออกมาพร้อมกับร่างของเด็กทารกในอ้อมอกของหญิงสาวซึ่งใบหน้าของนางค่อยๆซีดลงไปเรื่อยๆ “โซรอน”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาพลางค่อยๆเอื้อมมือลูบแก้มเล็กๆของทารกน้อยอย่างช้าๆ “ในนามแห่งเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรลาพิวต้า...เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ฮอนธาน โปรดให้ลูกของข้า...แค่ก...ได้ประสบพบความสุข...แค่ก..และเทพแห่ง...ทุก...สรรพสิ่...ง..โปรดให้..ลูกข้า...ปลอด..ภัย”

พลันร่างของเจ้าหญิงค่อยๆสลายกลายเป็นละอองแสงสีขาวนวลเหลือเพียงทารกน้อยซึ่งร้องไห้อยู่ริมหาดทรายสีขาวพร้อมกับเสียงคลื่นซัดฝั่งพร้อมและทุกอากัปกริยาของหญิงสาวอยู่ภายในสายตาของบิดาด้วยความทุกข์เนื่องจากหญิงสาวโดนผีโสโครกกระชากลงจากหน้าผ่าจนตกลงมา ซึ่งทำให้พระราชาทรงปิดกั้น ตาแห่งสวรรค์ จากเบื้องล่างกลับมานั่งตรอมใจ ขังตนเองอยู่ภายในห้องบรรมจวบจนสวรรคตภายในห้องบรรทมของตน

เมื่อข่าวการสวรรคตของอานาทอร์แพร่ไปทั่วทั้งอาณาจักร การกบฎครั้งใหญ่ได้บังเกิดขึ้นจากความโกรธแค้นของเหล่าชนเผ่าอินทรีซึ่งมีต่ออาณาจักรฟอร์เจีย สงครามกินระยะเวลานานถึง 5 ปี ชนเผ่าอินทรีและชาวนภาต่างสูญเสียประชาชนและผู้คนไปถึง 2ใน5ของทั้งหมด และในขณะนั้นเองในช่วงสงคราม 5 ปีพื้นพิภพต่างเกิดความกระสับกระส่ายอย่างรุนแรงพร้อมกับความหวาดกลัวของผู้คนทั่วทุกหนแห่ง

จนกระทั่งทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างตั้งคำสัตว์สาบานต่อทุกสรรพสิ่งทั่วพื้นพิภพว่า ทั้งสองจะไม่ยื่นมือเขาช่วยมนุษย์และจะไม่ก่อสงครามของตนให้ผู้อื่นลำบากยากแม้แต่เพียงน้อยนิด ถ้าหากทั้งสองผิดคำมั่นสัญญาขอให้เทพแห่งความมืด ไซซ่า ทรงประทับค้อนลงอาณาจักรของทั้งสองและให้เกิดภัยแล้ง ความอดยาก และโรคระบาดทั่วทุกแห่งหน

และเรื่องราวทั้งหมดก็ผ่านพ้นมาอีก 50 ปี....

_TOY_
10th July 2011, 18:30
บทที่ 1...

ข้าไม่รู้เลยว่าข้าเป็นใคร ทำไมข้าถึงต้องอยู่อย่างโดดเดียว ทำไมข้าถึงรู้สึกผิดบาป ทำไมข้าถึงเกิดขึ้น
ข้าได้รู้จักกับคำว่า “คิดถึง”เป็นสิ่งแรกที่เข้ามาภายในใจของข้า
ข้าเป็นอะไรไปเนี้ย ข้าควรทำยังไงดี?
ใครก็ได้...ช่วยข้าด้วย...

-มนาเซสรันท์-

หลังจากสงครามอันดุเดือดระหว่างเผ่านภาและเผ่าอินทรีซึ่งระยะเวลา 5 ปีของมนุษย์ 20 ปีของเหล่านภาและอินทรี อย่ารุนแรงส่งผลกระทบไปยังพื้นพิภพอย่างรุนแรงจนกระทั้ง เกิดสิ่งมีชีวิตนามว่า ท้องฟ้า(Sky) ขึ้นแต่ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง หมอดูคนหนึ่งทำนายว่า เมื่อท้องฟ้าปรากฏขึ้นอีกผืน นั้นแปลว่ามนุษย์ถึงกาลอวสานไปพร้อมๆเหล่าเทพ

จนกระทั้งอีกหลายสิบปีต่อมา ผู้คนเริ่มตระหนักถึงความหวาดกลัวอย่างทั่วถึงพร้อมกับจัดตั้งกองกำลังเพื่อตามล่าท้องฟ้า แต่อีกหลายปีต่อมากลับถูกยกเลิกเนื่องจากสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดกลับไม่มีอยู่จริงพร้อมกับเพียงเขียนบันทึกและรูปร่างของท้องฟ้าไว้ ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับใช้ชีวิตของตนดังเดิมเฉกเช่นทุกวัน

แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณยามเช้าสาดส่องลงยังบ่อน้ำเบื้องหน้า มีร่างๆหนึ่งค่อยๆขึ้นมาจากผิวน้ำพลันปรากฏเป็นรูปร่างของชายหนุ่ม หน้าตางดงามดุจเทพธิดาลงมาจุติ ผมสีน้ำเงินยาวเรื่อยมาจรดพื้น หน้าอกแบนราบ ผิวกายขาวสะอาดไร้รอยขีดข่วน ผุดขึ้นจากบ่อน้ำขึ้นมาบนพื้นดิน
เมื่อเท้าของสิ่งนั้นกระทบกับพื้นพลันเกิดพืชผลต่างๆเกิดขึ้นภายในถ้ำอย่างรวดเร็ว สิ่งมีชีวิตมากมายต่างวิ่งโลดภายในถ้ำอย่างสนุกสนานก่อนที่จะค่อยๆสลายกลายเป็นธุลีดินซึ่งแห้งแล้ง
ข้าเป็นใครกัน คำถามเกิดขึ้นภายในใจของสิ่งนั้นพลันมีคำตอบกลับมาในใจว่า เจ้าคือท้องฟ้า กลับมา มันจึงเข้าใจว่าตนเองเป็นท้องฟ้า ซึ่งค่อยๆก้าวเท้าออกมาอย่างเชื่องช้าและโงนเงนเล็กน้อย แต่นั้นกลับไม่เป็นอุปสรรคต่อท้องฟ้า มันค่อยๆก้าวไปอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพบว่าผนังถ้ำเบื้องหน้าของเขาถูกปิดโดยกองหินขนาดใหญ่ ท้องฟ้ามองก้อนหินขนาดใหญ่พลางหันหลังเดินกลับไปยังบ่อน้ำจ้องมองใบหน้าของตนซึ่งสวยงามดุจเทพธิดา ก่อนที่จะนั่งอยู่ในท่านั้นเป็นเวลาเท่าใดไม่ทราบได้จนกระทั้งตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะหาทางออกไปจากหินขนาดใหญ่นี้ให้ได้

เขาค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะคล้ำผนังถ้ำภายในความมืดไปอย่างช้า ท้องฟ้าไม่ทราบว่าทำไมตนถึงแตะบ่อน้ำสีเขียวมรกตนั้นกลับรู้สึกดี ท้องฟ้าไม่รู้ทำไมเขาจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนกระทั้ง เขาได้พบกับพวกเอลฟ์กลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเดินออกจากปากถ้ำ ท้องฟ้าเมื่อเห็นกลุ่มคนจึงค่อยๆก้าวไปเรื่อยๆจนกระทั้งเอลฟ์กลุ่มดังกล่าวได้หายไปภายในป่าสีเขียวขจีเบื้องหน้า
ท้องฟ้าจ้องมองพื้นซึ่งเต็มไปด้วยพื้นสีเขียว ท้องฟ้ามองมันราวกับหลงใหลก่อนที่จะค่อยๆเอื้อมมือไปแตะอย่างแช่มช้า พลันปรากฏเงาสูงใหญ่ของบางสิ่งอยู่เบื้องหน้า ของท้องฟ้าผู้อ่อนต่อโลก

ชายร่างสูงโปร่งหัวเป็นกระทิง สวมกองดินสีขาวสะอาดประกายพร้อมกับแท่งดินประกายแวววาวขนาดใหญ่ภายในมือ พร้อมกับก้อนดินสีขาวประกายแวววาวขนาดใหญ่อีกข้างหนึ่ง ท้องฟ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงเรียกว่าแท่งดิน พลันมือของกระทิงเอื้อมมือมาคว้าแขนเขาพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างที่ท้องฟ้าไม่เข้าใจ

กึ่ง! เสียงประตูลูกกรงเหล็กปิดลงเบื้องหน้าพร้อมกับกลุ่มคนหน้าตาประหลาดที่กำลังคุยอะไรบางอย่างพลางเหลียวตามองเขาบาง อาจะไม่มองในความงามของเขา แต่อาจจะแลมองเขาเหมือนอะไรบางอย่าง เขาคิดในใจพลางหันไปมองกลุ่มเด็กผู้หญิงมากมาย ซึ่งนั่งกอดเข่าจ้องมองเขาอย่างหวาดผวา
ดวงตาสีครามของเขาสาดส่องจ้องมองเด็กผู้หญิงภายในกล่องแท่งเหล็กสีเหลี่ยมซึ่งมีมนุษย์ที่เรียกว่าผู้หญิงนั่งกอดเข่าอย่างหวาดผวาพลางจ้องมองเขาด้วยความหวาดกลัว ตามเนื้อตัวของทุกคนมีบาดแผลมากมาย ตามเนื้อตัว

ท้องมองเด็กสาวภายในลูกกรงพลางมองด้วยความสงสัยว่า ทำไมถึงอยู่ในที่มืดๆและเหม็นอับ ทันใดนั้นเองมีเสียงของพูดคุยที่ไม่ได้ศัพท์ของบุคคลภายนอก ห้องพร้อมกับชายร่างอ้วน 2-3 คนฉุดกระชากแขนเขาออกมาพร้อมกับหญิงสาวผมสีน้ำตาลแซมขาวออกมาจากห้อง

ก่อนที่จะถูกโยนเข้าไปภายในห้องอีกห้องซึ่ง ห้องทั้งห้องมีเสียงท้องฟ้าและหญิงสาวและ กลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งยืนรอพวกทั้งสองอยู่ภายในห้องก่อนที่จะกรูกันเข้ามาหาทั้ง พร้อมกับฉีกทึงเสื้อผ้าของทั้งสองราวกับสัตว์
ฉับพลันนั้นเอง เสียงบางอย่างดังก้องภายในใจของท้องฟ้าที่อ่อนต่อโลกว่า หลับให้สบายเถิด นอนให้สบายเถิด ฝันร้ายของเจ้าย่อมกลายเป็นดี
……
ท้องฟ้าลืมตาขึ้นพลางมองห้องซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นสาบ กลิ่นเหม็นเน่าพร้อมกับซากปรักหักพังทั้งหลายซึ่งรายล้อมรอบตัวของท้องฟ้า หันซ้ายหันขวาพลันปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างสูงสวมชุดคลุมสีเท่าคล้ำเลือดก่อนที่ร่างนั้นจะสลายเป็นสายหมอกสีแดงคล้ำทั่วทุกบริเวณ
ท้องฟ้าสีครามค่อยๆเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าสีแดงดุจโลหิต ดวงตาสีฟ้าครามของท้องฟ้าค่อยๆมืดมัวขึ้นเรื่อยๆจนกระทั้งกลับมาสว่างสดใสดังเดิม สายลมอ่อนๆพัดกระทบใบหน้าของท้องฟ้า ทั้งแสบและปวดผิวของเขา พลันปรากฏสัตว์ประหลาดสีขาร่างสูงสีขาวเบื้องหน้าพร้อมกับมนุษย์สวมกองดินสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า กระโดดลงมาจากสัตว์สี่ขาพลางโยนก้อนดินสีเงินเผยให้เห็นใบหน้าของมนุษย์ผู้นั้น

มนุษย์ผู้นั้นหันไปตะโกนกับมนุษย์อีกพวกที่กำลังค้นซากปรักหักพังต่างๆ มนุษย์ผู้นั้นอุ้มท้องฟ้าขึ้นมาพลางกระตุกก้อนดินซึ่งถูกปั้นต่อกันยาวๆทำให้สัตว์สี่ขาตนนั้นพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งไปถึงที่ตั้งรูปทรงประหลาดที่เรียกว่ากระโจมซึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้าเขาก่อนที่เขาจะถูกมนุษย์อุ้มเขาเข้าไปภายในพร้อม

ภายในกระโจมถูกตกแต่งอย่างธรรมดาและเรียบง่าย แต่เป็นระเบียบเรียบร้อย ภายในกระโจมที่ไม่เล็กเกินไปและไม่ใหญ่เกินไปนี้และไม่เลวร้ายเกินทำให้ท้องฟ้ารู้สึกสบายใจแต่ทันใดนั้นเองเขาวิ่งหนีออกจากกองดินกลับเข้าไปภายในป่าซึ่งไม่ไกลจากนั้นเขาได้ยินเสียงของบางสิ่งกำลังร้องเรียกเขา ถึงเขาจะไม่เข้าใจแต่ฝ่ายนั้นกลับเรียกเขาว่า เอเมนัส คาซปานาร์* ไกลออกไปจนกระทั้งเขามาพบกับ มหาสมุทรเบื้องหน้า

“ไง เอเมนัส คาซปานาร์”ชายหนุ่มรูปงาม สวมชุดคลุมสีฟ้าครามพร้อมกับกลุ่มคนภายใต้ชุดคลุมต่างๆซึ่งหลากหลายเพศและหลากหลายอายุวัน “ท่านโปรดเลือกนามของท่านด้วยเถิด”ชายหนุ่มพูดพลางหันไปมองชายชราหัวขาวสวมชุดคลุมสีเขียวแก่ซึ่ง เหลียวตามองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เย็นชาก่อนที่จะกล่าวกับท้องฟ้าอย่างนอบน้อมว่า

“นายท่านอย่าไปสนใจคนหนุ่มสาวเลย ท่านโปรดเลือก…”ทันใดนั้นเองชายชราก็ถูหญิงสาวสวมชุดคลุมสีชมพูดผลักแล้วพูดแทรกขึ้ว่า
“ท่านเลือกนามกับข้าดีกว่า เพราะข้าทั้งสวยและเลิศที่สุด...ว้าย!”หญิงสาวถูกเด็กหนุ่มอายุราวๆ 12-13 ปีสองคนสวมชุดคลุมสีม่วงคล้ำดวงตาขี้เล่นทั้งสองต่างจับจ้องมายังเขาแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่โปรดเลือกนามของข้า ถ้าหากท่านเลือกคนพวกนี้แล้วท่านย่อมจะประสบกับความทุกข์”เด็กชายทั้งสองกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ก่อนที่จะโดนชายสวมเกราะร่างแดงสูงตระหง่านฟาดสันมือใส่ “ท่านทำอะไรของท่านกัน!”เด็กทั้งสองหันไปค้อนใส่ชายร่างใหญ่ด้วยแววตาที่อาฆาตแค้นแต่ทันใดนั้นเองพวกเขาทั้งสองถูกเตะปลิวไปนอกกรอบทันที
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่”ชายร่างใหญ่คุกเข่าเบื้องหน้าแล้วกล่าวด้วยเสียงที่ก้องกังวานว่า “ท่านโปรดเลือกนามของข้า หากท่านเลือกข้า ข้าขอสัตว์สาบานว่าข้าจะปกป้องท่านไปตลอดนิรันดร์!” กลุ่มคนสวมชุดคลุมซึ่งถูกดันออกไปจ้องมองเขาเป็นตาเดียวก่อนที่จะเริ่มเข้าหาเขาพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างและแน่นอนว่าท้องฟ้าไม่เข้าใจว่าคนกลุ่มนี้พูดอะไรกันจนกระทั้งเขาเหลือบไปพบกับมนุษย์สวมชุดคลุมดำเส้นตัดสีทอง นั่งดูวัตถุบางอย่างอยู่ขอบริมทะเลสาบ

“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ได้โปรดเลือกข้าด้วยเถิด!”กลุ่มชุดคลุมกรูกันเข้ามาหาเขาพร้อมกับขอให้เขาเลือกอะไรบางอย่างแต่ท้องฟ้าไม่รู้จึงไม่โต้ตอบออกไปแต่ด้วยความตกใจ ท้องฟ้าได้วิ่งหนีไปหลบอยู่เบื้องหลังของคนสวมชุดคลุมสีดำผู้นั้น

ไวกว่าความคิดกลุ่มคนสวมชุดคลุมรีบฉุดแขนเขาออกมาพลางจ้องมองหญิงสาวในชุดคลุมสีดำซึ่งเพิ่งหุบวัตถุภายในมือขาวพองของนางด้วยรอยยิ้มที่สดใส ถึงมนุษย์กลุ่มนั้นจะพยายามกันเขาจากนางแต่พลันราวกับว่าในสายตาของท้องฟ้ามีเพียงหญิงสาวในชุดคลุมเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกกีดกันออกห่าง

“ท่าน ข้าขอร้องเถอะ เลือกตัวข้าแล้วท่านจะพบกับความสุขนะท่าน!”ชายหนุ่มรูปงามที่ชื่อว่า สกาย กระชากเส้นผมของเขาพร้อมกับตวาดต่อว่าเขาไม่ขาดปาก และราวกับว่าเขากำลังโกรธเคืองอะไรบางอย่าง ท้องฟ้า ไม่เข้าใจทำไมเขาถึงไม่อยากเข้าใกล้พวกเขา พลันสายตาของเขาหันไปมองหญิงสาว
พลันปรากฏร่างของชายหนุ่มสวมเครื่องประดับแปลกตาพร้อมกับร่างของหญิงสาวซึ่งทรุดกายลงนั่งใต้ต้นไม้พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินโดยไม่ทราบสาเหตุของนาง เขาไม่รู้ว่านางเป็นเขา ท้องฟ้าพยายามฝ่ากลุ่มชายชุดคลุมออกไปแต่ทว่าแขนและขาของท้องฟ้าไม่สามารถขยับได้และปากของเขาพยายามเอ่ยคำๆหนึ่งออกมาว่า

“ข้ากลับมาแล้ว...”

_TOY_
11th July 2011, 21:10
บทที่ 2...

ข้าร้องไห้ทำไมกัน? ข้ากำลังทำหน้าที่ของผู้กำเนิดนาม ทำไมข้าต้องหลั่งน้ำตาด้วย
ทั้งๆที่ข้าควรจะเป็นผู้ที่โกรธเขามิใช้ข้าที่ต้องเสียใจ!
ทำไมกัน? ทำไมข้าถึงต้องโหยหา และรู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนั้นด้วย?
ทำไมหัวใจของข้ารู้สึกเจ็บกันนะ....?

-ดีไรท์ ฟีเวล-

ท้องฟ้าพยายามดันกลุ่มคนในชุดคลุม พลางใช้เล็บจิกกัดจนกระทั้งหญิงสาวเดินมาหาก่อนที่จะคว้าแขนเขาออกวิ่งเข้าไปภายในป่าลึก กิ่งไม้ และเศษหินดินทราย สาดใส่ใบหน้าขาวพองของท้อง และเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนดังกล่าวแว่วมา
“เลือกข้า!”หญิงสาวเอ่ยพลางฉุดแขนของท้องฟ้ามาหลบหลังพุ่มไม้ “ถ้าเจ้าอยากรอด เลือกข้า”หญิงสาวกล่าวเป็นเชิงคำสั่งพลางเงยหูฟังว่าเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนในชุดคลุม

“ซาริธ ซาริธ”ท้องฟ้าชี้นิ้วไปที่ตัวเองก่อนที่จะเอื้อมมือไปลูบเรือนผมสีม่วงประกายทองของหญิงสาว “อานาทอร์...”ท้องฟ้าโน้มตัวโผเข้ากอดหญิงสาวหญิงสาวก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยแววตาที่โหยหาอย่างแรงกล้า
ฉับพลันนั้นเองเงาขนาดใหญ่ดำทมึนปกคลุมแผ่นหลังพวกเขาทั้งสองก่อนที่ฟาดเท้าอันใหญ่โตของมันลงแต่ต้องชะงักเมื่อมีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติภายในมนุษย์สองคนนี้มันจึงได้ถอยหนีไปในป่าลึกดังเดิม พร้อมกับเสียงร้องอันโหยหวนกึงก้องพร้อมกับเสียงพูดคุยของบางสิ่ง

“ท่าไม่ดีแล้วสิ”หญิงสาวพูดพลางอุ้มเขาขึ้นก่อนที่จะพุ่งทะยานขึ้นพร้อมกับเอ่ยคำพูดบางอย่างซึ่งพรั่งพรูออกมาจากปากเรียวเล็กนั้นอย่างมากมายก่อนที่จะร่วงลงมาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
เสียงลมและแรงบีบอัดจากอากาศ ใบหน้าของหญิงสาวมองพื้นเบื้องล่างซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าอสูรกายอันน่าหวาดผวา แผดเสียงร้องโหยหวนด้วยความโกรธเกรี้ยวปนแค้นเคือง เอาไงดี ข้าลงมาที่แห่งนี้เพื่ออันใด หญิงสาวถามตนเองพลันถูกตะข่ายเหล็กซึ่งพุ่งมาตามขอบหน้าผาหินสูง พร้อมกับร่างของยักษ์แดงหนึ่งตนพยายามดึงตะข่ายขึ้นมา

ฉับพลันนั้นเองร่างของท้องฟ้าค่อยๆเปล่งแสงอย่างแรงกล้าทำให้รัศมีโดยรอบส่องสว่าง เหล่าอสูรกายต่างโห่ร้องกึงก้องทั่วทั้งนรกก่อนที่จะพร้อมใจกันพุ่งเข้าหาพวกเขาทั้งสอง ซึ่งตกลงสู่เบื้องล่างของซึ่งมีเหล่าอสูรกายนับหลายล้านตนเตรียมพร้อมอาวุธภายในมือ

DAMO END.....

สำหรับผู้อ่านทุกท่านคงเคืองเป็นอันมาก สำหรับเดโมตัวนี้ แน่นอนว่าผมเขียนไว้ราวๆ 20 ตอนแล้ว และอยู่ในช่วงกำลังหาคำผิด ถ้าจะถามว่าผมจะลงนิยายตัวเต็มเมื่อไหร่ ผมคงบอกว่า เดือนหน้า ราวๆวันที่ 26-27 ละมั้งนะ