PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : 6 เหตุผล(โลกไม่สวย) ที่การศึกษาไทยติดที่ "โหล่" อาเซียน



cpt.noppakit
7th September 2013, 20:33
http://3.bp.blogspot.com/-MBCJmMGGHF8/UiryvJpbWsI/AAAAAAAAEUg/osKbrHKJwKs/s1600/1.jpg


สวัสดีครับ.. จะช้ำใจและอายแค่ไหน หากเราสอบได้ที่โหล่ของห้อง เพราะนอกจากจะโดนเพื่อนล้อ ครูมองติดลบ
ยังอาจถูกพ่อแม่สวดถึงเช้าเลยก็เป็นได้ แต่เชื่อไหมครับว่าเหตุการณ์น่าอายแบบนี้ได้เกิดขึ้นกับประเทศไทยแล้ว ???
ล่าสุดมีข้อมูลการประชุมของ World Economic Forum (WEF) - The Global Information Technology Report 2013
ได้จัดอันดับคุณภาพการศึกษาในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยของเราถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีคะแนนต่ำที่สุด
รองจากประเทศเวียดนามที่ได้อันดับ 7 และประเทศกัมพูชาอันดับ 6 O_O"

โดยประเทศที่มีคุณภาพการศึกษาดีที่สุดในกลุ่มอาเซียน เรียงตามลำดับที่ดีที่สุด ดังนี้ อันดับ 1 สิงคโปร์,
อันดับ 2 มาเลเซีย, อันดับ 3 บรูไน ดารุสซาลาม, อันดับ 4 ฟิลิปปินส์, อันดับ 5 อินโดนีเซีย, อันดับ 6 กัมพูชา, อันดับ 7 เวียดนาม และอันดับ 8 ประเทศไทย

เกิดอะไรขึ้นกับการศึกษาของประเทศไทย เห็นทีประโยคที่ถูกปลูกฝังว่า "การศึกษาบ้านเราไม่เป็นสองรองใครในอาเซียน"
คงจะพูดได้ไม่เต็มปากซะแล้ว วันนี้เว็บ Dek-D เลยขอรวบรวม 7 เหตุผล(โลกไม่สวย) ที่ทำให้การศึกษาไทยเดินทางมาถึงวันนี้
วันที่ถูกจัดอันดับเป็นที่ "โหล่" ของอาเซียน มาจากเหตุผลอะไรได้บ้างไปดูกัน

1.คนเก่งไม่ชอบเรียนครู
เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกวันนี้ เด็กเก่งจะไปกองอยู่ที่คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์
หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่วนทางด้านคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ซึ่งเป็นคณะที่ปั้นคนไปเป็นครู ผู้ที่เป็นรากฐานของการศึกษาไทยนั้น
กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร พี่ลาเต้ กล้าพูดได้เลยว่า 100% ของคนเรียนครู 30% คือคนที่อยากเรียนจริงๆ ส่วนอีก 70% คือคนตกหล่นจากคณะอื่นแล้วมาติดที่คณะครู
พิสูจน์ได้แล้วจากแอดมิชชั่นแต่ละปีที่ผ่านมา

2.สอบมากสุด 28 วิชาเพื่อเข้ามหา'ลัย
O-NET 8 วิชา , GAT PAT 13 วิชา, วิชาสามัญ 7 วิชา นี่เป็นข้อสอบพื้นฐานที่เด็ก ม.6 ต้องขวนขวายสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย นี่ยังไม่นับสอบกลางภาค
ปลายภาค สอบเก็บคะแนน หรือการบ้านที่ต้องทำอีก เมื่อกฏเกณฑ์ทำให้เด็กต้องรับผิดชอบเยอะ เด็กหลายคนจึงต้องตัดใจทิ้งความรับผิดชอบบางอย่างไปเพื่อประคองตัวเองให้
อยู่รอด พอถึงตรงนี้ก็คงตอบได้ว่า คงไม่มีเด็กคนไหนเลือกทิ้งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นอนาคตของตัวเอง และความหวังของพ่อแม่ ดังนั้นการที่เด็ก ม.6
หนึ่งคนต้องสอบมากสุดถึง 28 วิชาเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย คงเดาได้ไม่ยากว่าจะส่งผลต่อการเรียนในโรงเรียนขนาดไหน และการจัดอันดับดังกล่าวก็เอาผลคะแนนจากการเรียนในโรงเรียนเป็นตัวชี้วัดซะ ด้วย อิอิ

3.ครูไทย นักเรียนไทย คนละ GEN กัน
จะเกิดอะไรขึ้น ??? เมื่อวัยรุ่นสมัยนี้ผู้ที่โตมาพร้อมกับความอิสระและเทคโนโลยี ต้องมาอยู่ในกรอบของผู้เป็นวัยรุ่นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว
นอกจากการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป รูปแบบความสนใจก็เปลี่ยนตามด้วย ยกตัวอย่าง หากต้องการค้นหางาน 1 ชิ้น อาจารย์หลายท่านอาจจะวิ่งไปห้องสมุด
แต่นักเรียนหลายคนอาจจะวิ่งกลับบ้านไปเปิดอินเทอร์เน็ต หรือมีคำสั่งให้ทำพานไหว้ครูประกวด นักเรียนหลายเลือกยึดเอาความคิดสร้างสรรค์แต่งพานเข้าสู้
แต่อาจารย์เน้นยึดความเป็นเอกลักษณ์สื่อความหมายในการตัดสิน ตราบใดที่ครูและนักเรียนยังพูดคนละภาษากันอยู่ การศึกษาไทยซึ่งเป็นตัวกลางของบุคคลทั้งสองก็คงยัง งง ไม่ต่างกัน


4.ภาษาที่ 2-3 ของเด็กไทยแพ้ราบคาบ
เหตุผลนี้อาจเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ เลยที่ทำให้การศึกษาไทยเรารั้งอันดับท้ายสุด เพราะต้องยอมรับว่าภาษาอังกฤษ หรือภาษาที่ 3
เด็กไทยเราความสามารถในการสื่อสารแพ้ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนอยู่ หลายช่วงตัว หลายปีผ่านมาประเทศไทยเรามักจะเอาการศึกษาบ้านเราไปเปรียบเทียบกับประเทศ
สิงค์โปร์ หรือมาเลเซีย แต่ความจริงแล้วผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านภาษาอังกฤษของ 3 ปีล่าสุด เราเป็นรองประเทศลาวอยู่ ซึ่งในการจัดอันดับคุณภาพการศึกษาของ WEF
ในครั้งนี้ ประเทศลาว และพม่า ไม่ได้เข้าร่วมในการจัดอันดับ

5.เรียนหนัก เน้นท่องจำ
สมัยก่อนเด็กไทยเรียน 8 โมง - บ่าย 3 โมงครึ่ง แต่สมัยนี้มันไม่ใช่แบบนั้นซะแล้ว ยิ่ง ม.ปลาย บางแผนการเรียนเริ่มเรียน 7 โมง บางวันเลิกเรียน 5 โมง
การเรียนเยอะไปของบางโรงเรียนเลยส่งผลให้นักเรียนล้าจนเกิดภาพติดลบในการ เรียนในที่สุด ขณะที่การเรียนวิชาต่างๆ ก็จะเน้นการท่องจำ ท่องแล้วจำไปเรื่อยๆ
ครูเคยจำมาแบบไหนก็ให้นักเรียนจำแบบนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงนักเรียนอาจมีวิธีสร้างความเข้าใจในเรื่องนั้นได้ดีกว่า การท่องจำยังอยู่กับเด็กไทยเสมอวัดได้จากข้อสอบที่ออกมา
ทั้งข้อสอบในชั้นเรียน และข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่หากใครเคยสอบจะบอกได้คำเดียวเลยว่า "ต่อให้มีความเข้าใจที่ดีเพียงใด ก็ต้องอาศัยการท่องจำอยู่ดี"

6.นักเรียนเร่งทำเกรด ครูเร่งทำผลงานวิชาการ
เป็นเรื่องจริงปฏิเสธไม่ได้ เมื่อนักเรียนต่างเร่งทำเกรดทุกวิถีทางให้ได้มากที่สุด ขณะที่ครูอาจารย์ต่างก็ต้องเร่งทำผลงานทางวิชาการเพื่อปรับฐานวิทยาฐานะของ
ตนเอง เมื่อทั้งคู่มีเป้าหมายส่วนตัว จนลืมหรือละเลยการศึกษาที่เป็นส่วนกลาง บางโรงเรียนถึงขั้น คาบแรกอาจารย์พูดทักทายอยู่ 2 ประโยค คือ 1.ไปทำงานชิ้นนี้มา และ
2.เจอกันอีกทีคาบสุดท้ายนะ พร้อมส่งเก็บคะแนน = ="

เด็กไทยคิดเห็นยังไงกับข่าวนี้ ?
สัมภาษณ์ : ปราญชลี บุญสงเคราะห์ หรือ เอิน
นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร

"การศึกษาไทยยัดความรู้ให้เด็กมากเกินไป อย่างน้องของหนูเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ ที่นั้นเรียนกำลังพอดี นักเรียนแบ่งเวลาได้สบายๆ มีทั้งช่วงเรียน และช่วงเล่น
ทำให้น้องเอินทั้งจัดเวลาเป็น แต่น้องคนเล็กเรียนที่ไทย ทุกวันเรียนเสร็จ เรียนพิเศษต่อ เรียนจนบางทีเบลอ กลายเป็นคนแบ่งเวลาไม่เป็น เพราะวันทุกวันมีแต่เรียน
ทุกๆช่วงเวลามีเรียนเรียน เด็กกลายเป็นนกแก้วนกขุนทอง เพราะเรียนแบบท่องจำ วิเคราะห์และประยุกต์ใช้ไม่เป็น อีกอย่างเด็กได้รับความรู้ไม่เท่าเทียมกัน หรือไม่ได้มาตรฐาน
บางโรงเรียนครูก็เก่งมากกก ขณะที่บางโรงเรียนนักเรียนเก่งกว่าครูอีก อาจารย์บางท่านก็สอนไม่ได้มาตรฐานไม่มีจรรยาบรรความเป็นครู สอนเพียงตามหน้าที่เท่านั้น"

เอาล่ะครับ ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่พูดออกมาแบบตรงๆ คงสะท้อนการศึกษาไทยได้ในระดับหนึ่งนะครับ ถึงแม้ ณ ปัจจุบันการศึกษาเราจะอยู่อันดับสุดท้ายของอาเซียน
แต่ประเทศไทยเราก็มีข่าวดีให้น่าชื่นใจเกี่ยวกับการศึกษาอยูบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ที่ได้ Top O-NET เต็ม 100 คะแนน , เด็กไทยที่ได้รางวัลชิงชนะเลิศวงโยธวาธิตระดับโลก
หรือกลุ่มเด็กไทยคว้าเหรียญทองโอลิมปิกกลับมาแต่ปีละ ส่วนในระดับอาเซียนคงต้องให้เวลาแก้ไขซักนิด ช่วงนี้ก็เชียร์กีฬาไปก่อนแล้วกัน ประเภทนี้บ้านเรามือหนึ่งของจริงครับ ฮ่าฮา 555



ที่มาhttp://www.dek-d.com/education/32734/

teerachai212
7th September 2013, 20:42
มันเยอะเกินเหมือนกันน่ะไปโรงเรียน 8 โมงเรียนถึง 6 โมงเงี้ยก็ไม่ไหวน่ะ

Arpple
7th September 2013, 20:47
เคยเห็นประโยคที่ว่า 'ที่นักเรียนลอกข้อสอบ เพราะการศึกษาสอนให้เด็กเห็นความสำคัญของคะแนน มากกว่าความรู้'

alexsamui2
7th September 2013, 20:49
ครูที่ รร ผม มาพูดตอนเช้า บอกว่า ไทย ติดอันดับที่โหล่ของอาเซียน เรื่องความสามารถของนักเรียน
ความสามารถบ้าไร ระบบการศึกษาชัดๆ

neverdia
7th September 2013, 20:53
นี่คือ6เหตุผลหลัก ตรงจริงๆ

titanoon
7th September 2013, 21:06
มันเยอะเกินเหมือนกันน่ะไปโรงเรียน 8 โมงเรียนถึง 6 โมงเงี้ยก็ไม่ไหวน่ะ

นั่นแค่ที่ รร. ถ้านับที่เรียนพิเศษด้วย 2-3 ทุ่มเป็นอย่างต่ำ(เพราะผมเจออยู่)

pondsif01
7th September 2013, 21:10
แหม่ถูกทุกข้อเลยน๊ะครับ โดยเฉพาะ คนละ gen กัน ผมพูดภาษา ENG ได้เพราะโชคดีตอน ม1 มีครูประจำชั้นพึ่งจบจากต่างประเทศไฟแรง ศัพท์ที่ไม่มีสอนในโรง สอนเรื่อง bad ครูผมสอนหมด ยังกับ GTO จนปัจจุบันผมไม่เคยยุ่งกับสิ่งไม่ดีเลย นี่แหล่ะข้อดีของการมีครูไม่แก่

ละอีกอย่างเคยนั่งคุยกับเพื่อนที่มาเลเซียครับ ผมนั่งติวคณิตศาสตร์กัน เพื่อนมาเลผม งง มากเลยว่าทำไมเรียนยากอะไรขนาดนี้ ที่ประเทศเค้าพวกสูตรยากๆรึว่าที่เกี่ยวกับตัวเลข ประเทศเค้าสอนใช้เครื่องคิดเลขครับ และประเทศเค้าเรียนน้อยมากกกกก ไม่กี่ชั่วโมง เพราะการเค้าบอกว่าการทำอะไรมากไปจะน่าเบื่อ แต่ถ้าทำน้อยๆมันจะน่าสนใจและอยากทำอีก เหมือนเวลาเล่นเกม ถ้าเราเล่นมากไปก็จะเอียนเกมนั้น แต่ถ้าเราเล่นน้อยๆ เราก็จะวกคิดถึงแต่เกม นี่คือที่เพื่อนมาเลบอกมาน๊ะครับ ส่วนเด็กเกเร เด็กเถื่อนที่มาเลก็มีครับ แต่ที่ไทยเยอะเกิ๊นนนน

assasip
7th September 2013, 21:25
ผมว่า ควรจะสั่งสอนแบบญี่ปุ่นนะครับ แบบให้ฝึกทักษะต่าง ๆ ปลูกจิตสำนึก แล้วพออายุ 14 ก็เริ่มเรียนแบบจริงจัง ไม่บังคับเด็กให้มากนัก

นอกเรื่องหน่อยนะครับ ลายเซ้น Taylor Swift นี่เพลงอะไรหรอครับ

cpt.noppakit
7th September 2013, 21:28
ผมว่า ควรจะสั่งสอนแบบญี่ปุ่นนะครับ แบบให้ฝึกทักษะต่าง ๆ ปลูกจิตสำนึก แล้วพออายุ 14 ก็เริ่มเรียนแบบจริงจัง ไม่บังคับเด็กให้มากนัก

นอกเรื่องหน่อยนะครับ ลายเซ้น Taylor Swift นี่เพลงอะไรหรอครับ

Taylor Swift - ours ครับ

gostman
7th September 2013, 21:38
"เรียนหนัก เน้นท่องจำ" กับ "ภาษาที่ 2-3 ของเด็กไทยแพ้ราบคาบ" นี่ใช่เลยครับ โดยเฉพาะเรื่องภาษานี่ครับ ที่จริงควรที่จะสอนหลักการสื่อสารมากกว่าการสอนไวยากรณ์นะครับ เพราะมันเนื้อหาที่ต้องจำเยอะ+ทำให้เด็กเครียดเปล่าๆ+เด็กเอาไปพูดไม่ถูก ส่วนตัวผมคิดว่าควรเปลี่ยนเป็นสอนภาษาเพื่อการสื่อสารดีกว่านะครับ
"สอบมากสุด 28 วิชาเพื่อเข้ามหา'ลัย" อันนี้ก็น่ากลัวสุดๆสำหรับเมืองไทย อาจารย์ผมยังพูดเลยว่า ระบบ O-NET , GAT PAT เนี่ยมันไม่ดีซะเลย น่าจะใช้ระบบเอ็นเข้าแบบสมัยก่อนดีกว่าด้วยซ้ำครับ
สรุป : การศึกษาไทยควรปรับปรุงในหลายๆจุดครับ (ที่จริงมีหลายเรื่องอยู่นอกจาก 2 เรื่องที่พิมพ์มา) ถ้ายังเป็นแบบนี้เด็กไทยเราคงไปเทียบอะไรกับประเทศอื่นไม่ได้เลย (ผมตอนนี้ ม.5 แล้วพอสอบเข้ามหาลัยก็ปี 58 พอดี จะรอดไหมเนี่ย :sweat)

payback
7th September 2013, 21:49
เห้นด้วยทุกประการ

ckdh
7th September 2013, 21:53
เอะ อ่ะ ไร ก็โทษเด็ก อ. ไม่เคยผิดอ่ะ -*- อ. บางคนความรู้แน่น แต่สอนคนไม่เป็น มาสอน บอกตามตรงว่าไม่รู้เรื่อง เจอมากะตัว ทั้งห้องมารวมตัวกันแล้วพูดเป็นดเสียงเดียวกันว่าไม่รู้เรื่อง แต่พอเกรดออกมาไม่ดี ก็มาโทษเด็ก "การศึกษาไทย มีเด็กไว้เป็นแพะ"

oatink007
7th September 2013, 21:57
พูดได้เลยว่า "อาเซียนประเทศเรา ยังไม่พร้อมจริงๆ" :sweat:sweat:sweat:sweat

aom
8th September 2013, 06:11
เรียนหนักไม่พอ เจออาจารย์ชอบดูถูกนักเรียนครับ แล้วใครเล่าอยากจะเรียน.. ภาษานี่เรื่องจริงเลย เด็กไทยทำข้อสอบเพื่อผ่านครับ ไม่มีอยากติดซ้ำกันทั้งนั้น
อยากให้มันเรียนเฉพาะสิ่งที่จำเป็นครับ ไม่ใช่มาท่องนู่นนี่นั่น แล้วให้มันผ่านมีคะแนนทั้งๆ ที่มันไม่ได้เอาต่อประโยชน์อะไรเลย ถ้าจะแบบนั้นจริงๆ อยากให้เรียนสายนั้นไปต่อ มหาลัยกันไปเลยดีกว่า เดี๋ยวมัธยมขั้นต่ำเลิก 5 โมง มหาลัย เลิกก็มืด
แล้วยังจะมาบอกว่า เวลาพักผ่อน เยอะกว่าเวลาเรียนซะที มันหมดยุคนั้นไปแล้วครับ การศึกษาไทยควรหันมามองตัวเองได้แล้วครับ ไม่ใช่มาปรับปรุงกับเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่รู้เห็นอะไรเลย

nintyninty
8th September 2013, 06:59
ตราบใดที่ยังมีความเชื่อเพื่อเรียนเอากระดาษมันไม่พัฒนาร้อกก
เรียนมหาลัย ไปเรียนพิเศษเพิ่ม ในวิชาเดียวกัน ดูถูกตัวเองกันเกินไปมั้ง ไม่มีความสามารถพอจะศึกษาเองเลยเชียวเหรอ ?
ประเทศไทยมีความคิดแปลกๆว่ามีใบปริญญาแล้วจะเก่งแล้วจะหางานทำง่าย
แต่ก็บ่นไรมากไม่ได้ เราก็อยู่ไทย หลิ่วตาตามไปเรื่อยๆ
เรียนเพราะต้องเรียน ไม่ได้เรียนเพราะอยากเรียน พ่อแม่ก็บังคับลูกไปเรียนนั่นนี่ การศึกษามีส่วนให้ประเทศชาติเจริญแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก
คะแนนดีแต่ก็โง่วอยู่ดี ถ้าเอาแต่จำไปสอบ

id_iuoiuo
8th September 2013, 07:11
ผมเรียนช่างนะ ไม่ค่อยเจออะไรพวกนั้นหรอก สอบก็แค่เอาผ่าน เพราะ ตอนไปทำงานความรู้ที่เรียนมา คุณได้ใช้ไม่ถึงครึ่งหรอก

ไปฝึกใหม่ทั้งนั้นแหละ

oolldjlloo
8th September 2013, 07:44
ถามแค่เนี้ย คนที่เห็นว่าการศึกษาไทยดีมีถึง 50% รึเปล่า ถ้าข่าวนี้ยังไม่ออก มันมีไม่ถึงครึ่งหรอก พอข่าวออกปุ๊บ มันจะมีพวกสื่อสวะๆ คอยโยนความผิดมาให้เด็ก ทำให้บางคนที่โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงคิดไม่เป็น ไปคิดว่าเป็นความผิดเด็กอีก รุ่ง แน่ รุ่งริ่ง

beesboy141
8th September 2013, 08:10
เฮ้อ ไม่มีความสุขเลยสักนิดสิน้า

noonza01
8th September 2013, 08:45
ไอ้ข้อ 5 กับ 6 นี่ ผมมองว่าจริงที่สุดครับ - -

godzaz777
8th September 2013, 09:00
ชีวิต _ _ คงต้องเหนื่อยต่อไปตราบใดที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

reconnang
8th September 2013, 09:11
เด็กไทยฉลาดนะ .......แต่ในเรื่องโง่ๆๆ

pong42567
8th September 2013, 09:25
ยอมรับเลยครับที่ผมไปเรียนทุกวันนี้ไม่ได้รับความรู้อะไรเลยวัน ๆ เอาแต่ชีวิตรอดทั้งนั้น ลอกงานเพื่อนบ้างอะไรบ้างเพื่อที่จะได้เกรดผ่านและไม่ตก ที่หวังไว้คือวุฒตอนเรียนจบเอาไปทำงานแค่นั้น ไม่ใช่ความรู้เลยสักนิด

liger0000
8th September 2013, 09:27
ปล.สิงค์โปร์เนี้ยจะสบายเพราะตอนเรียนป.1-ป.4เท่านั้นแหละ พอขึ้นป.5-มัธยม เอ็งจะรู้ซึ้งถึงคำว่าต้องทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน เคยฟังบรรยายหัวขอการศึกษาในสิงค์โปร์ฟังแล้วไม่อยากไปเรียนเลย

beever9
8th September 2013, 09:52
เรียนชั่วโมงเยอะไปก็ทำให้เด็กไม่มีกระจิตกระใจอยากไปโรงเรียนหรืออยากเรียนแล้วหละครับ

HANG-ON
8th September 2013, 15:42
บางคนก็ได้ดิบได้ดี แต่บางคนก็ออกนอกลู่นอกทาง

ถ้าการศึกษามันดีจริง ประเทศไทยเจริญกว่าสิงคโปร์อีก

newvisions
8th September 2013, 17:12
เอาคนที่ทำอาชีพนั้นๆมาสอนให้นักศึกษา

jimwar
8th September 2013, 23:29
อยากรู้จริงเขาเอามาตรฐานอะไรมาวัด เพราะระบบไทยมันเปลี่ยนไปทุกปีผมละงงใครรู้อธิบายด่วน

powerop
9th September 2013, 03:03
ควรเร่งสร้างนิสัย ให้มีความคิดเพื่อส่วนรวม ทั้งนักเรียน ครู ผอ. กระทรวง ประชาชน และรัฐบาล ในการมองเห็นการสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีคุณค่า

ถ้าสรุปได้ว่า หมอ หมอฟัน วิศวกรต่างๆ เรียนเก่งและฉลาด ลองให้เค้ามาช่วยเหลือแนะแนว สร้างการเรียนรู้ และสร้างแรงบันดาลใจ ต่ออาชีพในอนาคต
หรืออีกทาง สำหรับ ศิลปิน สามารถแสดงคุณค่าของชีวิตเป็นอย่างไร

ผมว่า วิชาการในแต่ละสาขา เรียนรู้ เพื่อที่จะช่วยในการวิเคราะห์ฺและตัดสินใจได้ในสถานการณ์ต่างๆกัน
แต่บางที การลงรายละเอียดมาก เกินไป ทำให้เสียเวลากับนักเรียนบางคนที่ไม่สนใจ

ตัวอย่างเช่น
เนื้อหาวิชาพื้นฐาน ต้องการให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ เข้าใจศาสตร์วิชานั้นๆ และใช้สำหรับต่อยอดในระดับต่อไป เหมือนกับ เรารู้จักคำว่า CPU RAM VGA เท่านั้น แล้วจึงตัดสินใจเปรียบเืทียบความสามารถของแต่ละรุ่นได้ ในหมวดเนื้อหาวิชาเฉพาะ ((เป็นวิชารายละเอียดของความรู้ที่มีหลายระดับ)) เพื่อเกิดกระบวนการคิด และการตัดสินใจ

เพิ่มเติม การมีระบบช่วยเหลือแนะนำรุ่นน้องดีนะครับ ดั่งคำที่ว่า "รุ่นพี่ อาบน้ำร้อนมาก่อน" รู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ปรับตัว แก้ไข แนะแนวมุมมอง

อีกประเด็นหนึ่ง ถ้าหากว่า จำนวนอ. ที่จะสอนในแต่ละวิชา ไม่เพียงพอ
ขอความร่วมมือ และความช่วยเหลือจาก บุคคลเชี่ยวชาญในอาชีพนั้นๆ
โดยตรงนี้ เกิดขึ้นได้จากรัฐฯ ควรสร้างวิธีการเกื้อหนุน ให้บุคคลเชี่ยวชาญเหล่านั้น สามารถสละเวลา มาสร้างคนรุ่นใหม่ต่อไป

นี่คือ การแปลงระบบการศึกษาอย่างหนึ่ง
ใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีค่าจากอาชีพต่างๆ มาช่วยเหลือกัน เพื่อไม่เทภาระทั้งหมดไปที่ นักเรียน ครู หรือ โรงเรียน เพียงอย่างเดียว

pariwat101
9th September 2013, 03:28
ขนาดขึ้นมหาลัยแล้ว ยังงงเลย ว่าวิชาหลายๆอย่าง อ่ะ ไม่รู้จะเรียนแบบทองจำทำไมไม่เกียวกะชีวิตเราเลย - - อย่างเคมีนี้ ให้ท่องตารางธาุตุอ่ะ
ไม่รู้จะให้ท่องทำไมถ้าคนมันจะสนใจอะไรซักอย่าง ไม่ต้องบอกเดี๋ยวทำเองแหละ แต่ให้ท่องเก็บคะแนน เหอะๆ ผมไม่สนเลยล่ะ หนีไปวาดรูปเล่นอะไร
ที่มันสบายใจดีกว่า 5555 ปล. เรียนถาปัตอ่านะ 555

kurolykan
9th September 2013, 03:35
ทิ้งความเป็นเสื้อเหลืองเสื้อแดงไว้ แล้วลองฟังอันนี้ดูครับ ผมคิดว่าหลายคนคงมีวิจารณญาณมากพอที่จะแยกแยะอะไรเป็นอะไรออก

อันนี้ผมเห็นด้วยกับลุงแกอย่างยิ่ง


http://www.youtube.com/watch?v=cuQg_GR2wzc

jeditrainer
9th September 2013, 04:45
เด็กไทยจะบ๊วยเพราะภาษารองห่วยแตกนี่แหละ ขนาดภาษาไทยเองยังใช้ผิดพูดผิดเขียนผิดกันเต็มเลยยุคนี้(ในJKGก็เยอะ)
แต่จะโทษครูอย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะเด็กหลายคนไม่ตั้งใจเอง แถมบางคนกลัวพวกนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันเรียนทำให้ไม่อยากเรียน
เป็นกันมานานแล้วนะครับ ผมว่าครูเขาสอนมาถูกทางแล้วแต่ควรจะเพิ่มหลักสูตรวิชาภาษาเข้าไปให้มากกว่านี้ และเปลี่ยนวิธี
การสอนด้วย เพราะบางทีมันไม่จูงใจให้เด็กเรียน แต่ที่สังเกตคือเด็กคนไหนเก่งภาษาก็จะชอบเรียนวิชาภาษาและอยากเรียน
วิชาภาษาอื่นเพิ่มนอกเหนือจากภาษาอังกฤษด้วย แต่เด็กที่ไม่ชอบเรียนพวกนี้แม้แต่ภาษาไทยเองก็ยังห่วย เชื่อไหมละ
แล้วเรื่องการคุยสนทนาภาษาอังกฤษนะ ส่วนใหญ่เด็กไทยกลัวไปเองแล้วไม่ยอมพูดกับชาวต่างชาติ กลัวจะพูดผิด แล้วโดน
หัวเราะเยาะ แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย พอกล้าทำก็กลายเป็นการสร้างโอกาสให้ตัวเอง และมักเก่งขึ้นกับความกล้าทำนี่แหละ

beanzx
9th September 2013, 14:58
มันก็หลายๆอย่างประกอบกันครับ ครูบ้าผลงานวันๆต้องทำเอกสารที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเรียนทั้งวัน ไม่มีเวลาเอาใจใส่เด็ก ครูแก่ๆเอาแต่อู้งานไม่ยอมเกษียณโยนงานให้ครูใหม่ทำ ครูใหม่ๆไฟแรงๆ โดนงานเยอะๆ+ไม่ได้สอนเด็ก=ไฟก็มอดลง เด็กพอครุไม่สอนก็ชอบใจไม่ต้องตั้งใจเรียนก็ผ่านได้(นโยบายโรงเรียนเดี๋ยวนี้ไม่ให้เด็กซ้ำชั้นครับ เพราะถ้าซ้ำแล้วเขตพื้นที่การศึกษาจะเรียกตรวจสอบ ผอ.ไม่อยากให้สอบก็ต้องให้เด็กผ่านๆไป) ระบบเน่าครับ ครูเน่าครับ เด็กก็เน่าครับ เล่าไปสามวันไม่จบ