PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : เสียงคนจน รากหญ้า ไม่มีมีคุณภาพเท่ากับคนจบปริญญาจริงหรือ?



shisaku
11th December 2013, 22:09
ผมไม่เข้าใจ ทำไมชาวประเทศกรุงเทพชอบคิดว่า เสียงของตัวเอง มีสิทธิมากกว่า มีคุณภาพกว่า เสียงของประชากรรากหญ้าทั่วๆไปที่ต่างจังหวัดครับ ชาวประเทศกรุงเทพอันแสนเลิศเลอ ทำไมชอบมีความคิดแบบนี้จังเลย เช่นชอบคิดว่า ชาวนาไม่พร้อมจะเลืิอกตั้ง ชาวนาไม่มีความรู้ ชาวนาโดนหลอก หรือชาวนาโง่ ดังนั้นจึงไม่ยอมรับเสียงของชาวนา แล้วแบบนี้มันจะเกิดประชาธิปไตยได้อย่างไร


https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/1467416_690711720969218_1771244129_n.jpg

maxk4255k
11th December 2013, 22:19
http://image.ohozaa.com/i/cfb/86Moon.jpg (http://image.ohozaa.com/view2/xgJbyabQ6L0WTp5T)

credit.หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล

Richardo
11th December 2013, 22:21
บ้านเมืองกำลังบอบบางแล้วจะหยิบยกเอามาให้ดราม่าทำไม ไร้สาระ

sanyatime
11th December 2013, 22:23
พูดได้ดีครับ ถูกต้องครับ
http://image.ohozaa.com/i/cfb/86Moon.jpg (http://image.ohozaa.com/view2/xgJbyabQ6L0WTp5T)

Hellraizer
11th December 2013, 22:25
คนที่มีใบปริญญาฯจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆที่เขาร่ำเรียนมาครับ (คนส่วนหนึ่งไม่เป็นเช่นนั้น คือได้ใบปริญญาฯมาอย่างไม่มีคุณภาพก็มี)
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง อาจจะไม่มีความรู้หรือความสนใจในอีกหลายๆเรื่องเลยก็เป็นได้ครับ
ฉะนั้นการที่จะยกเอาเรื่องใบปริญญาฯมาอ้าง หรือยกตัวเองว่าฉลาดกว่าผู้อื่น เพื่อต้องการให้ตนเองมีคะแนนเสียงมากกว่า 1 เสียงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากๆเลยครับ ^ ^ ..

sanyatime
11th December 2013, 22:28
ให้มันดูดไส้กรอก แทนข้าวก็แล้วกัน คนในรูป
ผมไม่เข้าใจ ทำไมชาวประเทศกรุงเทพชอบคิดว่า เสียงของตัวเอง มีสิทธิมากกว่า มีคุณภาพกว่า เสียงของประชากรรากหญ้าทั่วๆไปที่ต่างจังหวัดครับ ชาวประเทศกรุงเทพอันแสนเลิศเลอ ทำไมชอบมีความคิดแบบนี้จังเลย เช่นชอบคิดว่า ชาวนาไม่พร้อมจะเลืิอกตั้ง ชาวนาไม่มีความรู้ ชาวนาโดนหลอก หรือชาวนาโง่ ดังนั้นจึงไม่ยอมรับเสียงของชาวนา แล้วแบบนี้มันจะเกิดประชาธิปไตยได้อย่างไร


https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/1467416_690711720969218_1771244129_n.jpg

shisaku
11th December 2013, 22:29
นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไร้สาระนะ นี่มันเทียบได้กับการเหยียดสีผิวดำของชาวผิวขาวเลยนะครับ เพียงแค่ต่างกันที่สถานะเท่านั้นเอง
มันเป็นเรื่องใหญ่นะครับ การเหยียดความรู้ เหยียดชั้นวรรณะนี่ มันจะทำให้เกิดช่องว่างในสังคม แล้วประเทศมันก็จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ

neobleak
11th December 2013, 22:40
แหม่..แล้วนักการเมืองชั่วๆที่จบป.ตรี-ป.เอกไม่ใช่หรอที่คอยหลอกคนบ้านนอกนะ

Buffalo
11th December 2013, 22:41
ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ อยู่ในอำเภอติดตะเข็บชายแดนเลย สมัยเด็กผมเคยอยู่กับยายในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งยายผมเป็นชาวนาครับ
(โตมาหน่อยถึงมาอยู่กับแม่ที่เป็นครูในตัวอำเภอ)

สิ่งที่ผมได้เห็นเวลาเลือกตั้งคืออะไรรู้มั้ยครับ การซื้อเสียงครับซื้อกันแบบโจ่งแจ้งเลยทีเดียว
และที่น่าเจ็บใจกว่าคือ ใครจ่ายเยอะชาวบ้านเค้าเลือกคนนั้นครับ เค้าไม่ได้สนว่าคนที่เค้าเลือกเข้ามาจะมาทำหน้าที่อะไรด้วยซ้ำ มีบทบาทอะไรบ้างในการบริหารประเทศ มีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน
เค้าไม่สนครับ เพราะเค้าคิดว่าถึงรู้เรื่องพวกนี้ไป ก็ไม่ทำให้ข้าวออกรวงเยอะขึ้น หรือมันสำปะหลังจะน้ำหนักดีขึ้นเพิ่มขึ้น
เค้าสนแค่ว่าปีหน้าฟ้าฝนจะเป็นยังไงบ้าง หวยงวดหน้าจะออกอะไร ราคาข้าวเป็นยังไงบ้าง ข้าวที่จำนำไว้เมื่อไหร่จะได้ตัง
ใครจะโกงชาติก็ช่างหัวมัน เอาตังมาให้-ูด้วยก็พอ นี่คือความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ในละแวกบ้านผมครับ

ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำเสียงของคนอื่นมาใช้ได้ต่างหาก

แนะนำว่าลองมาใช้ชีวิตอยู่กับชนชั้นรากหญ้าซักปีสองปีนะครับ ไม่ใช่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างแล้ว เรียกร้องหาความเท่าเทียม

first
11th December 2013, 22:59
ไอคนส่วนใหญ่มันก็มาจากบ้านนอกแหละ หายากที่จะมีคนในอยู่นะครับ แต่ก็เหอะ ก็งี้แหละ งั้นแหละ ว่างั้นแหละ เออๆงั้นแหละ ok บาย( ไรเดอร์คิก ผมได้เลย 55555555+ วิ่งหนีๆๆ)

jar32402
11th December 2013, 23:03
ผมชอบคำนี้จัง ''ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำเสียงของคนอื่นมาใช้ได้ต่างหาก '' ซื้อเสียงไงครับแค่นี้ก็ทำให้คนหนึ่งคนมีมากกว่า 1 เสียงได้แล้วง่ายจังเลย

popza01
11th December 2013, 23:14
คิดแบบนั้นมันมันไม่ถูกหรอก เพราะยังไงถ้าเป็นประชาชนชาวไทยทุกคนที่สมประกอบในแง้ของคำว่าประชาธิปไตย ก็มีสิทธิ์เท่ากันทุกคน

ในแง้ของคำว่าประชาธิปไตย์ คุณค่าของคน ในแง้ของคุณธรรมและจริยธรรม นั้นก็คือความดีงาม แต่ถ้าเป็นในแง้ของทุนนิยม ก็คือคนมีความสามารถและประสิทธิภาพ

1เสียงของชาวนาก็มีค่าเท่ากับ1เสียงของด๊อกเตอร์คนนึง ถ้าในแง้ความเป็นประชาธิปไตยนะ เพราะฉะนั้นจะเอาความฉลาดมาบอกว่าเสียงของตัวเองมันก็ไม่ได้หรอก:confused:

jeepthai
11th December 2013, 23:14
หนึ่งเสียงเท่ากันครับ ไม่ว่าจะยากดีมีจน จบการศึกษาสูงขนาดไหน หรือมีความคิดทางการเมืองล้ำลึกสักเพียงใด ทุกคนมีได้แค่เสียงเดียว เพราะทุกคนคือคนไทย หนึ่งคะแนนคือหนึ่งคนไทย

ถ้าแบ่งคุณภาพคะแนนเสียง มันก็ไม่ต่างอะไรจากระบบชนชั้น แล้วพวกชาวนา คนจน คนไม่มีการศึกษา(ซึ่งถ้าเขาเลือกได้ก็คงไม่อยากเป็น) ก็กลายเป็นทาสไป

ความเท่าเทียมคือความเท่าเทียมครับ ไม่มีความหมายอื่น

-[ MaFaKaAlex ]-
11th December 2013, 23:21
ชาวนาที่ไม่มีความรู้ แต่คิดเป็น รู้จักคิด ยังมีค่ามากกว่าคนจบปริญญาเอก แต่คิดอะไรไม่เป็นซะอีก

oner
11th December 2013, 23:36
ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ อยู่ในอำเภอติดตะเข็บชายแดนเลย สมัยเด็กผมเคยอยู่กับยายในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งยายผมเป็นชาวนาครับ
(โตมาหน่อยถึงมาอยู่กับแม่ที่เป็นครูในตัวอำเภอ)

สิ่งที่ผมได้เห็นเวลาเลือกตั้งคืออะไรรู้มั้ยครับ การซื้อเสียงครับซื้อกันแบบโจ่งแจ้งเลยทีเดียว
และที่น่าเจ็บใจกว่าคือ ใครจ่ายเยอะชาวบ้านเค้าเลือกคนนั้นครับ เค้าไม่ได้สนว่าคนที่เค้าเลือกเข้ามาจะมาทำหน้าที่อะไรด้วยซ้ำ มีบทบาทอะไรบ้างในการบริหารประเทศ มีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน
เค้าไม่สนครับ เพราะเค้าคิดว่าถึงรู้เรื่องพวกนี้ไป ก็ไม่ทำให้ข้าวออกรวงเยอะขึ้น หรือมันสำปะหลังจะน้ำหนักดีขึ้นเพิ่มขึ้น
เค้าสนแค่ว่าปีหน้าฟ้าฝนจะเป็นยังไงบ้าง หวยงวดหน้าจะออกอะไร ราคาข้าวเป็นยังไงบ้าง ข้าวที่จำนำไว้เมื่อไหร่จะได้ตัง
ใครจะโกงชาติก็ช่างหัวมัน เอาตังมาให้-ูด้วยก็พอ นี่คือความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ในละแวกบ้านผมครับ

ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำเสียงของคนอื่นมาใช้ได้ต่างหาก

แนะนำว่าลองมาใช้ชีวิตอยู่กับชนชั้นรากหญ้าซักปีสองปีนะครับ ไม่ใช่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างแล้ว เรียกร้องหาความเท่าเทียม

เดี๋ยวนี้ เขาซื้อเสียงด้วยเงินไม่ได้ผลแล้วครับ เขาซื้อเสียงคนด้วยนโยบาย เลือกนะเดียวทำถนนไปไร่ไปสวนให้

ให้เงินเอาไหม เอาครับ แต่ใครจะบ้าจี้เลือกหละ ก็เลือกพรรคที่อยากเลือก มันไม่ได้ไปขี่คอดูที่คูหาหนิ
เลือกตั้งที่ไรได้ตัง ทุกปี ได้หลายพรรคเลย แต่ชาวบ้านก็เห็นเป็นเรื่องโจ๊ก ไปอยู่ดีๆก็มีคนเอาตังค์มาให้ใช้

liger0000
11th December 2013, 23:38
มันเป็นความคิดอิงจากปรัชญาโบราณคับ อริสโตเติลหรือเพลโต นี้หละ อ้างว่าจนเนี้ยวมัยก่อนจะคำนึงถึงแต่ปากท้องตัวเองเป็นหลักทำให้ไม่สนใจผลกระทบต่อบ้านเมือง ส่วนคนรวยในสมัยก่อน มีเวลาศึกษาปรัชญาและมีเวลาขบคิดวิเคราห์ปัญหาต่างๆทำให้มีความคิดดีกว่าคนจน

แต่เวอร์ชั่นหลังๆพอมีชนชั้นกลางก็กลายเป็นว่า พวกคนรวยพอรวยแล้วก็ขี้เกียจไม่สนใจบ้านเมือง(ยุคศัทวรรตที่16พวกนั้น คนรวยก็ดีแต่จัดปาร์ตี้ไปวันๆ) ชนชั้นกลางเองดีที่สุดคือมีทั้งวิชาความรู้ ทั้งสนใจบ้านเมืองพอตัว

ในไทยมันเป็นปัญหามานานแล้วหละ เค้าเรียกทฤษฎี2นครา คือคนจน คนชนบทเลือกนักการเมืองที่เป็นประชานิยมหรือมีความสนิทชิดเชื้อกันแบบระบบอุปถัมม์ซึ่งบางครั้งก็ขาดความรู้ความสามารถและขาดการยอมรับ ส่วนคนเมืองพวกชนชั้นกลางก็ไม่พอใจ ก่อม๊อปไล่หรือรัฐประหาร

(หนังสืออาจารย์อเนกไปหาอ่านเอา มันอธิบายสถานะกาณ์ตอนนี้ได้เปะเลย)

เราต้องเข้าใจคับประเทศไทยเนี้ยมันมีปัญฆาอย่างหนึ่งก็คือความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูงมาก คนจนเนี้ยพอโดนนโยบายประชานิยมหรือระบบอุปถัมป์ก็โดนลากไปง่ายๆ แต่คนในเมืองไม่เหมือนกันกัน คนในเมืองนักการเมืองแถบไม่เอื้อประโยชย์อะไรเลยหน้ำซ้ำยังรีดภาษีอีก พวกนี้ถ้าเกิดนโยบายอะไรที่มันขัดกับผลประโยชย์หรือทำให้เสียผลประโยชย์บางอย่างก็พร้อมก่อม๊อปไล่ไดทุกเมื่อ
อ่านเพิ่มเติมได้
http://share.psu.ac.th/blog/pisan-surat/2681


ส่วนเรื่อง1เสียงเท่ากัน มันก็มาเทียบกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะเราเสียภาษีไม่เท่ากันไอ้ที่ออกมาประท้วงกันส่วนใหญ่คือคนที่ต้องเสียภาษี ภาษีนิติบุคคล ภาษีเงินได้ พอพวกนี้เห็นรัฐบาลเอาเงินมาใช้จ่ายกับนโยบายประชานิยม หรือเอามาคอรัปชั่นกันพวกนี้มันไม่ยอมหรอก แต่คนจนเนี้ยนอกจาก VAT7%ภาษีอย่างอื่นก็แทบไม่เสีย แถมยังได้ส่วนบุญ(เพราะมันโกงเยอะมันก็เลยเหลือแต่เศษๆอาทิแทปเล็ตจีนแดง2000กว่าบาท แต่ราคาจัดซื้อมานี้รู้สึกจะเครื่องละ40000)จากนโยบายประชานิยมชนชั้นกลางเค้าเลยไม่ยอมยังไงคับ

ILoVePaNgYa
12th December 2013, 04:43
เค้าคงหมายความว่า 3แสนเสียงที่เลือกเข้ามาเพราะต้องการให้มาบริหารพัฒนา มันมีคุณภาพกว่า15ล้านเสียงที่เลือกโดยไม่สนใจว่าเข้ามาแล้วเค้าจะบริหารยังไง ประมาณนี้มั้ง

ซึ่งผมว่าไม่เกี่ยวกับการดูถูกการศึกษาหรือชนชั้นอาชีพอะไรเลย

ปล.ผมก็คนต่างจังหวัดนะ^^

kurolykan
12th December 2013, 05:48
เอาข้อความมาโพสแต่มาไม่หมด ความหมายเปลี่ยนทันที ฮาๆๆๆๆ

Shanbo
12th December 2013, 05:48
นักการเมืองมันก็โกงเหมือนกัน ก็แค่โกงมากหรือโกงน้อย ใบปริญญาจะเอามาวัดความรู้ย่อมทำได้ แต่เอามาวัดคุณธรรมมิอาจทำ

เพราะฉะนั้น ไม่มีเกณฑ์อะไรมาวัดเสียงไหนมีคุณภาพมากน้อยหรือต่างกันยังไง กฏหมายแห่งราชอนาจักรไทย ให้สิทธิคุณคนละหนึ่งเสียงเท่ากัน จะเอามาใช้เลือกใครนั่นก็เป็นสิทธิของคุณอย่างชอบธรรม

คนบ้านนอกที่เขาลำบาก หรือคนหาเช้ากินค่ำ เขาย่อมรับรู้ถึงผลกระทบในการเลือกตั้งมากกว่า คนที่มีใบปริญญาทำงานออฟฟิตกินเงินเดือน นั่นเพราะว่าชาวนาหรือชาวสวน เรื่องของต้นทุน ทั้งผลผลิตที่เขาเอามาขาย ไม่ว่าขายดี ขายได้กำไร หรือคนขับแท็กซี่ที่หาเช้ากินค่ำ คนเลือกนั่งมากน้อยแค่ไหน นั่นก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเศรษฐกิจเป็นต้น

ไม่ว่าจะคนรวยหรือคนจนย่อมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจด้วยกันทั้งนั้น เช่นตอนนี้ นายจ้างแบกรับภาระ อัตราค่าจ้างที่สูงขึ้น และเครื่องอุปโภคบริโภคก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเขาจะเลือกรัฐบาลที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว คงไม่มีใครเลือกรัฐบาลที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาตกต่ำลงหรอกจริงไหมครับ ทีนี้เราก็มีสิ่งนึงที่สามรถวัดได้ว่าจะใช้สิทธิเลือกใคร ก็คงต้องวัดจากคนที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเราดีขึ้นนั่นแหละครับ

tff007
12th December 2013, 06:11
มันเป็นความคิดอิงจากปรัชญาโบราณคับ อริสโตเติลหรือเพลโต นี้หละ อ้างว่าจนเนี้ยวมัยก่อนจะคำนึงถึงแต่ปากท้องตัวเองเป็นหลักทำให้ไม่สนใจผลกระทบต่อบ้านเมือง ส่วนคนรวยในสมัยก่อน มีเวลาศึกษาปรัชญาและมีเวลาขบคิดวิเคราห์ปัญหาต่างๆทำให้มีความคิดดีกว่าคนจน

แต่เวอร์ชั่นหลังๆพอมีชนชั้นกลางก็กลายเป็นว่า พวกคนรวยพอรวยแล้วก็ขี้เกียจไม่สนใจบ้านเมือง(ยุคศัทวรรตที่16พวกนั้น คนรวยก็ดีแต่จัดปาร์ตี้ไปวันๆ) ชนชั้นกลางเองดีที่สุดคือมีทั้งวิชาความรู้ ทั้งสนใจบ้านเมืองพอตัว

ในไทยมันเป็นปัญหามานานแล้วหละ เค้าเรียกทฤษฎี2นครา คือคนจน คนชนบทเลือกนักการเมืองที่เป็นประชานิยมหรือมีความสนิทชิดเชื้อกันแบบระบบอุปถัมม์ซึ่งบางครั้งก็ขาดความรู้ความสามารถและขาดการยอมรับ ส่วนคนเมืองพวกชนชั้นกลางก็ไม่พอใจ ก่อม๊อปไล่หรือรัฐประหาร

(หนังสืออาจารย์อเนกไปหาอ่านเอา มันอธิบายสถานะกาณ์ตอนนี้ได้เปะเลย)

เราต้องเข้าใจคับประเทศไทยเนี้ยมันมีปัญฆาอย่างหนึ่งก็คือความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูงมาก คนจนเนี้ยพอโดนนโยบายประชานิยมหรือระบบอุปถัมป์ก็โดนลากไปง่ายๆ แต่คนในเมืองไม่เหมือนกันกัน คนในเมืองนักการเมืองแถบไม่เอื้อประโยชย์อะไรเลยหน้ำซ้ำยังรีดภาษีอีก พวกนี้ถ้าเกิดนโยบายอะไรที่มันขัดกับผลประโยชย์หรือทำให้เสียผลประโยชย์บางอย่างก็พร้อมก่อม๊อปไล่ไดทุกเมื่อ
อ่านเพิ่มเติมได้
http://share.psu.ac.th/blog/pisan-surat/2681


ส่วนเรื่อง1เสียงเท่ากัน มันก็มาเทียบกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะเราเสียภาษีไม่เท่ากันไอ้ที่ออกมาประท้วงกันส่วนใหญ่คือคนที่ต้องเสียภาษี ภาษีนิติบุคคล ภาษีเงินได้ พอพวกนี้เห็นรัฐบาลเอาเงินมาใช้จ่ายกับนโยบายประชานิยม หรือเอามาคอรัปชั่นกันพวกนี้มันไม่ยอมหรอก แต่คนจนเนี้ยนอกจาก VAT7%ภาษีอย่างอื่นก็แทบไม่เสีย แถมยังได้ส่วนบุญ(เพราะมันโกงเยอะมันก็เลยเหลือแต่เศษๆอาทิแทปเล็ตจีนแดง2000กว่าบาท แต่ราคาจัดซื้อมานี้รู้สึกจะเครื่องละ40000)จากนโยบายประชานิยมชนชั้นกลางเค้าเลยไม่ยอมยังไงคับ


มีความรู้ให้อ่านด้วย

sanyatime
12th December 2013, 06:27
ถูกต้องที่สุด
เดี๋ยวนี้ เขาซื้อเสียงด้วยเงินไม่ได้ผลแล้วครับ เขาซื้อเสียงคนด้วยนโยบาย เลือกนะเดียวทำถนนไปไร่ไปสวนให้

ให้เงินเอาไหม เอาครับ แต่ใครจะบ้าจี้เลือกหละ ก็เลือกพรรคที่อยากเลือก มันไม่ได้ไปขี่คอดูที่คูหาหนิ
เลือกตั้งที่ไรได้ตัง ทุกปี ได้หลายพรรคเลย แต่ชาวบ้านก็เห็นเป็นเรื่องโจ๊ก ไปอยู่ดีๆก็มีคนเอาตังค์มาให้ใช้

BackKoMz-
12th December 2013, 06:48
http://youtu.be/TDyES725bxU

แปะๆๆ

อันนี้ผมยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด เห็นไหนพันทิปเค้าลงไว้
แหะๆๆ

Shanbo
12th December 2013, 06:56
มันเป็นความคิดอิงจากปรัชญาโบราณคับ อริสโตเติลหรือเพลโต นี้หละ อ้างว่าจนเนี้ยวมัยก่อนจะคำนึงถึงแต่ปากท้องตัวเองเป็นหลักทำให้ไม่สนใจผลกระทบต่อบ้านเมือง ส่วนคนรวยในสมัยก่อน มีเวลาศึกษาปรัชญาและมีเวลาขบคิดวิเคราห์ปัญหาต่างๆทำให้มีความคิดดีกว่าคนจน

แต่เวอร์ชั่นหลังๆพอมีชนชั้นกลางก็กลายเป็นว่า พวกคนรวยพอรวยแล้วก็ขี้เกียจไม่สนใจบ้านเมือง(ยุคศัทวรรตที่16พวกนั้น คนรวยก็ดีแต่จัดปาร์ตี้ไปวันๆ) ชนชั้นกลางเองดีที่สุดคือมีทั้งวิชาความรู้ ทั้งสนใจบ้านเมืองพอตัว

ในไทยมันเป็นปัญหามานานแล้วหละ เค้าเรียกทฤษฎี2นครา คือคนจน คนชนบทเลือกนักการเมืองที่เป็นประชานิยมหรือมีความสนิทชิดเชื้อกันแบบระบบอุปถัมม์ซึ่งบางครั้งก็ขาดความรู้ความสามารถและขาดการยอมรับ ส่วนคนเมืองพวกชนชั้นกลางก็ไม่พอใจ ก่อม๊อปไล่หรือรัฐประหาร

(หนังสืออาจารย์อเนกไปหาอ่านเอา มันอธิบายสถานะกาณ์ตอนนี้ได้เปะเลย)

เราต้องเข้าใจคับประเทศไทยเนี้ยมันมีปัญฆาอย่างหนึ่งก็คือความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูงมาก คนจนเนี้ยพอโดนนโยบายประชานิยมหรือระบบอุปถัมป์ก็โดนลากไปง่ายๆ แต่คนในเมืองไม่เหมือนกันกัน คนในเมืองนักการเมืองแถบไม่เอื้อประโยชย์อะไรเลยหน้ำซ้ำยังรีดภาษีอีก พวกนี้ถ้าเกิดนโยบายอะไรที่มันขัดกับผลประโยชย์หรือทำให้เสียผลประโยชย์บางอย่างก็พร้อมก่อม๊อปไล่ไดทุกเมื่อ
อ่านเพิ่มเติมได้
http://share.psu.ac.th/blog/pisan-surat/2681


ส่วนเรื่อง1เสียงเท่ากัน มันก็มาเทียบกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะเราเสียภาษีไม่เท่ากันไอ้ที่ออกมาประท้วงกันส่วนใหญ่คือคนที่ต้องเสียภาษี ภาษีนิติบุคคล ภาษีเงินได้ พอพวกนี้เห็นรัฐบาลเอาเงินมาใช้จ่ายกับนโยบายประชานิยม หรือเอามาคอรัปชั่นกันพวกนี้มันไม่ยอมหรอก แต่คนจนเนี้ยนอกจาก VAT7%ภาษีอย่างอื่นก็แทบไม่เสีย แถมยังได้ส่วนบุญ(เพราะมันโกงเยอะมันก็เลยเหลือแต่เศษๆอาทิแทปเล็ตจีนแดง2000กว่าบาท แต่ราคาจัดซื้อมานี้รู้สึกจะเครื่องละ40000)จากนโยบายประชานิยมชนชั้นกลางเค้าเลยไม่ยอมยังไงคับ

ศึกษาอะไรต้องมองให้ละเอียด และมองจากหลายๆมุมนะครับ ถ้าโกงถึงขนาดนั้น หรือโกงจนที่เรียกกันว่า ******จริงแบบนั้น ประเทศก็ขับเคลื่อนไม่ได้หรอกครับ ยกตั้วอย่างง่ายๆ เช่น ไม่ว่าจะ เงินที่รัฐต้องจ่าย ให้กับ ค่าราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ การลงทุนและบริหาร ภาคหน่วยต่างๆ มันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ถ้าโกงมากขนาดนั้น ประเทศก็เรียบร้อยไปแล้วครับ อะ ถ้าถามว่าสูบหมดแล้วก็กู้ดิ ไม่มีใครที่ไหนเขาให้กู้หรอกครับ ถ้าเราขาดสภาพคล่อง และไม่มีแนวโน้วว่าจะสามารถใช้คืนได้

jeditrainer
12th December 2013, 07:14
เค้าคงหมายความว่า 3แสนเสียงที่เลือกเข้ามาเพราะต้องการให้มาบริหารพัฒนา มันมีคุณภาพกว่า15ล้านเสียงที่เลือกโดยไม่สนใจว่าเข้ามาแล้วเค้าจะบริหารยังไง ประมาณนี้มั้ง

ซึ่งผมว่าไม่เกี่ยวกับการดูถูกการศึกษาหรือชนชั้นอาชีพอะไรเลย

ปล.ผมก็คนต่างจังหวัดนะ^^
ถูกเป๊ะ มันเป็นคำอุปมาอุปไมยอย่างหนึ่ง หมายถึงคุณภาพย่อมดีกว่าจำนวนอยู่แล้ว ก็สมควรอยู่หรอกที่จขกท.จะตีความไม่ออกเพราะ....
ไม่ได้จะอะไรหรอกนะ แต่ผมเห็นทัศนคติ+สติปัญญาของจขกท.มานานแล้วก็เลยไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่กับกระทู้แนวนี้
ปล.ผมเป็นคนต่างจังหวัดเป็นชนชั้นกลางที่เสียภาษี(มากด้วย)ไม่ใช่รากหญ้าที่ไม่เคยรู้เรื่องภาษีอะไรกับเขาเลย แนวคิดมันก็เลยต่างกัน
ปล.2ทุจริตหรือไม่ก็ไม่รู้นะ แต่ที่แน่ ๆ หลังซอยบ้านผมที่พวกเขาอนุมัติงบสร้างสะพานข้ามป่าชายเลนไม่รู้กี่ล้านทำป้ายเอาหน้าซะดิบดี
แต่เห็นเงียบไปละ สงสัยคงไม่พ้น...... "เดิม ๆ"

jeditrainer
12th December 2013, 07:27
ศึกษาอะไรต้องมองให้ละเอียด และมองจากหลายๆมุมนะครับ ถ้าโกงถึงขนาดนั้น หรือโกงจนที่เรียกกันว่า ******จริงแบบนั้น ประเทศก็ขับเคลื่อนไม่ได้หรอกครับ ยกตั้วอย่างง่ายๆ เช่น ไม่ว่าจะ เงินที่รัฐต้องจ่าย ให้กับ ค่าราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ การลงทุนและบริหาร ภาคหน่วยต่างๆ มันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ถ้าโกงมากขนาดนั้น ประเทศก็เรียบร้อยไปแล้วครับ อะ ถ้าถามว่าสูบหมดแล้วก็กู้ดิ ไม่มีใครที่ไหนเขาให้กู้หรอกครับ ถ้าเราขาดสภาพคล่อง และไม่มีแนวโน้วว่าจะสามารถใช้คืนได้

แรกเริ่มก็ดูเหมือนจะเข้าใจดีนะครับ แต่คุณรู้หรือเปล่าตอนนี้ IMF เตือนมาแล้วนะครับว่าอะไรเป็นอะไร
แล้วนี่คุณยังคิดว่าประเทศยังไม่ตกสู่ภาวะนั้นอีกเหรอครับกับค่าครองชีพที่สูงปรี๊ดขนาดนี้
ปล.นี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าก่อนเหตุการณ์ประท้วงนี่เขากะจะกู้จนคนไทยติดหนี้ตั้ง 50ปีเพื่อ....

shisaku
12th December 2013, 09:08
คุนภาพย่อมดีกว่าจำนวน ใช้กับสิ่งของครับ อย่าเอามาใช้กับคน พูดจาอะไรให้เกียรกันนิดนึง คนไทยเหมือนกันถ้าเขารู้ว่าคุนพูดกับเขาแบบนี้เขาคงเสียใจ ประชาธิปไตย ต่อให้ยากจนค่นแค้น เรียนไม่จบ ก็มีสิทเทียบเท่าคนจบดอกเตอร์ครับ ไม่มีใครมีสิทธิเหนือกว่ากันในระบอบประชาธิปไตย

exodus
12th December 2013, 09:59
มันเป็นความคิดอิงจากปรัชญาโบราณคับ อริสโตเติลหรือเพลโต นี้หละ อ้างว่าจนเนี้ยวมัยก่อนจะคำนึงถึงแต่ปากท้องตัวเองเป็นหลักทำให้ไม่สนใจผลกระทบต่อบ้านเมือง ส่วนคนรวยในสมัยก่อน มีเวลาศึกษาปรัชญาและมีเวลาขบคิดวิเคราห์ปัญหาต่างๆทำให้มีความคิดดีกว่าคนจน

แต่เวอร์ชั่นหลังๆพอมีชนชั้นกลางก็กลายเป็นว่า พวกคนรวยพอรวยแล้วก็ขี้เกียจไม่สนใจบ้านเมือง(ยุคศัทวรรตที่16พวกนั้น คนรวยก็ดีแต่จัดปาร์ตี้ไปวันๆ) ชนชั้นกลางเองดีที่สุดคือมีทั้งวิชาความรู้ ทั้งสนใจบ้านเมืองพอตัว

ในไทยมันเป็นปัญหามานานแล้วหละ เค้าเรียกทฤษฎี2นครา คือคนจน คนชนบทเลือกนักการเมืองที่เป็นประชานิยมหรือมีความสนิทชิดเชื้อกันแบบระบบอุปถัมม์ซึ่งบางครั้งก็ขาดความรู้ความสามารถและขาดการยอมรับ ส่วนคนเมืองพวกชนชั้นกลางก็ไม่พอใจ ก่อม๊อปไล่หรือรัฐประหาร

(หนังสืออาจารย์อเนกไปหาอ่านเอา มันอธิบายสถานะกาณ์ตอนนี้ได้เปะเลย)

เราต้องเข้าใจคับประเทศไทยเนี้ยมันมีปัญฆาอย่างหนึ่งก็คือความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูงมาก คนจนเนี้ยพอโดนนโยบายประชานิยมหรือระบบอุปถัมป์ก็โดนลากไปง่ายๆ แต่คนในเมืองไม่เหมือนกันกัน คนในเมืองนักการเมืองแถบไม่เอื้อประโยชย์อะไรเลยหน้ำซ้ำยังรีดภาษีอีก พวกนี้ถ้าเกิดนโยบายอะไรที่มันขัดกับผลประโยชย์หรือทำให้เสียผลประโยชย์บางอย่างก็พร้อมก่อม๊อปไล่ไดทุกเมื่อ
อ่านเพิ่มเติมได้
http://share.psu.ac.th/blog/pisan-surat/2681


ส่วนเรื่อง1เสียงเท่ากัน มันก็มาเทียบกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะเราเสียภาษีไม่เท่ากันไอ้ที่ออกมาประท้วงกันส่วนใหญ่คือคนที่ต้องเสียภาษี ภาษีนิติบุคคล ภาษีเงินได้ พอพวกนี้เห็นรัฐบาลเอาเงินมาใช้จ่ายกับนโยบายประชานิยม หรือเอามาคอรัปชั่นกันพวกนี้มันไม่ยอมหรอก แต่คนจนเนี้ยนอกจาก VAT7%ภาษีอย่างอื่นก็แทบไม่เสีย แถมยังได้ส่วนบุญ(เพราะมันโกงเยอะมันก็เลยเหลือแต่เศษๆอาทิแทปเล็ตจีนแดง2000กว่าบาท แต่ราคาจัดซื้อมานี้รู้สึกจะเครื่องละ40000)จากนโยบายประชานิยมชนชั้นกลางเค้าเลยไม่ยอมยังไงคับ

จับแพะชนแกะสุดๆอะ เรื่องภาษีคิดตามอัตราเงินได้ ก็ไม่แปลกนี่ครับ เพราะเราไม่ใช่คอมมิวนิสต์ที่อัตราเงินได้จะเท่ากันหมดทุกคนและเก็บภาษีเท่ากันหมดทุกคน แต่ถ้าจะเอาไปเทียบกับเรื่องของเสียงในการเลือกตั้งซึ่งมันเป็นเรื่องของสิทธิ์ กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญจะต้องถูกหยิบยกมาพูดถึง เพราะมันกระทบกับสิทธิ์ของพลเมือง(ซึ่งการเสียภาษีเป็นเรื่องของหน้าที่ มันคนละเรื่องกัน)ถ้าเสียภาษีเยอะกว่า หมายความว่าจะต้องได้สิทธิ์เยอะกว่ามันเป็นเรื่องของ "ระบอบอุปถัมภ์" ไม่ใช่ประชาธิปไตย เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ อยากให้ทำความเข้าใจซะใหม่นะครับ เพราะถ้าพูดอย่างนั้นมันหมายความว่าปริมาณของการจ่ายภาษีสามารถสร้าง อภิสิทธิ์ชน ในสังคมได้สิครับ

มุมมองของอาจารย์ท่านนี้ มองภาวะของสังคมได้จริงโดยการมองแบบ capitalism แต่กลับมองรายละเอียดของตัวบุคคลในสังคมไม่ออก ว่าอะไรคือสิทธิ อะไรคือหน้าที่ อะไรเป็นประชาธิปไตย และอะไรไม่ใช่ แนวคิดไหนสมอ้างได้ และแนวคิดไหนไร้สาระ

]J[okeR
12th December 2013, 10:19
มันเป็นคนพม่าข้ามแดนมาคับมันไม่ใช่คนไทย ถ้าเป็นคนไทยทำไมต้องมาหยามคนอื่นแบบนี้ไอ้นี่วอนซะละ

lordhunya
12th December 2013, 10:28
สนธิ ลิ้มเคยกล่าวเอาไว้ว่า รัฐบาลชุดอภิสิทธิ์ (ขออนุญาติพาดพิง) เป็นรัฐบาลชุดที่โกงกินบ้านเมืองมากที่สุด

-คนไทยลืมง่ายครับ คนไทยขี้ลืม ลืมไปว่าคนที่มาเป็นแกนนำมาประกาศเนี่ย โกงกินบ้านเมืองยิ่งกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันตั้งกี่เท่า แต่ตอนนั้นคนพวกนี้ไม่เห็นออกมาเรียกร้องอะไรเลย เพราะฉะนั้นคนที่ไปชุมนุมยอมรับเถอะครับ ว่าคุณเป็นติ่ง โอปป้า ปชป

Miliardo
12th December 2013, 10:29
ประเทศอื่นเขาก็เป็นหนี้ทั้งนั้นล่ะครับ เวลามีโครงการใหญ่ๆ


แล้วอีกอย่าง "หนี้" ในที่นี้ ประชาชนก็จ่ายภาษีไปปกติหนิครับ รัฐบาลก็นำไปจ่ายหนี้ หรือผมเข้าใจผิด ??


ปล.คุณภาพสำคัญกว่าจำนวน จริงครับผมยอมรับ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เค้าไม่เรียกประชาธิปไตยนะ เค้าเรียก " เผด็จการเสียงส่วนน้อย .... "
ปล2." ต่างคนต่างมอง ต่างมีสิทธิแสดงความคิดเห็น ประชาธิปไตยคือการแสดงออกทางความคิดอย่างมีเสรีภาพภายใต้กรอบของกฏหมาย ตราบใดที่ไม่ผิดกฏหมาย ไม่ทำใครเดือดร้อน ก็แสดงออกไปเถอะ ไม่ผิด "

PassT_T
12th December 2013, 11:32
ศึกษาอะไรต้องมองให้ละเอียด และมองจากหลายๆมุมนะครับ ถ้าโกงถึงขนาดนั้น หรือโกงจนที่เรียกกันว่า ******จริงแบบนั้น ประเทศก็ขับเคลื่อนไม่ได้หรอกครับ ยกตั้วอย่างง่ายๆ เช่น ไม่ว่าจะ เงินที่รัฐต้องจ่าย ให้กับ ค่าราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ การลงทุนและบริหาร ภาคหน่วยต่างๆ มันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ถ้าโกงมากขนาดนั้น ประเทศก็เรียบร้อยไปแล้วครับ อะ ถ้าถามว่าสูบหมดแล้วก็กู้ดิ ไม่มีใครที่ไหนเขาให้กู้หรอกครับ ถ้าเราขาดสภาพคล่อง และไม่มีแนวโน้วว่าจะสามารถใช้คืนได้
มันขึ้นกับเครดิตล้วนๆ อย่างสหรัฐหนี้ไม่รู้กีเท่าของจีดีพี แต่ก็ยังกู้ได้เรื่อยๆ พิมพ์เงินใช้เองยังได้ แต่เราเป็นใคร เราไม่มีความน่าเชือถือแบบนั้น ก็ต้องเอาทรัพยากรเราไปแลก ถ้าปล่อยให้โกงไปเรื่อย ประเทศไม่สูญสลายหรอกครับ แต่ทรัพยากรเราจะถูกแบ่งสรรปันส่วนให้เจ้าหนี้ จะรอให้ถึงวันนั้นเหรอ
ส่วนหัวข้อกระทู้ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการ แต่ผมเห็นด้วยกับแนวคิด 1เสียงเท่ากัน แต่คุณภาพไม่เท่ากันแน่ๆ ส่วนนึงรู้จักคิด มองเศรษฐกิจในภาพกว้าง อีกส่วนหนึ่งไม่สนใจขอให้กูได้ประโยชน์เป็นพอ ซึ่งคนแบบนี้ดันมีเยอะซะด้วย คุณภาพมันก็ไม่เหมือนกันละ
แต่การจะมาบอกว่าถ้างั้นก็อย่าให้มันออกเสียงสิ มันก็เกินไป มันน่าจะไปเน้นการตรวจสอบให้เข้มข้นมากกว่า ถ้าโกงโดนจับได้ก็ต้องโดนไล่ออกไป ไม่ใช่บอกคนส่วนหญ่เลือกมา กูจะทำไรก็ได้ นี่ัก็ไม่ถูก

BoonTew
12th December 2013, 14:07
ผมมองเรื่องนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการแบ่งชั้นวรรณะยังคงมีอยู่ในสังคมไทย เพียงแต่มันเปลี่ยนรูปไปเท่านั้นเอง

ซึ่งก็จริง เราให้ความสำคัญกับระดับการศึกษามากกว่าระดับจิตใจ สถานะทางสังคมมาก่อนความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ

ตรรกะเพี้ยนๆ ในสังคมเมืองเลยหยั่งรากลึกลงไปเรื่อยๆ ความรู้สึกถูกกีดกันก็ถมทับมากขึ้นเช่นกัน

[Never]
12th December 2013, 14:22
ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ อยู่ในอำเภอติดตะเข็บชายแดนเลย สมัยเด็กผมเคยอยู่กับยายในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งยายผมเป็นชาวนาครับ
(โตมาหน่อยถึงมาอยู่กับแม่ที่เป็นครูในตัวอำเภอ)

สิ่งที่ผมได้เห็นเวลาเลือกตั้งคืออะไรรู้มั้ยครับ การซื้อเสียงครับซื้อกันแบบโจ่งแจ้งเลยทีเดียว
และที่น่าเจ็บใจกว่าคือ ใครจ่ายเยอะชาวบ้านเค้าเลือกคนนั้นครับ เค้าไม่ได้สนว่าคนที่เค้าเลือกเข้ามาจะมาทำหน้าที่อะไรด้วยซ้ำ มีบทบาทอะไรบ้างในการบริหารประเทศ มีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน
เค้าไม่สนครับ เพราะเค้าคิดว่าถึงรู้เรื่องพวกนี้ไป ก็ไม่ทำให้ข้าวออกรวงเยอะขึ้น หรือมันสำปะหลังจะน้ำหนักดีขึ้นเพิ่มขึ้น
เค้าสนแค่ว่าปีหน้าฟ้าฝนจะเป็นยังไงบ้าง หวยงวดหน้าจะออกอะไร ราคาข้าวเป็นยังไงบ้าง ข้าวที่จำนำไว้เมื่อไหร่จะได้ตัง
ใครจะโกงชาติก็ช่างหัวมัน เอาตังมาให้-ูด้วยก็พอ นี่คือความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ในละแวกบ้านผมครับ

ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำเสียงของคนอื่นมาใช้ได้ต่างหาก

แนะนำว่าลองมาใช้ชีวิตอยู่กับชนชั้นรากหญ้าซักปีสองปีนะครับ ไม่ใช่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างแล้ว เรียกร้องหาความเท่าเทียม

ผมจำได้เลยครูผมตอน ป.5 เขาถามเพื่อนผมเลยว่าแบทไง เลือกตั้งปีนี้ที่บ้านได้เท่าไรตอบคุยกันโจ่งแจ้งเลยอ่ะ
อย่าวันงั้นนี้เลยแม้แต่ญาติผมก็ด้วย ปลายเดือนนี้ผมจะ 16 แล้วยังไม่ได้ทำบัตรเขาก็บอกว่า ไปทำซ่ะเลือกตั้งจะได้ตังค์...

Ich_Liebe_Dich
12th December 2013, 15:00
ยังแบ่งชนชั้นสูง? ชนชั้นกลาง? ชนชั้นรากหญ้า? ที่คนชอบพูดคำพวกนี้ก็กินข้าวที่ชนชั้นรากหญ้าเกี่ยวมาทั้งนั้นแหละครับ แบ่งแยกชนชั้นเข้าไป ต่างกันตรงไหน? แค่คิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าเค้า? รู้ดีแค่ไหน? รู้จริงแค่ไหน? ทำไมต้องมาแบ่ง? คนเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ? ถ้ายังแบ่งชนชั้นอยู่แบบนี้ อย่าหวังว่าจะให้คนอื่นคิดตามคุณเลยครับ คุณที่คนแบ่งชนชั้นทั้งหลาย ตอบจขกท. สำหรับผม เสียงของทุกคน เท่ากันหมด ไม่ว่าจะใหญ่มาจากไหน หรือ ต่ำต้อยแค่ไหนแต่ถ้า เอาแค่เรื่อง ความเท่าเทียม สำหรับผมเท่ากันหมด เท่ากันยังไง? ถ้าไม่วัดเรื่องความรู้น่ะครับ คุณกินข้าวไหม? กิน คุณนอนไหมนอน? คุณ ขี้ไหม? ขี้ แล้วคุณทำงานหาเงินเลี้ยงชีพไหม? ทำ แล้วต่างกันตรงไหนครับ? ถ้าจะต่างคือ คนที่คิดว่าตัวเองเรียนมาสูง ข้ารู้ดี กว่าพวกคนบ้านนอกจบ ป.4 5 6 จบ ม6 ผมว่าความคิดแบบนี้มันไม่ถูกสำหรับผม เพราะปู่ผมจบป.2 ยังเลี้ยงลูก6คนจนโตมีงานทำได้เลย ถ้าโง่จริงผมว่า เลี้ยงไม่โตหรอกครับ ฉะนั้น อยากให้ฉุดคิดว่า อย่าดูถูกใคร อย่าแบ่งชนชั้น เพราะคุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าเค้าหรอก

yoshi3416
12th December 2013, 15:00
ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ อยู่ในอำเภอติดตะเข็บชายแดนเลย สมัยเด็กผมเคยอยู่กับยายในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งยายผมเป็นชาวนาครับ
(โตมาหน่อยถึงมาอยู่กับแม่ที่เป็นครูในตัวอำเภอ)

สิ่งที่ผมได้เห็นเวลาเลือกตั้งคืออะไรรู้มั้ยครับ การซื้อเสียงครับซื้อกันแบบโจ่งแจ้งเลยทีเดียว
และที่น่าเจ็บใจกว่าคือ ใครจ่ายเยอะชาวบ้านเค้าเลือกคนนั้นครับ เค้าไม่ได้สนว่าคนที่เค้าเลือกเข้ามาจะมาทำหน้าที่อะไรด้วยซ้ำ มีบทบาทอะไรบ้างในการบริหารประเทศ มีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน
เค้าไม่สนครับ เพราะเค้าคิดว่าถึงรู้เรื่องพวกนี้ไป ก็ไม่ทำให้ข้าวออกรวงเยอะขึ้น หรือมันสำปะหลังจะน้ำหนักดีขึ้นเพิ่มขึ้น
เค้าสนแค่ว่าปีหน้าฟ้าฝนจะเป็นยังไงบ้าง หวยงวดหน้าจะออกอะไร ราคาข้าวเป็นยังไงบ้าง ข้าวที่จำนำไว้เมื่อไหร่จะได้ตัง
ใครจะโกงชาติก็ช่างหัวมัน เอาตังมาให้-ูด้วยก็พอ นี่คือความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ในละแวกบ้านผมครับ

ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำเสียงของคนอื่นมาใช้ได้ต่างหาก

แนะนำว่าลองมาใช้ชีวิตอยู่กับชนชั้นรากหญ้าซักปีสองปีนะครับ ไม่ใช่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างแล้ว เรียกร้องหาความเท่าเทียม

เหมือนกันเลยครับหมู่บ้านผมก็แบบนี้เลย เงินล้วนๆครับ ปากว่าตาขยิบบ้าง เยอะเลย ยิงกันกลางวันแสกๆ กลางทุ่งนากลางไร่(ยิง = ซื้อเสียง บ้านผมเรียกว่ายิง ฮ่าๆ)

ปล.คหสต.นะครับ อิอิอิ :dance

bobbyTJ
12th December 2013, 15:14
เกือบทะเลาะกับเพื่อนเพราะรูปนี้ครับ...
คือเพื่อนมันต่อต้านไอคุณเทือกอย่างมาก เกลียดเผด็จการอะไรแบบนั้น ผมก็ดันไปแสดงความคิดเห็นในรูปประมาณว่า ที่เขาบอกมันก็ถูกนะว่า 3 แสนเสียงมีคุณภาพกว่า เพราะ 15 ล้านเสียงในชนบท ออกเสียงจริง แต่เป็นเสียงที่มาจากการขายสิทธิ์ (ผมเด็ก ตจว รู้ซึ้งดีในเรื่องนี้ เพราะก่อนวันเลือกตั้งมีคนเอาตังมาให้ บอกให้เลือกเบอร์นี้ แต่บ้านผมกางดออกเสียงทั้งบ้าน แต่คนที่เอามาให้ ก็ยังได้เป็นอยู่ดี) ปรากฏว่า ผมโดนสวดยับ...ครับ...ผมก็เลย ปล่อย เพราะมาแบบนี้ไปต่ออะไรเขาคงไม่ฟัง

อยากจะฝากว่า โอเค คุณมีมุมมองแบบนั้น แต่อยากให้คุณเปิดใจรับฟังความคิดคนอื่นบ้าง ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันอยู่แล้ว ใช้สติ ใช้ความคิดให้เยอะกว่าใช้อารมณ์มาตัดสินว่า คนนึงที่เคยเป็นเพื่อน แต่ดันมองในมุมต่างจากตัวเองกลายเป็นคนอื่นที่ไม่อยากคบหา...เจริญพร...

woodytalks
12th December 2013, 15:17
ที่เขาพูด3แสนเสียงยังดีกว่า15ล้านเสียง เพราะว่าทางเสื้อแดงเขาบอกมีคน15ล้านคนเลยข่มคู่เสื่อเหลืงแค่นั้นเองจะเปิดประเด็นให้มันใหญ่ทำไม

ปล.คนไทยกันอย่าขัดแย้งกันเลยสงสารประเทศชาติเห้อ!!!

liger0000
12th December 2013, 17:12
ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ อยู่ในอำเภอติดตะเข็บชายแดนเลย สมัยเด็กผมเคยอยู่กับยายในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งยายผมเป็นชาวนาครับ
(โตมาหน่อยถึงมาอยู่กับแม่ที่เป็นครูในตัวอำเภอ)

สิ่งที่ผมได้เห็นเวลาเลือกตั้งคืออะไรรู้มั้ยครับ การซื้อเสียงครับซื้อกันแบบโจ่งแจ้งเลยทีเดียว
และที่น่าเจ็บใจกว่าคือ ใครจ่ายเยอะชาวบ้านเค้าเลือกคนนั้นครับ เค้าไม่ได้สนว่าคนที่เค้าเลือกเข้ามาจะมาทำหน้าที่อะไรด้วยซ้ำ มีบทบาทอะไรบ้างในการบริหารประเทศ มีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน
เค้าไม่สนครับ เพราะเค้าคิดว่าถึงรู้เรื่องพวกนี้ไป ก็ไม่ทำให้ข้าวออกรวงเยอะขึ้น หรือมันสำปะหลังจะน้ำหนักดีขึ้นเพิ่มขึ้น
เค้าสนแค่ว่าปีหน้าฟ้าฝนจะเป็นยังไงบ้าง หวยงวดหน้าจะออกอะไร ราคาข้าวเป็นยังไงบ้าง ข้าวที่จำนำไว้เมื่อไหร่จะได้ตัง
ใครจะโกงชาติก็ช่างหัวมัน เอาตังมาให้-ูด้วยก็พอ นี่คือความคิดเห็นจากคนส่วนใหญ่ในละแวกบ้านผมครับ

ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำเสียงของคนอื่นมาใช้ได้ต่างหาก

แนะนำว่าลองมาใช้ชีวิตอยู่กับชนชั้นรากหญ้าซักปีสองปีนะครับ ไม่ใช่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างแล้ว เรียกร้องหาความเท่าเทียม

ปัญหามันเป็นแบบนั้นแหละคับ
คนจน1 เสียงถูกขาย ได้ผลประโยชย์เป็นเงินหรือนโยบายประชานิยม เกิดรัฐบาลที่ไร้คุณภาพและพลาญภาษี
ชนชั้นกลาง คนรวย ไม่เคยได้ แต่ต้องจ่ายภาษี แต่รัฐบาลที่ไร้คุณภาพที่คนจนขายเสียงไปเลือกเอาเงินไปพลาญอย่างไร้สาระ

มันจึงเกิดเหตุการณ์ที่ชนชั้นกลาง คนรวยออกมาล้มรัฐบาลไงคับ จริงเรื่องนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อนมากนะรายระเอียดเยอะมากด้วย
1เสียงเท่ากัน แต่จ่ายภาษีไม่เท่ากัน
1เสียงเท่ากันแต่คำนึงถึงผลกระทบไม่เท่ากัน
1เสียงเท่ากัน แต่อย่าลืมคับคนจนเยอะกว่า เยอะ แถมคนรวยเองนี้พวกไทยเฉยก็เยอะทำให้คะแนนเสียงต่างๆหายไปเยอะ

เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนมากนะคับจริงๆ เราวิเคราะห์ได้ลึกมาก
มันเกี่ยวกับหลายเรื่องวัฒนธรรมทางการเมือง ความเท่าเทียม รวมถึงต้องคำนึงถึงความใส่ใจของแต่ละบุคคลในการเลือกผู้แทนด้วย

neenomp5
12th December 2013, 18:53
มันเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์และเม็ดเงิน ไม่ใช่อย่างอื่นแน่นอน

vasanchai
12th December 2013, 19:08
มันน่าจะ ใช้คำว่า ซื้อได้ด้วยเงินกับ ซื้อไม่ได้มากกว่าครับ

TheGNIK
12th December 2013, 19:38
สมกับเป็นประเทศกรุงเทพจริงๆ
อ่านบางคอมเม้นท์นี่ พยายามแถไปเรื่องกู้2ล้านล้าน ขำว่ะ แสดงให้เห็นถึงความรู้เรื่องการเมืองเท่าหางอึ่งจริงๆ ไปศึกษาดูนะครับว่าใครเป็นคนริเริ่มโครงการ

freewar666
12th December 2013, 19:58
มันเป็นเรื่องละเอียดละอ่อนนะครับ
ผมคงไม่เป็นกลางเท่าไรน่ะนะ

แต่ผมหวังให้ พวกหน่วยงานที่จับทุจริต มีคุณภาพกว่านี้ มีคนงานเยอะกว่านี้ ทำงานเยอะกว่านี้
จับให้ได้ จริงๆจัง สักทีเหอะ ไม่ใช่ตั้งมา ลอยๆ เปลืองนะ

เรื่องคุณภาพเสียงไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง แต่ผมคิดว่าเมืองไทยมีประชาธิปไตยเร็วไปนะ

jeditrainer
12th December 2013, 21:55
หลาย ๆ คนอ้างหลักการกันใหญ่นะครับแต่สุดท้ายก็ง่อยเพราะถ้าระบบยังเป็นแบบนี้ประเทศก็จะเหมือนโรมันโบราณแหละล่มสลายเพราะคนใน
ประเทศไม่สนใจและเพิกเฉยต่อการคอรัปชั่นจนประเทศอ่อนแอ และที่แน่ ๆ บางคนอ้างเรื่องภาษีเงินได้ก็ใช่ครับมันไม่เท่ากันแต่อย่าลืมว่าคนที่ต้อง
จ่ายภาษีนั้นโดนขูดรีดภาษีเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี แต่รายได้เท่าเดิมหรือน้อยลงด้วยซ้ำเพราะเศรษฐกิจตกต่ำแถมยังเอาเงินก้อนนี้ไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
แถมยังงุบงิบเข้ากระเป๋ากันเองไม่ใช่น้อย มันคุ้มแล้วเหรอครับกับหยาดเหงื่อที่ต้องเสียไป(ชนชั้นกลางก็ทำงานนะครับไม่ใช่อยู่เฉย ๆ แล้วเงิน
ก็ลอยมาหาอยู่ตรงหน้า)ถึงแม้รายได้จะไม่เท่ากันแต่ชนชั้นที่จขกท.กล่าวถึงกลับไม่เคยต้องเสียภาษีเลยด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่บางคนรายได้ก็ดีพอควร
เท่าที่ผมเคยรู้จักคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้จนไปหมดหรอกครับ แต่ปัญหามันขึ้นอยู่กับการศึกษานั่นแหละ คุณภาพของการศึกษาจะยกระดับคุณภาพ
ชีวิตได้ คนก็จะฉลาดขึ้นด้วย รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ไม่โดนจูงจมูกไปขายเสียงได้ง่าย ๆ และวางแผนชีวิตในอนาคตเป็นใช้เงินเป็น แต่มันก็ขึ้น
อยู่กับจิตสำนึกด้วยว่าจะเห็นแค่เศษเงินก้อนเล็ก ๆ แล้วพาประเทศพินาศย่อยยับหรือไม่ อย่างที่ดร.เสรีอุปมาอุปไมยนั่นแหละ ไม่ใช่การเหยียดหรอก
เท่าที่รู้ ๆ คือกลุ่มชนชั้นที่ว่าไม่ค่อยส่งเสริมการศึกษาให้ลูกหลานสักเท่าไหร่ ต่อให้เรียนฟรีก็ยังไม่ค่อยให้ไปเรียนเลย(ตัวอย่างเจอมากับตัวเยอะแล้ว)
ดังนั้นก็อย่างที่ว่าละนะครับ ผู้ที่ใช้ทั้งแรงกายและสมองเป็น ย่อมมีศักยภาพและคุณภาพมากกว่า ผู้ที่ใช้แต่แรงกายเป็นอย่างเดียวอยู่แล้ว
ไม่ต้องพยายามาอ้างเรื่องประชาธิปไตยให้เมื่อยตุ้ม เพราะมนุษย์พัฒนาขึ้นจนศิวิไลซ์ได้ก็มาจากพวกที่ว่าข้างต้นทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นอย่างที่สอง
ก็คงไม่พ้นเป็นมนุษย์ถ้ำอยู่เหมือนเดิมแหละ และที่แน่ ๆ มนุษย์บางคนที่หาว่าคนอื่นความรู้เท่าหางอึ่งนะส่วนใหญ่จะดูทีวีแค่ช่องเดียวจนโดนเป่าหูสะกดจิต
จนกลายเป็นกบในกะลาซึ่งผมว่าเลวร้ายกว่าคนที่ความรู้เท่าหางอึ่งซะอีก และแน่นอนครับยิ่งเรียนเท่าไหร่ก็จะรู้ว่าตัวเองความรู้ตัวเองน้อยเท่านั้นยิ่งต้อง
พยายามเรียนรู้ไปเรื่อย ๆไม่มีที่สิ้นสุด แต่คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดแล้วก็มักจะลำพองแล้วก็หยุดเรียนรู้ไปก็เท่ากับกลายคนโง่อย่างแท้จริงนั่นแหละครับ....
ปล.ถ้าอยากให้เท่าเทียมกันจริงแบบประชาธิปไตยอย่างที่จขกท.ว่าก็ควรจะเก็บภาษีจากชนชั้นผู้ใช้แรงงานด้วยนะครับจะได้รู้สึกซะบ้างว่าอะไรเป็นอะไร

shisaku
12th December 2013, 22:01
:sweat:sweat:sweat:sweat:sweat:sweat:sweat:sweat:sweat:sweat:sweat

สลดใจจัง เวลาเห็นการดููถูกกันแบบจะๆแบบนี้

sattawat1979
12th December 2013, 22:21
ผมเองก็จบปริญญาตรีครับ แต่ไม่เห็นมันจะวิเศษวิโสตรงไหนเลย แค่เอาใบปริญญามาสมัครงานเป็นขี้ข้าเค้าก็เท่านั้นเอง

ความรู้ไม่ได้มีอยู่แค่ในรั้วมหาลัยเท่านั้นนะครับ มันมีมากกว่านั้นเยอะ รู้แค่ในตำรามันกระจอก มันไม่มีค่าพอจะไปดูถูกใครได้เลย

Buffalo
12th December 2013, 23:00
http://image.ohozaa.com/i/cfb/86Moon.jpg (http://image.ohozaa.com/view2/xgJbyabQ6L0WTp5T)

credit.หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล
ถูกต้องและหล่อมากครับ ผมปรบมือให้เลย:clap มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีสิทธิมากกว่าใครทั้งนั้น ไม่ว่าชาวนาหรือดอกเตอร์ ก็คนเหมือนกัน
ถึงมันจะออกมาจากปากของหม่อมหลวงที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ที่ทั้งชีวิตคงจะไม่เคยแม้เเต่จะได้อดข้าวซักมื้อก็เถอะ

แต่อยากให้มองลึกลงไปในประเด็นนี้อีกนิดนะครับ ว่าชีวิตแต่ละวันของชาวนาคืออะไร แล้วชีวิตแต่ละวันของดอกเตอร์คืออะไร
ใครมีเวลาศึกษาการเมืองมากกว่ากัน ใครต้องดิ้นรนมากกว่ากัน
และตอนนี้เรากำลังพูดถึงความเท่าเทียมกันในประเด็นไหนอยู่ ด้านศักศรีความเป็นมนุษย์?? หรือด้านการเมืองครับ

แล้วก็นะครับ ผมอยากให้แยกแยะนิดนึงเกี่ยวกับประเด็นการracistกับคุณภาพของสิทธิ์เสียง
การกล่าวว่าเสียงที่มาจากการกาบัตรเลือกตั้งแบบขอไปทีมีคุณภาพน้อยกว่าการกาบัตรเลือกตั้งแบบคำนึงถึงผลที่จะตามมานั้นสำหรับผม ผมว่ามันไม่ใช่การracistครับ
แน่นอนครับ คนเหล่านั้นเค้าคือมนุษย์คนหนึ่ง มีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกับทุกคนบนโลกนี้
แต่ประเด็นทางด้านการศึกษาทางด้านการเมืองและกลโกงของนักการเมืองล่ะครับ
แน่นอนว่าคนเหล่านั้นเค้าไม่มีเวลามานั่งดูข่าวการเมือง อ่านวารสารทางการเมือง หรือบทความทางอินเทอร์เน็ตแล้วมานั่งวิเคราะห์หรอกครับ
ชีวิตทุกวันของเค้าคือการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด แล้วอยู่ๆมีคนใจดีคนหนึ่ง หยิบยื่นกระดาษสุดวิเศษที่จะบันดาลให้เค้าและครอบครัวอิ่มท้องได้มา ในมุมมองของเค้า คนๆนั้นย่อมเป็นคนดีครับ


ความเหลื่อมล้ำทางสังคมในประเทศนี้ยังมีเยอะเกินไปครับ

oner
13th December 2013, 10:06
ตรรกกะคนดี นี่คือคนอีสานเป็นอะไรครับ เห็นหลายความเห็นแล้ว ทุเรศมาก
เลือกพรรคA นี่คือโง่โดนจูงจมูกใช่ใหม่ ต้องเลือกพรรค B ใช่ไหม ถึงจะฉลาดไม่โดนจูงจมูก
ไม่เคยคิดเลยใช่ไหมว่าเขาเลือกเพราะเขาชอบ นโยบายเขาช่วยเหลือเกษตรกร เขาเลยเลือก ไม่คิดแบบนี้บ้างหรอ
โถ่ คิดได้แค่ว่าโดนเงินยัดปุ๊บ คะแนนพุ่งปั๊บ คุณคิดแบบนั้นแสดงว่าคุณเอาค่านิยมของตัวเองมาคิดแล้วหละ

CanDiiZ
13th December 2013, 10:43
ผมมองเป็น 2 มุมนะ

มุมแรก ผมเห็นด้วยนะ กับคุณ maxk4255k ทุกคนต้องมีเสียงเท่ากันคือคนละ 1 เสียง ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย

แต่หลังจากอ่านๆไป ได้เห็นอีกมุมนึงคือ

สมมติประเทศไทยมี 100 คน มี 5 คนเป็นคนรวย // 35 คนเป็นคนฐานะปานกลาง // 60 คนเป็นคนจนหรือชาวบ้านทั่วๆไป

5 คน มักจะเลี่ยงภาษีเก่ง จ่ายจริงไม่เท่าไหร่ ที่เหลลือเอาไว้เผาตัวเอง

35 คน โดนภาษีเต็มๆ เลี่ยงยาก สรรพากรตรวจเข้ม

60 คน ไม่เสียภาษี เพราะฐานเงินแต่ละปีไม่ถึง

รัฐบาลได้เอาเงินภาษีก้อนใหญ่ของคน 35 คน ไปบำรุงบำเรอ กินกันเอง และประชานิยมกับคน 60 คน เพื่อให้ได้เสียงส่วนมาก แล้วใช้พวกมากลากไปเอื้อประโยชน์พวกตัวเอง

แล้วคิดว่าคน 35 คนนั้นจะคิดยังไง ??

ลองมองดูหลายๆมุมนะครับ จะเห็นว่าสรุปแล้ว มันไม่ได้ขึ้นอยู่จำนวนของเสียง หรือคุณภาพของเสียง

แต่ปัญหามันคือ "นักการเมือง"

ManKP
13th December 2013, 10:43
ชาวนา ไม่เสมอ ไป

นั่นแค่บางคน

notty
13th December 2013, 11:01
ไอคนส่วนใหญ่มันก็มาจากบ้านนอกแหละ หายากที่จะมีคนในอยู่นะครับ แต่ก็เหอะ ก็งี้แหละ งั้นแหละ ว่างั้นแหละ เออๆงั้นแหละ ok บาย( ไรเดอร์คิก ผมได้เลย 55555555+ วิ่งหนีๆๆ)

นั่นมันน่าจะเก่าเเล้วนะครับ ตอนนั้นเเม้เเต่คนกรุงก็ยอม ให้คนซื้อเสียงอ่ะครับ สมัยนี้ไม่ได้เเล้วครับ มาจากยุคไหนครับเนี่ยฮ่าๆๆๆ

Neotridagger
13th December 2013, 12:11
หลายๆคนยังเข้าใจอยุ่ว่าการซื้อเสียงยังเป็นกลยุทธที่ใช้ได้ผลในทุกวันนี้อยู่
โดยเฉพาะกับชาวนา ชาวไร่ คนเหนือ อีสาน แต่จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่
ลองดูนักวิชาการของจุฬา-ธรรมศาสตร์เค้าทำวิจัยออกมาดู

ป.ล. ตรงพรรคพท. ปชป.ไม่ต้องไปสนใจ ให้ดูตรงที่สถิติเกี่ยวกับภาคและการซื้อเสียง

คัดลอกมาจากเพจ https://www.facebook.com/VoicesOfSiam

---------------------------------------------

จากงานวิจัยการเลือกตั้ง 2554 ของ ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯระบุว่า
- ผู้หญิงส่วนใหญ่ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ ผู้ชายส่วนใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย
- คนมีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนรุ่นใหม่ เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนภาคกลาง และ ภาคใต้ รับเงินซื้อเสียงและไปเลือกพรรคที่ซื้อเสียง มากกว่า คนภาคเหนือ และ ภาคอีสาน

ข้อมูลการเลือกตั้งในระดับการศึกษา
- การศึกษาระดับประถมการศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 55.2 % เลือกปชป. 35.6%
- การศึกษาระดับมัธยม และอาชีวศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 54.5 % เลือกปชป. 34.7%
- การศึกษาระดับปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย 40.1 % เลือกปชป. 46.5%
- การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป เลือกพรรคเพื่อไทย 50.3 % เลือกปชป. 32.3%
http://www.youtube.com/watch?v=W6RSB3mckEM
http://news.voicetv.co.th/thailand/33643.html

ผลวิจัยการเลือกตั้งปี 2554 ของอาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (คณะนิติศาสตร์ และดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ได้นำเสนองานวิจัย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง” ในการสัมมนาทางวิชาการของสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีข้อสรุปเกี่ยวกับการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งและการซื้อเสียงดังต่อไปนี้

1. ยอมรับเงินจากผู้สมัคร แต่ไม่เลือกผู้สมัครรายนั้น มีร้อยละ 46.79
2. แม้ไม่ได้รับเงินก็จะเลือก มีร้อยละ 48.62
3. เลือกเพราะได้รับเงิน มีเพียงร้อยละ 4.59

หรือสรุปได้ว่า ในจำนวน 100 คน มีคนไทยเพียง 5*คนเท่านั้นที่เลือกเพราะได้รับเงิน หรือจะมองอีกมุม ในจำนวน 100 คน มีคนไทยถึง 95 คน ไม่ได้ขายเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง และจำนวนผู้ที่ขายเสียงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้งใหญ่ ที่คนเลือกที่พรรคตามอุดมการณ์ตัวเอง
ที่มา: http://prachatai.com/journal/2012/08/42190
https://www.facebook.com/boythakae/posts/468315289871967

https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/p480x480/1476588_656051307751020_528854370_n.jpg

nomkontwarn
13th December 2013, 12:31
ทำไรกันอยู่ สนใจผิดเรื่องกันรึปล่าว
เอาเวลาที่สนต่างพรรคนักกินเมือง มาสนใจเรื่องที่สำคัญกว่าไหม
เด็กยังคิดได้ ยิ่งโตยิ่ง ลืมรากกำเนิดของตัวเอง
** ใช้คำง่ายๆ อย่างคำว่า ตรรกะ เอาไปลงชักโครกแล้วกดน้ำซะ คาวตา แค่พิมคำว่า การคิด แค่นั้น***


https://socialcam.com/v/I9Xl734L?autostart=true&fs=facebook&fsk=v2FhR4Jd

saimtogo
13th December 2013, 12:40
http://networkedblogs.com/RWTyi ดราม่าสนุกดี ครับ

timpang
13th December 2013, 12:42
คนทำวิจัยก็เก่งเนาะ รู้ทุกอย่างเลย ว่าใครรับเงิน ใครไม่รับ รับแล้วเลือก รับแล้วไม่เลือก เค้ารู้ได้ไงหว่า ..:confused:

neo_boss
13th December 2013, 13:04
http://image.ohozaa.com/i/cfb/86Moon.jpg (http://image.ohozaa.com/view2/xgJbyabQ6L0WTp5T)

credit.หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล

โดนใจเอาไป10กะโหลก:victory

Price
13th December 2013, 13:07
ชาวนาไม่ใช่เหรอ ที่ปลูกข้าวให้พวก เมิ.... แด... กันครับ

Markrura
13th December 2013, 13:13
หลายๆคนยังเข้าใจอยุ่ว่าการซื้อเสียงยังเป็นกลยุทธที่ใช้ได้ผลในทุกวันนี้อยู่
โดยเฉพาะกับชาวนา ชาวไร่ คนเหนือ อีสาน แต่จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่
ลองดูนักวิชาการของจุฬา-ธรรมศาสตร์เค้าทำวิจัยออกมาดู

ป.ล. ตรงพรรคพท. ปชป.ไม่ต้องไปสนใจ ให้ดูตรงที่สถิติเกี่ยวกับภาคและการซื้อเสียง

คัดลอกมาจากเพจ https://www.facebook.com/VoicesOfSiam

---------------------------------------------

จากงานวิจัยการเลือกตั้ง 2554 ของ ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯระบุว่า
- ผู้หญิงส่วนใหญ่ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ ผู้ชายส่วนใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย
- คนมีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนรุ่นใหม่ เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนภาคกลาง และ ภาคใต้ รับเงินซื้อเสียงและไปเลือกพรรคที่ซื้อเสียง มากกว่า คนภาคเหนือ และ ภาคอีสาน

ข้อมูลการเลือกตั้งในระดับการศึกษา
- การศึกษาระดับประถมการศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 55.2 % เลือกปชป. 35.6%
- การศึกษาระดับมัธยม และอาชีวศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 54.5 % เลือกปชป. 34.7%
- การศึกษาระดับปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย 40.1 % เลือกปชป. 46.5%
- การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป เลือกพรรคเพื่อไทย 50.3 % เลือกปชป. 32.3%


อยากถามว่าเค้าแน่ใจได้ไงว่าเรื่องที่ไปถามคนกลุ่มนึงมาแล้วเอามาตีคลุมคนหมู่มากนั้นมันจะจริง จริงอยู่ที่เค้าอาจใช้วิธีเชิงสถิติ แต่มันก็มีโอกาสผิดพลาดได้เช่นกัน
แถมยังมีข้อมูลประหลาดๆ อย่างจำนวนเงินที่ใช้ในการเลือกตั้งอีก เค้าไปเอาจำนวนที่เป๊ะๆขนาดนั้นมาได้ไง อย่าง .94 บาทเนี้ย เค้าจ่ายกันยังไง(หรือจ่ายทางบัญชีแล้วโดนภาษี)

Neotridagger
13th December 2013, 13:53
อยากถามว่าเค้าแน่ใจได้ไงว่าเรื่องที่ไปถามคนกลุ่มนึงมาแล้วเอามาตีคลุมคนหมู่มากนั้นมันจะจริง จริงอยู่ที่เค้าอาจใช้วิธีเชิงสถิติ แต่มันก็มีโอกาสผิดพลาดได้เช่นกัน
แถมยังมีข้อมูลประหลาดๆ อย่างจำนวนเงินที่ใช้ในการเลือกตั้งอีก เค้าไปเอาจำนวนที่เป๊ะๆขนาดนั้นมาได้ไง อย่าง .94 บาทเนี้ย เค้าจ่ายกันยังไง(หรือจ่ายทางบัญชีแล้วโดนภาษี)

- ผมเดาว่าคุณคงไม่เคยทำวิจัยเชิงสังคมศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัย หรือระดับองค์กร
การทำวิจัยทุกเรื่อง การหากลุ่มตัวอย่าง การชั่งน้ำหนัก การกำหนดตัวแปร กำหนดตัวชี้วัด การสรุป อภิปรายผล ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ล้วนต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและทฤษฎีที่อ้างอิงได้ ต้องมีความเที่ยงและความเน่าเชื่อถือ
ถ้าไม่ผ่านตรงนี้ ทางมหาลัยจะไม่อนุมัติให้งานวิจัยพวกนี้ผ่าน เพราะจะเป็นการเสียชื่อเสียงของมหาลัยเอง
(หากรู้สึกข้องใจสามารถค้นชื่ออาจารย์เจ้าของงานวิจัยเพื่ออ่านงานวิจัยของเขาได้ครับ
มีบอกหมดละทั้งกระบวนการพิสูจน์ ที่มาของปัญหา วิธีการสรุปผล งานพวกนี้เค้าเปิดกว้างให้ตรวจสอบอยู่แล้ว)

- ไม่มีงานวิจัยเรื่องใดเป็นความจริง ถูกต้องตลอดกาลอยู่แล้ว งานวิจัยทุกอย่างต้องพร้อมที่จะรอการโต้แย้งทั้งนั้น
ถ้ามีงานวิจัยมาแย้งและข้อมูลใหม่มันน่าเชื่อถือกว่า สามารถตีทฤษฎีเก่าตกไปได้ เราก็ถือว่างานวิจัยเก่านั้นผิดพลาดไป ก็เท่านั้น
แม้แต่เรื่องอะตอมของสสาร หรือทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย
ทุกวันนี้ก็ยังมีการโต้แย้งในแวดวงวิทยาศาสตร์อยู่ตลอด
ยังไงก็ตาม งานวิจัยก็คือการศึกษาสิ่งๆหนึ่งด้วยการพยายามใช้วิธีที่เชื่อถือได้ที่สุดที่สากลยอมรับในการตอบคำถามต่างๆอยู่ดี
(แวดวงวิชาการยอมรับงานวิจัยมากกว่าการฟังเค้ามา การไปเจอด้วยตัวเองแล้วเล่ามา การเจอกลุ่มหนึ่งแล้วสรุปมา ฯลฯ)

- เงินที่ใช้ในการเืลือกตั้ง เป็นข้อมูลประหลาดตรงไหนครัีบ ?
ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้โดยเข้าเว็บ กกต. ไปดูเองได้เลยครับ http://www.ect.go.th/
ข่าวก็มีครับ ฝ่ายตรงข้ามด้วย http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000001713
ทุกพรรคการเมืองต้องส่งงบประมาณที่ใช้ในการเลือกตั้งให้กับกกต.นำมาเผยแพร่ ประชาชนทุกคนมีสิทธิรับรู้ทั้งนั้นครับ อยู่ที่ว่าจะอยากรู้รึเปล่า

รายละเอียดอื่นๆแนะนำตามเพจที่ผมให้ไป เข้าไปอ่านเลยครับ
ผมไม่ได้คัดมามาหมดเพราะมันเยอะแล้วเรื่องพรรคการเมืองมันไม่เกี่ยวกับกระทู้(ที่อยากให้โฟกัสกันคือเรื่องการซื้อเสียงกับคนจน)
อยากรู้ว่างานวิจัยไหนน่าเชื่อถือแค่ไหนก็ค้นชื่องานวิจัย
อ่านหลักการวิเคราะห์ตัวแปร การหากลุ่มตัวอย่าง การสรุปผิล อภิปรายผลได้เองเลยครับ

newman
13th December 2013, 13:54
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย

ปัจจุบัน รัฐรู้แพ้ พวกรู้ชนะยังไม่เลิก จะเอาอีก รู้อภัย อีกฝ่ายยอม อีกฝ่ายไม่ยอม และไม่ให้มีประชาธิปไตย จากการเลือกตั้ง ต้องการตั้งตนเอง กับพวกตุ๊ด

kenchinz
13th December 2013, 14:15
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย

ปัจจุบัน รัฐรู้แพ้ พวกรู้ชนะยังไม่เลิก จะเอาอีก รู้อภัย อีกฝ่ายยอม อีกฝ่ายไม่ยอม และไม่ให้มีประชาธิปไตย จากการเลือกตั้ง ต้องการตั้งตนเอง กับพวกตุ๊ด


พิมพ์แบบนี้รู้เลยคิดได้แค่ไหน คิดง่ายๆ เลือกตั้งใหม่ ก็กลับมาเป็นแบบเดิม สิ่งที่ทำไปไม่รับผิดชอบ? คิดเยอะๆครับ

newman
13th December 2013, 14:31
แนะนำด้วยครับ

newman
13th December 2013, 14:32
พิมพ์แบบนี้รู้เลยคิดได้แค่ไหน คิดง่ายๆ เลือกตั้งใหม่ ก็กลับมาเป็นแบบเดิม สิ่งที่ทำไปไม่รับผิดชอบ? คิดเยอะๆครับ
แนะนำด้วยครับ ท่าทางคุณคงเก่งมาก

464244068
13th December 2013, 14:47
เห็นด้วยคับ แถวบ้านผมรับหมดละคับเงินแต่ ๆ ไม่เลือกครับเขาดูที่ผลงาน นายกอบต.เลือกไปผลงานไม่มี 4 ปีก็ไม่ได้มีให้เห็นกันเยอะไปคับ

BoonTew
13th December 2013, 14:52
คนต่างจังหวัดบางคนขายเสียง แต่นักวิชาการบางคนขายตัว เอาจรรยาบรรณความน่าเชื่อถือมาขายนักการเมือง

เสียงแบบนี้มีคุณภาพมั้ยครับ

vasanchai
13th December 2013, 14:52
ไม่ได้เข้า้างนะครับ โพลแบบนี้ผมทำให้ คนไทยไม่รับเงิน 100% ยังได้เลยใส่ BY ตัวเองเนี่ย


หลายๆคนยังเข้าใจอยุ่ว่าการซื้อเสียงยังเป็นกลยุทธที่ใช้ได้ผลในทุกวันนี้อยู่
โดยเฉพาะกับชาวนา ชาวไร่ คนเหนือ อีสาน แต่จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่
ลองดูนักวิชาการของจุฬา-ธรรมศาสตร์เค้าทำวิจัยออกมาดู

ป.ล. ตรงพรรคพท. ปชป.ไม่ต้องไปสนใจ ให้ดูตรงที่สถิติเกี่ยวกับภาคและการซื้อเสียง

คัดลอกมาจากเพจ https://www.facebook.com/VoicesOfSiam

---------------------------------------------

จากงานวิจัยการเลือกตั้ง 2554 ของ ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯระบุว่า
- ผู้หญิงส่วนใหญ่ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ ผู้ชายส่วนใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย
- คนมีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนรุ่นใหม่ เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนภาคกลาง และ ภาคใต้ รับเงินซื้อเสียงและไปเลือกพรรคที่ซื้อเสียง มากกว่า คนภาคเหนือ และ ภาคอีสาน

ข้อมูลการเลือกตั้งในระดับการศึกษา
- การศึกษาระดับประถมการศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 55.2 % เลือกปชป. 35.6%
- การศึกษาระดับมัธยม และอาชีวศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 54.5 % เลือกปชป. 34.7%
- การศึกษาระดับปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย 40.1 % เลือกปชป. 46.5%
- การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป เลือกพรรคเพื่อไทย 50.3 % เลือกปชป. 32.3%
http://www.youtube.com/watch?v=W6RSB3mckEM
http://news.voicetv.co.th/thailand/33643.html

ผลวิจัยการเลือกตั้งปี 2554 ของอาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (คณะนิติศาสตร์ และดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ได้นำเสนองานวิจัย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง” ในการสัมมนาทางวิชาการของสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีข้อสรุปเกี่ยวกับการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งและการซื้อเสียงดังต่อไปนี้

1. ยอมรับเงินจากผู้สมัคร แต่ไม่เลือกผู้สมัครรายนั้น มีร้อยละ 46.79
2. แม้ไม่ได้รับเงินก็จะเลือก มีร้อยละ 48.62
3. เลือกเพราะได้รับเงิน มีเพียงร้อยละ 4.59

หรือสรุปได้ว่า ในจำนวน 100 คน มีคนไทยเพียง 5*คนเท่านั้นที่เลือกเพราะได้รับเงิน หรือจะมองอีกมุม ในจำนวน 100 คน มีคนไทยถึง 95 คน ไม่ได้ขายเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง และจำนวนผู้ที่ขายเสียงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้งใหญ่ ที่คนเลือกที่พรรคตามอุดมการณ์ตัวเอง
ที่มา: http://prachatai.com/journal/2012/08/42190
https://www.facebook.com/boythakae/posts/468315289871967

https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/p480x480/1476588_656051307751020_528854370_n.jpg

Neotridagger
13th December 2013, 14:55
^
เชื่อแล้วว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัด

งานวิจัยไม่ใช่การเจอปุ๊บถามคนแล้วสรุปว่าคำตอบนั้นมีน้ำหนัก ผมตอบให้แค่นี้ละกัน

stepmeup2
13th December 2013, 16:07
งานวิจัยเขาไม่ได้ให้อ่านแล้วเชื่ออยู่แล้ว ก็ลองไปหาอ่านเพิ่มดูแล้วกันหรือถ้าอยากรู้จริง ๆ ตอนเลือกตั้งก็มานั่งดู ผมก็คนบ้านนอกคนหนึ่งไม่เคยได้รับเงินจากการซื้อเสียงเลย (ทำไม T^T) แถมเวลาไปเลือกตั้งผมต้องแงะตัวเองออกจากเก้าอี้ไปถึงกาเสร็จต้องเสียตังซื้อของกินอีก จู่ ๆ มาจากไหนไม่รู้เหมารวมว่าคนต่างจังหวัดไม่มีความคิด โดนซื้อแล้วมาเตะพรรคที่เสียงส่วนใหญ่เลือกมาด้วยการใช้ความรุนแรงกดดันรัฐบาล มันใช่เรื่องไหม ไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนเป็นแสนยอมเป็นเบี้ยให้พวกนักการเมือง ยอมเจ็บ ยอมตาย ทั้ง ๆ ที่คนได้ประโยชน์จริง ๆ ก็พวกนักการเมืองนั่นแหล่ะ ขึ้นว้อย!!! เล่นเกมดีกว่า

-ข้อความทั้งหมดนี้มาจากความรู้สึกของตัวผู้เขียนเองล้วน ๆ ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะยุยงให้เกิดความแตกแยกแต่อย่างได โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน . . . \m/

liger0000
13th December 2013, 17:20
อย่าลืมตัวแปรอื่นๆด้วย
1.เลือกเพราะประชานิยม
2.เสียงจากการซื้อกกต.
3.เสียงจากกองทัพ(ที่บางครั้งมันมีกรณีซื้อผบ.กองคนเดียว แล้วผบ.ก็สั่งทหารไปเลือก)
4.พวกคนรวยคนมีการศึกษาบางส่วนเป็นพวก วัฒนธรรมการเมืองแบบคับแคบ(ภาษาเจาะข่าวตื้นเรียกว่าพวกเสื้อแพง)

และการเลือกตั้งปี53 มันมีการNo voteเยอะมาก

นักเล่นเกม
13th December 2013, 21:43
เหอะๆส่วนมากนะรู้ไรไหมพวกที่เกลียดทักษิณมักมองว่าทักษิณชั่ว ทักษิณเลว แต่ไม่เคยมอง ปชป เลยว่าเลวยังไง

60 ปีมานี้คอรัปชั่นประเทศไปเป็น หลายล้านล้านบาท กับไม่สนใจ พอยิ่งลักษณ์มาได้ไม่ถึง 4ปี ก็หาว่าประเทศล่มสลาย

แต่ ปชป คอรัปชั่นมา 60 ปี ไม่มีผลงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง กับไม่เคยโทษ

รู้อะไรไหมก่อนทักษิณจะมาบริหารประเทศ ประเทศเราคนจนก็จนรอวันตายได้เลย ไม่มียโยบายอะไรที่จะสามารถช่วยเหลือคนจนได้

รู้จักระบบอนาถาโรงบาลไหม มันคือระบบไม่รักษาถ้าไม่มีเงินปล่อยให้ตายเอาดื้อๆ คนจนหลายคนไม่มีเงินรักษามาเข้าระบบอนาถา

เขาไม่รักษาให้ยาแก้ปวดมากิน ไม่กี่วันตาย การตายสำหรับคนจนในสมัยนั้นเป็นเรื่องปกติไม่มีใครสนใจ พอทักษิณเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบใหม่

ทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำลายระบบอนาถาทิ้ง คลีนิคหลายเจ้าที่กดขี่คนจนเจ๋ง ทำให้ หมอหลายคนเกลียดทักษิณเข้าไส้

เพราะมาทำลายช่่องทางทำมาหากินนี่แค่โครงการเดียวของทักษิณทำลายความอยุติธรรมลงได้เยอะมาก แต่ทักษิณไม่ได้มีโครงการเดียว

โครงการสินค้า otop ช่วยสร้างรายได้ให้คนต่างจังหวัดอย่างเห็นได้ชัด มีกินมีใช้กัน ทำให้พวกเขารักทักษิณกันดังนั้นไม่ว่าจะเลือกตั้งอีกกี่ร้อยปี

ตระกูลชินวัตรก็ยังชนะตลอดด้วยเสียงข้างมาก ในขณะที่อีกพรรคนึงชอบดูถูกคนจน ชอบกดขี่ข่มเหงคนจนสุดท้ายกรรมก็ตามสนอง

หากวันใดวันนึงความอดทนของคนจนหมดเมื่อไร สงครามกลางเมืองจะเกิดขึ้นแน่นอน คนกรุงเทพจะต้องเป็นคนรับผิดชอบกับเรื่องนี้

นักเล่นเกม
13th December 2013, 21:53
ไอ้พวกเด็กสมัยนี้ที่ออกมาด่าทักษิณอย่างนู้นอย่างนี้ จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ปชป ทำระยำอะไรไว้กับประเทศ

20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยไม่ต่างกับ เกาหลีเหนือ จะมีเด็กสมัยนี้สักกี่คนที่รู้เรื่องนี้ สมัยก่อนคนจนไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร

ตายก็เหมือนหมา คนรวยครองเมือง สำนักข่าวต่างๆไม่กล้าทำข่าวแรงๆ

bave233
13th December 2013, 22:29
http://www.youtube.com/watch?v=pK2WJd5bXFg



ผมไม่ชอบเลย กระทู้เเบปนี้ สร้างขึ้นมาเพื่อ เเบ่งเเยกกันชัดๆ ไม่โลกสวย เเต่ พอสักทีเถอะครับ พวกผู้ใหญ่


รู้มัยว่าพวกท่านได้ตก เป็นเหยื่อของ สือทีวี โดยไม่ได้ตั้งใจ เค้าเรียกโลกนี้ ว่า Stockholm Sydome ครับ


ทําไมทุกๆวันนี้ หัวใจของคนไทย ต้องเเบ่งสีกันหละครับ เมื่อก่อนไม่เห็นมีเลย


ผมพูดไรไม่ได้มาก เพราะ โดน ใบเหลืองไปใบนึงเเล้ว



ทุกท่านเป็นคนไทย หรือเปล่าครับ คนไทยทุกคนตอนนี้มี สีเหรอครับ ทําไมต้องมีด้วยหละ ครับ?


ตอนนี้ ผมหวังมากๆเลย หวัง ว่าให้มี พวกบ้าสงคราม มาบุกประเทศไทย คนไทยจะได้รวมเป็นหนึ่ง




ช่วยกรุณาโหวต ลบกระทู้นี้ทีครับ ขอร้องผมเบื่อ บ้านผม มีเสื้อเหลือ เสื้อเเดง อยุในบ้านเดียวกันก็พอเเล้ว ยังต้องมาเจออย่างงี้ใน บ้าน JKG อีก


พอเถอะครับ..

jeditrainer
14th December 2013, 05:57
ไอ้พวกเด็กสมัยนี้ที่ออกมาด่าทักษิณอย่างนู้นอย่างนี้ จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ปชป ทำระยำอะไรไว้กับประเทศ

20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยไม่ต่างกับ เกาหลีเหนือ จะมีเด็กสมัยนี้สักกี่คนที่รู้เรื่องนี้ สมัยก่อนคนจนไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร

ตายก็เหมือนหมา คนรวยครองเมือง สำนักข่าวต่างๆไม่กล้าทำข่าวแรงๆ
ไร้สาระ ก็มีแต่พวกเล่นกีฬาสีแบบคุณแหละครับที่ยังยึดติดกับพรรคสองพรรคนี้ คนไทยส่วนใหญ่ตอนนี้เขาต้องการ
ปฏิรูปการปกครองทั้งนั้น ไม่มีใครอวยประชาธิปัตย์หรอกบางคนอาจจะไม่ชอบประชาธิปัตย์ก็มีเยอะ(เช่นผมเป็นต้น)แต่
ยังไงเสียคนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันก็ย่อมร่วมมือกันชั่วคราวอยู่แล้วจนกว่าจะสำเร็จตามเป้าหมายที่หวัง กรุณาอย่าคิดตื้น ๆ
ว่าคนที่ออกไปชุมนุมแล้วด่าคน ๆ นั้นจะชอบสุเทพหรือประชาธิปัตย์ซะหมด โดนกรอกหูจากใครมาเหรอครับ ที่สำคัญ
สุเทพที่ออกมาเป็นแกนนำก็เหมือนกับขี่หลังเสืออยู่แล้ว ถ้าทำเลวเมื่อไหร่จะโดนหนักกว่ารัฐบาลชุดนี้ซะอีก รู้ไว้ซะ
แล้วที่สำคัญคน ๆ นั้นมีดีอะไรเหรอครับผมก็เห็นมีแต่พวกคิดตื้น ๆ แหละที่ชอบเขา คนที่รู้เรื่องวงในเยอะรู้เรื่องเน่าเหม็น
ไม่มีใครเขาชอบคน ๆ นั้นหรอกครับ ครอบครัวผมมีหลากหลายอาชีพตั้งแต่ข้าราชการธรรมดาไปจนถึงระดับศาลสูง
ก็ไม่แปลกที่จะรู้เรื่องที่ชาวบ้านอย่างคุณไม่รู้ และที่สำคัญเขาก็ผิดจริงติดคุกแค่2ปีจะกลัวอะไรละครับ มายอมรับโทษ
เรื่องก็จบไปนานแล้ว ดีก็ส่วนดี เลวก็ส่วนเลว เอามาปนกันไม่ได้หรอกครับ อย่าเอาตรรกะป่วย ๆ ของคุณมามั่วกับ
กฎหมายจะดีกว่า อ้อแล้วที่สำคัญคน ๆ นั้นไม่ใช่คนรวยที่ใช้เงินหนีกฎหมายไปนอกประเทศหรอกเหรอ ลองตรองดูนะ
ปล.แล้วตอนนี้มันจะต่างกับปชป.เมื่อก่อนตรงไหนละครับก็เล่นใช้เงินอุดปากสำนักข่าวไปทั่วซะแบบนี้
ปล2.ช่วงนี้เอียนคำว่าเสียงข้างมากแล้วอ้างแต่15ล้านเสียง แต่50ล้านเสียงที่ไม่เลือกดันไม่พูดถึงและกลายเป็นเสียงส่วนน้อยซะงั้น

shisaku
14th December 2013, 09:50
กระทู้นี้เกี่ยวกับสิทธิของคน จน กับ คนรวย นะครับ อย่าหลงประเด็น

kingcesar
14th December 2013, 11:46
เห้อ เห็นบางอย่างในกระทู้นี้ เริ่มรู้สึกขาดความเชื่อมั่นในทักษะการตีความของคนหลายๆคนไปเลยแฮะ - -

_________________

เออใช่ๆ ผมอยากจะบอกอีกอย่างนะครับ การวิจัยมันมีหลายแบบ และหลากหลายวิธี
การวิจัยบางวิธี ก็เป็นการวิจัยที่มีข้อบกพร่องทางวิชาการ และทางสถิติ แนะนำให้ระวังตรงส่วนนี้ด้วย

คือ อย่าเพิ่งเชื่อผลวิจัย เพราะว่าเขามี "เครดิตทางวิชาการ"
หรือ "ระดับความดัง" ของตัวผู้วิจัยครับ เพราะมันไม่ใช่หลักประกันของแน่นอน

ที่ผมบอกอย่างนี้ ผมไม่ได้ต้องการมาว่าร้ายต่องานวิจัยของใครนะครับ
ผมแค่อยากจะเตือนและให้สติกับคนที่มักอ่านแต่ "บทสรุปผล" ของงานวิจัย โดยไม่ได้อ่านตัวเต็มของงานวิจัย

ไม่ต้องเชื่อผมทุกคำพูดนะครับ อยากรู้ต้องลองไปสัมผัสประสบการณ์วิจัยทางสังคมศาสตร์ ภาคสนามดู

ขอบคุณที่หลายๆคนเสียเวลาอ่านครับ ถ้าอยากเสนอแนะอันใดก็ส่ง PM (Personal Message)
หรือไม่ก็ทักไปที่ VM (Visitor Message) มา ถ้ามันเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ผมอาจจะตอบให้

bobmarley2527
14th December 2013, 12:25
แล้วพี่จะเอายังไงล่ะคับ ประชาธิปไตยไม่เอา จะให้กำนันเลือกให้ว่างั้นเถอะ มีอะไรที่คนส่วนใหญ่เขารับได้มั้ยล่ะ
คิดเยอะๆคับ

vasanchai
14th December 2013, 13:02
^
เชื่อแล้วว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัด

งานวิจัยไม่ใช่การเจอปุ๊บถามคนแล้วสรุปว่าคำตอบนั้นมีน้ำหนัก ผมตอบให้แค่นี้ละกัน

แล้วคุณไม่ใช่คนไทยหรอครับ ?????

AjajaKidz
14th December 2013, 13:17
มันก็จิงส่วนนึง ไอพวกนี้มันคิดไรสั้นๆแค่ให้ตัวเองได้ไรนิดนึง มันก็เอากันก่อนละ ไม่คิดให้ยาวๆไม่มองให้กว้างๆทั่วทั้งประเทศคิดแต่แค่กุได้ๆกุก็เอา คนกรุงเทพเค้าถึงได้เกลียดพวกมันไงละ

shisaku
14th December 2013, 13:31
มันก็จิงส่วนนึง ไอพวกนี้มันคิดไรสั้นๆแค่ให้ตัวเองได้ไรนิดนึง มันก็เอากันก่อนละ ไม่คิดให้ยาวๆไม่มองให้กว้างๆทั่วทั้งประเทศคิดแต่แค่กุได้ๆกุก็เอา คนกรุงเทพเค้าถึงได้เกลียดพวกมันไงละ


พวกมัน ที่คุณพูดถึง ปลูกข้าวให้คุณกิน ต้องทนลำบาก หาเช้ากินค่ำ แม่ค้าตามตลาด พ่อค้าขายเร่ ชนชั้นกรรมกร ทุกๆคนล้วนแต่ทำงานอย่างหนักโดยไม่ปริปากบ่นซักคำ พวกมันที่คุณพูดถึงนี่ละคือประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ พวกมันที่คุณพูดถึงคือบรรพบุรุษคุณ

น้ำตาผมแทบไหล เมื่อคุณใช้คำว่า " พวกมัน " สลดใจจริงๆ

AjajaKidz
14th December 2013, 13:49
พวกมัน ที่คุณพูดถึง ปลูกข้าวให้คุณกิน ต้องทนลำบาก หาเช้ากินค่ำ แม่ค้าตามตลาด พ่อค้าขายเร่ ชนชั้นกรรมกร ทุกๆคนล้วนแต่ทำงานอย่างหนักโดยไม่ปริปากบ่นซักคำ พวกมันที่คุณพูดถึงนี่ละคือประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ พวกมันที่คุณพูดถึงคือบรรพบุรุษคุณ

น้ำตาผมแทบไหล เมื่อคุณใช้คำว่า " พวกมัน " สลดใจจริงๆ



เห็นมั๊ยนายก็รู้ว่าพวกมันก็คือส่วนใหญ่ของประเทศก็เพราะพวกมันทำให้เกิด (เกิดไม่ใช่หมายถึงคลอดนะ) พวกมันต่อๆมาแบบไม่รู้จบไม่เจริญซักทีแถมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยนะ

แล้วมันไม่บ่นอาไรละเห็นบ่นกันใหญ่ หาตังได้เท่าเดิมแต่ว่าดันซื้อของกินของใช้ได้น้อยลง เอ๊ะงงๆๆๆ

Artificial
14th December 2013, 14:34
ผมคิดว่าการที่คนแต่ละคน ควรจะมีจำนวนเสียงเท่ากันนะครับ
เพราะตามรัญธรรมนูญ มาตรา 4 "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครอง”
การเลือกผู้แทนมันก็ต้องมีความเสมอภาคกันด้วย กล่าวคือ บุคคลต้องมีสิทธิ เสรีภาพโดยเสมอกัน

ส่วนตัวผมก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องความรู้ การศึกษา สถานะทางเศษรฐกิจ อาชีพ เลยนะครับสิ่งเหล่านั้นมันเป็นเรื่องปัจเจก
ซึ่งปัจเจกบุคคลก็มีสิทธิ์ในการเลือกอย่างไรก็ได้เช่นกัน ก็ควรเคารพในสิทธิ์ของเขา(ที่มีอย่างเท่าเทียมกัน) ให้เกียรติกันนะครับ
โดยต้องมีเจตนารมร์ร่วมกัน คือยอมรับกับผลการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นวิถีทางหนึ่งตามระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
หลังจากนั้นก็ปล่อยไปตามกลไกครับ ในการจัดการกับผู้แทนที่ถูกเลือกมาแล้ว

ILoVePaNgYa
14th December 2013, 18:07
http://www.youtube.com/watch?v=sPIbdrv_3xE
นั่งดูอยู่เมื่อคืน ชอบช่วงสนทนามากครับได้ความรู้ดี



http://youtu.be/xzpvuxm5K8c
แถมๆ

exodus
14th December 2013, 23:10
เสียงที่มาจากการซื้องั้นเหรอ แหม่...
ปชป.ไม่เคยซื้อเสียงเลยนะครับ คืนหมาเห่าหมาหอนนี่ไม่มีหรอก หัวคะแนนอะไรเพ้อเจ้อ "คิดไปเอง" ทั้งนั้น ทุกคนที่เอนเอียงไปทางเหล่านอมินีคนกลุ่มนี้นี่คือประชากรคุณภาพคับแก้วสุดๆอ่ะ
เมืองไทยมันเพิ่งมามีการคอรัปชั่นในยุคทักษิณไง ไอ้เรื่องอย่าง สปก.4-01 โกงน้ำมันปาล์ม หัวคะแนนมาเฟียสวนยาง น้ำมันเถื่อนภาคใต้ อะไรพวกนี้มันไม่มีจริงหรอก ปชป.ไม่มีวันหาผลประโยชน์เข้าพวกตัวเองอยู่แล้ว

ทักษิณมันโกงเชิงนโยบาย ไปจูงใจชาวบ้าน บอกว่าจะพัฒนาชุมชนแลกคะแนนเสียง คนชนบทมันต้องอยู่อย่างพอเพียงไง ไฟฟ้าไม่ต้องมี ทีวีไม่ต้องดู ถนนหนทางก็ใช้ดินลูกรังไป ส้วมสาธารณะจะมีไปทำไมให้มันขุดรูขับถ่ายเอา น้ำประปาก็ไม่ต้องใช้ ให้มันใช้น้ำรวมกับพวกวัวควายนั่นแหละ เจ็บป่วยก็ไม่ต้องรักษา จำนวนมีเยอะอยู่แล้ว ตายๆกันไปก็มีคนทำนาให้อยู่ดี พวกที่อยากมีชีวิตที่ดีกว่าน่ะมันโง่ มันเป็นขี้ข้าทักษิณ มันเป็นคะแนนเสียงไม่มีคุณภาพ

ปล.กรูประชด

shisaku
14th December 2013, 23:20
ยังไม่หยุดหลงประเด็นกันอีก "กระทู้นี้เกียวกับสิทธิของจนกับคนรวยเว้ยเฮ้ยย!!! เฮ้ยย!!!" อมรมเสียแล้ว อะไรกันนักหนา โยงเข้าการเมืองตลอด

BoonTew
15th December 2013, 01:41
และแล้วดราม่าก็ได้ก่อเกิดขึ้นอีกครา:o

ถ้าสิทธิในการเลือกตั้ง คนจน-คนรวยมีสิทธิเท่ากันหมด จะเศรษฐีหมื่นล้านหรือคนจนหาเช้ากินค่ำ ใช้บัตรเลือกตั้งแบบเดียวกัน ตอนนับก็นับเป็น 1 คะแนนเหมือนกัน

คงไม่มีบัตรเลือกตั้ง vip 1 ใบ มีค่าเท่ากับ 1,000,000 คะแนนหรอกนะ:p

ถ้าเป็นด้านอื่นๆ คนรวยมีสิทธิมากกว่าคนจนแน่นอน



ปล.ผมลองไปหาที่มาประโยคที่เป็นเรื่องตอนนี้ของ ดร.เสรี มาแล้ว คำพูดนั้นดูถูกคนตามที่แชร์กันจริงๆ แถหรือดริฟท์ไม่ได้เลย

แต่มันเป็นคลิปเก่า ที่เอามาแชร์จนเกิดประเด็นอย่างกว้างขวางนี่ ต้นเรื่องคงหมั่นไส้ที่ดร.เสรีไปขึ้นเวทีคนดี ยกหางกันเอง ด่าทอฝ่ายตรงข้าม คนนู้น คนนี้ไปทั่วนั่นแหละครับ

jeditrainer
15th December 2013, 02:15
ยังไม่หยุดหลงประเด็นกันอีก "กระทู้นี้เกียวกับสิทธิของจนกับคนรวยเว้ยเฮ้ยย!!! เฮ้ยย!!!" อมรมเสียแล้ว อะไรกันนักหนา โยงเข้าการเมืองตลอด

ประเด็นนี้มันก็อยู่ในเรื่องการเมืองการปกครองอยู่แล้ว ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ ถ้าอยากให้ไม่มีชนชั้นเลย
ก็ต้องเป็นคอมมิวนิสต์สิครับ ไม่มีใครจนกว่าใครแน่เพราะจนเท่า ๆ กันหมด แล้วคุณจะเอาไหมละ พูดเรื่องนี้
มันก็โยงกันเหมือนกินขนมปากริมไข่เต่านั่นแหละแยกจากกันไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคิดจะพูดแต่ฐานะจนรวยและ
การด้อยโอกาสกว่าแต่เพียงถ่ายเดียวผมว่าคุณหลงประเด็นแล้วหรือไม่ก็จงใจจะโจมตีแต่คนที่พูดเรื่องนี้อย่างเดียวเท่านั้น
อย่าปฏิเสธว่าไม่จริงนะครับ คำพูดของคุณมันส่อตั้งแต่แรกแล้ว

exodus
15th December 2013, 05:53
มันต้องย้อนกลับไปดูว่า ต้นตอของการเกิดสิ่งที่เรียกว่า 1 เสียงที่ไม่เท่ากันมันมาจากอะไร มันมาจากแนวคิดแบบไหน คำว่าฐานะ จน-รวย มันเป็นคำจำกัดความกว้างๆ มันไม่ได้มีแค่ความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่มันมีเรื่องของวุฒิภาวะทางการเมือง เรื่องของแนวคิดหรือกระทั่งมายาคติ ถ้าคนจนพากันเลือก ปชป. หรืออยู่ฝ่ายสุเทพ จะยังเป็นเสียงที่ "ไร้คุณภาพอยู่หรือเปล่า?" บางครั้งเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าประเด็นที่เราหยิบยกมันไม่ได้เป็นแค่การเบี่ยงประเด็นในสังคม เพราะมันก็เห็นกันอยู่ว่ามันเป็นประเด็นที่แตกแขนงมาจากประเด็นเลือกตั้งใหม่ แล้วมันก็โยงใยไปเข้าเรื่องสีเสื้ออยู่ดี ทำไมถึงอยากจำกัดสิทธิในการเลือก ทำไมถึงมีเรื่องของการเอาฐานะหรือกลุ่มสังคมมาอ้าง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมกลุ่มรากหญ้าที่เป็นเสื้อเหลืองถึงถูกคนกลุ่มนี้สรรเสริญล่ะ? มันก็ควรจะเป็นคนจนโง่ๆ ที่ไม่สมควรมีสิทธิมีเสียงเท่ากับคนจนคนอื่นๆไม่ใช่เหรอถ้าวัดจากฐานะ หรือคุณคิดว่าไง จขกท. :)

lordhunya
18th December 2013, 12:54
ต้องไล่ให้ไปดูงานวิจัย ของสถาบันใหญ่ๆของทุกมหาลัยนะครับว่า ส่วนใหญ่คนที่เลือก เพื่อไทย มีแต่คนจบโทเป็นต้นไปนะครับ ผิดกับคำพูดของคุณเทือกเอาซะมากๆ ถ้าไม่เชื่อ ให้ไปดู วิวาทะ ของนักวิชาการ หรือพวก ดร.แต่ละคน ส่วนมากเสื้อแดงทั้งนั้นครับ เพราะคนพวกนี้เค้าเห็นความสมเหตุสมผล และไม่เสียประโยชน์จากรัฐบาลทักษิณเหมือนพวกเสื้อเหลือง พ่อค้ายา โจรใต้และ ปชป

montasux3
18th December 2013, 13:47
แล้ว 1 สิทธิ์ 1 เสียงแบบที่เราใช้กันทุกวันนี้ มันเป็นประชาธิปไตยจริงๆหรือเปล่าล่ะครับ หรือเป็นแค่ระบบนายทุน ที่ใครมีปัญญาซื้อเสียง ซื้อ สส เข้าพรรคตัวเองเพื่ออำนาจของคนบางกลุ่ม ผมอยู่อีสาน เขตเสื้อแดง ถือเป็นครอบครัวรากหญ้าคนนึง แต่บอกตรงๆ ความคิดความอ่านคนแถวบ้านผมต่ำต้อยมากๆ tv ที่บ้านก็มีจานของ สส มาติดให้นั่งดูแต่ dnn asia update กรอกหูทุกวันว่าเราเป็นประชาธิปไตย อินเตอร์ก็มาไม่ถึง วิทยุก็ฟังวิทยุชุมชนซึ่งไม่พ้นสื่อเสื้อแดง ผมคงไม่รู้ความเลวทรามของพรรคพี่ใหญ่ถ้าผมไม่ได้มาเรียนกรุงเทพน่ะครับ ผมๆด้รู้ความเลวต่างๆ ไม่ว่าจะการซื้อเสียงด้วยประชานิยม ทำให้ประเทศเสียหายขนาดไหน งบประมาณต่างๆที่ออกไปยังบ้านผม สามารถสร้างได้หลายอย่าง แต่ดันได้แค่่ถนนห่วยๆเส้นเล็กๆ ที่หลอกชาวบ้านทุกวันว่าสมัยหน้าเลือกมันอีกจะทำให้ใหญ่กว่านี้ ข่าวสารความเลวการทุจริต ถูกบิดเบือน และสร้างฝันผ่านวิทยุชุมชนบ้านผมตลอด คนกรุงเทพบางคนอาจคิดว่ารากหญ้าอย่างพวกผมโง่ ที่รัฐบาลนี้ทำผิดซ้ำๆซากๆ แต่ก็ยังเลือกมา แต่ผมอยากให้พวกคุณสงสารคนรากหญ้ามากกว่า เพราะพวกผม ได้เสพสื่อเพียงฝ่ายเดียว ผมจึงไม่รู้ว่าที่พวกคุณออกมาขับไล่รัฐบาลเพราะอะไร ผมได้มาเรียนกรุงเทพ มีอินเตอร์เน็ตพร้อม มีคลิปเสื้อแดงปราศรัยจาบจ้วงสถาบันมากมาย ถึงได้รู้ว่าพวกเราโดนหลอกมาตลอดทั้งๆที่พวกเรารักในหลวงมากๆ แต่กลับโดนลากมาเป็นพวกล้มเจ้าโดยไม่รู้ตัว ได้รู้ว่าทักษิณ เอาตำแหน่งตัวเองมาเอื้อประโยชน์ เอาญาติพี่น้องขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตอย่างไร ได้รู้จักคำว่าระบอบทักษิณ ได้รู้ว่าโรงพักที่สร้างไม่เสร็จของนายสุเทพ ที่จริงแล้วมีที่มาที่ไปอย่างไร ได้รู้ว่าใครที่ยิงพี่น้องเสื้อแดงตอนสลายการชุมนุม ใครได้ประโยชน์จากการยิงพี่น้องเสื้อแดงของพวกเราครั้งนั้น ได้มีสมองคิดเองได้ว่าเราควรเลือกหรือไม่เลือกใคร ได้เสพสื่อฝ่ายตรงข้ามอย่าง bluesky ได้รู้ว่าหนี้ที่จะกู้ 2.2 ล้านล้านท้ายที่สุดเราต้องจ่ายรวมดอกร่วม 5 ล้านล้าน ได้รู้ว่าข้าวของในกรุงเทพแพงขนาดไหน ได้รู้ว่าสภาอันสูงส่งปล่อย พรบ นิรโทษกรรมผ่านวาระต่างๆไปได้ยังไง ได้รู้ว่าทำไมเค้าถึงหาว่า "รากหญ้าอย่างพวกผมโง่" ทุกวันนี้ผมถึงหูตาสว่างครับ ต้องการการปฏิรูปประเทศเหมือนกัน เป็นรากหญ้าอีก 1 คนที่รู้สึกว่า 1 สิทธิ์ 1 เสียงที่มันดูเท่าเทียมสวยหรู จริงๆแล้วก็แค่เครื่องมือของนักการเมืองที่มีทุนเยอะและมาหากินกับความลำบากของพวกผมแค่นั้นเอง อยากบอกคนกรุงเทพไว้เลย พวกผมไม่ใช่คนโง่ แต่พวกผมเลือกเสพสื่อกว้างขวางอย่างพวกท่านไม่ได้ ถึงต้องเลือกแต่คนเดิมๆเพราะเข้าใจว่าเค้าเป็นคนดี สร้างถนน สร้างสะพาน สร้างเสาไฟฟ้าให้ ทั้งๆที่งบที่ส่งมา พวกผมต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ ด้วยซ้ำ ผมเข้าใจความหวังดีของเพื่อนๆ กรุงเทพทุกคน ที่ต้องการให้ประเทศได้เจอผู้นำที่ดีดี และโปร่งใสครับ อ้อ ข้าวแถวบ้านผม จำนำ 15000 แต่ทุกวันนี้ได้แค่ 8000 อ้างความชื้นต่างๆนาๆ คนแถวบ้านผมก็เริ่มไม่พอใจแล้วเหมือนกัน

exodus
18th December 2013, 19:30
การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ มีรัฐบาลไหนไม่เคยกู้ มีรัฐบาลไหนไม่มีนายทุนหนุนหลัง คนโง่ตามข้างต้นคือคนที่อยู่กันคนละสังคม ปชป.สนับสนุนกลุ่มคนของตน พท.สนับสนุนกลุ่มคนของตน มันก็เป็นคนโง่ได้ทั้งสองฝ่ายขึ้นอยู่กับว่าจะมองจากฝั่งไหน สุดท้ายคำว่าโง่มันก็แค่ hate speech ที่เอาไว้ด่าคนที่อยู่คนละฝั่งกับตน ชาวสวนยางไม่เคยได้รับการเอื้อประโยชน์อย่างชาวนาอีสานจากพท. ชาวนาอีสานก็ไม่เคยได้รับการเอื้อประโยชน์จากปชป.เหมือนชาวสวนยางเช่นกัน ใครที่ทำให้ตนเสียประโยชน์มันก็เป็นคนโง่กันทั้งนั้น คนเมืองยึดติดว่าตนมีการศึกษาและเข้าใกล้กับชนชั้นนำมากที่สุด แต่ถูกชนชั้นนำจูงจมูกด้วยปัจจัยพื้นฐานอย่างการแกล้งยอมรับในสติปัญญาจากชนชั้นนำ ทั้งๆที่ชนชั้นกลางควรมีหน้าที่ประสานรอยต่อระหว่างชนชั้นนำกับชนชั้นล่างให้ตามกันทัน รวมถึงเป็นกำลังหลักในระบอบ แต่ก็ไม่ คำถามคือใครควรจะเป็นคนโง่ตัวจริง??? คำตอบคือทุกคนครับ พวกเราเป็นคนโง่ที่ดิ้นไปตามนายทุนและชนชั้นสูง ทุกฝ่ายมีโฆษณาชวนเชื่อ ทุกฝ่ายมีข้อมูลเท็จจูงใจ ทุกฝ่ายมีข้อมูลปกปิด และที่สำคัญทุกฝ่ายไม่มีความจริงใจกับประชาชน เพราะคนฉลาดจริงๆน่ะมีแค่ชนชั้นนำ ไอ้พวกทีเหลือมันก็โง่ทั้งนั้น แล้วที่โง่กว่าคืออะไรรู้ไหม คนไทยหวังจะมีผู้นำที่ดีกว่า "คนไทย" ไง

เคยมีคนกล่าวว่านักการเมืองคืออัตตลักษณ์ของคนในประเทศ ผมก็เห็นว่าจริง พวกเรามันขี้โกง แสวงหาผลประโยชน์ และขาดความยับยั้งชั่งใจ บางคนต่อต้านทักษิณ ต่อต้านสุเทพ ฯลฯ แต่เท่าที่ผมเห็นคุณก็ไม่เห็นจะแตกต่างจากเขา ยังเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบและขาดจิตสำนึกเช่นเดียวกันกับคนเหล่านั้นที่คุณบอกว่าเลวอย่างนั้นอย่างนี้ จริงมั้ย เราหลีกเลี่ยงกฎหมายเท่าที่จะหาข้ออ้างได้ เราหาช่องประโยชน์ตามอัตตภาพถ้ามันไม่โจ่งแจ้งกับสาธารณะมากเกินไป มีการรณรงค์เรื่องจริยธรรมเป็นร้อยเป็นพันในประเทศแล้วสำเร็จไหม สุดท้ายเราแตกต่างจากนักการเมืองตรงไหน? ตรงที่เราด่านักการเมืองว่าเลว โดยที่ไม่ให้นักการเมืองมาด่าว่าประชาชนว่ามันก็เลวพอกันไง:dance

นักเล่นเกม
18th December 2013, 21:39
อืมอ่านหลายๆ คห ทำให้เข้าใจเลยว่า ทำไมหลายๆประเทศในตะวันออกกลางถึงต้องมีการประท้วง เรียกสิทธิของตน

เพราะพวกชนชั้นกลางส่วนใหญ่มันเหลิงไง มันคิดว่าคนจนไม่สมควรมาหายใจในอากาศที่ๆเดียวกับมัน ทั้งที่มันก็ไม่ได้รวยกว่าอะไรด้วยซ้ำ

กับกันเพราะฟุ่มเฟือยทำให้มันต้องจนลง มันจึงไม่คิดโทษตัวเองกับคอยหาแพะมาโทษ เพราะคนพวกนี้มันเยอะๆสุดท้าย

คนชนชั้นล่างที่มีมากกว่า 70% ของทั้งประเทศต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง อีกหน่อยอีกไม่นานหรอก

กดขี่กันเข้าไปคนจนอะ เดี๋ยวเสื้อแดงจะกับมา มากกว่าตอนปี 53 แน่นอน ไอ้พวกชอบดูถูกผู้คนอะ เตรียมตัวรับผลกรรมได้เลย

อย่าคิดว่ารวยแล้วจะมสิทธิ์กดขี่ข่มเหงใครก็ได้ ถ้าไม่มีชาวนา กุอยากรู้จริงไอ้พวกในนี้มันปลูกข้าวกินกันเองได้ไหม

ถ้าไม่มีชาวประมงมันจะไปหาปลามาได้ไหม ก็ไม่ได้ สุดท้ายมันก็ยังต้องมาพึ่งพาคนจนเหมือนเดิม

จำไว้เหอะตอนนี้สถานการณ์มันรุนแรงแล้ว กดขี่เข้าไป รอเวลาก่อนเหอะ หึหึ

L4ST7T4ND
19th December 2013, 12:50
เบื่อพวกเสื้อแดง

exodus
19th December 2013, 20:34
มีเพื่อนผมมองมุมมองของประชาธิปไตย ในมุมมองของประวัติศาสตร์และกล่าวไว้ว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆที่มันเป็นประชาธิปไตยหลอกๆอย่างทุกวันนี้เพราะมันยังไม่ถึงจุดเปลี่ยน
มันยังกดดันไม่พอ ยังรุนแรงไม่พอ ถ้าอยากให้ประชาธิปไตยเกิด ต้องเกิดด้วยสงครามเหมือนอย่างทุกที่ เหมือนอย่างในฝรั่งเศษที่กองทัพชาวนารุมฆ่าชนชั้นสูง-กลางอย่างไร้ปราณี หรือสงครามเหนือ-ใต้ของอเมริกาที่ถล่มกันเพื่อปลดแอกตนเองจากการครอบงำของสหราชอาณาจักร คำถามว่าประชาธิปไตยเกิดจากอะไร เกิดจากความเท่าเทียมในอำนาจ แล้วอำนาจที่ว่าคืออำนาจอะไร คืออำนาจของการสู้รบ ไม่ว่าชนชั้นสูง ชนชั้นล่างนั้นทุกคน "ตาย" เป็นเหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ชั้นไหนของสังคม ทุกคนมีสิทธิใน 1 เสียง เหมือนกับที่ทุกคนมีแค่ 1 ชีวิตนั่นแหละ แต่บรรดาชนชั้นนำของไทยก็รู้ดีว่า การแตกหักเพื่อสร้างประชาธิปไตยน่ะมันไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะไม่มีชนชั้นสูงคนไหนอยากจะแชร์อำนาจกับคนอื่นในสังคม เขาบอกว่าให้อำนาจ ให้สิทธิ แต่ก็พูดหล่อๆไปงั้นแหละเพราะในความเป็นจริงเราก็รับรู้ว่ามันมีอภิสิทธิ์ชนในสังคมอยู่จริงอยู่ดี การเหยียดหยามก็ดี การสร้างความเป็นปฏิปักษ์ก็ดี การเกลียดชังก็ดี ผมว่ามันก็เป็นการขับเคลื่อนไปสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี ซักวันมันก็ต้องนำพาไปจนถึงจุดที่ตระหนักถึงแก่นของประชาธิปไตยอยู่ดี ก็อย่างที่เขาว่า no pain no gain

BoonTew
19th December 2013, 20:47
ประชาธิปไตยอินเทรนด์แบบตอนนี้มันทำได้แค่สะกิดให้คนหันมาสนใจการเมืองมากขึ้นเท่านั้น แต่ความรู้พื้นฐานด้านประชาธิปไตยยังตีความกันได้เป็นร้อยๆแบบ

ตามที่ท่าน exodus เม้น คงต้องให้เกิดกลียุคก่อนละมั้งถึงจะหันมาคุยกันได้ ทั้งที่การพูดคุยเป็นวิธีที่เบสิคสุดๆแล้ว

ปล.ผมอ่านประโยคสุดท้ายเป็น no paid no game แฮะ:)

exodus
19th December 2013, 23:13
ผมอาจจะมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ การพูดคุยกันมันเหมาะสำหรับสังคมเสรีนิยม แต่สังคมอำนาจนิยมแบบบ้านเราก็ก็พูดยากน่ะ
ไม่มีชนชั้นนำอยากจะแชร์อำนาจกับตาสีตาสา ยายมียายมา ส่วนหนึ่งก็คือประชาชนยังโอนอ่อนให้ผู้มีอำนาจชี้นำโดยขาดแรงจูงใจของตนเองเป็นที่ตั้ง
ในขณะที่ชนชั้นนำก็เลือกที่จะลดความตึงเครียดของสังคมบ้าง เพราะต้องการรักษาอำนาจของตนไว้(ซึ่งมันก็ดีกว่าแชร์)หรือแตกหักกับชนชั้นล่าง
ก็อย่างที่ว่าหลายๆเรื่องที่ชนชั้นล่างทำได้แค่ด่า ในขณะที่ชนชั้นนำก็ทำเป็นเงียบ เพื่อลดแรงเสียดทานจากสังคม พอทุกอย่างมันเริ่มคลายตัวเรื่องมันก็จบ
คือคุยกันมันก็คุยได้นะ แต่มันคงจะไม่มีความจริงใจตั้งแต่แรก สุดท้ายมันก็จะกลับมาเป็นอีหรอบเดิม

kingcesar
22nd December 2013, 16:30
หลายๆคนยังเข้าใจอยุ่ว่าการซื้อเสียงยังเป็นกลยุทธที่ใช้ได้ผลในทุกวันนี้อยู่
โดยเฉพาะกับชาวนา ชาวไร่ คนเหนือ อีสาน แต่จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่
ลองดูนักวิชาการของจุฬา-ธรรมศาสตร์เค้าทำวิจัยออกมาดู

ป.ล. ตรงพรรคพท. ปชป.ไม่ต้องไปสนใจ ให้ดูตรงที่สถิติเกี่ยวกับภาคและการซื้อเสียง

คัดลอกมาจากเพจ https://www.facebook.com/VoicesOfSiam

---------------------------------------------

จากงานวิจัยการเลือกตั้ง 2554 ของ ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯระบุว่า
- ผู้หญิงส่วนใหญ่ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ ผู้ชายส่วนใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย
- คนมีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนรุ่นใหม่ เลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์
- คนภาคกลาง และ ภาคใต้ รับเงินซื้อเสียงและไปเลือกพรรคที่ซื้อเสียง มากกว่า คนภาคเหนือ และ ภาคอีสาน

ข้อมูลการเลือกตั้งในระดับการศึกษา
- การศึกษาระดับประถมการศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 55.2 % เลือกปชป. 35.6%
- การศึกษาระดับมัธยม และอาชีวศึกษา เลือกพรรคเพื่อไทย 54.5 % เลือกปชป. 34.7%
- การศึกษาระดับปริญญาตรี เลือกพรรคเพื่อไทย 40.1 % เลือกปชป. 46.5%
- การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีขึ้นไป เลือกพรรคเพื่อไทย 50.3 % เลือกปชป. 32.3%
http://www.youtube.com/watch?v=W6RSB3mckEM
http://news.voicetv.co.th/thailand/33643.html

ผลวิจัยการเลือกตั้งปี 2554 ของอาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (คณะนิติศาสตร์ และดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ได้นำเสนองานวิจัย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง” ในการสัมมนาทางวิชาการของสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีข้อสรุปเกี่ยวกับการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งและการซื้อเสียงดังต่อไปนี้

1. ยอมรับเงินจากผู้สมัคร แต่ไม่เลือกผู้สมัครรายนั้น มีร้อยละ 46.79
2. แม้ไม่ได้รับเงินก็จะเลือก มีร้อยละ 48.62
3. เลือกเพราะได้รับเงิน มีเพียงร้อยละ 4.59

หรือสรุปได้ว่า ในจำนวน 100 คน มีคนไทยเพียง 5*คนเท่านั้นที่เลือกเพราะได้รับเงิน หรือจะมองอีกมุม ในจำนวน 100 คน มีคนไทยถึง 95 คน ไม่ได้ขายเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง และจำนวนผู้ที่ขายเสียงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้งใหญ่ ที่คนเลือกที่พรรคตามอุดมการณ์ตัวเอง
ที่มา: http://prachatai.com/journal/2012/08/42190
https://www.facebook.com/boythakae/posts/468315289871967

https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/p480x480/1476588_656051307751020_528854370_n.jpg


นี่คุณได้อ่านฉบับเต็มของงานวิจัยชิ้นดังกล่าวแล้วหรือยังครับ? ที่มีประมาณ 3-4 ร้อย หน้าน่ะครับ
หรือว่า คุณแค่อ่านเจอแล้วก็เอาข้อมูลจากเพจ Voices of Siam มาแปะเฉยๆล่ะครับนั่น?

จริงๆ ผมมั่นใจว่า ตัวคุณเองน่ะ ยังไม่ได้อ่านฉบับจริงหรอก ใช่ไหมครับ?

ผมเองก็ยอมรับว่ายังไม่ได้อ่าน แต่ผมก็ไม่ได้เชื่อผลวิจัยที่มาจากการสร้างแบบสอบถามนั่นว่ามันจะมีความแน่นอนถึง 100% หรอก
ถ้าคุณเคยผ่านประสบการณ์ การทำงานวิจัยมาจริง คุณก็น่าจะรู้ว่างานวิจัยที่มีกลไกมาจาก การทำแบบสอบถาม นั้น มันไม่มีทางที่จะเชื่อถือได้อย่าง 100% เลย

และช่วยเข้าไปดูข่าวนี้ด้วยนะครับ

http://prachatai.com/journal/2013/12/50586

http://www.isranews.org/isranews-news/item/26021-siripan.html

cicimaru
22nd December 2013, 17:02
คนไทยคิดว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งบัตรลงคะแนนให้สิทธิ์ในการเลือกอะไรบ้าง

เลือก นาย ก ข ค ง และมีช่อง ไม่ออกความเห็น (แกล้งโง่ ให้คนอื่นเลือกแทน)

แล้ว ถ้า นาย ก ข ค ง เลว ทั้ง หมด ล่ะ ต้อง เลือก ช่อง แกล้งโง่ เท่านั้น

แล้ว เมื่อ ไหร่ ก ข ค ง เลว เลว จะ หมด ไป

คุณ ยัง เรียก มัน ว่า ประ ชา ธิป ไตย กัน อยู่ ทั้ง นาย ก ข ค ง มัน บัง คับ ให้ คุณ เลือก แค่ นี้ ใน กระ ดาษ ที่ คุณ เรียก มัน ว่า สิทธิ์

ถ้า มัน จะ เป็น ประ ชา ธิป ไตย กระ ดาษ ใบ นั้น ต้อง มี ช่อง ให้ คุณ เลือก ว่า จะ ไม่ ให้ พวก ก ข ค ง มา ลง สมัคร อีก เป็นครั้ง ที่ สอง สิ

แค่ นั้น เอง จบ ด้วย การ เลือก ตั้ง แค่ เพิ่ม อีก ช่อง เดียว ให้ กา ไอ้ พวก ก ข ค ง มัน จะ เอา ลูก หลาน โคตร เหง้า มัน มา ก็ กา ไล่ พวก มัน ไปให้หมด

T84oplotM
22nd December 2013, 18:19
ในค.ศ. 1840 กีโซต์เป็นประธานสภา แม้หลายฝ่ายจะพยายามเสนอให้มีการปฏิรูปการปกครองที่ส่งผลให้สภาพสังคมฝรั่งเศสย่ำแย่ แต่กีโซต์ไม่ยอมให้มีการปฏิรูปใดๆ ในสมัยกษัตริย์กรกฎาคม สิทธิ์การเลือกตั้งนั้นเป็นของผู้ร่ำรวย ที่สามารถจ่ายภาษีตามเกณฑ์ให้รัฐได้ อันเป็นการรักษาอำนาจของชนชั้นกลางตอนบน (Haute Bourgeoisie) เพราะชนชั้นกลางเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเพราะมีเงิน คนจนไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรทั้งสิ้น มีความพยายามหลายครั้งที่จะแก้ไขสิทธิ์การเลือกตั้ง แต่กีโซต์ก็ตอบกลับว่า ก็ทำตัวเองให้รวยสิ (Enrichissez-vous)

ในค.ศ. 1846 เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงราคาอาหารสูงขึ้น ประชาชนทนไม่ได้แล้วจึงก่อจลาจลทั่วประเทศในค.ศ. 1847 ในค.ศ. 1848 มีการนัดพบกันตามเมืองใหญ่เพื่อหารือการล้มล้างระบอบการปกครองเก่า เรียกว่า Campaigne des banquets แม้กีโซต์จะลาออก และพระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปจะทรงทนมิได้สละบัลลังก์ให้พระราชโอรส แต่ก็สายไปเสียแล้ว ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1848 ฝรั่งเศสประกาศตั้งสาธารณรัฐที่สอง (Second Republic)

iSadter's
22nd December 2013, 19:00
สำหรับผมเสียงทุกคนเท่าเทียมกันหมด ผมรับฟังความเห็นของผู้อื่น แต่ทะว่า มีนักการเมืองผู้รับใช้ประชาชน ใช้อำนาจเงิน
เงินซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ แต่ซื้ออดีตไม่ได้ :)

civilzaza
22nd December 2013, 19:37
ถูกเป๊ะ มันเป็นคำอุปมาอุปไมยอย่างหนึ่ง หมายถึงคุณภาพย่อมดีกว่าจำนวนอยู่แล้ว ก็สมควรอยู่หรอกที่จขกท.จะตีความไม่ออกเพราะ....
ไม่ได้จะอะไรหรอกนะ แต่ผมเห็นทัศนคติ+สติปัญญาของจขกท.มานานแล้วก็เลยไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่กับกระทู้แนวนี้
ปล.ผมเป็นคนต่างจังหวัดเป็นชนชั้นกลางที่เสียภาษี(มากด้วย)ไม่ใช่รากหญ้าที่ไม่เคยรู้เรื่องภาษีอะไรกับเขาเลย แนวคิดมันก็เลยต่างกัน
ปล.2ทุจริตหรือไม่ก็ไม่รู้นะ แต่ที่แน่ ๆ หลังซอยบ้านผมที่พวกเขาอนุมัติงบสร้างสะพานข้ามป่าชายเลนไม่รู้กี่ล้านทำป้ายเอาหน้าซะดิบดี
แต่เห็นเงียบไปละ สงสัยคงไม่พ้น...... "เดิม ๆ"

อำนาจในมือระหว่างผมกับคุณมันก็ไม่ได้ต่างกันหรอกครับในการลงคะแนนเลือกตั้งหน่ะ

แต่หากประชามติจาก"มหามวลชน"สำเร็จเมื่อไหร่หล่ะก็ ผมจะยอมแพ้คุณ เพราะอำนาจของคนไทยคนหนึ่งในการลงเลือกตั้งมันไม่มีเหลือให้ใช้แล้วครับ

ที่ว่ามีการซื้อเสียงหน่ะผมยอมรับครับว่าจริงๆ ซึ่งครอบครัวผมก็ไม่รับ และแน่นอนว่าพรรคที่มาซื้อหน่ะไม่ได้มีแค่ฝั่งๆเดียวแน่

การเอา สส ออกจากพรรคและร่วมมือไม่ลงเลือกตั้งนั้น เหมือนการสร้างข้อแม้ในการเลือกตั้ง ถ้า พท ได้ ก็จะมีคนมาโวยว่าเป็นเพราะ ปชป ไม่ลงต่างหากหล่ะ

การปฏิรูปประเทศนั้นจะทำพรวดพราดไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะเสร็จได้ในปีสองปี ประเทศไทยกว่าจะรวมเป็นขวานทองได้ใช้เวลานับร้อยปี

แต่ตอนนี้มีกลุ่มคนที่คิดจะแบ่งแยกสร้างเรื่องร้าวฉานและยุยงให้คนในประเทศทะเลาะกันเองอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ซึ่งในเพียงเวลาไม่กี่วัน เขาก็สามารถทำได้สำเร็จ

แผนการปฏิรูปที่ไร้ตัวตน สภาประชาชนที่ไม่มีที่มา เป็นเพียงแผนการบังหน้าให้เท่านั้นแหล่ะครับ ผ่านมาเป็นเดือนล้ะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย

ถ้าคิดว่าการปฏิรูปประเทศจะทำให้เกิดสื่งดีๆขึ้นจริง การวางแผนปฏิรูปนั้นสำคัญมาก และต้องเตรียมการมาอย่างดี

ควรจะโปรโมทให้คนได้รู้ถึงสิ่งที่ได้ ผลดี และผลเสียจากการปฏิรูป ไม่ใช่เอะอะก็ล้มระบอบทักษิณ

ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ยังคิดจะเอารัฐบาลที่จะหมดววาระในอีกไม่ถึงปีออกด้วย และที่สำคัญหากรักษาการณ์นายกลาออก

จะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ไร้การควบคุม และไม่สามารถจะทำอะไรได้ ในที่สุดก็จะปฏิวัติ(ความคิดผมเองนะครับ)

สุดท้ายก็ขอเพียงอย่าเชื่อข่าวที่ไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ข่าวที่มาจากฝักฝ่ายของตน และควรรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นบ้าง

ขออภัยหากล่วงเกินไปแต่ประการใดครับ :)

Johnniehut
22nd December 2013, 20:53
ดันกันจัง รอดูการสังหารหมู่เหล่าทาร์ซานดีฟ่า #ต้มป๊อปคอร์นรอ

Zpatan
23rd December 2013, 02:40
ผมชอบอ่านนะกระทู้แบบนี้ ทำให้รู้ว่าทั้ง2ฝั่งมีความเชื่อแบบไหน แต่ผมว่าเลิกคิดไปเลยไอเรื่องขายเสียง เอามาอ้างไม่ได้หลอก ไม่มีใครเขาอยากเลือกคนที่ไม่ทำประโยชอะไรให้เขาหลอกจริงๆนะ

shisaku
23rd December 2013, 07:26
ผมนึกว่าการแบ่งแยกชนชั้นวรรนะมันจะหมดไปตั้งแต่สมัย ร5 แล้ว แต่ที่ไหนได้ มันยังคงมีอยู่ในสังคมไทย ถึงแม้จะไม่มีการแสดงออกเป็นรูปธรรม แต่มันยังคงฝักลึกอยู่ในจิตใจของคนไทยจนยากที่จะลบอกได้.....สงสารคนยากจนจริงๆ พวกเขาเหล่านี้มีเป็นแค่เพียงขยะมนุษย์ในสายตาของชาวประชาชนชั้นสูงปลอมๆที่หลอกตัวเองไปวันๆเท่านั้นเอง

notty
29th March 2021, 21:27
มาดันกระทู้นี้ครับ อยากทราบว่สทุกวันนี้ เป็นยังไงกันบ้าง
ได้ศึกษาหรือยัง ไอ้ที่เคย reply ไว้ ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนหรือยังครับ

harrison
8th May 2021, 11:22
ผมเองก็รออยู่ เช่นกัน