matsushiro
19th April 2014, 12:14
มาหัดนุ่งเตี่ยวกันเถอะ
http://anngle.org/th/wp-content/themes/sahifa/timthumb.php?src=/wp-content/uploads/2014/04/tamatori911-1200x795.jpg&h=330&w=660&a=c
เราอาจจะเคยเห็น เตี่ยวญี่ปุ่น กันอยู่บ่อยๆตามรูปภาพหรืองานเทศกาลต่างๆ..
แต่..รู้หรือไม่ว่าเตี่ยวญี่ปุ่นที่เราๆเห็นกันนั้น มีการผูกมัดหลากหลายแบบ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วขนาดของเตี่ยวแต่ละแบบก็สำคัญ!!
เตี่ยวญี่ปุ่น หรือ ฟุนโดชิ (Fundoshi : 褌) นั้น มีวัฒนธรรมการสวมใส่มาตั้งแต่สมัยเอโดะ และสมัยก่อนนั้นมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถสวมใส่ได้ (แต่ปัจจุบันผู้หญิงก็สามารถสวมใส่ได้)
ฟุนโดชิในยุคแรกนั้นจะมีความกว้าง 1 ซาคุ (34 ซ.ม.) และยาวถึง 6 ซาคุ (ประมาณ 2 เมตร) ว่ากันว่าเป็นฟุนโดชิชนิดที่ยุ่งยากที่สุดแล้ว แต่ก็มีความหนาแน่นและกระชับมาก โอกาสที่ผ้าทั้งผืนจะหลุดออกมาเป็นศูนย์!! ฟุนโดชิแบบนี้เรียกว่า โรคุชาคุ ฟุนโดชิ (Rokushaku-Fundoshi : 六尺褌)
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/rshimakata.jpg
วิธีการนุ่งแบบโรคุชาคุ
ส่วนฟุนโดชิในยุคหลังๆ ส่วนมากจะถูกพัฒนาขึ้นให้มีลักษณะที่สวมได้ง่ายกว่าแบบแรกเนื่องจากมีผ้าที่ถูกเย็บติดเป็นผืนเดียวไปกับเชือก วิธีการสวมใส่ก็แสนง่าย คือ ผูกเชือกคาดเอว (แถบผ้าอยู่ด้านหน้า) แล้วย้ายแถบผ้าไปไว้ที่ก้นด้านหลัง หลังจากนั้นก็ดึงแถบผ้าลอดใต้ขาขึ้นมาปิดส่วนสำคัญอย่างจู๋ของคุณผู้ชาย โดยดึงแถบผ้าให้ลอดเชือกผูกเอวขึ้นมา จับให้กระชับไข่และปล่อยแถบผ้าลงมาด้านหน้าเป็นอันเสร็จ!!! ฟุนโดชิแบบนี้เรียกว่า เอ็ชชู ฟุนโดชิ (Ecchu-Fundoshi : 越中褌)
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/eshimakara.jpg
วิธีการนุ่งแบบเอ็ชชู
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/252bf30638b8977824b15f92bb34e682.jpg
เปรียบเทียบระหว่างเอ็ชชู (บน) และโรคุซาคุ (ล่าง)
นอกจากนี้แล้ว ฟุนโดชินั้นยังเป็นต้นแบบของ G-sting และ Thongs ของพวกฝรั่งที่เอาฟุนโดชิกลับไปพัฒนาหลังจากยุคล่าอาณานิคมอีกด้วย ฟุนโดชิที่ว่านี้ก็คือ คุโรเนโกะฟุนโดชิ (Kuroneko-Fundoshi : 黒猫褌) และมกโกะฟุนโดชิ (Mokko-Fundoshi : 畚褌)
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/mshimakata.jpg
วิธีการนุ่งแบบมกโกะ
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/kuroshimakata.jpg
วิธีการนุ่งแบบคุโรเนโกะ
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/ikenoue01l.jpg
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/kagatobi03l.jpg
เครดิต : anngle.org (http://anngle.org/th/j-culture/culture/fundoshi.html)
http://anngle.org/th/wp-content/themes/sahifa/timthumb.php?src=/wp-content/uploads/2014/04/tamatori911-1200x795.jpg&h=330&w=660&a=c
เราอาจจะเคยเห็น เตี่ยวญี่ปุ่น กันอยู่บ่อยๆตามรูปภาพหรืองานเทศกาลต่างๆ..
แต่..รู้หรือไม่ว่าเตี่ยวญี่ปุ่นที่เราๆเห็นกันนั้น มีการผูกมัดหลากหลายแบบ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วขนาดของเตี่ยวแต่ละแบบก็สำคัญ!!
เตี่ยวญี่ปุ่น หรือ ฟุนโดชิ (Fundoshi : 褌) นั้น มีวัฒนธรรมการสวมใส่มาตั้งแต่สมัยเอโดะ และสมัยก่อนนั้นมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถสวมใส่ได้ (แต่ปัจจุบันผู้หญิงก็สามารถสวมใส่ได้)
ฟุนโดชิในยุคแรกนั้นจะมีความกว้าง 1 ซาคุ (34 ซ.ม.) และยาวถึง 6 ซาคุ (ประมาณ 2 เมตร) ว่ากันว่าเป็นฟุนโดชิชนิดที่ยุ่งยากที่สุดแล้ว แต่ก็มีความหนาแน่นและกระชับมาก โอกาสที่ผ้าทั้งผืนจะหลุดออกมาเป็นศูนย์!! ฟุนโดชิแบบนี้เรียกว่า โรคุชาคุ ฟุนโดชิ (Rokushaku-Fundoshi : 六尺褌)
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/rshimakata.jpg
วิธีการนุ่งแบบโรคุชาคุ
ส่วนฟุนโดชิในยุคหลังๆ ส่วนมากจะถูกพัฒนาขึ้นให้มีลักษณะที่สวมได้ง่ายกว่าแบบแรกเนื่องจากมีผ้าที่ถูกเย็บติดเป็นผืนเดียวไปกับเชือก วิธีการสวมใส่ก็แสนง่าย คือ ผูกเชือกคาดเอว (แถบผ้าอยู่ด้านหน้า) แล้วย้ายแถบผ้าไปไว้ที่ก้นด้านหลัง หลังจากนั้นก็ดึงแถบผ้าลอดใต้ขาขึ้นมาปิดส่วนสำคัญอย่างจู๋ของคุณผู้ชาย โดยดึงแถบผ้าให้ลอดเชือกผูกเอวขึ้นมา จับให้กระชับไข่และปล่อยแถบผ้าลงมาด้านหน้าเป็นอันเสร็จ!!! ฟุนโดชิแบบนี้เรียกว่า เอ็ชชู ฟุนโดชิ (Ecchu-Fundoshi : 越中褌)
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/eshimakara.jpg
วิธีการนุ่งแบบเอ็ชชู
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/252bf30638b8977824b15f92bb34e682.jpg
เปรียบเทียบระหว่างเอ็ชชู (บน) และโรคุซาคุ (ล่าง)
นอกจากนี้แล้ว ฟุนโดชินั้นยังเป็นต้นแบบของ G-sting และ Thongs ของพวกฝรั่งที่เอาฟุนโดชิกลับไปพัฒนาหลังจากยุคล่าอาณานิคมอีกด้วย ฟุนโดชิที่ว่านี้ก็คือ คุโรเนโกะฟุนโดชิ (Kuroneko-Fundoshi : 黒猫褌) และมกโกะฟุนโดชิ (Mokko-Fundoshi : 畚褌)
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/mshimakata.jpg
วิธีการนุ่งแบบมกโกะ
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/kuroshimakata.jpg
วิธีการนุ่งแบบคุโรเนโกะ
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/ikenoue01l.jpg
http://anngle.org/th/wp-content/uploads/2014/04/kagatobi03l.jpg
เครดิต : anngle.org (http://anngle.org/th/j-culture/culture/fundoshi.html)