PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : (เรื่องยาว)North Hollywood Shootout หนึ่งในเหตุการณ์ยิงปะทะกันกลางเมืองที่บ้าระห่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ



Придурок
25th June 2014, 16:31
North Hollywood Shootout

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้น ยิ่งกว่าภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเสียอีก

Shootout ตามความหมายของคนเข้าใจแล้ว หมายถึงการปะทะกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธ(ของจริง) โดยไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายเกี่ยวข้อง

โดยใช้อาวุธ(ส่วนมากเป็นปืน)เข้าห่ำหั่นกัน โดยกลุ่มปะทะกันนั้นมีหลายองค์ประกอบ เช่น ระหว่างกลุ่มที่ใช้กฎหมายและไม่ใช่กฎหมาย

(ตำรวจกับผู้ร้ายหรือ ทหารกับกองโจร) กลุ่มไม่ใช้กฎหมายและไม่ใช้กฎหมาย(แก๊งคู่อริ)

สิ่งที่น่ากลัวของการปะทะกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธนั้นก็คือจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อจุดประทะดังกล่าวนั้นอยู่ที่กลางเมืองและมีประชากรอยู่มาก

ซึ่งตามปกติแล้วจุดปะทะดังกล่าวส่วนมากจะเป็นสถานที่ไร้ผู้คนไม่มีคนอาศัยอยู่ เช่น ป่าเขา ชายแดน เมืองร้าง เพราะหากจุดปะทะเป็นสถานที่ผู้คนที่อยู่เยอะ

สิ่งที่ตามมาคืออาจมีคนโดนลูกหลง หรือทรัพย์สินเสียหายจนประเมินค่าไม่ได้ แต่กระนั้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันการปะทะกลุ่มติดอาวุธตรงใจกลางนั้นกลับมีเพิ่มขึ้น

เนื่องจากกลุ่มก่อการร้ายส่วนใหญ่ใช้ยุทธวิธียิงคนใจกลางเมืองเพื่อก่อกวนความสงบสุข หรือความเสื่อมโทรมของสังคมที่หาปืนได้ง่ายยิ่งกว่าซื้อขนม

ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนพบเห็นตามข่าวดังกล่าว

อเมริกาขึ้นชื่อว่าเป็นอีกประเทศที่มีเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธบ่อยครั้ง จากอดีตจนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่เกี่ยวข้องกับการยิงปะทะกลางเมือง

เช่นเหตุการณ์เจสซี เจมส์ปล้นธนาคาร การยิงปะทะกันระหว่างอัล คาโปน หรือสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น

หนึ่งในเหตุการณ์ยิงปะทะกันกลางเมืองที่บ้าระห่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่หลายคนต้องจดจำ เห็นจะไม่เกินเหตุการณ์ North Hollywood Shootout

เหตุการณ์ดังกล่าวเรียกได้ว่ามันยิ่งกว่าภาพยนตร์เสียอีก

http://upic.me/i/vf/cw3e1.jpg (http://upic.me/show/51628249)

Larry Phillips and Emil Matasareanu

North Hollywood Shootout เป็นเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธสองฝ่ายคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจลอสแอนเจลิส

Los Angeles Police Department (LAPD) และโจรปล้นธนาคาร แลร์รี่ ฟิลลิปส์ และ เอมิล มาตาซ่ารีนู ที่พยายามที่จะปล้นธนาคาร

โดยได้รับแรงบันดาลใจจากฉากยิงมหากาพย์เรือง Heat(1995) พวกเขาติดอาวุธหนักประกอบด้วย ปืนเบเร็ตต้า 9 มม., ปืนอัตโนมัติ AK-47, ปืน HK-91และปืนAR-15 ฯลฯ

นอกจากนี้พวกเขายังสวมเกราะที่ทำจากเหล็กแผ่น หน้ากากเล่นสกี พร้อมปล้นธนาคารในเมืองฮอลลีวูดทางเหนือ ของลอสแอนเจลิส เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 1997 โดยผลปะทะ

(จากเวลา 09:70-1:01 กินเวลาชั่วโมงกว่าๆ)คือโจรปล้นธนาคารทั้งหมด(มี 2 คน)ถูกฆ่าตายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 71 คน(ขนมาทั้งโรงพัก)และพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 18 คน

และยานพาหนะจำนวนมากและทรัพย์สินต่างๆ เสียหายและถูกทำลายจากกระสุนกว่า 2,000 นัด ที่ยิงกันระหว่างตำรวจและผู้ร้าย

แลร์รี่ ฟิลลิปส์ มีชื่อเต็มว่า ยูจีน แลร์รี่ ฟิลลิปส์ จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 1970 และ เอมิล มาตาซ่ารีนู มีชื่อเต็มว่า เอมิล เดเซบัล มาตาซ่ารีนู

เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 1966 ทั้งสองพบกันครั้งแรกในโรงยิมเพาะกายในเวนีส ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ในปี 1989 โดยพื้นฐานแล้วทั้งสองชอบออกกำลังกาย

จำพวกยกน้ำหนักและเพาะกลาย และทั้งสองมีนิสัยชอบใช้ความรุนแรง โดยมักใส่เสื้อเกราะแล้วไป ก่อคดีทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยครั้ง

http://upic.me/i/3a/syt02.jpg (http://upic.me/show/51628250)

แลร์รี่และเอมิลในวันปล้นธนาคารเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 1997

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1993 ทั้งคู่พยายามทำการปล้นรถธนาคาร FirstBank ในลิตเทิลตัน โคโลราโด ก่อนที่มาถูกจับในเดือนตุลาคมในเกลนเดล

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองลอสแองเจลีส ในข้อหาขับรถเดียว หากแต่เมื่อทำการตรวจค้นในรถก็พบปืนพกกึ่งอัตโนมัติสองกะบอก, ระเบิดควัน,

ปืน 7.62x39 มม. กระสุนกว่า 1,600 นัด, ปืนพารา 9x19 มม. ปืน45ACP มม., สแกนเนอร์วิทยุ, เสื้อเกราะ มั้งสองถูกจับกุมในข้อหากระทำการปล้นธนาคารและถูกจองจำกว่า 100 วัน

จนศาลพิพากษาให้รอลงอาญาไว้สามปี จนทั้งคู่ก็ถูกปล่อยตัวออกข้างนอก พร้อมกับได้ทรัพย์สินของพวกเขาทั้งหมดคืนทั้งหมด(เนื่องจากอาวุธดังกล่าวมีใบอนุญาต)

วันที่ 14 มิถุนายน 1995 ทั้งคู่ซุ่มโจมตีรถหุ้มเกราะของบรัษัทบริงค์(บริษัทรักษาความปลอดภัย) พวกเขาฆ่ายามหนึ่งคนในการปล้น ในเดือนพฤษภาคม ปี 1996

พวกเขาปล้นธนาคารแห่งชาติของอเมริกาสองแห่งในซานเฟอร์นานโดขโมยเงินประมาณ 1,500,000 ดอลลาร์ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทั้งสองถูกขนามนามว่า

โจรชั้นสูง หรือ "High Incident Bandits"เนื่องจากทั้งคู่ชอบใช้อาวุธหนักจำพวกอาวุธสงครามในการปล้นแต่ละครั้ง ทั้งที่ความจริงใช้อาวุธปืนพกธรรมดาก็ได้

และนั้นเองทำให้ทั้งสองกลายเป็นบุคคลอันตรายที่ทางการต้องการตัวที่สุดโดยบริยาย แล้ว และทั้งสองไม่มีความคิดยกเลิกที่จะปล้นธนาคาร

http://upic.me/i/b5/lmn13.jpg (http://upic.me/show/51628251)

แผนผังจุดเกิดเหตุที่แสดงถึงความบ้าระหึ่งเป็นอย่างดี

จนกระทั้งวันที่บ้าระห่ำที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกาก็มาถึง ในตอนเช้าของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1997 เดือนกว่าๆ หลังจากการปล้น

ทั้งคู่ได้วางแผนที่จะปล้นธนาคารแห่งชาติอเมริกาสาขาลอเรล แคนยอน บูเลอวาร์ด(เป็นถนนหลักเมืองลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย)ในแลร์รี่ และ

เอมิลทำการจัดเตรียมอาวุธหนักสำหรับการปล้นครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งประกอบไปด้วยปืนมากกว่าห้ากระบอก ประกอบด้วยปืนไรเฟิลสำหรับจู่โจมมาเนีย AIM ,

ปืน AK-47 , ปืนยาวจู่โจม นอรินโก้ Type 56 S-1 , ปืนกึ่งอัตโนมัติ HK91 และปืนสั้น Bushmaster XM15 E2S, ปืนเบเร็ตต้า 9 มม พร้อมกระสุนกว่า 3,300 นัด

บรรจุในกล่องและแม็กกาซีนสำรอง นอกจากนั้นเขายังจัดการดัดแปลงยานพาหนะ พวกเขายังสวมชุดเกราะหนักกว่า 18 กิโลกรัม แบบครบเครื่องเต็มตัว

โดยภายในประกอบด้วยแผ่นโลหะกันบาดเจ็บเย็บเข้าด้วยกันเพื่อป้องกันอวัยวะสำคัญของพวกเขา และนอกจากนี้พวกเขายังอัดยาบาร์บิทูเรตกับยาฟีโนบา

เพื่อระงับประสาทและกล่อมประสาทชั่วคราว 9:17 น. แลร์รี่ และ เอมิลมาวางแผนเริ่มทำการปล้นเวลาธนาคารใกล้เปิดและกะใช้เวลาประมาณ 8 นาที

ซึ่งเป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบสยองและมาถึงที่เกิดเหตุ โดยแลร์รี่พยายามดักฟังเสียงจากวิทยุตำรวจจากสแกนเนอร์วิทยุเป็นระยะ

อย่างไรก็ตามระหว่างทางแผนการของแลร์รี่ก็เกิดปัญหาตั้งแต่แรก เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการลาดตระเวนเกิดสังเกต แลร์รี่ และ เอมิลขับรถสีขาวยี่ห้อเชฟโรเลตตขนาดกลาง

ซึ่งเมื่อสังเกตดีๆ แล้วพวกเขาแต่งตัวแปลกๆ และพกอาวุธหนักด้วย จึงได้แจ้งศูนย์ว่ามีผู้ต้องสงสัยคาดว่าจะก่อความไม่สงบ และพวกเขากำลังมุ่งไป ธนาคารแห่งชาติอเมริกา!!

9:30 น. แลร์รี่ และ เอมิลมาถึงธนาคารเป้าหมาย ในช่วงนั้นธนาคารกำลังเปิด ทำให้ในธนาคารมีคนอยู่ไม่มาก โดยมีพนักงานและลูกค้าประมาณ 30 คน

ซึ่งระหว่างที่ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการทำธุรกรรมทางการเงินก็ตกใจเมื่อมี คนร้ายสองคนแต่งชุดเป็นไอ้โม่งดำเข้ามาในธนาคารพร้อมอาวุธหนัก และไม่พูดพร่ำทำเพลงใด

พวกเขาก็กราดยิงปืนที่ผ้าเพดานหลายนัด พร้อมขู่คนในธนาคารให้หมอบลงและอย่าต่อต้าน ไม่งั้นจะถูกยิงให้ไส้ไหล พวกเขาต้องการแค่เงินเสร็จแล้วก็จากไป

ยิงกระสุนใส่กุญแจเพื่อเปิดล็อกประตูที่นำไปสู่ห้องเก็บเงินใต้ดิน เมื่อมาถึงห้องดังกล่าวพวกเขาสั่งให้เจ้าจัดการธนาคารเอาเงินมาให้เขา โดยการปลดด้วยการ

แต่ปรากฏว่าเงินที่ได้น้อยกว่าพวกเขาคาดเอาไว้ เนื่องจากเงินส่วนใหญ่อยู่ในที่ปลอดภัยและเก็บหนาแน่นกว่า ทำให้แลร์รี่โกรธกับผู้จัดการธนาคารว่ามีแค่นี้เองเหรอ

ซึ่งผู้จัดการอ้างว่าเงินส่วนใหญ่อยู่ในที่ปลอดภัยกว่านี้ซึ่งต้องใช้รหัสระหว่างผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ขนเงินร่วมกันจึงจะเปิด(ซึ่งแลร์รี่ลองยิงอัดที่เชฟหวังให้เปิดออก แต่ปรากฏว่าไร้ผล)

อีกทั้งธนาคารมีการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาการจัดส่ง ทำให้เงินจำนวนที่ต้องการยังไม่มา ทำให้แลร์รี่จำต้องเอาเงินส่วนนี้แทนอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากที่โจรทั้งสองพากันกอบโกยเงินเข้ากระเป๋า ก็พบว่าพวกเขาได้เงินเพียง 303.305 ดอลลาร์ แทนที่จะเป็นเงิน 750,000 ดอลลาร์ ตามที่คาดหวังเอาไว้

http://upic.me/i/10/yt2s4.jpg (http://upic.me/show/51628252)

แผงผันอีกแบบหนึ่ง โดยเป็นการแสดงจุดที่คนร้ายยิงอาวุธหนักยิงต่อสู้

($ คือธนาคาร P คือสถานที่สุดท้ายของฟิลิป และ M คือสถานที่สุดท้ายของเอมิ)

ส่วนอักษรอังกฤษและตัวเลขเป็นชื่อถนน โดย A: Laurel Canyon Boulevard - B: Agnes Avenue - C: Ben Avenue - D: Gentry Avenue -

E: Radford Avenue - F: Morella Avenue

1: Archwood Street - 2: Lemay Street - 3: Kittridge Street

ทางด้านตำรวจหลังจากที่ได้รับรู้ถึงการปล้นอย่างอุกอาจแล้วนั้น หน่วยตำรวจ ก็ได้รีบระดมกำลังมาที่เกิดเหตุ ทำให้รอบธนาคารในตอนนั่นเต็มไปด้วยรถตำรวจที่ปิดล้อมคนร้ายเอาไว้

จนกระทั้งเวลา 9:38 น. (เกินเวลาวางแผนไว้) แลรี่ออกผ่านประตูธนาคารทางทิศเหนือ ส่วนเอมิลผ่านประตูทิศใต้ โดยประกันทั้งหมดเข้าไปที่ห้องเก็บเงิน

หากแต่ทั้งสองก็พบเข้าหน้าที่ตำรวจนับสิบล้อมเอาไว้หมดทางหนี อีกทั้งยังถูกกล้องข่าวโทรทัศน์จากเฮลิคอปเตอร์จับตาอีก อาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีเพียงปืน 9 มม กับ .38

ซึ่งเป็นปืนพก ในขณะที่บางคนใช้ปืนลูกซอง ซึ่งปืนดังกล่าวเป็นปืนที่ไม่เจาะเกราะ ทำให้เมื่อเกิดยิงต่อสู้กันก็พบว่ามีสถานการณ์ยืดเยื่อกว่าที่คาดไว้

อีกทั้งยังทำให้เจ้าหน้าที่และไทยมุมบาดเจ็บระนาว ในเวลาเดียวกันทางการก็ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยสวาท( SWAT) มายังจุดเกิดเหตุด้วย และเมื่อหน่วยพิเศษ SWAT มาถึง

พวกเขาได้ใช้ อาวุธปืน AR-15 และ MP-5 บางกระบอกพึ่งซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอาวุธปืนในบริเวณใกล้เคียงด้วยซ้ำแบบสดๆ ร้อนๆ และในวันนั้น

มีเจ้าหน้าที่สวาทหลายนายที่พึ่งออกกำลังกาย และเมื่อได้รับรายงานให้มาประจำการเพื่อรับภารกิจ พวกเขาไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า โดยพวกเขายังสวมรองเท้าวิ่งและกางเกงขาสั้นใต้ชุดเกราะ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จัดการควบคุมฝูงชนให้ห่างจากจุดปะทะ และขนย้ายผู้บาดเจ็บอย่างเร่งรีบ ฝ่ายโจรทั้งสองทิ้งถุงเงินเพราะโดนกระสุนจนขาดวิ่น

ก่อนที่จะกลับไปธนาคารเพื่อเอาตัวประกินมาต่อรอง แต่ปรากฏว่าตัวประกันทั้งหมดปิดประตูห้องเก็บเงินไว้ ทำให้รอดพ้นอันตรายหวุดหวิด หลังจากยิงต่อสู้กันเป็นระยะ

และทั้งสองฝ่ายดูเชิงกันอยู่ โจรทั้งสองไม่มีความคิดจะยอมมอบตัวใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่จะได้ตัดสินใจที่บ้าระห่ำที่สุด แลร์รี่จะยิงคุ้มกัน เพื่อเปิดทางให้เอมิลเอาออกรถจะได้หลบหนีจากที่เกิดเหตุด้วยกัน

http://upic.me/i/rv/gd005.jpg (http://upic.me/show/51628253)

ภาพมุมสูงของธนาคาร

เวลา 9:51 น. หลังจากวางแผนได้แล้ว แลร์รี่และเอมินทำการแยกไปอีกครั้ง ทั้งสองคนร้ายก็เริ่มเคลื่อนที่ออกจากธนาคารไปทางทิศตะวันออกท่ามกลางห่ากระสุน

ที่ระดมสาดใส่โจรทั้งสอง ระหว่างนี้โจรทั้งสองใช้อาวุธปืนในมือยิงสวนกลับเป็นระยะ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บไปอีกหลายนาย

แลร์รี่กราดยิงด้วยปืน AKM ไปได้สักพัก จนกระทั้งเขาทิ้งปืนลง เนื่องจากปืนขัดลำกล้อง (เป็นการขัดลำกล้อง โดยลูกเลื่อนได้หนีบเอาปลอกกระสุนไว้

จริงๆแล้วแค่ใช้นิ้วโป้งดันปอกกระสุนออกไป ก็จะทำการยิงได้ต่อ แต่คนร้ายนั้นนิ้วไม่มีแรง เนื่องจากถูกยิงเข้าที่ข้อมือ) เขาดึงปืนพกปืนเบเร็ตต้าและยิงต่อเนื่องเข้าใส่ตำรวจต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละนาย พยายามระดมอัดเข้าไปยังแลร์รี่ แต่เพราะเกราะหนักนั้นเองทำให้ได้แค่ทำให้เขาแค่เซ หรือล้มลงด้วยแรงผลักของกระสุน หลังจากนั้นมันก็ลุกขึ้นมายิงต่อ

ก่อนที่จะโดนที่มือขวาอีกครั้ง ทำให้แลร์รี่เลิกคิดจะต่อสู้ เขาเอาลดปืนลงทำท่ายอมแพ้ หากแต่จู่ๆ เขาก็ตัดสินใจ ดึงปืนหันเข้าหาคางตัวเอง และยิงตัวเองฆ่าตัวตาย

ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงใช้ปืน R-15 ยิงใส่คนร้าย โดยไม่ทราบว่าแลร์รี่ตายแล้ว

http://upic.me/i/df/ucgb6.jpg (http://upic.me/show/51628254)

เวลา 9:56 ทางด้านเอมิสนั้นค่อนข้างทุลักทุเลเล็กน้อย เมื่อเธอวิ่งไปที่รถก็พบว่ารถที่พวกเขามานั้นถูกกระสุนยิงจนยางเสียหาย เธอจึงเอาปืนทั้งหมดในรถหนี

และพยายามใช้วิธีขโมยรถรถที่ขับผ่านมาแถวๆนั้น จนกระทั้งได้เจอกับรถกระบะเก่าๆ บนถนนอาร์ชวู้ดห่างจากสามบล็อกตะวันออกที่เลร์รี่เสียชีวิต

เธอจึงระดมยิงไปที่รถคันนั้นเพื่อจะขโมย อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าของรถหนีออกจากรถ เธอจึงเอาอาวุธทั้งหมดใส่รถดังกล่าวแล้วออกรถหนี

แต่อย่างไรก็ตามรถดังกล่าวนั้นไปไม่ไกลนักเพราะเธอมารู้ที่หลังว่ารถดังกล่าวไม่มีกุญแจเพราะตอนเจ้าของหนีเขาเอากุญแจรถไปด้วย อีกทั้งกล้องเฮลิคอปเตอร์จับตามองอยู่

ได้บอกรถลาดตระเวนขับเคลื่อนของหน่วย SWAT ให้มาถึงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดจุดปะทะขึ้น เอมิลหยุดรถยิงปะทะอยู่ร่วมหกนาที จนกระทั้งเธอถูกยิงด้วยกระสุน

M 16 ที่หน่วย SWAT ยิงลอดใต้ท้องรถโดนขาล่างที่ไร้เครื่องป้องกัน ทำให้เธอบาดเจ็บอย่างหนักจนยอมทิ้งอาวุธ

ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อขอยอมแพ้เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าประชิดตัว หากแต่ท้ายเธอก็ตายหลังจากนั้นเพราะสูญเสียเลือดจากการบาดเจ็บที่เท้า(เธอถูกยิงถึง 29 นัดที่เท้าและหน้าแข้ง)

กว่ารถโรงพยาบาลจะมาถึงก็นานถึงเจ็ดสิบนาทีต่อมา เนื่องจากรถพยาบาลไม่สามารถเข้ามาได้เนื่องจากเป็นเขตการยิงต่อสู้และเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีคนร้ายรายอื่นอีกหรือไม่

จึงให้คนร้ายรายนี้นอนรอกว่า 1 ชั่วโมง เป็นอันสิ้นสุดเหตุการณ์การยิงอันดุเดือดเป็นเวลา 44 นาที!! และเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ถูกบันทึกว่าเป็นเหตุการณ์ต่อสู้

ระหว่างผู้ร้ายและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐในเวลาต่อมา

http://upic.me/i/7o/o34j7.jpg (http://upic.me/show/51628255)

แลร์รี่และเอมิลในตู้โชว์ของพิพิธภัณฑ์ของกรมตำรวจลอสแองเจลิส

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวจบลง หลายฝ่ายพยายามวางมาตราการอนาคตเพื่อป้องกันกรณีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าทีลาดตระเวน

ทุกนายจะต้องพกอาวุธปืน กึ่งอัตโนมัติ 5.56 มม. และ AR-15 เนื่องจากได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปืนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้โดยทั่วไปไม่เจาะเกราะ

ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายรายได้รับบาดเจ็บจากคดียิงปะทะดังกล่าว ทางด้านญาติของเอมิลได้ทำการฟ้องร้อวเพื่อเรียกความเป็นธรรม

ในกรณีที่ไม่ได้รับความสนใจให้มีการรักษาทางการแพทย์ ด้วยการให้เธอนอนราบไปกลับพื้นโยไม่ได้รับการรักษาทั้งที่บาดเจ็บอย่างหัก และอีกหลายชั่วโมงก่อนรถพยาบาลจะมาถึง

ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดมนุษยชนอย่างรุนแรง คือได้รับการรับฟ้อง จนกระทั้งถึงปี 2000 เมื่อทั้งสองตกลงกันนอกศาล และสุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจลอสแอนเจลิสที่มี

ส่วนร่วมเหตุการณ์ในวันนั้น 19 นายได้รับเหรียญกล้าหาญสำหรับวีรกรรมชองพวกเขา และได้พบกับประธานาธิบดีบิลคลินตันในปี 2003

และเหตุการณ์ทั้งหมดถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 44 Minutes: The North Hollywood Shoot-Out

ปัจจุบันเราสามารถรำลึกเหตุการณ์ในวันนั้นด้วยการเยื่ยมชมรูปปั้นหุ่นจำลองแลร์รี่และเอมิลในชุดเกราะปล้นธนาคารภายในตู้โชว์ของพิพิธภัณฑ์ของกรมตำรวจลอสแอนเจลิส

จากเหตุการณ์จริง


http://www.youtube.com/watch?v=wZg4mcYkIwU

บางส่วนจากหนัง


http://www.youtube.com/watch?v=tsOWSDtxERU





ที่มา : http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=676433&chapter=28
อ้างอิงเนื้อหาจาก : http://en.wikipedia.org/wiki/North_Hollywood_shootout+ +

ChaDcHaN
25th June 2014, 17:17
"โจรปล้นธนาคารทั้งหมด(มี 2 คน)ถูกฆ่าตายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 71 คน" งงตรงนี้ครับ

Придурок
25th June 2014, 17:21
"โจรปล้นธนาคารทั้งหมด(มี 2 คน)ถูกฆ่าตายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 71 คน" งงตรงนี้ครับ

พูดง่ายๆคือ ตำรวจ 71 นายปะทะกับโจรปล้นธนาคาร 2 คน...สุดท้ายคนร้ายฆ่าตัวตายไป 1 คนและอีกคนบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ได้รับการรักษาและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุอีก 1 คนครับ

]J[okeR
25th June 2014, 17:37
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่ามี 2 ย่อมดีกว่า 1 ตายคู่เลยทีเดียว

GuY_NoOpPeR
25th June 2014, 18:10
โหอย่างกะในเกม

http://upload.siamza.com/file_upload/modify/250614/1328793.jpg

Patrenko
25th June 2014, 23:27
ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าเสื้อกันกระสุนถ้าโดนยิงหลายนัดเข้าก็จะทำให้ช้ำในตายตกลงมันกันกระสุนได้ขนาดนั้นจริงๆหรอครับ

Turbosapien
26th June 2014, 00:13
ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าเสื้อกันกระสุนถ้าโดนยิงหลายนัดเข้าก็จะทำให้ช้ำในตายตกลงมันกันกระสุนได้ขนาดนั้นจริงๆหรอครับ
เกรงว่าจะเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วล่ะครับทั้ง 2 คนนั้นติดเกราะหนัก 18 กิโลครับ ไม่ใช่แค่เสื้อกันกระสุนธรรมดาแน่นอน

artidinw
26th June 2014, 01:10
บงตงว่าหนังทำเหมือนเรื่องจริงมากกก (ใครมีแบบพากย์ไทยส่งให้หน่อยนะครับ มีแต่อังกฤษ)

ktrisakul
26th June 2014, 02:43
Army of Two สิเนี่ย :sweat

Spermz
26th June 2014, 03:08
ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าเสื้อกันกระสุนถ้าโดนยิงหลายนัดเข้าก็จะทำให้ช้ำในตายตกลงมันกันกระสุนได้ขนาดนั้นจริงๆหรอครับ

เท่าที่เคยดูจากสารคดี เป็นเกราะหนัก18 กิโลที่ทำเองครับ

artidinw
26th June 2014, 09:55
ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าเสื้อกันกระสุนถ้าโดนยิงหลายนัดเข้าก็จะทำให้ช้ำในตายตกลงมันกันกระสุนได้ขนาดนั้นจริงๆหรอครับ
แต่ว่ามันก็อยู่กับขนาดกระสุนนะครับและมาตราฐานของคุณภาพเกราะหากเป็นเกราะที่กันขนาด 11 มม. แต่ว่าไม่มีมาตราฐานในการซับแรงกระแทกของกระสุนก็ทำให้เกิดอาการช้ำในได้ครับ

Придурок
26th June 2014, 10:03
บงตงว่าหนังทำเหมือนเรื่องจริงมากกก (ใครมีแบบพากย์ไทยส่งให้หน่อยนะครับ มีแต่อังกฤษ)

ผมเคยดูพากษ์ไทยเมื่อนานมาแล้วที่ Mthai แต่ตอนนี้ลิ้งค์ตายไปแล้วครับ :sweat


ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าเสื้อกันกระสุนถ้าโดนยิงหลายนัดเข้าก็จะทำให้ช้ำในตายตกลงมันกันกระสุนได้ขนาดนั้นจริงๆหรอครับ

เป็นชุดเกราะที่ทำขึ้นมาเองครับ หนัก 18 กก. ใช้เหล็กเย็บเข้าด้วยกันจนเป็นชุดครับ แถมพี่แกเล่นอัดยาก่อนออกปล้นมาด้วย