ASSASSIN S
10th August 2014, 00:13
ก่อนอื่นผมต้องกล่าวขอโทษที่ตังกระทู้ใหม่ขึ้นมานะครับ คือจริงๆแล้วไม่ให่ว่าจะทำเรื่องใหม่หรือยังไงนะครับแต่ในกระทู้เก่ามันมีจุดผิดพลาดค่อนข้างเยอะเช่น
ชื่อกระทู้ จึงขอวิสาสะตั้งกระทู้ใหม่เลยนะครับ(หวังว่าจะให้อภัยสักครั้ง)
................................................................................................................................................................................
"Soul in Force"
ตอนที่ 0 จุดจบนี้คือจุดเริ่มต้น
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในขณะที่ห้วงจักรวาลมีเพียงชายรูปงามฝาแฝดสองคนที่ต่อสู้กันเพื่อแย้งชิงความเอ็นดูจากสิ่ง
ที่สร้างพวกเขาขึ้นมา จนเวลาหนึ่งพวกเขาได้สร้างโลกต่างๆขึ้นพร้อมกับสิ่งมีชีวิตอีกคนละสามสายพันธุ์
คนแรกเป็นชายผู้สวมเกราะสีขาวมีแววตาสีเงิน เขาได้สร้างเหล่าเทพ,เอลฟ์และยมทูตพร้อมกับการสร้างภพสวรรค์และโลกวิญญาณ
อีกคนเป็นชายผู้สวมเกราะสีดำมีแววตาสีทอง เขาได้สร้าง ปีศาจ,มาร,และมังกร พร้อมกับโลกปีศาจและโลกมาร
และแล้วพวกเขาก็ได้เริ่มทำสงครามกันอีกครั้งบนดาวที่รกร้างดวงหนึ่ง เสียงโห่ร้องเสียงดาบกระทบกัน
เสียงระเบิดตูมตามดังไม่หยุด สองผู้นำต่างใช้ดาบประจำตัวต่อสู้กันโดยไม่สนใจสิ่งที่อยู่รอบตัวเลยซักนิด
จาการต่อสู้เพื่อต้องการความสนใจ กลับกลายเป็นสงครามเพื่อแย้งชิงพลังอันยิ่งใหญ่ของสิ่งที่
พวกเขาเรียกว่า'พระเจ้า' จนวันหนึ่งผู้นำทั้งสองก็ได้รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการครอบครองนั้นได้หายไปแล้ว และเมื่อ
พวกเขาหันกลับไปมองสิ่งที่พวกเขาทำ มันมีแต่ความสูณเสียสิ่งมีชีวิตล้มตายมากเกินกว่าจะรับได้ ในขณะที่พวกเขา
ได้แต่สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป บนท้องฟ้าได้มีแสงสีทองสาดส่องไปทั่วเอกภพแสงนั้นทำให้ซากศพจากสงคราม
จมลงไปในดินแล้วเกิดเป็นธรรมชาติขึ้นมาจนดาวที่รกร้างว่างเปล่ากลับกลายดาวทีสวยงาม และขี้เท่าจากสงคราม
ได้ก่อเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ที่เรียกว่า 'มนุษย์'
แสงนั้นหายไปเหล่าสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มกลับไปยังภพของตน ผู้นำทั้งสองได้สาบานต่อดาวดวงนั้นว่าจะไม่ต่อสู้กันอีก
แล้วทั้งสองก็หายตัวไป ทว่าคำสาบานที่ทำไว้นั้นไม่ได้มีครอบคลุมถึงลูกหลานที่พวกเขาสร้างขึ้นมา เเล้วเมื่อ
มหาสงครามกลับมาอีกจะมีบรุษผู้เป็นความหวังมาตัดสินผลสงครามบนดาวดวงนั้นที่มนุษย์เรียกว่าโลก
_________________________________________________________________
บันทึกแห่งจุดจบสงครามและการเริ่มต้นของทุกสิ่ง
บัญญัติโดย Dark(ดาร์ค)ผู้นำแห่งโลกมารและโลกปีศาจ
God(ก็อต)ผู้นำแห่งภพสวรรค์และโลกวิญญาณ
__________________________________________________________________
หลายพันปีต่อมา มนุษย์ได้พัฒนาความรู้และเทคโนโลยีในด้านต่างๆจนก่อสงครามของมนุษย์ขึ้นเอง ซึ่งไม่ได้ใช้แค่เทคโนโลยี แต่ทุกประเทศงัดทุกๆอย่างมาใช้ไม่เว้นแม่แต่เวทมนต์หรือปีศาจ บางฝ่ายใช้ เทคโนโลยีบวกกับอำนาจเทพ บ้างใช้ เทคโนโลยีบวกกับอำนาจปีศาจ แต่สิ่งที่เป็นพลังที่แท้จริงของของทุกฝ่ายคืออัศวิน จอมเวทต์ ผู้มีพลังพิเศษ และ เวทมนต์จนกระทั้งยุคสงครามยุติลง
ผลกระทบจากสงครามทำให้โลกขยายตัวขึ้น3เท่าจึงเกิดเป็นทวีปขนาดใหญ่หลายทวีป และมีทวีปหนึ่งเกิดการแบ่งดินแดนขึ้นมา
4อนาจักคือ 1.คอนแสตนตินโนเปิล 2.อาณาจักมังกรแสง 3.วิทาเนีย และ 4.วิลลาออดิโทเล แต่ถึงมหาสงครามจะยุติลงก็ยังมีสงครามเกิดขึ้นอยู่บ้างและเพราะสงครามครั้งก่อนที่ทำให้ ผู้คนที่เคยอยู่ในเงามืดได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก (จอมเวทต์ ผู้มีพลังพิเศษ) นับวันผู้คนเหล่านี้เริ่มจะแพร่กระจายกันอยู่ตามทั่วทุกมุมโลก บางคนก็ได้ยกย้องคนพวกนั้นเป็นดั่งพระเจ้าแต่บางคนกลับดูถูกพวกเขาว่าเป็นได้แค่ปีศาจ และเพราะจำนวนที่เพิ่มขึ้นจึงใด้มีการแบ่งชนชั้นขึ้นมาซึ่งรู้กันแค่ในกลุ่มจอมเวทต์กับผู้มีพลังพิเศษเท่านั้น
50ปีต่อมานะปราสาทหลวงอนาจักวิลลาออดิโทเล
"ฝ่าบาท"หญิงรับใช้คนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมา
"มีอะไร ไม่เห็นรึไงว่าข้ากำลังยุ้ง" ชายวัยกลางคนกำลังเคลียเอกสารที่กองเถ้าภูเขาด้วยถ้าทีรีบร้อนอยู่บนโต๊ะ
"พระนางมาเรียกำลังจะให้กำเนิดบุตรแล้วคะ"
"...หา!" ชายวัยกลางคนซึ่ง(น่าจะ)เป็นราชาพอได้ข่าวก็หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วรีบวิ้งไปยังห้องทีชายาของตนเองทันที
เมื่อถึงที่หมายเขารีบพลักประตูเขาไปเพื่อดูเด็กที่เกิดมาโดยไม่สังเกตุเหล่าคนใช้ที่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงมุมกำแพง
"มาเรียในที่สุดเจาก็ให้กำเนิดบุตรให้เราแล้วสินะ...นี่มันอะไรกัน!" พอราชาอุ้มห่อผ้าของเด็กน้อยขึ้นมาดูก็ตกใจ เพราะในห่อผ้ามันคือเส้นเลือดสีดำปนแดงที่จับตัวกันเป็นก้อนกำลังขยับไปมาก่อนมันจะขดบิดตัวเองและสร้างหนังคนขึ้นมาจนมีรูปร่างเหมือนเด็กทารกพร้อมกับสงเสยีงร้องออกมา
1วันหลังจากนั้น
"ท่านปราชญ์ลูก...ไม่สิ เด็กคนนีเป็นตัวอะไรกันแน่" ราชาถามอย่างเคร่งเครียดปนความหวาดกลัวพรางจ้องไปทีเด็กซึ่งอยู่บนแท่นกลางห้องโถง
ตอนนี้เด็กน้อยอยู่ในห้องท้องพระโลงพร้อมกับ ขุณพล ราชินี นางสนมและอืนๆอีกน้อยนิด เพราะเรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ
ซึ่งตอนนี้นอกจากปราชญ์ที่คุกเข่าอยู่หน้าบัลลังแล้วทุกคนที่อยู่ในห้องล้วนเป็นคนในราชวงศ์ทั้งสิ้น
"ขอข้าดูหน่อยใด้ใหมท่านราชา" ปราชญ์ถามแต่ตานั้นจ่องไปยังเด็กที่หลับอยู่แท่นวาง
"เชิน"
"หือ...โอ้!นี่มันอะไร" ปราชพูดออกมาก่อนจะถอยหลังออกจากเด็ก "เด็กคนนี้มีพลังของปีศาจอยู่และ..."ท่านปราชญ์พูดออกมาเบาๆแต่ทุกคนในห้องก็ได้ยินกันหมดและแทนที่จะพูดต่อเขากลับเงียบเอาไว้
"จริงๆด้วยสินะ...ฆ่าเด็กคนนี้ซะ" ราชาสั่งท่ามกลางเสียงฮือฮาของเหล่าคนในราชวงศ์ แต่แล้วนักปราชญ์คนเดิมก็ห้ามเอาไว้ก่อน
"ท่านราชาคิดดีแล้วหรือที่จะสั่งประหารบุตรชายของตัวเอง ถึงเด็กคนนี้อาจมีพลังปีศาจอยู่ในตัวแต่การที่จะสังหารลูกของตัวเองนะมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสำหรับราชาผู้ปกครองแดนหนึ่งในศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทพเช่นท่านจริงไหม" ปราชญ์พูดขึ้นก่อนแสยะยิ้มแล้วหันไปดูเด็กทารก
"แล้วท่านจะให้ฆ่าทำไงเป่าประกาศว่าฆ่ามีลูกแป็นปีศาจแล้วให้ประนามราชวงศ์ ของฆ่านะเหรอ!"ราชาตะโกนบอกพร้อมกับทุบลงบนที่วางมือ
"ใจเย็นๆท่านราชา ผมขอแนะนำให้นำเด็กคนนี้ใว้ในหอคอยดำ และอย่าปล่อยให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนของราชวงศ์เห็นโดยเด็ดขาดยกเว้นคนใช้ซึ่งมีได้แค่2คนเท่านั้นพร้อมกับคนคอยตรวจดูคนรับใช้ว่า เอาความรับเรื่ององชายไปปูดหรือไม่และถ้าทำก็ให้ฆ่าได้เลยพอโตขึ้นก็ให้เขาเป็นแค่คนใช้ก็พอ"
"งั้นก็ประกาศออกไปว่าโอรสชายลำดับที่3แห่งราชวงศ์ออดิโทเลสิ้นพระชนม์แล้ว จะไม่มีการเผาฝังหรือทำการได้ๆทั้งสิ้น" ราชาประกาศอย่างกู่ก้อง นับแต่นั้นมาองชายลำดับที่3แห่งราชวงศ์ออดิโทเลก็ถูกลบออกไป
หลังจากนั้นไม่นานพระนางมาเลียก็ได้คลอดบุตรตรีขึ้นมาเป็นลำดับที่8ถ้ารวมกับนางสนมคนอื่นของราชวงศ์ แล้วตั้งชื่อให้ว่า นานาลี
และด้วยความน่ารักอ่อนโยนและใสซื้อทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนจนแม้แต่กษัตริย์จากเมืองต่างๆก็หมายจะแนะนำบุตรชายของตนเองให้องหญิงน้อย
5ปีต่อมา
ทั้งเมืองและปราสาทหลังใหญ่กำลังจะมีงานฉลองเพราะวันนี้เป็นวันเกิดขององหญิงคนสุดท้องลำดับที่8 นานาลี
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กที่นั้งอยู่ริมหน้าต่างในหอคอยที่มืดมิด จนเสียงประตูเปิดออกพร้อมกับพระนางมาเรียก้าวท้าวเข้ามาจ้องมองเด็กชายที่นั้งอยู่ริมหน้าต่างท่ามกลาแสงจันทร์ที่ส่องลงมา
"ท่านแม่หรอ ท่านมาทำอะไรที่นี้ท่านหน้าจะอยู่ในงานพิธีกับน้องของข้าไม่ใช้เหรอ" เด็กทารกในตอนนั้นโตขึ้นมาเป็นเด็กน้อยที่มีผมสีดำมันเงา และตาสีน้ำเงินเข้มบวกกับหน้าตาที่หล่อเหล่าทั้งทียังเด็กแต่ก็ซ้อนความซุกซนไว้ ซึ้งขัดกับน้ำเสียงที่ดูจริงจังปนกับความเป็นห่วงและสีหน้าที่ยิ้มน้อยๆให้ผู้เป็นมารดา
"แม่แค่เป็นห่วงเจ้านะ...เจ้าไม่อิจฉาหรือโกรธคนอื่นเลยหรอที่ทำกับเจ้าแบบนี้" ผู้เป็นมารดาถามด้วยสีหน้าเฉยเมยอันเป็นเอกลักของเธอเอง
"โกรธหรอ? ไม่ ข้าไม่เคยโกรธเลยท่านแม่เพราะนั้นคือครอบครัวของข้าและข้าก็แยกแยะออกว่าอันให้ถูกอันไหนผิด"
เด็กชายบอกพร้อมกับทำให้มีปรสิธ(พลังในตอนนั้น)ไหลผ่านมือไปมา
"แต่อย่างน้อยเจ้าก็หน้าจะระบายอารม์ออกมาสิอา..." ขณะที่มาเรียกำลังจะเอ่ยชื่อ เด็กน้อยก็ยกมือขึ้นมาห้าม
"ข้าไม่ได้ชื้อนั้นอีกต่อไปแล้วท่านแม่ ต่อไปนี้ข้าจะไม่ใช้ชื่อของราชวงศ์อีกต่อไปตอนนี้ชื่อของข้าคือ คินโล"
ในคืนนั้นทุกคนในปราสาทไปงานฉลองกันจนหมดยกเว้นเด็กน้อยคินโลที่นอนหลับพร้อมกับน้ำตาแห่งความเหงา
แต่แล้วหน้าต่างก็ถูกเปิดออกโดยมีผู้ชาย3คนเขามาในห้องหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดมิด...
ช้าววันต่อมา
"คุณคะ" มาเรียก้าวเข้ามายังหน้าบัลลังด้วยสีหน้าจริงจังไม่เหมือนทุกที
"มีอะไรหรอมาเรีย"ราชานั่งอยู่บนบัลลังอย่างสบายใจไม่ใช่เพราะเคลียเอกสารเสร็จแต่เพราะมีบางอย่างถูกกำจัดไป
"ลูกชายคนทีสามของท่านหายตัวไปแล้ว"
"งั้นหรอ" ราชาพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย
"นี่ท่านทำอะไรกับลูกของเรากัน" มาเรียถามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมก้าวเข้าหาสามีของนางอย่างเอาเรื่องจนองครักษ์ต้องมาห้ามไว้
"ทำอะไรนะหรอก็ทำในสิ่งที่ควรทำไง...เมื่อคืนเป็นงานวันเกิดของนานาลี้ลูกคนแรกของเจ้ากับข้า และเพื่อให้เป็นแบบนั้นก็ควรกำจัดไอ้เด็กนั้นไปซะ" ราชาบอกด้วยน้ำเสียงสะใจนิดๆ
"ท่านทำใด้ยังไงกันนั้นมันลูกของเรานะ" มาเรียพอใด้ยินเขาก็ถึงกับเข่าอ่อนแล้วก็ล้มลงด้วยสีหน้าที่เหมือนคนตาย
"เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสินะ...ไอ้เด็กนั้นมันไม่ใช้ลูกของฉัน!
10ปีต่อมา
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเดินอยู่ในสถานที่ที่เขาไม่รู้ว่ามันคือที่ใหน มีเพียงเสียงเพลงอันไพเราะ ทางเดินปูด้วยพรมสีเเดงพนังทำจาก หินอ่อน
และแสงสลัวๆเขาเดินตามเสียงนั้นไป จนมาถึงบันไดหินอ่อนทีปรายสุดมีประตูสีขาวเขาเข้าก้าวขึ้นบันไดไปเปิดประตูทุกอย่างเงียบลงและหายไปหมือนกับกลุ่มควัน
แล้วเขาก็ตื่นขึ้นมา
เสียงและน้ำฝนที่ตกลงมาทำให้ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นโดยยังมีสีหน้าที่มึนงง ที่นี่เป็นห้องที่ทำจากไม้แคบๆ เตียงที่เขานอนก็ทำจากฟางแข็งๆ หลังคามีรอยรั่วหลายจุด
"เฮ้อ ขอต้อนรับกลับสู่โลกแห่งความจริงนะ อามาโนะ เจมส์ คินโล"
วันเวลาแห่งคำสาปของเจ้าจะยังคงเดินต่อไปหากเจ้าเชื่อว่ามันเป็นคำสาป
หญิงแก่ผมขาวคนหนึ่งนั่งแกะสลักไม้อยู่หน้าเตาผิงและพูดกับชายอีกคนที่กำลังจะเปิดประตูเพื่อออกไปแต่เขาก็ต้องหยุดชะงังและหันกลับมาฟังสิ่งที่หญิงแก่กำลังจะบอก
นานมาแล้วในทวีปทางตอนใต้ของโพ้นทะเล มีดินแดนที่ถูกสาปโดยหมู่มารนาม ออนโด
นางกวักมือให้ชายหนุ่มเขาไปใกล้ๆ แล้วยื่นไม้แกะสลักของนางให้ชายหนุ่ม
รับมันไว้แล้วเมื่อเจ้าไปยังที่แห่งนั้น และซักวันสิ่งนี้จะเป็นเครื่องนำทางให้ดวงตาที่มืดบอดของเจ้า
ชายหนุ่มรับไม้แกะสลักรูปหญิงประสานมือไว้ที่อก มาแล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
ตอนที่1 ยามเมื่อตำนานเริ่มต้น
ครึ่งปีต่อมา
ณ ลานฝึกซ้อมกองทหาร
เหล่าชายหญิงอายุราวๆ16-17กำลังมุงดูชายหนุ่มผมสีทองในชุดอัศวิน ซ้อมชายผมสีดำตาสีน้ำเงินเข้มอยู่
เฮ้ย...! ลุกขึ้นมาดิวะ ไอ้กระจอก!
สิ้นเสียงชายคนหนึ่งได้ถูกเตะโดยเจ้าของเสียงเข้าไปที่บริเวณท้อง จนตัวงอเป็นกุ้งซึ่งไม่วายเจ้าของเสียงได้ใช้เท้าเหยียบมันลงไปที่หัวอีกจนหน้าแทบติดพื้น
สำหรับแก...แค่พื้นโสโครกนี่ก็หรูแล้ว จูบมันไปซะ
และแล้วเขาก็เพิ่มแรงเหยียบจนหน้าชายผมดำกระแทกกับพื้นอย่างจัง
อี๋... ขยะแขยงจัง
นั่นสิแค่ต้องหายใจร่วมอากาศเดียวกับมันก็อยากตายแล้ว
รีบๆหายไปซักทีสิ อยู่ไปก็รกโลกแกนะ
พวกผู้หญิงที่นี่ยิ่งแล้วใหญ่ มองชายผมดำต่ำกว่าขยะโสโครก
ชายผมทองมีชื่อว่าไรอัน เรวิสตัน เป็นคนที่เรียนเก่งฉลาด สอบได้ที่1ของทั้งชั้นปีแถมยังได้รางวัลต่างๆมามากมาย นอกจากนี้ตระกูลเขายังเป็นขุนนางในวังหลวงอีก ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรคนอื่นก็ยอมรับ
นับถือ ถึงแม้เขาจะกดขี่ข่มเหงชายผมดำยังไง คนอื่นก็ๆจะคิดว่าเขาเป็นคนผิดไปซะหมด แต่ภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็เหมือนกับลูกคนมีตระกูลทั่วไปคือเขาต้องได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ และแน่นอน
ต้องมีคนอยากสนิทกับเขาแน่ซึ่งทำได้ไม่อยากแต่ช่วยสนับสนุนเขาก็พอ อย่างเช่นที่อันซิเอลเดินเข้ามาและกระทืบพร้อมกับเตะเข้ามาที่ท้อง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่ามกลางผู้คนที่กำลังหัวเราะเยาะชายผมดำ
เหตุผลที่ชายผมดำถูกแกล้งนะเหรอมันคงต้องเริ่มจากครึ่งปีก่อน .
ชายผมดำมีชื่อว่า อามาโนะ เจมส์ คินโล เขาเข้ามาสมัครเป็นอัศวินให้กับราชอาณาจักรไบเซนไทเพื่อหาเงินไปซ่อมโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเคยอาศัยอยู่ พร้อมๆกับเอลฟ่า เอลฟ์ที่โตมาด้วยกัน แต่แล้วเรื่องก็
เริ่มขึ้น ในวันที่สมัครไรอันดันจำคินโลได้ว่าเคยเป็นคนรับใช้ในวังหลวงและโดนไล่ออกไป ตามหลักของประเทศนี้นั้นมีการแบ่งวรรณะอยู่คือ กษัตริย์-ขุนนาง-ประชาชน-คนจรจัด และคนที่จะสมัครเป็นอัศวินได้
จะต้องเป็นคนที่ไม่ต่ำกว่า ประชาชนแต่คินโลเคยถูกไล่ออกโดยขุนนางมาแล้วตอนนี้เลยอยู่ในวรรณะคนจรจัด ผลสุดทาย เอลฟ่า ได้เป็นอัศวินฝึกหัดแต่คินโลตอนนี้ได้เป็นแค่ทหารยศต่ำและเพราะเป็นคนจร
จัดคนเดียวในประเทศที่หน้าด้านเข้ามาสมัคเป็นทหารเพราะคนจรจัดส่วนใหญ่มักทำงานในเหมืองแร่ คินโลเลยถูกแกล้งจนปัจจุบัน
เมื่อไรอันเห็นว่าคินโลสลบไปแล้วเขาจึงกะโกนขึ้นว่า
เฮ้ยพวกเรา ปล่อยเจ้านี่ไว้แบบนี้แล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า แล้วคนเหล่านั้นก็เดินจากไปโดยทิ้งให้คินโลนอนกองอยู่อย่างนั้น
เมื่อเห็นว่าทุกคนไปหมดแล้วเขาจึงลุกขึ้นปัดฝุ่นก่อนจะมีเสียงผู้หญิงดังมาจากข้างหลัง
ทำไมนายไม่อัดพวกมันไปซักที่สองที่ละคินโลเสียงนั้นเป็นของ กวิน เฟเทอร์ โฮส เธอเป็นหัวหน้าหน่วยที่คินโลประจำอยู่และรับหน้าที่ครูฝึกของทหารเข้าใหม่แต่ดูเหมือนเธอจะเอ็นดูตัวเขาเป็นพิเศษ
ก็ถ้าผมทำแบบนั้นมีหวังถูกไล่ออกกันพอดี ใช่ถ้าถูกไล่ออกทุกอย่างก็จบ เหตุผลที่มาสมัคก็เพื่อเงิน ใช่เงินเท่านั้นเพื่อนำเงินไปซ่อมโบสถ์ และช่วยเอเลน่าเพื่อนสมัยเด็กที่นอนป่วยอยู่ที่นั่นเขาต้องการเงิน
เพราะอย่างนั้นตอนนี้จะถูกไล่ออกไม่ได้
เฮ้อ...เลิกคิดเรื่องหยุมหยิมแล้วไปหาอะไรกินดีกว่าน่าคินโล
ได้สิ ถ้าคณเลี้ยงนะ
อึ๋ย! ขี้งกอย่างนี้ระวังจะไม่มีสาวมาสนใจนะคินโล
เหอะๆ ถึงไม่ขี้งกยังไงก็ไม่มีสาวสวยๆมาสนใจอยู่แล้วนี่ครับ แล้วคินโลก็เดินไปยังร้านอาหารพร้อมกับหัวหน้าหน่วยของเขา
ถึงจะบอกว่าไปร้านอาหารแต่ที่ๆพวกเขามาถึงคือร้านเหล้าใกล้ๆกับค่ายทหารในเมือง
เป็นเพราะคินโลเป็นคนประเภทไม่ค่อยดื่มจึงกินแต่กลับแกล้ม ส่วนเฟเทอร์ก็คงจะเดาได้ไม่ยากเพราะเธอเมาเละตั่งแต่เหล้าเข้าปากแล้ว
ผ่านมาได้ชั่วโมงพระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้วคงถึงเวลาที่จะพาหัวหน้าหน่วยคนสวยที่หลับคาโต๊ะคนนี้กลับห้องแล้ว เวลาเฟเทอร์เมาเละที่ไรเขาต้องเป็นคนแบกเธอพาไปที่ห้องพักทุกทีจนกลายเป็นกิจวัตประจำ
วันไปแล้ว เมื่อถึงห้องเขาโยนเธอลงบนเตียงแล้วออกไปอย่างเงียบๆ เพื่อไปทำกิจวัตประจำวันอีกอย่าง
เขาเดินไปยังป่านอกเมืองซึ่งที่นั้นเป็นที่มีพลังวิญญาณสูงที่กลางป่านั่นมีต้นไม้ที่ชื่อต้นไม้หิ่งห้อยอยู่ เหตุผลที่ชื่อนี้ก็เพราะที่ต้นไม้มีหิ่งห้อยวิญญาณอาศัยอยู่ ว่ากันว่าหิ่งห้อยพวกนี้คือภูตป่าที่เหลือเพียง
วิญญาณเมื่อเขามาถึงไต้ต้นไม้นั่นมีเอลฟ์ผมทวินเทลเรืองแสงนั่งกอดเข่าอยู่เธอสวมชุดที่เหมือนใบไม้และสะพายธนูขนาดเท่าตัวเธอไว้ที่หลัง
เฮ้ เอลฟ่า
เขาเดินเข้าไปทักเธอซึ่งเธอมองเขาด้วยหางตา
จะค่ำแล้วนะ กลับกันเถอะ
เขายิ้มกริ่มและยื่นมือมาหวังจะฉุดเอลฟ่าให้ลุกขึ้นและเธอกลับปัดมือเขาทิ้ง
รำคาญน่า!! ไปให้พ้น! อย่ามายุ่งกับฉัน!!!!
เหอะๆเป็นแบบนี้ทุกทีเธอคนนี้คือ เอลฟ่าอัล เธอเป็นฮาล์ฟเอลฟ์ลูกครึ่งเอลฟ์ที่เกิดจาก พ่อมนุษย์ กับ แม่เอลฟ์ ทั้งมนุษย์และเอลฟ์ก็ล้วนแต่รังเกียจฮาล์ฟเอลฟ์ทั้งนั้น และเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากที่สูญ
เสียพ่อแม่ไปแต่ยังเล็ก เธอก็ต้องเอาชีวิตรอดด้วยตนเองไม่เคยหวังพึ่งพาใครจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอมีนิสัยหยิ่ง หงุดหงิดง่าย และเจ้าอารมณ์มาก แต่จริงๆแล้วก็มีด้านที่อ่อนไหวและอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน เลยไม่
สบายใจที่บางครั้งเธอก็ใช้อารมณ์จนทำร้ายความรู้สึกคนอื่นบ่อยๆ
"เอเลน่า"ช่วยเธอไว้จากสัตว์ประหลาดใกล้กับศาสนจักรก่อนจะบังคับคล้ายๆให้กลับไปด้วยกัน เธอจึงได้อาศัยอยู่ที่โบสถ์ซึ่ง"คินโล"กับเอเลน่าอาศัยอยู่ด้วย เนื่องจากเธอเป็นนักธนูฝึกมือเยี่ยมทั้งยังมีพรสวรรค์
ด้านเวทมนต์และสามารถอัดพลังเวทมนต์เข้าไปในธนูแล้วยิงออกไปได้ ด้วยคำแนะนำของคินโลกับเอเลน่า เอลฟ่าจึงได้เข้าเป็นทหารศาสนจักรแล้วก็ได้รับพรจากเทพให้กลายเป็นอัศวินในเวลาไม่นานนัก
เธอไม่ชอบอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยมนุษย์และมักใช้เวลาส่วนใหญ่คนเดียวในป่าใกล้กับเมืองมากกว่า เวลามีคำสั่งจากศาสนจักรหรือเวลาใกล้มืดค่ำก็เป็นหน้าที่ของคินโลที่ต้องไปตามเธอ และเธอยังไม่ให้ความ
ร่วมมือ
แต่นี่มันจะมืดแล้วนะถ้าไม่รีบกลับเดียวมันจะ...
หนวกหูน่า! ไม่ต้องบอกฉันหรอกน่าฉันรู้อยู่แล้วเข้าใจมั๊ย? ฉันเกลียดพวกมนุษย์ที่สุด! ฉันไม่อยากเห็นหน้านายด้วยซ้ำฉะนั้นไม่ต้องโผล่ให้เห็นมาเลย! ไปให้พ้นซะเจ้างั่ง!
เธอพูดพร้อมกับเขวี้ยงหินมาทางคินโล แต่เขากลับไม่หลบ หินเลยกระแทกหัวคินโลเต็มๆ
อุ๊ย! ป...เป็นอะไรหรือเปล่า เธอถามเขาทั้งๆที่เป็นคนเขวี้ยงมาเองเนี่ยนะ?
อืม .ไม่เป็นไรหรอก เขาพูดพร้อมจับบริเวณหน้าผากที่ถูกหินเขวี้ยงใส่ ทำให้มีเลือดซึมออกมานิดหน่อย
ข...ขอโทษนะ ฉ...ฉันไม่ตั้งใจ
บอกว่าไม่เป็นไรไง เอลฟ่า ใช่แค่นี้ไม่เป็นไรถ้าเทียบกับที่โดนยำมาตลอดแค่นี้ยังจิ๊บๆ อีกอย่างไม่กี่วินาทีมันก็หายเอง
ฉันไปก่อนนะ อย่าอยู่นานนักละเดียวเอเลน่าจะเป็นห่วง พูดจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่ได้เห็นสีหน้าและน้ำตาของเธอเลย
ในขณะที่กลับเขามาในเมืองนั้นเองเขาได้เดินสวนทางกับหญิงสาวผมสีเงินสั้นคนหนึ่ง เธอใส่ชุดอัศวินสีขาวเต็มยศ ชาวบ้านต่างทักทายเธอด้วยความเคารพเพราะเธอคือ จอมอัศวินหญิงอันดับ 1 แห่งราช
อาณาจักร
เฟอร์ดินานด์ เชา นัวฮาร์ท ไม่มีใครในทวีปนี้ไม่รู้จักชื่อของเธอ ชื่อที่คนในทวีปนี้คิดว่าจะกลายเป็นความหวัง ชื่อที่ทุกคนคิดว่าจะกลายเป็นผู้กล้าในตำนาน แต่สำหรับชายหนุ่มเธอคือคนเพื่อนที่เคยเล่นด้วยกัน
ตอนเด็กแต่ตอนนี้เธอคือ เฟอร์ดินานด์ เชา นัวฮาร์ท จอมอัศวินหญิงอันดับ 1 แห่งราชอาณาจักร ที่แข็งแกร่งที่สุด ที่สำคัญเธอเป็นคู่หมั้นของ ไรอัน เพราะผู้คนที่อยู่รอบกายก็มีแต่คนที่พ่อและราชอาณาจักรคัด
สรรแล้วว่าคู่ควรจะเป็นเพื่อนของอัศวินหญิงอันดับ 1 ลูกน้องของอัศวินหญิงอันดับ 1 คนรับใช้ของอัศวินหญิงอันดับ1 มารวมอยู่ด้วยกัน ส่วนตำแหน่งของตัวชายหนุ่มคือทหารยศต่ำซึ่งจะเป็นเพื่อนหรือลูกน้องก็ไม่เหมาะทั้งนั้น ไม่มีทางมาอยู่ใกล้ชิดกับเธอได้ ภายใต้ระเบียบของราช อาณาจักร เธอจึงไม่อาจไปหาคินโลได้ต่อได้ได้เจอกันโดยบังเอิญก็ตาม
เขาเดินมายังชั้นใต้ดินของปราสาทที่ซึ่งเป็นห้องเก็บของเก่าๆและห้องพักของเขาเอง
เป็นเพราะการกดขี่ข่มเหงของไรอันทำให้เขาต้องมาพักที่นี่ซึ่งเขาก็ไม่ติดใจอะไรขอแค่มี่ที่นอนก็พอ เขาถอดเสื้อออกเหลือแต่กางเกงเผยให้เห็นรอยแผลทั่วตัว แผลพวกนี่ไม่ได้เกิดจากการแกล้งของพวกลูนันแต่เป็นแผลจากการเดินทางอย่างโชกโชนของเขาตังหาก เขาล้มตัวลงนอนบนฟูกบางๆบนพื้นคาดว่าน่าจะเป็นที่นอนแล้วหลับไป
เฮ่
หือ?
เฮ่ แปะ เปะ
ใครนะ
เฮ้ย! ลืมตาขึ้นสิ
อะไรกันพึ่งนอนเอง
ถ้านายลืมตา ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ให้ฟัง
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นทันที ตอนนี้เขายืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้มีแต่ความมืด ด้านหน้ามีกองไฟเขาเดินไปที่กองไฟนั้น และที่กองไฟนั่นก็มีชายอีกคนยืนอยู่
ไง ได้เจอกันซะทีนะ
กะ...แกเป็นใคร
ชายคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ เขามีร่างกายเป็นสีดำสนิทและมีรอยสักสีทองทั่วทั้งตัว ผมของเขาเป็นไฟสีดำ มีดวงตาปีศาจสีแดงและที่แขนมีโซ่พันอยู่ถึงไหล่
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ
ถามแบบนั้นจะตอบว่าไงดีเอาเป็นว่าอย่างนี้ละกันข้าคือเทพอสูรวันสิ้นโลกแห่งสงครามชื่อ แซกเกอร์แมน เอ็น
เทพอสูรวันสิ้นโลก...ก็ไม่ร้ว่ามันคืออะไรนะแต่นายพาฉันมาที่นี่ทำไม
ถ้าถามว่าพามาทำไมแล้วนายรู้รึไงว่าที่นี่ที่ไหน
นั่นดิที่ไหนหว่า
เขามองไปรอบๆ ที่นี่มันไม่มีอะไรซักอย่างนอกจากความมืดและกองไฟ
เฮ้อ...ถ้าไม่รู้จะบอกให้ก็ได้ ที่นี่คือในจิตใจของนายไง
หาว่าไงนะ
ส่วนกองไฟที่อยู่ตรงหน้าพวกเรานี่นะก็คือวิญญาณของนายนั่นแหละ
เฮ่ยจริงดิ เขามองไปที่กองไปตรงหน้าเขา ถ้าตามตำราเวทย์ดวงวิญญาณต้องเป็นไฟสีฟ้าแต่สีนี้มัน
เปลวเพลิงสีส้มบริสุธ ที่ลุกไหม้อยู่บนดาบ12เล่มที่ว่างเรียงกันเป็นวงกลมอยู่บนพื้นทว่า
มันเกิดอะไรขึ้นทำไมเหลือแค่นี้
เปลวเพลิงนั้นเหลืออยู่เพียงน้อยนิดเท่ากับเทียนเล่มเดียว
มันกำลังจะดับแล้วนายก็กำลังจะตาย
อะ...อะไรกันตัวชายหนุ่มเข่าอ่อนลงทันทีที่ได้ยิน ตัวเขานั้นยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยตั้งแต่เกิดแล้วต้องมาตายแบบนี้เนี่ยนะ!?
นายอยากมีชีวิตต่อไหม ชายปริศนาพูดขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะจ้องตากัน
ยะ...อยากสิ
ถ้างั้นก็เอามีดตรงเอวแกปักไปตรงกลางกองไฟนั่นซะ
ตรงเอวของเขามีมีดอยู่เล่มหนึ่งเขาเอามันมาถือในมือ มีดสีฟ้าที่มีด้ามจับทำจากทองตกแต่งด้วยอัญมณีซึ่งเป็นมีดที่เคยปักอกของเขาเมื่อนานมาแล้ว
เร็วสิ
เขาเดินไปไกล้ๆกับกองไฟนั้นและปักมีดมีดเล่มนั้นลงตรงกลางวงดาบ เมื่อปักลงไปเปลวไฟที่กำลังจะดับได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่มาก
โอเค รอดไปที เมื่อพูดจบแสงจากกองไฟก็สว่างจ้าขึ้น จนเขาต้องหลับตา และเมื่อลืมตาขึ้นเขาก็ตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองแล้ว ในสภาพเหงื่อท่วมตัว
เมื่อกี้มันอะไร เขาลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปจอกห้องเพื่อสูดอากาศ ทางเข้าของห้องใต้ดินอยู่แถวสนามฝึกซ้อมพอดี เมื่อออกมาจึงเจอกับลานฝึกซ้อมซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังพักอยู่ที่นี่
เหอะๆ เราคงเครียดมาไปสินะ ใช่เมื่อมาคิดดูดีๆมันอาจเป็นความฝันก็ได้นิ คงเพราะครึ่งปีมานี่มีแต่เรื่องให้ปวดหัวโดยเฉพาะเรื่องเพื่อนสนิดทีกำลังป่วยอยู่ที่โบสถ์โทรมๆ เล็กๆนอกเมือง
แต่แล้วจู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกแปลกเหมือนกับจะมีอะไรระเบิดออกมา ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังขึ้นหน้าเมืองพร้อมกับประประตูเมืองลอยมาตกที่ประตูปราสาท เขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นไปอีกจนตาลายและในที่สุดก็สลบไป
หึๆ คิดว่ามันเป็นความฝันหรอ งี่เงาเสียงนั้นดังขึ้นในหัว เป็นเสียงที่คุ้นเคยเสียงของแซกเกอร์แมน เอ็น
นะ นาย
ใช่ ข้าเอง เสียงตอบกลับมายิ่งเป็นการชีชัดเลยว่ามีปีศาจอยู่ในตัวเขาจริง
ก่อนอืนเลยคินโลข้าขอยึดร้างเจ้าใช้ก่อนนะ
เฮ่ย ไม่ได้ฉันไม่ให้ร้างฉันกับแกแน่เขาพูดทั้งทังที่หลับตา ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเหมือนมันจะดูดเอาพลังของเขาไปหมด
ยังไงเจ้าก็ไม่มีทางเลือก เพราะถ้าเจ้าคุมร่างไว้ตอนนี้มีหวังเจ้าตายแน่
หมายความว่าไง
เมื่อกี้ร่างกายนายเริ่มปรับตัวกับพลังใหม่อยู่จริงๆแค่ให้นายนอนคืนนี้เดียวก็จบ เพียงแต่มันมีปัญหาอย่างเดียว ตอนนี่เมืองที่นายอยู่กำลังถูกกองทัพปีศาจโจมตี
กองทัพปีศาจ! ทำไมมันพึ่งมาบุกตอนนี้แล้วมันฝ่าด่านมาได้ไง
รอบๆเมือหลวงมีเมืองหน้าด่านเอาไว้สกัดทัพของศัตรูอยู่ ถ้ามันถูกโจมตีทำไมถึงไม่ได้ข่าวเลย
เอาเป็นว่าเดียวฉันจัดการทุกอย่างเองนายนะหลับไปซักพักแล้วกัน
เดี๋ยว!
และแล้วความรู้สึกก็กลับมา มันเป็นความรู้สึกสบายอย่างที่เขาไม่ได้รู้สึกมานาน มันเหมือนกับกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ้มๆ เมื่อลืมตาขึ้นเขานอนอยู่บนเตียงสีขาวกลางน้ำที่สะท้อนดวงดาวเหนือเตียงของเขา ความรู้สึกทีไม่ได้สัมผัสมานานทำให้เขาปิดตาลงอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่ตามมา
เฮ่ยแซกปลุกคินโลให้ตืนซึ่งเขาก็ลืมตาในทันที่ต่างจากที่แล้วๆมา ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงเพื่อบิดตัว
หลับสบายไหม?
อือขอบใจ ว่าแต่นายเอาร้างกายของฉันไปทำอะไร?
ก็นิดหน่อยตอนแรกกะว่าจะไปช่วยพวกเพื่อนๆของแกแต่ แซกก้มหน้าลงเหมือนกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
อะไร เกิดอะไรขึ้น เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของคู่สนทนาอย่างใจร้อน ซึ่งอีกฝ่ายปัดมันอย่างใจเย็น
ที่พวกปีศาจบุกมาที่นี่ก็เพื่อเปลี่ยนมนุษย์ที่นี่ให้กลายเป็นปีศาจเหมือนพวกมันแล้วเพื่อนของนายก็เป็นปีศาจไปหมดแล้ว
เป็นคำตอบที่พอรับได้สำหลับเขาเพราะมันก็ยังดีกว่าความตายที่จากไปแบบไม่มีวันหวนคืน
แล้วพวกเธอเป็นยังไงบ้าง เขาถามถึงพวกเธอที่กลายเป็นปีศาจไป เพราะหากมนุษย์กลายเป็นปีศาจจากตำราที่เขาอ่านมาพลังปีศาจจะดึงความรู้สึกที่เจ้าตัวปิดกั้นเอาไว้ออกมาซึ่งถ้าเป็นงั้นจริงไม่แน่ลึกๆแล้วพวกเธออาจรังเกรียดตัวเขาก็ได้
เดียวถ้าแก้เจอพวกเธอเมื่อไหร่แกก็รู้เอง เอาเป็นว่าตอนนี้แกปรอดภัยแล้วเพราะแกกับพวกคนที่เคยรังเกรียดแก ถูกพวกเทพช่วยเอาไว้พอดีเลย
พวกของไรอัน?
ใช่พวกของไอ้ผู้ดีผมทองนั่นแหละ เอาเถอะยังไงก็ได้เวลากลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริงแล้วคินโล
แล้วเขาก็กลับมายังโลกความจริงตอนนี่เขายืนอยู่ในที่ที่มีแต่สีขาวไม่ว่าจะมองไปทางไหน กับหนุ่มสาวอีก50กว่าคนที่กำลังสับสนไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ซึ่งคนพวกนั้นก็เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยแกล้งเขาในอดีด และเมื่อพวกเขาสังเกตุเห็นชายหนุ่มก็พากันเดินถอยห่างและทำท่าทางรังเกรีดใส่ เหมื่อสำรวจตัวเองเขาพบว่าตัวเขาเลอะดินโคลนทังตัวซึ่งก็ไม่แปลกหากพวกคุณหนูลูกผู้ดีอย่างพวกเขาจะถอยห่าง
ทุกท่านได้โปรดเงียบเสียงลงก่อน
เสียงที่สดใส ก้องกังวาน และไพเราะ ดังขึ้นจากนั้นแค่ชั่วพริบตาเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
ผมสีทองยาวถึงเอว ดวงตาสีฟ้า ชวนให้หลงใหล หน้าอกถูกบีบไว้กับเสื้อแน่นจนล้นออก แขนขาวที่เรียวยาวสูงดงามกว่าสิ่งใด สายตาของพวกเราต่างจับจ้องไปที่เธอ เหมือนถูกสะกดให้ละสายตาออกมาไม่ได้
แต่นั่นไม่สำคัญเท่าเรื่องที่เธอกำลังจะพูด
เราชื่ออลิสเป็นเทพธิดาจากสวงสวรรค์ เรามาที่นี่เพื่อขอให้ท่านช่วยเรากำจัดจอมปีศาจ
หลังจากได้ยินเทพธิดาพูดขึ้นดูเหมือนทุกคนเริ่มจะสงบลงบ้าง พวกเขาหันกลับไปตั้งใจฟังเรื่องราวที่เทพธิดากำลังจะเล่าต่อ
เรื่องแรก
เธอบอกว่าเหตุผลที่เลือกพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวที่ได้โดนผลกระทบจากพลังปีศาจในเมือง ในตอนที่ปีศาจเข้าโจมตีเมืองเธอบอกว่าพวกมันปล่อยไอปีศาจออกมาทำให้ คนส่วนใหญ่ในเมืองกลายเป็นปีศาจแต่คนที่อยู่นะที่แห่งนี้สามารถต่อต้านพลังปีศาจได้ ดูเหมือนว่าเธอต้องการพลังของพวกขามาช่วยปราบราชาปีศาจผู้ที่กำลังจะมายึดทวีปที่เธอปกครองอยู่
ให้พวกเราไปปราบราชาปีศาจหรือเรียกง่ายๆว่าให้พวกเราไปเป็นผู้กล้าสินะ ชายหนุ่มคิดอย่างลำบากใจเพาระคำว่า ผู้กล้า มันไม่เหมาะกับเขาเลย เพราะผู้กล้าคือคนที่ได้รับการยกย่อง เชื่อหมั้น และสนับสนุนจากทุกๆคน ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้ ขยะโสโครก
และเทพทิดาตนนั้ก็พูดต่อ
เราแบ่งพลังของเราไปให้พวกเธอทุกคนแล้ว พวกเธอล้วนแต่เป็นกำลังที่สำคัญ
ถ้าพวกเธอร่วมมือกันต้องปราบราชาปีศาจและนำความสงบสุขกลับมายังทวีปนี้ได้เป็นแน่
เมื่อเธอพูดจบก็ก้มหัวต่ำลง
ทุกๆคนในที่นี้คงจะลังเลใจอยู่พวกเขาแสดงมันออกมาทางสีหน้าเรื่องอะไรต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงสินะ สู้ไปก็ไม่ได้อะไร จะสู้ไปทำไมสินะ
แน่นอนฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่มีอะไรตอบแทน
สิ่งที่ทุกคนคิดกลับถูกสวนกลับด้วยคำพูดของท่านเทพธิดา
มีรางวัลให้?มันคืออะไร
ไรอันถามกลับแทนพวกเราทุกคน
อะไรก็ได้ เลือกมาหนึ่งอย่างที่พวกเธอต้องการ
สายตาของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไป สติของพวกเขาเริ่มกลับมา
จะได้ต่อเมื่อ พวกเราเอาชนะราชาปีศาจ?
ใช่แล้ว
ทุกๆอย่างเลยสินะ
"ใช่ ทุกๆอย่างที่พวกเธอต้องการ
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยัง ไรอัน
ท่าทีของไรอันดูเปลี่ยนไปทันทีหลังจากท่าเทพธิดาย้ำชัดมีคนๆเดียวที่สังเกตเห็นแววตาอันแสนเจ้าเล่บนใบหน้าของเขาคนๆนั้นคือคินโลแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผมเข้าใจแล้ว
ไรอันพูดขึ้นขณะที่กำลังเดินไปนั่งข้างหน้าอลิสเหมือนอัศวินทีกำลังถูกแต่งตั้ง
พวกเราจะปราบราชาปีศาจและนำสันติภาพกลับมาสู่ทวีปนี้ซึ่งเป็นทวีปของเราและของท่าน
ใช่ไหมทุกคน
อืม!
ทุกๆคนต่างสนับสนุนเขาอย่างออกหน้าออกตา เหลือแต่คินโลเพียงคนเดียว ที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไรอันหันมาจ้องชายหนุ่ม ด้วยสายตาที่เหมือนจะกินเขาให้ได้
คือ ผมเห็นด้วย ผมเห็นด้วยก็ได้
ในขณะที่คนอื่นๆต่างเห็นด้วยกับไรอันถ้าบอกว่าบอกว่าไม่เห็นด้วยและไม่อยากทำ จะเป็นยังไง
คำตอบอยู่ในสายตาของคนนับ50คู่อยู่แล้ว แต่เมื่อคำตอบออกมาเป็นแบบนั้นทำให้
สายตาของพวกเขาหันกลับไปจ้องมองทาง ไรอัน กับ อลิส เหมือนเดิม
อย่างที่ท่านเห็น...ได้โปรดมอบพลังของท่านแก่พวกเราเพื่อล้มจอมปีศาจด้วย
ไรอันก้มลง จูบลงที่มือของอลิสเบาๆเหมือนอัศวินที่ทำการสาบานว่าจะจงรักภักดี
อึ๋ยโคตรน่าอายเลยไม่อยากจะเชื่อว่าฉันเคยคิดอยากเป็นอัศวินแต่เดี๋ยวเราต้องทำด้วยป่าวหว่าคินโลคิดแบบนั้น
แต่เรื่องที่แย่กว่าคือ อลิสหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังจากเขาจูบลงบนมือ
เอาล่ะ ต่อไปฉันจากส่งทุกคนไปยังพระราชวังของศาสนจักร ขอให้ทุกคนช่วยพระราชาของที่นั่น
ฉันหวังว่าพวกเธอจะเติบโตขึ้นเป็นผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่จากพลังที่ฉันให้พวกเธอทุกคนไป
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา ผมสาบานว่าผมจะโค้นราชาปีศาจลงด้วยมือคู่นี้ให้ได้
เอาหล่ะ...ผู้กล้าทุกคน...เราขออวยพรให้พวกท่านทำสำเร็จแล้วเจอกันใหม่
หลังจากที่ อลิส พูดจบพวกเราทุกคนก็ถูกแสงสีขาวห่อหุ้ม
ไม่นานนัก พวกเขาก็ลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องโถงที่ดูหรูหรา
โคมระย้าที่ใหญ่โตภาพวาดใหญ่ติดเด่นเป็นสง่าอยู่ตามผนัง พรมแดงปูไปตามบันไดต่างๆ
ให้ความรู้สึกที่หรูหราเกินกว่าปราสาทไบเซนไทซะอีก
หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาทางพวกเราเหมือนกับว่ารออยู่แล้วเธอเดินเข้ามาจับมือของไรอันที่ยืนอยู่ด้านหน้าของพวกเราและพูดขึ้นมาว่า
ท่านวีรบุรุษ...ได้โปรดช่วยพวกเราและทวีปอันเทเซียด้วย
และแล้วเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้นโดยความขัดแย้งในใจของคินโล
_______________________________________________________________________________________________________
รูปประกอบเรื่อง
ทวีปเซา (ดินแดนที่คินโลกำเนิดขึ้นมา)
http://image.ohozaa.com/i/083/fzbTzJ.png
ชื่อกระทู้ จึงขอวิสาสะตั้งกระทู้ใหม่เลยนะครับ(หวังว่าจะให้อภัยสักครั้ง)
................................................................................................................................................................................
"Soul in Force"
ตอนที่ 0 จุดจบนี้คือจุดเริ่มต้น
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในขณะที่ห้วงจักรวาลมีเพียงชายรูปงามฝาแฝดสองคนที่ต่อสู้กันเพื่อแย้งชิงความเอ็นดูจากสิ่ง
ที่สร้างพวกเขาขึ้นมา จนเวลาหนึ่งพวกเขาได้สร้างโลกต่างๆขึ้นพร้อมกับสิ่งมีชีวิตอีกคนละสามสายพันธุ์
คนแรกเป็นชายผู้สวมเกราะสีขาวมีแววตาสีเงิน เขาได้สร้างเหล่าเทพ,เอลฟ์และยมทูตพร้อมกับการสร้างภพสวรรค์และโลกวิญญาณ
อีกคนเป็นชายผู้สวมเกราะสีดำมีแววตาสีทอง เขาได้สร้าง ปีศาจ,มาร,และมังกร พร้อมกับโลกปีศาจและโลกมาร
และแล้วพวกเขาก็ได้เริ่มทำสงครามกันอีกครั้งบนดาวที่รกร้างดวงหนึ่ง เสียงโห่ร้องเสียงดาบกระทบกัน
เสียงระเบิดตูมตามดังไม่หยุด สองผู้นำต่างใช้ดาบประจำตัวต่อสู้กันโดยไม่สนใจสิ่งที่อยู่รอบตัวเลยซักนิด
จาการต่อสู้เพื่อต้องการความสนใจ กลับกลายเป็นสงครามเพื่อแย้งชิงพลังอันยิ่งใหญ่ของสิ่งที่
พวกเขาเรียกว่า'พระเจ้า' จนวันหนึ่งผู้นำทั้งสองก็ได้รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการครอบครองนั้นได้หายไปแล้ว และเมื่อ
พวกเขาหันกลับไปมองสิ่งที่พวกเขาทำ มันมีแต่ความสูณเสียสิ่งมีชีวิตล้มตายมากเกินกว่าจะรับได้ ในขณะที่พวกเขา
ได้แต่สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป บนท้องฟ้าได้มีแสงสีทองสาดส่องไปทั่วเอกภพแสงนั้นทำให้ซากศพจากสงคราม
จมลงไปในดินแล้วเกิดเป็นธรรมชาติขึ้นมาจนดาวที่รกร้างว่างเปล่ากลับกลายดาวทีสวยงาม และขี้เท่าจากสงคราม
ได้ก่อเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ที่เรียกว่า 'มนุษย์'
แสงนั้นหายไปเหล่าสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มกลับไปยังภพของตน ผู้นำทั้งสองได้สาบานต่อดาวดวงนั้นว่าจะไม่ต่อสู้กันอีก
แล้วทั้งสองก็หายตัวไป ทว่าคำสาบานที่ทำไว้นั้นไม่ได้มีครอบคลุมถึงลูกหลานที่พวกเขาสร้างขึ้นมา เเล้วเมื่อ
มหาสงครามกลับมาอีกจะมีบรุษผู้เป็นความหวังมาตัดสินผลสงครามบนดาวดวงนั้นที่มนุษย์เรียกว่าโลก
_________________________________________________________________
บันทึกแห่งจุดจบสงครามและการเริ่มต้นของทุกสิ่ง
บัญญัติโดย Dark(ดาร์ค)ผู้นำแห่งโลกมารและโลกปีศาจ
God(ก็อต)ผู้นำแห่งภพสวรรค์และโลกวิญญาณ
__________________________________________________________________
หลายพันปีต่อมา มนุษย์ได้พัฒนาความรู้และเทคโนโลยีในด้านต่างๆจนก่อสงครามของมนุษย์ขึ้นเอง ซึ่งไม่ได้ใช้แค่เทคโนโลยี แต่ทุกประเทศงัดทุกๆอย่างมาใช้ไม่เว้นแม่แต่เวทมนต์หรือปีศาจ บางฝ่ายใช้ เทคโนโลยีบวกกับอำนาจเทพ บ้างใช้ เทคโนโลยีบวกกับอำนาจปีศาจ แต่สิ่งที่เป็นพลังที่แท้จริงของของทุกฝ่ายคืออัศวิน จอมเวทต์ ผู้มีพลังพิเศษ และ เวทมนต์จนกระทั้งยุคสงครามยุติลง
ผลกระทบจากสงครามทำให้โลกขยายตัวขึ้น3เท่าจึงเกิดเป็นทวีปขนาดใหญ่หลายทวีป และมีทวีปหนึ่งเกิดการแบ่งดินแดนขึ้นมา
4อนาจักคือ 1.คอนแสตนตินโนเปิล 2.อาณาจักมังกรแสง 3.วิทาเนีย และ 4.วิลลาออดิโทเล แต่ถึงมหาสงครามจะยุติลงก็ยังมีสงครามเกิดขึ้นอยู่บ้างและเพราะสงครามครั้งก่อนที่ทำให้ ผู้คนที่เคยอยู่ในเงามืดได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก (จอมเวทต์ ผู้มีพลังพิเศษ) นับวันผู้คนเหล่านี้เริ่มจะแพร่กระจายกันอยู่ตามทั่วทุกมุมโลก บางคนก็ได้ยกย้องคนพวกนั้นเป็นดั่งพระเจ้าแต่บางคนกลับดูถูกพวกเขาว่าเป็นได้แค่ปีศาจ และเพราะจำนวนที่เพิ่มขึ้นจึงใด้มีการแบ่งชนชั้นขึ้นมาซึ่งรู้กันแค่ในกลุ่มจอมเวทต์กับผู้มีพลังพิเศษเท่านั้น
50ปีต่อมานะปราสาทหลวงอนาจักวิลลาออดิโทเล
"ฝ่าบาท"หญิงรับใช้คนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมา
"มีอะไร ไม่เห็นรึไงว่าข้ากำลังยุ้ง" ชายวัยกลางคนกำลังเคลียเอกสารที่กองเถ้าภูเขาด้วยถ้าทีรีบร้อนอยู่บนโต๊ะ
"พระนางมาเรียกำลังจะให้กำเนิดบุตรแล้วคะ"
"...หา!" ชายวัยกลางคนซึ่ง(น่าจะ)เป็นราชาพอได้ข่าวก็หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วรีบวิ้งไปยังห้องทีชายาของตนเองทันที
เมื่อถึงที่หมายเขารีบพลักประตูเขาไปเพื่อดูเด็กที่เกิดมาโดยไม่สังเกตุเหล่าคนใช้ที่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงมุมกำแพง
"มาเรียในที่สุดเจาก็ให้กำเนิดบุตรให้เราแล้วสินะ...นี่มันอะไรกัน!" พอราชาอุ้มห่อผ้าของเด็กน้อยขึ้นมาดูก็ตกใจ เพราะในห่อผ้ามันคือเส้นเลือดสีดำปนแดงที่จับตัวกันเป็นก้อนกำลังขยับไปมาก่อนมันจะขดบิดตัวเองและสร้างหนังคนขึ้นมาจนมีรูปร่างเหมือนเด็กทารกพร้อมกับสงเสยีงร้องออกมา
1วันหลังจากนั้น
"ท่านปราชญ์ลูก...ไม่สิ เด็กคนนีเป็นตัวอะไรกันแน่" ราชาถามอย่างเคร่งเครียดปนความหวาดกลัวพรางจ้องไปทีเด็กซึ่งอยู่บนแท่นกลางห้องโถง
ตอนนี้เด็กน้อยอยู่ในห้องท้องพระโลงพร้อมกับ ขุณพล ราชินี นางสนมและอืนๆอีกน้อยนิด เพราะเรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ
ซึ่งตอนนี้นอกจากปราชญ์ที่คุกเข่าอยู่หน้าบัลลังแล้วทุกคนที่อยู่ในห้องล้วนเป็นคนในราชวงศ์ทั้งสิ้น
"ขอข้าดูหน่อยใด้ใหมท่านราชา" ปราชญ์ถามแต่ตานั้นจ่องไปยังเด็กที่หลับอยู่แท่นวาง
"เชิน"
"หือ...โอ้!นี่มันอะไร" ปราชพูดออกมาก่อนจะถอยหลังออกจากเด็ก "เด็กคนนี้มีพลังของปีศาจอยู่และ..."ท่านปราชญ์พูดออกมาเบาๆแต่ทุกคนในห้องก็ได้ยินกันหมดและแทนที่จะพูดต่อเขากลับเงียบเอาไว้
"จริงๆด้วยสินะ...ฆ่าเด็กคนนี้ซะ" ราชาสั่งท่ามกลางเสียงฮือฮาของเหล่าคนในราชวงศ์ แต่แล้วนักปราชญ์คนเดิมก็ห้ามเอาไว้ก่อน
"ท่านราชาคิดดีแล้วหรือที่จะสั่งประหารบุตรชายของตัวเอง ถึงเด็กคนนี้อาจมีพลังปีศาจอยู่ในตัวแต่การที่จะสังหารลูกของตัวเองนะมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสำหรับราชาผู้ปกครองแดนหนึ่งในศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทพเช่นท่านจริงไหม" ปราชญ์พูดขึ้นก่อนแสยะยิ้มแล้วหันไปดูเด็กทารก
"แล้วท่านจะให้ฆ่าทำไงเป่าประกาศว่าฆ่ามีลูกแป็นปีศาจแล้วให้ประนามราชวงศ์ ของฆ่านะเหรอ!"ราชาตะโกนบอกพร้อมกับทุบลงบนที่วางมือ
"ใจเย็นๆท่านราชา ผมขอแนะนำให้นำเด็กคนนี้ใว้ในหอคอยดำ และอย่าปล่อยให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนของราชวงศ์เห็นโดยเด็ดขาดยกเว้นคนใช้ซึ่งมีได้แค่2คนเท่านั้นพร้อมกับคนคอยตรวจดูคนรับใช้ว่า เอาความรับเรื่ององชายไปปูดหรือไม่และถ้าทำก็ให้ฆ่าได้เลยพอโตขึ้นก็ให้เขาเป็นแค่คนใช้ก็พอ"
"งั้นก็ประกาศออกไปว่าโอรสชายลำดับที่3แห่งราชวงศ์ออดิโทเลสิ้นพระชนม์แล้ว จะไม่มีการเผาฝังหรือทำการได้ๆทั้งสิ้น" ราชาประกาศอย่างกู่ก้อง นับแต่นั้นมาองชายลำดับที่3แห่งราชวงศ์ออดิโทเลก็ถูกลบออกไป
หลังจากนั้นไม่นานพระนางมาเลียก็ได้คลอดบุตรตรีขึ้นมาเป็นลำดับที่8ถ้ารวมกับนางสนมคนอื่นของราชวงศ์ แล้วตั้งชื่อให้ว่า นานาลี
และด้วยความน่ารักอ่อนโยนและใสซื้อทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนจนแม้แต่กษัตริย์จากเมืองต่างๆก็หมายจะแนะนำบุตรชายของตนเองให้องหญิงน้อย
5ปีต่อมา
ทั้งเมืองและปราสาทหลังใหญ่กำลังจะมีงานฉลองเพราะวันนี้เป็นวันเกิดขององหญิงคนสุดท้องลำดับที่8 นานาลี
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กที่นั้งอยู่ริมหน้าต่างในหอคอยที่มืดมิด จนเสียงประตูเปิดออกพร้อมกับพระนางมาเรียก้าวท้าวเข้ามาจ้องมองเด็กชายที่นั้งอยู่ริมหน้าต่างท่ามกลาแสงจันทร์ที่ส่องลงมา
"ท่านแม่หรอ ท่านมาทำอะไรที่นี้ท่านหน้าจะอยู่ในงานพิธีกับน้องของข้าไม่ใช้เหรอ" เด็กทารกในตอนนั้นโตขึ้นมาเป็นเด็กน้อยที่มีผมสีดำมันเงา และตาสีน้ำเงินเข้มบวกกับหน้าตาที่หล่อเหล่าทั้งทียังเด็กแต่ก็ซ้อนความซุกซนไว้ ซึ้งขัดกับน้ำเสียงที่ดูจริงจังปนกับความเป็นห่วงและสีหน้าที่ยิ้มน้อยๆให้ผู้เป็นมารดา
"แม่แค่เป็นห่วงเจ้านะ...เจ้าไม่อิจฉาหรือโกรธคนอื่นเลยหรอที่ทำกับเจ้าแบบนี้" ผู้เป็นมารดาถามด้วยสีหน้าเฉยเมยอันเป็นเอกลักของเธอเอง
"โกรธหรอ? ไม่ ข้าไม่เคยโกรธเลยท่านแม่เพราะนั้นคือครอบครัวของข้าและข้าก็แยกแยะออกว่าอันให้ถูกอันไหนผิด"
เด็กชายบอกพร้อมกับทำให้มีปรสิธ(พลังในตอนนั้น)ไหลผ่านมือไปมา
"แต่อย่างน้อยเจ้าก็หน้าจะระบายอารม์ออกมาสิอา..." ขณะที่มาเรียกำลังจะเอ่ยชื่อ เด็กน้อยก็ยกมือขึ้นมาห้าม
"ข้าไม่ได้ชื้อนั้นอีกต่อไปแล้วท่านแม่ ต่อไปนี้ข้าจะไม่ใช้ชื่อของราชวงศ์อีกต่อไปตอนนี้ชื่อของข้าคือ คินโล"
ในคืนนั้นทุกคนในปราสาทไปงานฉลองกันจนหมดยกเว้นเด็กน้อยคินโลที่นอนหลับพร้อมกับน้ำตาแห่งความเหงา
แต่แล้วหน้าต่างก็ถูกเปิดออกโดยมีผู้ชาย3คนเขามาในห้องหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดมิด...
ช้าววันต่อมา
"คุณคะ" มาเรียก้าวเข้ามายังหน้าบัลลังด้วยสีหน้าจริงจังไม่เหมือนทุกที
"มีอะไรหรอมาเรีย"ราชานั่งอยู่บนบัลลังอย่างสบายใจไม่ใช่เพราะเคลียเอกสารเสร็จแต่เพราะมีบางอย่างถูกกำจัดไป
"ลูกชายคนทีสามของท่านหายตัวไปแล้ว"
"งั้นหรอ" ราชาพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย
"นี่ท่านทำอะไรกับลูกของเรากัน" มาเรียถามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมก้าวเข้าหาสามีของนางอย่างเอาเรื่องจนองครักษ์ต้องมาห้ามไว้
"ทำอะไรนะหรอก็ทำในสิ่งที่ควรทำไง...เมื่อคืนเป็นงานวันเกิดของนานาลี้ลูกคนแรกของเจ้ากับข้า และเพื่อให้เป็นแบบนั้นก็ควรกำจัดไอ้เด็กนั้นไปซะ" ราชาบอกด้วยน้ำเสียงสะใจนิดๆ
"ท่านทำใด้ยังไงกันนั้นมันลูกของเรานะ" มาเรียพอใด้ยินเขาก็ถึงกับเข่าอ่อนแล้วก็ล้มลงด้วยสีหน้าที่เหมือนคนตาย
"เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสินะ...ไอ้เด็กนั้นมันไม่ใช้ลูกของฉัน!
10ปีต่อมา
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังเดินอยู่ในสถานที่ที่เขาไม่รู้ว่ามันคือที่ใหน มีเพียงเสียงเพลงอันไพเราะ ทางเดินปูด้วยพรมสีเเดงพนังทำจาก หินอ่อน
และแสงสลัวๆเขาเดินตามเสียงนั้นไป จนมาถึงบันไดหินอ่อนทีปรายสุดมีประตูสีขาวเขาเข้าก้าวขึ้นบันไดไปเปิดประตูทุกอย่างเงียบลงและหายไปหมือนกับกลุ่มควัน
แล้วเขาก็ตื่นขึ้นมา
เสียงและน้ำฝนที่ตกลงมาทำให้ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นโดยยังมีสีหน้าที่มึนงง ที่นี่เป็นห้องที่ทำจากไม้แคบๆ เตียงที่เขานอนก็ทำจากฟางแข็งๆ หลังคามีรอยรั่วหลายจุด
"เฮ้อ ขอต้อนรับกลับสู่โลกแห่งความจริงนะ อามาโนะ เจมส์ คินโล"
วันเวลาแห่งคำสาปของเจ้าจะยังคงเดินต่อไปหากเจ้าเชื่อว่ามันเป็นคำสาป
หญิงแก่ผมขาวคนหนึ่งนั่งแกะสลักไม้อยู่หน้าเตาผิงและพูดกับชายอีกคนที่กำลังจะเปิดประตูเพื่อออกไปแต่เขาก็ต้องหยุดชะงังและหันกลับมาฟังสิ่งที่หญิงแก่กำลังจะบอก
นานมาแล้วในทวีปทางตอนใต้ของโพ้นทะเล มีดินแดนที่ถูกสาปโดยหมู่มารนาม ออนโด
นางกวักมือให้ชายหนุ่มเขาไปใกล้ๆ แล้วยื่นไม้แกะสลักของนางให้ชายหนุ่ม
รับมันไว้แล้วเมื่อเจ้าไปยังที่แห่งนั้น และซักวันสิ่งนี้จะเป็นเครื่องนำทางให้ดวงตาที่มืดบอดของเจ้า
ชายหนุ่มรับไม้แกะสลักรูปหญิงประสานมือไว้ที่อก มาแล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
ตอนที่1 ยามเมื่อตำนานเริ่มต้น
ครึ่งปีต่อมา
ณ ลานฝึกซ้อมกองทหาร
เหล่าชายหญิงอายุราวๆ16-17กำลังมุงดูชายหนุ่มผมสีทองในชุดอัศวิน ซ้อมชายผมสีดำตาสีน้ำเงินเข้มอยู่
เฮ้ย...! ลุกขึ้นมาดิวะ ไอ้กระจอก!
สิ้นเสียงชายคนหนึ่งได้ถูกเตะโดยเจ้าของเสียงเข้าไปที่บริเวณท้อง จนตัวงอเป็นกุ้งซึ่งไม่วายเจ้าของเสียงได้ใช้เท้าเหยียบมันลงไปที่หัวอีกจนหน้าแทบติดพื้น
สำหรับแก...แค่พื้นโสโครกนี่ก็หรูแล้ว จูบมันไปซะ
และแล้วเขาก็เพิ่มแรงเหยียบจนหน้าชายผมดำกระแทกกับพื้นอย่างจัง
อี๋... ขยะแขยงจัง
นั่นสิแค่ต้องหายใจร่วมอากาศเดียวกับมันก็อยากตายแล้ว
รีบๆหายไปซักทีสิ อยู่ไปก็รกโลกแกนะ
พวกผู้หญิงที่นี่ยิ่งแล้วใหญ่ มองชายผมดำต่ำกว่าขยะโสโครก
ชายผมทองมีชื่อว่าไรอัน เรวิสตัน เป็นคนที่เรียนเก่งฉลาด สอบได้ที่1ของทั้งชั้นปีแถมยังได้รางวัลต่างๆมามากมาย นอกจากนี้ตระกูลเขายังเป็นขุนนางในวังหลวงอีก ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรคนอื่นก็ยอมรับ
นับถือ ถึงแม้เขาจะกดขี่ข่มเหงชายผมดำยังไง คนอื่นก็ๆจะคิดว่าเขาเป็นคนผิดไปซะหมด แต่ภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็เหมือนกับลูกคนมีตระกูลทั่วไปคือเขาต้องได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ และแน่นอน
ต้องมีคนอยากสนิทกับเขาแน่ซึ่งทำได้ไม่อยากแต่ช่วยสนับสนุนเขาก็พอ อย่างเช่นที่อันซิเอลเดินเข้ามาและกระทืบพร้อมกับเตะเข้ามาที่ท้อง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่ามกลางผู้คนที่กำลังหัวเราะเยาะชายผมดำ
เหตุผลที่ชายผมดำถูกแกล้งนะเหรอมันคงต้องเริ่มจากครึ่งปีก่อน .
ชายผมดำมีชื่อว่า อามาโนะ เจมส์ คินโล เขาเข้ามาสมัครเป็นอัศวินให้กับราชอาณาจักรไบเซนไทเพื่อหาเงินไปซ่อมโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเคยอาศัยอยู่ พร้อมๆกับเอลฟ่า เอลฟ์ที่โตมาด้วยกัน แต่แล้วเรื่องก็
เริ่มขึ้น ในวันที่สมัครไรอันดันจำคินโลได้ว่าเคยเป็นคนรับใช้ในวังหลวงและโดนไล่ออกไป ตามหลักของประเทศนี้นั้นมีการแบ่งวรรณะอยู่คือ กษัตริย์-ขุนนาง-ประชาชน-คนจรจัด และคนที่จะสมัครเป็นอัศวินได้
จะต้องเป็นคนที่ไม่ต่ำกว่า ประชาชนแต่คินโลเคยถูกไล่ออกโดยขุนนางมาแล้วตอนนี้เลยอยู่ในวรรณะคนจรจัด ผลสุดทาย เอลฟ่า ได้เป็นอัศวินฝึกหัดแต่คินโลตอนนี้ได้เป็นแค่ทหารยศต่ำและเพราะเป็นคนจร
จัดคนเดียวในประเทศที่หน้าด้านเข้ามาสมัคเป็นทหารเพราะคนจรจัดส่วนใหญ่มักทำงานในเหมืองแร่ คินโลเลยถูกแกล้งจนปัจจุบัน
เมื่อไรอันเห็นว่าคินโลสลบไปแล้วเขาจึงกะโกนขึ้นว่า
เฮ้ยพวกเรา ปล่อยเจ้านี่ไว้แบบนี้แล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า แล้วคนเหล่านั้นก็เดินจากไปโดยทิ้งให้คินโลนอนกองอยู่อย่างนั้น
เมื่อเห็นว่าทุกคนไปหมดแล้วเขาจึงลุกขึ้นปัดฝุ่นก่อนจะมีเสียงผู้หญิงดังมาจากข้างหลัง
ทำไมนายไม่อัดพวกมันไปซักที่สองที่ละคินโลเสียงนั้นเป็นของ กวิน เฟเทอร์ โฮส เธอเป็นหัวหน้าหน่วยที่คินโลประจำอยู่และรับหน้าที่ครูฝึกของทหารเข้าใหม่แต่ดูเหมือนเธอจะเอ็นดูตัวเขาเป็นพิเศษ
ก็ถ้าผมทำแบบนั้นมีหวังถูกไล่ออกกันพอดี ใช่ถ้าถูกไล่ออกทุกอย่างก็จบ เหตุผลที่มาสมัคก็เพื่อเงิน ใช่เงินเท่านั้นเพื่อนำเงินไปซ่อมโบสถ์ และช่วยเอเลน่าเพื่อนสมัยเด็กที่นอนป่วยอยู่ที่นั่นเขาต้องการเงิน
เพราะอย่างนั้นตอนนี้จะถูกไล่ออกไม่ได้
เฮ้อ...เลิกคิดเรื่องหยุมหยิมแล้วไปหาอะไรกินดีกว่าน่าคินโล
ได้สิ ถ้าคณเลี้ยงนะ
อึ๋ย! ขี้งกอย่างนี้ระวังจะไม่มีสาวมาสนใจนะคินโล
เหอะๆ ถึงไม่ขี้งกยังไงก็ไม่มีสาวสวยๆมาสนใจอยู่แล้วนี่ครับ แล้วคินโลก็เดินไปยังร้านอาหารพร้อมกับหัวหน้าหน่วยของเขา
ถึงจะบอกว่าไปร้านอาหารแต่ที่ๆพวกเขามาถึงคือร้านเหล้าใกล้ๆกับค่ายทหารในเมือง
เป็นเพราะคินโลเป็นคนประเภทไม่ค่อยดื่มจึงกินแต่กลับแกล้ม ส่วนเฟเทอร์ก็คงจะเดาได้ไม่ยากเพราะเธอเมาเละตั่งแต่เหล้าเข้าปากแล้ว
ผ่านมาได้ชั่วโมงพระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้วคงถึงเวลาที่จะพาหัวหน้าหน่วยคนสวยที่หลับคาโต๊ะคนนี้กลับห้องแล้ว เวลาเฟเทอร์เมาเละที่ไรเขาต้องเป็นคนแบกเธอพาไปที่ห้องพักทุกทีจนกลายเป็นกิจวัตประจำ
วันไปแล้ว เมื่อถึงห้องเขาโยนเธอลงบนเตียงแล้วออกไปอย่างเงียบๆ เพื่อไปทำกิจวัตประจำวันอีกอย่าง
เขาเดินไปยังป่านอกเมืองซึ่งที่นั้นเป็นที่มีพลังวิญญาณสูงที่กลางป่านั่นมีต้นไม้ที่ชื่อต้นไม้หิ่งห้อยอยู่ เหตุผลที่ชื่อนี้ก็เพราะที่ต้นไม้มีหิ่งห้อยวิญญาณอาศัยอยู่ ว่ากันว่าหิ่งห้อยพวกนี้คือภูตป่าที่เหลือเพียง
วิญญาณเมื่อเขามาถึงไต้ต้นไม้นั่นมีเอลฟ์ผมทวินเทลเรืองแสงนั่งกอดเข่าอยู่เธอสวมชุดที่เหมือนใบไม้และสะพายธนูขนาดเท่าตัวเธอไว้ที่หลัง
เฮ้ เอลฟ่า
เขาเดินเข้าไปทักเธอซึ่งเธอมองเขาด้วยหางตา
จะค่ำแล้วนะ กลับกันเถอะ
เขายิ้มกริ่มและยื่นมือมาหวังจะฉุดเอลฟ่าให้ลุกขึ้นและเธอกลับปัดมือเขาทิ้ง
รำคาญน่า!! ไปให้พ้น! อย่ามายุ่งกับฉัน!!!!
เหอะๆเป็นแบบนี้ทุกทีเธอคนนี้คือ เอลฟ่าอัล เธอเป็นฮาล์ฟเอลฟ์ลูกครึ่งเอลฟ์ที่เกิดจาก พ่อมนุษย์ กับ แม่เอลฟ์ ทั้งมนุษย์และเอลฟ์ก็ล้วนแต่รังเกียจฮาล์ฟเอลฟ์ทั้งนั้น และเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากที่สูญ
เสียพ่อแม่ไปแต่ยังเล็ก เธอก็ต้องเอาชีวิตรอดด้วยตนเองไม่เคยหวังพึ่งพาใครจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอมีนิสัยหยิ่ง หงุดหงิดง่าย และเจ้าอารมณ์มาก แต่จริงๆแล้วก็มีด้านที่อ่อนไหวและอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน เลยไม่
สบายใจที่บางครั้งเธอก็ใช้อารมณ์จนทำร้ายความรู้สึกคนอื่นบ่อยๆ
"เอเลน่า"ช่วยเธอไว้จากสัตว์ประหลาดใกล้กับศาสนจักรก่อนจะบังคับคล้ายๆให้กลับไปด้วยกัน เธอจึงได้อาศัยอยู่ที่โบสถ์ซึ่ง"คินโล"กับเอเลน่าอาศัยอยู่ด้วย เนื่องจากเธอเป็นนักธนูฝึกมือเยี่ยมทั้งยังมีพรสวรรค์
ด้านเวทมนต์และสามารถอัดพลังเวทมนต์เข้าไปในธนูแล้วยิงออกไปได้ ด้วยคำแนะนำของคินโลกับเอเลน่า เอลฟ่าจึงได้เข้าเป็นทหารศาสนจักรแล้วก็ได้รับพรจากเทพให้กลายเป็นอัศวินในเวลาไม่นานนัก
เธอไม่ชอบอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยมนุษย์และมักใช้เวลาส่วนใหญ่คนเดียวในป่าใกล้กับเมืองมากกว่า เวลามีคำสั่งจากศาสนจักรหรือเวลาใกล้มืดค่ำก็เป็นหน้าที่ของคินโลที่ต้องไปตามเธอ และเธอยังไม่ให้ความ
ร่วมมือ
แต่นี่มันจะมืดแล้วนะถ้าไม่รีบกลับเดียวมันจะ...
หนวกหูน่า! ไม่ต้องบอกฉันหรอกน่าฉันรู้อยู่แล้วเข้าใจมั๊ย? ฉันเกลียดพวกมนุษย์ที่สุด! ฉันไม่อยากเห็นหน้านายด้วยซ้ำฉะนั้นไม่ต้องโผล่ให้เห็นมาเลย! ไปให้พ้นซะเจ้างั่ง!
เธอพูดพร้อมกับเขวี้ยงหินมาทางคินโล แต่เขากลับไม่หลบ หินเลยกระแทกหัวคินโลเต็มๆ
อุ๊ย! ป...เป็นอะไรหรือเปล่า เธอถามเขาทั้งๆที่เป็นคนเขวี้ยงมาเองเนี่ยนะ?
อืม .ไม่เป็นไรหรอก เขาพูดพร้อมจับบริเวณหน้าผากที่ถูกหินเขวี้ยงใส่ ทำให้มีเลือดซึมออกมานิดหน่อย
ข...ขอโทษนะ ฉ...ฉันไม่ตั้งใจ
บอกว่าไม่เป็นไรไง เอลฟ่า ใช่แค่นี้ไม่เป็นไรถ้าเทียบกับที่โดนยำมาตลอดแค่นี้ยังจิ๊บๆ อีกอย่างไม่กี่วินาทีมันก็หายเอง
ฉันไปก่อนนะ อย่าอยู่นานนักละเดียวเอเลน่าจะเป็นห่วง พูดจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่ได้เห็นสีหน้าและน้ำตาของเธอเลย
ในขณะที่กลับเขามาในเมืองนั้นเองเขาได้เดินสวนทางกับหญิงสาวผมสีเงินสั้นคนหนึ่ง เธอใส่ชุดอัศวินสีขาวเต็มยศ ชาวบ้านต่างทักทายเธอด้วยความเคารพเพราะเธอคือ จอมอัศวินหญิงอันดับ 1 แห่งราช
อาณาจักร
เฟอร์ดินานด์ เชา นัวฮาร์ท ไม่มีใครในทวีปนี้ไม่รู้จักชื่อของเธอ ชื่อที่คนในทวีปนี้คิดว่าจะกลายเป็นความหวัง ชื่อที่ทุกคนคิดว่าจะกลายเป็นผู้กล้าในตำนาน แต่สำหรับชายหนุ่มเธอคือคนเพื่อนที่เคยเล่นด้วยกัน
ตอนเด็กแต่ตอนนี้เธอคือ เฟอร์ดินานด์ เชา นัวฮาร์ท จอมอัศวินหญิงอันดับ 1 แห่งราชอาณาจักร ที่แข็งแกร่งที่สุด ที่สำคัญเธอเป็นคู่หมั้นของ ไรอัน เพราะผู้คนที่อยู่รอบกายก็มีแต่คนที่พ่อและราชอาณาจักรคัด
สรรแล้วว่าคู่ควรจะเป็นเพื่อนของอัศวินหญิงอันดับ 1 ลูกน้องของอัศวินหญิงอันดับ 1 คนรับใช้ของอัศวินหญิงอันดับ1 มารวมอยู่ด้วยกัน ส่วนตำแหน่งของตัวชายหนุ่มคือทหารยศต่ำซึ่งจะเป็นเพื่อนหรือลูกน้องก็ไม่เหมาะทั้งนั้น ไม่มีทางมาอยู่ใกล้ชิดกับเธอได้ ภายใต้ระเบียบของราช อาณาจักร เธอจึงไม่อาจไปหาคินโลได้ต่อได้ได้เจอกันโดยบังเอิญก็ตาม
เขาเดินมายังชั้นใต้ดินของปราสาทที่ซึ่งเป็นห้องเก็บของเก่าๆและห้องพักของเขาเอง
เป็นเพราะการกดขี่ข่มเหงของไรอันทำให้เขาต้องมาพักที่นี่ซึ่งเขาก็ไม่ติดใจอะไรขอแค่มี่ที่นอนก็พอ เขาถอดเสื้อออกเหลือแต่กางเกงเผยให้เห็นรอยแผลทั่วตัว แผลพวกนี่ไม่ได้เกิดจากการแกล้งของพวกลูนันแต่เป็นแผลจากการเดินทางอย่างโชกโชนของเขาตังหาก เขาล้มตัวลงนอนบนฟูกบางๆบนพื้นคาดว่าน่าจะเป็นที่นอนแล้วหลับไป
เฮ่
หือ?
เฮ่ แปะ เปะ
ใครนะ
เฮ้ย! ลืมตาขึ้นสิ
อะไรกันพึ่งนอนเอง
ถ้านายลืมตา ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ให้ฟัง
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นทันที ตอนนี้เขายืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้มีแต่ความมืด ด้านหน้ามีกองไฟเขาเดินไปที่กองไฟนั้น และที่กองไฟนั่นก็มีชายอีกคนยืนอยู่
ไง ได้เจอกันซะทีนะ
กะ...แกเป็นใคร
ชายคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ เขามีร่างกายเป็นสีดำสนิทและมีรอยสักสีทองทั่วทั้งตัว ผมของเขาเป็นไฟสีดำ มีดวงตาปีศาจสีแดงและที่แขนมีโซ่พันอยู่ถึงไหล่
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ
ถามแบบนั้นจะตอบว่าไงดีเอาเป็นว่าอย่างนี้ละกันข้าคือเทพอสูรวันสิ้นโลกแห่งสงครามชื่อ แซกเกอร์แมน เอ็น
เทพอสูรวันสิ้นโลก...ก็ไม่ร้ว่ามันคืออะไรนะแต่นายพาฉันมาที่นี่ทำไม
ถ้าถามว่าพามาทำไมแล้วนายรู้รึไงว่าที่นี่ที่ไหน
นั่นดิที่ไหนหว่า
เขามองไปรอบๆ ที่นี่มันไม่มีอะไรซักอย่างนอกจากความมืดและกองไฟ
เฮ้อ...ถ้าไม่รู้จะบอกให้ก็ได้ ที่นี่คือในจิตใจของนายไง
หาว่าไงนะ
ส่วนกองไฟที่อยู่ตรงหน้าพวกเรานี่นะก็คือวิญญาณของนายนั่นแหละ
เฮ่ยจริงดิ เขามองไปที่กองไปตรงหน้าเขา ถ้าตามตำราเวทย์ดวงวิญญาณต้องเป็นไฟสีฟ้าแต่สีนี้มัน
เปลวเพลิงสีส้มบริสุธ ที่ลุกไหม้อยู่บนดาบ12เล่มที่ว่างเรียงกันเป็นวงกลมอยู่บนพื้นทว่า
มันเกิดอะไรขึ้นทำไมเหลือแค่นี้
เปลวเพลิงนั้นเหลืออยู่เพียงน้อยนิดเท่ากับเทียนเล่มเดียว
มันกำลังจะดับแล้วนายก็กำลังจะตาย
อะ...อะไรกันตัวชายหนุ่มเข่าอ่อนลงทันทีที่ได้ยิน ตัวเขานั้นยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยตั้งแต่เกิดแล้วต้องมาตายแบบนี้เนี่ยนะ!?
นายอยากมีชีวิตต่อไหม ชายปริศนาพูดขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะจ้องตากัน
ยะ...อยากสิ
ถ้างั้นก็เอามีดตรงเอวแกปักไปตรงกลางกองไฟนั่นซะ
ตรงเอวของเขามีมีดอยู่เล่มหนึ่งเขาเอามันมาถือในมือ มีดสีฟ้าที่มีด้ามจับทำจากทองตกแต่งด้วยอัญมณีซึ่งเป็นมีดที่เคยปักอกของเขาเมื่อนานมาแล้ว
เร็วสิ
เขาเดินไปไกล้ๆกับกองไฟนั้นและปักมีดมีดเล่มนั้นลงตรงกลางวงดาบ เมื่อปักลงไปเปลวไฟที่กำลังจะดับได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่มาก
โอเค รอดไปที เมื่อพูดจบแสงจากกองไฟก็สว่างจ้าขึ้น จนเขาต้องหลับตา และเมื่อลืมตาขึ้นเขาก็ตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองแล้ว ในสภาพเหงื่อท่วมตัว
เมื่อกี้มันอะไร เขาลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปจอกห้องเพื่อสูดอากาศ ทางเข้าของห้องใต้ดินอยู่แถวสนามฝึกซ้อมพอดี เมื่อออกมาจึงเจอกับลานฝึกซ้อมซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังพักอยู่ที่นี่
เหอะๆ เราคงเครียดมาไปสินะ ใช่เมื่อมาคิดดูดีๆมันอาจเป็นความฝันก็ได้นิ คงเพราะครึ่งปีมานี่มีแต่เรื่องให้ปวดหัวโดยเฉพาะเรื่องเพื่อนสนิดทีกำลังป่วยอยู่ที่โบสถ์โทรมๆ เล็กๆนอกเมือง
แต่แล้วจู่ๆก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกแปลกเหมือนกับจะมีอะไรระเบิดออกมา ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังขึ้นหน้าเมืองพร้อมกับประประตูเมืองลอยมาตกที่ประตูปราสาท เขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นไปอีกจนตาลายและในที่สุดก็สลบไป
หึๆ คิดว่ามันเป็นความฝันหรอ งี่เงาเสียงนั้นดังขึ้นในหัว เป็นเสียงที่คุ้นเคยเสียงของแซกเกอร์แมน เอ็น
นะ นาย
ใช่ ข้าเอง เสียงตอบกลับมายิ่งเป็นการชีชัดเลยว่ามีปีศาจอยู่ในตัวเขาจริง
ก่อนอืนเลยคินโลข้าขอยึดร้างเจ้าใช้ก่อนนะ
เฮ่ย ไม่ได้ฉันไม่ให้ร้างฉันกับแกแน่เขาพูดทั้งทังที่หลับตา ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเหมือนมันจะดูดเอาพลังของเขาไปหมด
ยังไงเจ้าก็ไม่มีทางเลือก เพราะถ้าเจ้าคุมร่างไว้ตอนนี้มีหวังเจ้าตายแน่
หมายความว่าไง
เมื่อกี้ร่างกายนายเริ่มปรับตัวกับพลังใหม่อยู่จริงๆแค่ให้นายนอนคืนนี้เดียวก็จบ เพียงแต่มันมีปัญหาอย่างเดียว ตอนนี่เมืองที่นายอยู่กำลังถูกกองทัพปีศาจโจมตี
กองทัพปีศาจ! ทำไมมันพึ่งมาบุกตอนนี้แล้วมันฝ่าด่านมาได้ไง
รอบๆเมือหลวงมีเมืองหน้าด่านเอาไว้สกัดทัพของศัตรูอยู่ ถ้ามันถูกโจมตีทำไมถึงไม่ได้ข่าวเลย
เอาเป็นว่าเดียวฉันจัดการทุกอย่างเองนายนะหลับไปซักพักแล้วกัน
เดี๋ยว!
และแล้วความรู้สึกก็กลับมา มันเป็นความรู้สึกสบายอย่างที่เขาไม่ได้รู้สึกมานาน มันเหมือนกับกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ้มๆ เมื่อลืมตาขึ้นเขานอนอยู่บนเตียงสีขาวกลางน้ำที่สะท้อนดวงดาวเหนือเตียงของเขา ความรู้สึกทีไม่ได้สัมผัสมานานทำให้เขาปิดตาลงอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่ตามมา
เฮ่ยแซกปลุกคินโลให้ตืนซึ่งเขาก็ลืมตาในทันที่ต่างจากที่แล้วๆมา ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงเพื่อบิดตัว
หลับสบายไหม?
อือขอบใจ ว่าแต่นายเอาร้างกายของฉันไปทำอะไร?
ก็นิดหน่อยตอนแรกกะว่าจะไปช่วยพวกเพื่อนๆของแกแต่ แซกก้มหน้าลงเหมือนกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
อะไร เกิดอะไรขึ้น เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของคู่สนทนาอย่างใจร้อน ซึ่งอีกฝ่ายปัดมันอย่างใจเย็น
ที่พวกปีศาจบุกมาที่นี่ก็เพื่อเปลี่ยนมนุษย์ที่นี่ให้กลายเป็นปีศาจเหมือนพวกมันแล้วเพื่อนของนายก็เป็นปีศาจไปหมดแล้ว
เป็นคำตอบที่พอรับได้สำหลับเขาเพราะมันก็ยังดีกว่าความตายที่จากไปแบบไม่มีวันหวนคืน
แล้วพวกเธอเป็นยังไงบ้าง เขาถามถึงพวกเธอที่กลายเป็นปีศาจไป เพราะหากมนุษย์กลายเป็นปีศาจจากตำราที่เขาอ่านมาพลังปีศาจจะดึงความรู้สึกที่เจ้าตัวปิดกั้นเอาไว้ออกมาซึ่งถ้าเป็นงั้นจริงไม่แน่ลึกๆแล้วพวกเธออาจรังเกรียดตัวเขาก็ได้
เดียวถ้าแก้เจอพวกเธอเมื่อไหร่แกก็รู้เอง เอาเป็นว่าตอนนี้แกปรอดภัยแล้วเพราะแกกับพวกคนที่เคยรังเกรียดแก ถูกพวกเทพช่วยเอาไว้พอดีเลย
พวกของไรอัน?
ใช่พวกของไอ้ผู้ดีผมทองนั่นแหละ เอาเถอะยังไงก็ได้เวลากลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริงแล้วคินโล
แล้วเขาก็กลับมายังโลกความจริงตอนนี่เขายืนอยู่ในที่ที่มีแต่สีขาวไม่ว่าจะมองไปทางไหน กับหนุ่มสาวอีก50กว่าคนที่กำลังสับสนไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ซึ่งคนพวกนั้นก็เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยแกล้งเขาในอดีด และเมื่อพวกเขาสังเกตุเห็นชายหนุ่มก็พากันเดินถอยห่างและทำท่าทางรังเกรีดใส่ เหมื่อสำรวจตัวเองเขาพบว่าตัวเขาเลอะดินโคลนทังตัวซึ่งก็ไม่แปลกหากพวกคุณหนูลูกผู้ดีอย่างพวกเขาจะถอยห่าง
ทุกท่านได้โปรดเงียบเสียงลงก่อน
เสียงที่สดใส ก้องกังวาน และไพเราะ ดังขึ้นจากนั้นแค่ชั่วพริบตาเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
ผมสีทองยาวถึงเอว ดวงตาสีฟ้า ชวนให้หลงใหล หน้าอกถูกบีบไว้กับเสื้อแน่นจนล้นออก แขนขาวที่เรียวยาวสูงดงามกว่าสิ่งใด สายตาของพวกเราต่างจับจ้องไปที่เธอ เหมือนถูกสะกดให้ละสายตาออกมาไม่ได้
แต่นั่นไม่สำคัญเท่าเรื่องที่เธอกำลังจะพูด
เราชื่ออลิสเป็นเทพธิดาจากสวงสวรรค์ เรามาที่นี่เพื่อขอให้ท่านช่วยเรากำจัดจอมปีศาจ
หลังจากได้ยินเทพธิดาพูดขึ้นดูเหมือนทุกคนเริ่มจะสงบลงบ้าง พวกเขาหันกลับไปตั้งใจฟังเรื่องราวที่เทพธิดากำลังจะเล่าต่อ
เรื่องแรก
เธอบอกว่าเหตุผลที่เลือกพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวที่ได้โดนผลกระทบจากพลังปีศาจในเมือง ในตอนที่ปีศาจเข้าโจมตีเมืองเธอบอกว่าพวกมันปล่อยไอปีศาจออกมาทำให้ คนส่วนใหญ่ในเมืองกลายเป็นปีศาจแต่คนที่อยู่นะที่แห่งนี้สามารถต่อต้านพลังปีศาจได้ ดูเหมือนว่าเธอต้องการพลังของพวกขามาช่วยปราบราชาปีศาจผู้ที่กำลังจะมายึดทวีปที่เธอปกครองอยู่
ให้พวกเราไปปราบราชาปีศาจหรือเรียกง่ายๆว่าให้พวกเราไปเป็นผู้กล้าสินะ ชายหนุ่มคิดอย่างลำบากใจเพาระคำว่า ผู้กล้า มันไม่เหมาะกับเขาเลย เพราะผู้กล้าคือคนที่ได้รับการยกย่อง เชื่อหมั้น และสนับสนุนจากทุกๆคน ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้ ขยะโสโครก
และเทพทิดาตนนั้ก็พูดต่อ
เราแบ่งพลังของเราไปให้พวกเธอทุกคนแล้ว พวกเธอล้วนแต่เป็นกำลังที่สำคัญ
ถ้าพวกเธอร่วมมือกันต้องปราบราชาปีศาจและนำความสงบสุขกลับมายังทวีปนี้ได้เป็นแน่
เมื่อเธอพูดจบก็ก้มหัวต่ำลง
ทุกๆคนในที่นี้คงจะลังเลใจอยู่พวกเขาแสดงมันออกมาทางสีหน้าเรื่องอะไรต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงสินะ สู้ไปก็ไม่ได้อะไร จะสู้ไปทำไมสินะ
แน่นอนฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่มีอะไรตอบแทน
สิ่งที่ทุกคนคิดกลับถูกสวนกลับด้วยคำพูดของท่านเทพธิดา
มีรางวัลให้?มันคืออะไร
ไรอันถามกลับแทนพวกเราทุกคน
อะไรก็ได้ เลือกมาหนึ่งอย่างที่พวกเธอต้องการ
สายตาของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไป สติของพวกเขาเริ่มกลับมา
จะได้ต่อเมื่อ พวกเราเอาชนะราชาปีศาจ?
ใช่แล้ว
ทุกๆอย่างเลยสินะ
"ใช่ ทุกๆอย่างที่พวกเธอต้องการ
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยัง ไรอัน
ท่าทีของไรอันดูเปลี่ยนไปทันทีหลังจากท่าเทพธิดาย้ำชัดมีคนๆเดียวที่สังเกตเห็นแววตาอันแสนเจ้าเล่บนใบหน้าของเขาคนๆนั้นคือคินโลแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผมเข้าใจแล้ว
ไรอันพูดขึ้นขณะที่กำลังเดินไปนั่งข้างหน้าอลิสเหมือนอัศวินทีกำลังถูกแต่งตั้ง
พวกเราจะปราบราชาปีศาจและนำสันติภาพกลับมาสู่ทวีปนี้ซึ่งเป็นทวีปของเราและของท่าน
ใช่ไหมทุกคน
อืม!
ทุกๆคนต่างสนับสนุนเขาอย่างออกหน้าออกตา เหลือแต่คินโลเพียงคนเดียว ที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไรอันหันมาจ้องชายหนุ่ม ด้วยสายตาที่เหมือนจะกินเขาให้ได้
คือ ผมเห็นด้วย ผมเห็นด้วยก็ได้
ในขณะที่คนอื่นๆต่างเห็นด้วยกับไรอันถ้าบอกว่าบอกว่าไม่เห็นด้วยและไม่อยากทำ จะเป็นยังไง
คำตอบอยู่ในสายตาของคนนับ50คู่อยู่แล้ว แต่เมื่อคำตอบออกมาเป็นแบบนั้นทำให้
สายตาของพวกเขาหันกลับไปจ้องมองทาง ไรอัน กับ อลิส เหมือนเดิม
อย่างที่ท่านเห็น...ได้โปรดมอบพลังของท่านแก่พวกเราเพื่อล้มจอมปีศาจด้วย
ไรอันก้มลง จูบลงที่มือของอลิสเบาๆเหมือนอัศวินที่ทำการสาบานว่าจะจงรักภักดี
อึ๋ยโคตรน่าอายเลยไม่อยากจะเชื่อว่าฉันเคยคิดอยากเป็นอัศวินแต่เดี๋ยวเราต้องทำด้วยป่าวหว่าคินโลคิดแบบนั้น
แต่เรื่องที่แย่กว่าคือ อลิสหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังจากเขาจูบลงบนมือ
เอาล่ะ ต่อไปฉันจากส่งทุกคนไปยังพระราชวังของศาสนจักร ขอให้ทุกคนช่วยพระราชาของที่นั่น
ฉันหวังว่าพวกเธอจะเติบโตขึ้นเป็นผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่จากพลังที่ฉันให้พวกเธอทุกคนไป
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา ผมสาบานว่าผมจะโค้นราชาปีศาจลงด้วยมือคู่นี้ให้ได้
เอาหล่ะ...ผู้กล้าทุกคน...เราขออวยพรให้พวกท่านทำสำเร็จแล้วเจอกันใหม่
หลังจากที่ อลิส พูดจบพวกเราทุกคนก็ถูกแสงสีขาวห่อหุ้ม
ไม่นานนัก พวกเขาก็ลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องโถงที่ดูหรูหรา
โคมระย้าที่ใหญ่โตภาพวาดใหญ่ติดเด่นเป็นสง่าอยู่ตามผนัง พรมแดงปูไปตามบันไดต่างๆ
ให้ความรู้สึกที่หรูหราเกินกว่าปราสาทไบเซนไทซะอีก
หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาทางพวกเราเหมือนกับว่ารออยู่แล้วเธอเดินเข้ามาจับมือของไรอันที่ยืนอยู่ด้านหน้าของพวกเราและพูดขึ้นมาว่า
ท่านวีรบุรุษ...ได้โปรดช่วยพวกเราและทวีปอันเทเซียด้วย
และแล้วเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้นโดยความขัดแย้งในใจของคินโล
_______________________________________________________________________________________________________
รูปประกอบเรื่อง
ทวีปเซา (ดินแดนที่คินโลกำเนิดขึ้นมา)
http://image.ohozaa.com/i/083/fzbTzJ.png