PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ความแตกต่างระหว่าง Windows32bit กับ Windows64bit



SuperSpHit
26th September 2014, 11:36
ความแตกต่างการใช้งานระหว่าง Windowns32bit กับ Windows64bit
วินโดว์ 32บิท จะเห้นแรมไม่ถึง 4 กิ๊ก นั้นก็เพราะมันนำแรมไปแบ่งใช้งานในส่วนของอุปกรณ์ด้านฮาร์ดแวร์ ผมได้ลองวินโดว์ 32บิทดูแล้วจะเห็นแรมแค่ 2.97กิ๊กส่วนที่เหลือลงในเครื่องของเรา
ส่วนวินโดว์ 64บิท นั้นจะเห็น 4กิ๊กนั้นก็เพราะมันไม่ได้นำไปใช้งานด้านฮาร์ดแวร์ แต่จะไปหนักที่ซอฟแวร์เพราะเอาไว้รองรับโปรแกรมใหญ่ๆ ถ้าเกิดแรมน้อยกว่า 4กิ๊ก แน่นอนว่าโปรแกรมนั้นจะเปิดไม่ติด หรือ ติดก็มีอาการเด้งออก ความแตกต่างเลยตรงกันข้ามกันระหว่างด้าน ฮาร์ดแวร์ และ ซอฟแวร์

Allowed
26th September 2014, 11:47
คำว่า 32 บิต และ 64 บิต หมายถึงวิธีการที่ตัวประมวลผล ของคอมพิวเตอร์ (มักเรียกว่าCPU) จัดการกับข้อมูล Windows รุ่น 32 บิตและ 64 บิตถูกออกแบบไว้สำหรับใช้งานในคอมพิวเตอร์ที่มีตัวประมวลผล 32 บิตหรือ 64 บิต ตามลำดับ

Windows รุ่น 64 บิต สามารถใช้งานหน่วยความจำได้มากกว่า Windows. รุ่น 32 บิต ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ใช้ในกระบวนการสลับเข้าและออกจากหน่วยความจำ ด้วยการเก็บกระบวนการดังกล่าวไว้ใน หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่ม (RAM) ได้มากกว่าบนฮาร์ดดิสก์ จึงทำให้ประสิทธิภาพของโปรแกรมโดยรวมเพิ่มขึ้น สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ให้ไปที่ คำอธิบายความแตกต่างระหว่าง Windows Vista รุ่น 32 บิตและWindows Vistaรุ่น 64 บิต ทางออนไลน์

kachanking
26th September 2014, 13:02
ความแตกต่างการใช้งานระหว่าง Windowns32bit กับ Windows64bit
วินโดว์ 32บิท จะเห้นแรมไม่ถึง 4 กิ๊ก นั้นก็เพราะมันนำแรมไปแบ่งใช้งานในส่วนของอุปกรณ์ด้านฮาร์ดแวร์ ผมได้ลองวินโดว์ 32บิทดูแล้วจะเห็นแรมแค่ 2.97กิ๊กส่วนที่เหลือลงในเครื่องของเรา
ส่วนวินโดว์ 64บิท นั้นจะเห็น 4กิ๊กนั้นก็เพราะมันไม่ได้นำไปใช้งานด้านฮาร์ดแวร์ แต่จะไปหนักที่ซอฟแวร์เพราะเอาไว้รองรับโปรแกรมใหญ่ๆ ถ้าเกิดแรมน้อยกว่า 4กิ๊ก แน่นอนว่าโปรแกรมนั้นจะเปิดไม่ติด หรือ ติดก็มีอาการเด้งออก ความแตกต่างเลยตรงกันข้ามกันระหว่างด้าน ฮาร์ดแวร์ และ ซอฟแวร์

เรื่องที่ Hardware ดึง RAM ส่วนหนึ่งไปใช้เอง ทำให้เห็น RAM ไม่เต็มจำนวนที่เราใส่เข้าไป ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ 32-bit, 64-bit นะคับ

ยกตัวอย่างเช่น คอมเรามีระบบ Ethernet Lan อยู่ตัวหนึ่งที่ต้องการหน่วยความจำสำรองมาช่วยในการทำงาน แต่ผู้ผลิตได้ลดต้นทุนในการผลิตด้วยการไม่ใส่หน่วยความจำสำรองมาให้ แต่ใส่คำสั่งให้ระบบ Ethernet Lan ไปดึงพื้นที่จาก RAM มาเป็นหน่วยความจำสำรองแทน

สมมติว่า Ethernet Lan ต้องการหน่วยความจำสำรอง 128MB เมื่อเราใส่ RAM เข้าไปในเครื่อง 2GB ผลที่ได้คือ Windows จะระบุว่าเครื่องเรามี RAM 2GB แต่ 1.88GB usable
เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ราคาถูก หรือ Notebook ส่วนใหญ่ที่ราคาไม่แพงมาก เพราะถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ราคาแพงๆ ผู้ผลิตเขาจะใส่หน่วยความจำสำรองให้ระบบ Ethernet Lan แยกต่างหากเลย ทำให้มันไม่ต้องมาดึง RAM ไปใช้ ถ้าเราใส่ RAM 2GB เข้าไป มันก็จะ 2.00GB usable เลย (พวก Sound Card, Wi-Fi, Graphic Card อะไรต่างๆก็ต้องไม่ดึง RAM ไปใช้ด้วยนะ)

เข้าเรื่อง
ความแตกต่างระหว่าง 32-bit กับ 64-bit คือ ความสามารถในการประมวลผลที่เร็วขึ้น (ไม่ขอพูดถึงเพราะมันเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก) และความสามารถในการมองเห็น RAM ที่มากขึ้น

ปกติเครื่อง 32-bit จะเห็น RAM ได้สูงสุด 4GB ส่วน 64-bit จะเห็น RAM ได้ 256GB+

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้าคุณใส่ RAM ให้เครื่อง 32-bit ไป 8GB เครื่องมันก็จะเห็นแค่ 4GB และถ้าสมมติ Sound Card ดึง RAM ไปใช้เอง 128MB, Ethernet Lan ดึงไปใช้อีก 128MB ผลที่ได้ก็คือ Windows จะบอกเราว่าเครื่องคอมเรามี RAM 4GB ถึงแม้ว่าเราจะใส่ไป 8GB ก็ตาม และมันจะมีวงเล็บต่อท้ายว่า 3.75GB usable เพราะจากที่มันเห็น RAM 4GB แต่โดน Sound Card และ Ethernet Lan ดึงไปเป็นของตัวเอง 256MB ทำให้เหลือ RAM ที่ใช้ได้จริงๆ 3.75GB

ในขณะที่ Windows 64-bit จะทำให้เราเห็น RAM ทั้ง 8GB ที่เราใส่เข้าไป โดน Sound Card และ Ethernet Lan ดึงไปใช้ 256MB เหมือนเดิม ผลก็คือ Windows จะบอกเราว่าเครื่องเรามี RAM 8GB (7.75GB usable)

จะเห็นว่าต่อให้เป็น 64-bit พวก Sound Card และ Ethernet Lan ก็ยังต้องดึง RAM ไปใช้ 256MB อยู่ดี แค่คอมเราจะมองเห็น RAM เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น


เรื่องโปรแกรม 64-bit ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมที่ต้องการ RAM มากกว่า 4GB ในการทำงาน เช่น Photoshop, After Effect, Battlefield 4, AutoCAD อะไรทำนองนี้ แต่ในบางครั้งโปรแกรมมันก็ไม่ได้ใช้ RAM 4GB+ ตลอดเวลา เช่น

Photoshop ซึ่งถ้าเราไม่ได้ทำภาพใหญ่/ซับซ้อนมากนัก มันก็จะใช้ RAM แค่ 1-2GB ซึ่งเป็นปริมาณที่ Windows 32-bit ยังรองรับไหว ทำให้ Adobe ทำ Photoshop ออกมา 2 รุ่น คือ Photoshop 32-bit สำหรับคนที่ทำชิ้นงานทั่วๆไป โปรแกรมก็จะใช้ RAM 1-2GB ตามขอบเขตของ 32-bit แต่สำหรับคนที่ทำชิ้นงานใหญ่ๆ Adobe เขาก็ทำ Photoshop 64-bit มาให้ โดยมันจะใช้ RAM ทั้งหมดที่เราใส่เข้าไปเลย (เครื่องมี RAM 32GB Photoshop ก็จะดึงมาใช้ได้หมดทั้ง 32GB เลย) ความสามารถนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีระบบปฏิบัติการ 64-bit เป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงใช้โปรแกรม 64-bit ใน Windows 32-bit ไม่ได้ แต่กลับใช้โปรแกรม 32-bit ใน Windows 64-bit ได้

อีกหนึ่งตัวอย่างคือ Battlefield 4 ซึ่งเป็นเกมที่ใช้ RAM เยอะมาก (อาจจะมากกว่า 3GB ตลอดเวลา ต่อให้ปรับต่ำสุดก็ตาม) ทำให้ Dice ต้องทำ Battlefield 4 เป็นแบบ 64-bit เท่านั้น จะได้ดึง RAM มาใช้ได้เต็มที่ ถ้าเกิด Dice ทำ Battlefield 4 ให้เป็น 32-bit ด้วย มันก็จะไม่ต่างจาก Console Gen เก่าที่มี RAM น้อยๆ Dice ก็ต้องมานั่งลดความละเอียด Texture บลาๆเพื่อไม่ให้ Battlefield 4 32-bit กิน RAM มากเกินไป

ผมเข้าใจอะไรผิดตรงไหนชี้แจงได้นะคับ 555