PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : กรรมที่เกิดมามีสิว: เชื่อไม่เชื่อกฎแห่งกรรม ก็ลองอ่านดูครับ ^^



cloudgigvery
11th July 2011, 19:06
วันนี้ คุณอลิศได้กรุณาส่งลิงค์มาให้ค่ะ เป็นเรื่อง

กรรมที่เกิดมามีสิว? มีสิวแล้วไม่หาย เรามีวิธีแก้กรรม

คือ เค้าอธิบายในแง่มุมของ "กฎแห่งกรรม" ค่ะ

ใครนับถือศาสนาอื่น ๆ หรือไม่เชื่อเรื่องกรรม ก็ลองเปิดใจอ่านดูนะคะ เพราะบีมไม่มีการชี้ชวนให้มาเชื่อ เพียงแต่้ต้องการนำเสนอปัญหานี้ในมุมมองที่แตกต่างออกไป

จริง ๆ แล้ว บีมได้รับแนวคิดคล้าย ๆ กันนี้มาจากหนังสือธรรมะที่คุณแม่พิมพ์แจกเล่มหนึ่งค่ะ ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือประเภทนี้ ก็เลยอ่านจนจบ

แต่บีมจำไม่ได้แล้วนะว่า เป็นแนวคิดของหลวงพ่อวัดใด

แนวคิดเค้ามีว่า

เชื้อโรคโดนเราฆ่าตายอยู่ทุกวัน การกินยาใช้ยาต่าง ๆ ต้องทำให้มันตาย ทำให้มันเป็นทุกข์ ความอาฆาตแค้นนี้จึงส่งต่อให้กับลูกหลานของพวกมัน หรือพวกมันจองเวรเราแล้วกลับมาเกิดใหม่ทำให้เราเจ็บป่วยอยู่ร่ำไป

จึงให้มีการอุทิศส่วนกุศลให้กับเชื้อโรคเหล่านี้ทุก ๆ วัน หรือแม้แต่เชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในร่างกายของเรา ทั้งดีและไม่ดีก็ตาม ขออย่าให้เบียดเบียนกันเลย

ซึ่งคนที่มาหาพระท่านนี้ ก็มีอาการดีขึ้นเป็นลำดับจนหายขาดได้

และจากบทความในลิงค์ดังกล่าวนี้ ก็มีเิ่พิ่มเติมว่า ด้วยเหตุใดที่เราเคยทำไว้ จึงส่งผลให้เรามีโรคเช่นนี้

บีมก็เคยคิดค่ะว่า สงสัยชาติก่อนจะเอาน้ำกรดไปสาดหน้าใครรึเปล่า ^^ คิดแบบนี้จริง ๆ คือ ทำให้คนอื่นทุกข์ทรมานโดยมีใบหน้าไม่งาม เป็นแผล เป็นพิษ ผิวหนังเป็นผื่นคันแบบนี้น่ะค่ะ

แล้วทำไมมันจึงส่งผลมายังชีวิตนี้?
บีมขออธิบายด้วยเรื่องจิตก็แล้วกัน ซึ่งคนที่ไม่เชื่อเรื่องกรรม และการเวียนว่ายตายเกิดจะไม่เข้าใจค่ะ ซึ่งไม่เป็นไร เพราะ ธรรมนั้น เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ไม่มีใครสามารถบังคับให้ใครเชื่อได้ค่ะ นอกจากจะ "ดวงตาเห็นธรรม" ด้วยตัวเอง

คืออย่างนี้ เราไม่ต้องย้อนภพชาติไปไกลนะคะ ซึ่งเป็นเรื่องดูเกินความสามารถสำหรับคนธรรมดาที่ไม่มีญาณวิเศษแบบเรา

เอาแค่ชาตินี้พอ....ขอเวลานิ่ง ๆ สงบ ๆ เีงียบ ๆ ให้ตัวเองในช่วงก่อนนอนหรือเช้าตรู่แบบที่ไม่มีคนรบกวน

ลองนึกย้อนไปว่าขณะนี้เราไม่สบายใจอะไรบ้าง ติดค้างเรื่องอะไรกับใครบ้าง ยังไม่ได้พาแม่ไปเที่ยวเลย สัญญาว่าจะพาแฟนไปเที่ยว ไปทำบุญก็ยังไม่ได้พาไปเลย

ทุกเรื่องที่ำให้เรารู้สึก "ติดค้าง" และ "รู้สึกผิด" และ "รู้สึกว่าต้องทำแต่ยังไม่ได้ทำ"

ความรู้สึกเหล่านี้ แม้จะแกล้งลืม หรือ ยุ่ง

แต่เมื่ออยู่คนเีดียวเงียบ ๆ มันจะไม่เคยจางหายไปเลย แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด

ความรู้สึกที่ต้องชดใช้ ต้องทำตามสัญญานี้เอง จะทำให้เรากลับมาเกิดใหม่

โดยตัวเรานั้น "เลือกเอง" ว่าจะกลับมาเกิดเพื่อชดใช้ใคร (จริง ๆ แล้วธรรมชาติจัดให้ตามที่ใจเรามีแรงยึดติดกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือหลาย ๆ เรื่อง

เช่นบางคน ชาติที่แล้วอยากเป็นหมอ แต่เป็นได้มากสุดในชาตินั้นคือ ผู้ช่วยหมอ และปฏิญาณกับตัวเองตลอดว่า เกิดมาชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้เป็นหมอจริง ๆ ด้วย

หากความรู้ความสามารถในชาติที่แล้ว สติปัญญา ศีล สิ่งต่างๆ ถึงคุณสมบัติที่จะเป็นหมอ

เขาอาจจะไปเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นหมอและส่งเสริมให้ลูกเรียนทางนั้น

อธิบายได้กับอัจฉริยะที่เกิดขึ้นทั่วโลก แม้กระทั่งโมสาร์ท หรืออัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

แต่เรามักไม่ค่อยอธิษฐานว่าชาติหน้าขอให้เกิดมาเป็นอะไรค่ะ

เรามักสะสมความรู้สึกผิดเอาไว้มากมาย และจะหายก็ต่อเมื่อได้ชดใช้

ดังนั้น สมมติว่า ชาติที่แล้วเราเคยไปล้อเลียนคนเป็นโรคผิวหนัง พูดจาดูแคลนพวกเขาให้ได้อับอาย หรือบางคนอาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย

หากเขาอาฆาต แรงนี้จะส่งผลให้เราเป็นโรคผิวหนังไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความรุนแรงจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับแรงอาฆาตของเขา

พลังงานเป็นสิ่งไม่สูญหาย และจิตแต่ละดวงของสรรพสิ่งบนโลก (ไม่เฉพาะมนุษย์) สามารถส่งพลังงานจากภายในตัวออกสู่นอกตัวได้ โดยที่ตาของเราไม่จำเป็นต้องมองเห็น

แต่แรงนี้มีอยู่จริง

ลองคิดดูนะคะ หากว่า เพื่อนเคยมาทำให้เราโกรธมาก แต่มันไม่เคยมาง้อเราเลย ยังมีชีิวิตระรื่น เรายิ่งอยากจะสาปแช่งให้มันตกนรกหรือลงเหวไปเลย ถูกมั้ยคะ

หลักการเดียวกันค่ะ ใครที่ไม่เคยอุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาตตัวเองอยู่ (เวลาแผ่ หากนึกชื่อได้ให้กล่าวชื่อนั้น เค้าจะได้รับเต็ม ๆ แต่จะได้รับมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า สถานะทางจิตของเค้าต่ำหรือสูงเพียงใดด้วยค่ะ แต่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ขอให้นึกถึงเจ้ากรรมนายเวรด้านผิวหนัง หรือจะใช้บทอุทิศส่วนกุศลตามในลิงค์ที่ให้ได้เลยค่ะ คือ เราจะต้องเฉพาะเจาะจง ไม่ใช่พูดถึงเจ้ากรรมนายเวรทั่ว ๆ ไป) แรงอาฆาตนั้นจะไม่หายไปไหนค่ะ และอาจจะยิ่งแรงขึ้นด้วย

จนกว่าเราจะไปขอโทษ บางราย ขอโทษครั้งเดียวก็หาย แต่บางราย ก็ต้องหลายครั้ง หรือบางรายอาจไม่ให้อภัยเลย

เค้าถึงว่า การให้อภัยเป็นทานสูงสุดไงคะ ให้มันจบ ๆ กันไป ไม่ต้องไปอาฆาตใครหรอก เพราะใครทำยังไงเค้าได้รับผลอย่างนั้นเองค่ะ เราไม่ใช่ยมบาล ไม่ใช่พระเจ้าที่จะไปตัดสินชีวิตของคนอื่น

บีมเนี่ย ไม่รู้ชาติก่อนทำอะไรนะคะ แต่ชาตินี้เคยไปล้อเพื่อนที่หน้าเป็นสิวตอนประถม และพี่ข้างบ้านค่ะ คือไปพูดให้เค้ารู้สึกแย่อยู่นั่น โดยรู้เ่ท่าไม่ถึงการณ์

พอโตมาก็เป็นพวกไม่ทำบุญค่ะ ไม่สวดมนต์ นั่งสมาธิ ไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ใส่บาตรก็ไม่รู้จะใส่ไปทำไม

จิตคิดแต่ริษยา อาฆาตแค้น เห็นใครดีกว่าไม่ได้ตลอดเวลา เป็นแบบนั้นจริงๆ นะคะ

จนมาดีขึ้นเอาตอนทำงานนี่เอง ^^ เพราะเห็นสัจธรรมว่าเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า เหนือฟ้ามี "ธรรมะ" ค่ะ อะอะ

พูดซะยาว ต้องการที่จะบอกว่า คนเป็นสิวเรื้อรัง ถ้าพูดเรื่องกรรมเก่า ก็สามารถอธิบายด้วยเหตุที่เคยไปลบหลู่ของสูง หรือเคยไำปทำให้คนอื่นทรมานทางผิวหนัง

ทำให้ความรู้สึกผิดติดตัวมา และเจ้ากรรมนายเวรอาจอาฆาตมา

จึงต้องชดใช้ในชาตินี้

และถ้าใครที่ในชาตินี้ยังไม่สำนึกตัว ไม่ขออโหสิกรรม ไม่อุทิศส่วนกุศล ไม่หมั่นขัดเกลาจิตใจอีก ก็จะเป็นแบบนั้นไปตลอดอายุขัยค่ะ

หรืออธิบายในแบบวิทยาศาสตร์ก็คือ จิตใต้สำนึก (ซึ่งเป็นสิ่งทีบีมเชื่อว่า เป็นจิตวิญญาณของเราตั้งแต่เกิดมา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ เป็นคน เป็นเชื้อโรค ฯลฯ ในแต่ละภพชาติ ความทรงจำ ความเจ็บปวดเหล่านั้นไม่เคยเลือนหาย มีแต่ทางที่จะโปรแกรมใหม่ ทำความเข้าใจ และขัดเกลาให้มันดีขึ้น) ซึ่งควบคุมการทำงานทุกอย่างของร่างกายนั้น ผลจะออกมาบวกหรือลบ ขึ้นอยู่กับ อารมณ์ด้านบวก หรือ ลบของเจ้าของร่างนั้นตลอดเวลา

หากใครหมั่นทำบุญ ทำดี ทำจิตให้สงบ ช่วยเหลือคน มีน้ำใจ ไม่คิดร้าย เอื้อเฟื้อ มีศีลหนักแน่น จิตใต้สำนึกก็จะตอบสนองร่างกายในทางที่ดี โดยปล่อยแต่ฮอร์โมนที่ดีให้กับร่างกาย ทำให้ทุกอย่างทำงานกันแบบสมดุล

แต่ถ้าใครคิดลบ คิดชั่ว กลัว หวาดระแวง ไม่มีน้ำใจ เห็นแก่ตัว ไม่มีศีล ตลอดเวลานั้น จิตใต้สำนึกจะตอบสนองเราในทางที่ไม่ดีเช่นกัน คือจะทำให้ร่างกายปล่อยแต่ฮอร์โมนร้าย ๆ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล

ผลคือ เป็นสิวเรื้อรัง นั่นเองค่า

เขียนมาซะยาว สรุปว่า ถ้าอยากหายจากสิว ให้บำบัดตั้งแต่ความคิดจิตใจของตัวเอง ให้เป็นคนดี เผื่อแผ่ความดี บุญกุศลที่ทำมาตั้งแต่อดีตชาติไปให้เจ้ากรรมนายเวร ไปให้ึคุณพ่อคุณแม่ ให้เบื้องสูง เทวดารักษาตัวเรา ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่าง (ถ้าใครไม่เชื่อเรื่องอดีตชาติ ก็เอาบุญกุศลในชาตินี้และขณะที่จิตสงบขณะแผ่เมตตาก็ได้ค่ะ) เพื่อจิตใต้สำนึกจะได้ช่วยให้ฮอร์โมนและระบบต่อมไร้ท่อเข้าสู่สมดุลย์

อย่าไปเครียด อย่าไปซีเรียส (ยังต้องเกิดกันอีกหลายครั้ง ทำแต่ละชาติให้ดีที่สุดเท่าที่สภาพแวดล้อมจะอำนวยก็แล้วกันค่ะ)

แล้วก็หมั่นรักษาศีล ทำใจให้สะอาด เป็นคนดี ดูแลตัวเองแนววิถีธรรมชาติ บำบัดจากภายใน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กับหน้าที่ไม่ทำร้ายหน้า ไม่มีสารพิษ สารเคมีตกค้าง

เดี๋ยวก็หายค่ะ ^^ ใช้เวลาหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นี่คะ

มีความสุขกันมาก ๆ ค่ะ


ลิ้งที่เกี่ยวข้อง http://bye-bye2acne.blogspot.com/2009/10/blog-post_26.html

EE01Enhance
11th July 2011, 21:59
ใช่ แค่ไม่เครียด ไม่คิดมาก ดูแลตัวเองดีๆ เดี๋ยวก็หาย