gatling tank
8th December 2014, 06:59
ข้อมูลใหม่เผย AMD เตรียมผลิต GPU ที่โรงงานเก่าอย่าง Global Foundries แทน
http://notebookspec.com/web/wp-content/uploads/2014/10/AMD-Kabini-Embedded-System-00-600.jpg
เนื่องจากว่าไม่นานผ่านมานี้ได้มีข่าวหลุดออกมาครับว่าโรงงานที่รับผลิตชิป(SoC) อย่าง TCSM นั้นได้เตรียมการเปลี่ยนย้ายเทคโนโลยีการผลิตไปที่ขนาด 16 nm เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องแปลกครับ เนื่องจากว่าเราถึงยังไม่ได้เห็น GPU ที่จะใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 16 nm ออกมาจากทาง AMD ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นอย่าง Nvidia นั้นได้มีการเผยข้อมูลของชิปที่จะใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 16 nm ออกมาแล้ว ทาง Guru3D ได้รับคำตอบนั้นแล้วครับโดย Devinder Kumar ได้กล่าว AMD นั้นจะทำผลิต GPU ที่โรงงาน Global Foundries ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของ AMD แต่ด้วยเหตุผลทางด้านการเงินทำให้ต้องขายทิ้งไปในปี 2008 ครับ
ทาง Kumar ได้บอกครับว่าทาง AMD จะยังคงผลิต GPU ภายใต้กระบวนการผลิตที่ระดับ 20 nm ไปก่อนสักพัก หลังจากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้กระบวนการผลิตที่ 14 nm ซึ่งทางบริษัทอย่าง Global Foundries ได้ร่วมมือกับ Samsung เพื่อที่จะนำกระบวนการผลิตที่ระดับ 14 nm(หรือเรียกว่า Finfet-chips) มาใช้งานในโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนทาง Samsung นั้นนำหน้าไปก่อนแล้วด้วยการเตรียมปล่อย SoC ที่ใช้กระบวนการผลิตที่ 14 nm ออกมาในช่วงปี 2015 ที่จะถึงนี้แล้วครับ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการผลิต Finfet ที่ทาง AMD เลือกใช้นั้นจะทำให้ขนาดของ SoC มีพื้นที่มากขึ้นในการใส่ทรานซิสเตอร์เข้าไป นอกไปจากนั้นอัตราการใช้พลังงานก็ต่ำลง ตัวชิปมีขนาดเล็กลง และที่สำคัญที่สุดก็คือต้นทุนในการผลิตชิปนั้นจะลดลงมากอีกด้วยครับ
Credit:http://notebookspec.com/amd-manufacture-gpus-global-foundries/268050/
Bluetooh 4.2 มาแล้ว รับรองว่าเร็วกว่าเดิมและปลอดภัยมากขึ้นอีกเป็นกอง
http://notebookspec.com/web/wp-content/uploads/2014/12/Screen-Shot-2014-12-04-at-1.56.49-am.png
การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth นั้นอยู่คู่อุปกรณ์เคลื่อนที่และระบบคอมพิวเตอร์มานานครับ นอกเหนือไปจากนั้นทางองค์กรกำกับอย่าง Bluetooth Special Interest Group (BSIG) เองก็ได้ออกมาปล่อยอัพเดทเวอร์ชันใหม่ๆ เพื่อเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานของ Bluetooth เรื่อยมา โดยล่าสุดนั้นก็ถึงคิวของอัพเดท Bluetooth รุ่น 4.2 ที่องค์กรกำกับได้ยืนยันว่าในเวอร์ชันนี้ bนั้นมาพร้อมกับความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นกว่าเดิม(เพิ่มความปลอดภัย) รวมไปถึงความเร็วในการใช้งานก็สูงมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถที่จะนำเอาการเชื่อมต่อแบบ IP (IP connectivity) ผ่านไปยังอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานแบบนี้ได้อีกด้วย นั่นหมายความว่าเซนเซอร์และอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ
(รวมถึงอุปกรณฺจำพวก Internet of Thing หรือ IoT) จะสามารถทำการเชื่อมต่อไปยัง โลกอินเทอร์เน็ตได้ด้วยตัวของมันเองไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีกแต่อย่างใดครับ
ทาง BSIG ได้บอกว่าด้วยมาตรฐาน Bluetooth 4.2 ใหม่นี้จะทำให้นักพัฒนาสามารถที่จะทำการพัฒนาอุปกรณ์ได้ง่ายมากขึ้น และยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปมาหลายขึ้นตอนเนื่องจากอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับมาตรฐาน Bluetooth 4.2 นั้นสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทั้งหมด นอกเหนือไปจากความสามารถในการที่จะทำไให้อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้โดยตรงแล้ว Bluetooth ยังมาพร้อมกับความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นโดยอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับมาตรฐาน Bluetooth 4.2 นั้นจะถูกติดตามร่องรอยการใช้งานได้ยากมากกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้ iBeacons หรือเทคโนโลยีการกระจายข้อมูลที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Apple ที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 4.0 ที่การกระจายข้อมูล สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าคุณใช้อุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth 4.2 คุณจะสามารถรับข้อมูลจากศูนย์กระจายข้อมูลได้ก็ต่อเมื่อคุณได้ทำการอนุญาตให้ศูนย์กระจายข้อมูลนั้นสามารถส่งข้อมูลมายังตัว เครื่องของคุณแล้วเท่านั้น
นอกไปจากนั้น Bluetooth 4.2 ยังมาพร้อมกับความสามารถในการโอนถ่ายข้อมูลได้ที่ความเร็วมากกว่าเดิมถึง 2.5 เท่า อีกทั้งยังสามารถที่จะทำการขนส่งข้อมูลขนาดใหญ่มากกว่าเดิมถึง 10 เท่าตัวเลยทีเดียว(ในขั้นตอนของก่อนโอนถ่ายข้อมูล) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้นก็รองรับกับมาตรฐาน IPv6 และ 6LoWPAN ซึ่งมีอัตราการใช้พลังงานที่ต่ำกว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบปกติทั่วไป ทั้งนี้ถึงแม้ว่าทาง BSIG จะบอกว่าอุปกรณ์รุ่นเก่าสามารถที่จะทำการอัพเดท firmware ให้เป็น Bluetooth 4.2 ได้นั้น แต่ฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความปลอดภัยก็จะไม่สามารถใช้งานได้ เทียบเท่ากับ อุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาให้มีการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth โดยตรง แถมการจะอัพเดท firmware หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตรายนั้นๆ ด้วยครับ
Credit:http://notebookspec.com/bluetooth-4-2-faster-safer-lets-lightbulbs-connect-internet/267947/
http://notebookspec.com/web/wp-content/uploads/2014/10/AMD-Kabini-Embedded-System-00-600.jpg
เนื่องจากว่าไม่นานผ่านมานี้ได้มีข่าวหลุดออกมาครับว่าโรงงานที่รับผลิตชิป(SoC) อย่าง TCSM นั้นได้เตรียมการเปลี่ยนย้ายเทคโนโลยีการผลิตไปที่ขนาด 16 nm เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องแปลกครับ เนื่องจากว่าเราถึงยังไม่ได้เห็น GPU ที่จะใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 16 nm ออกมาจากทาง AMD ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นอย่าง Nvidia นั้นได้มีการเผยข้อมูลของชิปที่จะใช้กระบวนการผลิตที่ระดับ 16 nm ออกมาแล้ว ทาง Guru3D ได้รับคำตอบนั้นแล้วครับโดย Devinder Kumar ได้กล่าว AMD นั้นจะทำผลิต GPU ที่โรงงาน Global Foundries ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของ AMD แต่ด้วยเหตุผลทางด้านการเงินทำให้ต้องขายทิ้งไปในปี 2008 ครับ
ทาง Kumar ได้บอกครับว่าทาง AMD จะยังคงผลิต GPU ภายใต้กระบวนการผลิตที่ระดับ 20 nm ไปก่อนสักพัก หลังจากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้กระบวนการผลิตที่ 14 nm ซึ่งทางบริษัทอย่าง Global Foundries ได้ร่วมมือกับ Samsung เพื่อที่จะนำกระบวนการผลิตที่ระดับ 14 nm(หรือเรียกว่า Finfet-chips) มาใช้งานในโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนทาง Samsung นั้นนำหน้าไปก่อนแล้วด้วยการเตรียมปล่อย SoC ที่ใช้กระบวนการผลิตที่ 14 nm ออกมาในช่วงปี 2015 ที่จะถึงนี้แล้วครับ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการผลิต Finfet ที่ทาง AMD เลือกใช้นั้นจะทำให้ขนาดของ SoC มีพื้นที่มากขึ้นในการใส่ทรานซิสเตอร์เข้าไป นอกไปจากนั้นอัตราการใช้พลังงานก็ต่ำลง ตัวชิปมีขนาดเล็กลง และที่สำคัญที่สุดก็คือต้นทุนในการผลิตชิปนั้นจะลดลงมากอีกด้วยครับ
Credit:http://notebookspec.com/amd-manufacture-gpus-global-foundries/268050/
Bluetooh 4.2 มาแล้ว รับรองว่าเร็วกว่าเดิมและปลอดภัยมากขึ้นอีกเป็นกอง
http://notebookspec.com/web/wp-content/uploads/2014/12/Screen-Shot-2014-12-04-at-1.56.49-am.png
การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth นั้นอยู่คู่อุปกรณ์เคลื่อนที่และระบบคอมพิวเตอร์มานานครับ นอกเหนือไปจากนั้นทางองค์กรกำกับอย่าง Bluetooth Special Interest Group (BSIG) เองก็ได้ออกมาปล่อยอัพเดทเวอร์ชันใหม่ๆ เพื่อเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานของ Bluetooth เรื่อยมา โดยล่าสุดนั้นก็ถึงคิวของอัพเดท Bluetooth รุ่น 4.2 ที่องค์กรกำกับได้ยืนยันว่าในเวอร์ชันนี้ bนั้นมาพร้อมกับความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นกว่าเดิม(เพิ่มความปลอดภัย) รวมไปถึงความเร็วในการใช้งานก็สูงมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถที่จะนำเอาการเชื่อมต่อแบบ IP (IP connectivity) ผ่านไปยังอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานแบบนี้ได้อีกด้วย นั่นหมายความว่าเซนเซอร์และอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ
(รวมถึงอุปกรณฺจำพวก Internet of Thing หรือ IoT) จะสามารถทำการเชื่อมต่อไปยัง โลกอินเทอร์เน็ตได้ด้วยตัวของมันเองไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีกแต่อย่างใดครับ
ทาง BSIG ได้บอกว่าด้วยมาตรฐาน Bluetooth 4.2 ใหม่นี้จะทำให้นักพัฒนาสามารถที่จะทำการพัฒนาอุปกรณ์ได้ง่ายมากขึ้น และยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปมาหลายขึ้นตอนเนื่องจากอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับมาตรฐาน Bluetooth 4.2 นั้นสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทั้งหมด นอกเหนือไปจากความสามารถในการที่จะทำไให้อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้โดยตรงแล้ว Bluetooth ยังมาพร้อมกับความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นโดยอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับมาตรฐาน Bluetooth 4.2 นั้นจะถูกติดตามร่องรอยการใช้งานได้ยากมากกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้ iBeacons หรือเทคโนโลยีการกระจายข้อมูลที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Apple ที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 4.0 ที่การกระจายข้อมูล สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าคุณใช้อุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth 4.2 คุณจะสามารถรับข้อมูลจากศูนย์กระจายข้อมูลได้ก็ต่อเมื่อคุณได้ทำการอนุญาตให้ศูนย์กระจายข้อมูลนั้นสามารถส่งข้อมูลมายังตัว เครื่องของคุณแล้วเท่านั้น
นอกไปจากนั้น Bluetooth 4.2 ยังมาพร้อมกับความสามารถในการโอนถ่ายข้อมูลได้ที่ความเร็วมากกว่าเดิมถึง 2.5 เท่า อีกทั้งยังสามารถที่จะทำการขนส่งข้อมูลขนาดใหญ่มากกว่าเดิมถึง 10 เท่าตัวเลยทีเดียว(ในขั้นตอนของก่อนโอนถ่ายข้อมูล) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้นก็รองรับกับมาตรฐาน IPv6 และ 6LoWPAN ซึ่งมีอัตราการใช้พลังงานที่ต่ำกว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบปกติทั่วไป ทั้งนี้ถึงแม้ว่าทาง BSIG จะบอกว่าอุปกรณ์รุ่นเก่าสามารถที่จะทำการอัพเดท firmware ให้เป็น Bluetooth 4.2 ได้นั้น แต่ฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความปลอดภัยก็จะไม่สามารถใช้งานได้ เทียบเท่ากับ อุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาให้มีการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth โดยตรง แถมการจะอัพเดท firmware หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตรายนั้นๆ ด้วยครับ
Credit:http://notebookspec.com/bluetooth-4-2-faster-safer-lets-lightbulbs-connect-internet/267947/