PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : THE LETTER CODE : RE - JOURNAL



Season
5th October 2011, 17:52
LETTER CODE : RE - JOURNAL



JOURNAL PAGE 1 : Mail that is not open - จดหมายที่ไม่ได้เปิดออก


..............ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งด้วยความเร็วสุดฝีเท้าของเขาไปตามซอกซอยเล็กในเมืองร้างๆในเวลากลางคืนแห่งหนึ่ง

ฝนที่กำลังตกลงมาทำให้ฝีเท้าเขาดังขึ้นกว่าปกติเขาใส่เสื้อคลุมทั้งตัวและหมวกคลุมหัวจึงมองไม่เห็นหน้าตา แต่ห่างไป

ไม่กี่ก้าวข้างลงของชายคนแรกยังมีกลุ่มคน สาม คน วิ่งตามาติดๆแต่ละคนถือมีดวิ่งไล่ตามมาติดๆ ชายคนแรกพยายามวิ่ง

ด้วยสุดฝีเท้า แต่ไม่ว่าจะวิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ไม่พ้นจากพวกข้างหลังสักที ต่อมาอีกไม่กี่อึดใจสายตาของชายที่กำลังวิ่งหนีเรื่อง

มีความหวัง เพราะสิ่งที่เขาเห็นอยู่ข้างหน้านั้นเป็นประตูสีเทาใหญ่ๆตรงสุดทางเดิน เขารีบเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิมแต่ไม่ได้

หวังว่าจะให้พวกนั้นตามไม่ทันเลย ทั้งสามคนข้างหลังยังคงวิ่งตามต่อไปอย่าง ขะมักเขม้น ทันทีที่ชายคนแรกวิ่งถึงเขาก็

หยุดอยู่ที่หน้าประตูทันที ทำเอาทั้งสามคนที่วิ่งตามมาข้างหลังตกใจจนต้องหยุดยืน ชายคนแรกค่อยๆหันหน้ามาอย่าง

ช้าๆเขาค่อยๆเอามือล่วงไปในกระเสื้อของเขาราวกับจะหยิบปืนขึ้นมายิงแต่มันไม่ใช่ สิ่งที่เขาหยิบออกมามันกลับเป็นสิ่งที่

ชวนให้สงสัยว่าหยิบมาทำไม มันเป็นสิ่งกลมๆสีแดงเท้ามือของเขานั่นไม่ใช่อะไรมันคือ แอปเปิ้ล เขาค่อยกัดมันอย่าง

ช้าๆทันทีที่เขากัดเสร็จ ฝนที่ละรอก สุดท้ายก็หยุดทันที ทั้งสามคนที่วิ่งตามมา ไม่รอช้าทันทีที่หายแปลกใจ ทั้งสามวิ่งถือ

มืดที่เพื่อจะไปแทง ชายคนนั้นทันที แต่เมื่อเขากลืน แอปเปิ้ล เสร็จ เขาพูดสั้นว่า ลาก่อน

ประตูที่อยู่ด้านหลังเขาเปิดออกทันทีข้างในเป็นเหมือนห้องมืดๆที่เต็มไปด้วยสมุดมากมายและมีเศษกระดาษ

กองอยู่บนพื้นเต็มไปหมด ชายคนที่ถือแอปเปิ้ลค่อยเลือนหายไป และประตูก็ค่อยๆปิดลง ทั้งสามคนที่ถือ
ทันทีที่กะพิบตาเขาก็ไม่เห็น ชายคนนั้นอีกแล้ว ชายคนที่ตัวใหญ่สุดเหมือนจะสั่งให้พยายามเปิดประตูแต่เมื่อเปิดออกมา

มันกลับไม่มีอะไรเลย เปิดตรอกซอยที่ยาวต่อไปจนสุดทางเดินของเมืองๆนี้ ทั้งสามคนทำหน้าผิดหวังและอารมณ์เสียสุดๆ

พร้อมกับฝนที่ตกลงมาอีกครั้ง

ในห้องมืดๆเล็กๆแต่ยังคงมองเห็นแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยสมุด ยังมีชายคนหนึ่งเดินหาปากกาอยู่ในห้องนั้นนั่น

ไม่ใช่ใครเขาคือ ชายที่เพิ่งหนี มาจากการถูกฆ่า เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เขาเดินไปเรื่องในห้องที่มีสมุดบันทึก หนังสือ กระดาษ

เต็มไปหมด ดูเหมือนว่าเขา จะเจอแล้ว เขาเห็นกล่องเล็กๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงมุมห้องเขาเดินไปด้วยความหวังที่ต้องการ

ปากกาอย่างสูง

เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวไม้สีน้ำตาลที่สอดอยู่ในตะเขาค่อยนั่งและหยิบกล่องไม้นั้นมา ทันทีที่เขาเปิดออก สายตาของเขาดู

ห่อเหี่ยวอย่างมากเพราะข้างในนั้นมีแต่หมึกปากกาที่แห้งสนิทแล้วเลอะเต็มไปหมดแต่อีกไม่กี่อึดใจเท้าของเขาก็เหมือนไป

แตะอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นคือสิ่งที่เขาหา ปากกานั่นเอง เขารีบหยิบออกขึ้นมาทันทีเขาใช้มือซ้ายหยิบ จดหมาย ซองหนึ่ง

ขึ้นมาและโน้มตัวด้วยมือเอามือขวาไปหยิบปากกา เขารับเขียนข้อความหนึ่งลงไปในจดหมายทันที เขาพึมพำ พร้อมกับ

เขียนประโยคนั้นที่พูดลงไป ทันทีที่เขาเขียนเสร็จเขารีบพับจดหมายและมุ่งตรงไปอีกด้านมุนหนึ่งของห้องมันมีแจกันเล็กๆสี

ม่วงอ่อนใหม่เอี่ยมตั้งอยู่

เขาค่อยเอาจดหมายหย่อยลงไปแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต็ะเขาค่อยนั้งลงและมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะฟุบหลับ

ลงไปท่ามกลางหนังสือ สมุด และเศษกระดาษมากมาย

ณ บ้านเก่าโทรมเล็กๆหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางทุ้งกว้างสีเขียวขจี ที่ตัดกับสีท้องฟ้าอันงดงาม มันเป็นบ้านหลังเล็กๆ

ซึ่งเหมือนขาดการดูแลจากผู้เป็นเจ้าของ ประตู หน้าต่าง หลังคา พังเสียหายไปหมดแต่ยังคงมีฝูงนกตัวเล็กๆสีน้ำตาล ราว

ห้าหกตัวบินมาหยุด ณ จุดนี้ และยืนมองหน้าประตูทุกวันตอนเวลาใกล้จะมืดและค่อยบินจากไป และวันนี้ กลุ่มนกกลุ่ม

นั้นก็ยังคงมาอีกและยืนจ้องนิ่งอยู่ที่หน้าประตู มันเฝ้าคอยเหมือนต้องการอะไรบางอย่างจากบ้านหลังนี้แต่ทั้งๆที่บ้านหลัง

นี้ไม่มีแม้แต่อาหารหรือแมลง หรือ ผลไม้ ให้พวกมันกินเลย ตอนนี้เวลาใกล้จะมืดแล้วนกกลุ่มนั้นก็ถึงเวลาที่ใกล้จะกลับไป

แล้วเช่นกัน ตอนนี้นกทั้งหมดกำลังจะบินออกไปในอีกไม่กี่วินาที เพราะใกล้จะมืดแล้ว

“ แพร้ง ” เสียงแก้วแตกจากในบ้านที่ไม่น่าจะมีคนอยู่ดังขึ้น นกทั้งหมดแทนที่จะบินจากไปในเวลานี้แล้วกลับหยุดบินและ

หันกลับมาจ้องที่ประตูบ้านเช่นเดิม และมันค่อยๆร้องออกมาแต่เหมือนจะไม่มีเสียง มันยังคงทำอย่างงั้นต่อไปทั้งๆที่ฟ้ามืด

สนิทแล้ว

ในห้องครัวแคบๆภายในบ้านหลังเก่านั้น ที่ไม่น่าจะมีคนอยู่ กลับมี ชายสองคนยืนอยู่และเถียงกันไปมาชายคน

แรกที่ยืนอยู่ใกล้กาต้มน้ำยืนถือเศษแก้วอยู่ชื่อของเขาคือเปปเปอร์(พริก) เขาเป็นชายผมบลอนใส่เสื้อคอปกสีเทากางเกงยืน

ดำเขาตัวยาวสูงนิดหน่อยแต่ความสูงของเขาเกือบเท่าฝาบ้านแล้วเพียงแต่บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเล็กเท่านั้น คนที่ยืน

อยู่ใกล้กันห่างกันไม่กี่ก้าว ชื่อพอท เขาตัวสูงเกือบเท่า เปปเปอร์ เขาใส่กางเกงขาสามส่วนสีเนื้อออกน้ำตาล ผมสีดำ

สนิทและสีของเสื้อก็ดำด้วย เขาทั้งสองดูท่าว่าจะยืนเถียงกันเรื่องที่เปปทำแก้วกาแฟแตก แต่อารมณ์ของทั้งคู่ชุนเชียว

อย่างมากราวกับว่ามันเป็นแก้วกาแฟที่สำคัญนักหนา

นอกห้องครัวมีบันได้โทรมๆขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ทางซ้ายเป็นประตูออกไปและข้างหน้าเป็นหน้าต่างเก่าๆที่ไม่

สามารถปิดมันได้ ภายในห้องกลางตรงนั้นเต็มไปด้วยใยแมงมุมมากมายแต่หากกวาดตามองแล้วแถบจะไม่เห็นแมงมุม

เลย ใกล้หน้าต่างมีแจกัน ใบใหญ่สูงเท่าหน้าต่างสีม่วงอ่อนที่ใกล้จะแตกตั้งอยู่

“ตึกๆๆๆๆๆๆ” เสียงฝีเท้าของใครสักคนกำลังลงมาจากชั้นสอง แต่ตอนนี้เปปและพอท ยังเถียงกันไม่หยุด

“เฮ้ เปป ฉันบอกนายแล้วว่าแก้วใบนี้มันสำคัญมากแค่ไหน” พอทพูดด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าและไล่ไปเร็ว “นายรู้รึปล่าวหาก

พวก องค์กร BIRD ได้ยินขึ้นมาเขาก็รู้กันหมดพอดีว่า ผู้ต่อต้านองค์กร ที่เหลืออยู่ แอบซ่อนตัวอยู่ในนี้หน่ะ”

“แล้วที่นายเปิดไฟตอนกลางคืนเวลาที่เดินลงมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนหล่ะ” เปป เริ่มพูดเสียงดังใส่พอทที่ยืนทำหน้าบูด

เบียวโมโหอยู่ “นายคิดว่าพวกมันจะไม่รู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรอ” เขาพูดเสียงดังจนจบ ขณะที่คนที่เดินลงมาจากชั้นสองถึง

แล้ว คนที่เดินลงมาเป็นเด็กผู้หญิงชื่อ เพอร์ ไม่สูงมากนักแต่ไม่ถึงกลับเตี้ยผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวย ใส่ชุดกระโปรงวันพีช

สีส้มอมน้ำตาล

“นี่” เธอตะโกนใส่ เปป และ พอท อย่างสุดเสียงจนทั้งสองสะด้งตกใจและหันมาหาเธอ “เลิกเถียงกันได้แล้ว”

“นี่เธอรู้หรือป่าว” พอทเดินตรงมาหาเธอและดูเหหมือนจะหายโกรธ เปป เสียแล้ว “ที่เธอตะโกนไปเมื่อกี้นี้มัน”

“หยุด” เพอร์พูดแทรก “องกรค์ BIRD รู้นานแล้วหล่ะว่าพวกเราที่เหลืออยู่ที่นี้แต่มีบางอย่างทำให้”

“พวกมันไม่กล้าเข้ามา” ชายคนหนึ่งพูดแทรกเพอร์ และเดินลงมาจากชั้นสอง อย่างช้าๆ เขาใส่แว่นตาสีดำผมสีดำชุดสีดำ

กางเกงสีดำและรองเท้าสีดำ เขาชื่อ ฮอค “หรือบางสิ่งที่มันไม่สามารถหยิบออกไปได้” เขาพูดด้วยถ้อยคำนิ่งๆไม่หวั่นไหว

ทั้งหมดทุกคนมองไปที่เขาแต่สายตาของ เปป ยัง งุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นและความสำคัญของการหลับซ่อน

“เด๋วๆๆๆๆ” เขาเดินตรงมาและหยุดอยู่กลางห้องโถงเล็กๆที่เบียดเสียด “ช่วยเล่าให้ละเอียดหน่อย” เขาพูดพร้อมกับมอง

ไปหาทุกๆคน “ฉันยัง งง กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด” เขาพูดด้วยสายตาที่เหมือนอยากรู้แต่ไม่มากนัก

“โอเค”ฮอคพูด “ฉันจะเล่าเรืองที่ฉันพอรู้ก็แล้วกัน”

จุดเริ่มต้นคือจดหมายที่ถูกจัดส่งไปให้คนทั้งสิบสามคนที่ได้รับแต่มีเพียงจดหมายหนึ่งฉบับที่หลุดไปถึงผู้ที่ไม่

เกี่ยวข้อง จากผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกลับเข้ามาพัวพันและถูกตามล่าเนื่องจากเห็นบางสิ่งจากจดหมายที่ได้รับแล้ว แต่เขาไม่ได้

หนีไปคนเดียวแต่มีเด็กผู้หญิงผมสีชมพูและชายที่ขับรถตัวโต ทั้งหมดในอดีตถูกแบ่งออกเป็น สององค์กร และอีกหนึ่ง

กลุ่ม ได้แก่ BIRD(นก) BUNGA(ผลไม้) และ BUG(แมลง)(ผู้ที่ได้รับจดหมายทั้งสิบสามฉบับ) BIRD พยายามหาคนหรือ

เด็กที่มี พรสวรรค์ต่างๆเช่น นกร้อง นกคณิตศาสตร์ นักแฮคเกอร์ เป็นต้นนั้นคือ BUG และเมื่อใช้ผลประโยชน์อะไรซัก

อย่างเสร็จแล้วจะกำจัดทิ้ง BUNGA คือฝ่ายต่อต้านที่จะมาช่วย BUG จากการติดตามของ BIRD แต่ใช่ว่าจะทำสำเร็จ

ต่อมาอีกไม่นาน มีองค์กรใหม่ที่ชื่อว่า GHOST กำเนิดขึ้นเป็นฝ่ายที่ไม่เข้าและไม่ออกฝ่ายไหน เพียงแต่ที่เข้ามาเกี่ยวเพราะ

BUG บางคนที่เป็นนัก แฮคเกอร์ เข้าไปยุ้งบางอย่างจึงทำให้ GHOST เข้ามาพัวพันด้วย ผลสรุปของทุกอย่างจบลงด้วย

BIRD เป็นผู้ชนะเหล่า BUNGA ที่กระจายอยู่ทั่วโลกค่อยๆถูก BIRD กำจัดไปหมดจนเหลือนับคนได้ ส่วนองกรค์ GHOST

เมื่อกำจัดผู้ แฮคเกอร์ผู้นั้นได้แล้วก็หายสาบสูญไปในเงาเหมือนกับนามของเขาและไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวอีกเลย ส่วนชายที่ไป

เห็นบางสิ่งบางอย่างขององกรค์ที่กล่าวในขั้นต้นนั้นเขาลือกันว่าตายไปแล้ว ส่วนเด็กผู้หญิงและชายตัวใหญ่ไม่มีข่าวอีก

เลยทิ้งไว้เพียงรถสีดำและผู้หญิงใส่เสื้อร้านอาหาร ที่จำไม่ได้ว่าตัวเองมานอนอะไรอยู่ในรถคนนี้

ในห้องเล็กๆในบ้านเก่าๆทั้งหมดยกเว้น ฮอคและพอท ยืนอึ้งและมองมาที่เขาคนเดียว บางคนที่ไม่รู้เรื่องอะไร

เกือบรู้หมดและส่วนคนที่บอกว่ารู้ก็อึ้งไม่ต่างกัน

“รู้ดีเชียวนะ” พอทพูดท่าทางอารมณ์ไม่ดีเพราะไม่ถูกกับ ฮอค อยุ่แล้ว “แน่หล่ะก็นาย”

“อดีตสมาชิค นักวางแผนของ BIRD” ฮอคพูด “ฉันรู้ดีแต่ฉันพร้อมเสมอว่าฉันไม่ใช่สายของ BIRD หากได้มีโอกาสที่จะให้

ฉัน พิสูจน์ความจริง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แล้วฉันจะรอดู” พอทพูดอย่างใส่อารมณ์รุนแรงและไม่พอใจ

“โอเค” เปปพูดแทรก “ฉันพอเข้าใจความสำคัญของการที่ฉันทำแก้วนั้นแตกแล้ว”

“ขอบคุณที่เข้าใจ” พอทพูดและดูเหมือนอารมร์จะเย็นลงแล้ว บรรยากาศตอนนี้ค่ำแล้วแต่ทุกคนยังยืนคุยกันอยู่

“ฉะนั้นสิ่งที่พวกมันตามหาฉันพอจะเดาได้แล้วว่ามันคืออะไร” เพอร์พูดและยิ้ม พร้อมกับหยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมา

มันเป็นจดหมายที่ยังใหม่เอี่ยมอยู่ ทุกคนเดินเข้ามาล้อมวงกัน

“แล้วทำไมเธอไม่บอกเราหล่ะ” เปปพูดด้วยอารมณ์รื่นเริงและตื่นเต้นเล็กน้อย

“เพราะว่าวันนี้เป็นวันเดียวกับที่ชายคนที่ได้รับจดหมายฉบับที่สิบสี่เข้ามายุ้งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นๆยังไงหล่ะ” เพอร์พูดชวนให้

ตื่นเต้น “เราทุกคนที่มาที่นี่ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้เสียเท่าไหร่เพียงแต่ได้รับรู้เรื่องราวบางอย่างยกเว้นฮอค”

เธอพูดพร้อมกับมองและกวาดสายตาไปหาทุกๆคน “ใครที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้วจะเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างเต็มที่และ

ถอนตัวออกไปไม่ได้จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบ” เธอพูดพร้อมกับยิ้มด้วยความตื่นเต้น “ใครพร้อมที่จะเข้ามาเกี่ยวกับสิ่งนี้

ให้เอามือมาจับที่จดหมาย” เพอร์พูดจบแต่ไม่ถึงเสี้ยววินาที ทุกคนรวมทั้ง ฮอค ต่างก็เอามือยืนมาจับกันอย่างเบียดเสียด

สิ่งที่เป็นเพียงแค่จดหมาย กลับเหมือนมีแรงดึงดูดจากหลายๆคน ทั้งที่คนที่ไม่เกี่ยวรู้ว่าเมืออ่านจะเกิอะไรขึ้น จดหมายสี

ขาวนั้นไม่ได้เขียนหรือมาจากใคร เขาคนนั้นคือคนที่ คิดว่าถูก GHOST กำจัดไปแล้วนัก แฮคเกอร์ผู้รู้ความลับบองอย่าง

ขององกรค์ GHOST เขาผู้นั้นมีโค้ดเนมว่า

APPLE

จากผู้เขียนถึงผู้อ่าน

ขอบคุณมากนะครับถ้ามีใครอ่านจนจบ ทั้งคนที่เคยอ่านและไม่เคยอ่านผมจะพยายามเขียนให้เข้าใจทั้งสองฝ่ายครับ เพราะว่าไม่รู้จะเขียนได้ดีหรือปล่าวแต่ก็เต็มที่ครับ ตอนแรกผมก็นอนๆนึกอยู่ว่าช่วงนี้ไม่รู้จะทำอะไรเลยรื้อเรื่องเก่าๆเอามาเขียนใหม่ดีกว่า
อีกอย่างนึงผมไม่ค่อยอยากทิ้งเรื่องนี้ให้จบแบบไม่รู้เรื่องเสียด้วยครับ ยังไงก็ขอฝากไว้หน่อยสักเรื่องนะครับ ขอบคุณครับ[/CENTER]

5day-ago
5th October 2011, 18:28
โอ้ว! กลับมาแล้ว เป็นกำลังใจให้ครับ :)

LoveSeeker
5th October 2011, 18:38
แล้วเขาก็กลับมา~~~

Season
5th October 2011, 20:17
ขอบคุณครับ ครั้งนี้จะพยายามเขียนไม่ให้เนื้อเรื่องกว้างเกินปครับ เดี๋ยวไม่จบอีก แต่จะยังคงความสนุกไว้เท่าที่ทำได้ครับ

ขอบคุณครับ

Season
6th October 2011, 20:19
THE LETTER CODE : RE - JOURNAL

JOURNAL PAGE 2 Top cup of coffee : ถ้วยกาแฟของท๊อป



.................ในเมืองเล็กๆที่หนึ่งของอิตาลี มาชายคนหนึ่งเดินอยู่ใต้ทางสะพานที่มีน้ำปริ่มๆอยู่ดูเหมือนว่าอีกไม่นานมันคงจะ

แห้งในไม่ช้า ตอนนี้เป็นวาลากลางคืนเกือบจะตีสองและชายคนนั้นก็ใส่เสื้อสีดำปิดหน้าปิดตาอีกเสียด้วย จึงทำให้ไม่

สังเกตเห็นได้ง่ายๆเลย เขาเดินวนไปมาราวกับจะรอใครซักคนที่ใต้สะพานนี้ ในมือขวาของเขาถือกระเป๋าเอกสารใบใหญ่

ใบหนึ่งเขาเดินหยุดอยู่ที่กลางใต้ท้องสะพานทันที และเมื่อเท้าของเขาก้าวมาหยุดทันใดนั้นฝนก็ตกลงมาทีนที และดู

เหมือนว่า คนที่เขานัดพบจะมาแล้วเสียด้วย เขาใส่เสื้อโค้ดสีดำปิดหน้าปิดตาเช่นกันเขาค่อยเดินๆมาจากทางข้างหลังของ

ชายคนแรกอย่างช้าๆ เขาเดินมาอย่างนิ่งๆ และหยุดอยู่ข้างหลังและใกล้มากๆ และเมื่อมองดูดีๆแล้วเขาเป็นผู้หญิง

“ใช่นายหรือป่าว” เธอพูดและยังหยุดยืนอยู่ข้างหลัง ตัวนิ่งตรง

“ไม่เชิงหรอก” เขาหันน้ามาหาเล็กน้อยขณะที่ยืนหันหลังอยู่

“ฉันไม่เข้าใจ” นายน่าจะตายไปแล้วนี่หน่า “APPLE”

“ซักวันฉันจะอธิบายทั้งหมดให้เองหลังจากทุกอย่างจบลง” เขาพูด “แต่ฉันในตอนนี้ไม่ใช่ APPLE และไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก”

“ยังไง” เธอถามกลับอย่างทันควัน

“แล้วไว้ฉันจะบอกเองตอนนี้ต้องรีบแล้ว” เขาพูดเพื่อเริ่มเข้าประเด็นที่นัดมาเจอ เขาหันหลังกลับมาพร้อมหยิบกระเป๋า

เอกสารใบหนึ่งออกมา “มันเป็นข้อมูลที่ฉันรู้ทั้งหมด ทั้งจากองค์กร BIRD GHOST ทั้งหมดรวมอยู่ในนี้แล้ว”เขาพูดด้วย

น้ำเสียงจริงจัง “ถ้าเธอเอาไปมันอาจอันตรายแต่สิ่งนี้อยู่กับฉันจะไม่ปลอดภัยเธอต้องส่งต่อให้ใครก็ได้” เขาพูดจบ

“ได้แต่” เธอพูดแต่ดูเหมือนจะไม่สนใจเท่าไหร่กับเอกสาร “ฉันจะเจอเธอเมื่อไหร่อีกหล่ะ”

“วันที่ฉันเป็นตัวฉัน” เขาพูดประโยค งงๆ ออกมาและทำให้เธอยิ่งไม่เข้าใจตามไปอีกเสียด้วย

“อะ อะ อืม” เธอพูดทั้งที่ยัง งง อยู่ เขาส่งดระเป๋าเอกสารใตให้เธอถืออย่างช้าๆ

“งั้นไว้เจอกันฉันต้องไปหล่ะ” เขารีบพูดและกำลังจะเดินจากไป

“เดี๋ยว” เธอพูดเสียงดังทันควัน “อย่าตายนะ”

“อืม”

ทั้งสองคนเดินจากไปคนละทางกันแต่ดูเหมือนว่า เธอยังคงหันมามองดูเขาจากข้างหลังเป็นระยะๆ เพื่อที่

อยากจะเห็นให้ไกลที่สุดก่อนจะจากกัน ถึงเขาจะพูดว่าไว้เจอกันแต่เธอกลับรู้สึกเหมือนจะไม่เจออีกแล้ว น้ำตาเธอเหมือน

จะไหลแต่ก็ไม่ไหล มันเป็นความรู้สึกที่ว่า คนๆนั้นความรู้สึกเหมือนคนที่รู้จักแต่เขากลับบอกว่าไม่ใช่ มันจึงไม่มีเหตุผลที่จะ

ไห้น้ำตาไหลออกมา ทันที่คลาดสายตากันเธอก็เดินไปทางตลาดและเอาผ้าคลุมหัวออกเธอเป็นผู้หญิงผมยาวสีชมพูหูทั้ง

สองข้างใส่สมอลทอล์คไว้แต่ไม่ได้เปิดเพลงดูเหมือนว่าแบทจะหมดเสียแล้ว เธอค่อยเดินไปทางตลาดกลางคืนและหายไป

ในฝูงชน แต่อีกทางด้านหนึ่ง ชายคนที่เจอกับเธอใต้สะพานเดินตรงไป โบสถ์ มันเป็นโบสถ์ที่ใหญ่มากๆและดูเหมือนประตู

จะยังคงเปิดไว้อยู่ เขาค่อยเดินเข้าไป ภายในโบสถ์ที่มืดสลัวนั้นยังมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ และเขาก็เดินไปหยุดอยู่ข้างๆตรงจุด

ที่เขานั่งมันมืดจนทำให้ไม่เห็นหน้าตาเขา

“ขอบใจนะ” ชายคนที่นั่งอยู่ก่อนในโบสถ์พูดด้วยความจริงใจ แต่สายตายยังคงมองตรงไปอยู่

“ไม่เป็นไรหรอก” เขาตอบกลับด้วยความยินดี

“นายอยากจะทำอะไรสักอย่างเป็นครั้งสุดท้ายก่อนไหม” คนที่นั่งพูดและหันหน้าไปหาเขา

“คงไม่มีแล้วหล่ะ” เขาพูด “โอ้ะ ลืมไปฉันอยากกินนมอุ่นๆหน่ะแต่ไม่เป็นไรแล้วหล่ะไม่เป็นไรจริงๆพอแล้วหล่ะ”

เขาพูดไปพลางพร้อมกับยิ้มไปพลาง และชายคนที่นั่งอยู่ก่อนก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงเพลงที่ร้องกัน

เวลากลางคืนของประจำเมืองนี้ดังขึ้น น้ำตาของชายที่บอกว่าอยากทานนมอุ่นๆก็ไหลออกมาจากตาซ้ายเล็กน้อย เขาพูด

เบาๆกับชายที่นั่งอยู่ว่า “ขอบคุณมากนะ”

ตอนเช้าตรู่ ชั้นสองของบ้านหลังเก่าหลังหนึ่งยังมีคนสองคนคุยกันเรื่องแปลกๆ ไม่ว่าจะพูดถึงองค์กรที่มีชื่อ ว่า

นก แมลง หรือ ผลไม้ (BIRD, BUG,BUNGA) เขาสองคนนั่งเถียงกันอยู่บนเตียงนอนคนละเตียงมันเป็นเตียงนอนขนแกะ

เก่าๆเหมือนกับบ้านเก่าๆนั่นเอง สุดริมหน้าต่างของห้องชั้นสองมีชายสวมแว่นดำชุดดำนอนหลับอยู่ข้างหน้าต่างนั่นไม่ใช่

ใครเขาคือ ฮอค อดีตนักวางแผนขององค์กร BIRD เตียงในห้องมีสามเตียงและดูเหมือนว่า เพอร์เด็กผู้หญิง คนที่นอนเตียง

ที่สามจะลุกออกไปก่อนแล้ว ตอนนี้ดูเมือนว่าชายทั้งสอง เปปและพอท จะพูดคุยกันเสร็จแล้ว

“โอเค สรุปเลย” เปปพูดขณะที่มมองออกไปนอกหน้าต่างพลางและหันกลับมาหา พอทพลาง “เกี่ยวอะไรด้วย”

“นายยังไม่เข้าใจอีกหรอ” พอทพูดมองสายตาตรงมาหาเปป “เมื่อคืนนายอ่านจดหมายนั่นไปแล้วแสดงว่านายเกี่ยวข้อง

กับมันเข้าอย่างเต็มๆ” พอทพูดพร้อมกับทำเสียงแข็งขึ้น

“เฮ้อันที่จริงฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นไม่ได้อยากมีส่วนร่วมเลย”

“แต่นายอ่านข้องความไปแล้วนะ”

“ข้อความอะไรมันแค่คำสั้นๆด้วยซ้ำ” เปป เร่งเสียงและทำเสียงแข็งเช่นกัน

“มันไม่ใช่คำสั้นๆ” ฮอคที่นอนอยู่ริมหน้าต่างลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ “มันเป็นรหัส เป็นประโยคลับที่อาจรู้กันแค่ในองค์กร”

“’งั้น ฮอค” พอทพูดต่อทันควัน “ฝากพูดกับเขาต่อที ฉันจะลงไปดูหน่อยว่า เพื่อ เพอร์ทำอะไรให้ยัดเข้าปากบ้าง”

“ได้ ไม่เป็นไร” ฮอคพยักหน้ารับเร็วๆ เปปยังทำท่าท่างส่ายหน้าช้าไม่สนใจอย่างกวนๆ

“ฉันเบื่อพวกหัวอ่อนหน่ะ” พอทพูดเสร็จและเดินลงมาจากชั้นสองเขาซอยเท้าเร็วๆลงเพื่อว่าจะมีอะไรให้ทานบ้าง

ชั้นล่างตอนนี้ดูเหมือนจะสะอาดขึ้นมาบ้างแล้วเพราะหลังจากอ่านจดหมายเมื่อคืน เพอร์หลังจากที่อ่านจดหมาย

เธอก็รีบหานำไม้กวาดจากใต้เตียงของชั้นสองออกมาทำความสะอาดทันที ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนรู้ว่าบ้านหลังนี้มีอะไร

มากน้อยแค่ไหน หลังจากที่เธอเคยหา ของที่ องกรค์ BIRD ต้องการ นั่นคือจดหมายของ APPLE มาหลายวัน เว่นแต่ใน

ห้องน้ำที่อยู่ห่างไปจากบ้านซักหน่อย พอทเดินลงมาอย่างรวดเร็วและเลี้ยวเข้าห้องครัวทันที เพื่อที่จะได้ทานอาหารเช้าซัก

ที แต่ก่อนที่จะเข้าห้องครัวไป พอทเห๋นประตูเปิดทิ้งไว้อยู่แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร

“ไปฝังขยะ” ข้อความเขียนทิ้งไว้บนโต๊ะอาหาร และดูเหมือนว่าจะไปจริงๆเสียด้วยเพราะแก้วที่แตกเมื่อวานไม่มีเห็นมีแล้วแต่พอทไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักแค่หันไปอ่านนิดหน่อยและหันกลับมา

ตอนนี้บนโต๊ะเล็กๆกลางห้องครัวยังคงมีขนมปังกรอป ไส้กรอกชีส แยมทำเอง และโกโก้ สำหรับสี่คนพอดี



พอทเดินตรงมาที่ตะเล็กๆกลางห้องครัวเล็กๆทันที ดูเหมือนว่าจะมีเก้าอี้แค่สองตัวเท่านั้นและเป็นเก้าที่ใกล้จะพัง

แล้วด้วย เขาหยิบขนมปังกับโกโก้ขึ้นทานขณะที่ยังยืนอยู่พร้อมกับสายตาที่มองไปรอบห้อง เขาสังเกตได้เลยว่าห้องครัว

ต่างจากเมื่อวานนิดหน่อยแต่ก็ดีขึ้นเยอะ ตอนนี้ภาพโดยรวมภายในบ้านนั้น ดีขึ้นแล้วทั้งหน้าต่างที่ถูกซ่อมแซมโดย ฮอค

ฝุ่น ใยแมงมุม ถูกทำความสะอาด หมดแล้ว แต่สิ่งที่สกปรกกว่าดูเหมือนจะเป็น ตัวเขาที่ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันตั้งแต่เข้า

มาแอบในบ้านหลังนี้เสียแล้วมากว่า ตอนนี้ขนมปังในปากเขาเคี้ยวหมดแล้ว เขาซดโกโก้จนหมดแก้วและตั้งไว้อย่างเดิม

ตอนนี้ในหัวของเขานึกถึงแค่ว่า รหัสลับ เมื่อคืนมันคืออะไรกันแน่ รหัสที่ APPLE ทิ้งไว้ให้ มันเขียนไว้ว่า “ถ้วยกาแฟของท๊

อป” แต่หลังจากที่ทุกคนได้อ่านแล้วก็ได้ลองไปดูถ้วยกาปฟทั้งหมดในบ้านหลังนี้แล้วแต่ก็ไม่พบอะไรเลย

ตอนเที่ยงเข้ามาถึงอย่างรวดเร็วดูเหมือน เพอร์ จะกลับมาแล้ว เธอใช้เวลาช่วงเช้าทั้งหมดเข้าไปในเมืองที่ห่างไปหลายกิโล ดูเหมือนว่าเธอจะอาบน้ำมาแล้วเสียด้วย เธอเดินตรงเข้ามาที่ห้องครัว

และพบว่าทุกคนเข้ามาที่นี้กันหมดแล้ว

เธอหยุดยืนตกใจแค่เสี้ยววินาทีพร้อมกับมองไปรอบๆห้องและเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้กลางห้องครัว เปปนั่งแทะขนมปังไป

พลางๆขณะที่สายตามองไปที่เพอร์ พอทยืนพิงกำแพงสมาธิของเขามองออกไปนอกหน้าต่างสำรวจเพื่อว่าจะไม่มีใครเข้า

มา ฮอคนั่งอยู่บนกล่องไม้เล็กๆข้างตู้เย็นที่เพิ่งหยิบมาวางเมื่อเช้ามันเป็นกล่องส้มเก่าๆจากอังกฤษ ตอนนี้ในมือเพอร์ถือถุง

ที่ข้างในมีอาหารกระป๋องเต็มไปหมด เธอเอาทั้งหมดออกมาวางไว้บนโต๊ะมันเรียงได้ซักยี่สิบกว่ากระป๋อง มันเป็นทั้งผลไม้

ไม้กระป๋อง อาหารกระป๋อง ต่างๆนาๆ ต่อมาไม่กี่อึดใจเมื่อเธอจัดเรียงเสร็จ พอทพูดขึ้นมาทำลายความเงียบทันที

“นี่ฉันยังไม่ได้ถามเธอเลย เธอเอาจดหมายของ APPLE มาจากไหน” พอทพูดจบ

“ฉันเจอมันตั้งอยู่ในหน้าบ้านตอนเช้าตรู่ก่อนหน้านั้นสองวัน” เธอพูดน้ำเสียงไม่ใส่ใจอะไรและมือก็กำลังพับถุงนั้นอยู่

“แล้วเธอพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับ ประโยคนั้นบ้างไหม” พอทพูดพลางขณะที่มองไปข้างนอกเป็นระยะๆ

“ช่วงเช้าที่ฉันเข้าเมืองไป” เพอร์ค่อยๆพูดๆอธิบายและดูเหมือนจะรู้อะไรซักอย่าง “เท่าที่ฉันฟังฮอคเล่ามา มีผู้หญิงคนหนึ่ง

ทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร เธอเป็นคนที่อยู่กับรถคันสีดำที่ถูกทิ้งไว้ แต่เธอจำอะไรไม่ได้แล้ว การที่เราจะเริ่มฉันคิดว่าควรเริ่ม

จากจุดๆนั้นเสียก่อน” เธอพูดเพื่อดึงความสนใจของทุกคน “เพราะเธอเป็นคนเดียวที่เรารู้ว่ายังมีตัวตนอยู่”

“ฉันเห็นด้วย” ฮอคพูดทันควัน “เธอคนนั้นอาจเป็นเบาะแสเดียวที่มีอยู่ก็ได้”

“ฉันก็ว่าโอเคนะ แล้วเราจะไปทั้งอย่างนี้หรอ โล่งๆเดินไปเลย”เปปพูดแทรก “เออว่าแต่เธอไปไหนมาไหนในเหมือนที่ห่างไป

หลายกิโลได้ไง”

“ฉันเจอจักยานที่พับได้อยู่ใต้เตียงหน่ะและดูเหมือนว่าจะมีทุกเตียงเสียด้วย” เพอร์พูด

“เดี๋ยวก่อนนะ เตียงมีสามเตียง แต่เรามีสี่คน” ฮอคพูดและดูเหมือนว่าตัวเองจะโดนเขี่ยทิ้งเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้

นอนบนเตียง

“ฉันคิดไว้แล้วหล่ะเราจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม” เพอร์พูด “กลุ่มแรกตามหา ผู้หญิงหรือหาเบาะแสเรื่อง ถ้วยกาแฟของท็อป

ส่วนอีกกลุ่มไปหารถคันสีดำ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่สเปนหล่ะ เพราะข่าวผู้หญิงที่ไร้ความทรงจำฉันไปค้นในเมืองมาเช้า”

“โอเคงั้น ฉันไปฮอคเอง” เปปพูด “ดูท่าเขาพึ่งพาได้มากว่าใครบางคน” โยคของเปปทำให้ พอทไม่สนใจเท่าไหร่

“งั้นถ้าเราจะไปกัน เราไม่ควรใช้นามเดินหรือ โค้ดเนมเดิม เราควรตั้งกลุ่มขึ้นมาใหม่” พอทพูด

“โอเคเอาเป็นอะไรหล่ะ ชื่อสัตว์ม่ะไม่ๆๆๆ” เปปพูดเอง เออเอง

“ฉันว่าเอาเป็นชื่อของตัวเลขดีม่ะ” เพอร์พูด

“ได้นี่” “ก็ได้ง่ายดี” พอทและ ฮอคพูด และดูเหมือนว่าเปปอยากได้ชื่อ แบรนเนม เสียมากกว่า

“งั้นฉันขอ 1” เพอร์พูด

“ฉัน 2 ก็ได้” เปปรีบพูดเพราะไม่อยากอยู่หลังๆ

“ ฉันขอ 3” พอทพูดต่อแต่ในใจก็ไม่อยากอยู่หลังๆเช่นกัน “งั้นนายก็ 4 สิหน่ะ”

“ไม่” ฮอคพูดและทุกคนก็หันมาหาทันทีด้วยความมึนงง “ถ้าเป็นตัวเลขฉันขอ”

“0”

จากผู้เขียนถึงผู้อ่าน - ตอนนี้อาจดูน้อยๆหน่อยนะครับแต่ก็ขอบคุณสำหรับใครที่อ่านจนจบตอนหน้าจะเข้าเนื้อเรื่องหลักแล้วหล่ะหล่ะครับ ขอบคุณครับ

Season
9th October 2011, 22:46
THE LETTER CODE : RE - JOURNAL

JOURNAL PAGE 3 : A little help from man - ความช่วยเหลือเล็กน้อยจากชายคนนั้น


..................กลางโบสถ์ในอิตาลีแห่งหนึ่งยังมีชายคนหนึ่งนั่งดีดกีต้าอยู่ภายใต้เงามืดในเวลากลางคืน ท่ามกลางฝนที่ตกลง

มาเสียงของกีต้านั้นแถบจะไม่ได้เข้าหูของเขาเสียงเลย ภายในโบสถ์นั้นว่างปล่าวไม่มีผู้คนเสียเลยมันเหมือนเป็นโบสถ์ร้าง

ที่ถูกทำความสะอาดทุกอาทิตย์ จึงดูไม่เก่าเสียเท่าไหร่เพียงแต่ผู้ที่มาทำความสะอานั้นมักจะไม่ค่อยลงทุนเสียเท่าไหร่

เพราะหากเก้าอี้ไม้ตัวไหนในโบสถ์ที่หัก หรือชำรุดเขามักจะตัดทิ้งและนำอิฐสองสามก้อนมาวางทับแทน ตู้หนังสือที่เคย

มีหนังสือเต็มไปหมดในโบสถ์ตอนนี้มันกลับว่างปล่าวเหลือไว้เพียงกระดาษสองใบ มันจึงทำให้น่าสงสัยว่าทำไมคนทำ

ความสะอาดนั้นกลับไม่ยอมนำกระดาษสองใบนี้ออกไปทิ้งเสียทีความน่าสงสัยนี้ส่งผลไปถึงชายที่นั่งดีดกีต้าคนนั้น ที่

สังเกตเห็นพอดีสายตาของเข้ามองไปที่กระดาษสองใบนั้นสักสิบวินาทีขณะที่มือกำลังดีดกีต้าอยู่อย่างไม่เป็นจังหวะ

ทำนอง หลังจากที่หมดความอดทนสงสัยเสร็จเขาค่อยลุกขึ้นและค่อยๆวางกีต้าลงบนเก้าอี้ที่เขา นั่งแทน เขาเดินตรงไปที่

กระดาษสองใบนั้นที่ตั้งอยู่ในตู้ ขณะที่เดินไปสายตาของเขาเหลียวไปมองที่ประตูโบสถ์เป็นครั้งคราและตั้งสามธิกลับมาที่

กระดาษสองใบอย่างเดิม ทันทีที่เข้าหยุดตัวเขาก็อยู่หน้าตู้นั้นแล้ว แต่ไม่ว่าจะมองซักเท่าไหร่ในนั้นก็ไม่ได้เขียนอะไรไว้เลย

ด้วยความผิดหวังและเบื่อหน่ายที่เดินมาดูเขาจึงตั้งมันกลับไว้ที่เดิม และเขาก็พูดพึมพำเล็กน้อย

“มาหรือยังนะ” เขาพูดไปพร้อมกลับหันหน้าไปมองประตูโบสถ์อีกครั้ง

แต่ดูเหมือนว่าการมองไปครั้งนี้จะไม่ผิดหวังเสียเท่าไหร่เขาเห็นและได้ยินเสียงคนที่กำลังจะเดินมาเปิดประตูเข้ามาในโบสถ์

เพราะตอนนี้ฝนค่อยๆหยุดตกแล้ว

.........................ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในโบสถ์พร้อมกับเสื้อสีดำคลุมชุดทั้งตัว เขาเดินเข้ามาเหมือนจะมองหาใครซักคนและก็

พบอย่างที่หวัง ตัวเขาเปียกไปด้วยฝนที่เพิ่งจะหยุดตกได้มี่กี่นาทีที่แล้วแต่นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เสียเท่าไหร่ เขามองไปหา

ชายที่ยืนอยู่หน้าตูในโบสถ์และเดินตรงไปหาทันที ชายคนที่อยู่ในโบสถ์ก่อนแล้วก็เดินกลับไปหากีต้าของเขา ส่วนคนที่
กำลังเดินมาหาก็เปลี่ยนทิศเดินตรงมาทันที

“นายคือ APPLE ใช่ไหม” ชายชุดดำคนที่เดินเข้ามา ถามคนที่อยู่ในโบสถ์ก่อน

“ใช่ ฉันนี่หล่ะ” APPLE ชายที่อยู่ในโบสถ์ก่อนหน้า ตอบ

“ฉันขอเวลาอีกซักพักได้ไหม” ชายชุดดำรีบถามเสียงเขาดูไม่สู้ดีนัก “แค่อยากไปบอกลาใครซักคนหน่ะ”

“อืมไปเถอะแต่แค่คืนนี้นะ” APPLE ตอบ

“ขอบใจนายจริงๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องให้แต่ก็ไม่มีน้ำตา

“ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจนาย” APPLE พูดพร้อมกับมองหน้าและยิ้มให้เล็กน้อย “นายควรรีบไปเสียตอนนี้”

“ได้” เขาค่อยๆเดินออกไปจากโบสถ์ และหันกลับมาหา APPLE “ฉันกลับมาแน่ฉันสัญญา” เขายิ้มให้เล็กน้อยเช่นกัน

ทันทีที่ชายคนนั้นเดินออกมาจาโบสถ์ฝนก็ตกลงมาอีกครั้งและดูเหมือนว่าจะตกหนักกว่าครั้งก่อน

....................เขาค่อยๆเดินลัดไปตามถนนแคบในหมู่บ้านแห่งหนึ่งขณะที่ฝนกำลังตกลงมาอย่างหนักแต่ในสายตาเขากลับไม่

สนใจมากนักแต่กลับมุ่งหน้าไปยังจุดๆหนึ่ง เขาเดินผ่านสวนเล็กๆตอนนั้นดูเหมือนว่าจะยังมีคนคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย มันเป็น

สวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงไปเกินสามเมตรแต่มี ใบดกหนาเต็มต้น ชายคนที่ยืนอยู่ในสวนค่อยๆเดินตามเขามาที่ละก้าวๆ

จนเขาต้องหยุดยืนเพื่อชายคนนั้นตามทัน

“คูณคือใคร”เขาหันหลังกลับมาคุย “ผมไม่ว่างมาพูดกลับคุณหรอกนะ”

ชายคนนั้นที่ยืนอยู่ในสวนค่อยๆเงยหน้าขึ้นแต่ใบหน้านั้นกลับปิดไว้ด้วยหน้ากากหัวกะโหลกมันทำให้เขาตกใจและพูด
ออกมาว่า

“GHOST” ทันทีที่เขาพูดเสร็จ เขาพยายามหันหลังกลับอย่างรวดเร็วแต่ดูเหมือนว่ามันจะสายไปเสียแล้วชายที่ใส่หน้ากาก

กะโหลกกลับถือปืนไว้ก่อนหน้านั้นและทันทีที่เขาหันหลังกลับชายหน้ากากกะโหลกก็เหนี่ยวไกทันที ร่างของชายชุดดำ

ค่อยๆนอนกองลงไปกลับฟื้นพร้อมกับฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนักแต่เขากลับไม่มีเลือดออกเลย ชายหน้ากากกะโหลก

ค่อยๆเก็บปืนนั้นเข้าชุดของเขา และเดินกลับเข้าไปในสวนและหายไปจากพื้นที่ ณ จุดนั้น

.............................สายลมที่กำลังพัดมาของสถานที่แห่งหนึ่งในยามเช้าเกือบสายๆกลางถนนยาวสุดขอบสายตา สายลมนั้นกระทบ

เบาๆกับแผ่นหลังของชายสองคนที่กำลังเดินไปตามถนนทางยาวสุดสายตา ชายคนหนึ่งใส่ชุดสำดำทั้งตัวนั่นไม่ใช่ใครเขา

คือ ฮอค นั่นเอง ส่วนคนที่เดินนอยู่ข้างๆก็ไม่ชาใครอื่น เขาคือ เปป ตอนนี้ดูเหมือนว่า ฮอคที่กำลังเดินเหงื่อตกถึงแม้จะมีลม

พัดอยู่นั้นกลับรู้สึกอึดอัด และ รู้ สึกผิดต่อ เปป อย่างมาก เพราะตนเองเป็นสาเหตุทำให่ เปป ไม่ได้ปั่นจักรยานมาด้วย

เนื่องจาก จักรยานที่มีอยู่ในบ้านเก่าๆนั้น มีเพียงสามคันเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ พอทและเพอร์ นำมันไปแล้วสอง จึงเหลือทิ้งไว้

แค่หนึ่ง แต่ ทางเปปกลับไม่ได้คิดอะไรเสียมากมายเหมือน ฮอคแต่กลับรู้สึกสนุกที่ได้ออกมาเดินเสียด้วยซ้ำถึงจะไม่สนุก

เท่าปั่นจักรยานก็เถอะ

ตอนนี้ทุกอย่างดูเงียบๆ มีเพียงเสียงสายลมเท่านั้นที่พัดอยู่ไปมาแต่คงจะดีที่ไม่มีเสียงฟ้าร้องเพราะถ้าเช่นนั้นเขาทั้งสองคง

เปียกไหทดทั้งตัวแน่เพราะสองข้างทางเป็นที่โล่งไม่มีที่หลบฝนเสียเลย บรรยากาศดูเงียบซึ่งไม่ถูกกับเปป เสียเท่าไหร่ แต่

มันอาจสงบเล็กน้อยกับ ฮอค เพราะโดยส่วนตัวบางครั้งเขาอาจเป็นเงียบๆอยู่แล้ว ความเงียบนี้ทำให้ เปป ต้องตั้งคำถาม

ชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบมันให้สิ้นลงไป เขาค่อยอ้าปากช้าและสายตามองไปที่ฮอคที่เดินอยู่ทางซ้ายของเขา

“เอิ่ม” เปปใจเสาะนิดๆเพราะกลัวว่าจะตั้งคำถามไม่ถูกปาก “นายเข้าไอ้ องค์กร BIRD นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาพยายามพูด
จนจบประโยคด้วยความเร็ว

“ก็ มันเป็นเรื่องที่นานแล้วหล่ะนะ” ฮอคค่อยๆหันมามองและยิ้มกว้างๆให้เปป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนชอบพูดเมื่อมีคน

ชวนเขาคุยก่อน “รู้สึกถ้าจำไม่ผิดก็ ตอนแปดขวบกว่าๆมั้งนะ” เขาพูดและยิ้มให้ เปปทุกประโยคก่อนที่จะหันกลับไป

“ไม่จริงหน่า” เปป ทำน้ำเสียงเหมือนตกใจแต่ในใจเขาไม่ได้สนใจเสียเท่าไหร่ขอแค่ให้มีเรื่องที่ต้องการจะคุยเท่านั้น “แล้ว

งค์กร BIRD จะเอา นายไปทำอะไรหล่ะ ก็แค่ เด็ก เองนะ” ประโยคหลังที่ เปปพูดทำให้ ตัวเขาเอง สนใจขึ้นมานิหน่อย

“ก็ อันที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจเข้าหรอกนะเพียงแต่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆชวนให้น่าสนใจ “ฉันเข้าไปแฮคข้อมูลขององค์กรนั้น

เล่นหน่ะ” เปปดูตกใจนิดหน่อยกับประโยคคำพูดนั้น “แต่ตอนแรกที่เขาก็จะกำจัดฉันไปแล้วหล่ะ แต่พอพบฉันเป็นเด็กก็

เก็บฉันมาไว้ในองค์กรเพราะความสามรถ” ฮอค พูดและทำปากบึ้งนิดหน่อย

“หรอ เจ๋งนี่” เปป พูดและดูเหมือนตัวเองดูด้อยค่ามาก

“แล้วนายหล่ะเข้าองค์กร BUNGA นี้ได้ไง” ฮอคถามกลับ

“ก็” ดูเหมือน เปปจะไม่ค่อยกล้าพูด “ฉันขายตัวเองเข้ามาหน่ะ โดยบอกเขาว่าฉันสามารถฝันเห็นอนาคตได้” เขาพูดด้วย

น้ำเสียงโกหก “แต่ถึงหัวหน้าจะรู้ว่าเป็นเรื่องโกหก เขาก็ยังรับฉันเข้า” เขาพูดต่อ “มันเป็นเหมือนจดหมายส่งต่อทาว

อีเมลล์หน่ะ แค่กรอกรายละเอียด นิดๆ หน่อยๆ ก็ได้เข้ามาแล้วหล่ะ” เปป พูดจบและพยายามละสายตาไปทางอื่น

“หรอ เออนี่รู้หรือป่าว” เขาพูดเหมือนจะตั้งคำถามและเป็นคำตอบเช่นกัน “ฉันรู้เรื่องจดหมายฉบับที่ สิบสี่ที่ถูกส่งออกไป

ด้วยหล่ะ จดหมายที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดหน่ะ” และพูและเหมือนค่อยๆกระซิบเช่นกัน

“ หรอ” ตอนนี้เปป ไม่สนสนใจเท่าไหร่ ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ เพราเขารู้สึกอายๆที่พูดถึงเรื่องตัวเอง

“จดหมายฉบับนั้นส่งออกไปโดย” ฮอค พยายามพูดจนจบ

รถคันหนึ่งแล่นมาจากทางข้างหน้าสุดลูกหูลูกตาด้วยความเร็วที่สูงมาก มันเป็นแท็กซี่คนสีเหลือง อ่อนๆ และมีควันออกมา

จากท่อเต็มไปหมด ทันทีที่คนขับเห็น ชายสองคนกำลังเดินอยู่ คือ ฮอคและเปป เขาก็เพิ่มความเร็วมากขึ้นอีกทันทีทั้งที่มัน

เร็วอยู่แล้ว ตอนนี้ ฮอค และ เปป ยังคงสงสัยอยู่ว่ามันเป็นรถจากไหนกันแน่ ทั้งที่แถวนี้ไม่น่ามี แท็กซี่ ขับ ผ่านมาเลย

“เฮ้” เปป โบกทันทีทั้งที่ยังไม่ทันคิด แต่รถคันนั้นก็ดูเหมือนจะสนองเช่นกัน เขา หยุดทันทีที่ขับมาถึงเขาทั้งสอง

“เฮ้ต้องการให้ไปส่งไหม” ชายขับรถแท็กซี่ประหลาด เขาใส่เสื้อสี ส้มแก่และใส่กางเกงขาสั้นสีแดง ร้องเท้าไม่สวม แถมยัง
สวมหมวกอีก

“สเปนคุณไปส่งได้ไหมหล่ะที่นั้นหน่ะ” ฮอคพูดขึ้นทันทีเหมือนจะไม่ไว้วางใจแต่ก็ไม่น่าแปลกเพราะท่าทางดูไม่น่าไว้วางใจ
เลย

“ได้สิ” ชายประหลาดพูด ทำเอาทั้งสองคนอึ้งและตกใจกันไปหมด เหมือนกับมีคนบอกว่าคุณสามรถบินไปได้นะประมาณ

นั้น แต่ ทั้งที่เปปต้องการให้ไปส่งแค่สนามบินเท่านั้นเอง

“คุณจะไปยังไงหล่ะ” เปปถามด้วยความสงสัยอย่างมากเขาไม่เคยสงสัยอะไรเท่านี้ แต่มันกลับทำให้ชายขับรถแท็กซี่

หัวเราะดังลั่นเหมือนคนบ้าอยู่ในรถ

“นายไม่รู้จักแท็กซี่คันนี้หรอ” เขาพูดและเหมือนจะยังหัวเราะอยู่ “ฉัน อีพี (eggplant) เป็นนักขนส่ง คนแห่ง BUNGA

คนเดียวและคันเดียว” อีพีพูดพร้อมหัวเราะและดูเหมือนจะภูมใจตัวเองเช่นกัน

“แล้วคุณรู้ได้ไงเราอยู่นี่” ฮอคถาม ด้วยถสามสงสัยอย่างมาก

“พูดก็พูดเถอะฉันมีเซนต์ด้านนี้หล่ะมั้ง ก็ขัยมาตั้งแต่อายุ 20 แล้วนี่หน่า” อีพีพูดด้วยน้ำเสียงน่าเชื่อถือ “เอ้าขึ้นมาสิ”

ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอยู่สักพัก และค่อยๆเปิดประตูออกมา เปปขึ้นก่อนตามด้วย ฮอค ทันทีที่ทั้งสองคนขึ้นรถเสร็จรถย์ก็

ออกวิ่งทันที

........................รถของอีพีตอนนี้กำลังวิ่งไปด้วยความเร็วสูงอย่างที่ไม่น่าเชื่อภาพวิวทุกอย่างและบรรยากาศ ดูรวดเร็วและสับสน

ไปหมด แต่ในความเร็วนั้น เปป พูดแทรกตอนที่ อีพี ขับรถย์นั้นอยู่และเขาก็หยุดทันที รถย์มาหยุดอยู่กลางถนนแห่งหนึ่งใน

เวลากลางคืน

“เฮ้คุณเอารถสุดเจ๋งนี้มาจากไปไหนหน่ะมันเว่อร์มาก” เปปตกใจสุดๆ เขามองไปรอบๆรถและหันกลับไปที่หน้าคนขับ

“อ่อฉันทำเองหน่ะ” อีพีพูด

“เดี๋ยวนะฉันต้องจ่ายเงินคุณหนิ คุณใช้เงินสกุลไร บาท ดอลล่าร์ หรือ เยน” ฮอคพูดขึ้นแทรกแต่ยังคงเหลือความอึ้งตกใจ

อยู่เล็กน้อย

“ไม่ต้องหรอกก่อนมานี้อันที่จริงฉันก็ไม่ใช้เซนต์ไปเสียอย่างเดียวหรอก มีจดหมายในมือถือมาถึงฉันหน่ะเขาบอกให้มา

แถวๆนี้” อีพีพูดค่อยเกลี่ยความสงสัย “แถมอยู่ๆเงินก้อนโตก็เข้ามาในบัญชีฉันได้ไงไม่รู้ฉันเลยถือว่า พิเศษแล้วกัน ฉันก็

เผลอลบข้อความนั้นไปแล้วรู้สึกจะชื่อ แอป แอ อะไรนี่หล่ะ” อีพีพูดมองตรงไปข้างหน้าทั้งๆที่มันเป็นแค่ถนนมืดๆไม่มีผู้คน

แต่เพียงแค่นั้นทำให้ทั้งสองคนผู้โดยสาย ฮอคและ เปป กลับมาจ้องหน้ากันและพูดแบบเดียวกัน

“APPLE”

ทันทีที่พูดจบรถคนนั้นก็หายไปจากถนนมืดๆนั้นทันทีเหลือไว้เพียงแต่ควันรถสำที่กำลังล่องลอยขึ้นไป

และจางหายไปในไม่ช้า จากนักเขียนถึงผู้อ่าน ขอโทษสำหรับคนที่ติดตามอ่านช่วงนี้อาจลงช้าหน่อยนะครับแต่จะลงให้จบครับถึงจะไม่มีคนอ่าน(ไม่อาว) เพราะไม่อยากให้เนื่อเรื่องติดอยู่หรือไม่จบไปตลอดการแบบนี้ และต่อไปจะเขียนเป็น สามเนื่อเรื่องได้แก่ ช่วงเหตุการณ์ต่างๆจากภาค LETTER CODE(ภาคแรก) จะอยู่ช่วงแรก ส่วนช่วงหลังจะสลับกันสองเนื้อเรื่องครับ 1 เนื้่อเรื่องของ PEPPER และ HAWK / 2 POT และ PER
ปล. ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตามอ่านครับ

Piussun
10th October 2011, 20:42
กว่าจะเข้าเว็บมาได้ (เน็ตหอคงเสถียรแล้ว....มั้งนะ)

ที่ดูมานะ อันดับแรกที่ต้องทำการแก้คือ การจัดตัวหนังสือให้อยู่ตรงกลางครับ ในนิยายเขาไม่นิยมทำกันแบบนี้ เพราะการจัดให้อยู่ตรงกลางนั้นมักจะใช้กับพวกบทกวีต่างๆที่ต้องการให้เด่นซะมากกว่า หากนำไปใช้กับนิยายเมื่อมีการขึ้นบรรทัดใหม่แล้ว มันจะไปเกาะอยู่กลางๆหน้ากระดาษ ทำให้การอ่านสะดุดลงไม่มีความต่อเนื่อง เพราะสายตามนุษย์จะมองเป็นรูปตัว- "Z" ไล่ลงมา การที่มันไปเกาะอยู่ตรงกลางจะไปเป็นตัวขัดภาพในหัวผู้อ่านลง ทำให้เสียอรรถรถในการอ่านได้

ถ้าอยากให้ผู้อ่าน อ่านได้อย่างไหลลื่นจำเป็นต้องชิดซ้ายเท่านั้นครับ

ต่อไปคือการใช้คำภาษาแชทซึ่งผู้เขียนอาจจะใช้โดยที่ไม่รู้ แต่ก็จะมาบอกครับเพราะคำพวกนี้มันใช้เกร่อกันจนไม่รู้ว่าผิดหรือถูก

แพร้ง >> เพล้ง
กีต้า >> กีต้าร์
หรอ >> เหรอ
หล่ะ >> ล่ะ
หนิ >> นิ (เมื่อใช้ลงท้ายคำพูดมันจะออกเสียง ห นำอัตโนมัติ)
รถย์ >> ไม่มี ย์
นี่หน่า >> นี่นา
ป่าว >> เปล่า ( ป่าว คือการเปล่งเสียงออกมาให้ดัง)
เว่อร์ >> เวอร์
ไม่จริงหน่า >> ลองพูดสิครับ "น้อยหน่า" - - "น่า" ครับ
ว่างปล่าว >> ปล่าว ไม่มีในพจนาณุกรมนี่นา ยังไงก็ "เปล่า" ชัวร์ๆ

ที่จริงมีอีกเยอะแต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะการรีบพิมพ์มากกว่า เช่น สลับวรรณยุกต์ สลับสระ อะไรพวกนี้ขอให้ลองตรวจสอบอีกทีนะผลงานจะได้ดีขึ้นมากเลย

Season
10th October 2011, 22:17
http://upic.me/i/mi/16untitled.png

5day-ago
10th October 2011, 22:27
http://upic.me/i/mi/16untitled.png

ยังมีคนอ่านอยู่ครับ ^^ ผมพอดีช่วงนี้ฝนตกหนักเน็ตอืดๆเลยไม่ค่อยได้โพสเท่าไร สู้ๆครับ

Stormwind
10th October 2011, 22:35
ผมตามอ่านอยู่นะครับ อย่าท้อใจง่ายๆสิครับ

By STORMWIND [ยกครอบครัว]

pongput1995
10th October 2011, 23:17
ผมอ่านอยู่ครับ ติดตามอยู่เสมอครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ

Season
11th October 2011, 00:43
http://upic.me/i/hm/sorry.jpg