ning445
6th October 2011, 17:40
http://upic.me/i/tz/img_144662_intel_logo.jpg (http://upic.me/show/10147974)มาพักเรื่องราวของกราฟิกการ์ดจาก NVIDIA และ ATI กันบ้าง ปล่อยให้ทั้งสองขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดกันไปแหละดีแล้วครับ ยิ่งแข่งขันกันเท่าไรผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็จะยิ่งได้รับผลดี ได้ทั้งของถูกของดีมาใช้กัน ในวันนี้ผมมีเรื่องราวเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้ชมกันอีกแล้วกับ Intel Larrabee GPU ก่อนที่จะอธิบายว่ามันคืออะไรต้องมาเท้าความกันกับเรื่องราวของผู้ผลิตชิพกราฟิการ์ดกันก่อน ปัจจุบันก็จะมียักษ์ใหญ่อยู่สามรายก็คือ NVIDIA, AMD (ATI) และอินเทล โดยในส่วนของ NVIDIA กับ AMD (ATI) นั้นจะเน้นผลิตชิพกราฟิกแบบแยกที่เน้นประสิทธิภาพในการเล่นโดยเฉพาะ ส่วนอินเทลนั้นจะเน้นผลิตชิพกราฟิกออนบอร์ดที่มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่รู้ๆ กันอยู่ว่าไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ก็แค่เพียงพอแต่การใช้งานรูปแบบทั่วๆ ไป เช่น พิมพ์งาน เล่นอินเตอร์เน็ต
ในวันนี้อินเทลกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากแค่เพียงเป็นผู้ผลิตกราฟิกออนบอร์ดต๊อกต๋อย หันมาทำกราฟิกแบบแยกที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพในการเล่นเกมเป็นหลักครับ โดยชื่อของมันคือ Larrabee เป็นโค้ดเนมของชิพ GPU รุ่นใหม่ล่าสุดของอินเทล ชิพรุ่นใหม่นี้จะผลิตบนพื้นฐานของ Pentium MMX ซึ่งบนพื้นฐานของ Pentium MMX เนี่ยคงไม่ใช่การนำเอา Pentium MMX มาแปะไว้บนบอร์ด PCI Express เหมือนกราฟิการ์ดทั่วๆ ไปเป็นแน่http://upic.me/i/wo/00045_diagram.jpg (http://upic.me/show/28811491)พลังการคำนวณที่น่าทึ่ง:eek:
อย่างที่ได้ทราบกันแล้วว่าคอร์ของ Larrabee สืบเชื้อสายมาจาก Pentium ซึ่งคอร์ของมันมีขนาดเล็กกว่า die ของ Intel Core 2 เสียอีก โดยอินเทลได้กล่าวว่า Larrabee 10 คอร์สามารถบรรจุอยู่บน die ของ Core 2 รุ่นแรก 65 นาโนเมตรได้อย่างสบาย และคาดการณ์ว่าตอนเปิดตัวมันจะถูกผลิตบนสถาปัตยกรรม 45 นาโนเมตร ซึ่งจะเป็นผลให้ชิพ Larrabee สามารถบรรจุคอร์ได้อย่างน้อยถึง 32 คอร์
ด้วยสถาปัตยกรรมของ Larrabee ที่ผลิตจาก Pentium ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมคอร์แบบ x86 และด้วยการที่ใช้คอร์แบบ x86 นี่เอง โปรแกรมเมอร์และนักผลิตเกมสามารถที่จะใช้ชุดคำสั่ง C/C++ ได้ง่ายมากกว่าเรียนรู้ภาษาใหม่ของ NVIDIA อย่าง CUDA (หมู่นี้สองค่ายนี้เขาชักมองหน้าไม่ค่อยติดกันอยู่)
นอกเหนือจากความเกี่ยวดองกับ Pentium แล้ว ฟีเจอร์หลักของสถาปัตยกรรมของ Larrabee มี Floating Point Unit ที่กว้างมากเป็นพิเศษ มีประสิทธิภาพในการคิดคำนวณคำสั่งได้มากถึง 16 คำสั่งต่อ 1 รอบสัญญาณนาฬิกา ซึ่งสูงมากกว่า 4 เท่าของ CPU ของอินเทลในปัจจุบัน อีกทั้งแต่ละคอร์ของ Larrabee ได้ถูกใส่ความสามารถในการรองรับการประมวลซอฟต์แวร์ได้ถึง 4 ตัวพร้อมกัน (Multi-Threading) และด้วยทั้งหมดนี้ทำให้มีการคาดการณ์ว่า Larrabee อาจจะมีประสิทธิภาพในการคำนวณ Floating Point (การคำนวณเลขทศนิยม) สูงกว่าชิพอินเทล Core 2 Duo ถึง 100 เท่า!!
ดูท่าว่าชิพตัวนี้จะมีความแรงมากทีเดียวกับข้อมูลที่ทางอินเทลเปิดเผยออกมา แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าประสิทธิภาพของมันจะดีแค่ไหนในการใช้งานจริงๆ จนกว่าจะถึงปลายปี 2552 นู่นแน่ะhttp://upic.me/i/3a/00045_larrabee-card.jpg (http://upic.me/show/28811540)เทคโนโลยีทางด้านเกมล่ะ?
สถาปัตยกรรมของ Intel Larrabee รองรับ API ทางด้านกราฟิกสามมิติของ DirectX 10 และ OpenGL อย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตามสถาปัตยกรรมของ Larrabee มีฟีเจอร์ที่ผสมระหว่าง CPU และ GPU มันจึงเหมาะสำหรับงาน GPGPU (General Popose GPU) หรือ Stream Processing ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ฟิสิกส์โปรเซสเซอร์ หรือโปรเซสเซอร์ในการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เช่นเดียวกับ CUDA ของ NVIDIA นั่นเอง
อีกข้อมูลที่ทำให้กราฟิกชิพตัวใหม่ของอินเทลดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นก็คือเกม Project Offset ซึ่งเกมนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่พัฒนาโดยการใช้เอนจิ้นของทางบริษัท Offset ซึ่งเป็นทีมที่อินเทลได้ซื้อไปเพื่อโชว์ถึงการดึงความสามารถของชิพตัวนี้โดยตรง ซึ่งเมื่อดูจากภาพวิดีโอตัวอย่างของเกมนี้ก็บอกได้เลยว่า ถ้า Larrabee สามารถเรนเดอร์ภาพรีลไทม์ได้ลื่นไหลขนาดนั้น NVIDIA กับ ATI ต้องมีร้อนมีหนาวกันบ้างล่ะครับ
ในงานประชุม SIGGRAPH2008 อินเทลได้แอบแผยถึงประสิทธิภาพของ Larrabee ในการเล่นเกมจริงมาว่า ชิพ Larrabee ที่ความเร็ว 1GHz สามารถทำเฟรมเรตเฉลี่ยที่ 60 fps บนความละเอียด 1600x1200 พิกเซลได้ในหลายๆ เกมที่ได้รับความนิยม ซึ่งอินเทลได้ประมาณอย่างคร่าวๆ ไว้ว่า 25 คอร์ สำหรับ Gears of War ไม่เปิดลบรอยหยัก, 25 คอร์สำหรับ F.E.A.R. กับลบรอยหยัก 4xAA และ 10 คอร์สำหรับ Half-Life 2: Episode 2 กับลบรอยหยัก 4XAA และเป็นไปได้ว่าตอนเปิดตัวอาจจะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกามากกว่า 1GHz โดยอินเทลแสดงให้เห็นว่าจำนวนคอร์ของ Larrabee มีผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกมโดยตรง
คลายข้อสงสัย Pentium
คอร์ของ Larrabee ใช้พื้นฐานมาจากโปรเซสเซอร์รุ่นเก่า Pentium MMX ที่ผลิตมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ต้องขอบคุณสถาปัตยกรรม x86 ที่อยู่ในเจ้า MMX โดยมันมีขนาดของคอร์เล็กกว่าโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ในตระกูล Core 2 มากๆ
และนอกจากที่ Larrabee นั้นเป็นกิ่งก้านสาขาที่เกิดจากการนำ Pentium MMX มาพัฒนาต่อยอดแล้วนั้น อินเทลยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไปอีกด้วย โดยในแต่ละคอร์ของ Larrabee สามารถรองรับการทำงานได้ถึง 4 Thread พร้อมกัน และมีความสามารถในการคำนวณได้กว้างถึง 16-Instruction Floating-Point อีกทั้งชิพรุ่นใหม่นี้ยังรองรับการทำงานแบบ 64-bit ซึ่งสามารถทำงานเข้ากันได้กับโปรเซสเซอร์ตระกูล Intel Core 2 ได้อย่างดี นอกเหนือจากนี้อินเทลยังได้ยัดคุณสมบัติภาคถอดรหัสสองมิติ (ถอดรหัสไฟล์วิดีโ0hkอ) ไว้ในระดับฮาร์ดแวร์ด้วย และในส่วนเมมโมรีคอนโทรลเลอร์ใช้เทคโนโลยีส่งผ่านข้อมูลความเร็วสูง 512-bit Memory Ringbus โดยทำงานร่วมกับหน่วยความจำรุ่นล่าสุดอย่าง GDDR5http://upic.me/i/uc/00045_nfs_uc01.jpg (http://upic.me/show/28811555)GPU และ CPU ระวังตัวไว้ให้ดี
ทั้ง AMD และ NVIDIA ต่างก็ออกมาวิพากย์วิจารณ์ว่าชิพ Larrabee ในทางเสียๆ หายๆ โดย NVIDIA ได้กล่าวว่า Larrabee เป็นเพียง GPU ที่มีความแรงเทียบเท่ากับชิพ GPU ในปี 2549 เท่านั้น (ด่าได้เจ็บมาก...) จริงๆ แล้วคำว่าร้ายต่างๆ ของผู้ครองตลาดชิพกราฟิกอย่าง NVIDIA นั้นก็อาจจะมาจากความน่ากลัวของอินเทลผู้ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรม CPU ที่กำลังเบิกทางโปรเจ็กต์ Larrabee อันยิ่งใหญ่ก็เป็นได้
อินเทลได้ออกมากล่าวว่าปัจจุบันสถาปัตยกรรมของทั้ง CPU และ GPU เริ่มมีการทำงานที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น อย่างเช่น NVIDIA ที่มีโปรเจ็กต์ที่จะทำให้ GPU ของตนเองสามารถรันแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกราฟิกสามมิติได้ (CUDA) และถ้ามันเป็นจริงอย่างที่ NVIDIA หวังไว้ละก็ ภายในสิ้นปีนี้เราอาจจะได้เห็นแอพพลิเคชั่น อย่างเช่น โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ โปรแกรมแก้ไขตกแต่งภาพ และโปรแกรมจำลองฟิสิกส์ ที่ใช้แรงประมวลผลจาก GPU ของ NVIDIA กัน
ในอนาคต Larrabee อาจจะเป็นรากฐานสำคัญของ CPU รุ่นใหม่ๆ ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งเป็นไปได้ว่าโปรเซสเซอร์ยุคหน้าของอินเทลอาจจะบรรจุทั้งคอร์จำนวนมากและ Larrabee หลายๆ คอร์ลงไปอยู่ใน CPU แพ็คเกจเดียว และด้วยโปรเซสเซอร์แห่งอนาคตนี้อาจจะทำให้หมดยุคของ CPU และ GPU แยกจากกันอีกต่อไปhttp://upic.me/i/01/00045_inside_wall.jpg (http://upic.me/show/28811561)Project Offset เกมชูโรงของชิพอินเทล Larrabee
ด้วยการที่อินเทล Larrabee สามารถเขียนโปรแกรมให้ใช้งานร่วมกับมันได้ง่ายกว่า GPU ก่อนๆ ของที่เคยเป็นมา และมีทั้งเบื้องหลังอย่างอินเทลบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการโปรเซสเซอร์คอยหนุนหลังอยู่อีก จึงไม่แปลกเลยที่ Larrabee จะถูกจับตามองว่าอาจจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ NVIDIA และ AMD (ATI) แน่นอน ซึ่งการมาของกราฟิกที่เน้นประสิทธิภาพทางด้านการเล่นเกมตัวแรกของอินเทลในครั้งนี้ คงทำให้วงการกราฟิกการ์ดดุเดือดกว่าที่เคยเป็นมาแน่นอนครับ:hehe
ที่มา..http://www.i3.in.th
ในวันนี้อินเทลกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากแค่เพียงเป็นผู้ผลิตกราฟิกออนบอร์ดต๊อกต๋อย หันมาทำกราฟิกแบบแยกที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพในการเล่นเกมเป็นหลักครับ โดยชื่อของมันคือ Larrabee เป็นโค้ดเนมของชิพ GPU รุ่นใหม่ล่าสุดของอินเทล ชิพรุ่นใหม่นี้จะผลิตบนพื้นฐานของ Pentium MMX ซึ่งบนพื้นฐานของ Pentium MMX เนี่ยคงไม่ใช่การนำเอา Pentium MMX มาแปะไว้บนบอร์ด PCI Express เหมือนกราฟิการ์ดทั่วๆ ไปเป็นแน่http://upic.me/i/wo/00045_diagram.jpg (http://upic.me/show/28811491)พลังการคำนวณที่น่าทึ่ง:eek:
อย่างที่ได้ทราบกันแล้วว่าคอร์ของ Larrabee สืบเชื้อสายมาจาก Pentium ซึ่งคอร์ของมันมีขนาดเล็กกว่า die ของ Intel Core 2 เสียอีก โดยอินเทลได้กล่าวว่า Larrabee 10 คอร์สามารถบรรจุอยู่บน die ของ Core 2 รุ่นแรก 65 นาโนเมตรได้อย่างสบาย และคาดการณ์ว่าตอนเปิดตัวมันจะถูกผลิตบนสถาปัตยกรรม 45 นาโนเมตร ซึ่งจะเป็นผลให้ชิพ Larrabee สามารถบรรจุคอร์ได้อย่างน้อยถึง 32 คอร์
ด้วยสถาปัตยกรรมของ Larrabee ที่ผลิตจาก Pentium ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมคอร์แบบ x86 และด้วยการที่ใช้คอร์แบบ x86 นี่เอง โปรแกรมเมอร์และนักผลิตเกมสามารถที่จะใช้ชุดคำสั่ง C/C++ ได้ง่ายมากกว่าเรียนรู้ภาษาใหม่ของ NVIDIA อย่าง CUDA (หมู่นี้สองค่ายนี้เขาชักมองหน้าไม่ค่อยติดกันอยู่)
นอกเหนือจากความเกี่ยวดองกับ Pentium แล้ว ฟีเจอร์หลักของสถาปัตยกรรมของ Larrabee มี Floating Point Unit ที่กว้างมากเป็นพิเศษ มีประสิทธิภาพในการคิดคำนวณคำสั่งได้มากถึง 16 คำสั่งต่อ 1 รอบสัญญาณนาฬิกา ซึ่งสูงมากกว่า 4 เท่าของ CPU ของอินเทลในปัจจุบัน อีกทั้งแต่ละคอร์ของ Larrabee ได้ถูกใส่ความสามารถในการรองรับการประมวลซอฟต์แวร์ได้ถึง 4 ตัวพร้อมกัน (Multi-Threading) และด้วยทั้งหมดนี้ทำให้มีการคาดการณ์ว่า Larrabee อาจจะมีประสิทธิภาพในการคำนวณ Floating Point (การคำนวณเลขทศนิยม) สูงกว่าชิพอินเทล Core 2 Duo ถึง 100 เท่า!!
ดูท่าว่าชิพตัวนี้จะมีความแรงมากทีเดียวกับข้อมูลที่ทางอินเทลเปิดเผยออกมา แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าประสิทธิภาพของมันจะดีแค่ไหนในการใช้งานจริงๆ จนกว่าจะถึงปลายปี 2552 นู่นแน่ะhttp://upic.me/i/3a/00045_larrabee-card.jpg (http://upic.me/show/28811540)เทคโนโลยีทางด้านเกมล่ะ?
สถาปัตยกรรมของ Intel Larrabee รองรับ API ทางด้านกราฟิกสามมิติของ DirectX 10 และ OpenGL อย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตามสถาปัตยกรรมของ Larrabee มีฟีเจอร์ที่ผสมระหว่าง CPU และ GPU มันจึงเหมาะสำหรับงาน GPGPU (General Popose GPU) หรือ Stream Processing ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ฟิสิกส์โปรเซสเซอร์ หรือโปรเซสเซอร์ในการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เช่นเดียวกับ CUDA ของ NVIDIA นั่นเอง
อีกข้อมูลที่ทำให้กราฟิกชิพตัวใหม่ของอินเทลดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นก็คือเกม Project Offset ซึ่งเกมนี้เป็นโปรเจ็กต์ที่พัฒนาโดยการใช้เอนจิ้นของทางบริษัท Offset ซึ่งเป็นทีมที่อินเทลได้ซื้อไปเพื่อโชว์ถึงการดึงความสามารถของชิพตัวนี้โดยตรง ซึ่งเมื่อดูจากภาพวิดีโอตัวอย่างของเกมนี้ก็บอกได้เลยว่า ถ้า Larrabee สามารถเรนเดอร์ภาพรีลไทม์ได้ลื่นไหลขนาดนั้น NVIDIA กับ ATI ต้องมีร้อนมีหนาวกันบ้างล่ะครับ
ในงานประชุม SIGGRAPH2008 อินเทลได้แอบแผยถึงประสิทธิภาพของ Larrabee ในการเล่นเกมจริงมาว่า ชิพ Larrabee ที่ความเร็ว 1GHz สามารถทำเฟรมเรตเฉลี่ยที่ 60 fps บนความละเอียด 1600x1200 พิกเซลได้ในหลายๆ เกมที่ได้รับความนิยม ซึ่งอินเทลได้ประมาณอย่างคร่าวๆ ไว้ว่า 25 คอร์ สำหรับ Gears of War ไม่เปิดลบรอยหยัก, 25 คอร์สำหรับ F.E.A.R. กับลบรอยหยัก 4xAA และ 10 คอร์สำหรับ Half-Life 2: Episode 2 กับลบรอยหยัก 4XAA และเป็นไปได้ว่าตอนเปิดตัวอาจจะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกามากกว่า 1GHz โดยอินเทลแสดงให้เห็นว่าจำนวนคอร์ของ Larrabee มีผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกมโดยตรง
คลายข้อสงสัย Pentium
คอร์ของ Larrabee ใช้พื้นฐานมาจากโปรเซสเซอร์รุ่นเก่า Pentium MMX ที่ผลิตมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ต้องขอบคุณสถาปัตยกรรม x86 ที่อยู่ในเจ้า MMX โดยมันมีขนาดของคอร์เล็กกว่าโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ในตระกูล Core 2 มากๆ
และนอกจากที่ Larrabee นั้นเป็นกิ่งก้านสาขาที่เกิดจากการนำ Pentium MMX มาพัฒนาต่อยอดแล้วนั้น อินเทลยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไปอีกด้วย โดยในแต่ละคอร์ของ Larrabee สามารถรองรับการทำงานได้ถึง 4 Thread พร้อมกัน และมีความสามารถในการคำนวณได้กว้างถึง 16-Instruction Floating-Point อีกทั้งชิพรุ่นใหม่นี้ยังรองรับการทำงานแบบ 64-bit ซึ่งสามารถทำงานเข้ากันได้กับโปรเซสเซอร์ตระกูล Intel Core 2 ได้อย่างดี นอกเหนือจากนี้อินเทลยังได้ยัดคุณสมบัติภาคถอดรหัสสองมิติ (ถอดรหัสไฟล์วิดีโ0hkอ) ไว้ในระดับฮาร์ดแวร์ด้วย และในส่วนเมมโมรีคอนโทรลเลอร์ใช้เทคโนโลยีส่งผ่านข้อมูลความเร็วสูง 512-bit Memory Ringbus โดยทำงานร่วมกับหน่วยความจำรุ่นล่าสุดอย่าง GDDR5http://upic.me/i/uc/00045_nfs_uc01.jpg (http://upic.me/show/28811555)GPU และ CPU ระวังตัวไว้ให้ดี
ทั้ง AMD และ NVIDIA ต่างก็ออกมาวิพากย์วิจารณ์ว่าชิพ Larrabee ในทางเสียๆ หายๆ โดย NVIDIA ได้กล่าวว่า Larrabee เป็นเพียง GPU ที่มีความแรงเทียบเท่ากับชิพ GPU ในปี 2549 เท่านั้น (ด่าได้เจ็บมาก...) จริงๆ แล้วคำว่าร้ายต่างๆ ของผู้ครองตลาดชิพกราฟิกอย่าง NVIDIA นั้นก็อาจจะมาจากความน่ากลัวของอินเทลผู้ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรม CPU ที่กำลังเบิกทางโปรเจ็กต์ Larrabee อันยิ่งใหญ่ก็เป็นได้
อินเทลได้ออกมากล่าวว่าปัจจุบันสถาปัตยกรรมของทั้ง CPU และ GPU เริ่มมีการทำงานที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น อย่างเช่น NVIDIA ที่มีโปรเจ็กต์ที่จะทำให้ GPU ของตนเองสามารถรันแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกราฟิกสามมิติได้ (CUDA) และถ้ามันเป็นจริงอย่างที่ NVIDIA หวังไว้ละก็ ภายในสิ้นปีนี้เราอาจจะได้เห็นแอพพลิเคชั่น อย่างเช่น โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ โปรแกรมแก้ไขตกแต่งภาพ และโปรแกรมจำลองฟิสิกส์ ที่ใช้แรงประมวลผลจาก GPU ของ NVIDIA กัน
ในอนาคต Larrabee อาจจะเป็นรากฐานสำคัญของ CPU รุ่นใหม่ๆ ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งเป็นไปได้ว่าโปรเซสเซอร์ยุคหน้าของอินเทลอาจจะบรรจุทั้งคอร์จำนวนมากและ Larrabee หลายๆ คอร์ลงไปอยู่ใน CPU แพ็คเกจเดียว และด้วยโปรเซสเซอร์แห่งอนาคตนี้อาจจะทำให้หมดยุคของ CPU และ GPU แยกจากกันอีกต่อไปhttp://upic.me/i/01/00045_inside_wall.jpg (http://upic.me/show/28811561)Project Offset เกมชูโรงของชิพอินเทล Larrabee
ด้วยการที่อินเทล Larrabee สามารถเขียนโปรแกรมให้ใช้งานร่วมกับมันได้ง่ายกว่า GPU ก่อนๆ ของที่เคยเป็นมา และมีทั้งเบื้องหลังอย่างอินเทลบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการโปรเซสเซอร์คอยหนุนหลังอยู่อีก จึงไม่แปลกเลยที่ Larrabee จะถูกจับตามองว่าอาจจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ NVIDIA และ AMD (ATI) แน่นอน ซึ่งการมาของกราฟิกที่เน้นประสิทธิภาพทางด้านการเล่นเกมตัวแรกของอินเทลในครั้งนี้ คงทำให้วงการกราฟิกการ์ดดุเดือดกว่าที่เคยเป็นมาแน่นอนครับ:hehe
ที่มา..http://www.i3.in.th