PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ความแตกต่างของคนไทยกับคนต่างชาติอื่นๆที่ผมคิดมากมาย



steampricegamer
7th April 2016, 01:13
[ย้ำ ผมจะยึดความเป็นไทยเป็นหลักเพราะเราคือเอกราช]

1. คนไทยสอนให้เลียนแบบ ต่างชาติสอนให้เรียนรู้
= ทำไมผมถึงกล้าพูดแบบนี้ เราเคยโดนรึป่าวกับคำพูดแบบนี้ตอนเราทำผิดพลาดหรือทำอะไรไม่เท่าคนอื่นเขา เช่น คนข้างบ้าน ญาติพี่น้อง มักจะโดนพ่อแม่พูดขึ้นว่า ทำไมไม่ได้อย่างเขา ทำไมเขาทำได้ แต่ทำไมลูกทำไม่ได้ ซึ่งผมพอจะเข้าใจว่าพ่อแม่อยากให้ลูกได้ดี แต่ผมคิดว่ามันสอนแบบผิดๆ พ่อแม่คนไทยสอนให้ลูกเลียนแบบไม่ใช่เรียนรู้ผมรับประกันได้เลยเพราะผมโดนบ่อย ส่วนต่างชาติผมกล้ารับประกันเลยว่าพ่อแม่สอนให้ลูกได้เรียนรู้ เขาไม่มีการเปรียบเทียบครับถึงจะมีก็น้อยเพราะผมมีเพื่อนต่างชาติพ่อแม่เขาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเอาลูกคนอื่นมาเปรียบเทียบยังงั้นยังงี้ แต่เขาจะบอกว่าดูซิ ทำไมเศรษฐีคนนี้เขาถึงรวยจัง เขาน่าจะมีเคร็ดลับอะไรแน่ๆ ลูกน่าจะเรียนรู้เอาไว้นะเผื่อลูกจะได้รวยเหมือนเขา มันต่างกันนะกับพ่อแม่คนไทยที่สอนลูกแบบนั้นไม่ใช่แบบคนต่างชาติ
2. คนไทยยึดติดกับวุฒิการศึกษาไม่สนใจประสบการณ์เลย ต่างชาติผมไม่รู้นะแต่ที่อ่านๆมาคือเขาจะดูที่ประสบการณ์ซะมากกว่า
= ฮาๆ หลายคนคงจะรู้ว่าค่าของการเป็นมนุษย์ของประเทศไทยวัดกันที่ไหน ย้ำๆๆเลยว่าคงเป็นการศึกษาไม่มีใครสามารถเถียงได้แน่นอน เพราะอะไรมันคงจะเป็นการสืบถอดต่อๆกันมา น้อยนะนายจ้างที่จะดูที่ประสบการณ์ก่อนแต่ผมพอจะเข้าใจครับว่าถ้าเอาระหว่างสองคน คนเรียน จบ ป.ตรี ไม่มีประสบการณ์เลย กับคนเรียนไม่จบเลย แต่มีประสบการณ์โดยที่นายจ้างไม่รู้จักกับทั้งสองเลย เป็นผมก็คงเลือก ป.ตรี แหละมั่ง แต่ต่างชาติไม่เลยเพราะผมเห็นข่าวนะครับ Google รับพนักงานที่ประสบการณ์ไม่ใช่วุฒิการศึกษาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วมั่งจึงเห็นได้ชัดว่าต่างชาติไม่ได้ยึดติดกับวุฒิการศึกษามากเกินไปนั้นเอง
3. คนไทยเรียนเยอะมากเกินไปจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นที่มันสำคัญมากกว่าเรียน ต่างชาติเรียนครึ่งวันตอนบ่ายเท่าที่เห็นในหนังคือไปทำงานรับJOB เช่นส่งหนังสือพิมพ์ ไปทำงานร้านพิซซ่า
= หลายคนนักเรียน นักศึกษาคงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าการศึกษาไทยมันเรียนเยอะมาก วันละ 8-10 ชม. ยังไม่รวมเรียนพิเศษต่อถึง 2-3 ทุ่ม ทำการบ้านอีก 1-2 ชม. 5ทุ่มเที่ยงคืนถึงได้นอนแล้วก็ทำแบบนี้ใหม่ คือแบบมันโครตไร้สาระครับในความคิดผมนะ คือทั้งชีวิตนักเรียนไม่ทำอะไรเรียนแต่หนังสือทั้งๆที่อย่างอื่นมันสำคัญมากกว่าเรียน มีไหม สมมุติคุณทำงานสักบริษัทหนึ่ง มีไหมอ่ะ นายจ้างให้โจทย์คณิตศาสตร์สามข้อพรุ่งนี้มาส่ง ไม่มีหรอกครับ เขาเพียงโยนงานให้คุณแล้วก็ให้คิด เช่น คุณคิดยังไงที่จะทำให้สินค้าตัวนี้ขายได้ ซึ่งนายจ้างเขาให้คิดอย่างเดียวเลย แต่สิ่งที่เราเรียนมาไม่ได้สอนให้เราคิด เอานี้ผมเอามาจาก Youtube โครตแทงใจเลยครับคำพวกนี้ ส่วนต่างชาติผมไม่รู้นะแต่ที่เห็นๆคือเขาเรียนน้อย เรียนครึ่งวัน ตอนบ่ายก็ไปหาทำงานรับ JOB ซึ่งจุดแตกต่างคือ คนไทยจะทำงานก็ต่อเมื่อขัดสน แต่ต่างชาติไม่ขัดสน พ่อมีบ้าน ****ีรถ หลังใหญ่แต่เขายอมทำงานเพื่ออะไร ตอบได้มั่นใจเพื่อประสบการณ์ชีวิต ตอนเช้าเรียนชีวิตมหาลัย ตอนบ่ายเรียนประสบการณ์ชีวิต เอาโดยรวมคือการศึกษาไทยมันเรียนเยอะมากเกินไปจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นๆทั้งๆที่อย่างอื่นมันสำคัญมากกว่าเรียน ผมเริ่มพิมพ์เยอะแล้วเริ่มวกวนแหละ
4. คนไทยอยู่ในกรอบมากเกินไป ต่างชาติเท่าที่ผมอ่านๆมาในกระทู้พันมทิปต่างๆเขาจะใช้ชีวิตนอกกรอบเขามีกฎหมายไว้อยู่แล้วว่าควรจะทำตามนี้ นอกเหนือจากนั้นที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใครไม่ผิดกฎหมาย เชิญทำได้เลย
= จะมีไหมคนไทยที่คิดนอกกรอบ จะมีไหมที่คนไทยคิดต่าง ดู ณ ปัจจุบัน คนคิดนอกกรอบ นอกกฎไปไหนแล้ว โน้นอยู่ในคุกซะงั้น นอกคอกมัน ปิดกั้นมันเลย โห้อะไรจะขนาดนั้น จริงๆมันหลายอย่างแต่ผมคิดไม่ออกแล้ว แต่ต่างชาติไม่ๆเขาเพียงวางกฎหมายไว้ครับว่าทุกคนต้องอยู่แบบนี้ๆไม่ให้เดือดร้อนใคร คุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎหมายเชิญตามสบาย จริงรึป่าวไม่รู้แต่ผมว่าจริง คุณคิดว่าไงละ
5. การศึกษาไทยมองคนเก่ง คนถาม เป็นคนแปลกประหลาด เป็นคนกล่าวร้าว ต่างชาติเมื่อมีคนเก่ง คนถาม เขามองเป็นเรื่องปกติ
= เคยไหม ผมนี่บ่อยถามครูบ่อยนะ เพื่อนในห้องมองใหญ่เลย มองเหมือนแบบตัวประหลาด ทั้งๆที่เพื่อนมันก็คงสงสัยเหมือนกันแต่ไม่กล้ายกมือขึ้นถาม ซึ่งมีหลายปัจจัยก็เป็นได้ เราถูกปลูกฝั่งให้เชื่อฟังผู้ใหญ่ ห้ามขัด ต้องเชื่อ เด็กก็จะกลัวกันหมด ไม่กล้าแสดงออก จะมีไหมที่ครูถามว่ามีนักเรียนคนไทยสงสัยบ้างยกมือขึ้น สรุปคือไม่มีครับเงียบกริ๊บ แต่ต่างชาติไม่เลยเขามองคนพวกนี้เป็นคนปกติ หรืออาจจะมองว่าเป็นคนเก่ง กล้าแสดงออก น่ายกย่องด้วยซ้ำ
6. ผู้พัฒนาประเทศไทยไม่สนับสนุนคนเก่งนอกคอกคนเก่งปิดกั้นคนเก่ง ผู้พัฒนาประเทศต่างชาติยินดีสนับสนุนทุกเมื่อถึงโครงการที่คนเก่งเสนอจะดูเป็นไปไม่ได้
= ข้อนี้มันก็เหมือนข้อข้างบนครับ สังเกตไหมคนไทยเรียนเก่ง เก่งโครตแต่ทำไมประเทศไทยถึงไม่พัฒนาเพราะอะไรนะหรอพูดได้เต็มปากก็เพราะผู้พัฒนาประเทศเนี่ยแหละ เชื่อไหมถ้ามีคนเก่งสักคนหนึ่งคนอยากจะทำโครงการบ้าๆบอๆที่ดูเป็นไปไม่ได้ ลองไปเสนอดูนะ ทางรัฐจะไม่สนับสนุนเลยด้วยซ้ำเพราะอะไร เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเราถูกปลูกฝั่งด้วยแหละมั่งว่าไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ไม่มีคนทำเป็นไปได้สักอย่าง นอกคอกมัน แล้วคนเก่งพวกนี้ไปไหน ตอบเลยเขาก็คงไปที่เขาสามารถอยู่รอดได้ มีคนเข้าใจ มีคนสนับสนุนเขาไปไหนเขาก็ไปต่างประเทศซิครับ ต่างประเทศเขาอนุมัตินะครับ เขาสนับสนุนเต็มที่ ถึงจะไม่สำเร็จเขาก็จะพูดประมาณว่าเอาสักครึ่งก็ยังดีเห็นความแตกต่างไหมครับ แล้วพอคนเก่งคนนี้ทำโครงการสำเร็จที่รัฐไทยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ทีนี้เป็นไงก็ไปอวยเขานี่คนไทยดูตัวอย่างนะทั้งๆที่รัฐไม่เคยอนุมัติและสนับสนุนโครงการเขาด้วยซ้ำ ผมบอกเลยว่าคนเก่งพวกนั้นเขาอาจจะลืมภาษาไทยแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งเขายอมอยู่นอกบ้านตัวเองดีกว่าไปอยู่ในบ้านตัวเองที่ไม่ยอมรับเขาเลย
7. ผู้ใหญ่ไทยอยากมีลูกเพราะคิดจะพึ่งลูกยามแก่มากเกินไป ต่างชาติเขามีลูกเพราะอยากมีลูกจริงๆไม่ได้หวังว่าจะพึ่งลูกยามแก่
= ผมกล้าพูดเลยไม่มีพ่อแม่คนไทยไม่เคยพูดว่า ลูกต้องเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ยามแก่นะ ซึ่งผมมองว่ามันดูแปลกๆ คืออยากมีลูกเพราะอยากมีลูกหรืออยากมีลูกเพราะอยากเอาไว้พึ่งตัวแก่กันแน่ ซึ่งมันขัดแย้งกับจุดประสงค์ เป็นผมผมจะไม่พูดคำนี้ออกมาครับ ถ้าผมอยากจะมีลูกก็คืออยากมีลูกไม่ได้อยากพึ่งอะไร เรื่องดูแลคงเป็นหน้าที่อยู่แล้ว แล้วก่อนมีลูกมันก็ต้องคิดอยู่แล้วครับว่าต้องมีเงินเผื่อไว้ยามแก่ด้วยไม่ใช่จะพึ่งพาลูกอย่างเดียว หลายคนคงจะคิดว่าผมมันอกตัญญูแต่ไม่เลย มันไม่ใช่ครับ ต่างชาติไม่ใช่แบบคนไทยเลยสักนิด เขาอยากมีลูกเพราะอยากมีลูกเหมือนที่ผมบ่นไปสักครู่ ไม่ใช่อยากมีลูกเพราะอยากพึ่งยามแก่ ซึ่งในสันดารของคนเป็นลูกคงรู้หน้าที่ตัวเองอยู่แล้วว่าคงมาเยี่ยมพ่อแม่ มาหาพ่อแม่บ้าง ไม่ใช่ว่ายังไงละแบบไม่ถูกเอาเป็นว่าคุณคิดยังไงกับข้อนี้ครับ
8. คนไทยสอนให้คิดใกล้ๆ ต่างชาติสอนให้คิดไกลๆ
= ผมกล้าการันตีเลยว่าน้อยนะ ข้อนี้มันตรงกับสถาบันครอบครัวซะมากกว่า จะมีไหมน๊าที่พ่อแม่จะถามว่า ลูกอีก10ปีลูกว่าลูกจะเป็นยังไง ฮาๆผมเชื่อเลยเด็กไทยตอบไม่ได้ ผมก็ตอบได้นะแต่โฟกัสว่า 1 ปีจะเป็นยังงี้ๆคงไม่ได้เพราะมันใช้เวลานานมากนะครับขอบอกเลย ซึ่งคำถาม 10 ปีคุณจะเป็นยังไง กลับไปอยู่กับสถาบันการทำงาน ที่บริษัทสัมภาษณ์โหดๆ 10 ปีคุณจะเป็นยังไง แล้วก็พากันตอบไม่ได้ ต่างชาติไม่ครับผมเชื่อว่าพ่อแม่ต่างชาติเขาคงไม่สอนเหมือนพ่อแม่คนไทยแน่นอนผมเชื่อนะว่าพ่อแม่ต่างชาติเขาน่าจะถามคำถามนี้แน่ๆไม่มากก็น้อย เพราะพ่อแม่สอนให้ลูกคิดตั้งแต่เด็กๆเลย จะเห็นได้ว่าฝรั่งต่างชาติเป็นคนกล้าพูดกล้าแสดงออก เขาถึงพูดภาษาไทยได้ไง ถึงคนไทยจะขำก็เถอะ แต่คนไทยจะมีสักกี่ล้านคนที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องๆ พูดแต่ว่าไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่พูดมาได้ไง ภาษาอังกฤษมันภาษากลางเลยนะครับ
9. คนไทยสอนให้เป็นลูกจ้าง ต่างชาติผมไม่รู้นะแต่ส่วนใหญ่ก็คงถูกสอนให้เป็นนายตัวเองทำงานลูกจ้างไม่กี่ปีก็ออกมาทำกิจการของตัวเอง
= เคยไหมครับ พ่อแม่จะสอนเราตั้งแต่เด็กๆว่า เรียนจบสูงๆนะลูกจบมามีงานทำดีๆ แล้วจะมีสักกี่ครอบครัวที่จะพูดขึ้นมาว่า เรียนจบสูงๆนะลูกเดี๋ยวพ่อจะพาเปิดกิจการเป็นของตัวเอง ไม่เลยครับถ้าลูกไม่เอ่ยปาก ผมไม่ได้บอกว่าการทำงานเป็นลูกจ้างมันไม่ดี แต่ผมจะสื่อว่าถ้าจะทำงานเป็นลูกจ้างเขาไปตลอดชีวิต ชีวิตคงมีแต่หนี้ครับ มันไม่พอใช้หรอก เงินเดือนหมื่นห้า ทำงานอีก 5-6 ปีอัพขึ้นสองหมื่น อายุ 40ปีเกือบ50ปีเงินเดือนสี่ห้าหมื่น มันไม่ใช่ครับเราเกิดมาต้องมีประโยชน์กว่านี้ ไม่ใช่ เรียน เรียนจบ ทำงาน แก่ตาย ซึ่งต่างชาติผมไม่รู้นะครับว่าเป็นยังไงแต่ส่วนใหญ่ที่ออกข่าวก็มีแต่ต่างชาติน้อยๆที่รวยกันทั้งนั้นและมีกิจการเป็นของตัวเองเพราะพ่อแม่สนับสนุนด้วยแหละมั่ง (แต่ก็จะมีคนที่ไม่ได้พึ่งทรัพย์สินพ่อแม่เลยก็มี สร้างด้วยตัวเองเลย ธรรมดาซะที่ไหน)
10. ระบบการศึกษาไทยห่วย ระบบการศึกษาต่างประเทศผมไม่รู้แต่น่า่จะดีกว่าไทย
= หลายคนบอกว่าระบบการศึกษาไทยมันห่วย ห่วยยังงั้นยังงี้ ผมจะอธิบายแล้วกันว่ามันห่วยยังไง
- ระบบการสอนมันกลับหัวกลับหางครับ ลองดูนะถ้าเราลองเอาระดับ ดร. หรือคน จบสูงมาสอนเด็ก ประถม หรืออนุบาลอ่ะ ทุกคนตอบได้ไหมว่าวัยไหนเรียนรู้ได้ดีที่สุด ตอบแบบมั่นใจวัยเด็กใช่ไหม แล้วระบบตอนนี้คนระดับ ดร. เรียนจบสูง ป.โท ป.เอก ไปอยู่ไหน มหาลัยใช่ไหม ลองสับเปลี่ยนดูครับ ผมว่าเด็กที่ได้ปลูกฝังระดับ ดร. คนจบ ป.โท ป.เอก ถ้าจบไปผมว่าโครตเก่งเลยครับ
- ลดเวลาเรียนลงบ้าง หรือจะเอาแบบฝรั่งเลย เช้าเรียน บ่ายทำงานหาประสบการณ์ ลองดูแล้วเด็กไทยจะเก่งมากขึ่้นและมีประสบการณ์ที่ดีมากครับ
- สอนท่องจำ พอได้แล้ว คิด วิเคราะห์ แยกแยะให้มันจริงๆจังๆหน่อย ปากพูดสอน ค ว ย แต่ไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลย เจอประจำท่องอยู่นั้นแหละแล้วก็ไม่ได้ใช้
จริงๆมันเยอะมากครับไม่รู้จะพูดยังไงปวดหัวมากขอบ่นแค่นี้ เป็นแค่ความคิดผมการจะแก้ระบบการศึกษาไทยได้มันต้องแก้เป็นรุ่นๆครับ แก้ตอนนี้ก็คงยากมาก เป็นไปได้ครับ แต่ยากโครตๆ

พอแค่นี้ก่อนจริงๆมันเยอะมากครับ ทุกคนสามารถคอมเม้นเพิ่มเติมได้ ผมอายุ 18 ปี จะขึ้นเรียนปี 1 จ.อุบลครับ ถ้าความคิดผมขัดใจใครก็ขออภัย ณ ที่นี้ ไม่มีจุดประสงค์จะทำให้แตกแยกแต่อยากให้รู้ว่าผมคิดยังไงอยากจะสื่อมันออกมาเป็นกระทู้หนังสือยาวๆแบบนี้ครับ เชิญ คอมเม้นด้านล่างครับผม

LiTTle
7th April 2016, 02:07
เห็นด้วยครับเราคิดต่างจากเค้าก็หาว่าเราผิด

ONE OK ROCK
7th April 2016, 04:32
ไม่รุ้จะพูดยังไง

แค่ กฏหมายบ้านเมือง ยังอ่อน โจร เต็มบ้านเมือง คนเหี้..... เพียบ คนดีอยุ่ยาก

เลือกตั้ง นายก ยังทะเลาะกัน คนนั้น ดีไม่ดี โกงน้อยโกงมาก ทะเลาะกัน ตีกัน ฆ่ากัน เข้าไป

ประเทศไทยไม่มีวันเจริญผมยืนยันเลย อีก 40-50ปี ก็ เหมือนเดิม!!!!!!! อ้างสารพัด

ตปท นายกคนเดียว ดูแล ได้ ทั้งประเทศ

Natthakon
7th April 2016, 05:00
2. คนไทยยึดติดกับวุฒิการศึกษาไม่สนใจประสบการณ์เลย ต่างชาติผมไม่รู้นะแต่ที่อ่านๆมาคือเขาจะดูที่ประสบการณ์ซะมากกว่า
= ฮาๆ หลายคนคงจะรู้ว่าค่าของการเป็นมนุษย์ของประเทศไทยวัดกันที่ไหน ย้ำๆๆเลยว่าคงเป็นการศึกษาไม่มีใครสามารถเถียงได้แน่นอน เพราะอะไรมันคงจะเป็นการสืบถอดต่อๆกันมา น้อยนะนายจ้างที่จะดูที่ประสบการณ์ก่อนแต่ผมพอจะเข้าใจครับว่าถ้าเอาระหว่างสองคน คนเรียน จบ ป.ตรี ไม่มีประสบการณ์เลย กับคนเรียนไม่จบเลย แต่มีประสบการณ์โดยที่นายจ้างไม่รู้จักกับทั้งสองเลย เป็นผมก็คงเลือก ป.ตรี แหละมั่ง แต่ต่างชาติไม่เลยเพราะผมเห็นข่าวนะครับ Google รับพนักงานที่ประสบการณ์ไม่ใช่วุฒิการศึกษาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วมั่งจึงเห็นได้ชัดว่าต่างชาติไม่ได้ยึดติดกับวุฒิการศึกษามากเกินไปนั้นเอง

ผมไปสมัครงานเจอแต่ถามหาประสบการณ์การทำงานครับ

=Galaxy Ag=Z
7th April 2016, 11:45
เพิ่มอีก คนไทยมักเชื่อผิดๆเหมารวมว่า

คนเรียนเก่ง จบไปทำงานประสบความสำเร็จ เข้าสังคมได้ทุกคน

คนเรียนไม่เก่ง จบไปทำงานห่วยไม่ได้เรื่อง เข้าสังคมไม่ได้

ที่พูดมานี่ ผมได้ยินคนมันพูดแบบนี้มาเยอะ แต่ผมว่าไม่จริงหรอก

สรุป คนไทยคิดได้แค่นี้จริงๆ(ไม่ทุกคน)

แต่สำหรับผมเชื่อว่าเมืองนอก ส่วนใหญ่เขาไม่คิดแบบนี้กัน เขาคิดว่าใครจะทำงานประสบความสำเร็จได้จริงรึเปล่าขึ้นอยู่ที่ประสบการณ์ชีวิต

Mostwall
7th April 2016, 12:23
คุณ Bagheera เคยตอบเกี่ยวกับการศึกษาในประเทศและต่างประเทศเอาไว้แล้ว ตามด้านล่างเลยครับ



ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งตัวอย่างที่คนไทยในต่างประเทศจำนวนมากให้ข้อมูลที่ทำให้ภาพออกมาผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง นั่นคือการให้ภาพที่แสดงให้เห็นว่า เด็กๆ ในประเทศตะวันตกทั้งหลายแหล่เรียนกันน้อย การสอนไม่เคร่งเครียด มีเวลาเล่นสนุกสนานกันเยอะ ในขณะเดียวกันประเทศยังสามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นไปได้

ซึ่งผมเห็นว่านั่นไม่ใช่ภาพที่แท้จริง เพราะไม่ว่าระบบการเรียนการศึกษาแบบไหนก็ตาม ถ้าเด็กไม่สนใจการเรียนหรือให้เวลากับการเรียนน้อยเสียแล้วก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จในการศึกษาได้

ถึงแม้ว่าในประเทศตะวันตกจะมีระบบการเรียนที่แตกต่างไปจากไทย เนื่องจากการวางนโยบายสวัสดิการการศึกษาสำหรับประชาชนที่ต่างกัน เช่น การให้การศึกษาฟรีกับประชาชน บางประเทศจนถึงมัธยมปลาย บางประเทศไปจนถึงจบมหาลัย ทำให้การแข่งขันที่จะต้องสอบเข้าสถาบันการศึกษาจึงไม่โหดร้ายมากจนกลายเป็นกำเนิดธุรกิจการสอนพิเศษที่บานสะพรั่งในสังคมไทย แต่เด็กที่ประสบความสำเร็จในการเรียนไปจนถึงระดับชั้นนำทุกคนก็หมายถึงเด็กที่เรียนหนักกว่าคนอื่นๆ แน่นอน ไม่มีข้อยกเว้นไม่ว่าในประเทศใด

ถ้าพ่อแม่ไทยที่มีลูกเรียนอยู่ในประเทศตะวันตกแล้วบอกว่า ลูกไม่ต้องเรียนหนัก ไปแบบสบายๆ ก็จะเห็นกันอยู่ทุกวันนี้แล้วว่าเด็กไทยในต่างประเทศไม่ได้ขึ้นไปประสบความสำเร็จในระดับประเทศ ไม่ว่าจะในด้านวิชาการ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ กฏหมาย การเมือง ฯลฯ

แต่เรากลับเห็นเด็กต่างชาติจาก จีน เกาหลี ญึ่ปุ่น เวียตนาม ที่ประสบความสำเร็จจากการเรียนหนักแล้วขึ้นไปประสบความสำเร็จในสังคมให้เห็นมากมายอย่างชัดเจน

ผมเห็นอย่างที่บางคนบอกไว้ว่า ในประเทศตะวันตกก็ไม่ได้แตกต่างไปจากประเทศอื่นๆ เด็กที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีทั้งหลายจะได้รับการทุ่มเทจากพ่อแม่ทุกวิถีทางที่จะสนับสนุน ส่งเสริมให้ลูกของตนก้าวหน้าไปอยู่ในระดับบน เราจะเรียกวิธีการนี้ว่า "เรียนพิเศษ" เหมือนในไทยหรือไม่นั่นต่างหาก

ลองดูผลจากการทดสอบความรู้ของ PISA ก็จะเห็นชัดเจนว่า เด็กในประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเรียนหนักส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับดีสุด 10 อันดับแรก ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงค์โปร์ มีประเทศตะวันตกที่เข้ามาสอดแทรกได้อยู่ได้แก่ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

ยกเว้นฟินแลนด์ที่อยู่อันดับ 1 ซึ่งมีระบบการศึกษาที่จำนวนครูต่อการดูแลเด็กจำนวนน้อยเพื่อให้คุณภาพออกมาทั่วถึงมากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นระบบการศึกษาที่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากที่สุด การที่จะลอกเลียนแบบจึงไม่สามารถทำได้ในประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่

ฝรั่งเศสเมื่อเทียบกับเยอรมนี จะเรียนหนักกว่า ชั่วโมงเรียนยาวนานกว่า เพราะฝรั่งเศสมีระบบที่แยกมหาลัยระดับ top-ranking university หรือ Grandes écoles ทั้งๆ ที่ฝรั่งเศสมีกฏหมายว่าทุกคนสามารถเข้าเรียนมหาลัยได้ แต่เนื่องจากมหาลัย Grandes écoles มีน้อยและรับนักศึกษาจำนวนจำกัดไม่เกิน 5000 คนต่อปี ฉะนั้นจึงมีการแข่งขันในการเรียนระดับมัธยมอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน มีการเรียนพิเศษไม่แตกต่างไปจากเมืองไทย พ่อแม่ทุ่มเทสุดตัวทุกวิถีทางและไปนั่งเฝ้าหน้าห้องสอบเหมือนกัน เพราะเด็กที่ผ่านมหาลัยประเภทนี้เท่านั้นที่จะขึ้นไปสู่ตำแหน่งระดับประเทศได้ คนที่สอบเข้าไม่ได้จึงผิดหวังหมดอาลัยกันไปทั้งครอบครัว ถือว่าเป็นระบบการศึกษาของประเทศในยุโรปประเทศหนึ่งที่สร้างผลกระทบทางด้านจิตใจไม่ต่างไปจาก ประเทศเอเชียตะวันออกอื่นๆ

เยอรมนีทุกวันนี้ ธุรกิจการสอนพิเศษกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมากทุกปี ปีหนึ่งๆ พ่อแม่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ลูกเรียนพิเศษรวมแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยล้านยูโร ทั้งๆ ที่ไม่ต้องมีการสอบเข้ามหาลัย และเป็นธุรกิจที่บูมมากในครอบครัวฐานะปานกลางขึ้นไป แต่เมื่อจำนวนนักศึกษาที่ต้องการเรียนในมหาลัยมีเพิ่มมากขึ้นทุกปี ยิ่งคณะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ได้แก่ แพทย์ วิศวฯ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ซึ่งคนที่จะเรียนได้ผ่านต้องมีความรู้ระดับดีเด่นซึ่งต้องทำคะแนนมาแล้วตั้งแต่ระดับมัธยม การเรียนพิเศษจึงมีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆ ที่ในปรัชญาการศึกษาของเยอรมันนั้น การเรียนรู้และศึกษาจะต้องลงมือพยายาม คิดค้น และพึ่งตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผมยกตัวอย่างเด็กชายคนหนึ่ง สมัยเมื่อเป็นเด็กที่ต้องทำการบ้านคณิตศาสตร์หลังเลิกเรียน เนื่องจากที่บ้านทำธุรกิจผลิตอิฐจึงมีพนักงานทำงานในสำนักงานด้วย และหนึ่งในนั้นคือพนักงานบัญชีหญิงคนหนึ่ง ปู่ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานมอบหมายให้พนักงานบัญชีหญิงคนนี้ควบคุมดูแลเรื่องการบ้าน เมื่อเด็กทำเสร็จ โดยที่หญิงคนนี้ไม่ช่วยเหลือเลย บอกให้ทำเองก่อน ก็เอางานไปให้ตรวจคำตอบ เธอตรวจงานจำนวน 10 ข้อ และส่งงานคืนมาให้และบอกว่ามีอยู่ 2 ข้อที่คำตอบผิด ให้ไปจัดการหาทางแก้ไขโดยไม่บอกว่าผิดตรงไหน และแก้ไขอย่างไร จนเมื่อให้ลองทำเองแล้วเป็นเวลานานถ้ายังทำไม่ถูกต้อง จึงจะบอกในที่สุด นี่คือวิธีการสอนของคนเยอรมัน

ฉะนั้น ใครก็ตามที่บอกว่าเด็กในประเทศตะวันตกไม่ต้องเคร่งเครียดกับการเรียนแล้วประสบความสำเร็จนั้น ไม่เป็นความจริงแน่นอน เพียงแต่ว่าการเรียนพิเศษในไทยที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้นั้น เป็นความล้มเหลวทางการบริหารการศึกษาของประเทศไทยเอง ที่ปล่อยในการศึกษากลายเป็นธุรกิจการค้าไปจนเลยเถิดเกินที่จะควบคุมได้ ผลลัพธ์การศึกษาจึงออกมาในทางตรงกันข้ามทั้งๆ ที่ต้องจ่ายเงินไปอย่างมหาศาล

jeditrainer
7th April 2016, 13:05
บางทีเด็กไทยก็มโนว่าเรียนสบายนแบบฝรั่งแบบจะก้าวหน้านะ บอกตรง ๆ เด็กฝรั่งที่หน้าที่การงานดีส่วนใหญ่เรียนจบมหาลัยทั้งนั้น
พวกที่จบไฮสคูลแล้วไม่ต่อส่วนใหญ่ก็ไปทำงานใช้แรงงานไม่ต่างจากคนไทย มีส่วนน้อยที่ก้าวหน้าจนประสบความสำเร็จจริง ๆ ส่วน
ประเทศในเอเชียที่ถือว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ก็เรียนหนักกว่าคนไทยมาก ทุ่มเทกันสุดชีวิตจริง ๆ อย่างญี่ปุ่น เกาหลี
สิงคโปร์ ฯลฯ จะมีแต่เด็กไทยหรือเปล่าที่มองแบบนี้ การเรียนนั้นสำคัญ(ต่างประเทศ ชื่อมหาลัยก็สำคัญเหมือนบ้านเราแถมแข่งโหดกว่า)
ประสบการณ์การทำงานก็สำคัญ แต่ยังไงการเรียนก็เป็นใบเบิกทางในชีวิตอยู่ดี แค่กระดาษใบเดียวก็เพิ่มโอกาสให้ตัวเองได้งานดี ๆ
ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ อย่าลืมว่า "ที่นี่เอเชีย ไม่ใช่ตะวันตก" ถ้าจะโทษเรื่องการศึกษาของไทย โทษกระทรวงศึกษาธิการดีมั้ยที่เปลี่ยน
ไปเปลี่ยนมา จนหลักสูตรพัง ทุกวันนี้เด็กไทยแทบจะเขียนภาษาไทยไม่ค่อยถูกกันแล้ว ถามว่าการลดชั่วโมงเรียนจะช่วยอะไรตรงนี้ได้มั้ย?
เด็กไทยสมัยก่อนเรียนหนักกว่านี้เยอะครับ คนเรียนเคยเรียนหลักสูตรเก่าแบบผมบอกเลย เรียนหนักกว่า การบ้านเยอะกว่าเด็กยุคนี้จนเทียบ
ไม่ติดเลยแหละ แต่สงสัยนะเด็กยุคนี้ยังเขียนตามคำบอกในวิชาภาษาไทยอยู่ไหม เพราะใช้ภาษาไทยได้ป่วยมากถึงมากที่สุด หาดูได้คอมเม้นต์
ใน youtube

sattawat1979
7th April 2016, 22:18
วุฒิการศึกษา สำคัญจริงๆนะครับ ขอบอกเลย ไม่งั้นเค้าคงไม่สอบเอนทรานซ์ แย่งกันเข้ามหาลัยดังๆกันหรอกนะครับ

ถ้าปริญญาไม่สำคัญ ผมคงนอนอ่านหนังสือหาความรู้อยู่ที่บ้านดีกว่า จริงมั๊ย?? ไม่ต้องเสียค่าเทอมด้วย :o

อีกอย่างถ้าผมไม่ได้วุฒิ วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต ผมคงไม่มีเงินเดือนสูงๆ เอาไว้ซื้อบ้าน ซื้อรถ อย่างเช่นตอนนี้ได้หรอกครับ


จริงอยู่คนที่ไม่มีปริญญาอาจมีความรู้มากกว่าคนจบปริญญาก็ได้ แต่ถ้าไม่มีใบประกาศ ใครเขาจะเชื่อ จริงมั๊ย??

การที่มีปริญญาไว้มันดูมีความน่าเชื่อถือกว่าครับ อย่างน้อยก็คัดกรองคนที่มีความรู้เข้าทำงานได้ในระดับนึง