PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : อยากมีความสุขไหม?



Baby_Dong
31st July 2016, 07:23
อยากมีความสุขไหม?

แค่! คุณเริ่ม "ปิดหู" ไม่ฟังเรื่องไม่ดี


"ปิดตา" unfollow ข่าวร้ายๆ คนลบๆ สื่อนี้สำคัญเขาหากินกับข่าวลบๆนะครับจำไว้!


"ปิดปาก" พูดแต่สิ่งดีดี


"เปิดใจให้กว้าง" คุยกับคนแปลกหน้าบ้างก็สนุกดีนะครับ


บอกกับตัวเองว่า "ฉันนี่แหละคนที่มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว" เป็นประจำ แล้ว "กฏแห่งแรงดึงดูด" จะรับใช้คุณเอง


ธรรมะจากไร่เชิญตะวัน ปรับปรุงโดย "ภัทร อารีรัตน์"


http://i.imgur.com/atywRHZ.jpg

==============================================
จงเลือก input ดีดี เข้าสมอง แล้วจะมีแต่เรื่องดีดีเข้ามาในชีวิต

Facebook Page: https://www.facebook.com/evethegreatest
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCULyWoOCEfxvHRFGAsm-E5Q

jeditrainer
31st July 2016, 08:25
หึ ๆ ความสุขจริง ๆ มันแค่สิ่งลวงที่เอาไว้บรรเทาความทุกข์ให้น้อยลงเท่านั้นแหละ มันก็เหมือนการหลอกชีวิตตัวเองว่าแช่อยู่ในน้ำเย็น
ทั้ง ๆ ที่มันคือน้ำอุ่นที่พร้อมจะกลายเป็นน้ำร้อนและน้ำเดือดได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นความสุขมันไม่มีจริงหรอกครับ อย่าหลอกตัวเอง
ผมว่าก่อนจะสอนใครเรื่องสุขทุกข์ ให้คุณหาความจริงให้พบก่อนดีกว่า พุทธศาสนิกชนไม่ได้ไขว่คว้าความสุขครับ แต่หาความหลุดพ้น
จากกิเลสทั้งปวงและความสุขหลอก ๆ นี่ต่างหากครับ คุณเข้าใจไหมครับ อ้อ คนเราถ้าไม่รู้จักการตั้งรับปัญหาในชีวิต คน ๆ นั้นแหละครับ
ที่จะเกิดทุกข์ได้ง่ายที่สุด การปิดหูปิดตาไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นหรอกครับ แค่รู้จักยอมรับมัน รู้จักแก้ไข และรู้จักปลงให้เป็นก็พอครับ
ปล.คนสมัยนี้หากินง่ายนะครับ แต่การหากินด้วย "สัมมาอาชีวะ" ก็สำคัญนะครับ เข้าใจไหมครับ

EndOfTheKING
31st July 2016, 08:51
ความสุขทุกข์ของเรา บางทีก็ดันไปหนักหัวคนอื่นซะงั้น
ปล. ไร่เชิญตะวัน หึหึหึ ชื่อนี้ไม่ให้ราคา

Baby_Dong
31st July 2016, 10:05
หึ ๆ ความสุขจริง ๆ มันแค่สิ่งลวงที่เอาไว้บรรเทาความทุกข์ให้น้อยลงเท่านั้นแหละ มันก็เหมือนการหลอกชีวิตตัวเองว่าแช่อยู่ในน้ำเย็น
ทั้ง ๆ ที่มันคือน้ำอุ่นที่พร้อมจะกลายเป็นน้ำร้อนและน้ำเดือดได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นความสุขมันไม่มีจริงหรอกครับ อย่าหลอกตัวเอง
ผมว่าก่อนจะสอนใครเรื่องสุขทุกข์ ให้คุณหาความจริงให้พบก่อนดีกว่า พุทธศาสนิกชนไม่ได้ไขว่คว้าความสุขครับ แต่หาความหลุดพ้น
จากกิเลสทั้งปวงและความสุขหลอก ๆ นี่ต่างหากครับ คุณเข้าใจไหมครับ อ้อ คนเราถ้าไม่รู้จักการตั้งรับปัญหาในชีวิต คน ๆ นั้นแหละครับ
ที่จะเกิดทุกข์ได้ง่ายที่สุด การปิดหูปิดตาไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นหรอกครับ แค่รู้จักยอมรับมัน รู้จักแก้ไข และรู้จักปลงให้เป็นก็พอครับ
ปล.คนสมัยนี้หากินง่ายนะครับ แต่การหากินด้วย "สัมมาอาชีวะ" ก็สำคัญนะครับ เข้าใจไหมครับ

ทำไมถึงเอาทุกข์เป็นตัวตั้งของชีวิตครับ ทำไมไม่เอาสุขเป็นตัวตั้งแล้วคิดซะว่าเรื่องทุกข์เป็นแค่อุปสรรคที่มันท้าท้ายแทน แค่เปลี่ยนความคิดแค่นี้ "be happy now" คุณสามารถมีความสุขได้เลยเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณตัดสินใจที่จะมีมัน!

BoonTew
31st July 2016, 10:26
ความทุกข์มันพร้อมเข้ามาในชีวิตทุกคนอยู่แล้ว แต่ผมว่าเรื่องแย่ๆ สิ่งชั่วๆถ้าเลือกได้หลบได้ก็ไม่จำเป็นต้องรับเข้ามาในชีวิตก็ได้

ถ้าเห็นๆอยู่ว่ามีเรื่องทุกข์จะนั่งนิ่งๆแล้วบอกตัวเองว่านี่แหละทุกข์เรารู้จักมันแล้ว โดยไม่ทำอะไรเพื่อให้ทุกข์มันเบาบางลงมันก็แปลกไปหน่อยนะ

แล้วไร่เชิญตะวันมันคืออะไร ทำไม่จึงไร้ราคา หลวงเจ๊แกไปทำอะไรมา สงสัยมานานละ

sattawat1979
31st July 2016, 12:39
ก่อนจะมีความสุข เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า จริงๆแล้ว สุข ทุกข์ คืออะไร??

ทุกข์ ในความหมายของพุทธศาสนา คือ การทรงอยู่สภาพเดิมไม่ได้ มีการแปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา

กล่าวคืออะไรก็ตามที่ ไม่จีรังยั่งยืน ล้วนแล้วแต่เป็น ทุกข์ทั้งสิ้น



แล้วความสุขในทางโลก ที่เราได้พบอยู่ทุกวัน มันไม่จีรังยั่งยืน แปรเปลี่ยน ไม่คงทน

แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าความสุขได้อย่างไร มันก็คือความทุกข์ นั้นแล


ดังนั้น ความสุข ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของความทุกข์นั่นเอง คือมีเป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา อยู่เป็นธรรมดา


ความสุขที่แท้จริง คือ ''ความสงบ'' ครับ เป็น สุขขัง นิจจัง อัตตา ซึ่งตรงข้ามกับความทุกข์

ใครที่มีความสงบมาก ก็นับว่าเป็นคนที่มีความสุขมาก :yes


ดังคำกล่าวที่ว่า “นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง” สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี



หึ ๆ ความสุขจริง ๆ มันแค่สิ่งลวงที่เอาไว้บรรเทาความทุกข์ให้น้อยลงเท่านั้นแหละ มันก็เหมือนการหลอกชีวิตตัวเองว่าแช่อยู่ในน้ำเย็น
ทั้ง ๆ ที่มันคือน้ำอุ่นที่พร้อมจะกลายเป็นน้ำร้อนและน้ำเดือดได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นความสุขมันไม่มีจริงหรอกครับ อย่าหลอกตัวเอง
ผมว่าก่อนจะสอนใครเรื่องสุขทุกข์ ให้คุณหาความจริงให้พบก่อนดีกว่า พุทธศาสนิกชนไม่ได้ไขว่คว้าความสุขครับ แต่หาความหลุดพ้น
จากกิเลสทั้งปวงและความสุขหลอก ๆ นี่ต่างหากครับ คุณเข้าใจไหมครับ อ้อ คนเราถ้าไม่รู้จักการตั้งรับปัญหาในชีวิต คน ๆ นั้นแหละครับ
ที่จะเกิดทุกข์ได้ง่ายที่สุด การปิดหูปิดตาไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นหรอกครับ แค่รู้จักยอมรับมัน รู้จักแก้ไข และรู้จักปลงให้เป็นก็พอครับ
ปล.คนสมัยนี้หากินง่ายนะครับ แต่การหากินด้วย "สัมมาอาชีวะ" ก็สำคัญนะครับ เข้าใจไหมครับ

ใช่ครับ จริงๆแล้วความสุขทางโลกแท้จริงนั้นไม่มี มันก็เหมือนคนป่วยได้กินของแสลง ซักวันความทุกข์ซึ่งเป็นของแท้ ต้องมาเยือนอย่างแน่นอน

ความสุขแท้จริงนั้นมีอยู่ คือความสงบ ซึ่งเกิดขึ้นกับใจที่ปราศจากกิเลสเท่านั้น อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละครับ ถูกแล้ว :yes



ทำไมถึงเอาทุกข์เป็นตัวตั้งของชีวิตครับ ทำไมไม่เอาสุขเป็นตัวตั้งแล้วคิดซะว่าเรื่องทุกข์เป็นแค่อุปสรรคที่มันท้าท้ายแทน แค่เปลี่ยนความคิดแค่นี้ "be happy now" คุณสามารถมีความสุขได้เลยเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณตัดสินใจที่จะมีมัน!

แนวคิดของคุณก็ดีนะครับ เค้าเรียกว่า positive thinking คือมองโลกในแง่บวก แต่อย่าเข้าใจว่าทำแบบนี้แล้ว ความทุกข์จะหมดไปนะครับ มันยังอยู่ครบ

แต่คุณไปกดมันไว้ไม่ให้มันแสดงผลชั่วคราวเท่านั้นเอง ส่วนจะกดมันได้นานแค่ไหนก็แล้วแต่คน

ถ้าอยากมีความสุขจริงๆ ต้องปฏิบัติธรรม ขัดเกลากิเลสซึ่งเป็นต้นตอของความทุกข์ ครับ

macnum10
31st July 2016, 18:20
อันนี้ก็เป็นความเชื่อครับ

Baby_Dong
1st August 2016, 18:47
ก่อนจะมีความสุข เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า จริงๆแล้ว สุข ทุกข์ คืออะไร??

ทุกข์ ในความหมายของพุทธศาสนา คือ การทรงอยู่สภาพเดิมไม่ได้ มีการแปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา

กล่าวคืออะไรก็ตามที่ ไม่จีรังยั่งยืน ล้วนแล้วแต่เป็น ทุกข์ทั้งสิ้น



แล้วความสุขในทางโลก ที่เราได้พบอยู่ทุกวัน มันไม่จีรังยั่งยืน แปรเปลี่ยน ไม่คงทน

แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าความสุขได้อย่างไร มันก็คือความทุกข์ นั้นแล


ดังนั้น ความสุข ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของความทุกข์นั่นเอง คือมีเป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา อยู่เป็นธรรมดา


ความสุขที่แท้จริง คือ ''ความสงบ'' ครับ เป็น สุขขัง นิจจัง อัตตา ซึ่งตรงข้ามกับความทุกข์

ใครที่มีความสงบมาก ก็นับว่าเป็นคนที่มีความสุขมาก :yes


ดังคำกล่าวที่ว่า “นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง” สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี




ใช่ครับ จริงๆแล้วความสุขทางโลกแท้จริงนั้นไม่มี มันก็เหมือนคนป่วยได้กินของแสลง ซักวันความทุกข์ซึ่งเป็นของแท้ ต้องมาเยือนอย่างแน่นอน

ความสุขแท้จริงนั้นมีอยู่ คือความสงบ ซึ่งเกิดขึ้นกับใจที่ปราศจากกิเลสเท่านั้น อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละครับ ถูกแล้ว :yes




แนวคิดของคุณก็ดีนะครับ เค้าเรียกว่า positive thinking คือมองโลกในแง่บวก แต่อย่าเข้าใจว่าทำแบบนี้แล้ว ความทุกข์จะหมดไปนะครับ มันยังอยู่ครบ

แต่คุณไปกดมันไว้ไม่ให้มันแสดงผลชั่วคราวเท่านั้นเอง ส่วนจะกดมันได้นานแค่ไหนก็แล้วแต่คน

ถ้าอยากมีความสุขจริงๆ ต้องปฏิบัติธรรม ขัดเกลากิเลสซึ่งเป็นต้นตอของความทุกข์ ครับ

แหมรู้เรื่อง positive thinking ด้วย เก่งใช่เล่นนะเรา