PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : Holy Blood and holy grail สายพระโลหิตของพระคริสต์ เรื่องจริงหรือโกหก ?!!



peamchery
13th October 2011, 19:29
http://theoriesofconspiracy.com/wp-content/uploads/2008/12/holy-grail-holy-blood.jpg
http://www.grouchogandhi.com/site/pic-poussin-hbhbdvc.gif


บทความนี้ เป็นเพียงทฤษฎีหนึ่งเท่านั้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ให้รอบคอบ


"แมรี แมคดาลีน หญิงปริศนา ความลับ เเห่งคริสต์จักร ""


แมคดาลิน เป็นชาว แมคดาลา หมายถึง หอคอยใน อิสราเอล เชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของ แมคดาลิน

เหตุใด จึงมีความเชื่อเรื่อง แมรี แมดดาลีน คือ มารดาอู้มครรภ์เชื้อสายโลหิตของพระเยซู ทั้ง ๆ ที่ในไบเบิล มีการกล่าวถึง แมรี แมคดาลีนเป็น หญิงชั่ว ทั้ง ลูกา มัทธิว และ มาระโก แต่นักสืบค้นเชื่อว่าถูกบิดเบือน แมคดาลีนเป็นผู้หญิงคนเดียวในจำนวนสาวกทั้งหมด ซึ่งอาจมี 14 ไม่ใช่ 13



เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปริศนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในไบเบิล สิ่งที่แมคดาลีน กล่าวตรงกันในพฤติกรรมของ แมรีแมคดาลีน กระทำต่อพระเยซู ตั้งแต่การล้างพระบาทด้วยการชโลมน้ำหอมและการสยายผมเช็ดพระบาท หรือแม้แต่ การเทน้ำหอมลงบนพระเศียร

สิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงสัญลักษณ์บางอย่าง พฤติกรรมเช่นนี้ ทำให้บางคนว่า ไม่เหมาะสมที่จะเขียนในไบเบิล หากมีการสมรสเกิดขึ้นจริง ระหว่างพระเยซู และแมรี แมคดาลีน ก่อนหน้านั้น ก็เท่ากับเป็น ภรรยาที่ปฏิบัติต่อสามี

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-0.jpg


ข้อสังเกตว่า จากกฎหมายยุคโบราณของชาวยิวนั้น หญิงชาวยิวจะไม่สยายผมในที่สาธาระณะ และไม่สยายผมต่อหน้าผู้อื่นที่ไม่ใช่สามีของตน



ดร.มอร์ตัน สมิธ ศาสตราจารย์ทางด้านโบราณคดี มหาวิทยาโคลัมเบีย ได้พบจดหมายที่ห้องสมุดของโบสถ์ที่ มาร์ซาบา ใกล้กับวิหารเยรูซาเลม จดหมายฉบับนั้นเขียนขึ้นใน ศตวรรษที่ 2 โดย คลีเมนต์แห่งอล็กซานเดรีย พระนักบวชส่งถึงเพื่อน กล่าวถึง บันทึกของมาระโก ศิษย์ท่านหนึ่งของพระเยซู แต่บทบันทึกนี้ไม่ได้ถูกกล่าวในไบเบิล ตอนพระเยซู เสด็จไปเพื่อให้ ลาซารัส ฟื้นขึ้นจากความตายนั้น


มีตอนหนึ่ง “และพี่สาวของชายหนุ่มที่พระเยซูทรงรัก” เป็น พี่สาวที่พระเยซูทรงรัก ไม่ใช่ ชายหนุ่มที่พระเยซูทรงรัก ชายหนุ่มนั้นคือ ลาซารัส และพี่สายผู้นั้นคือ แมรี



มีผู้ตั้งทฤษฏี สรุปว่า แมรี ดาลีน เป็นผู้ติดตามอย่างใกล้ชิด และเป็นสตรีคนเดียวในกลุ่ม ปรนนิบัติพระองค์อย่างใกล้ชิดด้วย กลายเป็นที่โปรดปราน มากกว่าปีเตอร์ ที่พระองค์ได้หวังสืบทอดภารกิจหลังจากพระองค์ไม่อยู่แล้ว ทำให้ปีเตอร์ ถูกตรึงกางเขนประหารชีวิต แต่ต่อมาชาวโรมันยอมรับในศาสนาคริสต์ และสถาปนานิกายโรมันคาทอลิก ปีเตอร์ท่านนี้ ก็กลายเป็น สังฆราชองค์แรกที่ยกย่อง แม้ตัวท่านจะสิ้นไปแล้ว เเต่ก็มีความพยายามทำให้ แมรีแมคดาลีน กลายเป็น หญิงโสเภณี เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-1.jpg

โบสถ์รอสลิน ผู้ก่อตั้งโบสถ์คือ วิลเลียม ซินแคล์ ญาติ ห่าง ๆ ของแอนดูร์ ซินแคล์ และผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นอัศวินเทมปลาร์ มีตำนานบอกว่าอัศวินใช้โบสถ์นี้ เป็นที่ซ่อน ของโบราณ ที่เขาค้นพบในระหว่างสงครามครูเสด รวมถึงโฮลี เกรล บางคนคิดว่ามันคือจอก แต่หลายคนเชื่อว่าเป็นข้อพิสูจน์สายเลือด



โบสถ์นี้เต็มไปด้วยสลักปริศนาบางคนเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับโฮลีเกรล และมีภาพของพระเยซู และแมรีแมคดาลีน และบางคนก็เชื่อว่า แสดงเบาะแสความลับของเกรลอาจจะฝังอยู่ที่นี่ พร้อมกับทายาทและสายเลือด หน้าต่างบานหนึ่ง ดูเหมือนว่า แมรีแมคดาลีน จะเอนตัวเข้าหาผู้เป็นที่รัก อย่างรักใคร่ ความสำคัญของการสมรสศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นแค่ปริศนาที่ว่า โฮลีเกรล เป็นคนหรือสายเลือดหรือไม่




ปริศนาของโรสลิน หนึ่งในการคาดเดาซ่อนเร้นอยู่ที่นี่ รากฐานของโบสถ์ทอดยาว 91 ฟุต อยู่ใต้พื้นโบสถ์ และมีห้องใต้ดินซึ่งไม่เคยถูกขุดสำรวจ ทำให้หลายคนเชื่อว่า เกรลถูกฝังอยู่ที่นี่ มีคนบางคนมาที่นี่พร้อมพลั่ว และบอกว่าขอขุดได้ไหม แต่ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับโฮลีเกรล อัศวินเทมปลาร์ เก็บมันเอาไว้


โรสลิน มีผู้มาเยือน แสนคนต่อปี มากกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนถึง 10 เท่า นักท่องเที่ยวที่มาโรสลิน มองหาสิ่งที่ลึกลับ โฮลีเกรล ไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นเส้นทาง หลายคนเชื่อว่า มันเก็บไว้ที่นี่ แต่ไม่เคยมีใครพบมันเลย

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-2.jpg
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-3.jpg

รอสลีนนี้ เลื่องชื่อในเรื่องสัญลักษณ์ สัญลักษณ์ของศาสนาต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็นกางเขน ของคริสต์ ดาวเดวิด ของยิว หรือดาวหกแฉกนั่นแหละตราสมาคม ฟรีมาสัน หรือสลาอิสระ พีระมิด ไม่ต้องบอก ลวดลายกุหลาบ รวมทั้งสัญลักษณ์หน้าตาประหลาดแบบ เพนทาเคิล ดาวห้าแฉก


แต่เบื้องลึกที่ยังน่าสงสัยก็คือ สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์มีค่อนข้างน้อยครับ ทำให้มีคำถามการคาดเดามากมายเกี่ยวกับความลับของรอสลีนแห่งนี้


หลายคนบอกว่า ผู้สร้างอาจใช้บางแห่งเป็นที่ซ่อนสมบัติ ของตระกูลที่ร่ำรวย แต่นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า อัศวินแห่งวิหารหรือ Knights templar ที่ลี้ภัยจากฝรั่งเศส มายังสก๊อตแลนด์ แน่นอนเขาก็ต้องมีสมบัติติดตัวมาด้วย จนกระทั่งได้รู้จักกับ เซนต์แคลร์ ผู้ก่อสร้าง ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น จึงเป็นไปได้ว่า ตระกูลเซนต์แคลร์อาจซ่อนความลับอะไรบางอย่างไว้โบสถ์แห่งนี้

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-4.jpg

แมรี่ แมคดาลิน ล่องเรือไปที่แมรี่ เดอลาแมร์ หมู่บ้านประมงเล็ก ๆ ของฝรั่งเศส ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในปี ค.ศ. 42 บางคนอ้างมาเธอมากับธิดาของพระเยซู (แมรี แมคดาลินมาที่นี่ พร้อมกับแมรี จาโคเบ และแมรี ซาโลเม ) สอบถามชาวบ้าน คิดว่าแมรี มาที่นี่ เธออยู่ในเรือ แล้วเรือก็แตก เธอมาถึงที่นี่ด้วยเรือ เล็ก ๆ


ในศตวรรษแรกการเดินทางจากปาเลสไตล์ มายัง ตอนใต้ฝรั่งเศส เป็นเส้นทางการค้าที่มีการบันทึกไว้ แมรี อาจจะมาที่นี่จริง แต่ เธอจะมาหรือเปล่า และมากับพระธิดาของพระเยซูหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะโบสถ์ในเมืองนี้ อุทิศให้เธอ


จากตำนานว่า แมรีแมคดาลีน มีลูกด้วย อาจจะเป็นไปได้แต่ไม่แน่ใจนัก ที่แน่ใจก็คือ คริสเตียนคนแรกมาที่นี่ แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัด นักท่องเที่ยวก็ยังมาเยือนสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับแมรี ทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับแมคดาลีน


แนนซี แซฟฟอร์ต เป็นทัวร์ไกด์ในเมือง เธอค้นคว้าเรื่องการมาถึงของแมคดาลีน แนนซี กล่าวว่า เธอมากับเรือพร้อมซารา บางคนบอกว่าลูกของเธอชื่อซารา โบสถ์ในเมืองมีบันทึกการมาถึงของเธอ พระเยซู และ โฮลี เกรล ที่นี่ใช้สัญลักษณ์เป็นจอกครับ แต่บางคนเชื่อว่ามันหมายถึงสายเลือด หมายถึงทายาทของพระเยซู ในโบสถ์มีมุมหนึ่งที่อุทิศให้แก่นักบุญซารา เด็กหญิงที่มากับแมรี ด้วย บางคนเชื่อว่านี่คือธิดาของเยซูและแมรี

พระเยซูสมรสแมรีแมคดาลีน และมีทายาท และลีโอนาร์โด ดาวินชี เป็นส่วนหนึ่งของสมาคมลับ ที่ปกปิดความรู้อันซ่อนเร้นนี้ จากผู้เขียนหนังสือเรื่อง โฮลี บลัด โฮลี เกรล ซึ่งเป็นหนึ่งในคนแรกที่บอกว่าเกรล ไม่ใช่จอก แต่เป็นสายโลหิตของพระเยซู


เขาว่า หนังสือของเขาเป็นเพียง ทฤษฏี หนึ่งในทฤษฏีในหนังสือที่สนใจ นั่นก็คือความหมายของ โฮลี เกรล ถูกเข้าใจผิด ข้อเขียนแรกที่อ้างถึงโอลี เกรล อยู่ในบทกวี ภาษาฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 12 และในเอกสารยุคแรกหลายฉบับ โฮลี เกรล ถูกเขียนว่า Sangraal ต่อมานักเขียนได้แยกออกเป็นสองคำ ซาง – กราว ซึ่งหมายถึงจอกศักดิ์สิทธิ์ ในภาษาฝรั่งเศสยุคกลาง แต่หากแยกตัวอักษรออกมา จะกลายเป็น San graal ซึ่งหมายถึงสายเลือดศักดิ์สิทธิ์

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-5.jpg

ตามตำนานท้องถิ่น แมรี แมคดาลีน หนีจากปาเลสไตล์ โบราณ หลังจากพระเยซู ถูกตรึงกางเขน และล่องเรือมายังฝรั่งเศสตอนใต้พร้อม โฮลีเกรล ถ้าหากความหมายนั้นหมายถึง เธอมากับสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ทายาทของพระเยซู


แมรีแมคดาลีน มีชื่อเสียงไม่ดีนัก ในคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าเธอเป็นโสเภณี เพียงแต่บอกว่าเธอคือคนบาป ในคำสอนเธอคือผู้หญิงซึ่งเป็นที่หนึ่ง เรียกเธอว่า อัครสาวก เป็นคนบาปและค้นพบความลับในพระเจ้า แมรีแมคดาลีน พิสูจน์ว่า การกลับตัวกลับใจนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้


แมรีแมคดาลีน ไม่เคยเป็นโสเภณีเลยแม้แต่น้อย ในปี 591 พระสันตปาปา แกเกอรี เดอ เกรท ระบุผิดตัว สับสนเธอกับแมรีอีกคนหนึ่ง เกือบ 1,400 ปีต่อมา ศาสนาจักรคาทอลิกแก้ไขอย่างเป็นทางการ โดยบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด การตีความผิดพลาดอย่างนี้ทำให้ หลายคนเชื่อว่า ศาสนจักรมีเจตนา ปิดบังบทบาทที่แท้จริง ของเธอในชีวิต กับพระเยซู และเชื่อว่า เธอเป็นชายาของพระองค์


http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-6.jpg

เป็นไปไหมที่แมคดาลีนมีลูกกับพระองค์ ?


ที่แน่นอนก็คือ แมรี แมคดาลีนมีตำแหน่ง เคียงข้างพระเยซู ในฐานะที่สำคัญกว่า ศาสนาจักรบอกเอาไว้


ตำราโบราณ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์ใหม่ ถูกค้นพบในอียิปต์ ปี 1945 แสดงถึงความสัมพันธ์ ระหว่างแมรีแมคดาลีน กับพระเยซู แบบที่แตกต่าง “มิตรของพระเยซู คือแมรีแมคดาลีน พระองค์รักเธอยิ่งกว่าสาวกทั้งหมด และมักจะจุมพิตเธอบ่อย ๆ” ตำรานี้บอกว่าหมายถึง แมรี คือชายาของพระเยซู หรืออย่างน้อยเธอคือหนึ่งในสาวก ที่ทรงให้เกียรติ มากคนหนึ่ง

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-7.jpg

ในพระคัมภีร์ระบุว่า แม็กดาลีน คือหนึ่งในประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่พระเยซูทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนจนสิ้นพระชนม์ โดยเธออยู่กับพระเยซูจนกระทั่งพระศพถูกอันเชิญไปประดิษฐานไว้ในอุโมงค์ซึ่งเจาะไว้ในศิลา ที่สำคัญคือ เธอเป็นคนแรกที่ได้เห็นการฟื้นคืนชีพของพระเยซูในอีก 3 วันถัดมา และเป็นผู้นำสารเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพของพระองค์ไปบอกกับเหล่าสาวกคนอื่นๆ



แม็กดาลีนคือหญิงสาวจากเมืองมักดาลา ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของแคว้นกาลิลี ในพระคัมภีร์ระบุว่า เธอคือหญิงใจบาปที่ถูกผี 7 ตนเข้าสิงร่าง ก่อนที่จะได้พบกับพระเยซู และพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ช่วยขับไล่ผีออกจากร่างของเธอ จากนั้น เธอก็ได้อุทิศตนเข้ามารับใช้พระเยซู แต่ก็มีบางคนที่เชื่อว่า เธอคือ หญิงสาวที่เคยเป็นโสเภณีมาก่อน แม้ว่าจะไม่มีการระบุไว้อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์ก็ตาม

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-8.jpg

เช่นเดียวกับกรณีของความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างแม็กดาลีนกับพระเยซู ถึงแม้จะเป็นที่ยอมรับกันว่า เธอคือสตรีที่มีความใกล้ชิดกับพระเยซูมากที่สุดในบรรดาสาวกทั้งหลาย แต่ในพระคัมภีร์ก็ไม่มีส่วนใดที่บอกว่าเธอและพระเยซูต่างมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวต่อกัน และที่สำคัญในพระคัมภีร์ก็ไม่มีเนื้อหาส่วนใดบ่งบอกว่าพระเยซูทรงแต่งงานแล้ว


ตามตำนานที่เล่าถึงประวัติของนักบุญต่างๆ ระบุว่า แมรี่ แม็กดาลีน ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่บริเวณตอนใต้ของฝรั่งเศส โดยหลังจากที่พระเยซูสิ้นพระชนม์ได้ 14 ปี ชาวยิวได้จับตัวเธอไปพร้อมกับนักบุญคนอื่นๆ อีกหลายคนใส่เรือลำหนึ่งที่ไม่มีใบและพาย ซึ่งทั้งหมดถูกปล่อยให้ลอยไปตามกระแสน้ำในมหาสมุทร


จนในที่สุดเรือได้ไปเกยตื้นที่ฝั่งทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ที่นั่นเธอได้ใช้ชีวิตบั้นปลายเป็นนักพรตอาศัยอยู่ในถ้ำก่อนที่จะเสียชีวิตลงในวัย 72 ปี

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-9.jpg

ไบเบิลยังบอกด้วยว่า แมรีเป็นสาวในหมู่บ้านประมงที่เผชิญกับ เคราะห์กรรมจากการมีปิศาจเจ็ดตนเข้าสิง ซึ่งเป็นสิ่งปกติสำหรับสมัยโบราณ เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยก็มักกล่าวหาว่าเกิดจากการกระทำของภูตผีปิศาจ แต่แท้จริงแมรีอาจเป็นโรคลมชัก หรือโรคจิต โรคประสาทที่กำเริบเป็นครั้งคราว และจากการพาตนไปให้จีซัสรักษา ทำให้ทั้งสองได้พบกัน และชีวิตของแมรีก็แปรเปลี่ยนไปนับแต่นั้น นอกจากนี้ การขับภูตผีปิศาจออกจากร่าง ก็ได้ทำให้เธอมีความบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์


เมื่อหายจากโรคร้าย แมรีก็มีความเลื่อมใสศรัทธาในจีซัส และติดตามไปในฐานะสานุศิษย์


เริ่มแรกนั้น พวกเขาพำนักอยู่ในกาลิลี จาริกไปตามโบสถ์ยิว ประกาศว่าอาณาจักรแห่งพระเจ้าใกล้มาถึงแล้ว ส่วนจีซัสก็ทำการรักษาผู้เจ็บป่วย และแสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ ให้ปรากฏเห็น จำนวนผู้เข้าร่วมกลุ่มก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดกลุ่มผู้เลื่อมใสก็มากล้นโบสถ์ จีซัสจึงต้องเผยแพร่คำสอนโดยออกไปใช้ลานกลางแจ้ง มีแมรีคอยปรนนิบัติอยู่เคียงข้าง


จากเอกสารโบราณที่พบในอียิปต์ : แมรีกับจีซัสมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก หลายคราที่จีซัสอยู่กับเธอตามลำพัง และสั่งสอนเป็นพิเศษ ซึ่งมีแต่เธอเท่านั้นที่จะหยั่งถึงได้ ความสนิทสนมนี้ก่อความไม่เข้าใจให้สานุศิษย์อื่น


แมรี แม็กดาลีน ติดสอยห้อยตามองค์พระเยซูอยู่สามปี

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-10.jpg

ครั้นแล้วพระองค์ก็บอกแมรี แม็กดาลีน และสานุศิษย์ทั้งปวงให้ออกเดินทางจากกาลิลี ไปสู่เยรูซาเลมเพื่อฉลองเทศกาลพาสส์โอเวอร์


ล่วงเข้าสัปดาห์ เทศกาล แมรีกับสานุศิษย์หญิงอื่นๆวุ่นวายอยู่กับการตระเตรียม อาหารสำหรับฉลองวันพาสส์โอเวอร์ แม้ว่าสตรีจะไม่ได้ ร่วมใน “อาหาร มื้อสุดท้าย” แต่พวกเธอก็อยู่ในบริเวณนั้นด้วย และแมรีก็คอยปรนนิบัติจีซัส อย่างใกล้ชิดระหว่างเสวยกระยาหาร


จากนั้น กลุ่มผู้ถือดาบและกระบองก็ได้บุกรุกเข้ามาจับกุมจีซัส พระองค์ทรงยินยอมอย่างสงบ พวกนั้นนำพระองค์ไปมอบให้แก่โรมัน แมรีรู้ดีถึงความโหดร้ายทารุณของโรมัน จีซัสอาจถูกทรมานหรือแม้กระทั่งสังหาร และแล้วเธอก็ได้ล่วงรู้ว่าพระองค์ถูกตรึงกางเขน เธอรีบรุดไปยังกอลโกธาที่ซึ่งจีซัสถูกทรมาน

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-11.jpg

ตลอดช่วงเวลาเจ็บปวดรวดร้าวอันยาวนาน จนสิ้นพระชนม์นั้น แมรีก็คอยเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้น คัมภีร์คริสต์ประวัติกล่าวว่า เธอได้เห็นเขาฝังร่างพระองค์ลงในหลุมหิน แต่วันนั้นเป็นวันแซบบาธอีฟ กฎหมายยิวห้ามการเยี่ยม เยือนศพในวันศักดิ์สิทธิ์นั้น เธอจึงต้องรั้งรอจนถึงเวลาที่ได้อนุญาต เธอไปถึงสุสานเพื่อจะพบว่ามันเปิดอยู่ และร่างของจีซัสได้อันตรธานไปเสียแล้ว



แมรีคาดคิดว่ามีผู้มาบุกรุกสุสาน เธอจึงร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก เธอไม่รู้ว่ากำลังจะได้เผชิญกับเหตุการณ์สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์มนุษย์ เพราะเมื่อเธอหันกลับมาก็ได้ เห็นจีซัสยืนอยู่และมีรับสั่งว่า


“จงไปยังพี่น้องของเราและบอกพวกเขาว่า เรานั้นสืบทอดมาจากพระบิดาของเราและของเจ้า จากพระเจ้าของเราและของเจ้า”


แมรีปฏิบัติตามที่ได้รับบัญชา เธอประกาศแก่เหล่าสานุศิษย์ว่า “ข้าได้เห็นพระองค์” และบอกถึงถ้อยคำที่พระองค์รับสั่ง




นั่นเป็นบทบาทสุดท้ายของแมรีที่มีปรากฏในไบเบิล

http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/05/K7854543/K7854543-12.jpg

popejohnpaul2011
13th October 2011, 19:35
AVE MARIA

themzaza07
13th October 2011, 19:48
ยังไงกันแน่ !!!

Bumblebee
13th October 2011, 19:56
เยอะ ขี้เกียจอ่าน - -

peamchery
13th October 2011, 19:56
ก็แค่ นิยาย จขกท จะตั้งกระทู้ทำไม ?

WannadiE
13th October 2011, 20:33
ก็แค่ นิยาย จขกท จะตั้งกระทู้ทำไม ?
เป็นความเชื่อทางศาสนานะครับ ถ้าเกิดผมเอาประวัติพระพุทธเจ้ามาลง คุณจะหาว่าเป็นนิยายมั้ยครับ
อย่าพูดจาดูถูกความเชื่อทางศาสนาอื่นว่าเป็นนิยาย เรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนนะครับ ระวังหน่อยเด้อ

เอ้า และนี่ไม่ใช่เจ้าของกระทู้เรอะ = =

หรือผมสับสนอะไร
ไอ๊ย่ะ ผมก็พึ่งเห็นว่าคนเดียวกัน 555


เข้าผิดแล้ว นิยาย หมายถึง เรื่องดาวินชี่ โค้ดที่แต่งเรื่อง แมกดาลีน ขึ้นมา

ผมอ่านไม่หมดหรอกแต่เห็นว่า มีปรากฎใน ใบเบิ้ล นี่ หรือ ใบเบิ้ล ดาวินชี่เขียน?

GuJokE
13th October 2011, 20:46
ก็แค่ นิยาย จขกท จะตั้งกระทู้ทำไม ?

เอ้า และนี่ไม่ใช่เจ้าของกระทู้เรอะ = =

หรือผมสับสนอะไร

peamchery
13th October 2011, 20:51
เป็นความเชื่อทางศาสนานะครับ ถ้าเกิดผมเอาประวัติพระพุทธเจ้ามาลง คุณจะหาว่าเป็นนิยายมั้ยครับ
อย่าพูดจาดูถูกความเชื่อทางศาสนาอื่นว่าเป็นนิยาย เรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนนะครับ ระวังหน่อยเด้อ


เข้าผิดแล้ว นิยาย หมายถึง เรื่องดาวินชี่ โค้ดที่แต่งเรื่อง แมกดาลีน ขึ้นมา

evilman003
13th October 2011, 20:54
คุณ peamchery คุณสับสนอะไรหรือป่าว คุณเป็นคนตั้งกระทู้ แล้วมาบอกว่า ก็แค่ นิยาย จขกท จะตั้งกระทู้ทำไม ? ผมงงนะ

popejohnpaul2011
13th October 2011, 20:56
peamchery สับสนหรือเปล่า ?...

Nbita
13th October 2011, 20:57
ทำไมผมเงิบ วะ 555555

sweetxz
13th October 2011, 20:57
ตั้งกระทู้เองเถียงเอง :o

Makomiku
13th October 2011, 21:49
สับสนอะไรหรอครับ จขกท. = =" กระทู้นี้ งงเงิบ

เขียนเอง ด่าเอง

bodypan
13th October 2011, 22:44
เหมือนในหนังเลย ขอบคุณ

kong070741
13th October 2011, 22:47
นิยายของศาสนาคริสต์มีหลายอย่างที่ยังเเก้ปริศนาไม่ได้ครับ ถ้าว่าพิศวงเเละน่าสนใจ เพราะมันไม่มีข้อสรุปที่เเน่นอน