PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : โลกจะเป็นอย่างไรถ้า "ผี" มีจริง?



=Galaxy Ag=Z
17th October 2016, 10:38
โลกจะเป็นอย่างไรถ้า "ผี" มีจริง?


คำเตือน! บทความนี้จะไม่มีเรื่องราวน่าขนลุก หรือ อกสั่นขวัญผวาแต่อย่างใด เราอยากให้ผู้อ่านทุกท่านสวมหมวกแห่งจินตนาการให้เรียบร้อย แล้วมาเดินทางไปในโลกใหม่ โลกซึ่งเต็มไปด้วยพลังงาน โลกที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ โลกที่ซึ่งอัศจรรย์และสดใส เมื่อนำความรู้วิทยาศาสตร์ที่เรารู้เกี่ยวกับผีมาผนวกบวกกับการมโนครั้งใหญ่กว่าครั้งไหน ถ้าพร้อมแล้วเรามาเดินทางไปพร้อมๆกันไปในโลกแห่งใหม่ จะเป็นอย่างไรถ้าผีมีจริง ? (จะยิ่งใหญ่ไปไหนเนี้ย)

จากความรู้วิทยาศาสตร์เดิมมีหลากหลายทฤษฎีมากที่เชื่อว่าผีนั้นเป็นสสารต่างๆนานา ครั้งนี้เราจะคัดทฤษฏีเด็ดๆมาต่อยอดกัน

เริ่มจากสิ่งยอดนิยมก่อนเลย ผีหรือวิญญาณ คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ในทฤษฎีพื้นฐาน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นคลื่นชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการเคลื่อนที่และไม่มีประจุไฟฟ้า เกิดจากการเหนี่ยวนำของสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก ซึ่งเมื่อสองสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากตัวผีเอง เราสามารถแยกองค์ประกอบทั้งสองจากตัวผีนี่แหละ มาใช้เป็นตัวผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองได้ที่บ้านและที่สำคัญมันฟรี โดยตามความเชื่อของไทยโบราณเราจะมีผีบ้านผีเรือนเป็นของตัวเองอยู่แล้ว พลังงานที่ผลิตออกมาอาจจะขึ้นอยู่กับความเฮี้ยนก่อนตายของผีตนนั้นๆ อาจจะมีการประชุมพลังงานผีระหว่างประเทศเพื่อผลิตพลังงานให้เทสล่าคอยด์ แล้วส่งกระแสไฟฟ้าไร้สายไปทั่วโลก ลองนึกภาพโลกที่ชั้นบรรยากาศปกคลุมด้วยกระแสไฟฟ้าที่สามารถตักตวงมาใช้ได้และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์สิครับ แต่ก่อนจะใช้ก็คุยกับผีดีๆก่อนล่ะ 5 5 5 และถ้านำพลังงานตรงนั้นมาใช้ได้ล่ะก็

นี่จะเป็นการรีไซเคิลมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

ในส่วนร่างกายนำไปฝั่งเพื่อรอวันเน่าสลาย ทับถมจากอินทรีย์วัตถุอื่นๆจนกลายเป็น น้ำมันดิบหรือพลังงานจากฟอลซิล ส่วนจิตหรือวิญญาณ สามารถ ผลิตกระแสไฟฟ้าในมนุษย์ที่ยังมีชีวิตได้ใช้งานได้อีก เราคงจะต้องมีกระทรวงพลังงานทางเลือก และ ศาลศักดิ์สิทธิ์คอยควบคุมและถ่วงดุลอำนาจจากพลังงานที่ผลิตขึ้นอย่างแน่นอน


ทฤษฏีที่สอง ผี คือ แสง ไม่ใช่แสงซะทีเดียวนะครับ แต่ผีมีพฤติกรรมคล้ายแสง คือ เป็นทั้งอนุภาค และ คลื่นในเวลาเดียวกัน ยังจำยานอวกาศ นิวฮอร์ไรซอนส์ ที่บินไปถึงดาวพลูโตเมื่อกลางปีที่เเล้วได้มั๊ยเอ่ย ความสำเร็จครั้งนั้นจะเล็กจิ๋วไปเลย ถ้าเราใช้ ผี ในการสำรวจอวกาศ เมื่อผีมีความเร็วเท่าแสง ระยะเวลาจะย่นลงมาสั้นมากจากเป็น 10 ปี อาจจะเหลือเพียง 1หรือ 2 เดือน จากการคำนวณคราวๆ เเละข้อมูลภาพถ่ายของนิวฮอร์ไรซอนส์ที่ส่งมาได้อย่างช้าแสนช้า กว่าจะได้ภาพเต็มนั่นคงจะปลายปี2559นี้แหละ ปัญหานี้จะหมดไป ด้วยการสื่อสารแบบโทรจิต ไวเท่าแสง เเละการถ่ายโอนข้อมูลมหาศาลได้เพียงพริบตาเดียว เราจะเข้าใจระบบสุริยะมากขึ้น เข้าใจที่มา สิ่งมีชีวิตนอกโลก หรือแม้กระทั่งสร้างรูหนอน การบิดเบือนเวลา จากความเร็วแสงของผีนี้เลยก็เป็นได้...


เรื่องที่สาม ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับผี เรื่องนี้สำคัญมาก มันสำคัญกระทั่งต้องมีการเขียนร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่มาเลยทีเดียวล่ะ อาจจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในช่วงริเริ่ม แต่เมื่อมีความเข้าใจซึ่งกันมากขึ้น เพราะก่อนจะเป็นผีทุกคนเคยเป็นมนุษย์มาก่อน การใช้แรง และพลังงานจากชีวิตหลังความตาย เพื่อทำประโยชน์ให้กับ สิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่ อาจจะเป็นทางออกใหม่ๆ ในอนาคตนี้ก็ได้

ด้วยความที่ผี ก็คือ สสาร เเละ สสารทุกชนิดต้องการที่อยู่ นายทุนหัวใสก็ประดิษฐ์คิดค้น คอนโดมิเนียมผี หรือ ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ส่วนตัวของผีแต่ละตน ผีอาจจะอัพโหลดตัวเองเข้าไปในอินเตอร์เน็ต เเล้วมีServerว่างๆ ปล่อยให้เช่าเพื่อเก็บความทรงจำ เรื่องราวดีๆต่างๆ เข้าไปพักผ่อนหย่อนใจก่อนจะออกมาทำงานผลิตกระแสไฟฟ้า หรือ สำรวจอวกาศต่อได้ ธุรกิจนี้สามารถต่อยอดให้มีคุณค่าต่อไปได้อีกเพื่อเป็นการตอบแทนที่ผีทุกๆตนได้ทำประโยชน์ให้กับผู้คนที่ยังมีชีวิต

จริงๆแล้วที่เขียนบทความนี่ขึ้นในไอเดียแรกตัวผู้เขียนเพียงอยากจะพัฒนาความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ ผึกให้สมองได้ออกกำลังกาย ใช้มันบ่อยๆเพื่อจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความคิดสร้างสรรค์สำคัญมากนะครับสำหรับ ในเจเนเรชั่นนี้ที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่ใครๆก็สามารถเข้าถึงมันได้

แต่เมื่อคิดต่อยอดไปอีกขั้น โลกเสมือนที่ผมได้จินตนาการมันทำให้ผมมองเห็น ปัญหาของโลกจริงที่ชัดขึ้น กล่าวคือใน 'Me generation' ที่เราอาศัยอยู่ ณ ตอนนี้ เป็นยุคสมัยที่ผู้คนมองเห็นแต่ตัวเอง ผู้คนอยากพูดเรื่องของตัวเอง และ อยากที่จะได้รับความสนใจจากผู้อื่นจากสิ่งที่ตัวเองคิด ตัวเองทำ อย่างเช่น จะบอกความในใจกับคนที่มากดไลค์ วันนี้ไปทำอะไร เราคิดยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราอยากจะมีคนมาอวยพรในวันเกิดตัวเอง ถ้าเป็นเราเราจะทำแบบนี้ เราเอาแต่ใจ แล้วโทษกันไปโทษกันมา ผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด Me generation นี่เกิดขึ้นมาครับ แต่หลังจากที่เขียน Ghost gen. ขึ้นมันทำให้เห็นชัดขึ้นว่า เราต้องมีความเข้าใจกันมากขนาดไหนถึงจะเปลี่ยน ผีร้าย วิญญาณอาฆาต ให้มาผลิตพลังงาน หรือพูดง่ายๆ คือเป็น ทาสให้กับคนที่ทำให้วิญญาณตนนั้นเสียชีวิต มาทำงานรับใช้ให้กับคนที่ทำร้ายเขาจนตาย มันต้องใช้ความรัก ความเข้าอกเข้าใจ และการให้อภัยขั้นไหน ถึงจะสามารถทำแบบนั้นได้

ซึ่งเหมือนการให้อภัยจะเป็นไปไม่ได้เลยใน Me generation นี้

เลยอยากมาแบ่งปันแนวคิดดีๆที่จะเปลี่ยน Me ให้ กลายเป็น We Generation กันดีกว่าครับ เรามาลองมองในมุมของคนอื่นดูบ้างมั๊ย ใช้หัวใจในการปลอบโยนเพื่อนมนุษย์ที่ขาดความเชื่อมั่น ใช้พลัง ความรู้ สมองสร้างสรรค์สิ่งต่างๆให้กับส่วนรวม ออกมาทักทายเพื่อนบ้าน ใจเขาใจเราเป็นซึ่งที่ควรระลึกถึงอยู่เสมอนะครับ เริ่มง่ายๆที่ตัวเองครับ อริสโตเติลกล่าวไว้เป็นพันปีก่อนว่า "Human beings are social animals" มนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่เราจะสร้างสังคมที่แข็งแรงได้อย่างไร ถ้าในใจของคนยังคิดถึงแต่เรื่องตัวเอง..

อย่าเพิ่งหมดหวังกับGenerationนี้นะครับ ผมยังเชื่อ และ มีความหวังอยู่เสมอที่จะเห็น We เกิดขึ้นและอยากจะใช้ชีวิตอยู่ใน Generation นั้น เพียงซักวันก่อนจะกลับมาผลิตไฟฟ้าให้มนุษย์โลกใช้กัน ซักวัน ก็ยังดี..

ปล.บทความที่เขียนBase on จินตนาการเป็นสำคัญนะครับทฤษฏีผิดถูกประการใดขออภัยให้ข้าน้อยด้วย แหะๆ




Credit
https://storylog.co/story/57cbb81014a62afc1bf1dd57

Emo
17th October 2016, 21:32
ผีทำงานกับคน ไม่หน้ากลัว แต่ผีมาแอบดู อาบน้ำน่ะ หน้ากลัว

freewar666
17th October 2016, 21:43
ทำไมอ่านเเล้วขำๆ =-=

toby
24th October 2016, 09:50
บทความดี อ่านสนุก