PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : The Fear Comming วันวิบัติไวรัสปีศาจสยองโลก



SHINee
19th October 2011, 00:34
http://upic.me/i/nn/thefearcomming.jpg


นิทาน........? ใครๆหลายคนเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานและใครๆหลายคนเคยได้รับรู้มัน มีนิทานอยู่บทหนึ่งซึ่งใครๆ
หลายคนเคนได้รับรู้มัน มันกล่าวถึงตำนานการสร้างโลกโดยพระเจ้ามีอดัมและเอวาหรือเรียกอีกอย่างว่าอีฟ

ทุกคนเคยรับรู้แต่จะมีสักกี่คนที่คิดว่าเรื่องนี่เป็นเรื่องจริง ซึ่งแน่นอนมันเป็นเรื่องจริงทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ถูกเล่ามาตั้งแต่อดี
ตตะกาลล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโดยทั้งสิ้น อาจจะมีบางเรื่องที่ถูกแต่งเติมเพิ่มเนื้อหาบางอย่างเข้าไปไม่ว่าจะมากหรือน้อย แต่มั
นก็คือเรื่องจริง....รวมไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจ

เรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจสังเกตุได้ว่าในทุกๆศาสนาต้องเอ่ยถึงมัน ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ คริส อิสลาม ล้วนแล้วแต่เอ่ยถึงมัน
ทั้งสิ้น โดยจริงๆแล้วปีศาจที่แต่ล่ะศาสนาเอ่ยถึงนั้นคือตัวเดียวกัน มันอาจจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามเขตและพื้นที่ แต่
จริงๆแล้วมันก็คือสิ่งๆเดียวกัน มันมีเล่ห์เหลี่ยม มันมีชั้นเชิงในการหลอกล่อ มันอ่านใจคนได้ มันแปลงกายได้ มันสามารถ
เข้าถึงมนุษย์ได้ทุกคน ปะปนไปกับพวกเรา มันสามารถทำได้ทุกๆสิ่งตราบใดที่มันยังคงอยู่ สิ่งเดียวที่มันต้องการก็คือ ทำให้
โลกนี้เป็นไปอย่างที่มันต้องการ...

ปีศาจมันชักจูงคนให้หลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งที่เป็นด้านมืดนั้นได้อย่างง่ายดาย รูปแบบการจู่โจมของปีศาจนั้น มีหลายๆ
รูปแบบ แบบที่มีให้เห็นได้บ่อยที่สุดเลยแต่คนเรามักจะมองข้ามไปก็คือ การที่คนเราทำความชั่วนั่นเอง เวลาเราทำเรื่องไม่ดี
สิ่งไม่ดีต่างๆ เรื่องเลวร้ายต่างๆ นั้นไม่ต้องสงสัยเลย เรื่องนี้มีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน และยังมีการปรากฎตัวของ
มันที่เข้าใกล้เราขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งก็คือ การถูกเข้าสิ่ง หรือที่เข้าใจกันว่าถูกผีเข้านั่นเอง ยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ปีศาจเป็น
ต้นเหตุ เช่น คดีแปลงๆต่างๆที่หาข้อสรุปไม่ได้และยังมีเรื่องประหลาดอื่นๆอีกมากมาย เพียงแต่ว่าเราไม่ได้รับรู้เลยเท่านั้นเอง

ปีศาจ...พวกมันไม่เคยหยุดที่จะจู่โจมพวกเราเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย มันไม่เคยพักไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน แต่ใครๆ
หลายๆคนก็ไม่ได้เอะใจและใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้เท่าไรนัก โดยหารู้ไม่ว่าปีศาจมันได้คิดการจู่โจมแบบใหม่ขึ้นมาโดยที่ไม่มี
ใครสามารถคาดถึงได้

ในยุคสมัยปัจจุบันนี้เราถูกพวกมันล่อลวงได้โดยง่ายดายในทุกๆทาง สังคมของโลกมนุษย์ในปัจจุบันมันช่างเอื้ออำนวยต่อ
การขยายอำนาจของปีศาจเหลือเกิน ในขณะนี้ พวกมันกำลังคลืบคลานเข้ามา ใกล้เข้ามา และเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ พวกมัน
เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เพียงแต่มันรอเวลา รอแค่เวลาเท่านั้นเอง

วันอันแสนโหดร้ายใกล้มาถึงแล้ว เสียงกระซิบของปีศาจอันน่าสยดสยองจะลอยมาตามลม ท้องฟ้าที่สีเทาและขุนมัว วันที่
ทั่วทุกบริเวณจะมีแต่เสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา วันที่เลือดของมนุษย์จะหลั่งรินเหมือนกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา
ความเลวร้ายเหล่านี้จะขยายไปทั่วบริเวณจนในที่สุดก็ครอบคลุมทั้งโลกไม่มีใครสามารถหยุดมันได้ ไม่มีสิ่งใดสามาถหยุดมันได้
และวันนั้นกำลังจะมาถึง วันที่เหล่ามนุษย์ทุกคนจะถึงกาลวิบัติ ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเราได้ เพราะแม้แต่มนุษย์เราเองยังปฎิเสธ
พระผู้เป็นเจ้า...





“พ่อไม่เข้าใจเลยจริงๆ”

เสียงของบาทหลวงดังขึ้นมาในความมืดมิดเมื่อได้ฟังเสียงของเขาแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเขาอายุเลย50ขึ้นไปแล้ว น้ำเสียงของ
บาทหลวงผู้นี้ดูเคร่งเครียดและวิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก เขานั้งอยู่ที่เก้าอีกตัวหนึ่งใกล้ๆโต๊ะของเขา บนโต๊ะมีของวาง
ระเกะระกะมากมายนับไม่ถ่วน เศษกระดาษบ้าง หนังสือบ้าง เยอะแยะไปหมดบนโต๊ะของเขา

ไฟสลัวๆสีเหลืองที่ห้อยอยู่บนเพดาน ไม่ช่วยให้ห้องนี้สว่างมากขึ้นเท่าไรนัก เท่าสังเกคุได้ตามกำแพงก็มีกระดาษต่างๆแปะ
ไว้มากมาย ทั้งหนังสือพิม และ การดาษข้อมูลต่างๆ ดูแล้วเรียกได้ว่าเป็นห้องที่รกพอสมควรเลยทีเดียว ท่ามกลางความมืด
กับดวงไฟที่แทบจะไม่สว่าง บาทหลวงกำลังบันทึกผลการทดลองอะไรบ้างอย่างของเขาอยู่ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อมนุษย์เรา

“รูปแบบของมันแตกต่างออกไป มันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง มันไม่ใช่การเข้าสิงธรรมดา มันสามารถ
ถ่ายทอดไปให้คนอีกคนนึงได้โดย สัมผัสกับสารคัดหลั่งต่างๆของคนที่ผู้เข้าสิง สิ่งที่เราเจอตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว
พ่อยังหาตัวยาที่จะแก้ไขมันไม่ได้ การแก้ไขทางกายภาพยังไม่สามารถทำได้ในตอนนี้...”

บาทหลวงนิ่งไปซักพักหนึ่งเขาสูดลมหายใจเข้าไปค้างและยาวนานก่อนที่จะค่อยๆปล่อยๆออกมา สายตาของเขาจับจ้อง
ไปที่หนังสือบันทึกผลการทดลองไม่กระพิบ เขาปาดเหงื่อที่เริ่มซึมอยู่บทใบหน้าของเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ

“พ่อตรวจพบกัมมะถันภายในเลือดของผู้ถูกเข้าสิงซึ่งหลังจากตรวจผู้ที่ถูกเข้าสิงกัดอีกรายก็พบว่าภายในเลือดก็มีกัมมะถัน
ไม่ได้เพียงแค่เลือดเท่านั้น ตัวอย่างน้ำลายก็เช่นกัน ดังนั้น พ่อจึงสรุปได้เลยว่า การติดต่อของมันสามารถติดต่อจากสารคัดหลั่ง
ทุกชนิดในตัวผู้ถูกเข้าสิงได้ ถ้าเราได้ไปสัมผัสมันเข้า เราก็จะติดเชื้อ การเข้าสิงแบบนี้ มันเหมือนกับเป็นเชื้อโรคอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนนี้พอยังหาข้อสรุปไม่ได้...”

พึ่บ !!!

ดวงไฟสีเหลืองกระพิบถี่ๆก่อนที่จะดับลง บรรยากาศรอบๆห้องดูอึมครึมเป็นอย่างมาก บาทหลวงค่อยๆลุกขึ้นยืนก่อนที่
จะเอื่อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างบนโต๊ะ หลังจากที่หยิบมาได้เขาเปิดมัน ซึ่งมันช่วยให้แสงสว่างรอบๆแก่เขา สิ่งนั้นก็คือ
เทียนนั้นเอง เขาถือเทียนที่กำลังส่องแสงสว่างไปเรื่อยๆก่อนที่จะเริ่มออกเดิน ความมืดรอบๆตัวของเขาทำให้ห้องๆนี้ดู
น่าขนลุกเป็นอย่างมาก ก่อนที่บาทหลวงจะออกจากห้องนี้ไป ไฟที่กำลังทอดแสงอยู่นั้นก็ทำให้สายตาของบาทหลวงไป
สะดุดกับอะไรบางอย่าง

วูบ !!!

ฉับพลันเทียนที่บาทหลวงถืออยู่หลุดออกจากมือ พร้อมกับไฟได้ดับลง ความมืดครอบคลุมไปทั่วทั้งห้องอีกครั้ง บรรยากาศ
แบบนี้ชวนให้เสียวสันหลังยิ่งนัก ทันใดนั้นมีบางสิ่งพุ่งตรงมาหยุดต่อหน้าบาทหลวง ภายในความมืดนั่นเองเสียงนั้นได้เอ่ยขึ้น

“สวัสดี !!!”

“แก อะ ออกมาได้ไง”

บาทหลวงพูดเสียงสั่น สิ่งที่เขาคุยอยู่ด้วยนั้นอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ รูปและโครงหน้าของมันแทบจะเรียกได้ว่าเน่าเฟะทีเดียวดู
ลักษณะเหมือนศพที่ตายมาหลายวันแล้ว ลมหายใจของมันเหม็นซะยิ่งกว่าสิ่งปฏิกูลใดๆเสียอีก ความกดดันแผ่ซ่านไปทั่วตัว
ของบาทหลวงชรา เขาสั่นไปหมดทั้งตัวจนควบคุมไม่อยู่ เขาหยิบสร้อยประคำของเขาออกมาก่อนจะสวดพึมพัมอะไรบางอย่าง
ฟังแล้วไม่ได้ใจความ

“ถึงเวลาที่ปากเน่าๆของแกจะหุบได้แล้ว บาทหลวง”

เสียงแหบแห้งอันหน้าสยดสยองดังขึ้น แล้วอีกไม่กี่อึดใจ บาทหลวงก็ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นทันที เมื่อเสียงอันหน้าสยดสยองนั้น
สิ้นสุดลง หัวของบาทหลวงก็เละไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร่างของเขากองอยู่กับพื้น พร้อมประคำไม้กางเขน เจ้าของเสียงอันหน้าสยดสยองนั้น
ก็เอาเท้าของมันวางทาบลงไปบนไม้กางเขนก่อนที่จะเริ่มบดขยี้ ประคำไม้กางเขนอันเล็กจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี มันเสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ก่อนที่จะเผยดวงตาสีดำทมิฬของมันออกมาให้เป็นที่ประจัก

ฉลับพลันก็เกิดไฟลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรงจากเทียนที่ตกอยู่บนพื้น ไฟนั้นได้ลามไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ ไฟดังกล่าวค่อยๆลามไปเรื่อยๆ
จนแทบจะทั่วห้อง มันเผาทุกอย่างจนวอดวายไม่เหลือแม้แต่อะไรทั้งสิ้นในกองเพลิงนั้น ก่อนที่ไฟจะไหมไปจนหมดนั้นเจ้าของดวงตาสีดำทมิฬก็เสยะยิ้ม
อย่างพอไปก่อนที่เขาจะค่อยๆเลือนหายไป

“มันพึ่งเริ่มต้น”



EnD





บทที่ 1 Initiate

สามวันหลังจากที่เกิดเหตุการณ์กับบาทหลวง

ความมืด... บรรยากาศรอบๆตัวผมมันมืดไปหมด ผมไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน แต่ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่ามันมืดมาก ผมพยายาม
ควานหาสิ่งต่างๆรอบตัว แต่มันก็ไม่มีอะไรสักอย่าง ทำไมมันถึงว่างเปล่าอย่างนี้ ตอนนี้ผมไม่ได้หลับตาอยู่แน่ๆ ผมลืมตาแล้ว

ทามกลางความมืดมิดชายหนุ่มพยายามควานหาสิ่งต่างๆรอบตัวเขา หลังจากที่พยายามอยู่นานเขาก็หยุดนิ่งแล้วเริ่มนั่งคิดถึงสิ่งต่างๆ
ที่เกิดขึ้น นึกย้อนกลับไปนึกไปถึงทุกๆอย่างที่มันเคยผ่านมา กาลเวลานั้นดุจดั่งสายน้ำก็ไม่ปรานมันผ่านมาอย่างรวดเร็วแล้วก็ผ่านไป
ไม่สามารถเอามันกลับมาได้ เวลา... ไม่สามารถเอาย้อนคืนมาได้

“อีฟ...”

ชายหนุ่มพูดชื่อใครบางคนออกมา หลังจากที่เขาพูด ตัวของเขาเริ่มสั่น น้ำตาของเขาเริ่มเอ่อล้นออกมาจาก2เบ้าตา สีหน้าเขาเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากเป็นอย่างมาก

“เค้าขอโทษ อีฟ เค้าขอโทษ เค้าดูแลอีฟได้ไม่ดีพอ”

ชายคนนี้พร่ำเพ้อถึงใครบางคนการจากไปของใครบางคนที่ทำให้เขาร้องไห้และเจ็บจะเป็นจะตายขนาดนี้ ซึ่งก็ไม่ต้องคิด
เป็นอย่างอื่นเลย ‘อีฟ’ ก็คือแฟนเขานั่นเอง การจากไปของคนรักสามารถทำให้คนบางคนที่เคยเข้มแข็งกลายเป็นคนอ่อนแอ
ที่น่าเวทนา มันสามารถเปลี่ยนได้แม้กระทั้งวีรบุรุษ ให้กลายเป็นคนบ้า น้ำตาแห่งความเสียใจหลั่งไหลเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่ง
คิดก็ยิ่งไหลออกมาไม่ขาดสาย น้ำตาพวกนี้มันไหลออกมาจากไหนกันนะ....

เวลาที่คนเราต้องอยู่คนเดียว ในที่ที่วังเวง เงียบและไม่มีใคร ไม่มีคนอื่น โดยเฉพาะต้องอยู่ในความมืด ความคิดต่างๆมันจะ
เริ่มหลังไหลออกมาอย่างมากมายมหาสาร โดยที่เราไม่อาจจะยับยั้งมันได้ ยิ่งคิดยิ่งเพ้อ ยิ่งเพ้อก็ยิ่งเสียใจ ไม่มีใครสามารถ
หยุดความเศร้านี้ได้ ไม่มีใครสามารถทำได้ ยามที่คนเรา สิ้นหวังเช่นนี้ เป็นโอกาศเหมาะที่บางสิ่งบางอย่างจะสามารถแทรกแซงจิตใจเราได้

ชายหนุ่มยังคงร้องไห้คร่ำครวญอยู่โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ที่ที่เขาอยู่นั้น เป็นสถานที่ที่มืดมิด ไร้สิ่งมีชีวิตและทุกๆสิ่งมีเพียงเขาอยู่ที่นี่คนเดียวเท่านั้น
อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาอยู่ในวังวนของจิตใจตัวเองก็เป็นได้ จิตใจที่ไม่สามารปล่อยวางได้ จิตใจที่เศร้าหมอง ขุ่นมัว และอาจจะดำมืด

“ตื่นได้แล้วเกรฟ”

มีเสียงใสๆ เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย แทรกมาท่ามกลางความืด พร้อมกับแสงสว่างที่เริ่มสอดแทรกมา ตาของช่ายหนุ่มเริ่มพร่ามัว
ส่วนต่างๆในร่างกายเขาล้วนอ่อนแรงลง สีขาวค่อยๆมาแทนที่สีดำจนแทบจะหมด ตาของชายหนุ่มก็พร่ามัวจนถึงขีดสุด ก่อนที่
เขาจะเริ่มรู้สึกตัวก็มีอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา มันเป็นเสียงที่ฟังแล้ว น่าขนลุก เสียงมันเบาปานกระซิบ แต่มันทำให้ขนลุกได้ไม่น้อยเลย

“มันยังไม่จบแค่นี้แน่...”
.
.
.

‘ฝัน ฝันใช่ไหม’

ชายหนุ่มนามเกรฟคิดในใจก่อนที่จะค่อยๆลืมตาของเขาขึ้นมาอย่างช้าๆ มือเขารีบจับไปที่จี้สร้อยคอของเขาที่รูปร่างเป็นคำว่าว่า‘Eve’
อยู่เคียงคู่กับไม้กางเขน ทั้ง2อย่างนั้นทำจากเงินบริสุทธิ์ เขาค่อยๆผ่อนลมหายใจอย่างช้าๆ เพื่อระงับ ความกลัวและสิ่งต่างๆที่เริ่มประดังประเดเข้ามาในสมอง
เขาเริ่มลุกขึ้นแล้วสอดส่ายสายตาไปรอบๆ

‘นี่มันรถพยาบาล เรามาทำอะไรในนี้’

เขาคิดในใจพร้อมเอามือก่ายหน้าผากของเขา ภายในรถพยาบาลนั้นค่อนข้างจะรกเล็กน้อย สิ่งของตกเกลื่อนกลาด เมื่อมอง
ไปข้างๆก็จะเห็นถังอ๊อกสิเจนพร้อมอุปกรณ์อื่นๆวางอยู่ ตอนนี้หัวของเกรฟเริ่มจะมึนตึบๆแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาลอง
นึกย้อนทบทวนถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะอยู่ที่นี่

‘เรามาอยู่ที่นี่ได้ไง...’

ปึ่ง !!!

เสียงอะไรบางอย่างแทกประตูเข้ามาอย่างแรง พร้อมกับร่างของคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาในรถ ร่างนั้นผงะเล็กน้อย สายต่อของ
เขามองเกรฟแบบหวาดระแวงเป็นอย่างมาก ในมือเขาถือท่อนไม้อะไรซักอย่างอยู่ เขากำลังจะเงื้อมือเพื่อฟาดไม้ลงไปบนตัว
เกรฟ

“กะ กลับนรกของ***ไปซะ !!!”

“เดี๋ยวอย่างเพิ่ง !!! ”
.

.

.

ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น...

แฮกๆ !!!

เสียงหอบดังๆของขายหนุ่มคนหนึ่ง เขายืนเอาหลังพิงกำแพงอยู่ตรงซอยเล็กๆติดกับถนนใหญ่ ดูจากภายนอกแล้วรูปร่างเขา แข็งแรงกำยำ
หน้าตาใสๆตามแบบฉบับวัยรุ่นไทย ผมของเขาสีดำสนิด ผิวของเขามีสีแทน ใส่เสื้อยืด สีเขียว กับ กางเกงยีนขาดๆ พร้อมด้วยร้องเท้าผ้าใบสีขาวอย่างดี
เขาหอบหนักเหมือนกับพึ่งวิ่งหนีอะไรบางอย่างมา ในมือเขาถือไม้อยู่ท่อนหนึ่งซึ่งตอนนี้มัน เปื้อนเลือดสีแดงฉาน เมื่อสักเกตุดูดีๆเลือดยังหยดลงมาจากไม้อยู่เลย


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นว่ะเนี่ย”

ชายหนุ่มบนพึมพัมกับตัวเอง เขาสูดลมหายใจเข้าไปอีกลึกๆ ก่อนจะหันหน้ามองซ้ายมองขวาแล้วเริ่มออกวิ่งต่อ เขาเริ่มออกวิ่งไปตามถนนใหญ่
บรรยากาศถนนนั้นไม่ได้ต่างจากเมืองร้างเท่าไรเลย ทั้งซากรถที่ชนกันจนไฟลุกท่วม เศษกระจกแตก ข้าวของระเกะระกะเกลื่อนกลาดซ้ำยังมีซากศพอยู่เป็นระยะๆ
เมื่อมองไปบนท้องฟ้า ลักษณะก็แปลกประหลาดพิกล มีเมฆสีเทาอึมครึมลอยวนไปวนมาอย่างผิดลักษณะตามธรรมชาติ ดูแล้วน่ากลัวยิ่งนัก

“ทำไมท้องฟ้ามันแปลกๆงี้เนี่ย”

ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าเล็กน้อยก่อนที่จะออกวิ่งไปเรื่อยๆ ไปตามถนน พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างวังเวงเป็นอย่างมาก เพราะมันดูเหมือนไม่มีอะไรอยู่เลย
ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของคน มีเพียงเสียงของลมที่ผัดหวิวๆมาเท่านั้นเอง

“เฮ้ย !!!”

ชายหนุ่มอุทานออกมาด้วยความตกใจ มือเขากำชับไม้แน่นขึ้น ภาพเบื่องหน้าของเขาก็คือ กลุ่มคนจำนวนหนึง ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ นิ่งๆแบบแปลกๆ
ทั้งเนื้อตัวของพวกเขาก็เปื้อนเลือดไปหมด รอบๆในบริเวณนั้นก็พบชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายอยู่ ชายหนุ่มกำชับท่อนไม้ในมือแน่น
ก่อนที่สายตาของเขาจะสะดุดกับลังขวดแก้วที่ตกอยู่บนพื้น ภายนั้นมีขวดที่ยังไม่แตกอยู่ประมาน5ขวดเขาหยิบขึ้นมา2ขวด ตอนนี้ในมือซ้ายเขาถือไม้กับขวด
ส่วนมือขวาเขาก็ถือขวดในรูปแบบพร้อมปา เขาเดินอย่างรวดเร็ว ท่าทางการเดินนั้นกวนนิดหน่อยตามแบบฉบับ นักเลง ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเนื่องจากกลุ่มคนพวกนั้นมันอาจจะไม่มีความรู้สึกด้วยซ้ำ

“เฮ้ย พวก*** !!!”

ชายหนุ่มตะโกนพร้อมเดินดุ่มๆเข้าไปหากลุ่มคนพวกนั้น พวกมันก็หันหน้ามามองเขา ในดวงตาของพวกมันดำมืดสนิท แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก
ก่อนที่มันจะเริ่มแยกเขี้ยวแล้วเริ่มตรงดิ่งมาหาเขา

“เป็นไงเป็นกันพวก***เข้ามาเลย !!!”

ดิวตวาดออกไปเหมือนกับเป็นการขู่ก่อนที่พวกมันจะเริ่มวิ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง ดิวสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยน้อยก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปหาพวกมันที่พุ่งเข้ามา คนแรกพุ่งเข้ามาหาดิวด้วยความเร็ว
แต่มันชะล่าใจเกินไป ดิวเบี่ยวตัวออกไปทางด้านข้างแล้วเอาขวดที่เขาถืออยู่ มือขวาฟาดสวนทางกันกับที่มันวิ่งมาพร้อมยืนขาออกไปสะกัดขามัน ทำให้มันหัวแตกแล้วล้มลง
ตัวต่อมาก็เช่นเดียวกัน เขาทำแบบตัวแรก ส่วนตัวสุดท้ายนั้น มันยืนรอดูเชิงสักพักก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหาดิว เขาตวัดท่อนไม้ที่อยู่ในมือเขาฟาดใส่หัวมัน เขายกไม้ขึ้นแล้วฟาดซ้ำไปอีก
อย่างรวดเร็วจนมันล้มไปกองกับพื้น ดิวทุบที่หัวซ้ำเพื่อความแน่ใจ หลังจากนั้นเขาก็ตามไปทุบ2ตัวที่เหลือเพราะว่ามันกำลังจะยืนขึ้นมาเพื่อเล่นงานเขาต่อ

สภาพศพแต่ล่ะคนไม่สวยนัก ตัวที่โดนขวดทั้ง2หัวมันเหวะหวะ เลือดสดๆของมันไหลออกมาเจิ่งนอง บนผิวหนังของมันถูกฝังด้วยเศษแล้วดูแล้วน่าสยดสยอง
ส่วนคนที่โดนไม้เพียวๆก็ใช่ย่อย เพราะกะโหลกมันบุบไม่มีชิ้นดีแถมตาเกือบจะหลุดออกจากเบ้า

“กูทำไปได้ไงว่ะเนี่ย”

ดิวพูดกับตัวเองอีกครั้ง เริ่มเดินต่อไป ทางข้างหน้าเขาเป็นสี่แยกไฟแดงที่ไหนสักที่หนึ่งซึ่งสภาพมันก็ดูไม่ดีนัก เศษกระดาษปลิวว่อนไปทั่ว ไฟจราจรบ่งบอกสัญญานมั่วซั่ว
อีกทั้งรถยนที่ชนกัน จอดอยู่เฉยๆ บ้าง แหลกละเอียดบ้าง ดูแล้วทำให้น่าหดหู่ไม้น้อยเลย

ดิวเดินมาใกล้ถึงสี่แยก เขาก็เริ่มได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่าง มันคลายๆเหมือนกับเสียงกระซิบกระซาบที่ลอยมาตามลม เสียงของมันน่าสยดสยอง
ดูเหมือนว่าเสียงนั้นมันวนรอบๆตัวของเขา และยังมีเสียงแปลกๆดังมากจากทุกทิศทุกทาง ดิวหันมองรอบๆตัวเขา หันกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ว
ดิวปาดเหงื่อเล็กน้อย เสียงอันหน้าสยดสยองนั้นดังขึ้นไม่หยุด สีหน้าของดิวเริ่มเครียดขึ้นในทันที เพราะเขาตระหนักและรู้ดีว่า เสียงที่เขาได้ยินนั้น
เขาไม่สามารถที่จะสู้กับมันได้เพราะมันมีเยอะเกินไป ความกลัวเริ่มลืบคลานเข้ามา แต่ก่อนที่เขาจะยืนรอความตายที่กำลังจะเข้ามาหา เขาก็ชิงหลบมันเสียก่อน
โดยวิ่งตรงไปที่รถพยาบาลที่ถูกรถอีกคันหนึ่งชนทางด้านหน้าแต่ข้างหลังนั้นสภาพยังดีอยู่

ปึ่ง !!!

ดิวกระชากประตูรถเสียงดัง ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็คือชายหนุ่มหน้าตาสลึมสลือเหมือนคนเมานั้งอยู่บนเตียงภายในรถพยาบาล ดิวมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างหวาดระแวง
เพราะเขาไม่ไว้ใจมนุษย์คนไหนทั้งนั้นในตอนนี้ แต่เวลาก็บีบคั้นเข้ามาเรื่อยๆเข้าต้องทำอะไรซักอย่างก่อนที่ไอพวกที่อยู่ข้างนอกมันจะมาเจอเขา ดิวเงื้อมือเพื่อที่จะฟาดลงไปบนหัว
ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ต่อหน้าเขา

“กะ กลับนรกของ***ไปซะ !!!”

“เดี๋ยวอย่างเพิ่ง !!! ”

ทันทีที่ดิวได้ยินเสียงตอบกลับเขารีบหันหลังเอื้อมมือไปปิดประตูรถอย่างรวดเร็วทันที ก่อนที่เขาจะตรงเข้ามาใกล้ชายที่นั้งอยู่บนเตียง

“โดนกัดเปล่า”

“กัดอะไร”

“ก็โดนกันไงเล่า !!!”

“ไม่น่ะเท่าที่รู้สึกตัวตอนนี้ก็ปวดหัวอย่างเดียว”

ชายหนุ่มตอบกลับดิวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ถึงยังไงก็ทำให้เขาใจชื้นได้บ้างที่เจอคนรอดชีวิต ดิวเดินเข้ามานั้งใกล้ๆ แล้วตรวจดูร่างกายของชายหนุ่มว่าพบแผลหรือรอยกันไหม
หลังจากดูให้แน่ใจแล้วดิวก็ทำท่าเพื่อที่จะบอกว่าอย่างเพิ่งถามอะไรตอนนี้

“พวกมันอยู่ข้างนอก เต็มไปหมด เงียบๆ"

บรรกาศรอบๆรถเริ่มเปลี่ยนไป ถึงจะไม่ได้เห็นกับตาแต่ก็สามารถสัมผัสได้จากเสียงและสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆรถ เมื่อฟังดูดีๆแล้วเสียงมันคล้ายๆกับว่าไอพวกที่อยู่ข้างนอกนั้นมันพูดคุยกัน
แต่สำเนียงเสียงมันดูแปลกออกไป ซึ่งฟังแล้วไม่รู้เรื่อง แต่มันมันเสียงที่น่าสยดสยองมาก ความกดดันแผ่ซ่านขึ้นภายในรถตู้ โดยเฉพาะดิวที่ตอนนี้กำไม้ในมือแน่น เขากลืนน้ำลายเสียงดัง
จนทำให้ชายที่นั้งอยู่ข้างๆเขาหันมามอง

“นายชื่ออะไร”

“เกรฟ”

ดิวกระซิบถามชื่อชายแปลกหน้าซึ่งก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็ว เสียงกระซิบของดิวนั้นเบามากจนแทบจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้สายตาของทั้งคู่ล่องแลกไปมา ถึงดิวจะเคยสู้กับคนพวกนั้น
แต่ถ้าพวกมันมาเยอะมากเกินไปเขาก็กลัวเป็นเหมือนกัน เนื่องจากเขาไม่ใช่ยอดมนุษย์ เขาเป็นคนธรรมดา และแน่นอน เขาต้องกลัวความตาย เขาต้องกลัวในสิ่งที่เขาสู้ไม่ได้

‘เมื่อไรจะไปซักทีว่ะ’

ดิวกันในใจ เหงื่อเริ่มซึมขึ้นมาตามใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสอง บรรยารอบๆรถยิ่งเพิ่มความกดดันเข้าไปอีก เมื่อพวกที่อยู่ข้างนอกเริ่มเคาะตามรถที่จอดอยู่ต่างๆ จนทำให้เกิดเสียงดังน่ารำคาญ
รวมถึงเคาะรถที่ดิวกับเกรฟอยู่ด้วย เสียงเคาะรถบอกกับเสียงแปลกๆของพวกคนที่อยู่ข้างนอกทำให้ทั้ง2คนเพิ่มดีกรีความเครียดขึ้นไปอีก ดิวมือเริ่มสั่นส่วนเกรฟเอามือสองข้างกุมหัวตัวเอง
อาจจะเป็นเพราะอาการปวดหัวที่กำเริบ

“ใจเย็นๆ”

“ทำไงดี”

“ไม่รู้”

เสียงเคาะและเสียงกระซิบกระซาบที่น่าสยดสยองราวกับเป็นเสียงของปีศาจเริ่มหนักและแรงมากขึ้นเหมือนพวกมันรู้ว่าพวกเขาอยู่ในรถและพยายามกดดันพวกเข้าให้สติแตก
เกรฟตัวเริ่มสั่นเขาเอามือกดหัวตัวเองอย่างแรง ดิวเองตอนนี้ ตาก็ลอกแลกมือสั่นจนแทบถือไม้ที่เป็นอาวุธของเขาไว้ไม่ไหว พวกเขาทั้งสองเริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่ และ
กำลังจะร้องออกมาด้วยความทรมาน

ปี๊นนน !!! ปี๊นนน !!! ปี๊นนน !!!

เสียงดังคล้ายแตรรถยี่ห้อหนึ่งดังขึ้น เสียงของมันดังมากเนื่องจากแถวๆนี้แทบจะไม่มีสียงอะไรเลยนอกจาก เสียงเคาะและเสียงแปลกๆที่อยู่รอบๆนี้ เสียงแตรช่วยละความสนใจ
ของพวกที่อยู่ข้างนอกให้ไปในทิศทางของเสียงนั้น พวกมันเริ่มออกวิ่ง ไปตามต้นเสียงนั้น เสียงเคาะรถและเสียงแปลกๆก็ค่อยๆจางหายลงไป ทิ้งให้คนสองคนที่นั้งอยู่ในรถ
ต้องกุมหัวแล้วหอบด้วยความเหนื่อยเหมือนกับพึ่งใช้แรงอย่างหนักมา
.

.

.

“เห๊ย เชี่ย ปอน ***ทำไรว่ะเนี่ย”

เสียงจากวัยรุ่นคนหนึ่ง ดังมาจากในกลุ่มของเขาที่รุมล้อมลดคันหนึ่งอยู่ พวกเขาอาจจะไปทำอะไรซักอย่างทำให้เสียงสัญญานกันขโมยของรถดังขึ้นมา
สีหน้าของแต่ละคนนั้นแสดงความหวาดกลัวขึ้นโดยทันที

“กูว่าไปเหอะ”

“รีบไปเหอะ เดี๋ยวพวกมันมา”

“เออๆ ไปๆ เร็วๆ”

“พีคตามมาเร็วๆดิ

“ไอสอง ไอ วิท ไอ ปอน รอด้วย !!!”

EnD





บทที่ 2 Abandoned town

“นี่มันเมืองห่าผีชัดๆ”
เสียงดังมาจากทางเด็กหนุ่มนาม สอง เขามีรูปร่างตัวเตี้ยกว่าเพื่อนๆในกลุ่มของเขาอยู่นิดหน่อยแต่ก็เตี้ยที่สุดในกลุ่ม หน้าตาหล่อใช้ได้
เขาใส่เสื้อยืดสีเทาสีเทาๆ กับกางเกงขายาวสีออกเทาๆเช่นกัน สีผมเป็นสีดำ ส่วนผิวก็สีขาว

“เลิกวิจารณ์ซักวินาทีได้ไหม ”

เสียงจากเด็กหนุ่มวัยรุ่นอีกคนซึ่งก็นั้งรวมๆอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ เพื่อนๆเรียกเขาว่า พีค รูปร่างเขาสมส่วนดูดี หุ่นนักกีฬา
ท่าทางแข็งแรง หน้าตา น่ารัก ผู้ชายส่วนมากจะไม่ค่อยมีหน้าตาแบบนี้ เขาใส่ กางเกงยีน เสื้อยืดธรรมดาสีขาว ผมของเขา
เป็นสีดำ เช่นเดียวกับ สอง บนใบหน้าของเขามีเม็ดเหงือเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่แสดงอาการเหนื่อยหอยเลย อาจจะ
เป็นเพราะว่าเขาเป็นนักกีฬามาก่อนที่จะเกิดเกหตุการณ์นี้

ส่วนเพื่อนอีก2คนที่นั่งอยู่ข้าง พีค ก็คือ ปอน และวิท เมื่อดูจากภายนอก ปอน นั้นดูเหมือนจะสูงสุดในกลุ่มนี้ หน้าตา เขาธรรมดาๆ
ไม่โดดเด่นอะไรมาก ผมสีน้ำตาลแตกต่างจากเพื่อนๆในกลุ่ม เขาใส่เสื้อแขนยาวสีดำ ไม่มีลาย ข้างในเป็น เสื้อคอปก โทนสีขาว
ใส่ กางเกง ขายาวธรรมดา ปอนก็ไม่แสดงอาการเหนื่อยเช่นเดียวกับพีค อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นนักกีฬาเช่นเดียวกัน ส่วน วิท
ชายหนุ่มที่กลาวถึงคนสุดท้าย รูปร่างเขาสมส่วนขนาดความสูงก็จะพอๆกับพีค การแต่งกาย ใส่กางเกงยีนศ์ ดำ เสื้อยืด สีดำ เช่นเดียวกับ
กางเกง เขาดูจะมีอาการเหนื่อยมากกว่าสองคนแรกนิดหน่อย

ตอนนี้ทั้ง4คนได้ขึ้นมาอยู่บนดาดฟ้าของบ้านตึกแห่งใดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครฯ เนื่องพวกเขาได้ไปทำอะไรบางอย่าง
กับรถคันหนึ่งทำให้เกิดสัญญานกันขโมยดังขึ้น พวกเขาจึงต้องรีบหนีสิ่งที่จะตามเสียงสัญญานกันขโมยมา เสียงของ
สัญญานกันขโมยนั้นดังมากเลยทีเดียวบวกกับความเงียบในตอนนี้แล้วด้วยนั้น ไม่แปลกเลยถ้าสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆบริเวณนั้น
จะหันมาสนใจเสียงนี้

พวกเขาวิ่งหนีได้เร็วพอสมควร และ มีคนใดคนหนึ่งในกลุ่มที่มีไหวพริบดีได้สักเกตุเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นหนทางที่จะ
รอดชีวิต จึงพาเพื่อน ขึ้นมาหลบบนดาดฟ้าของบ้านดึกขนาด4ชั้นหลังนี้ โดยรอบๆของดาดฟ้า ก็จะเป็นเพียงที่โล่งๆ แทบ
จะไม่มีอะไรเลย มีเพียงเสาอากาศอะไรซักอย่างและมีดาวเทียม บวกกัยเศษ ขยะนิดหน่อยแค่นั้นเอง

“ลองดูบรรกาศรอบๆนี้ดิ น่าขนลุกมากๆ”

สองพูดขึ้นอีกครั้งสายตาของเขามองทอดออกไปรอบๆบริเวณ เมือมองไปไกลๆนั้นก็จะเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งจากจุดต่างๆ
มากมาย ทองฟ้าสีเทาขุ่นมัว และ เมฆที่เคลื่อนที่แปลกๆ ทำให้บรรยากาศรอบๆกรุงเทพมหานครฯดูน่าสยดสยองไม่น้อยเลย
สายลมเอื่อยๆ บางแรงบ้างเริ่มพัดเข้ามาเป็นระยะๆ บางที่มันก็พัดพวกเศษขยะหรือเศษใบไม้เบาๆต่างๆ หมุนวนหมือนกับ
พายุหมุนขนาดเล็ก ตอนนี้ในกรุงเทพมหานคร แทบจะเป็นเมืองร้างก็ไม่ปาน

“เฮ้ย! นั่งได้แล้วเดี๋ยวไอพวกที่ตามมามันเห็น”

พีคพูดให้เบาที่สุดแต่ก็พอจะทำให้สองได้ยินหลังจากนั้น เขาก็ดึงตัวสองลงมา นั้งกับพวกเขา เนื่องจากอยู่บนตึกสูงพวกเขา
จึงต้องก้มตัวต่ำๆเพื่อหลบอยู่ในมุมอับสายตาที่มองมาจากด้านล่างแล้วจะไม่เห็น เริ่มมีเสียงฝีเท้าของอะไรบางอย่างดังเขามา
ใกล้ๆแล้ว เสียงนั้นดูเหมือนว่าจะดังอึกทึกพอสมควร อาจจะเป็นเพราะว่ามันกำลังมุ่งมาทางนี้อยู่หลายคน...

ในตอนนี้ทั้งสีคนนอนหมอบราบกัยพื้นดานฟ้าเรียบร้อยแล้วเพื่อความชัวในการหลบ จะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด เสียงนั้นก็
เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะหยุดอยู่บริเวณใกล้ๆตึกนั้น ทันทีที่พวกมันหยุด ก็เกิดเสียงกระซิบ
กระซาบแบบแปลกๆเกิดขึ้น เป็นเสียงที่ฟังไม่ถนัดนักแต่ถ้าได้ยินแล้ว อาจจะทำให้คนขวัญอ่อนบางคนจิตตกได้เลย
เสียงกระซิบแปลกๆนั้นมีอยู่ซักพักก่อนจะหายไปพร้อมกับที่พวกมันได้วิ่งมุ่งหน้าต่อไป

“เราจะเอาไงต่อไปดี”

ปอนพูดขึ้นบงหลังจากที่นอนเงียบอยู่นาน เขาหันหน้ามองเพื่อนๆทุกๆคนรอบๆตัวเขาเหมือนกับจะต้องการคำตอบ
พวกเขาค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง โดยมีสองค่อยๆขยับไปดูว่าพวกที่ตามพวกเขามานั้น มันไปจากจุดนี้แน่แล้วหรือยัง หลังจากสองโผล่
หน้าออกไปดูแล้วก็หันมาหาเพื่อนๆ พร้อมพยักหน้าให้เพื่อนๆเขาเพื่อเป็นสัญญานว่าปลอดภัยก่อนที่จะคลานกลับเข้ามา

“ที่ถามเมื่อกี้ คำตอบมันก็มีอยู่ข้อเดียวคือหนีไง” หลังจากที่พีคพูดจบสีหน้าของเพื่อนๆเขาก็ดูเหมือนจะหมั่นไส้ขึ้นมาทันที

“อ่าวๆ กูพูดไม่ถูกรึไง” พีคพูดต่ออีกหลังจากที่โดนสายตาของเพื่อนๆจ้องมองเขม็ง

“เออ ไอหนีมันก็ต้องหนีแล้วแล้ว เพียงแต่เราจะไปไหน แค่นั้นเอง”

ปอนพูดตอบพร้อมกับเริ่มทำสีหน้าเหมือนกับคิดอะไรบ้างอย่างอยู่ เพื่อนๆทุกคนก็เริ่มคิดเช่นกัน เพราะเวลาไม่ได้มีมากนัก
เวลาจะทำอะไรก็ต้องรีบตัดสินใจและต้องตัดสินใจให้ดีที่สุดด้วย เพราะถ้าไม่เป็นแบบนั้นโอกาศที่จะตายก็มีสูงมาก ในสถานการณ์แบบนี้

“มีอยู่ทางนึง ปลอดภัยมากๆ”

วิทเสนอความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง ซึ่งเรียกความสนใจจากเพื่อนๆของเขาได้ไม่น้อยเลย ตอนนี้บรรยากาศรอบๆก็เริ่มไม่ค่อยจะดี
มากขึ้นแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมีสีดำแบบแปลกๆ พร้อมกับเมฆนั้นก็หมุนวนแบบแปลกๆมากขึ้น พวกเขาต้องรีบหาทางไปต่อโดยเร็วที่สุด
และต้องไปยังที่ปลอดภัยด้วยเพราะถ้ามันเริ่มมืด ความน่าสะพรึ่งกลัวจะเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นสิบๆเท่า

“หวังว่าคำตอบคงจะไม่เหมือนกับไอพีคน่ะ”

“เออ”

ปอนพูด พร้อมกับสองที่พูดเริมขึ้นมาเช่นกัน วิทเองก็มีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยอีกครั้งก่อนที่จะบอกทางที่จะทำให้พวกเขาทั้ง4คนนั้นรอดไปจากที่นี่ได้โดยปลอดภัยที่สุด

“ ทาง ทาง นี้มันจะไม่มีตัวอะไรขึ้นมาหรือผ่านมาเลย ดูแล้วมันจะปลอดภัยที่สุด...”

“ทางไหนล่ะ…”

“รีบๆบอกว่าเร็วๆดิ”
.
.
.
“ขึ้นไปเดินบนทางรถไฟฟ้า...”
.
.
.
.
.
.
ฉัน ใช้มือควานหา อาหารที่พอจะหลงเหลืออยู่ในตู้กับข้าวบ้าง แต่ปรากฎว่ามันว่างเปล่า ฉันนี่มันบ้าชะมัน ไม่ยอมซื้อ
อาหารมาเก็บไว้ที่ห้องพักของตัวเองบ้างเลย วันๆเอาแต่ออกไปกินข้าวข้างนอก ก็ใครจะไปคาดคิดล่ะ ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์
แบบนี้ขึ้น ฉันหวาดกลัวมาก ฉันอยู่ในห้องนี้มาหนึ่งคืนนึงแล้ว และไม่รู้ว่าฉันควรจะออกไปไหนดี แต่ที่แน่ๆ คือฉันต้อง
ออกอาหารมาประทังชีวิต...

ฉันมีชื่อจริงว่า นะคริน นามสกุล เริ่มกล้า ชื่อเล่น ฟ้า ฉัน รู้สึกท้อแท้มาก มากถึงมากที่สุด มันน่าแปลกที่ฉัน ไม่เคยรู้สึก
ชอบพ่อและแม่ของฉันเลย เพราะฉัน เบื่อ ฉันเซ็งกับการที่พ่อกับแม่ของฉัน ใช้เงินจนเกิดความจำเป็น แต่ในเวลานี้ฉันกลับ
คิดถึงและเป็นห่วงพวกเขามากที่สุด

ภายในห้องที่ขนาดไม่ใหญ่มากห้องหนึ่งได้มีเรือนร่างของผู้หญิง รูปร่าง ผอมสูงรูปร่างนี่พอจะเป็นนางแบบได้เลย
ผมเธอยาวประบ่าสีดำ ผิวขาวสะอาด ใส่เสื้อยืดสีขาวตัวหนึ่งกับกางเกงขายาวแบบมีหลายกระเป๋า เธอนั่ง เปลี่ยนช่องทีวีใน
ห้องของเธอหลายต่อหลายช่อง ซึ่งผลของมันก็เหมือนๆเดิม คือ ไม่มีสัญญาน เธอกดปุ่มปิดทีวีในรีโหมดของเธอ ก่อนจะ
โยนทิ้งแถวๆพื้นห้อง

ภายในห้องมืดๆที่มีแสงสว่างจากหน้าต่างลอดมาเพียงเล็กน้อย ฟ้านั้งถอดหายใจเฮือกใหญ่ เธอกำหมัดและกัดฟันแน่น
เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งมันต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับชีวิตของเธอ ฉับพลันเธอลุกขึ้นยืดก่อนจะหยิบ
กระเป๋าเป้ใบหนึ่งซึ่งก็วางอยู่ข้างๆเธอ แล้วรีบสาวเท้าเดินมุ่งตรงไปที่หน้าห้องของเธอ ก่อนจะอื่มมือไปเปิดประตู
เธอไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อโค๊ด ตัวเก่งของเธอมาสวม แล้วจับลูกบิดประตูก่อนที่จะบิดมันแล้วดึงเข้าหาตัวเพื่อเปิดประตู

ภาพเบื่องหน้าของหญิงสาวนั้นไม่ต่างอะไรกับตึกที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน สภาพดูไม่ดีนัก มีสิ่งของวางระเกะระกะ
มากมาย เบื่อเธอเริ่มเดินไปเรื่อยๆก็เริ่มมีร่องรอยของสิ่งของที่แตกกรายเหมือนถูกทำลายมากขึ้น พร้อมกับเริ่มมีรอยเลือด
เปรอะ เต็มพื้น กับพนังด้านข้างทางเดิน

ใบหน้าของฟ้าดูตื่นๆ เธอรีบสาวเท้าเดินด้วยความเร็วและเงียบที่สุด เพราะจากการได้ยินของหูเธอ ทำให้ทราบได้ว่ามีอะไร
บางอย่างอยู่แถวๆนี้เช่นกัน ฟ้าไม่เลือกที่จะใช้ลิฟ เนื่องจากปัญหาหลายๆประการ เธอเดินลงบันไดและอย่างรวดเร็วแต่ก็เบา
ที่สุด สภาพทางเดินลงบันไดก็ไม่ต่างจากทางอื่นๆมากนัก

ฟ้าใช้เวลาไม่นานก็ลงมาถึงชั้นล่างสุด ซึ่งสภาพนั้น เละเทะมากกว่าเดิมรวมถึงมีศพของผู้คน อยู่เกลื่อนกลาดบนพื้น รวมทั้ง
มีเศษอวัยวะของมมุษย์อยู่เต็มไปหมด ฟ้ารีบเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะออกจากตึกนี้โดยเร็วที่สุดสายตาของเธอก็มองไปรอบๆเพื่อ
ระมัดระวังตัว มือเธอที่จะกระเป๋าอยู่เริ่มสั่นเล็กน้อยเนื่องจากความกลัว เธอคงคิดในใจว่าคิดดีแล้วเหรอที่ออกมาจากในห้อง

‘ก็ดีกว่าอดตายแล้วก็ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองละน่า’

ฟ้าคิดในใจก่อนที่จะรีบเดินออกหน้าริมถนนหน้าหอพักของเธอ เธอหันหน้ามองซ้ายมองขวาก็พบว่าพื้นที่บริเวณรอบๆนั้น
ว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิตอย่างน่าแปลก เมื่อมองไปทางกำแพงของตึกที่อยู่ตรงข้ามกับหอของเธอก็พบว่ามีสัญลักษณ์แปลกๆ ถูก
เขียนด้วยเลือดอยู่บนนั้น ซึ่งสัญลักษณ์ ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แน่ เธอคิดว่าเธอเคยเห็น แต่ฟ้าก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เธอรีบ
เดินไปตามถนนที่ดูคุ้นตา เพราะเธอเดินผ่านไปมาบนถนนสายนี้เป้นประจำ สภาพถนน นั้นก็ เละเทะเช่นเคย

‘เราต้องไปที่7-11ข้างหน้าปากซอยที่ติดกับถนนใหญ่นั่นให้ได้ แล้วอาจจะรีบกลับหรือว่าอะไรก็ค่อยคิดอีกที ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว หิวมาก...'

ฟ้าคิด ก่อนที่จะรีบวิ่งมุ่งตรงไปทางถนนใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ที่เธอพักมากนัง ยิ่งวิ่งไปสภาพบรรยากาศก็ยิ่งวังเวงมากขึ้น
สภาพถนนก็เละเทะขึ้นตามลำดับ เศษซากและเลือดมนษย์ก็มีให้เห็นประปราย ซึ่งฟ้าเองนั้นก็กลัวแต่เธอก็ข่มใจไว้ได้ เพราะ
เธอเองก็เรียน คณะสัตว์แพทยศาสตร์ อยู่ ซึ่งภาพพวกนี้เธออาจจะต้องเห็นในอนาคต แต่ยังไงเธอก็ไม่สมควรที่จะได้เห็น
มันตอนนี้

ใช้เวลาไม่นานนักฟ้าก็วิ่งมาถึง หน้าปากซอยซึ่งติดอยู่กับถนนใหญ่ เธอรีบเดินไปทางซ้ายปากซอยของเธอเพื่อไป 7-11
หน้าแปลกมาที่ระหว่างทางเธอไม่เจอกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ หรือ พวกคนติดเชื้อ คนคลั่ง หรืออะไรทำนอกนั้นเลย สภาพ
ถนนใหญ่นั้น ดูเละเทะยิ่งกว่า ถนนภายในซอยเสียอีก เศษซากรถพัง รถไฟไหมเกรียม มีให้เห็นเกลื่อนกลาดบนถนนใหญ่
ตอนนี้เริ่มมีลมแปลกๆพัดมามันทำให้เสียวสันหลังวาปยิ่งนัก ฟ้ามองไปบนท้องฟ้า ก็เห็นเมฆสีดำก่อนขนาดใหญลอย วน
ไปวนมาสลับกับสีเทา ดูแล้วแปลกประหลาดมาก

แล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างหน้า 7-11 เป็นภาพของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งยืนมุงอยู่หน้า7-11 จำนวนคน
ก็ราวๆ 5-6 คน แค่มองผ่านๆก็รู้แล้วว่ามันผิดแปลกแตกต่างจากมนุษย์ เนื่องจากพวกมันกำลัง แทะกินศพ อย่างเอร็ดอร่อย
มีอยู่คนหนึ่งได้สาวไส้ของศพออกมาเหมือนเชือกก็ไม่ปานเลือดสีแดงๆก็เจิ่งนอกเต็มพื้นไปหมด อีกตัวหนึ่งก็ควักลูกตาจาก
ศพมากิน พวกมันมีลักษณะอย่างนึงที่เหมือนกันทุกตัวก็คือ ดวงตาของมัน มีสีดำสนิท

เกร๊ง !!!

เสียงกระป๋องหรือขวดอะไรซักอย่างเนื่องจากฟ้าเดินถอยหลังไปโดยไม่มองพื้นข้างหลังเลยทำให้เท้าของเธอเหยียบๆโดน
กระป๋องหรือแก้วอะไรซักอย่าง ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเธอก็ข้ามมันมาได้ คนกลุ่มนั้นละความสนใจจากอาหารไร้ชีวิตที่มันกำลัง
กินกันอยู่ แล้วหันมามองตามต้นเสียง ร่างของฟ้าสั่นสะท้านไปทั้งตัว มือไม้เธอสั่นไปหมด อึดใจเดียวเธอรีบหันหลัง แล้ววิ่งทันที

ฟ้าไม่คิดที่จะมองไปเบื้องหลังเลย สิ่งที่เธอคิดตอนนี้ก็คือหนีไปจากที่นี่ให้พ้น กลุ่มคนเหล่านั้นก็รีบวิ่งตามฟ้ามาทันที พวก
มันวิ่งเร็วพอสมควร ฟ้าวิ่งเลยซอยที่เพิ่งออกมาไปแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนแต่ที่เธอรู้ก็คือ เธอต้องวิ่งแล้วก็หนีจาก
กลุ่มคน เถื่อนแปลกประหลาดหรือติดเชื้ออะไรซักอย่างพวกนั้นให้เร็วที่สุด

“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยที !!!”

สัญชาติยาณของฟ้าก็เริ่มทำงาน เธอเริ่มเปล่งเสียงตะโกนตามแบบฉบับผู้หญิงของเธอออกมาสุดเสียง โดยหวังว่าอาจจะมี
ใครอยู่ตรงนี้แล้วช่วยเธอได้ แต่ความหวังก็คงจะริบหรี่ เพราะไม่มีวี่แววของผู้ที่น่าจะรอดชีวิตอยู่แถสนี้เลยซักคน

พรื๊ด !!!

แล้วสิ่งที่ไท่คาดฝันก็เกิดขึ้น ฟ้าสะดุดล้มลงด้วยอะไรบางอย่างที่กองอยู่บนพื้น พริบตาเดียวจากที่เธอวิ่งอยู่ก็ลงไปนอน
กองกับพื้น สภาพก็ดูไม่ดีนัก เนื่องจากคนที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วสะดุดกับอะไรบางอย่าง สภาพจะดูไม่จืดเลยที่เดียว

‘ทำไมต้องมาสะดุดตอนนี้ด้วย’

ฟ้าคิดในใจ น้ำตาของเธอเริ่มคลอเบ้า ตัวเธอสั่นระริกไปทั้งตัว อยู่ๆร่างกายของเธอก็หมดเรี่ยวแรงเหมือนกับ
ถูกตรึงไว้กับพื้น แรงที่จะพยุงตัวขึ้นแทบไม่มี สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้เพียงอย่างเดียวคือตะโกนและตะโกนออกไปให้สุดเสียง
เพื่อขอความช่วยเหลือ และภาวนาขอให้มีปาฏิหารย์ เกิดขึ้น มนุษย์ผู้หิวกระหายเหล่านั้นวิ่งใกล้มาเกือบใกล้จะถึงตัวของฟ้าแล้ว
เธอหลับตาลง แล้วกรี๊ดร้องอย่างสุดเสียง เพราะเวลาของเธอกำลังจะหมดลงแล้ว

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!

ปั่ง !!! ปั่ง !!! ปั่ง !!!

เสียงปืนดังขึ้น 3 นัดซ้อนตามด้วยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาจากบาร์ที่อยู่ใกล้ๆกับจุดที่ ฟ้าล้ม ซึ่งเธอก็ไม่ได้สังเกตุเลยว่า
บาร์นั้นมีคนอยู่ เพราะว่าสภาพของมันไท่ได้พังทลาย แต่ตามตามบริเวณหน้าต่างนั้น มีไม้กับสิ่งของต่างๆมากันเอาไว้ มัน
ไม่ตรงกับหลักความเป็นจริงถ้าเป็นผับที่ไม่มีคนอยู่ก็คงจะไม่มีอะไรมากั้นเอาไว้ นี่เป็นเพียงข้อสันนิถานที่หลุดออกมาชั่ววูป

คนที่ออกมาจากผับนับได้ราวๆ 3 คน มีชายสูงอาวุธถือปืนสั้นชนิดหนึ่ง เขายิง คนติดเชื้อแปลกประหลาดนั้น ลงไปกองกับ
พื้นหนึ่งตัว โดยกระสุนนั้นเจาะทะลุกระโหลกทันทีตั้งแต่นัดแรก แล้วอีกสองคนนั้นก็ถือไม้ กับ ท่อนเหล็กอะไรสักอย่าง มา
ยืนขวางหน้าของฟ้าเอาไว้

“ผมจะทำให้มันล้ม แล้วคุณซ้ำน่ะ”

“โอเค”

“ลุงยิงคุ้มกันเอง”

ชายคนที่ถือเหล็กอยู่ นั้นพูดขึ้น ก่อน ที่คนอื่นๆจะพูดตอบรับ ชายอีกคนที่ถือไม้เมื่อสังเกตุดีๆไม้ของเขานั้นติดตะปูอยู่บน
ส่วนบนของไม้ด้วย โดย หน้าตาของเขาดูไม่ค่อยเหมือนคนไทยซักเท่าไร ภายในเวลาไม่กี่วินาที คนคลั่งคนที่สองก็วิ่งตรง
มาทางฟ้า แต่ก็ถูก ชายที่ยืนบังฟ้าอยู่ถีบเข้าไปกลางหน้าอกจนล้มลงนอนกองกับพื้น แล้วตามด้วยไม้ติดตะปูฟาดซ้ำลงไป
บนหัว ตะปูฝึงลึกเข้าไปในหัวของมันเมื่อถอนไม้ออกเลือดก็พลั่งพลูออกมาจากรอยแผลทันที

ปั่ง !!! ปั่ง !!!

เสียงปืนดังขึ้นอีกเนื่องจากอีกคนมุ่งตรงมาใกล้เกินไป อาจจะทำอันตราย ชายทั้งสองได้ หลังจากนั้น ชายทั้ง2ก็วิ่งเข้าไป
ตะลุมบอนทันที โดยมีชายถือท่อนเหล็กนำ ซัดให้คนคลั่งล้มแล้ว ให้คนถือไม้ตอกตะปูตามซัดเข้าไปที่หัว ให้มันตายสนิท
เมืออีกตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาเขาก็ไม่รอช้าที่จะนำท่อนเหล็กในมือเขาซัดไปต่อ พร้อมกับเท้าที่ถีบคนคลั่งให้ลงไปนอนกองกับพื้น
การต่อสู้เป็นไปอย่างหวาดเสียว แต่ก็กินเวลาไม่นานนัก การต่อสู้ที่เป็นระบบนี้ทำได้ดีทีเดียวแต่คงไม่ดีแน่ถ้าพวกมันมามากกว่านี้

พวกคนคลั่ง แต่ละตัวนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น สภาพหัวก็เหวะหวะ เลือดนองพื้น บางตัวคอก็หักเนื่องจากความแรงของไม้ที่
ฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า มองมันทั้งหมดโดนจัดการโดยกลุ่มคนไร้นามที่มุ่งตรงออกมาช่วยเหลือฟ้า จากที่ซ่านภายในบาร์ ชาย
สูงอายุเก็บปืนแล้วเดินตรงเขามาหาฟ้า

“ปลอดภัยแล้ว”

เขาพูดแล้วยิ้ม ก่อนที่จะยื่นมือให้ฟ้าจับเพื่อพยุงตัวขึ้นมา ถึงดูจากภายนอกเขาจะดูอายุมากแล้วแต่จากสภาพร่างกายเขา
เป็นคนสูงอายุที่แช็งแรงมากๆเลยก็ว่าได้ ชายสองคนที่ใช้ไม้และท่อนเหล็กนั้นเดินไปตรวจดู คนคลั่งที่อาจจะยังไม่ตาย
หลังจากพบเขาก็ฟาดไม้ติดตะปูซ้ำลงไปที่หัวทันที ซึ่งสภาพศพก็ อุจาดตาเป็นอย่างมาก

“จอร์น รีบกลับเข้าไปเร็วเดี๋ยวพวกมันจะมาเพิ่มอีก เดี๋ยวทีนี้มันรู้แน่ว่าพวกเราซ่อนอยู่นี่”

“โอเค”

“ลุงสมานเดี๋ยวผมช่วยพยุง”

ชายคนที่ถือไม้ก็มาช่วยพยุงฟ้า ส่วนคนถือเหล็กก็กวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณ เพื่อตรวจดูว่ามีกลุ่มคนคลั่ง ติดเชื้อ
อะไรพวกนั้นอยู่แถวนี้รึป่าว หลังจากที่ออกมาพวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานในการช่วยฟ้าก่อนที่จะกลับเข้าไปในบาร์ใหม่อย่าง
รวดเร็ว ซึ่งแน่นอนเสียงปืนที่ดังลั่นและเสียงเอะอะอาจจะดึงดูดกลุ่มคนติดเชื้อคลั่งต่างๆจากทุกทิศมารวมตัวกันหน้าบาร์นี้
ก็เป็นได้ ชายถือท่อนเหล็กมองไปรอบๆให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปเป็นคนสุดท้ายแล้วปิดประตูลง...




- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

(อาจมีพิมผิดบ้างก็ต้องขอ อภัยด้วยน่ะ ^ ^)

(ขอ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านจ้า อ่านแล้วก็คอมเม้นกันด้วยน่ะ >///<)

สมัครตัวละครที่นี่ คลิ๊กๆๆๆ >///< (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=31238)

LoVEGothic
19th October 2011, 05:00
จะรอชมผลงานน้ะคับ

pone123
19th October 2011, 08:06
สู้ต่อไป เรายินดีต้อนรับ

jadejade
19th October 2011, 09:25
แล้วจะรออ่านนะครับ

SHINee
19th October 2011, 09:30
จ้า ^ ^ ขอบคุณน่ะ

ว่าแต่มาสมัครตัวล่ะครกันเยอะๆน่ะจะได้เริ่มได้ไวๆ ^ ^

สมัครตัวละครที่นี่ คลิ๊กๆๆๆ >///< (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=31238)

godji001
19th October 2011, 09:32
เนื้อเรื่องเริ่มได้ออกมาสวยงามดีครับ ว่าแต่ตัวละครหวังว่าคงไม่เวอร์เกินนะ ครับ:rofl

pijuk2538
19th October 2011, 16:36
สู้ๆครับผม จะรออ่าน

titan888
19th October 2011, 17:52
เนื้อเรื้อง น่าดูดี รอติดตามครับ

pza00007
19th October 2011, 23:24
เป็นกำลังใจให้น่ะครับสู้ๆ ติดตามอยู่นะครับ ^ ^

ponzaaz55
20th October 2011, 02:30
ผม รอดูอยู่นะครับ ^^

SHINee
21st October 2011, 09:06
ลงบทใหม่แล้วน่ะ ^ ^

อ่านแล้วก็คอมเม้นด้วยน่ะ อิอิ ^ ^

ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านมากๆเลยจ้า ^ ^

bulakorn123
21st October 2011, 09:26
เนื้อเรื่องดูน่าสนใจนะครับโดยเฉพาะช่วยกันทำงานเป็นทีม

แต่งด้วยตัวเองหรอครับหรือไปคัดลอกจากหนังสือ

SHINee
21st October 2011, 10:48
เนื้อเรื่องดูน่าสนใจนะครับโดยเฉพาะช่วยกันทำงานเป็นทีม

แต่งด้วยตัวเองหรอครับหรือไปคัดลอกจากหนังสือ

แต่งเองจ้า ^ ^

Stormwind
21st October 2011, 14:32
นี่มัน.....น้องจองมินนี่นา !!!

By STORMWIND [Female]

ponzaaz55
21st October 2011, 17:03
ตรูมา ตอน จบ 55 5เจ๋งๆ รออ่าน เน่อ ><

mai
21st October 2011, 17:12
สุดยอดครับอ่านแล้วชวนให้จินตนาการเลยว่าเป็นยังไงครับ
ต้องรอต่อไปคอยดูว่าตัวละครผมจะได้บทยังไง

StormRain
21st October 2011, 20:17
เยี่ยมครับถึงจะมีพิมพ์ผิดไปหน่อยก็เถอะ

peak5306
22nd October 2011, 00:45
อ่านแล้วตื่นเต้น !! 5 5+ ><

StormRain
22nd October 2011, 15:49
ลงบทใหม่ เร็วๆน่ะครับ อยากอ่านเเล้ว

ponzaaz55
22nd October 2011, 17:09
รออ่าน อยู่นะครับ มันส์ ดี เข้าถึงอารมณ์ ดีนะครับ

poomzayo98
23rd October 2011, 19:22
สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้นะคร๊าบบ :clap

SHINee
27th October 2011, 00:23
ลงบทที่2แล้วน่ะ ^ ^

อ่านแล้วก็คอมเม้นด้วยเช่นเคยน่ะ อิอิ ^ ^

ขอขอบคุณท่านผู้อ่านที่คอยติดตามทุกๆท่านมากๆเลยจ้า ^ ^

mai
27th October 2011, 17:17
เย้ ฟ้ามาแล้ว อ่านแล้วชวนให้รู้ศึกเป็นสาวน้อย ขี่กลัวจริงๆเลย :giveheart สนุกมากครับ จะรอต่อไปนะครับ

peak5306
27th October 2011, 18:06
รอดูต่อไปหึหึ !! :]

jadejade
27th October 2011, 19:18
มาแล้ว...สู้ๆนะครับ :rofl

StormRain
28th October 2011, 13:09
รออ่านต่อไปครับ

ponzaaz55
29th October 2011, 20:22
รออ่านอยู่เน่อ กำลังลุ้นว่า ต่อไปจะเป็นยังไง ><

jakkreex
8th November 2011, 15:50
เห้ยๆ เจ๋งๆ คิดได้ไงครับเนี่ย ผมชอบเลยแนวนี้จะตามมาอ่านเรื่อยๆ:cool:

SHINee
8th November 2011, 15:56
เห้ยๆ เจ๋งๆ คิดได้ไงครับเนี่ย ผมชอบเลยแนวนี้จะตามมาอ่านเรื่อยๆ:cool:

แหะๆ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ^ ^

คิดว่าจะไม่มีคนติดตามซะแล้ว เกือบหมดกำลังใจแล้วน่ะเนี่ย T_T

แต่ก็ขอบคุณมากๆเลยน่ะค่ะ ที่มาคอมเม้นให้ เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดคะ ^ ^

saphira
8th November 2011, 18:04
ตกลงเป็นชายหรือหญิงเนีย

แต่งได้ดีมากเลย แต่ว่า ท่าทางกะอ่ารมของตัวละครยังเห็นรางๆ ง่า

สมัครแล้วน้า 2 ตัว ชายหญิง ตัวหญิงเป็น ผู้บันชาการทหาร แต่ก็เป็นนักบินด้วยน้า (ช้วยได้เยะเลยปล่าวนี่ ตนเองก็ถนัดในการลอบสังหารอย฿่ด้วย)

ตัวชายเป็นนักโทษมีค่าหัวสูงถึง 6 แสนดอลล่า จะช่วยไรได้มั้งเนีย หวีงว่าจะไม่สังหารพวกเดียวกัน นะยิง นิสัยยังติ่งต้องอีก

StormRain
10th November 2011, 07:17
ผมรออ่านอยู่น่ะครับ

imax2538
12th November 2011, 15:17
รอดูตัวละครผมออกโรงนะครับ ๆ ^^

earthkotig
14th November 2011, 15:48
มันมากครับ ภาคใฤม่มาไวๆนะ รออยู่

peak5306
14th November 2011, 16:00
จขกท. หนีน้ำท่วม แห่ะหายไปนาน :[

StormRain
15th November 2011, 19:36
สงสัยจะหนีน้ำท่วมจริงๆครับ

ponzaaz55
23rd November 2011, 10:37
สงสัยอยู่ แถวรังสิต หาย ชะ นาน เลย

jakkreex
23rd November 2011, 16:07
กลับมาเมื่อไหร่ก็มาทำต่อนะน้องสาว รออยู่ๆๆ:cool:

StormRain
13th December 2011, 19:09
เมื่อไหร่ จะมา แต่งต่อ ครับ