PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ว่าด้วยเรื่องของการเผา และสังหารแม่มด



pone123
31st October 2011, 17:27
การเผา และล่าแม่มด

http://image.ohozaa.com/i/51c/054ts.jpg (http://image.ohozaa.com/view/4jnqc)

แม่มด หมายถึงชายและหญิงผู้ใช้เวทมนตร์ประกอบพิธีลี้ลับเหนือธรรมชาติ ในยุโรปในศตวรรษที่ 15, 16 และ 17 ความเชื่อไสยศาสตร์นับถือพญามาร (แม่มดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แม่มดขาวเป็นพวกที่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธ์เหนือธรรมชาติ(Supreme being)หรือไม่อาศัยความช่วยเหลือจากนางฟ้า นักบุญ แม่มดดำเป็นพวกที่เคารพบูชาซาตาน(Satan)และอาศัยความช่วยเหลือจากบรรดาภูติร้ายวิญญาณชั่ว) มีมากจนทำให้เกิดการลงทัณฑ์ทรมานและประหารชีวิตผู้ถูกกล่าวหาว่าใช้วิชาแม่มดหมอผีประมาณสองแสนคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงชราตัวคนเดียว การตามล่าแม่มดเป็นกิจกรรมโปรดของพวกเพียวริแทน(เคร่งศาสนา) ในศตวรรษที่ 17 แมธธิว ฮอปกินส์ เป็นนักล่าแม่มดตัวยงเขาแขวนคอแม่มดเฉพาะในแคว้นเอสเสกซ์ถึง 60 รายในปีเดียว กฎหมายอังกฤษและสก็อตแลนด์ซึ่งต่อต้านวิชานี้ยกเลิกไปใน ค.ศ.1736

***การเผาแม่มดอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายในบริเตนเกิดขึ้นใน ค.ศ.1722 เมื่อเจเนตต์ ฮอร์นถูกกล่าวหาว่าเสกลูกสาวให้กลายเป็นลูกม้า ปลายเดือนตุลาคมของทุกปี ประเทศแถบยุโรปมีงานเทศกาล ฮัลโลวีน (Halloween : เป็นเทศกาลชุมนุมนักบุญตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม)
เทศกาลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ แม่มดอยู่ด้วย เชื่อกันว่า ผู้ที่มาเคาะประตูขอขนม เล่น เกมจะโดนหลอกหรือให้ขนม (Trick or Treat) นั้นเป้ฯแม่มด ถ้าเราไล่ไปและไม่ให้ขนมแม่มดจะดลบันดาลให้มีสิ่งร้ายเกิดขึ้น

แน่นอนในสายตาของเด็กทั่วไป แม่มดมีเพียงในนิทานและเป็นส่วนหนึ่งของการแต่งชุดแฟนซีในเทศกาล ฮัลโลวีน เท่านั้น มีเพียงบางคนที่พอจะรู้เรื่องประวัติศาสตร์ตะวันตกสมัยที่แม่มดถูกแขวนคอและถูกฆ่า การกวาดล้างแม่มดในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้แม่มดหายไป แต่กลับมีการฝึกฝนพลังแม่มดมากกว่าเมื่อสมัยพุทธศตวรรษที่ 16-17 ที่มีการคลั่งแม่มดเสียอีก

จำนวนของแม่มดในสหรัฐอเมริกา มีมากถึง 50,000 คน สหรัฐอเมริกา เป็นดินแดนที่วิชา ว่าด้วย การทำคุณไสย (witchcraft) เป็นที่รู้จักอย่างเป้ฯทางการ จำนวนของแม่มดในออสเตรเลีย และยุโรป อาจจะมีจำนวนมากพอๆ กันก็ได้ แต่ไม่เป็นที่เปิดเผย

ครั้งหนึ่งที่โบสถ์และโรงเรียนแห่งวิกแคน เปิดหลักสูตรสอนวิชา การของแม่มดทางจดหมาย มีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 40,000 คน ความคิดเห็นของผู้คนต่อ คุณไสยของแม่มดมีแตกต่างกันไป มีทั้งกลุ่มที่เห็นว่า เป้นความสนุกสนานรื่นเริง และผู้ที่เกลียดชังลัทธินี้ อย่างไรก็ตาม ความนิยมในคุณไสยของแม่มดก็ยังมีอยู่ เห็นได้จากความสำเร็จของหนังสือและนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่มียอดขายสูงพอสมควร

ในสมัยก่อผู้คนต่างเชื่อว่า การเจ็บป่วยและโชคร้ายนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเอง เชื่อกันว่า การเจ็บป่วยและอุบัติเหตุต่างๆ เป็นความตั้งใจของแม่มดทั้งสิ้น แม่มดเป้ฯผลพวงของศาสนาคริสต์กับลัทธิป่าเถื่อน แม่มดใช้คุณไสยช่วยเหลือผู้คน รักษาโรค นำโชค แต่คุณไสยสามารถนำมาใช้ในทางไม่ดีได้ด้วย ในสังคม อัฟริกา นั้นเชื่อว่า อุบัติเหตุขึ้นเนื่องจากแม่มดทั้งสิ้น

ในซูดาน และซาอีร์ เชื่อว่า การเป็นแม่มดนั้นเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ผู้ที่เป็นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเป็นแม่มด สังคมนี้เชื่อว่าความเจ็บป่วยเกิดจากเชื้อโรค ซึ่งตรงกับนิยามทางวิทยาศาสตร์ ผิดแต่เพียงว่าแม่มดเป็นผู้ควบคุมเชื้อโรคเพื่อสร้างความเจ็บป่วยให้กับคนบางคนเท่านั้นส่วนภาพลักษณ์ของแม่มดในสังคมยุโรปไม่ค่อยชัดเจน แม่มดอาจจะเลวร้อยหรืออาจเป็นผู้วิเศษที่ช่วยรักษาโรคและนำโชคดีมาให้กับได้พวกเขารักษาโรคโดยใช้ความรู้ทางยาและสมุนไพรประกอบกับเวทมนตร์ คาถา ภาษา ละติน และฮีบรู ที่โดยมากสืบทอดจากพวก เคลต์ (Celtic : ชาติวงศ์เมื่อพันกว่าปีของยุโรปกลางและยุโรปตะวันตก) นอกจากคุณไสยจะถูกนำมาใช้ในทางรักษาโรคแล้ว ยังอาจนำไปใช้ในการสาปแช่งและทำเสน่ห์ได้ด้วย บุคคลใดเชื่อว่าตนถูกสาป จะต้องไปหาแม่มดเพื่อแก้คำสาปนั้น

เรื่องของคุณไสยและเรื่องเหนือธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในยุคกลาง แม้ในศาสนาคริสต์พลังเหนือธรรมชาติถือว่า ถูกแสดงได้โดยพระเจ้า เรื่องราวของการต่อต้านแม่มดและการใช้คุณไสยเริ่มมีขึ้นเมื่อก่อนยุคกลางที่มีผู้วิเศษกล่าวหาว่า พระเยซู เจ้าไม่ได้ต่างอะไรกับผู้วิเศษคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดอย่างองค์กรทางศาสนาอ้าง ตั้งแต่นั้นมา องค์การศาสนา ก็ทำการต่อต้านผู้วิเศษรวมทั้ง แม่มดฐานแสดงความขัดแย้งต่อพลังอำนาจของพระเจ้า

พ.ศ. 2027 องค์กรทางศาสนาโรมันคาทอลิก ประกาศว่าผู้ใดก็ตามที่ไม่ใช้สมาชิกของศาสนาแต่ปฏิบัติพิธีกรรม การใช้เวทมนตร์ คาถา และมีพลรังเหนือธรรมชาติ ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับซาตานและปิศาจ พลังที่ได้มาไม่ใช้มาจาก พระเจ้า แต่ได้มาจากซาตานและ ปิศาจ ต่อมาผู้คนเริ่มสงสัยว่า ปิศาจ และซาตาน ที่องค์กรทางศาสนา กล่าวว่า เป็นศัตรูกับพรเจ้านั้นมีรู้ร่างลักษณะอย่างไร ทำให้สาวกของศาสนาต้องทำการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง เพื่อนำข้อมูลออกเผยแพร่ก่อนที่ผู้คนจะหมดศรัทธาในศาสนา

เนื่องจากสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับ แม่มด และผู้วิเศษ ในปี พ.ศ. 2124 หนังสือเกี่ยวกับปิศาจถูกพิมพ์ขึ้น เพื่อให้ข้อมูลเป็นที่ประจักษ์และเมื่อช่วงปลายุคกลางปิศาจก็เริ่มมีรูปร่างลักษณะชัดเจนมากขึ้นด้วยภาพวาดของพี่น้องลิมเบอร์ก (Limbourg) แสดงให้เห็นว่า ปิศาจนั้น มีเขา มีหาง และเท้าเป็นกีบ ปีศาจอาจมาในรูปลักษณะอื่นเพื่อหลอกลวงและซักน้ำผู้ที่อ่อนแอไปในทางที่ผิด ดังนั้น ใครก้ตามที่นำทางให้กลุ่มคนเกิดความเชื่อที่ไม่เกี่ยวขอ้งกับศาสนาแล้วผู้นั้นเป็นสาวกของปิศาจ แม่มดก็ถือว่าเป็นผู้หนึ่งที่ยอมรับและลุ่มหลงในพลังอำนาจของปิศาจและถือว่าเป็นสาวกของมัน นั้นเป็นเหตุให้มีการล่าและกำจัดแม่มดในเวลาต่อมา

ในปี พ.ศ. 2133 พรเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ (ภายหลังขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ) ได้รับทราบแผนการลอยปลงพระชนม์ที่ เอิร์ล แห่ง โบธเวลล์ (Bothwell) เป็นผู้วางแผนโดยใช้คุณไสยอขงแม่มดเป็นเครื่องมือ พระเจ้าเจมส์ มีความเชื่อในเรื่องอำนาจของปิศาจอยู่แล้วจึงเชื่อว่าคุณไสยของแม่มด น่าจะมีจริง พระองค์ทรงตัดสินพระทัยว่า จะค้นหาความจริงเริ่ม

โดยการสืบสวน แม่มด ฐานเป็นกบฏ แอกเนส ซิมพ์สัน (Agnes Simpson) หัวหน้าแม่มดถูกนำมาพิจารณาคดีที่ นอร์ธ เบอร์วิก (North Berwick) หลังจากถูกทรมาน แอกเนส สารภาพถึงกรรมวิธีต่างๆ ที่ใช้เพื่อพยายามปลงพระชนม์แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากพระเจ้าเจมส์ ทรงเป้ฯสาวกของพระผู้เป็นเจ้า เป็นผลให้พลังอำนาจของปิศาจไม่สามารถทำอันตรายต่อพระองค์ได้จากคำสารภาพทำให้เหล่าแม่มดมีความผิดจริงจึงถูกประหารโดยการเผาที่ เอดินเบิร์ก (Edinberg) ส่วนเอิร์ล แห่งโบธเวลล์ ผู้เป็นราชนัดดาที่ก่อการทั้งหมดได้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศ ชิชิลีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ นอร์ธ เบอร์วิก เป็นจุดเริ่มจ้นของการล่าแม่มด แม่มดกลายเป็นบุคคลชั่วร้ายและอันตราย สมควรแก่การล่า และสังหารโดยการแขวนคอ หรือเผาทั้งเป็น เรื่องราวาของ แม่มด กลายมาเป็นหัวข้อของศิลปินแขนงต่างๆ ในสมัยนั้นมีการแต่งกลอนหรืองานเขียนเกี่ยวกับแม่มด

นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง วิลเลียม เชกส์เปียร์ (Wiliam Shakespeare) ก็ได้นำเหตุการณ์ที่ นอร์ธ เบอร์วิก มาเขียนเป้ฯละครและจัดแสดงต่อหน้าพระพักตร์ที่พระราชวัง แฮมพ์ตัน (Hampton)เนื้อหาของละครเป็นไปตามเหตุการณ์จริงที่ แอกเนส สารภาพ

หลายปีผ่านไป พระเจ้าเจมส์ เริ่มสงสัยว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีต่อแม่มดอาจมีขึ้นเนื่องจากต้องการให้แม่มดเป็นแพะรับบาปของยุทธวิธีทางการเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ ปัญหา คือ การหาข้อเท็จจริงและการพิสูจน์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อผู้คนปักใจเชื่อแล้วว่าแม่มด เป็นปิศาจร้ายก็ยากที่ลบเลือน

ในปี พ.ศ. 2029 มีการพิมพ์ คู่มือพฤติกรรมแม่มดเพื่อช่วยให้การจับและล่า แม่มด เป็นไปอย่างถูกต้องมากขึ้น ห้องกันไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องมารับโทษด้วย ในคู่มืออธิบายว่า แม่มดโดยมากเป็นผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงอ่อนแดกว่าผู้ชายจึงถูกปีศาจหลอกล่อให้ไปเป็นสาวกได้ง่ายกว่า การล่องหนหายตัวก็เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งของแม่มด วิธีที่จะทำให้ แม่มด สารภาพคือ การทรมานด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตอกเล็บหรือการทรมานทางร่างกายอื่นๆ ผู้ที่ถูกเชื่อว่าเป็นแม่มดจะถูกทรมานจนกว่าจะยอมรับสารภาพว่าเป็นแม่มดจริง ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่สามารถหาความจริงได้เนื่องจากบางคนต้องยอมรับสารภาพเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว

และด้วยอีกความเชื่อที่ว่า แม่มด ไม่อยู่โดดเดี่ยว แต่มีกันเป็นกลุ่มทำให้แม่มดที่ถูกจับต้องยอมบอกชื่อของแม่มดอื่นๆ ด้วยและผู้หญิงที่โนเอ่ยชื่อก็จะถูกจับมาทรมานอีกเป็นวงจรอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุดผู้หญิงคนใดถูกจับแล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นข้อกล่าวหนา หนทางที่จะพ้นความทรมาน คือยอมรับและยอมเอ่ยชื่อคนอื่นออกมา ในบางสังคม วงจรนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบไม่เหลือใครให้กล่าวหาอีกแล้ว ในบางหมู่บ้านมีผู้หญิงเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น บางสมัยมีการสังหารหมู่เหล่าแม่มดในคราวเดียวถึง 600-900 คน วันหนึ่งๆ มีผู้หญิงต้องตายเนื่องจากการล่า แม่มด นับพันคน มีบางคนเหมือนกันที่เห็นว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องเพราะทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตาย แต่การต่อต้านก็จะจบลงด้วยการถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเสียเอง และถูกฆ่าในที่สุด

มีตัวอย่างดังในสมัยพระเจ้าโยฮันน์ จอร์จ ที่ 2 (Johann Georg ll) แห่งเยอรมัน มีผู้ไม่เห็นด้วยชื่อ โยฮันเนส จูนิอุส (Johannes Junius) ไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงสำหรับทรมาน แม่มด โดยเฉพาะ ผลคือ จูนิอุสถูกจับและหลังจากความทรมานแสนสาหัสเธอจำเป็นต้องยอมรับว่าเป็นแม่มด และถูกฆ่าในที่สุด ก่อนตาย จูนิอุส ได้เขียนจดหมายถึงลูกสาวบรรยายความทุกข์ทรมานที่ได้รับและการที่ต้องโกหกเพื่อที่จะพ้นความทุกข์ทรมานนี้ เป็นจดหมายที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนสมัยนั้นเป็นอย่างมากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า อะไรทำให้การล่าและความเชื่อเกี่ยวกับแม่มดลดลงและเสื่อมสลายไป อาจเป็นไปได้ว่า ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ในพุทธศตวรรษที่ 23 เบี่ยงเบนความสนใจ หลังจากนั้น แม่มดไม่ค่อยเป็นที่พบเห็น มีเพียงคุณไสยขอผู้วิเศษหรือคนทรงต่างๆ ที่ยังคงอยู่ต่อไปความเชื่อในพลังเหนือธรรมชาติคงมีอยู่ต่อไป แม้ไม่เป็นที่บ้าคลั่งเหมือนเดิม ดังเช่น ในยุคพุทธศตวรรษที่ 21-22 แต่เดิมก็ไม่มีใครสนใจในเรื่องของแม่มดเท่าใดนัก มาโด่งดังเอาในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 เมื่อชาวเมืองอัลบิ (Albi) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีความเบื่อหน่ายในศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิกและหันเหไปแสวงหาสัจธรรมในลัทธิที่เรียกว่า "คาธาริ"

การเปลี่ยนใจไปถือลัทธิอื่นนี้เป็นสิ่งที่พระสันตะปาปาแห่งโรมไม่อาจยอมได้ จึงส่งทัพม้า 20,000 นาย และทหารเดินเท้าอีก 200,000 นาย เข้าปราบปรามใน ค.ศ. 1214 จับผู้ชายเมืองอัลบิแขวนคอ ส่วนผู้หญิงกับเด็กนั้นเอาหินขว้างจนตาย บ่อน้ำทั้งหลายถูกทำลายจนสิ้น เรียกว่าปราบปรามแบบถอนรากถอนโคนไม่เหลือหลอเลยล่ะ

คณะผู้ดำเนินการปราบปรามนี้มีชื่อว่า "สำนักศักดิ์สิทธิ์ (INQUISITION) แต่งตั้งโดยองค์สันตะปาปา ซึ่งหลังจากปราบชาวอัลบิราบคาบแล้งก็ไม่มีงานอะไรให้ทำอีก จึงต้องมองหากิจกรรมอื่น เหลียวไปเหลียวมาแล้วก็เลยคว้าเอาแม่มดมาสร้างสถานการณ์ขึ้น จนเป็นเหตุให้เกิดการแตกตื่นหวาดกลัวแม่มดกันทั่วยุโรป และกลายเป็นกรรมของผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกระทำทารุณและสังหารอย่างโหด*****ม

พิธีกรรมของแม่มด ต้องใช้สิ่งประกอบคือ ไก่ งู และหม้อ ใช้เรียกฝนฟ้าพายุได้

แม่มดมีความผิดอันใดหรือ จึงถูกองค์การคริสต์ศาสนากวาดล้าง ?
คำตอบก็คือว่า ประดา (ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น) แม่มดนั้น มีพฤติกรรมที่ชี้ชัดว่าได้ร่วมมือกับ "ซาตาน" บ่อนทำลายคริสต์ศาสนจักร ทั้งนี้ จากการไต่สวนของคณะศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองตูลุส, ฝรั่งเศส พบว่า สตรีที่แม่มดได้กระทำการวิปริตผิดมนุษย์หลายประการด้วยกัน อาทิ เชื่อว่าปิศาจนั้นทรงอานุภาพระดับเดียวกับพระเจ้า (God) เอาเสื้อผ้าจากศพที่ถูกแขวนคอมาสวมใส่ เอาสมุนไพรที่เป็นพิษมาต้ม เคี่ยวเพื่อทำยาพิษ (คงเคยเห็นภาพที่แม่มดต้มกลั่นน้ำยาด้วยหม้อใบโตๆน่ะ) ลักขโมยทารกแดงๆไปเป็นภักษาหาร เป็นตัวการทำให้ฝูงสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วยและพืชพันธุ์ธัญญาหารเสียหายและที่ร้ายกาจที่สุดก็คือกรรมวิธีฝังรูปฝังรอย โดยเอาขี้ผึ้งมาปั้นเป็นรูปเหยื่อแล้วเอาเศษเสื้อผ้าของเหยื่อมาตกแต่ง จากนั้นก็เผาหุ่นขี้ผึ้ง ทำให้เหยื่อต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมาน

ความหวาดผวาของชาวยุโรป สาเหตุหนึ่งมาจากกรณีของจอมโหด "จิลล์ เดอ เคร" ซึ่งเป็นขุนนางฝรั่งเศสผู้เคยร่วมรบกับ "โจน ออฟ อาร์ค" มาแล้ว หลังการสงคราม จิลล์ สิ้นเนื้อประดาตัว และต้องการที่จะกลับมาร่ำรวยใหม่โดยอาศัย "มนตร์ดำ" ซึ่งในการนี้จำเป็นจะต้องใช้โลหิตของผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา เขาออกปฏิบัติการ"ฆ่า"เด็ก เอาโลหิตไม่น้อยกว่า 50 ราย แต่แล้วก็ถูกจับได้ และโดนประหารด้วยการ "เผาทั้งเป็น"นั่นเป็นตัวอย่างหนึ่งของพ่อมดหมอผี แต่ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่แล้วมิได้เป็นอาชญากรแต่อย่างใด พวกเขาเป็นเพียงผู้สูงอายุที่สับสนและทำอะไรตามประสาคนแก่ หลงๆลืมๆ และเพี้ยนไปจากชาวบ้านเท่านั้น แต่พวกเขาก็ต้องตกเป็นแพะรับบาปในกรณีที่เกิดข้าวยากหมากแพง หรือมีใครที่เสียชีวิตโดยหาสาเหตุมิได้

เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมดแม่มดนั้น ก็หมายถึงต้องถูกทรมานและตายนั่นเอง ทางการท้องถิ่นจะเป็นผู้สอบสวนและลงโทษ การประหารครั้งใหญ่เกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 13 เหยื่อที่ถูกกล่าวหานั้นมิใช่ใครอื่น หากเป็นเหล่าอัศวินผู้พิทักษ์ศาสนา (Knight Templar) ผู้กลับมาจากสงครามครูเสด พร้อมด้วยทรัพย์สินที่ยึดมาได้มากมาย กษัตริย์ฟิลิปส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ทรงริษยาในความมั่งคั่งร่ำรวยของเหล่าอัศวิน และคิดจะฮุบเอามาไว้เป็นของพระองค์ภายหลังการสอบสวน อัศวิน 54 คน พร้อมกับหัวหน้าถูกพิพากษา "เผาทั้งเป็น"

หลังจากนั้นใน ค.ศ. 1459 ก็มีการไต่สวนในข้อหาพ่อมดหมอผีครั้งใหญ่อีก และผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมากก็โดนเผาทั้งเป็น ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านนับพันคน

การปราบปรามแม่มดได้พัฒนาสุดขีดใน ค.ศ. 1484 เมื่อสันตะปาปา "บุล" ทรงออกกำหมายลงโทฯผู้ที่ออกนอกรีตและฝักใฝ่ไสยศาสตร์ โดยมีพระคาทอลิก 2 องค์ นาม "ไฮน์ริช เครเมอร์" กับ "เจคอบ สเปรงเกอร์" ได้ช่วยกันออกหนังสือ "คู่มือล่าแม่มด (Malleus Maleficarum)" ยาว 200,000 คำ รวบรวมกำและวิธีการต่างๆในการจับกุม ทรมาน และประหารเหล่าแม่มดทั้งหลาย ซึ่งนานาประเทศในยุโรปได้ยึดเอาหนังสือเล่มนี้ประดุจคัมภีร์ในการกำจัดแม่มดเป็นเวลายาวนานกว่า 200 ปี

การล่าแม่มดมักเริ่มต้นด้วยการทดสอบง่ายๆ คือ จับตัวผู้ถูกสงสัยโยนลงน้ำ ถ้าหากเป็นแม่มดก็จะลอยขึ้นมา แต่ผู้บริสุทธิ์จะจม (บางทีก็จมน้ำตายไปเลย) และผู้ที่ลอยก็จะโดนนำตัวไปสอบสวนต่อไปการสอบสวนจะคล้ายๆกัน เมื่อถูกนำตัวขึ้นศาล ผู้ต้องสงสัยจะถูกซักถามเกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ตนใช้ ความสัมพันธ์ที่มีกับซาตาน และกิจกรรมพิธีต่างๆ คณะศักดิ์สิทธิ์จะบีบบังคับให้สารภาพและบอกชื่อผู้กระทำผิด ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ผู้สอบสวนก็จะแก้ผ้าผู้ต้องสงสัยออก แล้วโกนขนหมดทั้งตัวเพื่อค้นหาดู "เครื่องหมายปิศาจ" ที่ปรากฏอยู่บนตัว บางครั้งหัวนมที่สามหรือตุ่มไตต่างๆก็อาจถูกระบุว่าเป็นเครื่องหมายแม่มดได้ (ใช้สำหรับให้ทารกซาตานดูดนม) เครื่องหมายแม่มดนี้บางครั้งหลบซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังมองไม่เห็น จึ้งต้องใช้อุปกรณ์แหลมคมเจาะหรือกรีดออกจึงจะพบ
หลังจากพบเครื่องหมายแม่มดแล้ว ก็จะบังคับให้สารภาพอีกครั้ง ถ้าปฏิเสธก็ต้องทำการทรมาน เริ่มด้วยการตอกเล็บ ตามด้วยบีบขมับ เข้าเครื่องยืดแขนขา ถ้าหากยังปากแข็งก็เอาไปบีบอัดขา เอาเหล็กแดงๆจิ้มตามตัว สุดท้ายก็คือวิธี "แสตปตาโด" เอาร่างเปลือยของผู้สงสัยขึ้นแขวนโยงกับรอก และถ่วงน้ำหนักที่เท้า ดึงห้อยแขวนไว้จนกว่าจะยอมสารภาพ ซึ่งนั่นก็คือยอมถูกประหารนั่นเองปี ค.ศ. 1594 ที่เมืองคาลวินิสต์. สกอตแลนด์ "นางเอลิสัน บาลโฟร์" ถูกทรมานด้วยการเอาเหล็กรัดบีบแขนนาน 48 ชั่วโมง ในขณะเดียวกัน สามีวัย 80 กว่าของนางถูกแท่งศิลาหนัก 700 ปอนด์วางทับ ลูกชายถูกไม้เหลี่ยมตีหน้าแข้ง 57 ที จนกระดูกเละ แม้กระทั่งลูกสาวตัวน้อยวัย 7 ขวบ ก็ยังถูกตอกเล็บการถูกทรมานขนาดหนักเช่นนี้ น้อยรายนักที่จะทนได้ ต้องร้องสารภาพทุกราย

ยิ่งคิดค้นเครื่องประหารที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเท่าใด จำนวนผู้ตากก็มากขึ้นเท่านั้น เช่นบริเวณมณฑลเทรเวส (ปัจจุบันคือไทรเออร์) ในเยอรมนี ในช่วงเวลา 6 ปี มีผู้หญิงถึง 368 คน จาก 22 หมู่บ้าน ถูกประหารด้วยข้อหาเป็นแม่มด ต้นศตวรรษที่ 17 ท่านบิชอพแห่งเวอร์ซเบิร์ก ทางใต้ของเยอรมันนี ได้เผา "แม่มด" ทั้งเป็นกว่า 900 ราย มีทั้งชายและหญิง รวมทั้งเด็ก 7 ขวบ ซึ่งมาจากทุกฐานะ

กระทั่งล่วงเข้าศตวรรษที่ 17 ไปแล้ว ผู้คนเริ่มมีเหตุผลมากขึ้น โดยเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ประกาศยุติการประหารแม่มดใน ค.ศ. 1610 แต่กว่าจะยุติได้หมดทุกประเทศก็เกือบถึงปลายศตวรรษ และยุคแห่งความแตกตื่นกลัวแม่มดก็จบลงแต่เพียงเท่านี้...

(จำนวนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังหารด้วยข้อหาแม่มดมีจำนวนมหาศาล เฉพาะในเยอรมนีมีไม่น้อยกว่า 100,000 คน ฝรั่งเศสกับสก็อตแลนด์รวมแล้วราว 10,000 คน อังกฤษประมาณกว่า 1,000 คน เมื่อประเมินทุกประเทศ เชื่อกันว่าไม่น้อยกว่า 200,000 คน)


ก่อนปี 1563 ใครก็ตามที่เป็นศัตรูต่อราชสำนัก จะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด
ในปี 1566 แม่มดคนแรกของอังกฤษชื่อ แอกเนส วอเตอร์เฮาส์ (Agnes Waterhouse)ถูกจับแขวนคอ
ในแอฟริกาก็มีแม่มด เช่น ประเทศซูดานและซาอีร์
แม่มดในฝรั่งเศสไม่สัมพันธ์กับแม่มดในอังกฤษหรือเยอรมัน
ในอังกฤษมีคนราวๆ หนึ่งพันคน ถูกตัดสินว่าเป็นแม่มด
ในเยอรมันมีแม่มดถึงหนึ่งแสนคน
ในอังกฤษมีกฎห้ามทรมานแม่มด แต่ในเยอรมันมีกฎให้ทรมานแม่มด
ความจริงพฤติกรรมของแม่มดนั้นไม่ผิดกฎหมาย แต่คนทั่วไปไม่ชอบ ดังนั้นจึงถูกประหาร
มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และถูกทรมานถึง 56 ครั้งในเวลาต่างๆ กัน
ในอังกฤษไม่มีการเผาแม่มดในขณะที่มีชีวิตอยู่ หรือหลังแขวนคอ แต่ในเยอรมันแม่มดทุกคนต้องถูกเผา
ในปี 1751 ฝูงชนรุมตี รูธ ออสบอร์น (Ruth Osborne)ถึงตายโดยกล่าวหาว่าเป็นแม่มด
น้ำมันของแม่มด ทาตัวแล้วบินได้ ทำจากสตูว์เด็กที่เคี่ยวจนข้น
น้ำมันที่ใช้ฆ่าคน ทำจากต้นไม้ทั้งต้นของพืชหลายชนิด รวมทั้งสัตว์และปลาหลายชนิด ผสมกับพิษสัตว์เลื้อยคลานอีกมาก โลหะต่างๆหินต่างๆ และมีวิธีใช้คือให้กินหรือสูดดม หรือทาในขณะหลับ
น้ำมันจากการย่างศพเด็ก เอามาผสมตามสูตรจะสามารถใช้ฆ่าคนได้
ปี ค.ศ.1435 มีคำกล่าวหาแม่มด มากมาย เช่น
- ดลใจให้หลงรัก หรือให้เกลียด
- ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- ทำให้เกิดโรคต่างๆ นาๆ
- ทำให้ตาย
- ทำให้ตามใจชอบ ไม่มีเหตุผล
- ทำลายสัตว์ และทรัพย์สมบัติ
ค.ศ.1608 มีการเพิ่มเติมข้อกล่าวหาแปลกๆ เช่น
- ทำให้เกิดพายุ
- ทำให้อากาศเป็นพิษ
- ทำลายไร่ข้าวโพดเสียหาย
- รบกวนคนอื่น
- แสดงท่ารักประหลาดกับคนและสัตว์
- แสดงกรรมวิธีต่างๆ ของปีศาจ
การทรมานแม่มด มีหลายวิธี แต่ส่วนมากมักตายคาเครื่องทรมานมากกว่าจะโดนประหาร เช่น
- มัดเท้าโยง ห้อยหัวลง แล้วรมควัน
- มัดกับท่อนไม้ แล้วปิ้งอย่างหันหมูหัน
- จับใส่ถ้าและรมควัน
- ผ่าท้องลากไส้ออกมา
- ทุบหัว เฉือนคอ
- บีบเล็บมือ เล็บเท้าบีบขมับ
- เอาคีมเผาไฟแล้วดึงลิ้น
- ใช้ของแหลมทิ่มแทงตามตัวและท้อง
- ขึงพืดดึงแขนขา
- ใช้ม้าข้างละ 2 ตัวดึงแขนขาออกจากกัน
รอยกางเขน(กรีดไว้ที่ลำคอของศพแม่มด) เป็นเครื่องหมายของชาวคริสต์ที่ป้องกันไม่ให้ซาตานปลุกแม่มดให้คืนชีพ
เชื่อว่าเหล็กแหลมที่ส้อมโกยฟาง มีอำนาจลึกลับที่ช่วยกันวิญญาณชั่วร้ายให้ห่างไกลจากศพ ด้วยการปักร่างของแม่มดไว้กับพื้น วิญญาณเหล่านี้จึงไม่สามารถโบยบินนำพาร่างไปได้

แม่มดคนสุดท้ายที่ถูกแขวนคอคือ อลิซ มอลแลนด์(Alice Molland) ในปี 1684
http://image.ohozaa.com/i/411/ZklUR.jpg (http://image.ohozaa.com/view/4jnqe)

ที่มา (http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1160281)
ที่มา (http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/social04/18/middleages/witch_i.html)

ขออภัยถ้าหากอ่านไม่รู้เรื่อง

gsuhplyf
31st October 2011, 18:26
เง้อ...จะกล่าวหาใครก็ได้งั้นสิถ้ารูปร่างหน้าตาลักษณะท่าทาง
โดยที่ไม่รู้ว่าเวทย์มนต์ที่เค้าใช้มันมีจริงมั้ย ถ้าป็นแม่มดจริงๆ
ผมว่าไม่ได้จับพวกเค้าหรอก จะโดนเล่นซะเองนี่สิ

ARiSKY
31st October 2011, 18:29
เราเคยโพสคลิปแม่มดถูกเผ่าด้วย ใครเคยดูแล้วน่าจะรู้ อิอิกำ

Zidane
31st October 2011, 18:31
ผมว่ามันมีเหตุผลอื่นมากกว่า
เคยอ่านหนังสือแบบนี้เวอร์ชั่นภาษาไทยมา
มันรู้สึกว่าเกินจริงไปมาก

popejohnpaul2011
31st October 2011, 18:49
ความรู้ ทั้งนั้น ขอบคุณ

สๅs!aว...^[+++]^
31st October 2011, 18:56
ยาวอะคับ -o-

pone123
1st November 2011, 17:25
^;414972']ยาวอะคับ -o-

ถ้าไม่ยาว ก็ไม่ได้สาระสิครับ ผมจะส่งเสริมชาวโจ๊กให้อ่านตัวหนังสือให้มากขึ้น

pakaannka
1st November 2011, 18:06
เเม่มดก็ นางพญาใช่ไหมครับ?

RotheR
1st November 2011, 18:15
เเม่มดก็ นางพญาใช่ไหมครับ?
อึ้งไป10วิ ...

soul_zoro
1st November 2011, 19:00
ผมว่า"คู่มือล่าแม่มด (Malleus Maleficarum)" เป็นหนังสือที่ไม่น่ามีบนโลกเลย เป็นถึงพระสันตะปาปา
คำให้คนตายไปมากขนานด เพียงนับถือในสิ่งที่ต่างจากตน หรือในสมัยลองนั้นลองคิดว่าเกิดมีคนไม่ชอบคุณเขาแค่ ว่าคุณแม่มด คุณก้อเสร็จ
http://upic.me/i/39/s5144.gifhttp://upic.me/i/39/s5144.gifhttp://upic.me/i/39/s5144.gif

RES_PAUL
1st November 2011, 19:04
ผมว่า"คู่มือล่าแม่มด (Malleus Maleficarum)" เป็นหนังสือที่ไม่น่ามีบนโลกเลย เป็นถึงพระสันตะปาปา
คำให้คนตายไปมากขนานด เพียงนับถือในสิ่งที่ต่างจากตน หรือในสมัยลองนั้นลองคิดว่าเกิดมีคนไม่ชอบคุณเขาแค่ ว่าคุณแม่มด คุณก้อเสร็จ
http://upic.me/i/39/s5144.gifhttp://upic.me/i/39/s5144.gifhttp://upic.me/i/39/s5144.gif

ระวังพวกคลั่งศาสนามาว่าคุณเป็นแม่มดน่ะครับ LOL แล้วก็ภาษาไทยใช้ให้ถูกต้องด้วยน่ะครับ

poomzayo98
1st November 2011, 19:08
เเม่มดก็ นางพญาใช่ไหมครับ?

เอ่อ ผมอึ้งมากเลยกับคนนี้อ่ะครับ

acer321
1st November 2011, 19:50
แม่มดออกจะดี ไปเผาทำไมกัน = = อยากเห็น

T-TECH
1st November 2011, 22:42
เราเคยโพสคลิปแม่มดถูกเผ่าด้วย ใครเคยดูแล้วน่าจะรู้ อิอิกำ
ขอ ดูอีกครั้งหน่อย ออกเเนวซาดิสนะนี้กุ อ่านเเล้วอิน จัด

ARiSKY
1st November 2011, 22:49
ขอ ดูอีกครั้งหน่อย ออกเเนวซาดิสนะนี้กุ อ่านเเล้วอิน จัด
ระวังผีหลอก
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=33519

Axlrose
2nd November 2011, 06:26
คนบริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะข้อกล่าวหาโง่ๆแบบนี้ สงสารชีวิตคนพวกนี้จริงๆ