PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ไวกิ้ง นักรบโจรสลัด



pone123
3rd November 2011, 14:56
ไวกิ้ง

http://image.ohozaa.com/i/3b2/g9xuf.jpg (http://image.ohozaa.com/view/4n67e)

Viking แปลว่าโจรสลัด เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อชนเผ่าหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือในทะเล และปล้นสะดมหัวเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ใน ยุโรป ทางเหนือ คนทั่วไปคิดว่าไวกิ้งชอบสวมหมวกที่มีเขา มีเครายาวและดุร้าย ประวัติศาสตร์ได้จารึกว่าในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 8 ประเทศต่างๆ ในยุโรป ได้ถูกชนเผ่าไวกิ้งโจมตีอยู่เนืองๆ และในตอนปลายของศตวรรษนั่นเองไวกิ้งก็ได้ถูกกองทัพที่เข้มแข็งของ จักรพรรดิ Charlemagne ต่อต้านจนไวกิ้งต้องถอยทัพกลับไป แต่เมื่อจักรพรรดิ์ขององค์จักรพรรดิ์เริ่มล่มสลาย ไวกิ้งก็รวบรวม กองทัพเข้าบุกโจมตีอีก และยึดเมือง Tours, Orleans และ Rouen ของฝรั่งเศสได้ รวมทั้งได้เข้าล้อมกรุงปารีสด้วย แต่เมื่อกษัตริย์ Charles ของฝรั่งเศสได้ทรงมอบเงินและทองคำ ที่หนัก 6 ตันให้แก่ไวกิ้ง ไวกิ้งจึงได้ถอยทัพกลับไป แต่ก็ได้หวนกลับมารุกราน ฝรั่งเศสอีกหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดฝรั่งเศสต้องยก Normandy ให้ไวกิ้งไป


ในปี พ.ศ. 1377 ไวกิ้งได้ยกกองทัพบุกอังกฤษ และ ยึดครองเมืองต่างๆ ได้หลายเมือง กษัตริย์ไวกิ้งที่มีนามว่า Harold Bluetooth ได้เข้า ปกครองอังกฤษ และได้แผ่ขยาย อาณาจักรจนกระทั่งถึงเกาะ Iceland ในปี พ.ศ. 1417 Eric the Red (เพราะมีผมและเคราแดง) เมื่อถูกเนรเทศจาก Iceland ได้อพยพพาครอบครัวและเรือ 25 ลำ ออกเดินทางไปทาง ทิศตะวันตกพบเกาะ Greenland ทั้งๆ ที่เกาะทั้งเกาะมีหิมะและ น้ำแข็งปกคลุมเต็มไปหมด แต่เขาต้องการให้ชื่อเกาะแห่งความเขียว ชอุ่มนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยว และนักผจญภัยอื่นๆ เขาจึงตั้งชื่อเกาะ ที่พบว่า Greenland และในปี พ.ศ. 1528 Leif Ericson ผู้เป็นบุตรของ Eric the Red ก็ได้รายงานการพบแผ่นดิน ที่นักประวัติศาสตร์ทุกวันนี้เชื่อว่าเป็น Labrador, Newfoundland และ New England เพราะ Leif ได้บรรยายว่าบนดินแดนใหม่นี้มีป่าไม้ ทุ่งข้าวสาลีและไร่องุ่น แต่ไวกิ้ง ตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนใหม่นี้ได้ไม่นานก็ถูกพวก อินเดียนแดงรุกราน จนต้องอพยพกลับ Greenland ไป ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดก่อนที่ Columbus จะพบอเมริกาประมาณ 500 ปี

http://image.ohozaa.com/i/509/6rWO5.jpg (http://image.ohozaa.com/view/4n67k)
ส่วนทางตะวันออกนั้น ไวกิ้งก็ได้บุกรุกรัสเซีย การเข้ายึดครองดินแดนต่างๆ ได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้ไวกิ้งมีครอบครัว และมีผู้สืบสกุล และเผ่าพันธุ์ในประเทศเหล่านั้น นอกจากนี้ไวกิ้งยังได้ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมและวรรณกรรมต่างๆ ที่เราสามารถเห็นได้ในอังกฤษ เยอรมนี และสแกนดิเนเวียตราบเท่าทุกวันนี้

ปีนี้เป็นปีที่ 1,000 ที่ Leif Ericson เดินทางถึง Newfoundland จึงเป็นปีมิลเลนเนียมที่คนยุโรปพบคนอเมริกาเหนือเป็น ครั้งแรก และเนื่องในโอกาสที่สำคัญนี้ สถาบัน Smithsonian ในสหรัฐอเมริกาจึงได้จัดนิทรรศการ ตำนานและวรรณกรรมต่างๆ ของไวกิ้ง ที่แสดงประวัติการทำนา การค้าขายและการทูต รวมทั้งการปล้นสะดมของไวกิ้งด้วย เพราะคนไวกิ้งถือว่า ถ้าขโมยได้แล้ว เหตุไฉนต้องไปเสียเวลาซื้อ แต่ทรัพย์สมบัติที่ขโมยจากคนร่ำรวยนี้ ไวกิ้งได้นำไปแบ่งปันสู่คนจนที่ยากไร้ (ตรงตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่ Keynes คิดได้ในอีก 1,000 ปีต่อมา) ทำให้หมู่บ้านเล็กบ้านน้อยได้รับการพัฒนา ซึ่งมีผลทำให้ชีวิตที่สงบเงียบในหมู่บ้านคึกคักและ มีชีวิตชีวาด้วยการทำมาค้าขาย ด้วยเหตุนี้นักประวัติศาสตร์หลายคนจึงมีความเห็นว่า ไวกิ้งมีความเชี่ยวชาญในเวทีการเมืองนานาชาติ คือรู้จักใช้พละกำลังและความสามารถในการจูงใจคนต่างชาติที่ถูกพิชิตได้เป็นอย่างดี
http://image.ohozaa.com/i/2a6/jIDx9.jpg (http://image.ohozaa.com/view/4n67p)
ถึงแม้ในความนึกคิดของคนทั่วไป ไวกิ้งจะเป็นคนป่าเถื่อนที่ดุร้าย แต่คนเหล่านี้ก็มีด้านหนึ่งของบุคลิกภาพที่สงบเงียบ และอ่อนไหวง่ายและมีความสามารถด้านศิลปะการทำเครื่องปั้นดินเผา หล่อโลหะ ทอผ้า และเล่นหมากรุก โบสถ์ของไวกิ้งสวยงาม ไม่แพ้วิหาร Pathenon ของกรีซ ชาวไวกิ้งนอกจากจะมีความเชื่อในเทพเจ้า โดยมีเทพเจ้าผู้ทรงอำนาจสูงสุดสามพระองค์คือ Odin, Frey และ Thor แล้วยังเชื่อในยักษ์มารที่ต่อสู่เทพเจ้าและคนแคระที่ช่วยเทพเจ้าในยามสงครามด้วย ไวกิ้งเชื่อว่ามีเทพ Valkyries ผู้มีหน้าที่นำดวงวิญญาณของนักรบผู้กล้าหาญที่ล้มตายในสงครามเดินทางสู่ปราสาท Valhalla และเชื่อในนางไม้ผู้มีหน้าที่ควบคุม การตั้งครรภ์ของสตรี การที่ไวกิ้งมีเทพเจ้าหลายองค์นี่เองจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลย ที่ในยุคหลังๆ ไวกิ้งได้ยอมรับในพระเยซู ผู้เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าด้วย

การศึกษาประเพณีการฝังศพของชาวไวกิ้งได้ทำให้เรารู้ว่า คนเหล่านี้มีความเชื่อในเรื่องปรภพ เพราะได้มีการพบเรือบรรทุกศพที่มี ความยาว 24 เมตร ซึ่งภายในมีศพของสตรีที่สูงศักดิ์คนหนึ่งอยู่ภายใน และมีศพของม้าที่ถูกฆ่าตายและศพของคนใช้ (ซึ่งถูกฆ่าตาย หรือฆ่าตัวตายตามนายก็ไม่มีใครรู้) ฝังอยู่ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสตรีคนนั้น จะนำผู้ติดตามเหล่านี้ไปดำรงชีวิตในภพหน้า ในหลุมศพหลายหลุมจะมีการฝังโล่และเกราะของผู้ตายด้วยเพื่อให้ผู้ตายได้ใช้ในภพหน้าเช่นกัน แต่ในบางกรณีไวกิ้งก็จะเผาศพ เมื่อต้องการจะให้วิญญาณผู้ตายไปสวรรค์เร็วๆ แทนที่จะฝังให้หนอนแทะกินซากศพของคนที่ตนรักและบูชา

ไวกิ้งชอบทำเกษตรกรรมในขณะที่ผู้ชายไวกิ้งออกท่องทะเล สตรีและเด็กที่อยู่เบื้องหลังจะทำนาปลูกข้าว กระหล่ำปลี ถั่ว เลี้ยงวัว แกะ แพะ และหมู ชาวไวกิ้งมีความชำนาญในการเดินเรือมาก เพราะรู้จักอ่านทิศทางลมทำให้สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ได้โดยไม่ต้องใช้เข็มทิศ แต่ใช้วิธีดูความสูงของดวงอาทิตย์ และตำแหน่งของดาวบนฟ้าตลอดการเดินทาง และใช้นกกาเหว่า ในการค้นหาแผ่นดินใหม่ โดยปล่อยนกให้บินจากเรือไปทุก 2-3 วัน ซึ่งนกก็จะบินไปย้อนทิศที่เรือเดินทางเพื่อกลับไปสู่แผ่นดินเดิม แต่เมื่อเห็นนกกาเหว่าบินไปทางทิศอื่น ชาวเรือไวกิ้งก็รู้ทันทีว่านกได้เห็นแผ่นดินใหม่แล้ว นอกจากนี้ชาวเรือไวกิ้งก็ยังศึกษาพฤติกรรม ของปลาวาฬ นก puffin และนกทะเลอื่นๆ ขณะเดินทาง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้ช่วยให้ไวกิ้งเดินทางถึง America Iceland และ Greenland ได้ในที่สุด

ในปี พ.ศ. 2503 H. Instand ได้พบหมู่บ้านร้างของไวกิ้งที่ทุ่ง L' Anseaux ใน Newfoundland และได้เห็นว่าในอาคารทั้ง 8 หลังนั้น มีกำแพงดินหนามีหลังคาที่สามารถบรรจุคนได้ตั้งแต่ 70-90 คน การวิเคราะห์หินควอตซ์ที่คนในหมู่บ้านใช้ในการจุดไฟ แสดงให้เห็นว่า หินเหล่านั้นมาจาก Greenland และ Iceland และนั่นก็หมายความว่า ไวกิ้งพบอเมริกาก่อน Columbus ถึง 500 ปี การศึกษารายละเอียดของอาคารแสดงให้เห็นว่า มันเคยถูกใช้เป็นโรงฝึกงานทอผ้า หลอมเหล็ก และแกะสลักไม้

ในงานนิทรรศการ Vikings : The North Atlantic Saga ที่จัดแสดงที่ Smithsonian Institute ขณะนี้ P. Sutherland ซึ่งเป็นนักโบราณคดีชาวแคนาดาได้รายงานว่า ชนเผ่าไวกิ้งได้มาเยือนเกาะ Baffin ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคนาดาอย่างน้อยก็ 200 ปี Columbus จะเดินทางถึงอเมริกา เพราะเธอได้พบผ้าที่ทอด้วยมือ ไม้ที่แกะสลักเป็นหน้าคนยุโรปในหมู่บ้าน Dorset บนเกาะ Baffin นั้น เชื่อว่าด้ายที่ใช้ในการทอผ้าที่พบเป็นด้ายประเภทเดียวกับด้ายที่ไวกิ้งบนเกาะ Greenland ใช้ในการทอผ้า และเพื่อเป็น การยืนยันความเห็น ของเธอว่าถูกต้อง เธอได้ส่งเส้นด้ายความยาว 3 เมตรสองเส้นให้ P.W. Rogers แห่ง Textile Research in Archaeology ที่เมือง York ในประเทศอังกฤษดู ซึ่ง Roger ก็ได้ทดสอบด้ายและพบว่าด้ายดังกล่าวทำจากขนกระต่ายที่อาศัย อยู่ในเขตอาร์กติก และมีคุณสมบัติคล้ายด้าย ที่เหล่าไวกิ้งใช้ในการทอผ้าบนเกาะ Greenland มาก

ถ้าการพบของ Sutheland ที่ว่าไวกิ้งได้เคยมาเยือนเกาะ Baffin ก่อนที่ Columbus จะพบอเมริกา 200 ปี เป็นเรื่องจริง นั่นก็แสดงว่า ชาวไวกิ้งได้รู้จักเดินทางข้ามมหาสมุทรมาติดต่อกับชาวพื้นเมืองบนทวีปอเมริกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1500 และหลังจากนั้น ไวกิ้งก็เริ่มทำมา ค้าขายงาของตัว walrus ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายแมวน้ำ แต่มีงาใหญ่หนึ่งคู่ และมีเครายาว ซึ่งงาประเภทนี้เป็นที่ต้องการมาก ในยุโรป การเดินทางขึ้นเหนือทำให้ไวกิ้งพบคนเมืองที่ชอบล่า walrus ใน Dorset บนเกาะ Baffin ในที่สุด
http://image.ohozaa.com/i/52c/qTOOM.jpg (http://image.ohozaa.com/view/4n686)

ที่มา (http://www.mwit.ac.th/~physicslab/content_01/sutut/viking.html)

mike3629
3rd November 2011, 15:03
ขอบใจนายมาก

earthworld
3rd November 2011, 19:59
แล้ว สวิงกิ้ง ละ ครับ //ฟิ้ว

bionicle99
3rd November 2011, 22:04
จากที่ผมอ่านในหนังสือที่ผมซื้อมานะ ไว้กิ้งไม่ได้เป็นพวกโหด*****มอะไรหรอก ไว้กิ้งเป็รทั้ง นักเดินเรือ พ่อค้า ต่างๆมากมายเด๋วกลับไปอ่านก่อนเห็นเยอะๆแล้วไม่อยากอ่าน:p