pone123
19th November 2011, 11:07
http://image.ohozaa.com/i/2b3/zEgFV.jpeg (http://image.ohozaa.com/view/5982m)
-----เลนิน เรียก โยซิฟ ยูกาชวีลี สตาลิน ว่ามนุษย์เหล็กกล้า เนื่องจากเขาเป็นคนใจแข็งและเยือกเย็น ในยามที่มีอันตราย สตาลิน เป็นนักปฎิวัติ เขาเคยถูกจำคุกและเนรเทศไปไซบีเรีย แต่หลบหนีได้ และต่อมาได้ร่วมกับเลนินและพรรคบอลเชวิก สตาลิน เป็นผู้นำการปฎิวัติ ในปี ค . ศ . 1917 ซึ่งนำไปสู่การกำเนิดของรุสเซียใหม่ สหภาพโซเซียลิสต์ หลังมรณกรรมของเลนิน สตาลินได้เป็นประมุขรัฐบาล เขามุ่งหวังจะเปลี่ยนประเทศรุสเซียจากประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรม โดยดำเนินการไปตามลำดับโครงการห้าปี เขายังดำเนินการกวาดล้างต่างๆ ประชาชนเป็นพันๆคน ผู้ที่ต่อต้านเขา ถูกขังคุก หรือ ประหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 สตาลินป้องกันรุสเซีย ไว้จากการรุกรานของพวกนาซีเยอรมัน ในปี ค . ศ . 1941 หลังสงครามเขาได้ปกครองอย่างทารุณกระทั่งมรณะกรรมของเขา เขาเป็นคนโหดร้าย แต่ในเวลาที่เขาตายลง รุสเซีย ได้กลายเป็นประเทศ อภิมหามหาอำนาจของโลกประเทศหนึ่ง .
ประวัติโดยย่อของโจเซฟ สตาลิน
โจเซฟ สตาลิน เป็นชื่อจัดตั้ง เดิมชื่อ โจซิป ดูกาสลี (Josip Djugashvili) เกิดที่เมืองกอรี ในแคว้นจอร์เจีย ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ค . ศ . ๑๘๗๙ บิดาของเขาเป็นช่างทำหนังสือ ชีวิตในวันเด็กของเขายากจนอย่างมาก แม่ของเขาเป็นคนเคร่งศาสนา จึงได้ฝากให้เขาเข้าโรงเรียนของบาทหลวงประจำหมู่บ้าน ปรากฏว่า สตาลิน เรียนดีมาก จนได้รับทุนไปศึกษาเทววิทยา ที่สถาบันเทววิทยาทิฟลิส เพื่อเตรียมที่จะบวชเป็นบาทหลวงต่อไป แต่ปรากฏว่า สตาลินตื่นตัวชาตินิยม จึงได้เข้าร่วมสมาคมลับที่ต่อสู้เรียกร้องให้จอร์เจียเป็นเอกราช แยกตัวจากรุสเซีย ในระยะที่เขาเป็นสมาชิกสมาคมลับนี้เอง ที่ทำให้เขาได้รับอิทธิพลแนวคิดลัทธิมาร์กซ และทำให้เขากลายเป็นชาวสังคมนิยมคนหนึ่ง เขาพยายามเผยแพร่แนวคิดสังคมนิยมในหมู่เพื่อนที่เป็นลูกวัด แต่ ว่าถูกจับได้จึงถูกขับจากสำนักทิฟลิส ใน ค . ศ . ๑๘๙๙
หลังจากนี้ สตาลินต้องประกอบอาชีพต่าง ๆ เพื่อการดำรงชีวิต ตั้งแต่เป็นครู และเป็นเสมียน เขาเริ่มเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในจอร์เจีย เพื่อเผยแพร่แนวคิดของเขา จนถึง ค . ศ . ๑๙๐๑ เขาก็เข้าร่วมกับพรรคสังคมประชาธิปไตยแรงงานรุสเซียอย่างเป็นทางการ และร่วมเคลื่อนไหวจัดตั้งกรรมกร ผลักดันให้กรรมกรนัดหยุดงาน เขาจึงถูกจับกุมใน ค . ศ . ๑๙๐๒ ถูกขังอยู่ ๑๘ เดือน และถูกเนรเทศไปยังไซบีเรีย แต่ปรากฏว่าเขาหนีกลับมาได้ และเข้าร่วมในฝ่ายบอลเชวิค ซึ่งเป็นกลุ่มในพรรคสังคมประชาธิปไตยที่ สนับสนุนวลาดิมีร์ เลนินค . ศ . ๑๙๑๓ สตาลินถูกจับอีกครั้ง และถูกเนรเทศไปไซบีเรียตลอดชีวิต แต่การปฏิวัติในเดือนกุมภาพันธ์ ค . ศ . ๑๙๑๗ ทำให้นักโทษการเมืองทุกคนได้รับการนิรโทษ สตาลินได้กลับมาเป็นบรรณาธิการหนังสือปราฟดาของพรรคบอลเชวิค และต่อมาได้ร่วมการปฏิวัติในเดือนตุลาคม ค . ศ . ๑๙๑๗ อันนำมาซึ่งการสถาปนาอำนาจของพรรคบอลเชวิกหลังการปฏิวัติ สตาลินได้รับการแต่งตั้งเป็นคอมมิสซาร์ชนกลุ่มน้อย รับผิดชอบชนชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในจักรวรรดิรุสเซีย โดยมีเป้าหมายให้กลุ่ม ชนเหล่านี้ มีสิทธิในการปกครองตนเองภายในโซเวียต จึงได้สนับสนุนให้กลุ่มชนต่าง ๆ ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์และเข้าร่วมการปฏิวัติ โดยรบกับฝ่ายขาวและกลุ่มอื่น ๆ ที่พยายามทำลายการปฏิวัติรุสเซียในการประชุมสมัชชาพรรค ค . ศ . ๑๙๒๒ สตาลินได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสำนักเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งขึ้นใหม่ เพื่อช่วยงานเลนิน ปรากฏว่าหลังจากนี้ เลนินเริ่มป่วยมากขึ้น ทำให้งานประจำภายในพรรคต้องตกอยู่ในความดูแลของสตาลินมากขึ้นเลนินถึงแก่กรรมในวันที่ ๒๔ มกราคม ค . ศ . ๑๙๒๔ เกิดการชิงอำนาจในกลุ่มผู้นำภายในพรรค โดยเฉพาะระหว่าง เลออน ทรอตสกี้ ประธาน กรรมาธิการทหารของพรรค และ สตาลิน ประธานสำนักเลขาธิการพรรค ปรากฏ ว่าสตาลินประสบชัยชนะ ทรอตสกี้ถูกปลดจากตำแหน่งนำในพรรคและรัฐบาล และในที่สุด ก็ถูกถอนสถานะสมาชิกพรรคและต้องไปลี้ภัยในต่างประเทศ ตั้งแต่ ค . ศ . ๑๙๒๗ สตาลินได้กลายเป็นผู้นำสูงสุดในสหภาพโซเวียตภายใต้การนำของสตาลิน สหภาพโซเวียตพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากประเทศล้าหลังในทวีปยุโรป กลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าในด้านอุตสาหกรรม ได้มีการใช้แผนการ ๕ ปี เพื่อนำส่วนเกินจากภาคเกษตรมาพัฒนาอุตสาหกรรม เมื่อได้ผลดี ก็มีการใช้แผนการ ๕ ปีต่อเนื่องกันไป นอกจากนี้ยังเร่งนโยบายการศึกษา ขจัดความไม่รู้อย่างรวดเร็ว มีการเร่งพัฒนาการคมนาคม และมีโครงการอื่นๆ ในการสร้างประเทศให้ทันสมัย แต่ในอีกด้านหนึ่ง สตาลินก็ ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่*****มโหด โดยเฉพาะในเรื่องการกวาดล้างครั้งใหญ่ระหว่าง ค . ศ . ๑๙๓๕ - ๑๙๓๙ ซึ่งทำให้มีผู้ล้มตายและหายสาบสูญจำนวนมากเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง สตาลินก็นำสหภาพโซเวียตเข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตร ทำให้โซเวียตอยู่ในฐานะผู้ชนะสงคราม และกลายเป็นหนึ่งในสองอภิมหาอำนาจของโลก อันเป็นการเริ่มต้นยุคสงครามเย็น สตาลินล้มป่วยและถึงแก่กรรมในเดือนมีนาคม ค . ศ . ๑๙๕๓
http://image.ohozaa.com/i/3be/BYtp.jpeg (http://image.ohozaa.com/view/5982p)
มีคำกล่าวว่าสตาลิน ' เป็นโรคจิตสมองเสื่อม
เอเอฟพี - โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียตต่อสู้กับนาซีเยอรมันในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง และสั่งสังหารผู้คนซึ่งเขาระแวงว่าคิดคดทรยศไปหลายล้านคน คือบุคคลผู้มีอาการป่วยเป็นโรคจิตที่ควรเข้ารับการบำบัดรักษาจากจิตแพทย์ ทั้งนี้เป็นความเห็นของนักวิจัยชาวอังกฤษ นายแพทย์ จอร์จ เอล - นิมร์ สตาลินซึ่งปกครองสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี 1924 จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1953 ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม ซึ่งมีสาเหตุจากอาการหัวใจล้มเหลวหลายๆ ครั้ง นายแพทย์นิมร์กล่าวในระหว่างเสนอผลงานวิชาการต่อที่ประชุมประจำปีของราชวิทยาลัยจิตเวชศาสตร์ของอังกฤษเมื่อวันพุธ (7) เขาบอกว่า การที่สตาลินมีอาการโรคจิตหวาดระแวงอย่างชัดเจน , สติปัญญาซึ่งเหนือธรรมดาของเขากลับมืดมัวลงเรื่อยๆ , และการสำแดงอุปนิสัยแบบซาดิสต์ออกมาอย่างเต็มเหนี่ยว ล้วนสามารถอธิบายได้หากลงมติว่าเขาเป็นโรคสมองเสื่อม
[/COLOR]
ที่มา http://atcloud.com/stories/37761
-----เลนิน เรียก โยซิฟ ยูกาชวีลี สตาลิน ว่ามนุษย์เหล็กกล้า เนื่องจากเขาเป็นคนใจแข็งและเยือกเย็น ในยามที่มีอันตราย สตาลิน เป็นนักปฎิวัติ เขาเคยถูกจำคุกและเนรเทศไปไซบีเรีย แต่หลบหนีได้ และต่อมาได้ร่วมกับเลนินและพรรคบอลเชวิก สตาลิน เป็นผู้นำการปฎิวัติ ในปี ค . ศ . 1917 ซึ่งนำไปสู่การกำเนิดของรุสเซียใหม่ สหภาพโซเซียลิสต์ หลังมรณกรรมของเลนิน สตาลินได้เป็นประมุขรัฐบาล เขามุ่งหวังจะเปลี่ยนประเทศรุสเซียจากประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรม โดยดำเนินการไปตามลำดับโครงการห้าปี เขายังดำเนินการกวาดล้างต่างๆ ประชาชนเป็นพันๆคน ผู้ที่ต่อต้านเขา ถูกขังคุก หรือ ประหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 สตาลินป้องกันรุสเซีย ไว้จากการรุกรานของพวกนาซีเยอรมัน ในปี ค . ศ . 1941 หลังสงครามเขาได้ปกครองอย่างทารุณกระทั่งมรณะกรรมของเขา เขาเป็นคนโหดร้าย แต่ในเวลาที่เขาตายลง รุสเซีย ได้กลายเป็นประเทศ อภิมหามหาอำนาจของโลกประเทศหนึ่ง .
ประวัติโดยย่อของโจเซฟ สตาลิน
โจเซฟ สตาลิน เป็นชื่อจัดตั้ง เดิมชื่อ โจซิป ดูกาสลี (Josip Djugashvili) เกิดที่เมืองกอรี ในแคว้นจอร์เจีย ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ค . ศ . ๑๘๗๙ บิดาของเขาเป็นช่างทำหนังสือ ชีวิตในวันเด็กของเขายากจนอย่างมาก แม่ของเขาเป็นคนเคร่งศาสนา จึงได้ฝากให้เขาเข้าโรงเรียนของบาทหลวงประจำหมู่บ้าน ปรากฏว่า สตาลิน เรียนดีมาก จนได้รับทุนไปศึกษาเทววิทยา ที่สถาบันเทววิทยาทิฟลิส เพื่อเตรียมที่จะบวชเป็นบาทหลวงต่อไป แต่ปรากฏว่า สตาลินตื่นตัวชาตินิยม จึงได้เข้าร่วมสมาคมลับที่ต่อสู้เรียกร้องให้จอร์เจียเป็นเอกราช แยกตัวจากรุสเซีย ในระยะที่เขาเป็นสมาชิกสมาคมลับนี้เอง ที่ทำให้เขาได้รับอิทธิพลแนวคิดลัทธิมาร์กซ และทำให้เขากลายเป็นชาวสังคมนิยมคนหนึ่ง เขาพยายามเผยแพร่แนวคิดสังคมนิยมในหมู่เพื่อนที่เป็นลูกวัด แต่ ว่าถูกจับได้จึงถูกขับจากสำนักทิฟลิส ใน ค . ศ . ๑๘๙๙
หลังจากนี้ สตาลินต้องประกอบอาชีพต่าง ๆ เพื่อการดำรงชีวิต ตั้งแต่เป็นครู และเป็นเสมียน เขาเริ่มเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในจอร์เจีย เพื่อเผยแพร่แนวคิดของเขา จนถึง ค . ศ . ๑๙๐๑ เขาก็เข้าร่วมกับพรรคสังคมประชาธิปไตยแรงงานรุสเซียอย่างเป็นทางการ และร่วมเคลื่อนไหวจัดตั้งกรรมกร ผลักดันให้กรรมกรนัดหยุดงาน เขาจึงถูกจับกุมใน ค . ศ . ๑๙๐๒ ถูกขังอยู่ ๑๘ เดือน และถูกเนรเทศไปยังไซบีเรีย แต่ปรากฏว่าเขาหนีกลับมาได้ และเข้าร่วมในฝ่ายบอลเชวิค ซึ่งเป็นกลุ่มในพรรคสังคมประชาธิปไตยที่ สนับสนุนวลาดิมีร์ เลนินค . ศ . ๑๙๑๓ สตาลินถูกจับอีกครั้ง และถูกเนรเทศไปไซบีเรียตลอดชีวิต แต่การปฏิวัติในเดือนกุมภาพันธ์ ค . ศ . ๑๙๑๗ ทำให้นักโทษการเมืองทุกคนได้รับการนิรโทษ สตาลินได้กลับมาเป็นบรรณาธิการหนังสือปราฟดาของพรรคบอลเชวิค และต่อมาได้ร่วมการปฏิวัติในเดือนตุลาคม ค . ศ . ๑๙๑๗ อันนำมาซึ่งการสถาปนาอำนาจของพรรคบอลเชวิกหลังการปฏิวัติ สตาลินได้รับการแต่งตั้งเป็นคอมมิสซาร์ชนกลุ่มน้อย รับผิดชอบชนชาติต่าง ๆ ที่อยู่ในจักรวรรดิรุสเซีย โดยมีเป้าหมายให้กลุ่ม ชนเหล่านี้ มีสิทธิในการปกครองตนเองภายในโซเวียต จึงได้สนับสนุนให้กลุ่มชนต่าง ๆ ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์และเข้าร่วมการปฏิวัติ โดยรบกับฝ่ายขาวและกลุ่มอื่น ๆ ที่พยายามทำลายการปฏิวัติรุสเซียในการประชุมสมัชชาพรรค ค . ศ . ๑๙๒๒ สตาลินได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสำนักเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งขึ้นใหม่ เพื่อช่วยงานเลนิน ปรากฏว่าหลังจากนี้ เลนินเริ่มป่วยมากขึ้น ทำให้งานประจำภายในพรรคต้องตกอยู่ในความดูแลของสตาลินมากขึ้นเลนินถึงแก่กรรมในวันที่ ๒๔ มกราคม ค . ศ . ๑๙๒๔ เกิดการชิงอำนาจในกลุ่มผู้นำภายในพรรค โดยเฉพาะระหว่าง เลออน ทรอตสกี้ ประธาน กรรมาธิการทหารของพรรค และ สตาลิน ประธานสำนักเลขาธิการพรรค ปรากฏ ว่าสตาลินประสบชัยชนะ ทรอตสกี้ถูกปลดจากตำแหน่งนำในพรรคและรัฐบาล และในที่สุด ก็ถูกถอนสถานะสมาชิกพรรคและต้องไปลี้ภัยในต่างประเทศ ตั้งแต่ ค . ศ . ๑๙๒๗ สตาลินได้กลายเป็นผู้นำสูงสุดในสหภาพโซเวียตภายใต้การนำของสตาลิน สหภาพโซเวียตพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากประเทศล้าหลังในทวีปยุโรป กลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าในด้านอุตสาหกรรม ได้มีการใช้แผนการ ๕ ปี เพื่อนำส่วนเกินจากภาคเกษตรมาพัฒนาอุตสาหกรรม เมื่อได้ผลดี ก็มีการใช้แผนการ ๕ ปีต่อเนื่องกันไป นอกจากนี้ยังเร่งนโยบายการศึกษา ขจัดความไม่รู้อย่างรวดเร็ว มีการเร่งพัฒนาการคมนาคม และมีโครงการอื่นๆ ในการสร้างประเทศให้ทันสมัย แต่ในอีกด้านหนึ่ง สตาลินก็ ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่*****มโหด โดยเฉพาะในเรื่องการกวาดล้างครั้งใหญ่ระหว่าง ค . ศ . ๑๙๓๕ - ๑๙๓๙ ซึ่งทำให้มีผู้ล้มตายและหายสาบสูญจำนวนมากเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง สตาลินก็นำสหภาพโซเวียตเข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตร ทำให้โซเวียตอยู่ในฐานะผู้ชนะสงคราม และกลายเป็นหนึ่งในสองอภิมหาอำนาจของโลก อันเป็นการเริ่มต้นยุคสงครามเย็น สตาลินล้มป่วยและถึงแก่กรรมในเดือนมีนาคม ค . ศ . ๑๙๕๓
http://image.ohozaa.com/i/3be/BYtp.jpeg (http://image.ohozaa.com/view/5982p)
มีคำกล่าวว่าสตาลิน ' เป็นโรคจิตสมองเสื่อม
เอเอฟพี - โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียตต่อสู้กับนาซีเยอรมันในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง และสั่งสังหารผู้คนซึ่งเขาระแวงว่าคิดคดทรยศไปหลายล้านคน คือบุคคลผู้มีอาการป่วยเป็นโรคจิตที่ควรเข้ารับการบำบัดรักษาจากจิตแพทย์ ทั้งนี้เป็นความเห็นของนักวิจัยชาวอังกฤษ นายแพทย์ จอร์จ เอล - นิมร์ สตาลินซึ่งปกครองสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี 1924 จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1953 ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม ซึ่งมีสาเหตุจากอาการหัวใจล้มเหลวหลายๆ ครั้ง นายแพทย์นิมร์กล่าวในระหว่างเสนอผลงานวิชาการต่อที่ประชุมประจำปีของราชวิทยาลัยจิตเวชศาสตร์ของอังกฤษเมื่อวันพุธ (7) เขาบอกว่า การที่สตาลินมีอาการโรคจิตหวาดระแวงอย่างชัดเจน , สติปัญญาซึ่งเหนือธรรมดาของเขากลับมืดมัวลงเรื่อยๆ , และการสำแดงอุปนิสัยแบบซาดิสต์ออกมาอย่างเต็มเหนี่ยว ล้วนสามารถอธิบายได้หากลงมติว่าเขาเป็นโรคสมองเสื่อม
[/COLOR]
ที่มา http://atcloud.com/stories/37761