pone123
22nd November 2011, 21:35
1. การยิงตัวเองด้วยปืน
หลายคนคิดว่าเป็นวิธีที่สั้น ง่าย ตายเร็ว ไม่ทรมาน (ยกเว้นคนที่กลัวเสียงดังๆ)
แต่ท่านคิดผิดแล้ววววววว ท่านผู้ชม
อาการจากการโดนยิง หรือถูกลูกปืน คล้ายๆกับโดนท่อนไม้หรือท่อนซุงกระทุ้ง(กระแทก) เริ่มแรกจะชา ไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่จะถูกแรงปะทะของลูกกระสุนปืน อันนี้แล้วแต่ขนาด จุก แน่นบริเวณหน้าอก หายใจขัด ซักพักจะเริ่มปวดหนึบบริเวณที่ถูกกระสุน และจะลามเป็นบริเวณกว้าง และจะเริ่มหมดแรง เพลีย ปวดบาดแผล เนื่องจากเสียเลือด และกว่าจะตายเพราะการเสียเลือด.....ก็นานอยู่ (อย่างที่เราเห็นในหนังไทยเก่าๆ ที่พระเอกโดนยิงแล้วบอกลาสั่งเสียนางเอกเป็นชม.ป่าวหว่า)
แม้ว่าจะยิงด้วยปืนที่หัว มันก็จะเจ็บมาก เพราะสมองบางส่วนยังดีอยู่และก้านสมองยังดีอยู่ ร่างกายจะยังคงทำงานไปได้อีกพัก จนกว่าเลือดจะคังในสมอง มากจนไปกดทับการสั่งงานของระบบประสาท
หรือว่าจะยิงไปที่หัวใจ
อันนี้จะปวดแบบหวิวๆวูบๆ นึกภาพนะ ร่ายกายเสียความดันไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายหมดแรง จากการเสียแรงดัน เลือดไหลออกมาเป็นท่อน้ำประปาจนเลือดไม่พอไปเลี้ยงสมองจนตาย ก่อนตายคงได้กลิ่นคาวเลือดตัวเองพอสมควร
เหอๆๆๆ เอาเป็นว่า เราชอบกลิ่นเลือดสดๆแต่วิธีนี้ข้ามไป
2. การตกจากที่สูง กล่าวคือ การโดดตึก โดดสะพาน โดดหอ(ใช่เหรอ)นั่นเอง
วิธีที่ง่าย สบาย สะดวก และประหยัด เพียวแค่ท่านเดินขึ้นตึกอะไรซักอย่างที่สูงเกิน10ชั้น เดิน หรือขึ้นลิฟท์สู่ชั้นบนสุด ทำท่ากางแขนสวยๆแล้วดิ่งลงมาแบบไม่ใช้สลิงไม่ใช้สตันท์ เห็นมะ ง่ายจะตาย
แต่มันจะง่ายไปมั้ง
ก่อนอื่น ในช่วงวินาทีแรกของการร่วงลงมา ท่านจะรู้สึกเสียววูบในท้อง10เท่าของการเล่นไวกิ้ง และ3เท่าของการโดดบันจี้จัมพ์
และท่านจะรู้สึกหายใจไม่ออกเนื่องจาก แรงดันของอากาศรอบตัว และจะเกิดภาวะเหมือนการขาดอากาศหายใจ
ในบางกรณีท่านอาจหัวใจหยุดเต้นก่อนจะลงถึงพื้นด้วยซ้ำ
ดูเหมือนจะดี แต่โอกาสพลาดก็มีมาก หากตึกไม่สูงพอ หรือมีสิ่งกีดขวางทางตก ซึ่งอาจทำให้ปฏิบัติการไม่สำเร็จและต้องกลายเป็นคนพิการหรือเป็นผักนอนนิ่งๆ ดูไม่เท่เอาซะเลย และที่แน่ๆ ศพไม่สวย ขอข้ามละกัน
3. การใช้มีด แทง เฉือน ปาด ตัวเองตาย
อันนี้เหมาะกันคนใจเย็น ไม่รีบร้อน เพราะท่านจะได้ค่อยๆ เสียเลือดไปจนกระทั่งตาย จะได้รู้สึกหวิวๆ วูบๆ หน้ามืดเหมือนไม่ได้กินข้าวมาหลายเดือน ได้ดมกลิ่นคาวเลือดของตัวเองจนชุ่มฉ่ำ
หากมีดปาดข้อมือ ที่ข้อมือของเราจะมีเส้นเลือดใหญ่อยู่ หากปาดข้อมือแช่น้ำจะเกิดการออสโมซิสจากความเข้มข้นมากไปหาความเข้มข้นน้อยจะทำให้เลือดไหลออกจากร่างกายจนหมดแต่โอกาสพลาดสูงมากเนื่องจากกินเวลานาน
หากใช้มีดแทงที่ท้อง ท่านจะต้องอดทนรอนานซักนิด เพราะอวัยวะในช่องท้องไม่มีอะไรที่แทงแล้วตายทันที แต่ท่านจะตายเพราะการสูญเสียเลือดมาก ซึ่งน่าจะเร็วกว่าข้างบนนิดนึง
แต่ว่าถ้าใจร้อนล่ะก็
ใช้มีดปลายแหลมปาดเข้าที่คอหอยของคุณเลือดจะไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็วแทบจะตายในไม่ถึงชั่วโมงแต่จะทรมานมากและต้องใช้ความกล้าอย่างมาก
แต่เราผ่านอีกเช่นกัน เพราะกลัวของมีคม555555
4. การแขวนคอตาย
ดูเป็นวิธีที่ป๊อบปูลาร์ที่สุดในหมู่ suicider และมีความหลากหลายของวัสดุที่ใช้ตั้งแต่เชือกเบสิกๆไปจนถึงผ้าพันคอไหมแอร์เมส แต่
คนหลายๆคนอาจคิดว่า คนที่ตายด้วยวิธีนี้ คือการขาดอากาศหายใจจากการรัดของเชือก เกือบถูกนะ จริงๆแล้วเมื่อเราแขวนคอตัวเอง เชือกที่ผูกคอเราจะดึงตัวเราและน้ำหนักของเราทั้งหมด กระดูกตรงที่เชือกผูกอยู่ที่คอ เรียกว่ากระดูกคอนั้นล่ะ ท่อนบนสุด จุดที่ติดกับก้านสมอง หรือศูนย์รวมประสาทส่วนกลาง คือก้านสมองนี้จะมีหน้าที่สังให้หัวใจเต้น สั่งให้รายกายขยับ สั่งให้ร่างกายเราหายใจ กระดูกคอส่วนนั้นถูกแรงทำให้ยืดออก ทำให้การสั่งงานการสมองขาดลง ร่างกายไม่หายใจ หัวใจไม่เต้น ร่างการเสียการควบคุม แล้วกว่าจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ ก็กินเวลานานพอประมาณให้ท่านได้ลิ้มรสความทรมานเต็มที่เลยยยยยยย
5. การจมน้ำตาย
อาจเป็นวิธีถ่วงน้ำตัวเอง กระโดดน้ำตาย เอาหัวจุ่มโหลปลาทองตายก็ว่ากันปายยยยย
วิธีนี้ก็เป็นการตายเนื่องจากการขาดอากาศหายใจเหมือนการแขวนคอตาย แต่ อันนี้เขาว่าเป็นที่สุดของที่สุด ใครตายด้วยวิธีนี้ ทรมาณมาก ร่างกายที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวพยายามกระเสือกกระสน เอาชีวิตตัวเองให้รอด หายใจเข้าไปมีแต่น้ำ สำลักน้ำ น้ำจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะและปอดจนเต็ม แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จนขาดอากาศหายใจตาย
แถมตายแล้วศพยังขึ้นอืด พองบวม ดีไม่ดีมีน้องปลาตัวน้อยๆมาทานดินเนอร์มื้อใหญ่บนตัวท่านอีกด้วย ในข้อนี้ข้าพเจ้าจึงขอบาย
6.การกินยาฆ่าตัวตาย
วิธีนี้ดูท่าทางจะเข้าท่า ดูดี สวยงามมีรสนิยม ถ้าเลือกยาดีๆ อาจได้ตายแบบนอนหลับศพสวยๆก็เป็นได้ อ่ะ
แต่ทว่า.........
กว่าจะตายได้นี้ต้องกะปริมาณการกินให้ได้แบบตายสนิท ถ้าไม่ตายนี่ต้องมาล้างท้องกันวุ่นวาย
7. ตายผ่อนส่ง
วิธีนี้ ดาวน์น้อย ผ่อนนาน แถมคนรอบข้างที่ไม่เกี่ยวข้องยังได้ดอกเบี้ยอีกตะหาก แหม คุ้มค่าจริงๆ
สรุปว่า ฆ่าตัวตายแบบไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะ ชีวิตเป็นสิ่งมีค่า จะมาฆ่ากันง่ายๆเนื่องจากแฟนมีกิ๊ก ตกงาน เอนทรานซ์ไม่ติด เศรษฐกิจแย่ หรืออะไรก็แล้วแต่เหอะ
เพราะมาอ่านกระทู้นี้แล้วก็จะรู้ว่า กว่าจะตายได้ มันยากนะ........
แต่กว่าจะโตมาจนฆ่าตัวตายได้นี่ ยากกว่า..........
ที่มา http://diary.yenta4.com/ ของคุณipoo_devil.
และขอแถมอีกอัน
10 วิธีดูแลจิตใจตนเอง (กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข)
1. ตั้งสติให้มั่น มองทุกปัญหาว่ามีทางแก้ไข
2. หากรู้สึกท้อใจ ให้ค้นหาแหล่งสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง ได้แก่ ความรักความผูกพันกับคนในครอบครัว ความศรัทธาทางศาสนา การมีเป้าหมายชีวิตที่มีคุณค่า ความเชื่อว่าปัญหาจะผ่านไป ... แล้วมันจะดีขึ้น การมองเห็นสิ่งดี ๆ ในชีวิต
3. ฝึกหายใจคลายเครียด และทักษะผ่อนคลายอื่น ๆ
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
5. พูดคุยกับคนใกล้ชิด อย่าคิดคนเดียว ช่วยกันปรึกษาหารือ แปลงปัญหาเป็นโอกาสในการสร้างความผูกพันใกล้ชิดต่อกัน
6. บริหารร่างกายเป็นประจำ เท่าที่สภาพแวดล้อมจะเอื้ออำนวยอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที วันเว้นวัน
7. ศึกษาและปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนา
8. มองหาโอกาสในการช่วยเหลือผู้อื่น เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน
9. คิดทบคิดทบทวนสิ่งดี ๆ ในชีวิตเป็นประจำทุกวัน
10. จัดการปัญหาทีละขั้นทีละตอน ทำในสิ่งทีทำได้ สร้างความรู้สึกสำเร็จเล็ก ๆ จากสิ่งที่ทำ ไม่จมไปกับปัญหาที่ยังแก้ไขอะไรไม่ได้ หลีกเลี่ยงการใช้สุราหรือสารเสพติดในการจัดการความเครียดความทุกข์ใจ
ที่มา http://icare.kapook.com/suicide.php?ac=detail&s_id=12&id=3240
คหสต. ไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกแบบผมตอนนี้ อยากฆ่าตัวตาย พอไปเห็นบทความนี้แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
หลายคนคิดว่าเป็นวิธีที่สั้น ง่าย ตายเร็ว ไม่ทรมาน (ยกเว้นคนที่กลัวเสียงดังๆ)
แต่ท่านคิดผิดแล้ววววววว ท่านผู้ชม
อาการจากการโดนยิง หรือถูกลูกปืน คล้ายๆกับโดนท่อนไม้หรือท่อนซุงกระทุ้ง(กระแทก) เริ่มแรกจะชา ไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่จะถูกแรงปะทะของลูกกระสุนปืน อันนี้แล้วแต่ขนาด จุก แน่นบริเวณหน้าอก หายใจขัด ซักพักจะเริ่มปวดหนึบบริเวณที่ถูกกระสุน และจะลามเป็นบริเวณกว้าง และจะเริ่มหมดแรง เพลีย ปวดบาดแผล เนื่องจากเสียเลือด และกว่าจะตายเพราะการเสียเลือด.....ก็นานอยู่ (อย่างที่เราเห็นในหนังไทยเก่าๆ ที่พระเอกโดนยิงแล้วบอกลาสั่งเสียนางเอกเป็นชม.ป่าวหว่า)
แม้ว่าจะยิงด้วยปืนที่หัว มันก็จะเจ็บมาก เพราะสมองบางส่วนยังดีอยู่และก้านสมองยังดีอยู่ ร่างกายจะยังคงทำงานไปได้อีกพัก จนกว่าเลือดจะคังในสมอง มากจนไปกดทับการสั่งงานของระบบประสาท
หรือว่าจะยิงไปที่หัวใจ
อันนี้จะปวดแบบหวิวๆวูบๆ นึกภาพนะ ร่ายกายเสียความดันไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายหมดแรง จากการเสียแรงดัน เลือดไหลออกมาเป็นท่อน้ำประปาจนเลือดไม่พอไปเลี้ยงสมองจนตาย ก่อนตายคงได้กลิ่นคาวเลือดตัวเองพอสมควร
เหอๆๆๆ เอาเป็นว่า เราชอบกลิ่นเลือดสดๆแต่วิธีนี้ข้ามไป
2. การตกจากที่สูง กล่าวคือ การโดดตึก โดดสะพาน โดดหอ(ใช่เหรอ)นั่นเอง
วิธีที่ง่าย สบาย สะดวก และประหยัด เพียวแค่ท่านเดินขึ้นตึกอะไรซักอย่างที่สูงเกิน10ชั้น เดิน หรือขึ้นลิฟท์สู่ชั้นบนสุด ทำท่ากางแขนสวยๆแล้วดิ่งลงมาแบบไม่ใช้สลิงไม่ใช้สตันท์ เห็นมะ ง่ายจะตาย
แต่มันจะง่ายไปมั้ง
ก่อนอื่น ในช่วงวินาทีแรกของการร่วงลงมา ท่านจะรู้สึกเสียววูบในท้อง10เท่าของการเล่นไวกิ้ง และ3เท่าของการโดดบันจี้จัมพ์
และท่านจะรู้สึกหายใจไม่ออกเนื่องจาก แรงดันของอากาศรอบตัว และจะเกิดภาวะเหมือนการขาดอากาศหายใจ
ในบางกรณีท่านอาจหัวใจหยุดเต้นก่อนจะลงถึงพื้นด้วยซ้ำ
ดูเหมือนจะดี แต่โอกาสพลาดก็มีมาก หากตึกไม่สูงพอ หรือมีสิ่งกีดขวางทางตก ซึ่งอาจทำให้ปฏิบัติการไม่สำเร็จและต้องกลายเป็นคนพิการหรือเป็นผักนอนนิ่งๆ ดูไม่เท่เอาซะเลย และที่แน่ๆ ศพไม่สวย ขอข้ามละกัน
3. การใช้มีด แทง เฉือน ปาด ตัวเองตาย
อันนี้เหมาะกันคนใจเย็น ไม่รีบร้อน เพราะท่านจะได้ค่อยๆ เสียเลือดไปจนกระทั่งตาย จะได้รู้สึกหวิวๆ วูบๆ หน้ามืดเหมือนไม่ได้กินข้าวมาหลายเดือน ได้ดมกลิ่นคาวเลือดของตัวเองจนชุ่มฉ่ำ
หากมีดปาดข้อมือ ที่ข้อมือของเราจะมีเส้นเลือดใหญ่อยู่ หากปาดข้อมือแช่น้ำจะเกิดการออสโมซิสจากความเข้มข้นมากไปหาความเข้มข้นน้อยจะทำให้เลือดไหลออกจากร่างกายจนหมดแต่โอกาสพลาดสูงมากเนื่องจากกินเวลานาน
หากใช้มีดแทงที่ท้อง ท่านจะต้องอดทนรอนานซักนิด เพราะอวัยวะในช่องท้องไม่มีอะไรที่แทงแล้วตายทันที แต่ท่านจะตายเพราะการสูญเสียเลือดมาก ซึ่งน่าจะเร็วกว่าข้างบนนิดนึง
แต่ว่าถ้าใจร้อนล่ะก็
ใช้มีดปลายแหลมปาดเข้าที่คอหอยของคุณเลือดจะไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็วแทบจะตายในไม่ถึงชั่วโมงแต่จะทรมานมากและต้องใช้ความกล้าอย่างมาก
แต่เราผ่านอีกเช่นกัน เพราะกลัวของมีคม555555
4. การแขวนคอตาย
ดูเป็นวิธีที่ป๊อบปูลาร์ที่สุดในหมู่ suicider และมีความหลากหลายของวัสดุที่ใช้ตั้งแต่เชือกเบสิกๆไปจนถึงผ้าพันคอไหมแอร์เมส แต่
คนหลายๆคนอาจคิดว่า คนที่ตายด้วยวิธีนี้ คือการขาดอากาศหายใจจากการรัดของเชือก เกือบถูกนะ จริงๆแล้วเมื่อเราแขวนคอตัวเอง เชือกที่ผูกคอเราจะดึงตัวเราและน้ำหนักของเราทั้งหมด กระดูกตรงที่เชือกผูกอยู่ที่คอ เรียกว่ากระดูกคอนั้นล่ะ ท่อนบนสุด จุดที่ติดกับก้านสมอง หรือศูนย์รวมประสาทส่วนกลาง คือก้านสมองนี้จะมีหน้าที่สังให้หัวใจเต้น สั่งให้รายกายขยับ สั่งให้ร่างกายเราหายใจ กระดูกคอส่วนนั้นถูกแรงทำให้ยืดออก ทำให้การสั่งงานการสมองขาดลง ร่างกายไม่หายใจ หัวใจไม่เต้น ร่างการเสียการควบคุม แล้วกว่าจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ ก็กินเวลานานพอประมาณให้ท่านได้ลิ้มรสความทรมานเต็มที่เลยยยยยยย
5. การจมน้ำตาย
อาจเป็นวิธีถ่วงน้ำตัวเอง กระโดดน้ำตาย เอาหัวจุ่มโหลปลาทองตายก็ว่ากันปายยยยย
วิธีนี้ก็เป็นการตายเนื่องจากการขาดอากาศหายใจเหมือนการแขวนคอตาย แต่ อันนี้เขาว่าเป็นที่สุดของที่สุด ใครตายด้วยวิธีนี้ ทรมาณมาก ร่างกายที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวพยายามกระเสือกกระสน เอาชีวิตตัวเองให้รอด หายใจเข้าไปมีแต่น้ำ สำลักน้ำ น้ำจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะและปอดจนเต็ม แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จนขาดอากาศหายใจตาย
แถมตายแล้วศพยังขึ้นอืด พองบวม ดีไม่ดีมีน้องปลาตัวน้อยๆมาทานดินเนอร์มื้อใหญ่บนตัวท่านอีกด้วย ในข้อนี้ข้าพเจ้าจึงขอบาย
6.การกินยาฆ่าตัวตาย
วิธีนี้ดูท่าทางจะเข้าท่า ดูดี สวยงามมีรสนิยม ถ้าเลือกยาดีๆ อาจได้ตายแบบนอนหลับศพสวยๆก็เป็นได้ อ่ะ
แต่ทว่า.........
กว่าจะตายได้นี้ต้องกะปริมาณการกินให้ได้แบบตายสนิท ถ้าไม่ตายนี่ต้องมาล้างท้องกันวุ่นวาย
7. ตายผ่อนส่ง
วิธีนี้ ดาวน์น้อย ผ่อนนาน แถมคนรอบข้างที่ไม่เกี่ยวข้องยังได้ดอกเบี้ยอีกตะหาก แหม คุ้มค่าจริงๆ
สรุปว่า ฆ่าตัวตายแบบไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะ ชีวิตเป็นสิ่งมีค่า จะมาฆ่ากันง่ายๆเนื่องจากแฟนมีกิ๊ก ตกงาน เอนทรานซ์ไม่ติด เศรษฐกิจแย่ หรืออะไรก็แล้วแต่เหอะ
เพราะมาอ่านกระทู้นี้แล้วก็จะรู้ว่า กว่าจะตายได้ มันยากนะ........
แต่กว่าจะโตมาจนฆ่าตัวตายได้นี่ ยากกว่า..........
ที่มา http://diary.yenta4.com/ ของคุณipoo_devil.
และขอแถมอีกอัน
10 วิธีดูแลจิตใจตนเอง (กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข)
1. ตั้งสติให้มั่น มองทุกปัญหาว่ามีทางแก้ไข
2. หากรู้สึกท้อใจ ให้ค้นหาแหล่งสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง ได้แก่ ความรักความผูกพันกับคนในครอบครัว ความศรัทธาทางศาสนา การมีเป้าหมายชีวิตที่มีคุณค่า ความเชื่อว่าปัญหาจะผ่านไป ... แล้วมันจะดีขึ้น การมองเห็นสิ่งดี ๆ ในชีวิต
3. ฝึกหายใจคลายเครียด และทักษะผ่อนคลายอื่น ๆ
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
5. พูดคุยกับคนใกล้ชิด อย่าคิดคนเดียว ช่วยกันปรึกษาหารือ แปลงปัญหาเป็นโอกาสในการสร้างความผูกพันใกล้ชิดต่อกัน
6. บริหารร่างกายเป็นประจำ เท่าที่สภาพแวดล้อมจะเอื้ออำนวยอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที วันเว้นวัน
7. ศึกษาและปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนา
8. มองหาโอกาสในการช่วยเหลือผู้อื่น เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชน
9. คิดทบคิดทบทวนสิ่งดี ๆ ในชีวิตเป็นประจำทุกวัน
10. จัดการปัญหาทีละขั้นทีละตอน ทำในสิ่งทีทำได้ สร้างความรู้สึกสำเร็จเล็ก ๆ จากสิ่งที่ทำ ไม่จมไปกับปัญหาที่ยังแก้ไขอะไรไม่ได้ หลีกเลี่ยงการใช้สุราหรือสารเสพติดในการจัดการความเครียดความทุกข์ใจ
ที่มา http://icare.kapook.com/suicide.php?ac=detail&s_id=12&id=3240
คหสต. ไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกแบบผมตอนนี้ อยากฆ่าตัวตาย พอไปเห็นบทความนี้แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย