PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : Guitar Club ของคนรักกีต้าร์ เข้ามาเลยยยย~



stratocaster
23rd November 2011, 09:46
http://musicdelicious.files.wordpress.com/2011/09/fender_logo6.jpg


สวัสดีครับเพื่อนทุกคน ผมชื่อลิ๊งนะครับ

ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่อยากตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างคนรักกีต้าร์ด้วยกันอ่ะนะครับ:o

ไม่ว่าจะเป็นกีต้าร์ อคูสติก หรือ กีต้าร์ไฟฟ้าก็ตาม มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ตามสบายนะครับ :cool:

แต่จริงๆแล้วเนี่ย การที่จะ เล่นกีต้าร์เนี่ยมันไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไรนักนะครับ แต่เรื่องที่อยากก็คือการที่จะเล่นมันให้เก่งนั่นเอง

มันก็คงไม่พ้นภาคทฤษฐีอ่ะนะครับ ปฏิเสธมันไม่ได้เลยทีเดียว ผมก็ไม่ค่อยชอบนะ แต่ก็ต้องเรียนไว้มั่ง :sweat

เพื่ออธิบายว่าไอสิ่งที่เราเล่นเนี่ย เราเล่นอะไรอยู่ เรากำลังทำอะไรอยู่

บางทีเห็นเล่นเก่งๆบางคนโซโล่ปานสายฟ้าฟาด ถามว่า "ที่เอ็งเล่นอยู่มันสเกลของอะไรวะ" ก็ยืนงง แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ :o

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะ บทความนี้่ก๊อบมาทั้งดุ้นเลยครับ เห็นมันเข้าใจง่ายดีนะครับ

1. พื้นฐานเรื่องโน้ต

ตัวโน๊ตทั้งหมด ตามที่เราคุ้นเคยคือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ซึ่งโน้ตแต่ละตัวจะถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งโดยนำเอา
ตัวอักษรภาษาอังกฤษมาตั้ง ดังนี้

C = โด

D = เร

E = มี

F = ฟา

G = ซอล

A = ลา

B = ที

อันนี้เป็นความรู้พื้นฐานที่เพื่อนๆต้องจำนะครับ ซึ่งวิธีจำก็ไม่ยากอะไรเลย แค่เอาตัว C ขึ้นต้น และไล่เสียงไปเรื่อยๆ
ตามตัวอักษร C D E F G และวนกลับมาที่ A B ก็เป็นอันครบ

อันที่จริงแล้ว ยังมีเสียงที่นอกเหนือจากนี้อีก ซึ่งจะอธิบายได้ง่ายจากคีย์บอร์ด ดังนี้ครับ

http://www.guitarkung.com/Images/Note%20on%20Keyboard2.gif

เพื่อนๆจะสังเกตุเห็นว่ามีโน๊ตอยู่ 2 คู่ ที่ไม่มีตัวขั้นกลาง นั่นก็คือ E กับ F และ B กับ C ทำไมถึงเป็นเช่นนี้นะเหรอ
ครับ กระผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นมาจากผู้ที่คิดค้นทฤษฎีดนตรีในยุคแรกน่ะครับ คล้ายๆกับสูตรทางคณิตศาสตร์แหล่ะครับ เราเองเป็นผู้ศึกษาต่อจากสิ่งที่ผู้อื่นเค้าศึกษากันมาอย่างหนักหน่วง เรา แค่เอาสูตรที่เค้าคิดเอาไว้อย่างดีแล้วมาใช้แค่นั้นเอง

มาถึงตรงนี้สิ่งที่เพื่อนๆต้องจำเพิ่มขึ้นมานั่นก็คือ E กับ F ติดกัน และ B กับ C ติดกัน อ้อ ผมลืมบอกไป
ครับ จาก C ไป D นั้น ห่างกัน 1 เสียงเต็ม (ทำไมถึงห่าง 1 เสียงเต็ม ?............. ก็เพราะมันมีตัวคั่นคือ C# หรือ Db
นั่นแหล่ะครับ ส่วน E กับ F ห่างกัน ครึ่งเสียง เพราะไม่มีตัวคั่น และ B กับ C ก็ห่างกันครึ่งเสียงทีนี้เพื่อนๆ
คงทราบแล้วนะครับว่า โน๊ตคู่ไหนห่างกัน 1 เสียงเต็มบ้าง โน๊ตคู่ไหนห่างกันครึ่งเสียงบ้าง

อธิบายเพิ่มเติมจากรูปด้านล่าง ดังนี้



ให้ลูกศรชี้ขึ้น เป็นสัญลักษณ์แทนเสียงที่สูงขึ้นไป โดยการใส่เครื่องหมายชาร์ฟ (#) และ
ให้ลูกศรชี้ลง เป็นสัญลักษณ์แทนเสียงที่ต่ำลงมา โดยการใส่เครื่องหมายแฟลต (b)

http://www.guitarkung.com/Images/Note%2012.gif

C สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = C# C ลดลงครึ่งเสียง = B
D สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = D# D ลดลงครึ่งเสียง = Db
E สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = F E ลดลงครึ่งเสียง = Eb
F สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = F# F ลดลงครึ่งเสียง = E
G สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = G# G ลดลงครึ่งเสียง = Gb
A สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = A# A ลดลงครึ่งเสียง = Ab
B สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = C B ลดลงครึ่งเสียง = Bb

จะสังเกตได้ว่า มีเสียงที่เท่ากันอยู่ดังนี้

C# = Db

D# = Eb

F# = Gb

G# = Ab

A# = Bb

เอ....... ในเมื่อมันเป็นเสียงเดียวกัน ทำไมไม่เรียกอันใดอันนึงไปเลย ทำให้สับสนทำไมก็ไม่รู้........นั่นนะสิครับ
แต่จริงๆแล้ว มันขึ้นอยู่กับแต่ละบทเพลงมากกว่า คือถ้าเพลงนั้นๆมีโน้ตที่ติดชาร์ฟ (#) ก็จะติดชาร์ฟทั้งเพลง หรือ
เพลงไหน ทีมีโน้ตติดแฟลต (b) ก็จะแฟลตมันทั้งเพลง คงไม่มีใส่โน้ตที่ติดชาร์ฟ และแฟลต ไว้ในเพลงเดียวกัน
หรอกครับ

2.โน้ตบนคอกีต้าร์

เมื่อคราวที่แล้วผมได้นำเสนอเกี่ยวกับตัวโน๊ตตามหลักทฤษฎีพื้นฐานไปแล้ว คราวนี้เข้าเรื่องตัวโน๊ตทั้งหมดบน คอกีต้าร์กันบ้าง

http://www.guitarkung.com/Images/Note%20on%20Guitar.gif

อันที่จริงเพื่อนๆคงจะเคยเห็นภาพในลักษณะนี้กันมาบ้างแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่เข้าใจ หรือยังงงๆอยู่ ผมจะทำให้ กระจ่างเองครับ

จากรูป เป็นการจำลองภาพบนคอกีต้าร์โดยสายที่ 1 นำจากด้านบน ไล่ลงมาจนถึงสายที่ 6 ซึ่งอยู่ล่างสุด และบน คอกีต้าร์จะถูกแบ่งออกเป็นช่องๆเรียกว่า "เฟรท" ซึ่งเราจะเริ่มนับเฟรทที่ 1 จากช่องแรกด้านซ้ายมือ ไล่ไป
เรื่อยๆ จนสุดคอ กีต้าร์ จากรูปแสดงถึงเฟรทที่ 12 เท่านั้น เพราะถ้าเพื่อนสังเกตุจะเห็นว่า เฟรทที่ 12 มันจะวนมาเจอตัวโน๊ตที่เฟรทแรก ตามภาพด้านบน สายที่ 1 เฟรทที่ 1 = F และ เฟรทที่ 12 ก็ = F เช่นกัน

อักษรภาษาอังกฤษที่ผมเขียนกำกับเอาไว้ในแต่ละสาย (ด้านซ้ายมือ)หมายถึง ตัวโน๊ตในกรณีดีดสายเปล่าของสาย
นั้นๆ เช่น เมื่อเราดีดสายเปล่าในสายที่ 1 เสียงที่ได้คือเสียง E (หรือโน๊ตตัว "มี" ตามที่อธิบายไว้ในบทแรก แต่ในทางกีต้าร์จะนิยมเรียกตามตัวอักษรภาษาอังกฤษมากกว่า)

ในแต่ละเฟรทจะห่างกันครึ่งเสียง ยกตัวอย่างจากสายที่ 1

สายเปล่า = เสียง E

หากเรากดนิ้วที่เฟรทที่ 1 จะได้เสียง F (เพราะ E กับ F ห่างกันครึ่งเสียง หรือจำง่ายๆว่า E กับ F ติดกัน)

หากเรากดนิ้วที่เฟรทที่ 2 จะได้เสียง F# หรือ Gb (เอ...ทำไม F แล้วไม่ไป G เลย? ถ้าเพื่อนๆยังเกิดคำถามนี้อยู่ คงต้องย้อนไปเรียนในบทที่ 1: พื้นฐานความรู้เรื่องโน๊ต ก่อนนะครับ แล้วจะเข้าใจ)

ข้ามมาเฟรทที่ 7 หากเรากดนิ้วที่เฟรทนี้จะได้เสียง B
และหากกดนิ้วที่เฟรทที่ 8 จะได้เสียง C (นั่นก็เพราะ B กับ C ห่างกันครึ่งเสียง หรือจำง่ายๆว่า B กับ C ติดกัน)

ในที่นี่ผมใส่โน๊ตไว้ให้แค่ 2 สายแรก นอกนั้น อยากให้เพื่อนลองหากันเองน่ะครับ เพื่อจะได้เข้าใจ (จริงๆแล้ว
ขี้เกียจต่างหาก แฮะๆๆ) เอาล่ะครับก่อนที่จะงงกันไปกว่านี้ ผมขอฝากทิ้งท้ายไว้ให้จำหลักง่ายๆว่า E กับ F ติดกัน
และ B กับ C ติดกัน แค่นี้แหล่ะครับ ไม่มีอะไรยาก ในสายที่ 2 ถึง 6 ก็อธิบายเช่นเดียวกัน เพียงแต่ตัวโน๊ต ตั้งต้นจะต่างกันเท่านั้นเอง อ้อ...ลืมบอกไปครับว่า สายที่ 1 และสายที่ 6 เริ่มที่ ตัว E เหมือนกันครับ

3.องค์ประกอบของคอร์ด

บทนี้มาพูดกันถึงเรื่องคอร์ดดีกว่าครับ เพื่อนๆคงจะเคยจับคอร์ด ตีคอร์ดกันมาบ้างแล้ว อยากทราบมั้ยครับว่า "คอร์ด" มีที่มาที่ไปอย่างไร ผมจะอธิบายให้ฟังดังนี้ครับ

คอร์ดคือการรวมกลุ่มของตัวโน๊ตตั้งแต่ 3 ตัวขึ้นไป โดยหลักๆแล้วจะแบ่งออกเป็น คอร์ดเมเจอร์(major)และคอร์ดไมเนอร์(minor)

เพื่อนๆลองหยิบหนังสือเพลงขึ้นมาดูประกอบสิครับ

ตัวอย่างเช่น คอร์ด C (เรียกเต็มว่า C เมเจอร์, เขียนเต็มๆว่า Cmaj (โดยปกติจะละ maj เอาไว้)

คอร์ด Am (อ่านว่า A ไมเนอร์ โดย m ย่อมาจาก minor)

คอร์ดเมเจอร์ ประกอบด้วย โน๊ตตัวที่ 1,3,5

1,3,5 มาจากไหน?

ให้เอาโน๊ตตัว C ตั้งต้น แล้วไล่เสียงไปจนครบ 7 ตัวโน๊ต ดังนี้

C(1)---- D(2)---- E(3)--F(4)---- G(5)---- A(6)---- B(7)--C(8)

ตัวเลขในวงเล็บ หมายถึงตำแหน่ง จะสังเกตุเห็นว่าโน๊ตตำแหน่งที่ 3 กับ 4 และ 7 กับ 8 ห่างกันอยู่ครึ่งเสียง ที่เหลือห่างกัน 1 เสียงเต็ม
(อ้อ...จริงๆแล้ว โน๊ตตำแหน่งที่ 8 ก็คือตัวเดียวกับตัวที่ 1 นั่นแหล่ะครับ แต่เขียนไว้เพื่อให้เห็นชัดว่า 7 กับ 8 มันห่างกันครึ่งเสียงน่ะครับ)

ย้อนกลับไปที่ คอร์ดเมเจอร์ ประกอบด้วยโน๊ตตัวที่ 1,3,5 การที่จะทราบว่าตัวโน๊ต ตำแหน่งที่ 1,3,5 นั้นคือโน๊ตอะไร ก็ให้เอาตัว Root ตั้งต้น (ตัว Root หมายถึง ตัวโน๊ตที่เป็นชื่อคอร์ด เช่น Root ของคอร์ด C ก็คือ C , Root ของคอร์ด Am ก็คือ A)

Root ของคอร์ด Dm7 ก็คือ D โดยเราไม่ต้องไปสนใจว่ามันจะติด m,7 หรือติดอะไรก็ตาม ให้ดูแค่ว่าชื่อคอร์ดเป็นตัวอักษรอะไรก็พอ
เอาล่ะครับ....ยกตัวอย่างเลยดีกว่า เดี๋ยวจะงงกันไปซะก่อน

Ex.1 คอร์ด C

หาคอร์ด C ให้เอา C ตั้งต้นก็จะได้

C(1)---- D(2)---- E(3)--F(4)---- G(5)---- A(6)---- B(7)--C(8)

1 = C

3 = E

5 = G

เพราะฉะนั้น คอร์ด C จึงประกอบด้วยโน๊ต 3 ตัว คือ C,E,G

Ex.2 คอร์ด G

หาคอร์ด G ก็ให้เอา G ตั้งต้นจะได้ว่า

G(1)---- A(2)----B(3)--C(4)---- D(5)---- E(6)----F#(7)--G(8)

อย่าลืมนะครับ ว่าตำแหน่งที่ 3 กับ 4 ติดกัน (ส่วนตำแหน่งที่ 7 กับ 8 มันจะติดกันโดยอัตโนมัติอยู่แล้วครับถ้าเรียงมาถูกนะครับ)

1 = G

3 = B

5 = D

เพราะฉะนั้น คอร์ด G จึงประกอบด้วย G,B,D

ลองอีกสักตัวอย่างนะครับ

Ex.3 คอร์ด E

คอร์ด E ก้เอา E ตั้งต้นเช่นกัน

E(1)---- F#(2)----G#(3)--A(4)---- B(5)---- C#(6)----D#(7)--E(8)

1 = E

3 = G#

5 = B

เพราะฉะนั้น คอร์ด E จึงประกอบด้วย E,G#,B

*สรุปครับสรุป...หากเพื่อนๆอยากทราบองค์ประกอบของคอร์ดๆใดก็ตามให้เอา Root ของคอร์ดนั้นมาตั้งต้น แล้วเรียงลำดับตัวโน๊ตไปจนครบ 7 ตัว (...ถัดจากตัว G ก็คือ A นะครับ อย่าไปใส่ตัว H ล่ะ) โดยให้ยึดกฎที่ว่า 3 กับ 4 ติดกันก็เป็นอันใช้ได้ครับ

4.องค์ประกอบของคอร์ด [2]

คราวนี้เราลองมาพิสูจน์ทฤษฎีเรื่ององค์ประกอบของคอร์ดกันดีกว่า บทที่แล้วผมได้กล่าวถึงตัวเลข 1,3,5 ไปแล้ว (ไม่ได้เป็นการใบ้หวยนะครับ แต่หมายถึงตำแหน่งของตัวโน๊ตต่างหาก) ถ้าเพื่อนๆเข้าใจ 1,3,5 แล้ว เราลองมาพิสูจน์กันดีกว่าครับ ว่ามันจริงตามนี้รึเปล่า ยกตัวอย่างคอร์ดง่ายๆก่อนนะครับ เอาคอร์ด C ละกัน

คอร์ด C รูปแบบที่ 1

http://www.guitarkung.com/Images/Chord%20C.gif

คอร์ด C ตามรูปด้านบน เป็นการจับคอร์ด C ในแบบแรก (แบบที่ง่ายที่สุดซึ่งเหมาะกับมือใหม่ครับ)

จำได้มั้ยครับว่าคอร์ด C ประกอบด้วยตัวโน๊ตอะไรบ้าง?

คอร์ด C ประกอบด้วย C,E,G ไงครับ

ในบทที่ 2 ผมได้กล่าวถึงโน๊ตบนคอกีต้าร์ไปบ้างแล้ว เพื่อนๆคงพอจำได้นะครับ ฉะนั้นตามรูป เวลาเราตีคอร์ดเราก็จะได้โน๊ตในแต่ละสาย ดังนี้

สายที่ 1 ได้เสียง E

สายที่ 2 ได้เสียง C

สายที่ 3 ได้เสียง G

สายที่ 4 ได้เสียง E

สายที่ 5 ได้เสียง E

สายที่ 6 ได้เสียง E

สรุปแล้ว ตัวโน๊ตที่ได้ในแต่ละสายก็จะอยู่ในกลุ่มคอร์ด C คือ C,E,G ทั้งนั้น แหล่ะครับ (ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคอร์ด C)

แต่คงไม่มีการกำหนดตายตัวหรอกครับ ว่าต้องมีโน๊ต C กี่ตัว, E กี่ตัว หรือ G กี่ตัว เอาให้มันครบก็เป็นอันเข้าสูตรแล้วครับ

ลองมาดูคอร์ด C ในรูปแบบที่ 2 กันบ้างนะครับ (เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมคอร์ดเดียวกัน ถึงจับได้หลายแบบ)

คอร์ด C รูปแบบที่ 2

http://www.guitarkung.com/Images/Chord%20C2.gif

ครับ คอร์ด C ในแบบที่ 2 นี้ เริ่มต้นที่เฟรทที่ 3

เหมือนเดิมเลยครับ ลองเช็๋คแต่ละสายดูว่ามีโน๊ตตัวไหนอยู่บ้าง

สายที่ 1 ได้เสียง G

สายที่ 2 ได้เสียง E

สายที่ 3 ได้เสียง C

สายที่ 4 ได้เสียง G

สายที่ 5 ได้เสียง C

สายที่ 6 ได้เสียง G

แน่นอนครับ ทั้งหมดอยู่ในคอร์ด C แต่จะต่างจากแบบแรกตรงจำนวนตัวโน๊ตแต่ละตัวไม่เท่ากัน และการเรียงลำดับตัวโน๊ตในแต่ละสายไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง แต่สรุป...มันก็คือคอร์ด C เหมือนกันแหล่ะครับ

นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีการจับคอร์ด C ในรูปแบบอื่นๆอีก เพื่อนๆลองดูตามแผนผังคอร์ดกีต้าร์ก็ได้ครับ (ถ้ามี) จะเห็นว่า แต่ละคอร์ดจะมีวิธีการจับได้หลายแบบ โดยการเล่นต่างเฟรทกันไป แต่ยังไงซะมันก็คือสูตร 1,3,5 นั้นแหล่ะครับ

เอาละครับหวังว่าเพื่อนๆคงจะเข้าใจเรื่ององค์ประกอบของคอร์ดและที่มาที่ไปของมันกันบ้างแล้ว คราวหน้าเราจะมาต่อกันด้วยเรื่องการ "Transpose คอร์ด" กันดีกว่า

5.การ Transpose คอร์ด

คราวที่แล้วที่ผมได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ในแต่ละคอร์ดจะมีวิธีการจับหลายแบบด้วยกัน แล้วแต่ว่าเราจับคอร์ตรงช่วง
เฟรทไหน .......ตายละวา คอร์ดก็มีตั้งหลายคอร์ด แถมแต่ละคอร์ดยังจับได้ตั้งหลายแบบ แล้วทีนี้จะจำยังไงไหว?
แล้วจะเลือกใช้คอร์ดแบบไหนกันดี? คำถามเหล่านี้คงเกิดขึ้นกับหลายๆคน อย่าเพิ่งงงกันไปใหญ่นะครับ อันที่จริงคอร์ดที่มีอยู่ทั้งหมดในทางทฤษฎีก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกนำมาใช้ซะทั้งหมดหรอกครับ เพราะในทางปฏิบัติบางคอร์ดก็แทบจะไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำไป ส่วนเรื่องการจดจำรูปแบบในการจับคอร์ด ก็เป็นเรื่องที่จะพูดถึงในบทนี้แหล่ะครับ ................เอาล่ะครับ เริ่มกันเลยดีกว่า

ยกตัวอย่างคอร์ด A

http://www.guitarkung.com/Images/Chord%20A.gif

คอร์ด A ประกอบด้วยตัวโน๊ต A,C#,E

ตามที่ผมเคยบอกไปแล้วในบทที่ 1 ว่าแต่ละเฟรทนั้นห่างกันครึ่งเสียง ฉะนั้น ถ้าห่าง 2 เฟรท ก็เท่ากับ
ห่างกัน 1 เสียงครับ เราลองมาดูการ Transpose ในฟอร์มคอร์ด A กันนะครับ

ถ้าเราเคลื่อนนิ้วเข้าหาตัวกีต้าร์ 2 เฟรท ฟอร์มคอร์ด A ดังกล่าว จะได้เป็นคอร์ด B ดังรูป

*** ใช้นิ้ว 2(นิ้วชี้)ทาบที่เฟรทที่ 2

http://www.guitarkung.com/Images/Chord%20B.gif

คอร์ด B ประกอบด้วยตัวโน๊ต B,D#,F#

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ เราเคยเรียนกันมาแล้วว่าตัวโน๊ต A กับ B ห่างกัน 1 เสียง พอมาเป็นคอร์ดก็เช่นเดียวกัน หมายถึง เราสามารถใช้ฟอร์มคอร์ด A เป็นแบบ แล้ว Transpose มา 2 เฟรท โดยใช้นิ้ว 2(นิ้วชี้) ทาบที่เฟรท 2 และนิ้ว 3,4,5 กดไปที่สาย 2,3,4 ในเฟรทที่ 4 ดังรูป (อ่านแล้วงงกันรึเปล่าครับ อันที่จริงดูจากรูปก็เข้าใจได้ไม่ยาก ครับ) *** ลืมบอกไปครับ ไม่ทราบเพื่อนๆงงกันรึเปล่าว่าเราจับคอร์ด A เราจะกดนิ้วแค่ 3 จุด แต่ทำไมพอ Transpose มาเป็นคอร์ด B จึงต้องใช้นิ้ว 2(นิ้วชี้)ทาบที่เฟรทที่ 2 คำตอบก็คือ อันที่จริงแล้วเวลาที่เราจับคอรด์ A ส่วนที่เรียกว่า"นัท"(ที่เป็นตัวรองสายก่อนจะพันเข้ากับแกนที่เชื่อมต่อกับลูกบิด ซึ่งเวลาเราปรับลูกบิดแกนตัวนี้ ก็จะหมุน) โดยนัทจะเป็นตัวขึงสายเพื่อให้เกิดเสียง ฉะนั้น การที่เราใช้นิ้วทาบลงไปก็เป็นการกดสายเพื่อให้เกิด เสียงเช่นกัน ดังนั้น ในการ Transpose คอร์ด ก็ต้อง Traspose มาให้หมด ไม่เว้นสายเปล่านะครับ ถ้าจะให้ ละเอียด เราลองมาดูการ Transpose ในแต่ละสายกันนะครับ

คอร์ด A คอร์ด B

สายที่ 1 = E (สายเปล่า) -------------------- Transpose เป็น = F#

สายที่ 2 = C# ------------------------------------ Transpose เป็น = D#

สายที่ 3 = A -------------------------------------- Transpose เป็น = B

สายที่ 4 = E ------------------------------------- Transpose เป็น = F#

สายที่ 5 = A (สายเปล่า) --------------------- Transpose เป็น = B

สายที่ 6 = E (สายเปล่า) --------------------- Transpose เป็น = F#



จากคอร์ด A ไป คอร์ด B แล้ว ที่นี้เราลองมา Transpose กันอีกครั้งนะครับ

http://www.guitarkung.com/Images/Chord%20C2.gif

คอร์ด C ประกอบด้วยตัวโน๊ต C,E,G

สำหรับคอร์ด B เราใช้นิ้ว2 (นิ้วชี้)ทาบเฟรทที่ 2 คราวนี้เรา Transpose มาครึ่งเสียง ทาบนิ้วชี้ที่เฟรทที่ 3 ส่วนนิ้วอื่นก็วางในรูปเดิม ก็จะได้เป็นคอร์ด C แล้วครับ

*** เนื่องจาก B กับ C ห่างกันครึ่งเสียง ฉะนั้น คอร์ด B ไปคอร์ด C จึงห่างกันเพียง 1 เฟรทเท่านั้น

Transpose อีกครั้งก็จะได้คอร์ด D ดังรูปครับ

http://www.guitarkung.com/Images/Chord%20D.gif

คอร์ด D ประกอบด้วยตัวโน๊ต D,F#,A

เอาละครับยกตัวอย่างให้ดูพอสมควรแล้ว หวังว่าเพื่อนๆคงจะเข้าใจเรื่องการ Transpose กันบ้างแล้วนะครับ ลองไปฝึก Traspose กันเอาเองนะครับ โดยใช้ฟอร์มคอร์ดที่จับในเฟรทแรกๆ เช่น คอร์ด A, คอร์ด E, คอร์ด D ยึดเป็นฟอร์มที่ใช้ในการ Transpose จะได้เข้าใจยิ่งขึ้น

เป็นไงมั่งครับหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์นะครับ ต่อจากผมว่าให้ไปศึกษาเองจากเว็บดีกว่านะครับ

http://www.guitarkung.com/All%20Pages/Theory%20of%20Music.html

มีปัญหาข้องใจอะไรก็ถามมาได้ในกระทู้เลยนะครับ :bye

Tuksido
23rd November 2011, 21:28
ความรู้ครับ ผมอยู่ด้วย กีต้าร์ผม Jackson jsx-94

http://image.ohozaa.com/i/813/5nTfA.jpg (http://image.ohozaa.com/view/5es5b)

ผมอ่อนหัดอยู่นะครับ

Master
24th November 2011, 02:42
ผมว่าเนื้อหา คลับน่าจะเป็นเกี่ยวกับ เพลงมากกว่าน่ะครับ นี้มันความรู้พื้นฐาน :)

ท่าเอาแบบนี้ผมว่าน่าจะเป็นพวก ฟิวและประสบการณ์เวทีอะไรอย่างนี้มากกว่าที่ผ่านมาให้คนได้อ่าน
แต่ผมว่าก้ดีเหมือนกันเห็นความตั้งใจครับ :)

stratocaster
24th November 2011, 09:41
ครับ มันได้หมดแหละครับ จริงๆผมก็อ่อนหัดมากๆนั่นแหละ ฮ่าฮ่า
แค่อยากตั้งมางั้นแหละครับ ส่วนกีต้าร์นั้นผมใช้ Stratocaster หน่ะครับ กว่าจะหาตังมาซื้อได้ :heat

likewa
24th November 2011, 09:48
มี Guitar รุ่นไหนดีๆราคาไม่แพงมาแนะนำบ้างไหม....:music

stratocaster
24th November 2011, 09:53
คือจริงอยากจะแนะนำแบบนี้ครับ เอากระทู้นี้ไปอ่านนะครับ
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=5516

คือผมอยากจะบอกว่ากีต้าร์เนี่ยจะซื้อทีนึงก็ซื้อดีๆหน่อยละกันครับ
ถึงจะเล่นเก่งไม่เก่งก็เอาไว้ก่อน ประมาณ 8000 เนี่ยกำลังดีครับ

PredaterGolf
24th November 2011, 22:09
สอนวิธีอิมโพรไวส์ทีครับเอาแบบละเอียดยิบเลยนะครับ ขอบคุณครับ


ถ้าให้พูดจริงๆ เลยมันยากนะครับ ต้องขึ้นอยู่กับ การฝึกตัวคุณเอง

แนะนำให้ จำ สเกล majorและ minor ทั้งหมดครับ

จากนั้น ให้เริ่มเล่นแบบเรียบเรียงประโยค (แนะนำให้ฝึกกับ Am scales ไม่ก็ C Scales (Am = คอร์ดพลิกกลับของ C ))

แบบเล่นมั่วๆ ไป ครับ ไม่ก็หา Backing track มาลองฟังดู

โดย ถ้าฝึกกับ Backing track ให้ สร้าง Head ไว้ครับ เพื่อในตอนจบ จะได้จบได้ ด้วย Head อีกทีนึง

ฝึกไปเรื่อยๆ ครับเดียวก็คล่อง

ผมไล่ได้หมดแล้วครับแต่พออิมออกมามันไม่เพราะอะครับ

sentinel12
24th November 2011, 22:19
สอนวิธีอิมโพรไวส์ทีครับเอาแบบละเอียดยิบเลยนะครับ ขอบคุณครับ

ถ้าให้พูดจริงๆ เลยมันยากนะครับ ต้องขึ้นอยู่กับ การฝึกตัวคุณเอง

แนะนำให้ จำ สเกล majorและ minor ทั้งหมดครับ

จากนั้น ให้เริ่มเล่นแบบเรียบเรียงประโยค (แนะนำให้ฝึกกับ Am scales ไม่ก็ C Scales (Am = คอร์ดพลิกกลับของ C ))

แบบเล่นมั่วๆ ไป ครับ ไม่ก็หา Backing track มาลองฟังดู

โดย ถ้าฝึกกับ Backing track ให้ สร้าง Head ไว้ครับ เพื่อในตอนจบ จะได้จบได้ ด้วย Head อีกทีนึง

ฝึกไปเรื่อยๆ ครับเดียวก็คล่อง

-::[S]weet~[P]hai~[Wo]::-
24th November 2011, 22:22
ผมลองเล่น อยู่หะ รู้สึก เล่นยากสะด้วย

นิ้วไม่ด้านพอ จับคอร์ไม่ได้เลย เจ๊บจ๊าดดดดดดด

Stalkergame
24th November 2011, 22:50
กระทู้ดีมากครับthanksเลย ผมเล่นกีต้าเหมือนกัน ใช้ US Std Strat เหมือนกันครับ


สอนวิธีอิมโพรไวส์ทีครับเอาแบบละเอียดยิบเลยนะครับ ขอบคุณครับ

เรื่องอิมมันต้องใช้หลายอย่างมาผสมผสานกันครับ สำหรับผมก็อย่างนึงที่ต้องมีแน่ๆถึงจะอิมดีก็คือประสบการณ์ครับ เพราะว่าการอิมโพรไวส์คือการด้นสด ถ้าเราได้เล่นเพลงต่างมามากๆแล้วเราจะเอาลูกโซโล่หรือทำนองที่เราชอบมาใส่ในการอิมโพรไวส์ของเราได้เองเลย แล้วอย่าลืมด้วยว่าเมโลดี้มันต้องอยู่ในสเกลด้วย แต่ถ้าเป็นเพลงแจ๊สจะอิมยากหน่อยนะทำนองมันจะOut พอดีผมไม่ใช่สายแจ๊ส แหะๆผมก็ไม่ได้เก่งไรหรอก อยากจะให้คำแนะนำบ้างเล็กๆน้อยๆ^^

SoNy009
24th November 2011, 23:10
อิมโพรไวส์ นี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เลย
อีกอย่าง คือ หัด ไล่สเกล จะอิมโพรไวส์ ได้เก่ง

ส่วนนิ้วเจ็บ เป็นปกติครับ
แต่ผมตอนแรกๆ โครตบ้าเล่น อยากเป็นเร็ว เจ็บก็เล่นต่อ
แต่จับคอร์ดไม่ไหวจริงๆ เสียงเพี้ยนตลอด
พอเล่นไปบ่อยๆเริ่มด้าน แล้วมันจะโอเคเอง

พวกเทคนิคบนเวทีผมมีเยอะเลย
อยากให้ลองมาแชร์ๆกันบ้าง ฮ่าๆ :D

atomza07
24th November 2011, 23:40
ขอบคุณมากครับผมเล่นมา ไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลยอ่ะ เพราะมันไม่มีคนสอนให้อ่ะครับ

stratocaster
25th November 2011, 08:48
จริงๆแล้วเรื่องของการอิมโพรไวส์นั้นมันอธิบายได้ค่อนข้างที่จะยากนะครับ ขอแนะนำกระทู้ของ เว็บกีต้าร์ไทยนี้นะครับ

http://guitarthai.com/lessonboard/question.asp?QID=2238

ความคิดของผมในการอิมโพรไวส์ก็คือ มันก็เหมือนกับการเล่นกลอนสด ที่เรา้เห็นตามทีวีอ่ะครับ
เราจะเล่นมันออกมายังไงก็ได้ แต่กลอนนั้นมันมีสัมผัสของมันอยู่
เช่นเดียวกับการอิมโพรไวส์ เราก็เล่นมันออกมายังไงก็ได้ แต่การอิมโพรไวส์นั้นมีสัมผัสของมัน
จะให้พูดให้ถูกนั่นคือคีย์นั่นเอง

จริงๆแล้วการอิมโพรไวส์จะเล่นมั่วๆให้มันฟังดูเพราะไปก็ได้นะครับ ไม่ต้องสนเรื่องคีย์

แน่นอนมันก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ด้วยครับ การฟังเพลง การแกะเพลง

ปัญหาที่เกิดจากการอิมโพรไวส์ก็คือการที่ไม่เพราะมั่งอะไรมั่ง
ฝึกๆไปเราก็จะหาทางออกของเราได้เองครับ

ที่สำคัญก็คือการที่เรามีใจรัก แต่มีใจอย่างเดียวมันทำอะำไรไม่ได้หรอกครับ
มันต้องฝึกฝนด้วย บางคนปากบอกว่าอยากเก่งกีต้าร์แต่วันนึงตัวเองไม่ฝึกฝนเลย จะเก่งได้อย่างไร
และอีกอย่างนึงก็คือการหาแนวของตัวเองครับ ซึ่งในเรื่องแนวดนตรีของตัวเองนี้
คิดว่าเดี๋ยวก็คงเจอเองแหละครับ

Major_Seventh
25th November 2011, 10:32
Improvisation คือ การมั่วแบบถูกหลักใช่ป้ะครับ

seagamer
25th November 2011, 10:54
สาระๆๆ (มือเบสอยากมีส่วนร่วม 5555+)

sentinel12
25th November 2011, 11:05
Improvisation คือ การมั่วแบบถูกหลักใช่ป้ะครับ

เรียกว่ามั่วก็ไม่ได้ครับ แค่ต้องเล่นอยู่ภายใน Scales ใน key เสียงนั้นๆ

Folkza245
25th November 2011, 11:18
ขอบคุณมากๆครับ
ส่วนนี่กีตต้าร์ของผมครับ
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=247657618626812&set=a.171650822894159.43690.100001477282307&type=1&ref=nf

ถ้ารูปไม่ขึ้น http://www.facebook.com/photo.php?fbid=247657618626812&set=a.171650822894159.43690.100001477282307&type=1&ref=nf นี่ครับ Publicใครไม่ได้เป็นเพื่อนก็ไปดูได้

inmyhate01
25th November 2011, 12:22
ฮ่าๆ ผมสาวก Schecter ฮะ

ใช้รุ่น C-1 Classic จริงแล้วชอบ Hollywood Classic

นะ แต่ตอนนั้นงบไม่ถึง เลยซื้อตัวที่มันเสปกใกล้เคียงมาก่อน

stratocaster
25th November 2011, 12:37
ฮ่าๆ C-1 Classic ใช่ย่อยเลยนะครับ
ของผมใช้ Stratocaster ครับชอบมากๆ แต่มื่อ 2 อิอิ

inmyhate01
25th November 2011, 12:44
^
^
standard รึป่าวครับ

แล้วของปีอะไรอ่า

stratocaster
25th November 2011, 13:01
ไม่ standard ครับ แล้วก็ปี 2001

kisserza
25th November 2011, 21:22
มาหาความรู้ 5555 กีตาร์ ผม Fender Japan STD 1993 ครับ (แก่กว่าผม 2 ปี)

sentinel12
25th November 2011, 21:37
เยส Fender Japan ปี เก่าๆ เขาว่ากันว่า เสียงเด้ง ใส ดียิ่งนัก!!

jackylucky
25th November 2011, 21:42
ผมก็รักครับ เพราะผมร็อค!!!!!

แต่อยู่ช่วงฝึกหัด (แต่ไม่ได้เรียน หาตามเน็ตก็เทพ 555) ตอนนี้ไปรอดหมด ฝึกพวกสเกลกับการเพิ่งความเร็วอยู่ มาหาความรู้เพิ่มนะครับ

stratocaster
26th November 2011, 11:10
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ:thank

วันนี้ผมอยากจะรู้ว่าใครเป็นไอดอลของเพื่อนๆในการเล่นกีต้าร์หน่ะครับ
สำหรับผม ถ้าเป็นเมืองนอกผมชอบหลายคนนะ แต่ที่ทำให้ผมชอบคนนี้เพราะว่าเค้าเป็นคนไทยเนี่ยแหละ
ฝีมือไม่น้อยหน้าใครเลยอาจารย์แจ๊ค ธรรมรัตน์ นั่นเอง!!


http://www.youtube.com/watch?v=CKr9GQGwUNo&feature=feedlik

jirayu31363
26th November 2011, 17:41
เอ่อ ! พอจะมีกีตาร์คลาสสิคตัวไหนเสียงดีๆแนะนำรึเปล่าครับ
ตอนนี้มีอคูสติคอยู่ตัวนึงแต่ว่าช่วงนี้กำลังเรียนเป็นกีตาร์คลาสสิคอยู่
ก็เลยอยากได้มาซักตัวนึงเห็นโทนเสียงมันอบอุ่นดี
ส่วนงบก็ประมาณ 10000 ละกันครับ

stratocaster
1st December 2011, 10:09
กีต้าร์คลาสสิคไม่ค่อยรู้อ่ะครับ ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้
แต่ก็ขอโทษครับที่ตอบช้า:(
ไม่ว่างไปช่วยบ้านเก็บข้าวของน้ำท่วม 555

SoNy009
1st December 2011, 10:22
เอ่อ ! พอจะมีกีตาร์คลาสสิคตัวไหนเสียงดีๆแนะนำรึเปล่าครับ
ตอนนี้มีอคูสติคอยู่ตัวนึงแต่ว่าช่วงนี้กำลังเรียนเป็นกีตาร์คลาสสิคอยู่
ก็เลยอยากได้มาซักตัวนึงเห็นโทนเสียงมันอบอุ่นดี
ส่วนงบก็ประมาณ 10000 ละกันครับ

YAMAHA C-40 ละกันน่ะ เสียงก็ใช้ได้เลย
งบ 10000 นี้เหลือมากๆครับ ตัวนี้แค่ประมาณ 3000 กว่าๆ

bararesz
1st December 2011, 10:50
ฮ่าๆ ผมสาวก Schecter ฮะ

ใช้รุ่น C-1 Classic จริงแล้วชอบ Hollywood Classic

นะ แต่ตอนนั้นงบไม่ถึง เลยซื้อตัวที่มันเสปกใกล้เคียงมาก่อน

เหมือนกันเลยครับ

ผมใช้ C-1 Classic สีเขียว

Hollywood Classic ถ้าไม่มีนกตรงเฟรตที่12 น่าจะสวยกว่านี้อะะะะ ะ

inmyhate01
1st December 2011, 12:25
555+ ผมว่าสวยดีออกผมว่าสีน้ำตาลสวยสุดละ

SoNy009
1st December 2011, 14:09
มีใครช่วยแนะนำแอมป์เสียงแตกดีๆบ้างครับ
ไว้เล่นที่บ้าน งบไม่เกิน 5 พัน

inmyhate01
1st December 2011, 14:16
orange รุ่นต่ำๆ หรือมือสองก็ได้ครับ

Beam-GuitarPro
1st December 2011, 14:21
โอ้ ละเอียดใช้ได้เลยหนิครับ

Beam-GuitarPro
1st December 2011, 14:25
มีใครช่วยแนะนำแอมป์เสียงแตกดีๆบ้างครับ
ไว้เล่นที่บ้าน งบไม่เกิน 5 พัน
Roland Cube 15 XL โลด ระบบเสียงแตกของ boss แต่ถ้าเพิ่มงบอีกสักหน่อยเปน 6000 ก็ได้เป็นรุ่น 20 XL จะมีพวก chorus delay และก็ตัวแต่งเสียงอีกหลายตัวเลย คุ้ม !!

Golf0_o
1st December 2011, 14:28
ผมก็เล่นกีต้าร์ครับ มีวงแล้ว ชื่อกอล์ฟครับ ฝีมือก็พอไปวัดไปวา ยาพิษเล่นพอได้ไรงี้ ฝากตัวด้วยครับ เหลือ sweep picking ที่ติดหน่อยๆ อิอิ

Golf0_o
1st December 2011, 14:31
อ้อ ผมหากีต้าร์ใหม่อยู่ครับ ทรงเหมือน framus camalillo customอ่าครับ ถูกๆมีมั้ย

SoNy009
1st December 2011, 14:58
Roland Cube 15 XL โลด ระบบเสียงแตกของ boss แต่ถ้าเพิ่มงบอีกสักหน่อยเปน 6000 ก็ได้เป็นรุ่น 20 XL จะมีพวก chorus delay และก็ตัวแต่งเสียงอีกหลายตัวเลย คุ้ม !!

จากที่ลองดู Review ใน Youtube รู้สึกเสียงมันยังไม่แน่นพออะครับ
มันออกไปทางแตกๆ เหมือนพวกเพลงยุคเก่าๆมากกว่าอะครับ
ผมอยากเสียงที่แบบว่า พวกเมทัลสมัยนี้อะครับ พวกที่เล่น Riff อุดสายเสียงดีๆอะครับ

Stalkergame
1st December 2011, 21:02
จากที่ลองดู Review ใน Youtube รู้สึกเสียงมันยังไม่แน่นพออะครับ
มันออกไปทางแตกๆ เหมือนพวกเพลงยุคเก่าๆมากกว่าอะครับ
ผมอยากเสียงที่แบบว่า พวกเมทัลสมัยนี้อะครับ พวกที่เล่น Riff อุดสายเสียงดีๆอะครับ

ถ้าอยากได้เสียงแน่นๆโหดๆ แนะนำให้ซื้อเอ็ฟเฟคก้อนดีกว่าครับ ยังไงมันก็ดีกว่าแตกตู้อยู่แล้วครับ
อีกอย่างมันใช้งานเล่นสดได้ด้วย ผมแนะนำBoss Power Stackเลย

SoNy009
1st December 2011, 22:00
ถ้าอยากได้เสียงแน่นๆโหดๆ แนะนำให้ซื้อเอ็ฟเฟคก้อนดีกว่าครับ ยังไงมันก็ดีกว่าแตกตู้อยู่แล้วครับ
อีกอย่างมันใช้งานเล่นสดได้ด้วย ผมแนะนำBoss Power Stackเลย

อ่าสำหรับเอฟเฟคก้อนผมเล็ง Biyang Metal-End ผมว่าซาวด์****โหดดี

http://www.youtube.com/watch?v=lZuOOO59H-8

ถ้าผมมีเงินคงไม่ต้องมาเรื่องมาก 5555

GrimReaper
1st December 2011, 22:50
Harmonics ของผมยังฝึกไม่ชำนาญเลย T^T เครียด มีไครแนะนำบ้าง