PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : เจงกิสข่าน ยอดวีรบุรุษแห่งมองโกล



pone123
24th November 2011, 11:24
http://image.ohozaa.com/i/2ad/62aEG.jpeg (http://image.ohozaa.com/view/5fbrc)

เจงกิสข่าน หรือชื่อเดิม เตมูจิน เกิดปี ค.ศ. 1162 ในครอบครัวของขุนศึกคนนึงในภาคกลางของมองโกเลีย ริมแม่น้ำรูเลน เมื่อครั้งที่เขาอายุ9ปี คนของเผ่าศัตรูได้ฆ่าพ่อของเขา ทำให้ครอบครัวของเขาต้องลี้ภัยหนี ครอบครัวของเขาต้องเจอกับอากาศหนาวอันโหดร้าย และยังมาเจอการปล้นค่ายของอีกเผ่า ทำให้เตมูจินโดนจับตัว แต่เขาก็หนีรอดกลับมาได้
เตมูจิน เป็นนักรบที่เก่งกาจ ดุดัน โหดร้ายเมื่ออายุได้เพียงสิบกว่าๆเท่านั้น อายุไม่ถึง20ก็เริ่มทำให้ก๊กต่างๆในมองโกลร่วมมือกันด้วยวิธีการทูต แต่ ความพยายามมาสำเร็จตอนที่ บอร์เท ภรรยาของเขาโดนลักพาตัว เขาจึงขอความช่วยเหลือจากพันธมิตร

ค.ศ.1206 เตมูจินสามารุถทำให้มองโกลรวมเป็นหนึ่ง และได้ฉายาว่า "เจงกิสข่าน"
หลังจากนั้น การยึดครองโลกก็เริ่มต้นขึ้น มองโกลเริ่มปฏิบัติการทางทหาร ต่อมณทลชีเชีย ซึ่งเป็นดินแดนส่วนตะวันตกเฉียบเหนือของจีน และของธิเบตเป็นบางส่วน การรบดำเนินไปถึงปี ค.ศ.1210 เจ้าแคว้นยอมแพ้ การรบของกองทัพเจงกิสข่าน สามารถทำให้จีนทั้งหมดพ่ายแพ่ และยึดรวมไปถึงบริเวณเกาหลีในปัจจุบัน
เขาส่งทูตไปทางตะวันตก ของชาวเติร์ก แต่ทูตโดนสังหารทั้งหมด เขาเลยตัดสินใจยึดภูมิภาคซึ่งในปัจจุบันคือ อิรัก อีหร่าน
และภาคตะวันตกของเตอร์กิสสถาน ตามด้วยภาคเหนือของปากิสสถานและอินเดียว ก่อนขึ้นมาทักทายรัสเซีย และบุกยึดดินแดนตั้งแต่ อ่าวเปอร์เซียยันมหาสมุทรอาร์คติก
แต่มนุษย์ย่อมมีวันดับ แม้จะเป็นยอดขุนศึกอย่างเขา เขาเสียชีวิตในช่วง ปีค.ศ.1226

แต่จะว่าไป นักรบผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ก็ไม่ใช่คนดีซะทีเดียว
เขาตีเมืองซามาร์คาน จนแตกพ่ายในเวลาไม่นาน
ซามาร์คาน เป็นมหานครของจักรพรรดิ์ ชาห์ มูฮัมหมัด แห่งจักรวรรดิ "ควาริตซึ่ม"

เหตุที่เรียกว่าเป็นมหานคร เพราะ มีพลเมืองถึง2แสนคน และจักรวรรดิควาริตซึ่ม เรียกว่ามหาจักรวรรดิเพราะ เนื้อที่กินประเทศใหญ่ๆ ร่วม10ประเทศ ทั้งอัฟกานิสถานและอิหร่านในปัจจุบัน พรมแดนด้านตะวันตก จนถึงทะเลสาบแคสเปียน ด้านใต้ถึงมหาสมุทรอินเดีย
มหรนครซามาร์คาน มีทหารพร้อมรบอยู่ถึง1แสน1หมื่นคน แต่เจงกิสข่านยกทัพ8หมื่นซึ่งเป็นทหารม้าซะส่วนใหญ่ตีเมืองจะแตกพ่าย .... จริงๆตรงนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ หากแต่ หลังจากยึดได้ เจงกิสข่านสั่งเผาเมือง ให้ทหารไล่ฆ่าผู้คนตายนับแสน เหลือไว้แต่ผู้มีความรู้ความสามารถ เพียง3หมื่นคน และส่งพวกเขาไปมองโกล เพื่อพัฒนาชาติของเขา

แล้วก็ ปัจจัยที่ทำให้เขาเกือบครองโลก

นักประวัติศาสตร์ทั้งหลายมีความเห็นว่า หากตีไปถึงชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกได้เมื่อไหร่....เวลานั้น เจงกิสข่านจะได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิองค์แรกและองค์เดียวที่ครองโลกได้ เพราะว่าเขายึดรัสเซียได้ค่อนประเทศ บุกถึงยุโรปกลางเตรียมยึดเกาะอังกฤษอยู่แล้ว แต่กลับเมืองเสียก่อน

กองทัพของเขาเป็นเช่นไร?
สำหรับเขา เมืองที่ยอมแพ้ เขาไม่ได้เอาแค่เครื่องราชบรรณาการทุกปีๆ แต่เขาเกณฑ์ทหารเข้ากองทัพด้วย
การตีกรุงแบกแดดในปี 1258 กองทัพของเขามีทหารจาก จอร์เจีย อาร์เมเนีย และเปอร์เซียรวมอยู่
นอกจากนั้น
กองทัพของเขาจัดรูปแบบไม่ซ้ำใคร เดินทัพไปเลี้ยงสัตว์ไป ทั้งวัว ควาย แพะ แม้กระทั้งม้าศึก

กำลังหลักของเขามีประมาณ1แสนคน แบ่งออกเป็น10 ทูเมน หรือกองพลที่มีกำลังพล1หมื่นนาย
หน่วยรบของเขาจะได้รับการฝึกอาวุธ อย่างดี จากยุทธศาสตร์หลายๆชาติ เช่น จีน อาหรับ เปอร์เซีย
ในการเรือทัพ ทูเมน ต่างๆจะจัดกระบวนทัพ เป็นแนวหน้ากระดานกว้างประมาณ50ไมล์ มีทัพหลวงตรงกลาง
ในกองทัพของเขามีม้าศึกสำรอง ไว้เปลี่ยนจำนวนมหาศาล นอกจากนั้นมีฝูงวัว แพะติดตามทุกทูเมน เพื่อใช้เป็นเสบียง
อาหารหลักของชาวมองโกลคือ นม และยังใช้เนื้อเป็นอาหารได้
การเคลื่อนทัพได้เวลาปกติ ได้ความเร็วต่ำมาก ประมาณ5ไมล์ต่อวัน จะมีการหยุดพักวันละ4ครั้ง เพื่อรีดนมสัตว์
แต่เมื่อจะเข้าโจมตี ทั้งสิบทูเมนจะรวมตัวเข้ากับทัพหลวงและพุ่งไปอย่างสายฟ้าแลบ
นี่คือกองทัพไร้พ่าย ที่ตีญี่ปุ่น บุกเกาหลี ขยี้รัสเซีย เหยียบพม่า ขย้ำจีน
มีบันทึกว่า ครั้งนึง มีเจ้าเมืองคนนึงหนีเข้าไปซ่อนตัวในโบสถ์ ด้วยความคิดที่ว่า เจงกิสข่านจะไม่ทำร้าย แต่ตรงข้าม เขาเผาโบสถ์อย่างไม่ใยดี และกล่าววาจาอมตะ ว่า"ข้าไม่ได้ลบหลู่พระเจ้า แต่คนถ่อยทำให้โบสถ์มัวหมอง จึงทำลาย"
ผู้คน ชาวบ้านชาวเมือง หรือแม้แต่เจ้าเมือง ทหาร หากรู้ข่าวว่ากองทัพของเขาบุกมา จะกลัวกันหัวหด ชาวคริสถึงกับบอกว่า "เขาคือซาตานกลับชาติมาเกิด"

หากแต่ ต่อให้เป็นคนชั่วช้าแค่ไหน ก็ยังมีความดี เจงกิสข่านก็เช่นกัน เขาไม่กดขี่ศาสนาอื่นๆ แม้มองโกลจะมีลัทธิเต็งกรี* เป็นศาสนาประจำชาติ เขาก็ยังให้ผู้คนนับถือได้ทุกศาสนา
แต่เหนือสิ่งอื่นใด
การที่เขาฆ่าคนเยี่ยงผักปลา เผาโบราณสถาน โบราณวัตถุที่มีค่ามหาศาล จนได้ฉายาว่าเทพสงคราม แต่คนหลายคนมองเขาเป็น
"ขุนศึกที่กระหายสงครามที่ยิ่งใหญ่ในโลก"เลยก็ว่าได้

ที่มา http://ftxxchan.exteen.com/20060702/by-fortex

communism
24th November 2011, 11:31
ยิ่งใหญ่มากครับ เคยตีกับไทยแต่บุกมาเล็กน้อยเพราะช่วงนั้นกองทัพมองโกลก็เริ่มถอยๆกันแล้วจากตะวันออกกลาง แล้วยึดลาวไปด้วย น่ากลัวมาก

ทหารของเขาก็รู้ดีกันอยู่ ว่าเก่งธนูกับม้า สมัยก่อนใครยิงธนูบนหลังม้าได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้วครับ

น่ากลัวมาก

ปล.เคยดูจากสารคดีเรื่องหนึ่ง แต่นานมากแล้ว

EvilSoul
24th November 2011, 11:35
"เจง เจง เจงกิสข่าน รุกไปที่ไหนใครอย่าขวาง รีบเปิดทางรับขุนพลเจง เจง เจงกิสข่าน..."

zipponeon
24th November 2011, 11:48
ยอดคนจริงๆ ครับ :clap

Dinamo3
25th November 2011, 00:18
กระทู้ดี มีสาระ +1 ไป

folk20310
25th November 2011, 00:33
รู้สึกจะเห็นได้บ่อยๆ เอามากๆเลยครับเรื่องราวของ ท่านเจง ....

จริงๆแล้ว... ไม่ใช่ท่านเจงหรอกครับที่ทำการยึดได้หมดจริงๆ ต้องขอบใจทาง ออตโตมันด้วยครับผม.... เพราะในสมัยนั้นการอยู่เป็นหัวเมืองนั้นเยอะเอามากๆ และออตโตมันก็ขึ้นชื่อในเรื่องตีกำแพงคนอื่น + กลับกองทัพสุดโหดมาทางตะวันออกอีก
แถวๆ ตะวันออกกลางเลยต้องยอมให้ ทั้ง 2 พวกนี้ด้วยล่ะครับ แต่ก็นับถือว่าเป็นนักรบจริงๆ เพราะที่ดูๆประวัติมาไม่ชอบพักสักเท่าไหร่ และก็เป็นคนพูดให้กำลังใจได้ดี.... ทำให้การบุกนั้นง่ายไปอีกด้วย... :)
* เคยลือกันว่าถ้า ออตโตมัน + มองโกลในสมัยนั้นได้ ซีกโลก เอเชียทั้งหมดจะถูกผนึกอย่างแน่นอน (ดีที่ไม่เกิด ไม่งั้นเราคงไปตีมนุษย์ต่างดาวเป็นเผ่าพันธ์กระหายสงครามเป็นแล้ว อิอิ.... ล้อเล่นครับ)

pza00007
25th November 2011, 02:19
เก่งจริงๆครับ ยึดได้เยอะมาก

ประเทศทางยุโรปกลัวกันมากเลย ^ ^

Cedric-[Th]
25th November 2011, 08:22
ขอบคุณสำหรับความ รู้ครับ

ปล.เคยดูในสาระคดีเหมือนกันบอกได้คำเดียว เทพ !!

RES_PAUL
25th November 2011, 08:24
สมัยก่อนคนยุโรปเขาเรียกทัพม้าเจงกิสข่านว่า "กองทัพนรก" ไปที่ไหนก็มีแต่เถ้าด่านอะไรประมาณนี้ =w= แสดงว่ากลัวกันมาก

Zerogenz
25th November 2011, 10:41
นี่สิ กษัตริย์ยอดนักรบ ไม่แพ้ อเล็กซานเดอมหาราช
ไม่แน่อาจเก่งกว่าด้วยซ้ำ เพราะยึดครองประเทศได้เยอะกว่า ท่าน อเล็กซานเดอมหาราช

folk20310
25th November 2011, 11:29
นี่สิ กษัตริย์ยอดนักรบ ไม่แพ้ อเล็กซานเดอมหาราช
ไม่แน่อาจเก่งกว่าด้วยซ้ำ เพราะยึดครองประเทศได้เยอะกว่า ท่าน อเล็กซานเดอมหาราช

จริงๆแล้ว พอกันน่ะครับผมว่า..........

- ในสมัยมองโกลหรือสมัยเจงกิสนั่นเมืองยังไม่แข็งแรงเท่าไรนักอีกทั้งยังกระจายๆกันเป็นแบบหัวเมือง เช่นชาติหนึ่งก็จะมีแค่เมืองหน้าด่านแต่ข้างในป้องกันน้อยกว่า
เท่ากับตีข้างนอกได้ก็เข้ามาข้างในด้านใดด้านหนึ่งได้แล้วครับ

- ในยุคกรีกเรืองอำนาจ หรือเขาเรียกกันว่ายุคอเล็กซานนั่นล่ะครับ กรีกก็เป็นพวกหนึ่งที่วางแผนได้เยี่ยมครับผม กองกำลังไม่ได้เยอะเท่ามองโกลก็จริงแต่มีแผนการโจมตีที่เยี่ยม
และใช้ภูมิศาสตร์ให้เข้ากับสงครามได้ดี... ..

** - สรุป ทั้ง 2 ท่านนี้เก่งทั้งคู่ล่ะครับ
- อเล็กซานผมก็นับถือที่เขาบุกแบบมีการวางแผนได้ยอดเยี่ยมและการจัดการที่ดี คุณคิดดูกรีกเป็นเมืองอยู่บนยอดเขาการจะสร้างหรือการวางแผนจะยากมากๆ
แต่ก็สามารถคุมทั้งเมืองหุบเขาแถวๆ เมดิไปหมดจนมาจรดกับ ปากีสถานปัจจุบันได้...
- เจงกิสข่าน ก็บุกแบบรุกอย่างเดี่ยวและการบุกโดยรุกแบบไม่วางแผนก็ทำได้ยากในสมัยนี้ๆ และสมัยก่อนด้วย ทั้งนี้ยังครองเมืองข้ามทะเลทรายอันยากลำบากมาได้อีกด้วย....

(ยาวเลย 555+)

offboy2232
16th March 2012, 18:32
ใครเล่นเกมส์ Medieval 2: Total War จะรู้ดีครับ มองโกลบุกมาทีแทบกระอัก

opal160
16th March 2012, 18:45
ถ้าอายุคนเราสัก300ปี พี่แกคงครองโลกเลยมั้งนั่น ขนาดรัสเซีบยังยอมส่งบรรณาการ

Boomsk
16th March 2012, 20:17
ยิ่งใหญ่มากครับ เคยตีกับไทยแต่บุกมาเล็กน้อยเพราะช่วงนั้นกองทัพมองโกลก็เริ่มถอยๆกันแล้วจากตะวันออกกลาง แล้วยึดลาวไปด้วย น่ากลัวมาก

ทหารของเขาก็รู้ดีกันอยู่ ว่าเก่งธนูกับม้า สมัยก่อนใครยิงธนูบนหลังม้าได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้วครับ

น่ากลัวมาก

ปล.เคยดูจากสารคดีเรื่องหนึ่ง แต่นานมากแล้ว

ไม่ได้บุกลาวหรอกครับ บุกพม่า แต่ลาวกับไทย หรือแถบนี้ต่างส่งบรรณาการให้ เพราะตอนหลัง เจงกิสข่านต้องการเป็นอมตะ เพื่อสานฝันตัวเองให้สำเร็จ และได้ไปเชิญ นักบวช (ไม่แน่ใจ นักบวชละกันของจีน)
เรียกมาถามวิธีจะเป็นอมตะ นักบวชคนนั้นก็บอกว่า อย่ามีเซ็กส์บ่อย และอย่าฆ่าคน ทำให้เจงกิสข่านมาใช้การฑูตแทน ก่อนจะเข้าตีเมืองใด ๆ ก็ตาม

ตามบทความดังกล่าวอะครับ ควาริสซึ่มนี่่ เจงกิสข่านก็ตั้งใจจะค้าขายด้วยเฉย ๆ นะครับถ้าจำไม่ผิด แล้วทีนี้กษัตริย์องค์นั้นเค้าลองของ เผาหนวด และตัดหัวฑูตที่ไป (การตัดหนวดถือว่าเป็นการตัดทางไปสวรรค์)
เมื่อเจงกิสข่านได้ข่าว ก็เลยสั่งกรีฑาทัพครั้งใหญ่ที่สุด ถล่มทุกเมือง และสั่งให้รุกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีใครมาหยุดได้ และครั้งนั้นก็ไม่มีใครมาหยุดได้เลย แต่เจงกิสข่านตายซะก่อน เลยต้องถอนทัพกลับคาราโคลัม

ToshirO
16th March 2012, 20:33
ว่ากันว่า เจงกิสข่านสังหารคนด้วยมือตัวเองไปร้อยกว่าล้านคน เคยดูเกมส์ทศกัณฐ์อะน่ะ
มันมีสองตัวเลือก ระหว่าง ฮิตเลอร์ กับ เจงกิสข่าน
โคตรเว่อฆ่าด้วยมือตัวเองไปร้อยล้านคน WTF!!

imnambarn
16th March 2012, 21:48
ใครเล่นเกมส์ Medieval 2: Total War จะรู้ดีครับ มองโกลบุกมาทีแทบกระอักบุกมาที ทหารม้าบานเลย 55

nyu999
16th March 2012, 22:04
เคยอ่านมาว่าเหตุที่กองทัพของเจงกิสข่านชนะศึกได้แบบนับไม่ถ้วนเพราะ "ธนู" คับ เค้าบอกว่าลูกธนูของกองทัพนี้จะผลิตขึ้นเป็นพิเศษ และสามารถยิงทะลุเสื้อเกราะของนักรบที่ทำมาจากเหล็กได้

offboy2232
16th March 2012, 22:37
บุกมาที ทหารม้าบานเลย 55
มาพร้อมกับฝนธนู
ปล.มีคนเล่นเป็นเพื่อนด้วย

VKneverdie
16th March 2012, 22:51
เคยอ่านมาว่าเหตุที่กองทัพของเจงกิสข่านชนะศึกได้แบบนับไม่ถ้วนเพราะ "ธนู" คับ เค้าบอกว่าลูกธนูของกองทัพนี้จะผลิตขึ้นเป็นพิเศษ และสามารถยิงทะลุเสื้อเกราะของนักรบที่ทำมาจากเหล็กได้

ใช่เลย อันนี้เพิ่มให้ละกันเผื่อใครอยากอ่านเพิ่มเติม ~

กลยุทธนักรบมองโกล

กองทัพมองโกลมีกองทหารม้าเป็นขุมกำลังหลักจึงทำให้มีการเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการรบของกองทัพมองโกลจึงต้องอาศัยความรวดเร็วและระเบียบวินัยเป็นหลัก

สิ่งหนึ่งที่ทหารม้ามองโกลทุกนายจะขาดมิได้ก็คือธนู โดยทหารม้าหนึ่งนายจะต้องพกลูกธนู ๖๐ ดอกเป็นอัตราหลัก โดยแบ่งเป็นลูกดอกธนูสำหรับเจาะเกราะ ๓๐ ดอก และลูกดอกธนูชนิดทั่วไป ๓๐ ดอก
ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่ามันจะใช้ยังไง ในเมื่อมีตั้ง ๖๐ ดอก แถมยังแบ่งประเภทการใช้อีกต่างหาก
ในความเป็นจริงแล้วดูได้ง่ายมากๆ เพราะว่าซองธนูมองโกลนั้นมี ๒ ช่องยังไงล่ะ โดยจะใช้ต่างวาระกัน หากข้าศึกสวมเกราะหนักบุกเข้ามาก็ใช่ธนูเจาะเกราะ หากเป็นศัตรูทั่วไปก็ใช้ธนูธรรมดาจัดการ
กลศึกของกองทัพมองโกลนั้นเป็นที่เลื่องลือมาก กลยุทธของพวกมองโกลคือ "ตูลักกา" นั่นก็คือส่งกองทหารม้าเบาขึ้นไปเป็นอันดับแรกเพื่อระดมยิงข้าศึกอย่างหนัก และเมื่อข้าศึกมีท่าทีติดตามมาก็ให้แสร้งถอยพลางระดมยิงอยู่เช่นนั้น

ด้านกองทหารม้าหนักและพลทหารราบก็จะขยายแนวรบออกเป็นรูปเกือกม้าเพื่อปิดล้อมทุกๆด้านพร้อมกับระดมยิงโถมใส่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อสามารถครอบคลุมแนวรบไว้ได้แล้วจึงเป็นหน้าที่ของทหารม้าหนักและกองทหารราบเข้าประจัญบานทันที

เมื่อการรบดำเนินไปชั่วครู่แล้ว กองทัพมองโกลจะแสร้งเปิดช่องทางให้ข้าศึกได้หลบหนีไปแต่โดยง่าย เมื่อข้าศึกได้ทีถอยหนีออกไปในทางนั้นแล้ว กองทหารม้าจะจัดกระบวนแถวเป็นหน้ากระดานออกไล่ล่าข้าศึกต่อไปเหมือนกับการไล่ล่าสัตว์ที่พวกเขาปฏิบัติเป็นธรรมเนียมประเพณี

นักรบมองโกลยังมีประเพณีที่น่าสะพรึงกลัวและน่าสะอิดสะเอียนอีกประการหนึ่งก็คือหากมีชัยเหนือศัตรูแล้ว นักรบมองโกลจะควักหัวใจและตับของข้าศึกออกมากินเพื่อจะได้เป็นการเสริมพลังให้กับตนเองด้วย โหด ค๊อต ๆ ~

Boomsk
16th March 2012, 22:54
เคยอ่านมาว่าเหตุที่กองทัพของเจงกิสข่านชนะศึกได้แบบนับไม่ถ้วนเพราะ "ธนู" คับ เค้าบอกว่าลูกธนูของกองทัพนี้จะผลิตขึ้นเป็นพิเศษ และสามารถยิงทะลุเสื้อเกราะของนักรบที่ทำมาจากเหล็กได้

คันธนูทำมาจากกระดูกสัตว์ หรือไม้ต่าง ๆ ครับ ระยะยิงถึง 500 เมตร (ครึ่งกิโล) ทำให้ได้เปรียบมากเวลารบในที่ราบ แต่หากในการบุกเมืองจะเน้นไปทางล้อมเมืองไว้ให้ขาดเสบียง แต่หลังจากบุกจีนได้แล้ว กองทัพมองโกลได้พัฒนาขึ้นมากครับ
เพราะได้เอาคนเก่งจากจีนไปที่ คาราโคลัม (เมืองหลวงมองโกลสมัยนั้น) ทำให้มีอาวุธทันสมัย และต่อเนื่องไปยังราชวงศ์หยวน กุบไลข่านผู้เป็นพระราชนัดดาในจักรพรรดิเจงกิสข่าน ได้สานฝันต่อจากเจงกิสข่าน โดยการขยายดินแดนเพิ่มขึ้นไปอีกมากมาย แต่ด้วยการย้ายเมืองหลวงมาที่จีน ทำให้คนเก่าคนแก่ที่เคยรับใช้เจงกิสข่าน ไม่พอใจนัก

พอก่อนละกัน เหนื่อย

edit

ส่วนเรื่องการขี่ม้ายิงธนูนั้น เด็กมองโกลถูกหัดตั้งแต่เล็ก และสภาพแวดล้อมก็เป็นที่ราบทำให้การขี่ม้าล่าสัตว์ หรือยิงธนูไม่ใช่เรื่องยากเลย สำหรับชาวมองโกล

moo119955
16th March 2012, 23:12
โหดมากมาย ครับ เจงกิสข่าน

bonusz
16th March 2012, 23:16
โว้ว! กระทู้ดีมีสาระ เอาไป+1เลยซัพ!

ชอบจริงๆเลยประวัติศาสตร์เนี่ย:pleasantry

kodeem
17th March 2012, 08:48
ได้ความรู้ตอนเช้าๆเลย ขอบคุณครับ :thank

ปล ผมไม่ได้เป็นเกย์ :sweat

TAMeAngeL
17th March 2012, 14:20
นายน่าจะครองโลกไปเลย