kingcesar
30th November 2011, 20:04
สวัสดี ชาว JKG ทุกท่าน หลายๆคน อาจจะยังไม่ทราบข่าวนี้
แต่ทางประชาธิปัตย์ได้ออกมาให้ข่าวแล้วครับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโพสต์หน้าเฟสบุ๊คของตัวเองว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีนโยบายที่จะปิดเว็ปไซต์ Facebook และ Youtube ตามที่มัลลิกา บุญมีตระกูล
เคยให้ข่าวไว้เมื่อราวๆสัปดาห์ที่ผ่านมา
อภิสิทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ยันพรรคไม่มีนโยบายปิดโซเชียลเน็ตเวิร์ก ศิริโชค เดินหน้ารณรงค์เผยแพร่พระราชกรณียกิจในหลวง, เปิดแฟนเพจแจ้งเบาะแสกดดันไอซีที, เน้นขออำนาจศาลฟันเว็บผิดจะแจ้ง, แจ้งเจ้าของเว็บต่างชาติลบคลิปหมิ่น, จี้รัฐจริงใจแก้ปัญหา และเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้ง
วันนี้ (29 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัว abhisit Vejjajiva มีข้อความว่า ผมยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีนโยบายที่จะปิดเฟซบุ๊ก หรือยูทูป ครับ
ด้าน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ในกรณีดูแลเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า ยึดหลักเสรีภาพสากล ไม่ปิดกั้น หรือคุกคามสื่อออนไลน์ และพรรคไม่มีนโยบายปิดเว็บไซต์เฟซบุ๊กหรือ เว็บไซต์ยูทูป โดยมีแนวทางในการดำเนินการ 6 ข้อ ดังนี้ 1.การดำเนินการของพรรคจะทำทั้งรณรงค์ เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านเครือข่ายออนไลน์ ให้ประชาชนร่วมกันสร้างความเข้มแข็งไม่ให้สถาบันถูกทำให้อ่อนแอ ถือเป็นการทำลายความมืดด้วยการให้แสงสว่างแห่งความจริงที่พระมหากษัตริย์ของไทย ทรงปิดทองหลังพระ และทรงงานตลอดพระชนม์ชีพเพื่อพสกนิกรไทย
2.เปิดเว็บไซต์แฟนเพจในเฟซบุ๊ก http://facebook.com/FightBadWeb ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเว็บที่กระทำการผิดกฎหมาย แจ้งข้อมูลกดดันให้ไอซีทีดำเนินการตามกฎหมาย 3. ดำเนินการโดยยึดหลักเสรีภาพสากล เพราะพรรคประชาธิปัตย์ตระหนักดีถึงความละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ ดังนั้น ในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจึงมีนโยบายชัดเจนปราบปรามเว็บไซต์ที่ทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายขออำนาจศาลในการปิดเว็บไซต์ที่กระทำความผิดอย่างชัดแจ้ง ด้วยความระมัดระวังไม่ให้ถูกไปขยายผลว่า รัฐบาลคุกคาม หรือปิดกั้นสื่อออนไลน์ เนื่องจากมีบางฝ่ายหวังใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปขยายผล ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าประเทศไทยมีกฎหมายล้าหลังที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อกระทบถึงสถาบันเบื้องสูงและใช้เป็นข้ออ้างในการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งพรรคมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาอาญามาตรานี้
4 การดำเนินการกับผู้กระทำผิด หากเป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศจะใช้วิธีการขอความร่วมมือไปยังเจ้าของเว็บไซต์ให้ลบคลิปที่ไม่เหมาะสม โดยไม่มีนโยบายปิด หรือบล็อกเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก หรือ ยูทูป เพราะเข้าใจดีถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านเว็บไซต์เหล่านั้น หากใช้วิธีปิดหรือบล็อกก็จะกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วย การจัดการเรื่องนี้จึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบหากใช้ยาแรง หรือแก้ปัญหาแบบสุดโต่งจะเกิดปัญหาอื่นตามมา ซึ่งอาจเป็นผลลบต่อสถาบันที่ประชาชนให้ความเคารพเทิดทูน สุดท้ายเป้าหมายที่ต้องการปกป้องสถาบันก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์จึงคำนึงถึงเสรีภาพตามหลักสากลมาโดยตลอด แต่จะไม่ยอมให้มีการใช้เสรีภาพมาเป็นข้ออ้างในการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดภายในประเทศ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 อย่างเคร่งครัด
5.ในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการนโยบายเพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายและหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มีการบูรณาการความร่วมมือจากกระทรวงต่างๆ ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นประธาน และมีการตั้งคณะทำงาน ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Security Operation Center เรียกสั้นๆ ว่า ISOC เป็นศูนย์ปฏิบัติการที่กระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการจัดตั้งขึ้น เพื่อติดตามเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลไม่เหมาะสม รวมทั้งประสานความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงไอซีที และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือในการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลปัจจุบันก็ยังใช้กลไกนี้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ต่างกันตรงที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับเครือข่ายกลุ่มคนที่มีทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาไม่กลั่นแกล้งใคร จึงอยากให้รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา และใช้เครื่องมือที่พรรคประชาธิปัตย์สร้างไว้มาใช้ในการปกป้องสถาบันด้วย
6.หลักการสำคัญในการปกป้องสถาบัน คือ ต้องเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง และทำความเข้าใจกับนานาชาติถึงวัฒนธรรมประเพณีของไทย ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันหลักของชาติ
http://pics.manager.co.th/Images/554000016100401.JPEG
ที่มา: สำนักพิมพ์ผู้จัดการ
ก็อยากให้หลายๆคนเข้าใจอะไรมากขึ้น และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง
**คำเตือน** : ที่สำคัญนะครับ(ขีดเส้นใต้เลยล่ะ) "No Drama" , "No Conflict"
เอาล่ะ ใครมีความคิดเห็นอย่างไร แสดงความคิดกันได้นะครับ
ถ้าทำจริง ถือเป็นการถอยหลังของประเทศไปอีก 10 ก้าวทีเดียว -*-
ผมก็คิดเช่นนั้นครับ :cool:
จะอะไรกันนักหนาครับ รัฐบาลก็ไม่ใช่
พรรคเดียวกันแท้ๆ ทำไม ไม่ชี้แจงกันในพรรคก่อนถึงประกาศ
ถ้าเป็นรัฐบาลเสนอแล้วฝ่ายค้าน ค้าน หรือ ค้านเสนอเข้า ครม. แล้วรัฐค้านก็ว่าไปอย่าง
นี่แค่พรรคเดียวกันเสนอแล้วอีกคนไม่เห็นด้วยมันก็จบแล้ว
พวกเราๆจะมาอะไรกันนักหนา
นั่นสินะครับ ผมคิดว่าเป็นความบกพร่องทางการสื่อสารภายในของเหล่ากรรมการบริหารพรรคมากกว่า
เพราะไม่ปรึกษากันให้ดี ปล่อยให้ลูกพรรคตัวเองออกมาพูดไม่มีมูลเหตุแบบนี้ได้ไง
ประมาณว่า ปรึกษากันไม่ดี อะไรพวกนี้แหละครับ
ความคิดผมนะ ตอนแรกก็คงจะทำ เพื่อเรียก เรตติ้งให้ พรรค ในช่วงที่ รัฐบาล กำลังมึนงง สับสนจากน้ำท่วม
ทำให้ ict ปล่อยปละละเลย ในการ จัดการพวกที่ไม่สมควรเกิดเป็นคนไทยเลยด้วยซ้ำ
แต่กระแสดันสวนทาง โดนยำมากกว่า เลยออกมาบอกว่า ไม่มีนโยบายบล็อคหรือปิด Facebook - Youtube
ปล.ถ้าคิดตามหลักความเป็นจริง ถ้า หัวหน้าพรรคไม่เห็นด้วยจะปล่อย ให้ออกข่าวใหญ่โตทำไม
ก็อย่างว่านั่นแหละ ถ้าตามหลักความเป็นจริง หัวหน้าพรรคไม่เห็นด้วย ข่าวจะลอดออกมาจากปากลูกพรรคได้ไง
แต่ถ้าคิดในอีกแง่นะครับ คือ ทางพรรคได้ประชุมกันเรื่องนี้แล้ว ซึ่งอาจมีการบกพร่องด้านการสื่อสาร(อย่างที่บอกแหละครับสื่อสารกันไม่ดี)ของคุณมัลลิกา ที่ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้
ทำให้เกิดการเข้าใจผิด คิดไปเอง ว่าทางพรรคจะให้นโยบายปิดเฟสบุ๊ค อะไรพวกนี้นะครับ ก็ นานาจิตตังนะครับ ต่างคนต่างความคิด :)
ความคิดเห็นส่วนตัวนะ..
ถ้าปิดเฟตจริงๆมันก็ไม่มีใครต้องตามเพราะขาดมันนิ รู้ว่ามีประโยชน์(ในบางเรื่อง)แต่เห็นๆหลายๆคอมเม้นมันเกิน(ในกระทู้อื่น)
ปล.ขอโทษสำหรับคนรักเฟตน้า..~
ก็นะ ..
ผมคิดว่าถ้าปิดจริงๆ คงมีใครหลายคนหรือเยาวชนหลายๆคน คงได้มีลงไปนอนดิ้นกับพื้นแน่ๆ เพราะสมัยนี้บางรายใจจดใจจ่อ นั่งอยู่หน้าเฟสบุ๊คได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เบื่อกันเลย
แต่ถ้าคุณมองในอีกด้านนึง ถึงปิดไป ผมคิดว่าก็คงไม่หยุดแค่นี้หรอกครับ Social Media เมืองไทย
เรายัง Twitter, Blogspot, GooglePlus, MySpace ฯลฯ ผมคิดว่า ถึงปิด Facebook ไป
ไม่นานก็คงมี Social Media ตัวใหม่ มาให้ชาวไทยได้ใช้กันอยู๋แล้วครับ เรื่องพวกนี้มันเรื่องของการตลาดแข่งขันกัน
ผู้ประกอบการหลายๆคนเขาก็อยากทำ Social Media ออกมาให้ Hot hot จะได้มีลูกค้าใช้บริการเยอะๆ
ก็แข่งกันพัฒนาตัว Social Media ของตัวเองขึ้น แล้วก็จะปล่อยออกมาในโลกไซเบอร์ เพื่อแข่งกันทำตลาด สินค้าของใคร มีผู้ใช้เยอะ ได้รับความนิยม ก็ประสบความสำเร็จกันไป
เปิดแฟนเพจแจ้งเบาะแสกดดันไอซีที, เน้นขออำนาจศาลฟันเว็บผิดจะแจ้ง, แจ้งเจ้าของเว็บต่างชาติลบคลิปหมิ่น, จี้รัฐจริงใจแก้ปัญหา และเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้ง
ขอชี้แจงเป็นข้อๆนะครับ
เปิดแฟนเพจแจ้งเบาะแสกดดันไอซีที - เห็นด้วยนะครับในเรื่องนี้ แต่ไม่อยากให้นักการเมือง หรือ พรรคการเมืองเป็นคนตั้ง เพราะว่าพวกท่านไม่ใช่หรือที่ดึงท่านลงมาเล่นมากที่สุด และผมก็ไม่ได้อยากใ้ตั้งเพื่อกดดันไอซีที เพราะความเป็นจริงเราก็ไม่รู้ว่า ICT เขาทำงานกันจริงจังมากแค่ไหน ถ้าออกมาพูดกดดันลักษณะนี้แปลว่า ICT ไม่ทำงานกันจริงจัง ซึ่งผมก็มั่นใจว่า ICT คงไม่ทำงานจริงจังกันแค่ในรัฐบาลนี้รัฐบาลเดียว รัฐบาลก่อนก้คงเหละหละเหมือนกัน คิดดูนะครับ เว็ปมีเป็นหมื่นเว็ป แต่คนทำงานมีกันแค่ไม่กี่ร้อยคน เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกกัน
เน้นขออำนาจศาลฟันเว็บผิดจะแจ้ง - อันนี้ก็เห็นด้วยครับ
แจ้งเจ้าของเว็บต่างชาติลบคลิปหมิ่น - อันนี้ผมว่าทำยาก เพราะเขาคือชาวต่างชาติ เขาคิดยังไงกับประเทศไทย คนไทย หรือแม้แต่ผู้นำของเรายังไงม่มีใครรู้นะครับ แต่ทาง ICT ก็ส่ง url ไปให้ลบเรื่อยๆนะครับ ซึ่งจะลบไม่ลบคงขึ้นอยู่กับเขา
จี้รัฐจริงใจแก้ปัญหา และเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้ง - อันนี้เป็นทุกรัฐบาลแหละครับ รัฐบาลที่แล้วก็เป็น ทำงานไปงั้นๆ
ในส่วนตัวไม่อยากให้หมายความว่า เบื้องสูงอย่างเดียว หมิ่นบุคคลก็ควรจะโดนนะครับ
ผมชอบการที่มีคนออกมาวิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองแบบนี้จัง :D
ผมก็ชอบทำเหมือนกัน เอามาแชร์ นั่งรวมหัวคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เออ youtube facebook ดูยังอยุ่เออไห้มันได้อย่างนี้สิอยากไห้คนรักก็ต้องทําดีบ้างเพิ่งจะเห็นความดีประชาธิปัตย์ ก็วันนี้ล่ะ555:o
คุณไม่สมควรพูดออกมาอย่างนี้นะครับ เพราะต่างคนต่างความคิด ใครมีแนวคิดเอนเอียงไปทางฝ่ายไหนก็ฝ่ายนั้น และต่างก็เห็นด้านบวกในฝ่ายที่ตัวเองฝักใฝ่อยู่มากกว่าด้านลบ
การที่คุณออกมาพูดอย่างนี้ อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หรือ Drama กับคนที่มีความคิดต่างกับคุณได้นะครับ
เอิ่มในความคิดผมนะครับ แทนที่จะเอาเวลามาทำเรื่องสั่งปิดหรือบล๊อค facebook youtube เอาเวลาไปกระตุ้น ICT ดีกว่านะครับ ทำงานช้า โครตๆ แจ้งปิดพวกเพจหมิ่นเบื้องสูงไปนานและ แต่ปัจจุบันเพจนั่นยังอยู่ :eek:
ใช่ครับ แต่จะว่าไป ICT ก็ทำงานช้าเกินไปจริงๆนะครับ แต่เราจะไปโทษเขาก็ไม่ได้ ก็อย่างที่คุณ gamnonoe ได้กล่าวมา
เจ้าหน้าที่ใน ICT มีอยู่ไม่กี่ 100 คน แต่เว็ปหมิ่นมีเยอะมาก แทบจะเกลื่อนเลยทีเดียว ก็ต้องให้เวลากับพวกเขาบ้าง
แต่ถ้านานเกินไปก็ไม่ดี
แต่ทางประชาธิปัตย์ได้ออกมาให้ข่าวแล้วครับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาโพสต์หน้าเฟสบุ๊คของตัวเองว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีนโยบายที่จะปิดเว็ปไซต์ Facebook และ Youtube ตามที่มัลลิกา บุญมีตระกูล
เคยให้ข่าวไว้เมื่อราวๆสัปดาห์ที่ผ่านมา
อภิสิทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ยันพรรคไม่มีนโยบายปิดโซเชียลเน็ตเวิร์ก ศิริโชค เดินหน้ารณรงค์เผยแพร่พระราชกรณียกิจในหลวง, เปิดแฟนเพจแจ้งเบาะแสกดดันไอซีที, เน้นขออำนาจศาลฟันเว็บผิดจะแจ้ง, แจ้งเจ้าของเว็บต่างชาติลบคลิปหมิ่น, จี้รัฐจริงใจแก้ปัญหา และเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้ง
วันนี้ (29 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัว abhisit Vejjajiva มีข้อความว่า ผมยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีนโยบายที่จะปิดเฟซบุ๊ก หรือยูทูป ครับ
ด้าน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ในกรณีดูแลเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า ยึดหลักเสรีภาพสากล ไม่ปิดกั้น หรือคุกคามสื่อออนไลน์ และพรรคไม่มีนโยบายปิดเว็บไซต์เฟซบุ๊กหรือ เว็บไซต์ยูทูป โดยมีแนวทางในการดำเนินการ 6 ข้อ ดังนี้ 1.การดำเนินการของพรรคจะทำทั้งรณรงค์ เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านเครือข่ายออนไลน์ ให้ประชาชนร่วมกันสร้างความเข้มแข็งไม่ให้สถาบันถูกทำให้อ่อนแอ ถือเป็นการทำลายความมืดด้วยการให้แสงสว่างแห่งความจริงที่พระมหากษัตริย์ของไทย ทรงปิดทองหลังพระ และทรงงานตลอดพระชนม์ชีพเพื่อพสกนิกรไทย
2.เปิดเว็บไซต์แฟนเพจในเฟซบุ๊ก http://facebook.com/FightBadWeb ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเว็บที่กระทำการผิดกฎหมาย แจ้งข้อมูลกดดันให้ไอซีทีดำเนินการตามกฎหมาย 3. ดำเนินการโดยยึดหลักเสรีภาพสากล เพราะพรรคประชาธิปัตย์ตระหนักดีถึงความละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ ดังนั้น ในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจึงมีนโยบายชัดเจนปราบปรามเว็บไซต์ที่ทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายขออำนาจศาลในการปิดเว็บไซต์ที่กระทำความผิดอย่างชัดแจ้ง ด้วยความระมัดระวังไม่ให้ถูกไปขยายผลว่า รัฐบาลคุกคาม หรือปิดกั้นสื่อออนไลน์ เนื่องจากมีบางฝ่ายหวังใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปขยายผล ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าประเทศไทยมีกฎหมายล้าหลังที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อกระทบถึงสถาบันเบื้องสูงและใช้เป็นข้ออ้างในการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งพรรคมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาอาญามาตรานี้
4 การดำเนินการกับผู้กระทำผิด หากเป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศจะใช้วิธีการขอความร่วมมือไปยังเจ้าของเว็บไซต์ให้ลบคลิปที่ไม่เหมาะสม โดยไม่มีนโยบายปิด หรือบล็อกเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก หรือ ยูทูป เพราะเข้าใจดีถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านเว็บไซต์เหล่านั้น หากใช้วิธีปิดหรือบล็อกก็จะกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วย การจัดการเรื่องนี้จึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบหากใช้ยาแรง หรือแก้ปัญหาแบบสุดโต่งจะเกิดปัญหาอื่นตามมา ซึ่งอาจเป็นผลลบต่อสถาบันที่ประชาชนให้ความเคารพเทิดทูน สุดท้ายเป้าหมายที่ต้องการปกป้องสถาบันก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์จึงคำนึงถึงเสรีภาพตามหลักสากลมาโดยตลอด แต่จะไม่ยอมให้มีการใช้เสรีภาพมาเป็นข้ออ้างในการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดภายในประเทศ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 อย่างเคร่งครัด
5.ในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการนโยบายเพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายและหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มีการบูรณาการความร่วมมือจากกระทรวงต่างๆ ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นประธาน และมีการตั้งคณะทำงาน ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Security Operation Center เรียกสั้นๆ ว่า ISOC เป็นศูนย์ปฏิบัติการที่กระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการจัดตั้งขึ้น เพื่อติดตามเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลไม่เหมาะสม รวมทั้งประสานความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงไอซีที และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือในการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลปัจจุบันก็ยังใช้กลไกนี้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ต่างกันตรงที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับเครือข่ายกลุ่มคนที่มีทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาไม่กลั่นแกล้งใคร จึงอยากให้รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา และใช้เครื่องมือที่พรรคประชาธิปัตย์สร้างไว้มาใช้ในการปกป้องสถาบันด้วย
6.หลักการสำคัญในการปกป้องสถาบัน คือ ต้องเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง และทำความเข้าใจกับนานาชาติถึงวัฒนธรรมประเพณีของไทย ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันหลักของชาติ
http://pics.manager.co.th/Images/554000016100401.JPEG
ที่มา: สำนักพิมพ์ผู้จัดการ
ก็อยากให้หลายๆคนเข้าใจอะไรมากขึ้น และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง
**คำเตือน** : ที่สำคัญนะครับ(ขีดเส้นใต้เลยล่ะ) "No Drama" , "No Conflict"
เอาล่ะ ใครมีความคิดเห็นอย่างไร แสดงความคิดกันได้นะครับ
ถ้าทำจริง ถือเป็นการถอยหลังของประเทศไปอีก 10 ก้าวทีเดียว -*-
ผมก็คิดเช่นนั้นครับ :cool:
จะอะไรกันนักหนาครับ รัฐบาลก็ไม่ใช่
พรรคเดียวกันแท้ๆ ทำไม ไม่ชี้แจงกันในพรรคก่อนถึงประกาศ
ถ้าเป็นรัฐบาลเสนอแล้วฝ่ายค้าน ค้าน หรือ ค้านเสนอเข้า ครม. แล้วรัฐค้านก็ว่าไปอย่าง
นี่แค่พรรคเดียวกันเสนอแล้วอีกคนไม่เห็นด้วยมันก็จบแล้ว
พวกเราๆจะมาอะไรกันนักหนา
นั่นสินะครับ ผมคิดว่าเป็นความบกพร่องทางการสื่อสารภายในของเหล่ากรรมการบริหารพรรคมากกว่า
เพราะไม่ปรึกษากันให้ดี ปล่อยให้ลูกพรรคตัวเองออกมาพูดไม่มีมูลเหตุแบบนี้ได้ไง
ประมาณว่า ปรึกษากันไม่ดี อะไรพวกนี้แหละครับ
ความคิดผมนะ ตอนแรกก็คงจะทำ เพื่อเรียก เรตติ้งให้ พรรค ในช่วงที่ รัฐบาล กำลังมึนงง สับสนจากน้ำท่วม
ทำให้ ict ปล่อยปละละเลย ในการ จัดการพวกที่ไม่สมควรเกิดเป็นคนไทยเลยด้วยซ้ำ
แต่กระแสดันสวนทาง โดนยำมากกว่า เลยออกมาบอกว่า ไม่มีนโยบายบล็อคหรือปิด Facebook - Youtube
ปล.ถ้าคิดตามหลักความเป็นจริง ถ้า หัวหน้าพรรคไม่เห็นด้วยจะปล่อย ให้ออกข่าวใหญ่โตทำไม
ก็อย่างว่านั่นแหละ ถ้าตามหลักความเป็นจริง หัวหน้าพรรคไม่เห็นด้วย ข่าวจะลอดออกมาจากปากลูกพรรคได้ไง
แต่ถ้าคิดในอีกแง่นะครับ คือ ทางพรรคได้ประชุมกันเรื่องนี้แล้ว ซึ่งอาจมีการบกพร่องด้านการสื่อสาร(อย่างที่บอกแหละครับสื่อสารกันไม่ดี)ของคุณมัลลิกา ที่ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้
ทำให้เกิดการเข้าใจผิด คิดไปเอง ว่าทางพรรคจะให้นโยบายปิดเฟสบุ๊ค อะไรพวกนี้นะครับ ก็ นานาจิตตังนะครับ ต่างคนต่างความคิด :)
ความคิดเห็นส่วนตัวนะ..
ถ้าปิดเฟตจริงๆมันก็ไม่มีใครต้องตามเพราะขาดมันนิ รู้ว่ามีประโยชน์(ในบางเรื่อง)แต่เห็นๆหลายๆคอมเม้นมันเกิน(ในกระทู้อื่น)
ปล.ขอโทษสำหรับคนรักเฟตน้า..~
ก็นะ ..
ผมคิดว่าถ้าปิดจริงๆ คงมีใครหลายคนหรือเยาวชนหลายๆคน คงได้มีลงไปนอนดิ้นกับพื้นแน่ๆ เพราะสมัยนี้บางรายใจจดใจจ่อ นั่งอยู่หน้าเฟสบุ๊คได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เบื่อกันเลย
แต่ถ้าคุณมองในอีกด้านนึง ถึงปิดไป ผมคิดว่าก็คงไม่หยุดแค่นี้หรอกครับ Social Media เมืองไทย
เรายัง Twitter, Blogspot, GooglePlus, MySpace ฯลฯ ผมคิดว่า ถึงปิด Facebook ไป
ไม่นานก็คงมี Social Media ตัวใหม่ มาให้ชาวไทยได้ใช้กันอยู๋แล้วครับ เรื่องพวกนี้มันเรื่องของการตลาดแข่งขันกัน
ผู้ประกอบการหลายๆคนเขาก็อยากทำ Social Media ออกมาให้ Hot hot จะได้มีลูกค้าใช้บริการเยอะๆ
ก็แข่งกันพัฒนาตัว Social Media ของตัวเองขึ้น แล้วก็จะปล่อยออกมาในโลกไซเบอร์ เพื่อแข่งกันทำตลาด สินค้าของใคร มีผู้ใช้เยอะ ได้รับความนิยม ก็ประสบความสำเร็จกันไป
เปิดแฟนเพจแจ้งเบาะแสกดดันไอซีที, เน้นขออำนาจศาลฟันเว็บผิดจะแจ้ง, แจ้งเจ้าของเว็บต่างชาติลบคลิปหมิ่น, จี้รัฐจริงใจแก้ปัญหา และเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้ง
ขอชี้แจงเป็นข้อๆนะครับ
เปิดแฟนเพจแจ้งเบาะแสกดดันไอซีที - เห็นด้วยนะครับในเรื่องนี้ แต่ไม่อยากให้นักการเมือง หรือ พรรคการเมืองเป็นคนตั้ง เพราะว่าพวกท่านไม่ใช่หรือที่ดึงท่านลงมาเล่นมากที่สุด และผมก็ไม่ได้อยากใ้ตั้งเพื่อกดดันไอซีที เพราะความเป็นจริงเราก็ไม่รู้ว่า ICT เขาทำงานกันจริงจังมากแค่ไหน ถ้าออกมาพูดกดดันลักษณะนี้แปลว่า ICT ไม่ทำงานกันจริงจัง ซึ่งผมก็มั่นใจว่า ICT คงไม่ทำงานจริงจังกันแค่ในรัฐบาลนี้รัฐบาลเดียว รัฐบาลก่อนก้คงเหละหละเหมือนกัน คิดดูนะครับ เว็ปมีเป็นหมื่นเว็ป แต่คนทำงานมีกันแค่ไม่กี่ร้อยคน เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกกัน
เน้นขออำนาจศาลฟันเว็บผิดจะแจ้ง - อันนี้ก็เห็นด้วยครับ
แจ้งเจ้าของเว็บต่างชาติลบคลิปหมิ่น - อันนี้ผมว่าทำยาก เพราะเขาคือชาวต่างชาติ เขาคิดยังไงกับประเทศไทย คนไทย หรือแม้แต่ผู้นำของเรายังไงม่มีใครรู้นะครับ แต่ทาง ICT ก็ส่ง url ไปให้ลบเรื่อยๆนะครับ ซึ่งจะลบไม่ลบคงขึ้นอยู่กับเขา
จี้รัฐจริงใจแก้ปัญหา และเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้ง - อันนี้เป็นทุกรัฐบาลแหละครับ รัฐบาลที่แล้วก็เป็น ทำงานไปงั้นๆ
ในส่วนตัวไม่อยากให้หมายความว่า เบื้องสูงอย่างเดียว หมิ่นบุคคลก็ควรจะโดนนะครับ
ผมชอบการที่มีคนออกมาวิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองแบบนี้จัง :D
ผมก็ชอบทำเหมือนกัน เอามาแชร์ นั่งรวมหัวคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เออ youtube facebook ดูยังอยุ่เออไห้มันได้อย่างนี้สิอยากไห้คนรักก็ต้องทําดีบ้างเพิ่งจะเห็นความดีประชาธิปัตย์ ก็วันนี้ล่ะ555:o
คุณไม่สมควรพูดออกมาอย่างนี้นะครับ เพราะต่างคนต่างความคิด ใครมีแนวคิดเอนเอียงไปทางฝ่ายไหนก็ฝ่ายนั้น และต่างก็เห็นด้านบวกในฝ่ายที่ตัวเองฝักใฝ่อยู่มากกว่าด้านลบ
การที่คุณออกมาพูดอย่างนี้ อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง หรือ Drama กับคนที่มีความคิดต่างกับคุณได้นะครับ
เอิ่มในความคิดผมนะครับ แทนที่จะเอาเวลามาทำเรื่องสั่งปิดหรือบล๊อค facebook youtube เอาเวลาไปกระตุ้น ICT ดีกว่านะครับ ทำงานช้า โครตๆ แจ้งปิดพวกเพจหมิ่นเบื้องสูงไปนานและ แต่ปัจจุบันเพจนั่นยังอยู่ :eek:
ใช่ครับ แต่จะว่าไป ICT ก็ทำงานช้าเกินไปจริงๆนะครับ แต่เราจะไปโทษเขาก็ไม่ได้ ก็อย่างที่คุณ gamnonoe ได้กล่าวมา
เจ้าหน้าที่ใน ICT มีอยู่ไม่กี่ 100 คน แต่เว็ปหมิ่นมีเยอะมาก แทบจะเกลื่อนเลยทีเดียว ก็ต้องให้เวลากับพวกเขาบ้าง
แต่ถ้านานเกินไปก็ไม่ดี