oodd39
2nd December 2011, 16:34
http://p.s1sf.com/ca/0/ud/186/933795/image_2011020816490204AC946A-A63C-EDD6-5262BA12A4D93A21.jpg
เด็กสาวคนหนึ่งบอกว่าเคยติดการกินสบู่จนเลิกไม่ได้และต้องกินสบู่มากถึง 5 ก้อนต่อสัปดาห์รวมทั้งกินผงซักฟอก ซึ่งอาการนี้ทางการแพทย์ถือว่าพบยากมากและคุณหมอบอกว่าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
หญิงสาวผู้นี้เป็นนักศึกษาพยาบาลชื่อ Tempestt Henderson จากรัฐ Florida, USA บอกว่าครั้งแรกที่ลิ้มลองการการกินผงซักฟอก เธอบอกว่ามันรสชาติหวานๆ เค็มๆ เป็นรสที่ถูกใจอย่างบอกไม่ถูก แบบลองปุ๊บ ติดใจปั๊บ รู้ว่าอันตรายแต่ขอกินทันทีที่ตื่นนอน
จากผงซักฟอก เธอเริ่มลองกินฟองสบู่เวลาอาบน้ำ กินจนกลายเป็นนิสัย ช่วงที่ดูดฟองสบู่เป็นอะไรที่ขึ้นสวรรค์มาก เพราะเธอบอกว่าชอบความรู้สึกสะอาดของสบู่ เวลากินสบู่รู้สึกสะอาดกว่าเอาสบู่มาอาบที่ตัวกว่ามาก
หลังจากกินสบู่ไป 6 เดือน สาวคนนี้ตัดสินใจไปพบแพทย์ คุณหมอบอกว่าเป็นโรค PICA ซึ่งเป็นโรคที่อยากสสารที่ไม่มีสารอาหาร
ผู้ป่วยโรคนี้จะกินเหล็ก เหรียญ ชอล์ก แบตเตอรี่ หรือแปรงสีฟัน หรือการอยากสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นเพราะภาวะการขาดแร่ธาตุในร่างกาย เช่นเดียวกับการที่ผู้หญิงท้องบางคนอยากกินถ่านหินเวลาต้องการธาตุเหล็ก
http://images.thaiza.com/31/31_20110211104934..jpghttp://p.s1sf.com/ca/0/ud/186/933795/image_2011020816485904AC8732-CFF3-0316-CF781205B6E5DCE9.jpg
แต่ในกรณีของ Tempestt คุณหมอเชื่อว่าเกิดจากความเครียด เพราะเธอเคยยอมรับว่าเธอเครียดมากตอนที่แฟนขอเลิกกับเธอเพื่อไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างรัฐ โดยที่แฟนอ้างว่าไม่ชอบความสัมพันธ์ระยะไกล
อาการของเธอหนักขึ้นตอนตัวเธอต้องไปเรียนต่างเมืองเช่นกัน ทำให้นอกจากไม่มีแฟนหนุ่มแล้ว ยังห่างไกลจากครอบครัว
คุณหมอแนะนำให้เธอทำลายอุปกรณ์ซักล้างทั้งหมดในบ้าน และบอกว่าการกินสสารเป็นปริมาณมากแบบนี้มีอันตรายถึงชีวิต เพราะเป็นการนำสารเป็นพิษเข้าสู่ร่างกาย เช่น ด่าง มากไปกว่านั้นยังมีสารเป็นพิษอื่นๆ อีกในสบู่ และยังเป็นการทำลายระบบเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในการย่อย + การกินสบู่มีผลต่อความสมดุลย์ของกรดในเลือด
Tempestt บอกว่าตอนนี้ที่บ้านเธอเปลี่ยนเป็นจากใช้ผงซักฟอกเป็นน้ำยาซักผ้าแทนเพื่อป้องกันการกิน และยอมรับว่าเพราะความเครียดเธอจึงหันเข้าหาสบู่ จึงเป็นสาเหตุของโรงดังกล่าว โดยเธอบอกว่าตอนเด็กๆ เป็นคนชอบกลิ่นผงซักฟอกอยู่แล้ว ชอบยี่ห้อผงซักฟอกที่แม่ของเธอใช้ และกลิ่นติดเสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอน
เพื่อรักษาอาการของโรค คุณหมอได้ให้เธอใช้วิธีบำบัดที่เรียกว่า CBT เป็นการบำบัดเกี่ยวกับพฤติกรรมและกระบวนการคิดในสมองในทางบวก เพื่อให้มาแทนที่ความคิดตามใจของเธอที่ต้องการสบู่
นอกจากนี้วิธีแก้อื่นๆ เช่น การเดินเล่นในระยะทางไกล หรือการหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีสบู่อยู่ เช่น ห้องน้ำ หรือร้านซักผ้า
เธอเล่าเพิ่มว่าทันทีที่คุณแม่เธอรู้ข่าว ถึงขนาดบอกให้เลิกเรียนและกลับมาอยู่บ้าน ซึ่ง Tempestt บอกว่าเป็นความคิดที่ดี เพราะถ้าอยู่มหาลัยคนเดียวต่อไป คงห้ามใจตัวเองไม่ให้กินสบู่ไม่ไหวแน่
ปัจจุบัน สาว Tempestt เลิกกินสบู่แล้วตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่การฟื้นตัวจากโรคนี้อย่างจริงจังยังต้องใช้เวลาอีกนาน และเธอหวังว่าจะไม่กลับไปกินสบู่อีก แถมยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วแม่ของเธอคงโล่งใจในระดับหนึ่งที่เธอไม่ได้ไปติดยา แต่ติดสบู่แทน
ข่าวจาก dailymail
แปลและเรียบเรียงโดย ทิพากร ศุภลักษณ์
เด็กสาวคนหนึ่งบอกว่าเคยติดการกินสบู่จนเลิกไม่ได้และต้องกินสบู่มากถึง 5 ก้อนต่อสัปดาห์รวมทั้งกินผงซักฟอก ซึ่งอาการนี้ทางการแพทย์ถือว่าพบยากมากและคุณหมอบอกว่าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
หญิงสาวผู้นี้เป็นนักศึกษาพยาบาลชื่อ Tempestt Henderson จากรัฐ Florida, USA บอกว่าครั้งแรกที่ลิ้มลองการการกินผงซักฟอก เธอบอกว่ามันรสชาติหวานๆ เค็มๆ เป็นรสที่ถูกใจอย่างบอกไม่ถูก แบบลองปุ๊บ ติดใจปั๊บ รู้ว่าอันตรายแต่ขอกินทันทีที่ตื่นนอน
จากผงซักฟอก เธอเริ่มลองกินฟองสบู่เวลาอาบน้ำ กินจนกลายเป็นนิสัย ช่วงที่ดูดฟองสบู่เป็นอะไรที่ขึ้นสวรรค์มาก เพราะเธอบอกว่าชอบความรู้สึกสะอาดของสบู่ เวลากินสบู่รู้สึกสะอาดกว่าเอาสบู่มาอาบที่ตัวกว่ามาก
หลังจากกินสบู่ไป 6 เดือน สาวคนนี้ตัดสินใจไปพบแพทย์ คุณหมอบอกว่าเป็นโรค PICA ซึ่งเป็นโรคที่อยากสสารที่ไม่มีสารอาหาร
ผู้ป่วยโรคนี้จะกินเหล็ก เหรียญ ชอล์ก แบตเตอรี่ หรือแปรงสีฟัน หรือการอยากสิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นเพราะภาวะการขาดแร่ธาตุในร่างกาย เช่นเดียวกับการที่ผู้หญิงท้องบางคนอยากกินถ่านหินเวลาต้องการธาตุเหล็ก
http://images.thaiza.com/31/31_20110211104934..jpghttp://p.s1sf.com/ca/0/ud/186/933795/image_2011020816485904AC8732-CFF3-0316-CF781205B6E5DCE9.jpg
แต่ในกรณีของ Tempestt คุณหมอเชื่อว่าเกิดจากความเครียด เพราะเธอเคยยอมรับว่าเธอเครียดมากตอนที่แฟนขอเลิกกับเธอเพื่อไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างรัฐ โดยที่แฟนอ้างว่าไม่ชอบความสัมพันธ์ระยะไกล
อาการของเธอหนักขึ้นตอนตัวเธอต้องไปเรียนต่างเมืองเช่นกัน ทำให้นอกจากไม่มีแฟนหนุ่มแล้ว ยังห่างไกลจากครอบครัว
คุณหมอแนะนำให้เธอทำลายอุปกรณ์ซักล้างทั้งหมดในบ้าน และบอกว่าการกินสสารเป็นปริมาณมากแบบนี้มีอันตรายถึงชีวิต เพราะเป็นการนำสารเป็นพิษเข้าสู่ร่างกาย เช่น ด่าง มากไปกว่านั้นยังมีสารเป็นพิษอื่นๆ อีกในสบู่ และยังเป็นการทำลายระบบเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาในการย่อย + การกินสบู่มีผลต่อความสมดุลย์ของกรดในเลือด
Tempestt บอกว่าตอนนี้ที่บ้านเธอเปลี่ยนเป็นจากใช้ผงซักฟอกเป็นน้ำยาซักผ้าแทนเพื่อป้องกันการกิน และยอมรับว่าเพราะความเครียดเธอจึงหันเข้าหาสบู่ จึงเป็นสาเหตุของโรงดังกล่าว โดยเธอบอกว่าตอนเด็กๆ เป็นคนชอบกลิ่นผงซักฟอกอยู่แล้ว ชอบยี่ห้อผงซักฟอกที่แม่ของเธอใช้ และกลิ่นติดเสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอน
เพื่อรักษาอาการของโรค คุณหมอได้ให้เธอใช้วิธีบำบัดที่เรียกว่า CBT เป็นการบำบัดเกี่ยวกับพฤติกรรมและกระบวนการคิดในสมองในทางบวก เพื่อให้มาแทนที่ความคิดตามใจของเธอที่ต้องการสบู่
นอกจากนี้วิธีแก้อื่นๆ เช่น การเดินเล่นในระยะทางไกล หรือการหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีสบู่อยู่ เช่น ห้องน้ำ หรือร้านซักผ้า
เธอเล่าเพิ่มว่าทันทีที่คุณแม่เธอรู้ข่าว ถึงขนาดบอกให้เลิกเรียนและกลับมาอยู่บ้าน ซึ่ง Tempestt บอกว่าเป็นความคิดที่ดี เพราะถ้าอยู่มหาลัยคนเดียวต่อไป คงห้ามใจตัวเองไม่ให้กินสบู่ไม่ไหวแน่
ปัจจุบัน สาว Tempestt เลิกกินสบู่แล้วตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่การฟื้นตัวจากโรคนี้อย่างจริงจังยังต้องใช้เวลาอีกนาน และเธอหวังว่าจะไม่กลับไปกินสบู่อีก แถมยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วแม่ของเธอคงโล่งใจในระดับหนึ่งที่เธอไม่ได้ไปติดยา แต่ติดสบู่แทน
ข่าวจาก dailymail
แปลและเรียบเรียงโดย ทิพากร ศุภลักษณ์