PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : Rising:Era of humanity



Rex
20th July 2011, 17:27
http://image.ohozaa.com/i/86e/polocopy.jpg

Rising

---------------------------------------------------------------

Intro
ห้วงอวกาศอันล้ำลึก มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆเมื่อเทียบกับขนาดที่ไม่มีสิ้นสุดของอวกาศ เมื่อจุดเริ่มต้นของการค้นหาที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้น มนุษย์กับถลำลึกเข้าไปเกินจะวกกลับ สิ่งที่มาพร้อมกับการค้นพบคือความหายนะอันใหญ่หลวงที่มนุษย์ไม่อาจชดใช้หมดสิ้น นี่คือจุดเริ่มต้นของยุค Next Generation

Chapter01:Begin

Sooner than you think.

การรวมตัวครั้งใหญ่ของเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เจ้าของรางวัลโนเบลนับไม่ถ้วนมารวมกันที่ห้องประชุมของ NAZA แต่ล่ะคนเริ่มนั่งที่นั่งของตนที่ถูกเตรียมไว้ให้ แสงไฟบางส่วนหรี่ลง ไฟส่องไปบริเวณเวทีที่มีนักวิทยาศาสตร์ระดับสุดยอดของโลกนั่งอยู่ ชายคนหนึ่งก้าวออกมาจากแนวหลังเวทีในชุดสูทสีดำ เขาเปิดไมค์ขึ้น

“สวัสดีครับ ท่านทั้งหลาย ผมในนามขององค์กร NAZA ขอต้อนรับทุกท่านสู่การประชุมสุดยอดของเหล่านักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิ ซึ่งวันนี้เรามีหัวข้อสำคัญมากหัวข้อหนึ่งถึงจำเป็นต้องเรียกทุกท่านมารวมกัน ณ วันนี้คือ การค้นพบรหัสพันธุกรรม ในห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง”

เสียงชายชุดดำเงียบลง สักพักหนึ่งเสียงจ๊อกแจ๊กมากมายเริ่มดังขึ้น

“กรุณาเงียบด้วยครับ ผมเข้าใจดีว่ามันค่อนข้างจะไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ วันนี้ผมจึงเตรียมข้อมูลที่เราบันทึกได้จาก ยานอวกาศไร้คนขับ ไลแอท เชิญรับชม!”

แสงไฟดับวูบลง โปรเจคเตอร์เริ่มทำงาน ภาพของกล้องบริเวณภายในยานถ่ายทอดภาพ หินขนาดเล็กก้อนหนึ่งถูกวางไว้ในตู้ใสขนาดใหญ่ แขนยนต์เริ่มทำการตรวจสอบและนำสว่านเจาะเป็นช่องเล็กๆ บริเวณด้านข้างของตัวหิน มันดึงออกมาแล้วทำการสแกน ปิ๊ปๆ..ปิ๊ปๆๆๆๆ สัญญาณดังขึ้นหน้าจอมอนิเตอร์ระบุว่า ค้นพบรหัสพันธุกรรม ใหม่ไม่มีข้อมูลที่บันทึกไว้ในโลกและการค้นพบไหนๆ เครื่องโปรเจคเตอร์ปิดตัวลง

“แค่นี้คงเป็นคำตอบสำหรับ ข้อสงสัยต่างๆของพวกท่านแล้วใช่ไหมครับ ดังนั้นเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”

ทาง NAZA เห็นว่ามนุษย์เป็นแค่ 1 ในสิ่งมีชีวิตนับล้านๆในอวกาศ ทางเราได้ไตร่ตรองแล้ว เห็นว่าเราควรศึกษารหัสพันธุกรรมนี้ และทำการปรับแต่งให้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุดจากนั้นจึงทำการส่งสัญญาณออกไปในห้วงอวกาศและภาวนาว่า ผู้ใดก็ตามที่ได้รับอีกฟากหนึ่งของอวกาศจะเข้าใจมัน

“ ต่อจากนี้เราจะทำการลงคะแนนเสียงเพื่อที่จะดำเนินการต่อและให้ท่านที่ต้องการร่วมค้นคว้าเข้าร่วม"

นักวิทยาศาสตร์บางส่วนเริ่มไม่พอใจบ้างพากันเดินออกจากห้องแสดงท่าทีไม่พอใจ นักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งเดินออกจากห้องประชุม

“มันเป็นเพียงการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์พวกเราเพียงต้องการความรู้ใหม่ๆเพื่อที่จะมาค้ำจุนโลกใบนี้ไว้ เพราะปัจจุบันโลกนี้มันได้ตายไปมากกว่าครึ่งแล้วมันไม่สามารถเยียวยาได้อีกต่อไปพวกท่านก็รู้ดี ดังนั้น พวกท่านควรยอมรับอนาคตและปิดตาลืมเรื่องอดีตไปซะเถอะ”

เสียงชายชุดดำกล่าว ขณะที่เหล่านักวิทยาศาสตร์พากันเดินออกไป

“เราไม่ควรที่จะฝืนกฎของจักรวาลแล้วห้วงอวกาศ ไอสไตน์ เคยบอกไว้แล้ว!”
เสียงตะโกนจากนักวิทยาศาสตร์ดังขึ้นมา

“ไอสไตน์ เคยคิดผิดมาหลายเรื่อง แล้วเรื่องอะตอมล่ะ และในอีกหลายเรื่องเราไม่ได้ว่า ไอสไตน์ เพียงแต่เรากำลังจะทำสิ่งที่ ไอสไตน์ ไม่เคยล่วงรู้ต่างหากล่ะ”

Ex Chapter
หลังจากการประชุมสุดยอด 3 เดือนเหล่านักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิทำการตัดต่อพันธุกรรมและบรรจุลงในรูปสัญญาณแสง NAZA ทำการยิงแสงออกไปนับล้านๆครั้ง ในตำแหน่งต่างๆ ขณะที่โลกจับตามองกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า


Chapter02:The great visitor

ผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า สัญญาณต่างๆกลับไม่ปรากฏ ทุกอย่างแทบดับวูบลง และแล้วสัญญาณบางอย่างถูกส่งกลับมา ตี๊ดๆๆ! เสียงคอมพิวเตอร์ดังขึ้น ที่ศูนย์ควบคุมของ NAZA เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมเครื่องรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์

“เราได้รับสัญญาณแล้ว!”
เจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ขณะนี้ยืนอยู่ในห้องควบคุมทุกคนต่างรอสัญญาณที่กำลังวิ่งมาถึง มันเริ่มก่อตัวเป็น เส้นสีดำหลายเส้น เหมือนเป็นสัญญาณภาพ ทุกคนต่างจ้องไปที่จอขนาดใหญ่ตรงกลาง

“เสร็จสิ้น..”

คอมพิวเตอร์ระบุ ภาพที่เห็นเป็นสิ่งน่าตกใจมาก มันดูเหมือนอักษรบางอย่าง มีอยู่ 4 ตัวด้วยกัน
“เราพบสัญญาณที่แรงมากอีก 1 ครับ เหมือนมันจะแรงขึ้นเรื่อยๆครับ เส้นเริ่มถี่ขึ้นๆ เรื่อยๆ เหมือนกับว่ามันอยู่ในรัศมีโลกเราเลยนะครับ”

หวอ.. หวอ... เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น

“พบการรุกรานในโซน H-1นั่นมันหลังคานิเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เจ้าหน้าที่พูดขึ้น
แสงสี ฟ้าเข้มชี้มาบริเวณหลังคาและเริ่มเจาะทะลุมาอย่างช้าๆจนถึงห้องควบคุม เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายรีบถอยออกมาพยายามมองว่ามันคืออะไร ติ๊ดๆๆๆๆๆ! สัญญาณเริ่มแรงขึ้นอีกครั้ง มันดูเหมือนจะแรงขึ้นเรื่อยๆ หน้าจอวัดระดับความเข็มข้นและระดับความแรงสัญญาณชี้ให้ว่ามันแรงจนทะลุมาตรวัดที่ไว้วัดระดับแล้ว วิ้ง! แสงสีขาววาบ ปรากฏบนท้องฟ้า ฟ้าว!ลำแสงสีฟ้าเข็มพุ่งตรงเข้าหาตัวตึก แสงสีขาวสว่างจ้าปรากฏขึ้น วูบ?

Chapter03: The first invade

สำนักข่าวทั่วโลกรายงานความเสียหายของหอบังคับการ NAZA แทบไม่เหลือซาก ทีมค้นหาเข้าค้นซากปรักหักพังแต่คาดว่าจะไม่มีผู้รอดชีวิต สำนักข่าวหลายแห่งเริ่มพาดหัวข่าว ต่างๆนาๆ ความหวั่นวิตกเริ่มเกิดทั่วทุกหัวมุมเมืองต่างๆ ทั่วโลก
ฐานทัพอากาศ เนเลล่า ในสังกัดกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ปิ๊ปๆ ปิ๊ปๆ เสียงตรวจพบวัตถุทางอากาศไม่ระบุสัญชาติในทิศ เหนือ บนจอเรดาร์ ดังขึ้น “แจ้งเตือนทหารทุกหน่วย มีการบุกรุกน่านฟ้าอเมริกาในทิศทางเหนือของฐาน พิกัดคือ 805.745 ลิปดา” ทหารฝ่ายควบคุมประกาศทั่วฐานทัพ “ถึง หอควบคุม นี่คือ FALCON 1 ขอย้ำพิกัดคือ 805.745 ลิปดาเหนือ ขณะนี้กำลังบินเข้าตรวจสอบและแจ้งเตือนวัตถุทางอากาศไม่ระบุสัญชาติ” นิกบิน F-22 แจ้งถึงหอควบคุม

“รับทราบ! ปฏิบัติตามมาตรการ เปลี่ยน”

หอควบคุมตอบกลับ
เครื่องบิน F-22 บินเข้ารัศมีการยิงมิสไซล์ และทำการส่งสัญญาณแจ้งเตือนออกไป

“ในนามของกองทัพอากาศแห่งสหรัฐอเมริกา ท่านได้บุกรุกน่านฟ้าของเรา โปรดเปลี่ยาทิศทางออกจากน่านฟ้านี้เดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นทางเราจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด”

ไม่มีเสียงตอบกลับ วัตถุไม่ระบุสัญชาติยังคงบินตรงมาเรื่อยๆ นักบิน F-22 เร่งความเร็วและบินตรงเข้าหาวัตถุประหลาด

“ถึงหอควบคุม ขณะนี้มองเห็นวัตถุไม่ระบุสัญชาติแล้วเปลี่ยน ห่างออกไปประมาณ 2 ไมล์กำลังเข้ามาเรื่อย ขออนุญาต ทำการยิงมิสไซล์เปลี่ยน”

...”ยืนยันๆ!! ทำการยิงได้ทันที ย้ำทำการยิงได้ทันที!”

“มาร์ค1ยิง!”

นักบิน F-22 กดยิงมิสไซล์ออกไป ขณะที่เขาพยายามมองออกไปว่ามันคืออะไร มิสไซล์พุ่งตรงเข้าหาเป้าหมาย ตูม! เสียงดังสนั่นดังขึ้นกลางอากาศ

“มิสไซล์ถูกเป้าหมาย ย้ำ มิสไซล์ถูกเป้าหมาย!”

“โอ้ว! นั่นมันอะไรกัน มิสไซล์ไม่สามารถทำอะไรมันได้ ย้ำ วัตถุไม่ระบุสัญชาติยังไม่ถูกทำลาย!”

ยานสีดำขนาดเท่าเครื่องบินรบ บินฝ่าออกจากกลุ่มควันสีดำ มันค่อยๆเรืองแสงสีฟ้าเข็ม ด้านหน้าเปิดออกเป็น 4 แฉก แสงสีขาวเกิดบริเวณตรงกลาง

“ปิ๊ปๆๆ มันล็อคเป้าผม! ย้ำศัตรูล็อคเป้าแล้ว!”

เกิดการรวมแสงบริเวณหน้ายาน วี้ดด..ดด!! ฟู่ว! ลำแสงขนาดใหญ่ พุ่งตรงเข้าหาเครื่องบิน F-22 ตูม! มันยิงเข้าอย่างจัง เครื่องบินแตกออกเป็น 2 เสี่ยง

“...ย้ำ! เปลี่ยนเป็นเหตุฉุกเฉินระดับ5 แจ้งวอชิงตันด่วน ขณะนี้ข้าศึกบุกน่านฟ้า อเมริกาแล้ว ย้ำ แจ้งวอชิงตันด่วน!”

เครื่องบินรบจำนวนหนึ่ง บินสู่ฟากฟ้าเตรียมทำศึกกับวัตถุประหลาด
ปิ๊ปๆ...

“ตรวจพบวัตถุไม่ระบุสัญชาติอีก 1 ลำครับ”

ปิ๊ป..ปิ๊ปๆๆ..!!!

สัญญาณเริ่มถี่ขึ้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ แสดงถึงจำนวนวัตถุประหลาดจำนวนมาก
“โอ..ไม่นะจอเรดาร์ ระบุตรวจพบวัตถุไม่ระบุสัญชาตินับสิบครับผม ไม่สิมันเพิ่มขึ้นถึงร้อยแล้วครับ!”

ยานประหลาดจำนวนมากเริ่มปรากฏกายทีละลำๆ คล้ายว่าพวกมันล่องหนเพื่อสังเกตการณ์เทคโนโลยีของมนุษย์หรือไม่ก็ผลการต่อสู้ความเหนือชั้นของเทคโนโลยี?

ฝูงบินสัญชาติอเมริกาต้องพบกับยานบินจำนวนมาก ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางชนะแต่ก็ยังนำเครื่องเข้าสู้สมรภูมิ

“ถึงฝูงบินทุกหน่วยหากใครรักตัวกลัวตาย ให้รีบหักลำออกไปตอนนี้ยังทัน แต่สำหรับผู้กล้าที่ยอมตายเพื่อชาติตามผมมา อย่างน้อยเกิดมาครั้งหนึ่งเราต้องชดใช้ชาติที่ให้เราได้มีอิสระเช่นนี้"

..ไม่มีใครตอบกลับ

"ฮึๆ ดี!ดังนั้นพวกเรามาสู้เพื่อชาติของเราเป็นครั้งสุดท้าย!"

Chapter04:The evil come from the sky

“ประกาศภาวะฉุกเฉิน ขณะนี้เกิดเหตุรุนแรงทั่วประเทศขอให้ทุกท่านอยู่แต่ภายในบ้านเท่านั้น ล็อคประตูบ้านให้แน่นหนาและพยายามติดต่อ 911 ซ่า....”

เสียงอัตโนมัติจากทีวีตามร้านค้าดังขึ้นอยู่ต่อเนื่อง ขณะที่ถนนไร้ผู้คนทุกสิ่งถูกทิ้งไว้เหลื่อนกลาด ไม่มีวี่แววของคนแม้แต่คนเดียว

ตึกๆๆ..ๆๆ? เสียงฝีเท้าของทหารหน่วยหนึ่งดังขึ้นบริเวณซอยบริเวณตึกร้าง

“โอเค นี่คือแผนจากหน่วยข่าวกรองเราได้รับแจ้งว่าจะมียานของพวกมันบินผ่านมาทางนี้แน่นอน ทางนั้นบอกว่าให้พวกเราคอยรบกวนมันตลอดเวลา เพื่อซื้อเวลาให้กับกองเรือ USS ไอโอว่า เราจะใช้ RPG สอยมันจากฟ้าแล้วหน่วยปืนกลหนักจะยิงรบกวนมันตลอดเวลา พยายามอย่าอยู่กับที่ เข้าใจไหม!”
กัปตันแบล็ค กล่าวกับลูกทีมในหน่วยของตน

“เข้าใจครับผม!”
ลูกทีมกล่าวตอบรับ

“ห้ามตายเด็ดขาด ฮูอ่า!”

เสียงยานขนาดใหญ่ดังขึ้นตามถนนมันบินเรียบเพื่อนเหมือนกำลังตรวจหาผู้รอดชีวิต

“โอเค เตรียมพร้อม” แบล็คส่งสัญญาณผ่าน วิทยุ

ขณะที่ยานบินกำลังจะหันเลี้ยวไปทางขวา ทหารยก RPG ออกมา

“ยิง!”

ฟ้าว!!.. ตูม!จรวดวิ่งเข้าหายานลำใหญ่อย่างจัง มันเสียการควบคุมชั่วขณะ

“ตอนนี้แหละ โจมตี”

“RPG พร้อม ยิงๆ..ๆๆๆ!!!”

กองทหารกว่า10คน ยิงจรวด RPG ใส่ยานลำใหญ่ ตูมๆๆๆ!!

“ปังๆๆ......ๆๆๆ”

ทหารภาคพื้นสาดห่ากระสุนปืนกลหนักจำนวนมากใส่ตัวยาน ขณะที่ยานกำลังจะหันมาโจมตีตัวลำด้านข้างของมันใหญ่เกินไป ทำให้ติดกับตึกขนาดใหญ่

“มันติดแล้ว โจมตีๆ”

แบล็คตะโกนสั่งลูกน้อง วี้ดด....ดดด!!!!เสียงไอพ่นด้านหลีงของยานยักษ์ดังขึ้นแสงสีฟ้าเข้มพวยพุ่ง ออกมาจากท้ายยาน ตัวยานเริ่มสั่นจากการเร่งเครื่องสุดแรง ตึกเริ่มสั่นไหว บึม! ตึกถล่มลงในที่สุด

“มันหลุดแล้วทุกคนถอยไปจุด B เดี๋ยวนี้”แบล็คตะโกน

กองทหารใช้ช่วงเวลาที่ยานยักษ์ดันตัวออกจากตึก ถอนตัวออกมาวิ่งไปที่รถ ฮัมวี่ ที่จอดอยู่ในซอยตึกข้างๆ

“เหยียบเลย ว้อย” ทหารคนหนึ่งตะโกน รถฮัมวี่3คัน เหยียบเต็มที่

“100…120…140…เร็วสิว้อย” พลขับพึมพำ เสียงเขาลนลานมาก

ทหารด้านหลังหันไปมองด้านหลังรถ ไม่มีวี่แววของยานยักษ์

“มันหายไปไหนวะ?” ขณะที่เขาหันมามองด้านหน้า

“เฮ้ยระวัง!” เสียงทหารอีกคนดังขึ้น

ตึกสูงด้านข้างพังลงเศษหินขนาดใหญ่ตกลงมา พลขับหักพวงมาลัยหลบเต็มที่ รถฮัมวี่เริ่มเอียงข้าง

“เฮ้ยๆๆๆ...” โครม! รถเสียการทรงตัวแล้วคว่ำลงแต่รอดจากการถูกตึกทับ ขณะที่รถฮัมวี่อีก2คันที่วิ่งนำหน้าไป เบรกแล้วขับย้อนกลับมา ยานยักษ์โผล่ออกมาอีกครั้งมันเล็งไปที่รถที่คว่ำอยู่

“******แล้วไงล่ะ!”แบล็คสบถ วี้ด..ดด ยานยักษ์เล็งลำแสงล็อคเป้าใส่ฮัมวี่ที่คว่ำอยู่ วี้ดด...ดด มันชาร์จเต็มพลัง

“เราไปไม่ทันแน่ครับ หัวหน้า”พลขับในรถของแบล็คบอก วี้ดดด.....ดด!! ตูม!

“เฮ้ย อะไรวะนั่น!”

ยานยักษ์เกิดระเบิดด้านข้างตัวยาน ลำแสงดับวูบลงมันหันไปด้านที่มันโดนยิง ตูมๆๆๆๆๆๆๆ!!! ห่ากระสุนปืนใหญ่สาดใส่ยานยักษ์หลายนัด ตัวยานเริ่มล่อนลง ไฟบนตัวมันดับลงในที่สุด

“นี่กัปตันแบล็คแห่งกองทัพนาวิกโยธินแห่งสหรัฐพูด ใครเป็นคนโจมตียานข้าศึก เปลี่ยน”แบล็ควิทยุออกไปหวังจะได้คำตอบ

“นี่นายพลวิคเตอร์แห่งกองทัพเรือ USS ไอโอว่า ต้องขออภัยที่เรามาช้าไปหน่อย พึ่งไปสอยพวกมันได้มา 15 ลำ เปลี่ยน”เสียงวิทยุจากกองทัพเรือ USS ไอโอว่า ดังขึ้น ทหารแต่ล่ะต่างโฮ่ ดีใจอย่างมาก

“ฮ่าๆ ดีใจที่ได้พบกันอีกนะท่านนายพล ขอบคุณจริงๆเกือบไปแล้วเชียว”แบล็คกล่าว

“ทางเราจะส่ง แบล็คฮอร์ค ไปรับหน่วยของคุณมาที่เรือเราเดี๋ยวนี้เปลี่ยน”

“ขอบคุณมาก เลิกการติดต่อ”แบล็คกล่าว

Chapter05:Fight back

กองเรือ ไอโอว่า ออกเดินทางต่อหลังจากรับทีมของกัปตันแบล็คขึ้นเรือ แบล็คเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในการวางแผน Evac ประชาชนและทหารบางส่วนที่ติดในนิวยอร์ก หลังจากประชุมอย่างเคร่งเครียดแบล็คเดิน ออกจากห้องประชุมท่าที่ดูสบายใจขึ้นบ้าง ลูกทีมของเขายืนรออยู่ด้านนอกมากสักพักแล้ว

“แล้วเอาไงครับหัวหน้า เดินหน้าต่อหรือถอยร่น” อีแวนถามขึ้น

“ทางกองเรือจะส่งแบล็คฮอร์ค 2 ลำและทีม Seal 1ทีมไปกับเรา จะปูพรมให้ก่อนด้วย F-18 Hornet 2 ลำ แล้วเราจะเข้าไปช่วยเสริมกำลังนาวิกฯ บริเวณไทม์สแควร์ ได้ข่าวมาว่าแถวนั้นโดนหนักมาก โอเค ทุกคนไปพักให้เต็มที่เราจะเริ่มภารกิจพรุ่งนี้เช้า เวลา 0800 เลิกได้”แบล็คกล่าว

“ครับผม” เหล่าทหารกล่าว

เช้าวันใหม่ แบล็คเดินออกมาบริเวณดาดฟ้าเรืออากาศเงียบสงบมีเมฆหมอกค่อนข้างหนาทึบ อากาศเย็นยะเยือก แบล็ครู้สึกถึงความสิ้นหวังนิดๆ แต่เขาจะทำตัวแบบนี้ให้ลูกน้องเห็นไม่ได้ ปึก? มือของนายพลวิคเตอร์จับบ่าแบล็คไว้ แล้วมองหน้าเหมือนวิคเตอร์จะเข้าใจความรู้สึกแบล็ค

“เอาล่ะ มันใกล้จะเริ่มแล้ว” วิคเตอร์ดึงแขนเสื้อลงมองดูเวลา 0750

“ดูนั่นสิ วิคเตอร์ชี้ไปทางทิศเหนือ”

ภาพตัวเมืองเริ่มปรากฏมันไม่ได้ดูเหมือนเดิมแล้วขณะนี้ ควันดำมากมายลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า ไฟลุกโชนทั่วทุกหนแห่ง

“ตึกๆ”

หัวใจแบล็ครู้สึกสั่นอย่างน่าประหลาดใจ เขาผ่านสมรภูมิมานักต่อนักแล้วทำไมภาพเพียงแค่นี้ทำให้เขารู้สึก กลัว ขึ้นมาล่ะ?หรือจะเพราะมีเพื่อนของเขามากมายอยู่ที่นี่?

“ผมว่าคุณไปเตรียมตัวเถอะ เหลือ10นาทีแล้วนะ”วิคเตอร์กล่าวก่อนเดินลงจากดาดฟ้าเรือ

ห้องพักทหาร.. แบล็คเตรียมตัวพร้อมเสร็จ เขานั่งคิดเรื่องมากมายที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านไปในชีวิตเขามันดูสับสนวุ่นวาย อยากจะตะโกนออกมาดังๆ แต่ทำไม่ได้ในเมื่อเขาอยู่ในฐานะหน้าที่นี้ เขาต้องเป็นตัวอย่างที่แข็งแกร่งให้กับทีม แบล็คสูดหายใจเต็มปอด เขาเปิดกล่องสีดำออก ภายในมี ตรา เขียนว่า RANGER เขาหยิบมันออกมาแล้วแปะไว้ที่ข้างแขนขวา ก่อนเดินออกจากห้องอย่างมั่นใจเต็มร้อย ดาดฟ้าเรือ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ใบพัด ฮ. หมุนผ่าอากาศ ทีมของเขายืนพร้อมหน้าทุกคน แบล็คเดินมายืนตรงหน้าทุกคน

“ชั้นนับได้15ดังนั้นต้องกลับมา15เข้าใจไหม!”

“ครับผม!” เหล่าทหารตะโกนดังลั่น

ทุกคนขึ้น ฮ. แบ่งอย่างละครึ่งทีม ส่วน Seal จะติดไปกับ ฮ. ของแบล็ค 5 คน

“ยินดีที่ได้ร่วมภารกิจกับท่านครับ!” มาสการ์กล่าว

ทีมของเขาแต่งชุดสีดำเข้มพร้อมอุปกรณ์ครบมือ ปืนที่ใช้คือ MP5 Full Custom ทีมของเขาดูมั่นใจอย่างมากไม่แสดงท่าทีของความหวดกลัวแม้แต่น้อย “ยินดีที่ได้ร่วมภารกิจเช่นเดียวกัน ผู้หมวด” แบล็คตอบกลับ “เราจะไปกันแล้ว!” นักบินแบล็คฮอร์ก พูดผ่านหูฟัง

Chapter06:IT’S TIME

พับๆๆๆ เสียงใบพัดแบล็คฮอร์คหมุนแหวกอากาศดังลั่นทั่วดาดฟ้าเรือ อีกฟากของรันเวย์ แผงกั้นความร้อนเปิดออก F-18 Hornet ค่อยๆเลี้ยวเข้ารันเวย์ Shooter ให้สัญญาณนักบิน ฟู่วว..! เสียงเครื่องยนต์ไอพ่นดูดอากาศเข้าไป แสงไฟสีแดงรูปวงกลมสว่างขึ้น บูม..มม!! แสงไฟสีแดงส้ม พุ่งออกจากท่อไอพ่น รู้สึกได้ถึงความร้อนทันที ไฟสีเขียวบริเวณปลายรันเวย์สว่างขึ้น Shooter ชี้นิ้วตรงไปปลายรันเวย์ พร้อมสะบัดมือซ้ายพร้อมกัน นักบินชูนิ้วโป้งแล้วเร่งความเร็วเครื่องขึ้นสูงสุด เครื่องวิ่งออกสู่รันเวย์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่นานนักอีกเครื่องหนึ่งตามไปติดๆ แบล็คฮอร์คทะยานขึ้นฟ้าเช่นกัน ตัวเครื่องบินเข้าสู้น่านฟ้าตัวเมือง ควันสีดำมากมายประจายสู่ท้องฟ้า

“ETA ใน 2นาที”

“ตูมๆๆๆ” เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว แสงไฟลุกโชนท่วมตัวเมือง F-18 บินโฉบผ่านกลับเรืออย่างรวดเร็ว

“ที่เหลือฝากด้วยล่ะ โชคดีเปลี่ยน”
เสียงนักบินF-18 วิทยุมาถึง แบล็คฮอร์ค
แบล็คฮอร์ค ร่อนลงสู่พื้นบริเวณ 4 แยกหนึ่งถัดจากไทม์สแควร์มา 3 ช่วงตึก
“ลงๆๆ!!” แบล็คตะโกนสั่งลูกน้องทันที

ทีมSeal วิ่งตรึงกำลังล้อมรอบ แบล็คฮอร์ค เป็นวงกลม

“โอเค ครบแล้ว ขากลับระวังตัวด้วย”แบล็คบอกนักบินแบล็คฮอร์ค

“โชคดีเช่นกัน เราจะมารับภายใน 2 ชม.”นักบินตอบกลับ

พับๆๆ แบล็คฮอร์คทะยานสู่ท้องฟ้า ทั้งหมดเริ่มปฏิบัติตามแผน

“แบ่งเป็น 2 ทีม อีแวน,อเล็กซ์,อัลโด,เจน่า,อีเลียส,ไมเคิล มากับชั้น”

“นอกนั้นไปกับมาสการ์ “คอยฟังวิทยุไว้ด้วยล่ะ”

แบล็คเช็คอุปกรณ์ครั้งสุดท้ายภายในตึก

“โอเค เราจะไปกันแล้ว!”

ทั้ง 2 ทีม แยกกันทางกันบริเวณ 4 แยก

“โชคดีผู้หมวด”แบล็คบอกลาทีมSeal

“ไว้เจอกันฟากโน้น กัปตัน”มาสการ์กล่าวก่อนยิ้มที่มุมปาก
ทีมแบล็ควิ่งเข้าตามตรอกซอยต่างๆ ความเงียบเข้าครอบงำ

“อีแวน อเล็กซ์ นายคุมหลัง เจน่า อีเลียส คอยสอดแนมบริเวณโดยรอบ ไมเคิลมากับชั้น”

ทีมเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ แต่แล้วต้องหยุดชะงักเมื่อแบล็คส่งสัญญาณมือหยุด

“มีอะไรครับหัวหน้า”ไมเคิลกระซิบถามแบล็ค

“เราเจอถนนหลักแล้ว แต่ทำไมมันดูเงียบเกินไป”แบล็คตอบกลับ

สิ่งที่แบล็คเห็นคือถนนหลักมีขนาด 8 เลน มีเพียงแค่ซากรถยนต์เพียงคันเดียวถูกทิ้งไว้กลางถนน

“มันจะเป็นไปได้ไง ถนนโคตรกว้างทำไมมีรถคันเดียววะ?”แบล็คพึมพำ แบล็คเหลือบเห็นก้อนอิฐลูกเล็กก้อนหนึ่งข้างตัว

“ทุกคนก้มต่ำไว้ ชั้นจะลองอะไรอย่าง” แบล็คยืนขึ้นมือหนึ่งกำหินก้อนอิฐไว้แน่น เขาเหวี่ยงแขนสุดแรงเกิด ก้อนอิฐพุ่งเข้าหาซากรถอย่างรวดเร็ว

“ตูม!” แสงไฟสีฟ้าสว่างวาบขึ้น

“เฮ้ยอะไรวะ!” อีแวนถึงกับตะลึง แบล็คแนบหลังชิดกำแพงค่อยๆเลื่อนตัวไปติดมุมตึกเขาหยิบกระจกเล็กๆออกมา สะท้อนภาพของอีกฟากของมุมตึก ด้านล่างไม่มีอะไร แบล็คค่อยส่องสูงขึ้นๆ

“เฮือก..” แบล็คถึงกับถอนหายใจภาพจากกระจกปรากฏ บางสิ่งที่มีรูปร่างยืน 2 ขามีแขน 2 ข้าง รูปร่างเป็นเหล็กทั้งหมดตาสีฟ้าสว่างจ้า เหมือนมันจะถือปืนอะไรสักอย่างคล้ายสไนเปอร์ของมนุษย์ เพียงแต่มันไม่ขยับแม้แต่นิดเดียวมันจ้องไปที่ซากรถอยู่ที่เดียว

“พบข้าศึกบริเวณ 3 นาฬิกาอยู่บนตึกชั้น 4”

“น่าจะเป็นพลซุ่มยิง”

“อีเลียสกับเจน่า พวกนายไปหาทางไปทางอื่น นอกนั้นตรึงพื้นที่ไว้” ทั้ง 2 รีบวิ่งออกจากตรอกอย่างเงียบๆ “ทางฝั่งนั้นเป็นไงบ้างผู้หมวด” แบล็ควิทยุไปถึงทีม 2 “อย่าพึ่งเลยกัปตัน ทางนี้โดนหนักมากมีพวกมันเยอะมากเลยครับผม ตอนนี้ยังไม่มีผู้บาดเจ็บครับ เฮ้ย!ไปตรึงพื้นที่ดิว้อย! คือตอนนี้ยังไม่ว่างครับ ไว้จะติดต่อกลับครับเลิกการติดต่อ”

“****เอ้ย!เราต้องมาติดแหงกเพราะไอเอเลี่ยนบ้านี่ตัวเดียว”
แบล็คถึงกับอารมณ์เสีย อีเลียสกับเจน่าวิ่งกลับมาพอดี”ทางอื่นไม่มีแล้วครับ ภายในรัศมี 700 เมตรไม่มีอีกแล้ว”


Chapter07:Holding my hand

“เวลาไม่เคยรอใคร เอาล่ะเราต้องหาแผนมาก่อนที่พวกมาสการ์จะกลายเป็นศพไปซะก่อน”แบล็คกล่าวขณะกำลังครุ่นคิดแผนไปพลางๆ

“ผมว่าน่าจะหาเป้าล่อให้มันเขวแล้วให้อีเลียสส่องมันซะ เดี๋ยวผมจะเป็นเป้าล่อให้เอง”เจน่าตอบอย่างมั่นใจ สีหน้าเขามีความมุ่งมั่นมากไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย

“งั้นเอาตามนั้น”แบล็คตอบกลับไป “ก่อนจะลุยกัน จากการสังเกตการณ์ผมว่า ศัตรูนั้นค่อนข้างแม่นยำ เราควรโยนระเบิดควันเข้าไปก่อนแล้วให้เจน่าวิ่งฝ่ากลุ่มควันไป” อีเลียสเสริม

“โอเค ทุกคนเตรียมพร้อม” แบล็คออกคำสั่ง แกร็กๆ.. เจน่าหยิบระเบิดควันออกจากกระเป๋า

“พร้อมแล้ว!” แกร็กๆ

“ฮึบบ...!!” เจน่าโยนระเบิดควันออกไปสุดแรงเกิด” วูบบ..! “ตูม!” เกิดแสงสีฟ้าวาบที่ระเบิดควันลูกแรก ขณะที่มันกำลังจะลงพื้น

“เหลืออีกลูกไอหน้าโง่!” เจน่าวิ่งพุ่งไปทันทีที่ระเบิดอีกลูกระเบิดขึ้น ม่านควันสีเทาขาวปกคลุมทั่วถนน

“ศัตรูมันเขวแล้วครับ!”ไมเคิลตะโกน “อีเลียสตานายแล้ว”แบล็คออกคำสั่งทันที อีเลียสวิ่งออกจากตรอกพร้อมประทับบ่าเล็งปืน m24 สไนเปอร์เข้าหาตำแหน่งตึกชั้น 4

“..!..”

“เวรแล้วไง..มันหายไปแล้ว ย้ำมันหายไปแล้ว เจน่านายหนีออกมาเร็ว!”อีเลียสตะโกน

“ทุกคน ถอยกลับเข้าที่กำบังด่วน ย้ำถอยกลับที่กำบัง”แบล็คตะโกนใส่วิทยุ เจน่ารีบวิ่งออกจากตัวซากรถทันที วิ้ง!?

“9นาฬิกา!9นาฬิกา มันอยู่ตึกนั้นว้อย..ยย!”อีเลียสเหลือบเห็นศัตรูบนตึก ด้านซ้ายมือของเขามันเล็งปืนใส่เจน่าอยู่ ขณะที่อีเลียสวิ่งออกจากตรอกเตรียมเล็งเป้าใส่

“ต้องทันสิว้อย!” ปัง! “เจน่า ยังอยู่ไหม เจน่า”อีเลียสตะโกน “เออยังอยู่ว้อย จะตะโกนทำไมวะ?” อีเลียสและแบล็คอยู่ในอาการงุนงง ทั้งคู่หันไปมองตึกฝั่งซ้าย สไนเปอร์นอนเกยกับตัวขอบตึกอยู่ “มันตายได้ไงวะ?”แบล็คถามในอาการงง ๆ

“วี้ด วี้ว?”เสียงผิวปากดังมาจากตึกฝั่งตรงข้ามของทีมแบล็ค ทีมแบล็คเคลื่อนพลข้ามถนนไปได้ในที่สุด มาถึงอีกฟากของตรอก เห็นเจน่ายืนคุยกับทหานนายหนึ่ง เขาใส่เครื่องแบบ ACU พร้อมถือปืน AWP สีเทาไว้ข้างตัว

“โอ้! สวัสดีครับท่าน ผมร้อยโท โจเซฟ เค แจ็คสัน สังกัด หน่วยพลร่มพิเศษที่ 2 ครับผม”ทหารนิรนามรายงานตัวเมื่อพบแบล็ค

“ยินดีที่รู้จักร้อยโทโจเซฟ เมื่อกี้ฝีมือคุณใช่ไหม” แบล็คเปิดคำถามแรกทันที

“ใช่แล้วครับผม ฝีมือผมเองครับผม”โจเซฟตอบด้วยท่าทีสุภาพ “ต้องขอบคุณ คุณมากไม่งั้นทีมผมคงเกิดการสูญเสียไปแล้ว”แบล็คแสดงความขอบคุณอย่างสุภาพเช่นกัน

“ด้วยความยินดีครับผม” “ลืมไปพวกเราคือ นาวิกโยธิน ตอนนี้สังกัดเรือ USS ไอโอว่า เพื่อภารกิจพิเศษ แล้วนี่คือ อีแวน,อเล็กซ์,อัลโด,เจน่า,อีเลียสและไมเคิล”แบล็คแนะนำคนในทีมให้รู้จัก

“แล้วนี่คุณมาจากหน่วยนาวิกฯที่ติดอยู่บริเวณไทม์สแควร์ใช่ไหม?” “ใช่แล้วครับผม ผมได้รับรายงานว่ามีทีมช่วยเหลือ 2 ทีมกำลังมาช่วยเสริมกำลัง อีกทีมหนึ่งอยู่ในเขตปลอดภัยแล้วครับ ทางเราติดต่อทีมของท่านไม่ได้เลยให้ผมมาสอดแนมก่อนครับผม”โจเซฟกล่าว

“โอเค งั้นพาเราไปหาหัวหน้าคุณทีสิ” “ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับผม”


Chapter08:We are ranger!

ขณะที่โจเซฟนำทาง ทีมแบล็ค ผ่านตรอกซอยมากมาย โจเซฟเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปตามทาง ย้อนไปเมื่อ2-3วันก่อนทีมของเราโดนโจมตีอย่างหนักหลายระลอก ทั้งพวกเดิน 2 ขาและยานรบมากมาย พวกเราจำนวนมากทั้งบาดเจ็บและล้มตายไปเยอะ ทหารทั้งหมดแทบจะหมดหวัง ผมกับหัวหน้าเข้าไปหา นายพลฟิวรี่ หวังว่าจะให้ออกคำสั่งถอยทัพออกไป แต่ท่านก็ไม่มีท่าทีจะสั่งการ ท่านบอกว่า จงเชื่อมั่นไว้ ทุกอย่างมันใกล้จะจบแล้วไม่นานนี้ พวกผมไม่เข้าใจที่ท่านพูดเหมือนกัน แต่นายพลฟิวรี่ ไม่เคยทำให้กองทหารผิดหวัง หลังจากนั้น 2 วันพวกมันก็ถอยทัพออกไป โดยไร้สาเหตุ ขณะเดียวกันเราก็ได้รับข่าวว่าพวกกัปตันกำลังนำทีมช่วยเหลือเข้ามาครับ ขณะที่โจเซฟผลักประตูเหล็กบานใหญ่เขาก็พูดจบพอดี

“ยินดีต้อนรับสู่ ที่ทำการหน่วยพลร่มพิเศษที่ 2 ครับผม” โจเซฟออกอาการภูมิใจนิดๆ ลูกทีมแบล็คยิ้มนิดๆ ชายร่างใหญ่สวมเสื้อ ACU เดินตรงเข้ามาหาแบล็คทันทีที่พวดเขามาถึง

“ยินดีที่ได้พบคุณ กัปตัน แบล็ค ผมนายพล ฟิวรี่ แห่งกองพลร่มพิเศษที่ 2 “นายพลฟิวรี่เอ่ยก่อน “ยินดีที่ได้พบท่านเช่นกันครับ”แบล็คกล่าวอย่างนอบน้อมรับ “เชิญลูกทีมกัปตันหาที่นั่งสบายๆไปก่อน ผมมีเรื่องต้องคุยกับกัปตัน เหมือนกัน”

“พวกนายไปพักกันก่อน”แบล็คบอกลูกทีม “ครับผม” ทั้งคู่เดินเข้าห้องทำงานของฟิวรี่

“เชิญนั่ง”ฟิวรี่กล่าวเชิญ “มีเรื่องอะไรเหรอครับท่านนายพล”แบล็คเปิดคำถาม “ผมจะบอกรายละเอียดของการที่พวกเอเลี่ยนหรืออะไรก็ตาม มันถอยร่นออกไป ผมคิดว่าโจเซฟคงเล่าไปบางส่วนแล้ว แต่จริงๆมันมีอยู่ว่า ผมได้รับจดหมายปริศนามาฉบับหนึ่ง วางอยู่บนโต๊ะทำงานผมเมื่อ 3 วันก่อน ขณะที่ทหารยามยังยืนอยู่หน้าประตูตลอดเวลา ข้างหลังก็กำแพงทั้งนั้นใครมันจะกล้าเจาะเข้ามาเพื่อส่งจดหมายใช่ไหมล่ะ หลักๆคือ ภายในมันเขียน

“สู้ ห้ามถอยทัพ แล้วชัยชนะจะปรากฎ” ส่วนตัวผมเป็นคนเชื่ออะไรยากมาก แต่ครั้งนี้สมองผมมันสั่งว่าให้ทำตามที่เขียนไว้ มันเหมือนมีอะไรสักอย่างบอกว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมา ไม่ว่าใครก็ตามเจ้านี่มันต้องรู้ อะไรเกี่ยวกับพวกศัตรูแน่นอน นั่นแหละประเด็นในเมื่อมีคนเข้าใจลักษณะของแผนการรบของศัตรู ทำไมเราไม่ลองตามหาเจ้านี้แล้วค้นรายละเอียดออกมาล่ะ?”ฟิวรี่กล่าว

“ในเมื่อท่านต้องการให้พวกผมตามหาใครก็ตามที่ส่งจดหมายนี้มา แล้วจะให้พวกผมเริ่มจากอะไรล่ะครับในเมื่อมันไม่ทิ้งอะไรไว้ให้เลย”แบล็คโต้กลับ “เจ้านี่มันทื้งบางอย่างไว้ให้เราน่ะสิ ผมถึงกล้าบอกคุณ กระดาษที่ส่งมาให้ผม มันเก่ามากแทบจะขาดไปอยู่แล้ว แต่จากการสแกนของทีมวิจัยทางทหาร ทำให้ตัวอักษรที่ติดอยู่กับกระดาษมันชัดเจนขึ้น มันมาจากกระดาษของโรมแรม ลูซูลี่ หาไม่ยากโรมแรมนี่อยู่ตรงข้ามกับ เซ็นทรัล ปาร์ค “

“ในเมื่อท่านถึงกับขอมา ผมคงไม่กล้าที่จะปฏิเสธหรอกครับ ได้เราจะไปตามหาสายคนนี้เอง”แบล็คกล่าวยืนยัน “ขอบคุณมาก กัปตัน งั้นถ้าต้องการอะไรบอกผมได้เลย”ฟิวรี่กล่าวขอบคุณด้วยความยินดี “อีกอย่างที่ ผมได้ติดต่อไปที่กองเรือ USS ไอโอว่าแล้วว่าเรารับพวกคุณเข้ามาในที่ปลอดภัยแล้ว ดังนั้นหากคุณทำภารกิจนี้เสร็จสิ้นทางผมจะติดต่อ ฮ. มารับพวกคุณกลับเรือได้ทันทีเลย”ฟิวรี่อธิบายเพิ่มเติม

“ครับผม”


Chapter09:The Unknow

ปัง!...เสียงกระสุนปืนสั้นพุ่งออกจากปากกระบอก ส่งเสียงดังสนั่น ปลอกกระสุนดีดออกจากตัวปืนตกลงสู่พื้น แบล็ค กำลังครุ่นคิดเรื่องภารกิจต่อไป สมองของเขาเริ่มคิดถึง ชีวิตของลูกทีมมากขึ้นทุกที ที่ต้องไปทำภารกิจต่างๆ แต่ครั้งนี้มันต่างไป สิ่งที่กำลังต่อกรด้วยไม่ได้เป็นเพียงมนุษย์ แต่เป็นอะไรที่แตกต่าง เป็นอะไรที่ไม่เคยพานพบ

“ตึง...บ้าเอ้ย!” แบล็คสบถด้วยความอารมณ์เสีย เขามองนาฬิกาข้อมือ

“10 00” แบล็คเดินออกจากห้องซ้อมยิงปืนทันที เขาเดินตรงไปที่ห้องยุทโธปกรณ์ ทีมของเขารออยู่ได้สักพักนึงแล้ว “ขอโทษทีที่มาช้า กำลังเตรียมของน่ะ พวกนายเป็นไงมั่ง?”แบล็คถามคำถาม “พร้อมทุกเมื่ออยู่แล้วครับ”อัลโดกล่าว “ดี!ภารกิจนี้ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ง่ายที่สุดคือ ออกไปแล้วกลับมา เข้าใจไหม!”

“ฮูอ่า!!” ลูกทีมของแบล็คตะโกนเสียงดังสนั่น นายทหารนายหนึ่งเดินเข้ามา“รถพร้อมแล้วท่านสุภาพบุรุษ”

“เอาล่ะ Rock’n roll”เร็กซ์พูก่อนเดินออกจากห้อง


ฮัมวี่ 3 คันจอดอยู่หน้าฐานทัพแบ่งเป็น 4-3-3 ตามลำดับคัน คันแรกมีทั้งหมด 4 คนอีแวน,อเล็กซ์,อัลโด,เจน่า คันที่สอง อีเลียส,ไมเคิล,เร็กซ์ คันที่สาม ฮุค,แจ็ค,เทรวิส ทั้งหมดมุ่งหน้าสู่โรงแรม ลูซูลี่ เซ็นทรัลปาร์คทันที ออกจากที่มันไม่นานนักฝนเริ่มกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าจะเบาลงแม้แต่น้อย “แย่ว่ะ..อยู่ดีๆแดดออก อยู่ดีๆฝนตกสงสัยฟ้าคงเอียนมนุษย์แล้วมั้งว่ะ”ฮุคพูดขณะนั่งเช็ดปืน M14 คู่ใจเขาไปพร้อมๆกัน

“เน่าไม่เน่าไม่รู้แหะ แต่สงสัยมีคนจะมาเก็บกวาดแทนโลกซะแล้วว่ะ ฮ่าๆ”เทรวิสสวนกลับ

“เอี้ยด...ดด!!” รถเบรกกะทันหันทั้งหมดแทบจะกระเด็นออกไปจากรถเลยทีเดียว “อะไรว่ะ..เนี่ย!”ฮุคอารมณ์เสียทันที ทั้ง 3 คนบนรถลงรถไปเช็คสถานการณ์ ภาพที่เห็นคือ รถคันแรกที่แบล็คอยู่ล้อหน้าหลุดจากถนนไปแล้ว ข้างหน้าคือหลุมลึกขนาดใหญ่มหึมา “เกือบไปแล้วไงล่ะ”แบล็คพูดก่อนออกมาจากประตูหลัง “เอ้า!อย่ายืดยาดโว้ย ช่วยกันลากสลิงมาดึงรถออกไปจากที่นี่ซะที!”อัลโดตะโกนสู้เสียงฝนที่ตกกระหน่ำลงมา ท้องฟ้ามือสนิทจะเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวไม่พึ่งไฟฉายก็แสงของฟ้าที่ผ่าลงมาแบบไม่เกรงใจใคร

“โอเค!ติดเรียบร้อย”เจน่าเกี่ยวสลิงไว้ที่ใต้รถฮัมวี่ “เอาเลย!”เจน่าตะโกนบอกแจ็ค “ถอยสุดตัวโว้ย!”แจ็คตะโกน บรืนน..นน? รถคันแรกค่อยถอยออกมาจากหลุมลึก

“ตึง!” ประกายไฟแลบออกจากใต้รถที่กระแทกกับพื้นถนนแต่ในที่สุดฮัมวี่สามารถถอยออกห่างจากหลุมได้ในที่สุด “เอาล่ะ เวลาไม่รอใครไปต่อได้แล้ว”แบล็คไม่รอช้าที่จะออกคำสั่งลูกทีม ทั้งหมดเริ่มเดินทางต่อขณะที่ฝนยังคงตกกระหน่ำใส่พวกเขาไม่ยั้ง ไม่นานนักทั้งหมดมาถึง โรงแรมลูซูลี่ ไม่รอช้าทีมเริ่มวางแนวป้องกันและตั้งที่มั่นในตัวล็อบบี้โรงแรมทันที “ปัก sensor ด้วย”เทรวิสบอกเพื่อนในทีม “พร้อม!” พร้อม!” “พร้อม!” เสียงทีมแต่ล่ะคนปัก sensor ลงบนพื้น

“เปิดระบบ sensor ใน 3..2..1.. เปิด!” วิ้งง..ง แสงสีแดงบนเสา sensor เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข็ม เรืองแสง

“ได้ล่ะ sensor ทำงานแล้วทีนี้ใครเข้ามาในระยะ100เมตร จากตัวเสาจะมีการเตือนทันที”เทรวิส อธิบายเพื่อนในทีม

“เราจะแบ่งเป็น 2 ทีมโดยแบ่งเป็น 5-5 ทีมอัลฟ่า นำโดยผมและอเล็กซ์ อัลโด เจน่า ฮุค ทีมบราโว่มี อีเลียส ไมเคิล เร็กซ์ แจ็ค และ อีแวน โดยเทรวิสจะคอยเป็นคนดูจอ sensor ให้เราเริ่มจากชั้น 1 ก่อน ไปกันได้”แบล็คอธิบายแผนการเริ่มค้นหาทันที ทั้งหมดเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆจนถึงชั้น 1 เดินไปตามทางเดิน จนพบสองทางแยก “ภายใน 10 นาทีนี้ ถ้าไม่พบอะไรให้มารวมกันที่นี่เข้าใจไหม?”แบล็คกล่าว

“รับทราบครับผม!”ทีมตอบกลับ ทั้ง 2 ทีมแยกจากกันในทันที สภาพทางเดินนั้นมีแต่ร่องรอยระเบิดและขี้เถ้ามากมาย รวมถึงคราบเลือดแห้งกราดติดเต็มผนังไปหมด “เห็นแล้วชวนขนลุกว่ะ ว่าไหมฮุค”เจน่าพึมพำถามฮุค

“เงียบเหอะน่า..”ฮุคตอบกลับเบาๆพร้อมค่อยๆย่องตัวเองเดินผ่านห้องต่างๆมากมาย ขณะที่สายตาคอยกวาดหาสิ่งมีชีวิตหรืออไรที่เคลื่อนไหว “ควับ!”ฮุคหันหลังอย่างฉับพลัน

“ศัตรูที่ 12 นาฬิกา..”ฮุคกระซิบบอกคนในทีม ทั้งหมดค่อยเดินคุมเชิงไปบริเวณทางเดิน



Chapter10: Wrath

ทีมอัลฟ่ากำลังเจอปัญหาใหญ่ มีสิ่งมีชีวิตในโรงแรมนี้แน่นอนที่แน่ๆมันรวดเร็วราวกับนินจา ขณะที่พายุยังคงโหมกระหน่ำเข้าใส่มหานครนิวยอร์กอย่างไม่หยุดยั้ง เสียงดังแสบแก้วหูจากฝ้าผ่าแทบจะทำให้การได้ยินเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น ทีมค้นหาต้องเพ่งสมาธิกับเป้าหมายตรงหน้าและคอยระวังหลังไว้ตลอดเวลา ขณะที่บางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่อย่างเงียบๆ แบล็ค ย่างเท้าเข้าไปในหอสมุดประจำโรงแรมขนาดใหญ่

“ดูเหมือนเป้าหมายพยายามล่อพวกเขามาที่นี่ แต่เพื่ออะไรล่ะที่กว้างขนาดนี้ยิ่งเป็นตำแหน่งได้เปรียบสำหรับทีมแบล็คเพราะมีอาวุธที่มีระยะการยิงสูงและไกล”แบล็คประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนขณะที่ประทับปืนเล็งเป้าไปข้างหน้าตลอดเวลา

“แกร็กๆ..?” เสียงบางอย่างเคลื่อนไหวบริเวณทิศตะวันออกของห้องหอสมุด ทีมค่อยๆรุกคืบเข้าล้อมกรอบพื้นที่ไว้ ทีมมาถึงต้นตอของเสียงกลับพบทางเข้าหอสมุดโซนบี

“เจ้านี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ”อัลโดพึมพำขึ้นมา ไม่รอช้าทีมรีบรุดหน้าเข้าไปในหอสมุดฝั่งตะวันออกทันที ภายในชั้นเก็บหนังสือมากมายล้มกองระเนระนาดเต็มไปทั่วทุกบริเวณ “แยกกันไปแล้วตีโอบเข้าบริเวณทิศเหนือของหอสมุด เราจะล้อมกรอบมันไว้บริเวณนั้นแล้ว”แบล็คอธิบายแผนการง่ายๆ ทีมค่อยๆแยกกันไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยกองหนังสือหนาเตอะจำนวนมาก “ตึง!”เสียงหนังสือตกลงสู่พื้นส่งเสียงดังกังวานไปทั่วหอสมุด

“รายงาน!”แบล็คออกคำสั่งผ่านทางวิทยุ “ปลอดภัย อเล็กซ์เปลี่ยน”

“ปลอดภัยครับ เจน่าเปลี่ยน”

“ยังดีอยู่ อัลโดเปลี่ยน” ทีมรายงานตัวทีละคน “ฮุคตอบด้วย ย้ำฮุคตอบด้วย ปัดโธ่เว้ย”แบล็ครีบวิ่งไปบริเวณทางเดินตะวันตก บริเวณที่ฮุคแยกออกไป ขณะที่ทีมวิ่งมาพบกันพอดี

“นั่นไง!” อัลโดตะโกน ฮุคนอนสลบอยู่บริเวณพื้น อัลโดรีบรุดเข้าไปจับชีพจรที่ข้อมือ

“ยังอยู่ครับ แค่สลบ”อัลโดหันมารายงานแบล็ค “ตึง!” เสียงบางกระโดดข้ามหัวพวกเขาไป อย่างรวดเร็ว ควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากกองเศษไม้และหนังสือมากมาย

“เฮ้ยอะไรวะ!”เจน่าตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แบล็คเพ่งมอง เขาเห็นบางอย่างอยู่ในควันนั่น “คนหรือนั่น?”แบล็คถึงกับตกตะลึง ภาพที่พบเป็นสายตาสีแดงก่ำ จ้องมาที่เขา “เป้าหมาย 12 นาฬิกา ยิง!”แบล็คออกคำสั่งทันทีไม่รอช้า

“ปังๆๆ..ๆ”ห่ากระสุนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายในกลุ่มควันสีดำทมิฬ ปลอกกระวุนจำนวนมากดีดลงสู่พื้น

“หยุดยิง!”แบล็คออกคำสั่งอีกครั้ง ควันสีดำหายไปแล้ว น่าแปลกยิ่งนักที่ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย

“แวบ!”เกิดแสงสีขาววาบใต้พื้นคอนกรีต “วิ้ง!”แสงสีขาวสว่างราวกับแสงจากดวงอาทิตย์พุ่งเข้าม่านตาของทีม แต่ล่ะคนถึงกับหลับตาแทบไม่ทัน

“เฮ้ย!..อั่ก?”แบล็คได้ยินเสียงการต่อสู้ไม่ไกลจากตนเองนักแต่เป็นเพราะแสงอันสว่างนี้บดบังการมองของเขาจนแทบไม่เห็นอะไรเลย แสงค่อยหรี่ลงๆเรื่อย สิ่งที่แบล็คพบคือลูกทีมลงไปนอนอยู่กับพื้นหมดแล้วไม่มีร่องรอย ขีดข่วนหรือกระวุนแม้แต่น้อยพวกเขาพึ่งโดนอัดจนสลบมากกว่า

“มนุษย์” เสียงพูดดังกึกก้อง มาจากทั่วทุกทิศทางฟังดูมีพลังยิ่งนัก “มักถือตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ขณะที่โลกอันกระจ้อยร่อย แห่งนี้ไม่สามารถเทียบได้กับขนาดของจักรวาลได้”เสียงพูดเงียบไป แบล็คยังคงสงบนิ่งขณะที่หันปืนไปรอบตัวหวังจะพบเป้าหมาย เงาสีดำประกฎข้างหลังของเขา แบล็ครู้ทันทีว่าอะไรบางอย่างยืนอยู่ข้างหลังเขา เขาหันหลังทันทีพร้อมเตรียมเหนี่ยวไก

“ตึง!”มือขนาดใหญ่จับปืนแบล็คไว้ขณะที่เขากำลังจะหันปืนเข้าใส่อย่างรวดเร็ว บางอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนมนุษย์ เพียงแต่มันสูงได้สัก 2เมตรกว่าและขนาดแขนและตัวใหญ่มาก ภายในชุดคลุมสีดำทั้งตัวที่บดบังบางส่วนของร่างกายเอาไว้ ตาสีแดงสะท้อนแสงยามราตรีจ้องมาที่ แบล็ค ชั่ววินาทีมันดึงปืนของแบล็คออกทันที

“เจ้า..คือผู้กอบกู้ มีเพียงหนึ่ง ที่พร้อมยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและสันติภาพ” “ปัง!”


Chapter11:Exotic

เสียงกระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนอัตโนมัติ ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่สิ่งมีชีวิตร่างยักษ์ เพียงแต่มันดูเหมือนไม่สามารถทำอะไรได้เลยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ “เราจะได้พบกันอีก ในไม่ช้านี้..ความหวังของมนุษย์”เพียงชั่วพริบตาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแบล็คหายไปกับควันสีดำราวกับสายลม

“เป็นอะไรไหมครับ หัวหน้า!”เสียงอีแวนดังขึ้น ขณะที่แบล็คยังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่เป็นไร รีบไปช่วยคนที่หมดสติก่อน”สัญชาติญาณแบล็คออกคำสั่งทันที แม้ขณะที่ตัวเขาเองยังไม่สามารถหาคำใดอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้

“เมื่อกี้มันตัวบ้าอะไรครับนั่น”อีเลียสถามแบล็คด้วยอาการไม่เชื่อสายตาตนเองสักเท่าไหร่

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ดูเหมือนมันมาอย่างสันติมากกว่า มาด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสังหารพวกเราไม่งั้นคนที่หมดสติอยู่คงไม่มีลมหายใจอยู่จนถึงขณะนี้หรอก”แบล็คอธิบายความเป็นไปได้ รออยู่พักใหญ่ทุกคนค่อยตื่นขึ้น

“เจ็บหัวจะแย่แล้วเว้ย!”อัลโดตะโกนอย่างเจ็บปวด

“แค่นี้ทำใจเสาะไปได้ ไม่ตายก็ดีแล้ว”อีเลียสสวนกลับ “หัวหน้า จวนจะถึงเวลา 00 00 แล้วใกล้ได้เวลากลับฐานตามแผนแล้วครับ เปลี่ยน”เทรวิสวิทยุมาถึงแบล็ค “โอเคเรากำลังไป”แบล็คตอบกลับ ทีมค่อยๆออกจากหอสมุดตรงไปที่เขตปลอดภัยบริเวณ ล็อบบี้ โรงแรม “11 55”แบล็คเช็คเวลาที่นาฬิกา

“เอาล่ะถึงเวลากลับบ้านแล้ว!”ไมเคิลให้สัญญาณเพื่อนในทีม ทั้งหมดขึ้นรถทันทีพร้อมขนเครื่องมือกลับไปเต็มคันรถ ขณะที่พายุยังคงกระหน่ำใส่พวกเขาตลอดเวลา ขบวนรถฮัมวี่ต้องแล่นฝ่าพายุที่เกิดขึ้นทั่วบริเวณมหานครนิวยอร์ก ระยะการมองเห็นถนนข้างหน้าแทบจะเหลือเพียง 3 เมตรดังนั้นความเร็วจึงอยู่ที่ 60 ไมล์/ชั่วโมง ต้นขบวนอีแวนเป็นคนขับรถขณะที่ตากำลังพยายามเพ่งไปบนถนนอีแวนเหลือบเห็นบางอย่างบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเขา

“นั่นอะไรวะนั่น?”อีแวนถามพรรคพวก “เปรี้ยง!”เกิดฟ้าผ่าขึ้น แสงจากฟ้าผ่าเผยให้เห็นวัตถุขนาดมหึมาค่อยๆเคลื่อนไหวผ่านไปทางทิศเหนือ รูปร่างมันเหมือนคนอย่างเห็นได้ชัด เดินสองขา มีแขนทั้งสองข้าง เพียงแต่ขนาดอันมโหฬารของมันทำให้ทีมต้องหยุดชะงัก อีแวนค่อยๆผ่อนคันเร่ง “แจ้งเตือนคันอื่น”อีแวนกระซิบบอกเพื่อน ขณะที่แบล็คนั่งอยู่ข้างๆยกกล้องมองกลางคืนออกมากคอยดูท่าทีของสิ่งมีชีวิตข้างหน้า

“เรียกทีม เป้าหมายทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเปลี่ยน”เจน่าวิทยุบอกฮัมวี่สองคันหลัง ขณะที่เป้าหมายห่างจากขบวนไม่ถึง 200 เมตร

“รับทราบๆ พบเป้าหมายแล้วเปลี่ยน ปิดไฟหน้าด้วยเลิกกัน”ฮุควิทยุมาเตือนทีมที่เหลือ บรรยากาศแทบจะเงียบในทันทีทุกคนพยายามเพ่งมองสิ่งที่กำลังพบ ดูเหมือนมันจะไม่ทันมองมาทางขบวนรถ ขณะที่มันยังคงเดินขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ รอพักใหญ่ เป้าหมายเดินลับหายไปทางทิศเหนือ ขณะที่ทีมกำลังอึ้งทึ่งอยู่พักใหญ่ แบล็คตัดบทด้วยการวิทยุออกคำสั่งขบวนรถ “เอาล่ะไปต่อกันได้แล้ว” ด้วยท่าทีไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ กินเวลาไม่นานนักขบวนรถมาถึงฐานที่มั่นในที่สุด ฟิวรี่เดินออกมารับด้วยตัวเองในทันที “ยินดีด้วยกัปตันที่นำทีมของคุณกลับมาครบทุกคน”ฟิวรี่กล่าวขอบคุณแบล็คเป็นการใหญ่

“พบอะไรไหม?”ฟิวรี่ตั้งคำถามทันที “ไม่พบครับท่าน แต่เราพอจะทราบแล้วว่าใครเป็นผู้ส่งสาร อย่างน้อยๆก็พอจะอธิบายรูปประพรรณคร่าวๆได้ครับผม”แบล็คตอบคำถามด้วยท่าทีสงบนิ่ง

“ดีกว่าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ เอาล่ะพวกคุณไปพักกันเถอะ คงเหนื่อยแล้วสินะ”ฟิวรี่กล่าว “ครับผม”แบล็คทำความเคารพฟิวรี่ก่อนนำทีมเดินจากไป พวกเขาเดินมาถึงห้องยุทโธปกรณ์ เห็นมาสการ์และทีมของเขาทั้ง 4 คนยืนรออยู่พอดี “ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับหัวหน้าเป็นการด่วนเลยครับผม”มาสการ์กล่าวด้วยท่าทีเงียบขรึม

“ไปคุยกันข้างในสิ ผู้หมวด”


Chapter12:Deep Down

มาสการ์เชิญแบล็คและทีมของเขากลับเข้าไปในเต็นท์ที่พัก ความกังวลและสงสัยมากมายพรั่นพรูใส่แบล็คและทีมอย่างมาก

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากนะครับ”มาสการ์เปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่หวาดระแวงนิดๆ เขาเดินกลับไปกลับมาระหว่างหน้าต่าง 2 บานหน้าเต็นท์ราวกับระวังภัยอยู่

“ว่ามาสิ ผู้หมวด”แบล็คเปิดคำถามด้วยความสงสัย “โอเคครับ เริ่มเลยล่ะกัน หลังจากผมถูกช่วยเหลือจากการซุ่มโจมตีเมื่อวานนี้ ผมไม่ได้สงสัยอะไรมากนักเพียงแต่พอถูกนำทางมาที่นี่ผมกลับแปลกใจนิดหน่อยว่าตามรายงานจากดาวเทียวทหารอีออส ระบุภาพฐานที่มั่นนี้ได้ว่าอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากพึ่งถูกโจมตีด้วย A-10 Thunder bolt ระลอกใหญ่ยังไงยังงั้นแต่ที่นี่มันกลับต่างโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้นไม่นานผมหาทางติดต่อกลับไปที่กองเรือไอโอว่า กลับไม่สามารถทำได้เหมือนว่าถูกรบกวรความถี่อยู่ หลังจากนั้นไม่นานผมได้รับสัญญาณมอร์สสั้นๆว่า

”ระวัง ถูกจัดฉาก จากกองเรือ” ราวฟ้ากับเหวลึก บรรยากาศในเต้นท์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทุกคนอยู่ในความเงียบสงบแทบจะได้ยินเสียงหายใจของทุกคน แบล็ครวบรวมสติตอบกลับ

”ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริงตามที่ผู้หมวดบอก แล้วเราจะหาข้อพิสูจน์อย่างไรล่ะเกิดเข้าใจผิดขึ้นมา เราอาจทำให้ใครต้องได้รับบาดเจ็บหรือตายแน่นอน”

“เรื่องข้อพิสูจน์ผมน่ะมีแล้วล่ะครับเพียงแต่เวลาน่ะสิคือปัญหา ผมถึงรอกัปตันกลับมาก่อนไงล่ะครับ”มาสการ์ตอบกลับด้วยท่าทีโล่งใจขึ้นมาอีกนิด เขายกกล้องอินฟราเรดตัวหนึ่งให้แบล็ค “ลองดูแล้วจะรู้ครับว่ามันคืออะไรกันแน่” แบล็คไม่รอช้าหยิบกล้องขึ้นมาเขามองผ่านเลนส์จับความร้อน ชั่วครู่แบล็ควางกล้องลงทันที

“สุภาพบุรุษเราเจอปัญหาแล้ว”เขากล่าวก่อนเริ่มต้นส่งกล้องอินฟราเรดให้แต่ล่ะคนในทีม ภาพที่เห็นคือทหารทุกคนในฐานที่มั่นนี้ไม่มีอุณหภูมิความร้อนแม้แต่ 1 องศาทุกอย่างเป็นสีฟ้าคือติดลบ 0 องศาคำตอบง่ายๆคือทุกคนไม่ใช่มนุษย์เพียงแต่มันคืออะไรล่ะ

“ผู้หมวด วิทยุสื่อสารควอนตัม ยังอยู่ที่คุณหรือเปล่า?”แบล็คยิงคำถามทันที

“ผมเอาไปฝากไว้ที่ห้องยุทโธปกรณ์น่ะครับ”มาสการ์ตอบอย่างตะกุกตะกัก

“งั้นถึงเวลาทวนคืนแล้วล่ะ ทำทุกอย่างให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเข้าใจไหมคอยระวังตัวตลอดเวลาด้วยล่ะ”แบล็คทิ้งทวนไว้ก่อนเปิดประตูออกจากเต้นท์ทันที บรรยากาศภายนอกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจากที่ช่วงที่เขาเข้ามาทหารแต่ล่ะคนดูสนุกสนานและคุยกันตลอดเวลา ตอนนี้กลับกลายเป็นเงียบสนิทราวกับหุ่นยนต์แต่ล่ะคนเริ่มหันมองพวกเขาอย่างช้าๆ “วันนี้อากาศดีนะ”ฮุคตะโกนออกไปดังๆ

“ไอบ้าเอ้ย ทำไรว่ะ”อีเลียสกระซิบเบา

“ให้มันเหมือนเดิมไงเว้ย เร็วดิว่ะคุยๆกันหน่อย”ฮุคตอบกลับ

“..เออก็ว่างั้นว่ะ อากาศดีเป็นบ้าเลยว่ะ รู้สึกอยากออกไปยิงกบาลเอเลี่ยนสักตัวสองตัวว่ะ ฮ่าๆๆ” อีเลียสตะโกนออกมาอย่างไม่แน่ใจ แต่แทบไม่ได้ต่างจากเดิม บรรยากาศยังคงเงียบเช่นเดิม หลังจากบทสนทนาอันสั้นจบลงทีมมาถึงห้องยุทโธปกรณ์ ทีมรีบดิ่งเข้าภายใน “ล็อคประตูด้วยเว้ย”อัลโดบอกเพื่อน ไม่รอช้าทีมลงคุ้ยหาเครื่องมือสื่อสาร ควอนตัม ทันที

“อยู่ไหนวะไอบ้าเอ้ย!”มาสการ์สบถออกมาด้วยอาการรนราน “เจอแล้ว!”เทรวิสส่งสัญญาณ “เอาล่ะส่งสัญญาณได้”แบล็คตอบกลับทันที

“นี่ทีม เดลต้า ถึงกองเรือไอโอว่า ตอบด้วยเปลี่ยน!” เทรวิสรออยู่ครู่ก่อนเตรียมส่งสัญญาณอีกรอบ “นี่กองเรือไอโอว่า ถึงทีม เดลต้า ว่ามาเปลี่ยน”ทุกคนแทบดูเหมือนโล่งออกไปได้ส่วนหนึ่ง “ถึงกองเรือไอโอว่า เราได้รับสัญญาณมอร์สแล้ว และทำการยืนยันแล้วทุกอย่างคือการจัดฉากเปลี่ยน”เทรวิสตอบกลับ

“รับทราบๆ ปัญหาคือเราไม่สามารถส่ง ฮ. ช่วยเหลือไปในตำแหน่งของคุณได้ เนื่องจากโดนโจมตีทางอากาศอย่างหนัก จะดีมากหากมาจุดนัดพบที่เรากำหนดให้เปลี่ยน”เจ้าหน้าที่ไอโอว่าตอบกลับ “รับทราบ ขอพิกัดด้วยเปลี่ยน”

“พิกัดคือ 202 x 752 y เวลาของคุณคือ 2 ชม. เปลี่ยน”

“รับทราบเจอกันอีก 2 ชม เปลี่ยน”เทรวิสตอบกลับด้วยทีท่าดีใจยิ่ง “รับทราบขอให้โชคดี กองเรือไอโอว่าเลิกกัน”


Chapter13:Danger Close

ทีมแบล็คและมาสการ์ทำการติดต่อกลับไปที่กองเรือ ไอโอว่า ซึ่งรู้แผนการของเหล่าผู้บุกรุกนอกโลกตั้งแต่ได้รับสัญญาณหลอกอยู่นานแล้วเพียงแต่หาทางพยายามติดต่อกลับสู่ทีมแบล็ค ขณะที่ต้องรับมือการโจมตีอย่างหนักของเหล่าอากาศยาน ไร้สัญชาติหรือยานบินเอเลี่ยนนั่นเอง

ผู้บัญชาการวิคเตอร์ คาร์ลอส แห่งกองเรือไอโอว่า สหรัฐอเมริกา กำลังวุ่นอยู่กับการวางแผนตั้งแนวรับรวมถึงแผนช่วยเหลือทีมแบล็คออกจากพื้นที่ทันที หลังจากได้รับคำสั่งให้นำตัวออกมาใน 2 ชม. เพราะตอนนี้กองเรือ อับราฮัม ลินคอล์น เตรียมยิงจรวดนำวิถีความร้อน เฮลไฟร์ ใส่ตัวที่มั่นของศัตรูแล้วโดยคำสั่งตรงมาจาก วอชิงตัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในที่หลบภัย ฐานทัพ แอเรีย 51 ในการป้องกันโดยกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา เนวาดา แน่นอนล่ะเรื่องยังงี้ใครไม่ร้อนใจก็คงยาก เพื่อนเก่าแก่ตนเองต้องหาทางมาถึงจุดนัดพบให้เร็วที่สุดก่อนที่จะโดนย่างสดไปพร้อมกับมหานครนิวยอร์กนี้


ทีมอัลฟ่า ทุกคนในทีมกำลังวุ่นอยู่กับการหาทางออกอื่นนอกจากประตูหน้า ห้องยุทโธปกรณ์มองจากภายนอกมันดูเล็กและแคบเพียงแต่จริงๆแล้วภายในนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ว่าขนาดที่ดูใหญ่จากภายในกลับมีประตูเพียงแห่งเดียวคือประตูที่ แบล็คและทีมของเขาเข้ามานั่นเอง

“แย่ล่ะสิ งานนี้ต้องรีบแล้วตอนนี้เหลือเวลาแค่ 1 ชม. 50 นาที แล้วนะครับ”มาสการ์กล่าวด้วยท่าทีเร่งรีบ “ “ตึงๆ?”เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงบิดลูกประตูดัง ก๊อก แกร็ก

“กัปตันครับ ท่านนายพลต้องการคุยด้วยโดยด่วนครับผม”เสียงทหารหรืออะไรบางอย่างข้างนอกดังขึ้น

“..โอเค เดี๋ยวผมไปตอนนี้กำลังหาของอยู่น่ะ ขอ 5 นาที”แบล็คตอบกลับ

“รับทราบครับ แต่ช่วยเร่งมือหน่อยนะครับ”เงาของนายทหารเดินจากไป ทีมเริ่มทำการค้นหาต่อทันทีไม่รอช้า

“เจอแล้ว!”เร็กซ์ส่งสัญญาณบอกทีม มันเป็นประตูสู่ทางน้ำใต้ตัวเมือง อาจยาวหลายร้อยไมล์และวกวนแต่ใครจะรู้มันอาจนำไปถึงจุดหมายก็เป็นได้

“เดี๋ยวก่อน ผมมีของขวัญจะฝากให้พวกมันด้วย”เสียงเทรวิสกระซิบบอกทีม เขาควานหากล่องสีดำในกองสัมภาระ เขาหยิบมันขึ้นมาภายในเป็นระเบิด C4 แบบตั้งเวลาเขาหยิบกล่องกระสุนมากองทับๆตัวระเบิดไว้เพื่อพรางตา ก่อนตั้งเวลา 5 นาที “เอาล่ะไปๆๆ”เทรวิสให้สัญญาณ ทีมรีบรุดหน้าเข้าไปสู่ทางน้ำทิ้งของเมือง

“แย่กว่านี้มีอีกไหมว่ะเนี่ย โหย กลิ่นนี่ยิ่งกว่าหมาตายอีกว่ะ”ไมเคิลพูดออกมาด้วยอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด


กองเรือไอโอว่า วิคเตอร์กำลังวุ่นอยู่กับแผนรับมือกับเหล่าเอเลี่ยนอยู่ในห้องประชุมกับนายพลอีกหลายนาย รวมถึงหัวหน้าทีม เดลต้าฟอร์ซ แจ็คสัน คอร์ป ซึ่งพึ่งมาถึงได้ไม่นานนี้ ภารกิจคือเพื่อมาสมทบกับหน่วย RANGER ของแบล็ค แต่ตอนนี้กลายมาเป็นว่าต้องนำทีมช่วยเหลือออกไปรับแบล็คกลับมา

“ถ้าเป็นยังงี้อยู่ต่อไปเรื่อยๆมีหวังเราจะเสียทั้งกำลังพลและกระสุนอีกมากมายนะครับ” นายพลคนหนึ่งกล่าวกับวิคเตอร์

“ทุกคนต้องได้กลับบ้าน อันนี้คุณก็รู้” วิคเตอร์กล่าวอย่างมั่นใจ

“ผมจะทำให้มันง่ายขึ้น ผมจะนำทีมไปกับ ฮ.แบล็คฮอร์ค และเข้าทำการช่วยเหลือเอง”แจ็คสันกล่าวด้วยอาการสงบนิ่ง

“ได้ งั้นอีก1.40 ชม. คุณเตรียมตัวได้เลย ผมจะสั่งให้ F-14 ทอมแคท คอยคุ้มกันคุณเอง และจะสนับสนุนภาคพื้นดินด้วยปืนใหญ่ 120 มม. “เราหวังว่ามันจะได้ผลนะ กัปตัน” วิคเตอร์กล่าวอย่างเชื่อใจ “แน่นอนครับ ผมจะนำทีมหัวกะทิ ออกไปรับพวกเขาออกมาเอง เชื่อมือพวกเราได้”แจ็คสันกล่าว


Chapter14:Helper

กลิ่นเหม็นเน่าและเหม็นสาบ มากมายพุ่งเขาสู่ประสาทรับรู้กลิ่นของทีมยังเห็นได้ชัด เพราะหน้าตาแต่ล่ะคนเปลี่ยนไปจากเดิมมากหลังจากลงมานี่ได้ 1 นาทีกว่าเท่านั้น แม้แต่ แบล็ค ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์โชคโชน ปฏิบัติภารกิจมามากมาย ทั้งกลิ่นคนตาย กลิ่นดินโคลน ต่างๆนาๆ แต่เขายังไม่เคยลงมาถึงท่อน้ำทิ้งของอดีตมหานครอันรุ่งเรือง ถึงแม้สีหน้าของแบล็คจะเปลี่ยนเล็กน้อยแต่จริงๆเขาก็รู้สึกแย่ๆเหมือนกัน

“เดินฝ่าดง ของเสียของคนนิวยอร์กนี่มันก็พอรับไหวนะ ดีกว่าออกไปรับลูกกระสุนของพวกเอเลี่ยน..เฮ้ออ..” มาสการ์พูดออกมาด้วยท่าทีตลกฝืดๆ

“สมัครทหารมาไม่ได้อาสามาลงกองขี้คนนะเว้ย แย่จริงๆเลย” แจ็คกล่าว เขาพยายามก้าวยาวๆและยกขาสูงดูเทอะทะแปลกๆ สายสะพายปืนเหวี่ยงไปๆมาๆ “ระเบิดจะทำงานใน 2 นาทีรีบหน่อยก็ดีนะ”เทรวิสโต้กลับก่อนจะย่ำน้ำเน่าต่อไป ช้าๆอืดๆ

“แปะ..”น้ำหยดหนึ่งจากเพดานท้อน้ำทิ้งหยดลงบนหน้า อีเลียส “แหวะ..ซวยอะไรยังงี้วันนี้”อีเลียสสบถเขาพยายามหาผ้ามาเช็ดหน้าด้วยอาการเบื่อหน่าย “จ๋อม..จ๋อมๆๆ?”เสียงหยดน้ำดังถี่ขึ้นมาก “นั่นอะไรวะนั่น”มาสการ์พูดขึ้น “จ๋อม...ตูม!” “เฮ้ยอะไรวะ!?”ไมเคิลตะโกนใส่วัตถุที่ตกลงมา

“แกร็กๆๆ”เสียงคล้ายการไขลานดังขึ้นสะท้อนท่อน้ำ ทำให้เสียงกังวานมากขึ้น ฝุ่นตลบอบอวนค่อยๆจางหายไป เผยวัตถุประหลาดนอนแน่นิ่งอยู่บนกองหินปูน “แกร็กๆๆ!” มันค่อยๆขยับทีล่ะนิด ทีมถึงกับตะลึง มันดูเหมือนคนแขนขายาวมาก แขนแทบจะจุ่มลงพื้นแต่ด้วยความสูง 3 เมตรกว่าคงยังยื้อแขนของมันไม่ให้ตกลงน้ำเน่าได้ ลูกตาวงกลมใสสีขาวๆค่อยเปิดออกเป็นตาดำเต็มดวง “เป้าหมาย สถานะ:ทำลายเท่านั้น” วัตถุพูดขึ้นแสงสีฟ้าเริ่มเปล่งประกายตามเส้นสีดำของมันทั่วร่างกาย “ท่าไม่ดีว่ะ เผ่นเหอะ”เจน่ากระซิบบอกทีม ขณะที่แต่ล่ะคนอึ้งและยืนแข็งทื่อ

“โกยว้อยย..ยย!”เจน่าตะโกน ทีมรีบวิ่งโกยหน้าตั้งแบบไม่คิดชีวิต ตามเส้นทางท่อน้ำทิ้ง สิ่งมีชีวิตประหลาดยังคงวิ่งตามเขามาอย่างรวดเร็ว ราวชั่วพริบตา มันวิ่งตามหลังมาติดๆ ชั่ววินาทีมันเอื้อมมือเตรียมคว้าตัว มาสการ์ที่ตามหลังทีม

“บึม!..บึมๆๆๆ!”เสียงระเบิดดังขึ้นห่างออกไปประมาณ 1 ไมล์ สิ่งมีชีวิตประหลาดหันหลังกลับทันที แรงระเบิดจากระเบิด C4 ที่เทรวิสตั้งไว้ส่งแรงลมมหาศาลอัดกระแทก เข้าใส่ เจ้าตัวประหลาดกระเด็นติดกำแพงท่อน้ำ ไม่วายแรงลมจำนวนมากที่ไร้ซึ่งทางออกพุ่งเข้าปะทะทีมแบล็คกระเด็นไปข้างหน้าหลายหลา

“โอยย..ยย”เสียงครวนคราญดังขึ้น “ยังครบไหม”แบล็คตะโกนถามลูกทีมด้วยอาการมึนหัว

“ครืนน..นน!”กองหินปูนจำนวนมากกระเด็นไปคนละทิศละทาง เจ้าตัวประหลาดยืนขึ้นไม่มีแม้แต่รอบขีดข่วน ไร้ซึ่งความรู้สึกเจ็บปวด มันค่อยเดินเข้าไปที่ เจน่า ซึ่งขายังติดอยู่กับเศษโครงเหล็ก เงาทมิฬบดบังเจน่าไว้ เขารู้ทันทีว่ามันอยู่ข้างหลังเขา

“เวรล่ะสิงานนี้” เจน่าพึมพำ ตัวประหลาดเงื้อมือขึ้นมือของมันค่อยๆเปลี่ยนรูปทรงบริเวณปลายเล็บ จนคล้ายใบมีดคมกริบ

“ทำลาย” มันพูดขึ้นก่อนพุ่งมือลงใส่เจน่า “ฟิ้วว..วว ฉัวะ” เสียงวัตถุทะลุกำแพงเสียงพุ่งเขาใส่ ตัวประหลาดก่อนที่มันจะลงมือใส่เจน่า วัตถุนั้นทะลุผ่านมือมันไปอย่างรวดเร็ว

“มีเป้าหมายใหม่ สำคัญๆๆๆๆ!!! เอ๋?...พรวด?!” มือของมันค่อยๆเลื่อนออกอย่างช้าๆ ในที่ก็หลุดออกมาเลือดสีฟ้าเข็มพุ่งออกมาไม่หยุด

“ฟื้นฟู” สัตว์ประหลาดพูด ก่อนมันจะกัดแขนของตัวเองแล้วกินมันเข้าไป พริบตาแขนใหม่งอกออกมาในทันที

“วิ้วๆๆๆ!” ใบมีดนับสิบ พุ่งเข้าใส่ตัวประหลาดนั่นไม่ยั้ง ตึง!เสียงฝีเท้าดังขึ้น แบล็คหันหลังกลับไปมอง สิ่งที่เห็นคือสิ่งเดียวกับที่เขาพบใน โรงแรม ลูซูรี่ นั่นเอง “กำจัดๆๆๆ”สัตว์ประหลาดตะโกนด้วยอาการเจ็บปวด ไม่รอช้าชายลึกลับคนนี้หรืออะไรก็ตาม วิ่งเข้าใส่เจ้าสัตว์ประหลาดในทันที เขากระโดนขึ้นเพดานท่อน้ำก่อนพุ่งตัวลงใส่เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ กำปั้นแรกพุ่งเข้าใส่หน้ามันอย่างเต็มรัก ตามด้วยหมัดซ้าย ก่อนกระหน่ำรัวหมัดใส่ สัตว์ประหลาดอย่างไม่ปรานี เขาแบมือออกแล้วเงื้อขึ้นฟ้าก่อนที่ดาบสีเขียวสว่าง จะออกมาใต้แขนเขา ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเสียบดาบปลายแหลมเข้าใส่เจ้าสัตว์ประหลาดแบบที่ว่าเร็วยิ่งกว่ากระสุนปืน ก่อนท่าจบเขาเอื้อมแขนไปทางขวา แล้วเสียบดาบเข้าหน้าอกของสัตว์ประหลาด ก่อนเดินลงจากร่างไร้วิญญาณของสัตว์ประหลาดนั้น

สายตานับสิบจ้องไปที่ ชาย คนนี้

“ข้างหลัง!” อีเลียสตะโกนขึ้น เจ้าสัตว์ประหลาดยังไม่สิ้นลมหายใจ มันกระโจนด้วยความรวดเร็วเข้าใส่ ชายลึกลับผู้นี้ เขาหันหลังกลับก่อน หยิบดาบสีฟ้าอ่อนอีกเล่มจากเอว ตัดคอมันออกเป็น 2 ส่วน ทีมถึงกับตะลึงกับความรวดเร็วและประสาทที่ฉับไวยิ่งนัก เขาเดินกลับมาประจำที่เดิม ก่อนพูดว่า

“ข้า..มีนามว่า อาคูร่า และข้าไม่ใช่มนุษย์”

Chapter15:Storm coming

ท่ามกลางพายุหิมะที่ถาโถมเข้าใส่ชายผู้ใส่ชุดกันหนาวสีขาวนวล แม้จะใส่ชุดกันหนาวแบบฉนวนกันความเย็นไว้ก็ตามมันยังคงให้ความรู้สึกเหมือนใครเอาของมีคมมาทิ่มแทงหลังของเขาตลอดเวลา ความเย็นแทรกซึมเข้าสู่กระดูกสันหลังจนเย็นวาบ เขาเดินมานานมากกว่า 3 ชม.แล้วอย่างไรก็ตาม ชายคนนี้ยังไม่พบสิ่งที่ตามหาหรือเรียกได้ว่า ภารกิจ นั่นเอง

“ไวท์เอาท์ เรียก โอเรกอน เปลี่ยน” เสียงวิทยุควอนตั้มแบบพิเศษของเขาดังขึ้นจาก เป้อุปกรณ์ที่สะพายมาด้วย เขาค่อยๆย่อตัวลงแล้วหยิบกระเป๋ามาไว้ข้างหน้า “นี่โอเรกอนพูด ว่ามาเปลี่ยน”ชายคนนี้พูดขึ้น “พบอะไรไหม?”ปลายสายถามสั้นๆ “ยังไม่พบเปลี่ยน”เขาตอบกลับ

“รับทราบหาต่อไป โชคดี ครัสเตอร์ “ปลายสายกล่าวก่อนเลิกการติดต่อ

“ถึงจะเป็นคลื่นความถี่ลับ ก็ไม่ควรพูดชื่อนะเว้ย”ครัสเตอร์พูดไปพลางๆก่อนหยิบซองบุหรี่ขึ้นมา เขาพยายามจุดไฟแช็คหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ยอมติด ด้วยความเร็วลมกว่า 80 ไมล์/ชั่วโมง นับว่าทำได้ยากมาก ระยะการมองเห็นเหลือเพียง 5-10 เมตร ช่วงเวลาสั้นๆ ลมพายุหิมะหยุดลงอย่างน่าแปลกใจ ครัสเตอร์ รีบจุดบุหรี่ทันที เขาเงยหน้าขึ้นมามองไปข้างหน้า สีหน้าสบายใจของเขาหายไปในทันที

“เป็นไปได้ยังไง!”ครั้สเตอร์อุทานขึ้น เขารีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา

“ถึงไวท์เอาท์”ครั้สเตอร์กล่าว

“พบเป้าหมายแล้ว!” “รับทราบๆ”ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงกังวล “งั้นก็จริงที่แหล่งข่างบอกมาสินะ”ครัสเตอร์พูดผ่านวิทยุ มหึมาจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าอะไรแบบนี้มันจะมาอยู่ตรงนี้ ที่ๆไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะมาอยู่เพราะมันไม่เคยถูกสงสัยน่ะสิ

Chapter16:Akura?

เสียงของสิ่งมีชีวิตต่างดาวเงียบลงหลังจากกล่าวแนะนำตัวไปแล้ว ทุกคนยืนค้างอยู่กับที่เหมือนความรู้สึกตอนแกะกล่องของขวัญสมัยเด็กๆ มีทั้งความดีใจและตื่นเต้นในทางที่ดี ขณะนี้ก็เช่นเดียวกันเพียงแต่ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ คำถามที่ว่าควรยกปืนขึ้นหรือลดลงซะมากกว่าที่ควรคิด

“เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ของดาวโลกนี้ ทำให้ข้าจำต้องใส่หน้ากากไว้ตลอด จะเรียกว่าหน้ากากกันแก๊สในแบบที่ชาวโลกเรียกก็ว่าได้”อาคูร่าพูดไปพลางยกก้อนหินมหึมาออกจากขาเจน่า “อะ..เอ่อ ขอบคุณ”เจน่าตะกุกตะกักตอบไป “คุณต้องการอะไร มีเหตุผลอะไรที่ต้องช่วยพวกเรา”แบล็คเปิดคำถาม

“ข้าไม่ได้ช่วยพวกเจ้า ข้ากำลังจะช่วยทั้งจักรวาลต่างหาก” บรรยากาศเงียบลง

“จักรวาล?”มาสการ์พูดลอยๆ

“ใช่แล้ว สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเจ้าไงล่ะ…”

“แล้วโลกมันไปเกี่ยวอะไรกับ จักรวาล เราเป็นแค่ดาวเล็กๆของเอกภพ ทำไมถึงสำคัญนักล่ะ” แบล็คพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “แน่ล่ะเรื่องนั้นข้าเข้าใจอยู่แล้ว พวกมนุษย์อย่างเจ้าน่ะ ก็แค่เศษธุลี เพียงแต่ความลับของโลกเจ้าน่ะมันไม่ใช่ ข้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องบอกอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว” อาคูร่าจบบทสนทนาก่อนหันหลังเดินกลับไป

“ลาก่อนมนุษย์โลก” ทิ้งท้ายคำอำลาชวนให้งุนงง


แบล็คไม่ได้ติดใจอะไร เขาก้มลงมองนาฬิกา ตัวจับเวลานับถอยหลัง 2 ชม. นับตั้งแต่เขาติดต่อกองเรือรบ ตอนนี้เหลือ 1 ชม. พอดีแล้ว แบล็คตัดสินใจรีบออกเดินทางต่อทิ้งความสงสัยมากมายไว้เบื้องหลัง

“ไปต่อ!” ทีมออกเดินทางต่อทันที เสียงระเบิดค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ นับจากที่ทีมวิ่งมาเป็นเวลากว่า 15 นาทีแล้ว ข้างนอกคงกำลังสู้รบอย่างดุเดือดอยู่เป็นแน่เวลาเหลือ 45 นาทีแล้ว จะเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกไม่ได้

“ถึงเดลต้า เปลี่ยน” วิทยุส่งเสียง “แบล็คกดปุ่มตอบรับที่ตัววิทยุเพื่อตอบกลับ

“ทีมเดลต้า ว่ามาเปลี่ยน” “เราจับสัญญาณ GPS ของคุณได้แล้วหากไม่มีอะไรผิดพลาดตอนนี้เราคงอยู่บนหัวของทีมคุณเปลี่ยน” เสียงเงียบลง รอการตอบกลับของแบล็ค “รับทราบเปลี่ยนพอจะหาทาง เจาะรูลงมาได้ไหม เปลี่ยน”แบล็คตอบกลับ

“พอมีทางอยู่ แต่อาจจะเสียงดังไปหน่อย ถอยออกจากจุดนี้ 50 เมตร ด้วยเปลี่ยน”เสียงดังขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย

“รับทราบ..เอาล่ะทุกคนถอยจากจุดนี้ 50 เมตรเดี๋ยวนี้”แบล็คตะโกนสั่งทีม

“3..2..1..” เสียงจากปลายสายนับถอยหลัง ตูม! เพดานท่อนำทิ้งระเบิดออก เสียงใบพัดขนาดใหญ่ดังกึกก้องลงมาข้างล่าง ทีมรีบหาทางลัดเลาะไปตามเศษซากปรักหักพังของตัวคอนกรีต ไม่นานนักทั้งหมดขึ้นมาได้สำเร็จ พวกเขาแหงนมองขึ้นฟ้าพบ ฮ.แบล็คฮอร์ค บินนิ่งๆบนหัวเขาอยู่พร้อมเสียง เครื่องบิน A-10 บินว่อนไปมาราวกับแส้ที่แกว่งไปมากลางอากาศ “เร็วเข้า!”ทหารชุดสีดำ ตะโกนก่อนโรยเชือกสลิงมาให้ทีม

“ศัตรู 9 นาฬิกา!”เสียงเทรวิสตะโกนดังขึ้น กองกำลังศัตรูจำนวนมากกำลังเดินทัพมาหาพวกเขา พวกมันเปิดฉากโจมตีทันทีแสงสีฟ้ามากมายพุ่งเข้าใส่ ลำตัว ฮ.แบล็คฮอร์ค นักบินหักคันบังคับไปทางขวา เพื่อให้กระบอกปืนอัติโนมัติข้างลำเล็งเป้าได้

“วี้ดด..ดด?” เสียงลำกล้องหมุนด้วยความเร็วสูง ชั่ววินาทีเสียงคล้ายคลื่นเสียงความถี่ต่ำดังขึ้นทั่วบริเวณ ส่งกระสุนกว่า 1000 นัดใน 1วินาทีเข้าใส่ศัตรูจำนวนมากที่กำลังวิ่งเข้ามา กระสุนเจาะทะลุร่างสีดำฟ้าร่วงลงไปเป็นจำนวนมาก

“ไปๆ” แบล็คออกคำสั่งท่ามกลางควันดำและปลอกกระสุนที่ร่วงลงมาจำนวนมาก เครื่องบิน A-10 หักลำกลางอากาศวกกลับมาบริเวณ ฮ.ช่วยเหลือ

“มาร์ค 1”นักบินออกสัญญาณ ทั้ง 2 ลำทิ้งระเบิดนาปาล์มและจรวดเฮลไฟร์ใส่ จุดที่ศัตรูกำลังหาที่กำบัง

“บึมๆๆ!” เสียงระเบิดแสบแก้วหูส่งฝุ่นควันทั่วอาณาเขตฟุ้งกระจาย

“ไปๆๆ” แบล็คให้สัญญาณนักบิน ฮ. ดึงสลิงกลับขึ้นพร้อมออกตัวทันที เสียงแผ่นเหล็กกระทบกับกระสุนค่อยๆเบาลงเรื่อยๆตามความสูง แบล็คหันไปขอบคุณเดลต้าคนหนึ่งที่กำลังหันลงไปมองเบื้องล่าง เขาหันมาก่อนทักทาย

“เป็นไงบ้างครับหัวหน้า"


Chapter17:Nothing can prepare you.

แจ็คสัน? เสียงแบล็คดังขึ้นท่ายกลางเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ด้วยความงุนงง

“ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะครับ”แจ็คสันกล่าวก่อนยื่นมือออกมาเพื่อทักทายอย่างเป็นทางการ

“หึๆ ก็คงงั้นมั้ง” แบล็คกล่าวติดตลกก่อนยื่นมือเพื่อทักทายเช่นกัน

“ไว้กลับถึงเรือจะอธิบายให้ฟังจะดีกว่านะครับ”

“ก็ดี”แบล็คพูดสั้นๆ

“ครืนน..นน”เสียงแผ่นดินเบื้องล่างดังขึ้น มันค่อยๆแตกออกอย่างช้าๆ ราวกับมีอะไรบางอยู่ภายใน

“นั่นมันอะไรน่ะ?” นักบินตกตะลึงกับเหตุการณ์เบื้องล่าง

“ก๊าซ..ซ!”เสียงคำรามแสบแก้วหูดังลั่นขึ้นมาถึงผู้โดยสารใน ฮ.ช่วยเหลือ ตัวเครื่องสั่นเล็กน้อย เสียงเงียบลงชั่วครู่ “ตูม!”ตึกสูงระฟ้าพังทลายลงเป็นแถบๆ มือขนาดมหึมาโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน ก่อนโผล่มาอีกมือ “ก๊าซ!”เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง พื้นแตกร้าวราวกับแผ่นดินไหว

“ตูม” เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ควันจากเศษตึกมากมายกระจายฟุ้ง

“นั่นมันตัวบ้าอะไรวะ!”นักบินพูดด้วยความตกใจ สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สูงกว่าตึก 10 ชั้นยืนตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองมันไม่ไหวติงแม้แต่น้อย

“จี้ดด..ดด”คลื่นความถี่สูงดังขึ้นชั่ววูบ ตาสีแดงส่องสว่างขึ้น มันค่อยๆลืมตาขึ้น “ขอการโจมตีภาคพื้น บริเวณทิศตะวันตกจากจุดกู้ภัย รหัสโจมตีคือ เอเรส!”นักบินวิทยุไปถึงกองเรือไอโอว่า “รับทราบ ทำการยิงใน 3..2..1..ยิง!”สิ้นเสียงวิทยุตอบกลับลง เสียงแหวกอากาศดังขึ้นมาแต่ไกล

“ฟ้าวว” ลูกกระสุน 120 มม. 3 ลูกพุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างจัง “ตูม ตูม..ตูม”เสียงหัวรบระเบิดดังสั่นหวั่นไหว “ยืนยัน โดนเป้าหมายอย่างจัง แม่นมากเปลี่ยน”นักบินวิทยุเพื่อส่งสัญญาณ

ฝุ่นควันค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ

“!..ถึงกองเรือ ศัตรูยังอยู่น้ำ ศัตรูยังอยู่”นักบินรีบดึงเครื่องขึ้นพร้อมกับวิทยุหากองเรือทันที

“รับทราบๆ ยิงระลอก 2 ใน 3..2..1..ยิง!” กระสุนปืนใหญ่พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย เสี้ยววินาทีเป้าหมายยกมือขวาขึ้น ก่อนกระสุนจะพุ่งเข้าเป้า

“ตูมๆๆ” เกิดแรงระเบิดมหาศาลขึ้นรอบตัวเป้าหมาย “เป็นไปไม่ได้..” แจ็คอุทานขึ้น เป้าหมายดูไม่มีท่าทีจะได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยนิด บริเวณมือขวาของมันเกิดเป็นแสงสีขาวอ่อนแทบมองทะลุได้เป็นทรงวงกลมราวกับโล่ยังไงยังงั้น

“วิ้ง”ยักษ์ใหญ่หันหน้ามาที่ตัว ฮ.ช่วยเหลือ นัยน์ตาสีแดงของมันเริ่มเปล่งแสงออก ถึงจะไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตแบบนี้แต่ทุกคนก็พอจะเดาว่ามันต้องยิงอะไรออกมาแน่ๆ

“เวรล่ะ”ผู้ช่วยนักบินเกิดอาการใจหายอย่างบอกไม่ถูก นัยตาของยักษ์ยังคงแดงขึ้นเรื่อยๆ “เปรี้ยง” เส้นแสงสีแดงจ้าพุ่งเข้าใส่ลำตัว ฮ. เฉียดไปไม่ถึงเมตร

“เร่งเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือไง เร็วเข้า” แบล็คตะโกนบอกนักบิน “

เร็วสุดแล้วครับผม เราคงไม่รอดแน่ถ้ามันยิงอีกรอบ” นัยน์ตาของเจ้ายักษ์เริ่มสว่างอีกครั้ง แบล็คมองออกไปเหมือนเห็นอะไรบางอย่างบริเวณตึกสูงข้าง ยักษ์นั่น

“!..อาคูร่า” แบล็คถึงกับตะตะลึงความว่องไวของสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่เขาพึ่งจบบทสนทนามาไม่นาน ราวกับมีพลังขาอันมหาศาลอาคูร่า โดดผ่านตึกได้สบายๆ เขาค่อยๆไต่ถึงระดับที่สูงกว่ายักษ์ที่ยืนอยู่ ขณะที่แบล็คจ้องอาคูร่า เขากลับลืมลำแสงที่กำลังจะยิงมาสนิท พอหันกลับมานัยนั่นกลายเป็นสีแดงก่ำพร้อมยิงแล้ว

“ก๊าซ..ซ!”เสียงยักษ์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แบล็คยกกล้องส่องทางไกลแบบพิเศษขึ้นสังเกตการณ์ อาคูร่าโดดจากตึกสูงก่อนปาลูกระเบิดสีขาวมากมายใส่ตาของยักษ์ เสี้ยววินาทีมันระเบิดออกเป็นแสงสีขาววาบ

“มันเสียศูนย์แล้วไปๆๆ” มาสการ์สั่งนักบินทันที เจ้ายักษ์ล้มลงด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสก่อนที่มันจะรีบดำดิ่งลงใต้ดินหายไปไร้ร่องรอยเพียงไม่กี่นาที แบล็คยังคงส่องกล้องติดตามการเคลื่อนไหวของอาคูร่าตลอดระยะเวลาที่ ฮ.ช่วยเหลือ บินทิ้งระยะทางห่างออกไปเรื่อยๆ ความหวังสุดท้าย...

เสียงดังกังวานในหัวแบล็คทันทีที่เขาสบตากับ สิ่งมีชีวิตนอกโลกตนนั้น ราวกับมันถูกส่งผ่านกระแสจิตมาโดยตรง แบล็คยังคงงุนงงกับเสียงที่พึ่งดังขึ้นในหัวของเขา ขณะที่เขาละสายตาจากอาคูร่าไปชั่วขณะ แบล็คยกกล้องขึ้นอีกครั้ง

“ไร้ร่องรอยสินะ…” แบล็คพึมพำขณะส่องหาร่องรอยของอาคูร่าที่หายวับไปอย่างรวดเร็วบนยอดตึกสูง


Chapter18:Brand new world


“ลงจอด... เช็คระบบครั้งสุดท้าย ทุกระบบเช็คและในที่สุด ขอต้อนรับกลับบ้านทุกท่าน...” เสียงนักบิน ฮ.แบล็คฮอร์คช่วยเหลือเอี้ยวตัวมาพูดกับลูกเรือบนเครื่องหลังลงจอดอย่างปลอดภัย

“โชคดีครับ..” เขากล่าวก่อนยื่นมือเพื่อแสดงความเคารพ

“เช่นกันครับ..” มาสการ์กล่าวก่อนจับมือตามประเพณีอเมริกัน ลูกทีมแต่ล่ะคนค่อยๆ กล่าวขอบคุณทีล่ะคน หลังจากนั้นทั้งหมดจึงเดินตรงไปที่พักทันที แบล็คปลีกตัวออกมาเพียงคนเดียว เขาเดินไปยืนที่ปลายดาดฟ้าเรือ ท้องฟ้าเป็นสีดำสนิทยังคงไม่ปรากฏแสงแต่อย่างใด ควันไฟฟุ้งทั่วเมืองแบล็คยังคงทึ่งกับการที่พวกเขารอดออกมาครบ 32 ได้โดยมีแค่รอยถลอกนิดๆหน่อยๆ

“คิดอะไรอยู่หรือเปล่า กัปตัน…” เสียง วิคเตอร์ กล่าวเขาเดินมาเทียบข้างแบล็คก่อนมองไปทิศทางเดียวกัน

“ถ้านี่พอจะช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้นะ” วิคเตอร์ส่งแผ่นกระดาษสีขาวมีตราประทับอินทรีบนสุดของแผ่นกระดาษ

“มาจากวอชิงตันเหรอครับ” แบล็คตั้งคำถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ

“ใช่แล้ว..ลองอ่านก่อนสิ” วิคเตอร์ทื้งท้ายก่อนเดินจากไปทิ้งแบล็คกับกระดาษแผ่นนึงไว้ แบล็คค่อยๆม้วนออกมาอย่างช้าๆ สายตาแบล็คเบิกกว้างด้วยความตกใจ ภายในคือสาส์น จากกองกำลังนาวิกฯ แห่งกองพันยานเกราะที่ 11 หรืออีกนัยหนึ่งก็คือกองกำลังที่ติดอยู่ในนิวยอร์กนั่นเอง ใจความสำคัญคือ ถูกช่วยเหลือโดยกองพันยานเกราะที่ 7 แห่ง สหราชอาณาจักร และ กองทัพอากาศที่ 13 แห่ง ฝรั่งเศส ล่างสุดเขียนกำกับความไว้ว่า

“ภารกิจลับสุดยอด” ไม่รู้ว่าจะรู้สึกดีหรือจะโกรธว่าทำไมวอชิงตันถึงส่ง สาส์นลับสุดยอดมาช้าได้ถึงขนาดนี้ ไม่งั้นก็คงไม่ต้องไปฝ่าดงกระสุนให้อาดรีนาลีนสูบฉีดหรอก

“ฮะๆ ฮ่าๆ”แบล็คถึงกับขำออกมาด้วยความรู้สึกเวทนาตัวเอง ราวกับโชคชะตาลิขิตให้เขาได้เจอกับสิ่งต่างๆที่เขาพานพบมาจากมหานครนิวยอร์ก แบล็คยังคงยิ้มต่อไปก่อนขยำกระดาษทิ้งลงมหาสมุทรไป เขาละสายตาจากนิวยอร์กก่อนเดินหันหลังกลับ

“ลาก่อน..นิวยอร์ก”

Rex
20th July 2011, 17:27
Chapter19:ElectroMagnetic Pulse

แบล็คกลับเข้าห้องพักของตนเอง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสบายๆแบบทหาร กางเกงขายาว เสื้อสีดำสนิท ถึงจะดูไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกของเขาก็ตามแต่ มันมีอยู่อย่างจำกัดถ้าใส่ได้ก็ควรใส่ แบล็คเดินออกมาตามทางเดินหลักของตัวเรือ เขาเดินผ่านห้องทำงาน ห้องวิทยุต่างๆมากมาย ทหารหลายนายทั้งหญิงและชายต่างกำลังวุ่นกับการติดต่อ กองกำลังต่างๆทั่วโลก ที่นี่ไม่ได้ต่างไปจากฐานทัพภาคพื้นดินแม้แต่น้อย ทุกคนดูเร่งรีบและสายตาที่เคร่งเครียด แบล็คเดินตรงไปที่โรงอาหารหลักของตัวเรืออยู่บริเวณ ชั้น G2 อยู่ระหว่างห้องยุทธภัณฑ์และที่พักขนาดมาตรฐาน

แบล็คเปิดประตูเข้าไปพบ
ทหารมากมายกำลังนั่งกินอาหารกันมากมาย ส่วนใหญ่กำลังพูดคุยกันดูท่าทางร่าเริงและมีชีวิตชีวามากกว่าภายนอก
แบล็คเข้าใจในทันทีว่า หน้าที่ต้องมาก่อน ทุกคนย่อมทุ่มเทให้กับหน้าที่ของตนอย่างสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้นเมื่อทหารทุกนายบนเรือลำนี้อยู่ในหน้าที่ก็จะมุ่งมั่นทำให้ได้อย่างถึงที่สุด แบล็ครู้สึกดีขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นว่าทุกคนใส่ใจในทุกรายละเอียด

“หัวหน้า..” เสียงแจ็คสัน ดังขึ้นท่ามกลางเสียงจอแจมากมาย แบล็คกวาดสายตามองหาเจ้าตัว ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งด้วย

“เป็นไงบ้างครับหัวหน้า.. ผ่านศึกหนักมาแล้วรู้สึกดีขึ้นไหมครับ” แจ็คสันถามด้วยน้ำเสียงให้ความเคารพอย่างยิ่ง “ดีขึ้นแล้วล่ะ..”


“เชื่อมต่อใน 3.2..1 เริ่มการถ่ายทอดสัญญาณ ณ บัดนี้ค่ะ”เสียงทหารหณิงควบคุมระบบถ่ายทอกสดผ่านสัญญาณดาวเทียม ส่งสัญญาณบอก นายพลวิคเตอร์

“ขอบคุณมาก”นายพลวิคเตอร์กล่าว ก่อนที่ทหารทุกนายในห้องจะเริ่มทยอยเดินออกจากห้องโดยอัตโนมัติ

“สวัสดีทุกท่าน..”วิคเตอร์มองผ่านกล้องที่ติดบริเวณจอรับสัญญาณขนาดใหญ่ ภายหน้าของเขาคือ เหล่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดของแต่ล่ะประเทศ

“สวัสดีเช่นกันครับ”เสียงนายพลอิตาลีกล่าวทักทาย “เอาล่ะ เราจะเข้าประเด็นโดยการด่วนเลยล่ะกัน เนื่องจากตอนนี้สภาพสภาพการณ์ดูไม่น่าไว้วางใจนัก เห็นได้จากสภาพเมืองต่างๆทั่วทั้งโลกของเรา ที่โดนถล่มอย่างย่อยยับ เราทำได้เพียงต้านทานไว้ แต่ไม่สามารถจบสงครามนี้ได้เลย”วิคเตอร์หยุดพูดชั่วครู่ก่อนมองไปที่สายตาของทุกคนผ่านจอขนาดใหญ่

“นี่คือสงครามของมนุษยชาติ และเป็นสงครามที่เราไม่ได้ก่อ หนทางแห่งชัยชนะนั้นมีอยู่ทางเดียวคือ การร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว เฉกเช่นสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เราสามารถเอาชนะจอมเผด็จการได้”วิคเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฟังดูน่าเชื่อถือและฮึกเหิมยิ่งนัก

“ถ้าพวกมันคิดว่าเราคือ เศษเสี้ยวของจักรวาล พวกมันคิดผิดอย่างมหัน เพราะเรานี่แหละจะกำราบพวกมันไว้ที่โลกของเรานี่แหละ…”


แบล็คยังคงสนทนากับแจ็คสันเกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่ผ่านมาอยู่สักพักหนึ่ง ทั้งคู่เมื่อก่อนเคยเป็น อาจารย์และ ลูกศิษย์ก็ว่าได้เพียงแต่แจ็คสันได้แยกตัวไปประจำการที่อิรักอยู่ 2 ปีกว่า ก่อนที่แบล็คจะได้ข่าวว่าเกิดการซุ่มโจมตีในตัวเมืองแบกแดดในเขตสีเขียวกับพวกตาลีบัน เป็นเหตุให้มีทหารบาดเจ็บหลายนายและเสียชีวิต 2 นายส่วนแจ็คสันต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากโดนยิงที่หน้าอกขวา บาดเจ็บสาหัสขณะนั้น แบล็คต้องประจำการที่โซมาเลีย ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมได้ หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้รับข่าวอีกเลยจนถึง ณ บัดนี้ที่เขาได้คุยกันเหมือนเมื่อก่อน

“หวอๆๆ” เสียงสัญญาณฉุกเฉินดังขึ้นทั่วตัวเรือ “ประกาศจากหอบังคับการ ทหารทุกนายประจำสถานีรบด่วน นี่ไม่ใช่การซ้อม ทหารทุกนายประจำสถานีรบด่วน”เสียงจบลงเพียงชั่วครู่ทหารทุกนายที่นั่งสบายอารมณ์คว้าเสื้อคลุมก่อนวิ่งออกจากตัว โรงอาหารทันที

“มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย..”แบล็คกำลังอยู่ในอาการสับสน สัญชาตญาณของเขาทำให้แบล็คหยิบปืน M4A1อย่างรวดเร็ว แจ็คสันวิ่งคู่ขนานไปพร้อมกันในทันที ไม่นานนักทั้งคู่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือ เหล่า shooter มากมายกำลังวุ่นอยู่กับการปล่อยเครื่องบินรบขึ้นสู่ท้องฟ้า แบล็คกวาดสายตามองหาลูกทีม “นั่นไง”แบล็คบอกแจ็คสัน ก่อนชี้ไปบริเวณป้อมปืนกลอัตโนมัติ ที่ทีมของเขาก็กำลังมองหาเขาเช่นกัน “ศัตรูที่ 12 นาฬิกา..”เสียงประกาศผ่านลำโพงดังขึ้น ห่างออกไปประมาณ 20 ไมล์จุดสีดำๆมากมายเริ่มเกิดขึ้นทั่วท้องฟ้า

“พระเจ้าช่วย..” เสียง shooter หญิงคนหนึ่งอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ฝูงบินฝ่ายศัตรูนับร้อย กำลังดิ่งตรงมาที่กองเรืออย่างรวดเร็ว “ไม่ทันแน่พวกนักบินยังขึ้นไม่ครบ จำนวนก็ต่างกันมากแล้ว”แบล็คกล่าวกับลูกทีม “ทางเดียวคือต้องยื้อเวลาให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“บึม!”เสียงปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานเปิดฉากยิง ก่อนจะตามด้วยเสียงปืนใหญ่อีกมายมายและเครื่องยิงจรวด

“มาร์ค 1 ยิงได้” เสียงทหารนายหนึ่งตะโกน

“ฟ้าว..”เสียงจรวด sam จำนวน 4 ลูกยิงออกไปด้วยความเร็วเสียง ทุกคนเริ่มหยุดยิงหลังระดมยิงอาวุธนานาชนิดใส่กองกำลังศัตรู หวังว่าจะได้ผล

“ตูม..ตูมๆๆ”เสียงระเบิดดังกระหึ่มทั่วท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะส่งแรงลมมหาศาลกลับมา ทหารหลายนายถึงกับผงะไป เกิดควันมากมายฟุ้งน่านฟ้า

“เวรล่ะสิ..”อัลโดกล่าว หลังสังเกตเห็นแสงสีฟ้าอ่อนหลังม่านควันสีดำทมิฬ ฝูงบินยังคงอยู่เหมือนกับที่นิวยอร์กไม่ผิดเพี้ยนม่านพลังสีขาวอ่อนเกิดขึ้นข้างหน้าของฝูงบินต่างดาว


หอบังคับการกำลังอยู่ในช่วงวุ่นวายเช่นกัน วิคเตอร์ถึงกับต้องลงมาสั่งการฝูงบินเอง “..ห้ามออกนอกเขตเรือเข้าใจไหม”เสียงนายทหารวิทยุสั่งการนักบิน

“ปิ้ป...ปิ้ป” เสียงเครื่องรับสัญญาณเรดาร์ดังขึ้น

“อากาศยานไม่ระบุสัญชาติ 1 ลำกำลังบินมาจากทิศใต้ ของกองเรือ ระยะห่าง 3 ไมล์ครับผม”เสียงช่างเทคนิครายงานต่อวิคเตอร์

“เป็นไปไม่ได้เรดาร์ของเราจับได้ที่ 25 ไมล์ไม่ใช่หรือไง ทำไมพึ่งมารู้ตอน 3 ไมล์เล่า”วิคเตอร์ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ไม่ใช่ นิสัยของพวกเอเลี่ยนด้วย พวกมันชอบโผล่มาตอนช่วงระยะ 20 ต้นๆ แทนที่จะรอบกัดเช่นนี้” “ใกล้เข้ามาแล้วครับ จะถึงตัวเรือใน 1 นาทีครับผม”

“บอกกองเรือคุ้มกันหรือยัง..”วิคเตอร์สั่งการ

“บอกแล้วครับผม” “แล้วทำไมไม่มีใครยิงใส่มันเลยเล่า!”


แบล็คได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากทิศใต้ของตัวเรือ เสียงมันดูคุ้นเคยมาก เสียงค่อยๆดังขึ้นเรื่อยทีละนิดๆ แบล็คกวาดสายตามองบนท้องฟ้าสีครามก่อนที่จะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ช่วงทิศ 11 นาฬิกาพอดิบพอดี รูปร่างยังไม่ชัดนักแต่สีที่แน่ๆคือสีดำแน่นอน

“นั่นมัน...”แบล็คชี้ไปทิศทางที่เห็นก่อนจะตะโกนบอกทีม



Chapter20:Black Bomber?

เสียงเครื่องยนต์คู่ดังกระหึ่มทั่วท้องฟ้า เสียงที่ทหารทุกนายแทบทุกคนคุ้นเคยดี เสียงดังขึ้นทุกๆทีราวกับเสียงคำรามของราชสีห์อันกึกก้องและน่าเกรงขาม “สเตลท์ บอมเบอร์!”เสียงแจ็คสันกล่าวด้วยสายตาที่คอยจับจ้องทุกการเคลื่อนที่อันพริ้วไหวราวกับใบไม้ของเครื่องบินทมิฬลำนี้

“ใครสักคนช่วยบอกผมทีมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ติดต่อชาติไหนได้หรือยัง!” เสียงวิคเตอร์ยังคงฟังดูไม่พอใจอยู่ เครื่องบินสเตลท์บินฉวัดเฉวียนไปมาท่ามกลางลมพายุอันรุนแรง สีของมันแทบจะกลืนกินเป็นชิ้นเดียวกันกับท้องฟ้าในขณะนี้ก็ว่าได้

“1 ลำงั้นรึ จะประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไปหรือเปล่า”แบล็คพึมพำ ลมพายุเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เม็กฝนหยดแรกตกกระทบพื้นดาดฟ้าเรือก่อนจะตามมาด้วยห่าฝนมากมาย เสียงกระบอกปืนใหญ่ยังคงยิงอย่างไม่ลดละ

“คุ้มกัน เครื่องบินลำนั้น”เสียงประกาศดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย ศัตรูเริ่มเปิดฉากยิง สเตลท์ทันทีที่มันอยู่ในระยะยิง กระสุนแสงสีฟ้าเข้มนับร้อยๆพุ่งเข้าหาตัว สเตลท์ ไม่เป็นผลแม้แต่น้อย สเตลท์หักลำขึ้นสูงก่อนจะหมุนควงสว่านหลบกระสุนมากมายด้วยท่าทีที่สวยงาม ไม่มีทีท่าจะตอบโต้กลับแม้แต่น้อย เหยี่ยวทมิฬยังคงดิ่งตรงเข้าหากองกำลังศัตรูอย่างไม่ยำเกรง

“ต่ำกว่า 3 ไมล์แล้วทำอะไรอยู่เล่า!”แบล็คกำลังสับสนในเป้าหมายของนักบิน สเตลท์ลำนี้ ใต้ลำตัวเครื่อง ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ จรวดลูกขนาดทั่วไปที่ใช้ในกองทัพอากาศเลื่อนลงมาอยู่ใต้ลำเครื่องจะมีเพียงขาเกาะเคฟล่าผสมน้ำหนักเบาเท่านั้นที่คอยยึดมันไว้ติดตัวเครื่องไม่ให้หลุดไปไหน

“ออกไปจากวงแหวนคุ้มกันแล้ว!”เสียงพลปืนใหญ่ตะโกน ปืนทุกกระบอกหยุดยิงอย่างพร้อมเพรียง สเตลท์ตองพึ่งตัวของตัวเองแล้วขณะนี้ ระยะยิงปืนใหญ่ไม่สามารถยิงถึงได้อีกต่อไป ทุกคนต่างร่วมภาวนาให้ทำสำเร็จไม่ว่านักบินคิดจะทำอะไรก็ตาม

“ฟ้าว!” จรวดใต้ลำเครื่องยิงออกอย่างรวดเร็ว สเตลท์บินเชิดขึ้นฟ้าก่อนจะหมุนหัวกลับในวงแคบ แล้วดิ่งตรงมาที่กองเรือในทันที จรวดพุ่งเข้าใส่เป้าหมายด้วยความเร็วเสียง

“ช้าเกินไป มันหยุดได้กลางอากาศพอดี”มาสการ์พูดออกมาลอยๆ อย่างที่คาดไว้ศัตรูหันมาสนใจจรวดวิถีตรงลูกนี้ทันที ชั่ววินาทีห่ากระสุนระลอกใหม่พุ่งเข้าหาตัวจรวดทันที เพียงแค่ใน 1 ส่วนล้านวินาที เปลือกนอกของจรวดลูกนี้ดีดออกทันที ก่อนจะดีดจรวดขนาดเล็กจำนวนมากพุ่งเข้าปะทะกับกระสุนของฝ่ายศัตรูอย่างเหมาเจาะ จรวดยังพุ่งต่อไปท่ามกลางกลุ่มควันมากมาย

“แวบ!” แสงสีขาวนวลสว่างจ้าทั่วมหาสมุทร ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะเกิดเสียงดังกระหึ่มทั่วทั้งบริเวณ ตัวเรือถึงกับสั่นคลอนไปตามๆกัน “เป็นไปได้ยังไงกัน”วิคเตอร์อ้าปากค้างด้วยความตกใจ กองกำลังศัตรูขณะนี้ค่อยๆล่วงลงสู่ก้นมหาสมุทรทีละลำๆ สิ้นสุดความตื่นตะลึง เสียงโห่ร้องดังขึ้นทั่วกองเรือด้วยความปีติยินดี

“EMP งั้นเหรอ คิดว่ายังพัฒนาไม่เสร็จซะอีก”แจ็คสันกล่าวติดตลก “ประกาศกองเรือของสหประชาชาติและชาติอื่นๆทางทิศตะวันออกเฉียงใต้”

“พวก UN เรอะมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย เป็นพวกที่คุยไม่ค่อยรู้เรื่องซะด้วยสิ”แจ็คสันพูดขึ้นก่อนจะหันไปมองกองเรือ จากการนับคร่าวๆ คงมีเรือรบและเรือบรรทุกเครื่องบินรบประมาณ 20-30 ลำได้ คงจะเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 2 ของมนุษยชาติก็ว่าได้ที่ได้ร่วมมือกันมากมายถึงขนาดนี้หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2

“เพื่อชัยชนะอันยิ่งใหญ่ การได้มานั้นต้องแลกกับการสูญเสียที่ใหญ่ยิ่งเช่นกัน”


Chapter21:Be come Omnicide

“ย้ำอีกครั้ง..กองเรือสหประชาชาติและกองกำลังสนธิอื่นๆกำลังเคลื่อนที่รวมพล โปรดเป็นระเบียบด้วย”เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ฝนยังคงตกมาเรื่อยๆ ทหารหลายนายเริ่มหาชุดกันฝนใส่กันบางส่วน ขณะที่บางส่วนยังคงคอยเฝ้าระวังรอบพื้นที่อยู่

“เยอะเหมือนกันนะ อยากจะรู้นักว่ารวมพลกันมากขนาดนี้จะคิดการใหญ่อะไรได้อีก”ฮุคพูด ตั้งแต่ประจำการและเข้าร่วมสงครามต่างๆมากมายทั้งสงครามกลางเมืองจนถึงสงครามระหว่างชาติ ฮุคไม่เคยเจอพวก UN ที่คุยรู้เรื่องเลยสักคนก็ว่าได้ อันที่จริงพวก RANGER ไม่ก็ DELTA FORCEของสหรัฐมักจะไม่ถูกกับกองกำลังนานาชาติอยู่เสมอๆ

“กลับเข้าไปข้างในดีกว่า ชุดนี่เปียกหมดแล้ว มีหวังเชื้อรากินพอดี”เทรวิสพูดด้วยอารมณ์บูดนิดๆ

“ดีเลย..หัวหน้าพวกเราไปรอในห้องพักนะครับ มีอะไรเรียกได้ทันทีเลยนะครับ”เจน่ากล่าวก่อนจะชักชวนเพื่อนในทีมพากันเดินลงชั้นล่าง


“รายงานความเสียหายด้วย ผู้หมวด”วิคเตอร์พูดกับต้นหนเรือ

“เอ่อ..เช็คแล้วครับผม ไม่มีรายงานความเสียหาย จะมีก็แต่กระสุนปืนใหญ่และจรวดนำวิถีที่เรายิงไปครับ กระสุนปืนใหญ่อยู่ที่ 57 นัดจากปืนใหญ่ 120 มม. ทั้งหมด 25 กระบอก และกระสุนปืนกลอีกประมาณ 7000 นัดครับ ส่วนจรวด Sam ยิงออกไปได้เพียง 3 นัดครับผม”

“ตอนนี้ยุทธภัณฑ์ของเราเหลือประมาณเท่าไหร่ล่ะ”วิคเตอร์พูดขึ้นอีกครั้ง

“เหลืออยู่ที่ 65 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด 100 ครับผม”ต้นหนกล่าว “นี่แค่เรายิงนำร่องไป.. ยังเสียไปมากขนาดนี้ถ้าจะเอาชนะจริงๆคงเป็นอะไรที่หินน่าดู กองกำลังมันมาไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์จากที่หน่วยข่าวกรองเรารู้ด้วยซ้ำ ถ้ากองทัพใหญ่ของมันล่ะจะมโหฬารแค่ไหนกัน”วิคเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงคุ่นเคืองยิ่งนัก

“เฮ้..!”แบล็คตะโกนขึ้น “จ่า..ขอผมดูรายชื่อ ประเทศที่เข้าร่วมกองเรือหน่อย”

“ครับ..นี่เลยครับผม”นายทหารส่งแผ่นกระดาษบางๆ 2-3 ใบให้แบล็ค “อิตาลี สเปน อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ...อืมพอใช้ได้แต่ถึงจะดูเยอะมันก็ยังน้อยเกินไป ถ้าเทียบกับไอ้ตัวใหญ่นั่นล่ะ”แบล็คพึมพำ “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ กัปตัน”นายทหารพูดขึ้น

“อ้อ..ไม่มีอะไรหรอกขอบคุณมากจ่า”แบล็คตัดบท “ครับผม!”นายทหารทำความเคารพก่อนเดินจากไป

“ไม่ไหว..พวกมันล้ำสมัยกว่ามาก ถึงจะเป็น emp ก็เถอะ” แบล็คนึกไปพลางๆก่อนจะเดินกลับที่พักส่วนตัว


Chapter22:Ancient Weapon


“เฮ้..ครัสเตอร์ ได้ยินแล้วตอบด้วย เปลี่ยน..”ปลายสายจากโอเรกอนดังขึ้น ขณะที่ครัสเตอร์กำลังส่องกล้องจับความร้อนค้นหาสิ่งมีชีวิตโดยรอบ

“ไม่พบ..”ครัสเตอร์พึมพำ “ถึงโอเรกอน กำลังจะเข้าไปเพื่อเช็คกัมมันตรังสี และ ตรวจสอบความถูกต้องจากแหล่งข่าวเปลี่ยน” ครัสเตอร์พูดกับวิทยุตัวหนาเตอะพร้อมเสาสัญญาณแรงสูงติดไว้ข้างๆ

“รับทราบๆ ได้อะไรแล้วช่วยแจ้งกลับมาด้วยเปลี่ยน”โอเรกอนกล่าวขึ้น

“รับทราบ ไวท์เอาท์ เลิกกัน”ครัสเตอร์กล่าวจบบทสนทนาก่อนจะหมุนปิดวิทยุสื่อสาร ครัสเตอร์ค่อยๆรุดเข้าพื้นที่ราวกับเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาว เขาค่อยๆย่องเดินผ่านจุดลับตาและมีหิมะสีขาวสูง เพื่อให้ชุดของเขาดูกลมกลืนยิ่งขึ้นด้วยความเป็นนักฟิสิกส์ เรื่องยังงี้เขาจึงไม่ค่อยถนัดนัก แต่เพื่อมนุษยชาติแล้วย่อมต้องทำ ชั่วขณะครัสเตอร์ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปห่างราวๆ 10 หลา เขารีบคว้ากล้องจับความร้อนออกมาแทบจะทันที ก่อนจะส่องกวาดสายตามองรอบตัว 180 องศา

“หมีขาว?” กล้องจับความร้อนแสดงรูปร่างหมีขาวขนาดใหญ่เดินอย่างเชื่องช้ามาทางเขา

“เวรล่ะ..” หมีขาวค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆในที่สุด หน้าของครัสเตอร์ก็แทบจะอยู่ใต้หัวของหมีขาว เพียงแต่หมีขาวยักษ์ตัวนี้ยังคงเดินต่อไป หลังจากหันมามองครัสเตอร์แล้วมันเดินตรงไปที่ สิ่งก่อสร้างแปลกประหลาดที่ครัสเตอร์ค้นพบเมื่อ 2 ชม. ก่อน ก่อนจะเริ่มเอาอุ้งเท้าของมันขุดหิมะบริเวณกำแพงของสิ่งก่อสร้างนั้น

“จะทำอะไรกันแน่ เจ้าหมี”ครัสเตอร์รู้สึกฉงนใจมาก ในขณะที่เขายังคงเดินตรงที่หมีตัวนั้นอย่างไม่เกรงกลัว จนถึงจุดที่ตัวแทบจะติดกัน ครัสเตอร์เอามือรูปหัวเจ้าหมีขาวตัวนั้น ดูไม่มีท่าทีดุร้ายแม้แต่น้อย ในที่สุดหมีขาวหยุดขุดคุ้ยอะไรบางอย่างก่อนจะคำรามดังลั่น ทำเอาครัสเตอร์ตกใจล้อลงกับพื้นหิมะทันที หมีขาวค่อยๆเดินจากไปท่ามกลางพายุหิมะขาวนวลที่พัดผ่าน “น่าแปลกใจนัก ส่วนใหญ่แล้วหมีขาวมักจะหวงอาณาเขตของมันมาก แต่ทำไมกัน..?”ครัสเตอร์หยุดคิดทันทีที่มองเห็นอะไรบางอย่างบริเวณที่เจ้าหมีขาวขุดไปได้ไม่นาน มันเป็นเหมือนพื้นหินสีดำเทาสลักลายไว้มากมาย ครัสเตอร์ยื่นมือไปแตะพื้นผิว

“วิ้ง..!” แสงสีขาวสว่างตามร่องของการแกะสลัก ก่อนจะหายวับไปในพริบตา “ใช่แน่นอน ไม่ผิดชัวร์ๆ”ครั้สเตอร์พึมพำ

“ถึงโอเรกอน ยืนยันแล้ว เป็นของแท้แน่นอนตามข่าวกรองเปลี่ยน” “รับทราบไวท์เอาท์ จะให้ทำยังไงต่อว่ามาเปลี่ยน”

“ส่งสาส์นถึงวอชิงตันเป็นการด่วนว่า เราพบ Rising แล้ว!!”


Chapter:23: Impossible is possible

แม้บรรยากาศการเดินเรือยังเป็นไปอย่างสงบก็ตาม แต่บรรยากาศของที่ประชุมในห้องประชุมใหญ่ของเรือ uss ไอโอว่ายังคงตึงเครียดยิ่งนัก เหล่าผู้นำทางทหารและผู้รักษาการแทนของผู้นำประเทศทั่วโลกมากมายยังนั่งเม้มปากเงียบ ด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ การประชุมดำเนินล่วงเลยมากว่า 3 ชม.แล้วยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ณ ตอนนี้ การโต้แย้งเรื่องการหาที่มั่นศัตรูยังคงเป็นประเด็นสำคัญ น้ำหนักของของผู้เสนอแนวทาง บุกหรือถอย ยังคงมีความเท่ากันอยู่

“หากเรา ระบุตำแหน่งมันได้ เราก็ควรจะโจมตีมันได้แล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้มันได้ใจไปอยู่อย่างนี้!”นายกฯอิตาลีกล่าวขึ้นด้วยความคับแค้นใจ “เราเข้าใจในความรู้สึกของคุณที่ต้องเสียคนรักไปรวมทั้งประชาชนมากมาย แต่เรายังโจมตีไม่ได้!”ผู้บัญชาการทหารประเทศสเปนกล่าวตอบโต้

“ทุกๆท่าน โปรดอยู่ในความสงบด้วย เวลานี้เราต้องการความเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น”วิคเตอร์กล่าวด้วยความสงบนิ่ง “ขณะนี้เราได้รับ ข้อมูล สำคัญเรื่องที่มั่นของศัตรูแล้ว” วิคเตอร์พลางหยิบรีโมทควบคุมเครื่องฉายภาพขึ้นก่อนจะกดปุ่มเปิด แสดงภาพถ่ายดาวเทียมนอกโลก

“โอ้..พระเจ้า!”นายกฯอิตาลีตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ


“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากภายนอกห้องพักของแบล็ค “เข้ามา”แบล็คกล่าวกลับออกไป “มีอะไรให้ผมช่วยครับ”แบล็คกล่าวก่อนวางไขควงลงบนโต๊ะ ชายรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อคลุมสีดำ กางเกงดำยืนอยู่หน้าแบล็คยังคงเงียบไม่ตอบอะไร “เฮ้..คุณได้ยินไหม”แบล็คถามขึ้นอีกครั้ง

“ขอโทษด้วยกับเพื่อนร่วมงานของผมเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบสนทนากับใครน่ะ”เสียงหนึ่งดังขึ้นนอกห้อง ชายในชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับคนแรกเดินเข้ามา สูงราวๆ 170-175 ซม. ผมชื่อเจ้าหน้าที่ เคออส แมนเดรล ส่วนนี่ แม็ก..แม็ก ดีแวนซ์ เรามาจากหน่วยข่าวกรองแหง่ชาติ”

“แล้วพวกคุณมีธุระอะไรกับผมหรือไง?”แบล็คพูดขึ้น

“เปล่าเลย เราไม่มีธุระกับคุณ..แต่เรามีธุระกับทีมทั้งหมดของคุณต่างหาก”เคออสยิ้มมุมปาก “เราทราบเรื่อง ผลงานต่างๆนาๆของทีมคุณตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ First Invadeแล้วล่ะ หัวหน้าของเราต้องการให้ทีมของคุณทำภารกิจลับให้กับเรา”เสียงพูดเงียบลง “ภารกิจ?..โทษทีนะพวกคุณมาหาผิดคนแล้วล่ะ พวกเราขึ้นตรงต่อ ผู้บัญชาการ วิคเตอร์เท่านั้น เราไม่ใช่ Pmc ที่จะไปทำงานให้คนอื่นได้ง่ายๆ”แบล็คกล่าวตัดบทก่อนจะ หันไปไขสกูลบนปืนต่ออย่างเดิม

“ไว้ตัดสินใจได้ไปหาเราด้วยล่ะ..”แมนเดรลกล่าวก่อนจะวางซองจดหมายสีขาวไว้บนเตียงของแบล็คแล้วเดินจากไป แบล็คยังคงง่วนอยู่กับการทำงานส่วนตัวต่อไปไม่ได้สังเกตเห็นซองจดหมายบนเตียงแม้แต่น้อย


“โอเรกอน ได้ยินแล้วตอบด้วย..โอเรกอน ได้ยินแล้วตอบด้วย บ้าเอ้ยทำไมมาเสียตอนนี้วะ”ครัสเตอร์ตะโกนดังลั่น

“แว่ว...แว่ว?” เสียงบางอย่างดังขึ้นท้องฟ้า “อะไรวะนั่น..” ครัสเตอร์พึมพำก่อนคว้ากล้องส่องทางไกลตัวเก่งยกสังเกตการณ์

“เวรล่ะ..ริปเปอร์! มันมาทำอะไรแถวนี้วะ” ยานสีดำขนาดเล็ก มีปีก 2 ปีกข้างขวา ซ้ายบินตรงมาที่ครัสเตอร์ด้วยความเร็วสูง” มันบินผ่านหัวครัสเตอร์ไปตรงไปยังสิ่งก่อนสร้างประหลาดห่างจากครัสเตอร์ประมาณ 200 เมตร

“โอเรกอน ได้ยินไหม โธ่ว้อย! พบข้าศึกบริเวณ Rising ส่งหน่วยช่วยเหลือมาด่วน ปัดโธ่ว้อย!” ครัสเตอร์ตะโกนใส่วิทยุ

“แว่ว!” ยานสีดำหมุนลำทันที ราวกับจับสัญญาณวิทยุของครัสเตอร์ได้ “เฮ้ยๆๆ! อย่านะเว้ย” “แว่ว” ยานเร่งเครื่องก่อนพุ่งเข้าหาครัสเตอร์ “ฟิ้วๆๆ!” ลำแสงสีฟ้าเข้มพุ่งลากยาวตามพื้นหิมะ มันค่อยๆไล่จนเกือบถึงตัวครัสเตอร์ “วาบ..” แสงสีขาวอ่อนสว่างจ้า

“ตึง!” เสียงคลื่นความถี่ต่ำดังขึ้นสนั่นทั่วทั้งบริเวณ ราวกับเกิดโซนิคบูม จากเครื่องบินไอพ่นยังไงยังงั้น ยานสีดำเริ่มบินไม่เป็นทิศเป็นทางก่อนจะดิ่งลงพื้น

“ตูม!” “อะไรอีกวะ..ครัสเตอร์กล่าวก่อนเดินขึ้นเนินที่ตัวเองกระโดดลงไป” แสงสีเขียวอ่อนๆ สว่างๆตามจุดต่างๆบน Rising อย่างช้าๆ เหมือนสายน้ำที่วิ่งผ่าน “มันยังทำงานอยู่!”



Chapter24:Secret


แบล็คหยิบผ้าขนหนูสีเทาขึ้นมาเช็คเหงื่อบนใบหน้าด้วยอาการเหนื่อยล้า แม้อากาศภายในจะเย็นแค่ไหนแต่มันก็ไม่สามารถดับความกังวลใจในจิตใจเขาได้ แบล็คเช็ดมือก่อนจะหันไปที่เตียงนอน เขามองเห็นซองสีขาวประทับตราอินทรีอย่างที่เขาคุ้นเคย

“หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา CIA” แบล็คอ่านข้อความบริเวณมุมซอง ก่อนจะเริ่มแกะซองออกทันที เขาค่อยๆดึงรูปภาพขนาด A4 หลายใบวางไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเริ่มพิจารณามองดูภาพถ่ายเหล่านั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ แบล็คเริ่มดูออกว่าภาพเหล่านั้นคืออะไร ภาพจากดาวเทียมแสดงผลเป็นสีดำสลับขาวอยู่หลายภาพ หากเพ่งดูนานๆจะเห็นจุดสีเทาๆจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียง ราวกับที่พักขนาดเล็กหรืออะไรก็ตามที่ดูเหมือนเต็นท์ทหาร ตรงกลางของบริเวณนี้เป็นรูปทรงโดมที่ดำทมิฬขนาดใหญ่ บางส่วนถูกบดบังด้วยกลุ่มเมฆจำนวนมาก

“แหล่งที่มั่น?”แบล็คพึมพำท่ามกลางความเงียบสงบ ก่อนจะเก็บหลักฐานลงซองแล้วรีบตรงไปที่ห้องทำงานของ เคออส ทันที “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”แบล็คพูดด้วยอารมณ์ที่พุงพล่าน “ก็แค่หลักฐานการมีอยู่จริงของสิ่งก่อนสร้างไงล่ะ กัปตัน”เคออส กล่าวด้วยท่าทีเงียบขรึมไม่สะทกสะท้าน

“นี่มันฐานทัพขนาดย่อมชัดๆ ทำไมถึงไม่มีใครรู้เลยล่ะ นี่มันเรื่องระดับชาติไม่สิระดับโลกแล้ว!”แบล็คกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ใช่ไงครับ...เรื่องระดับชาติที่ให้รู้แค่ไม่กี่คนพอ” เคออสกล่าว “ทำไม?..มนุษยชาติขึ้นอยู่กับหลักฐานชิ้นนี้เท่านั้น ถ้าเราไม่โจมตีมันแล้วจะทำตอนไหนเล่า!”แบล็คกล่าวตอบโต้ทันที

“เรื่องนั้นก็จริง ตอนนี้โลกกว่าครึ่งโดนพวกมันยึดไปหมดแล้ว แต่คุณรู้บ้างไหมว่ามีกี่ชาติกันที่พยายามติดต่อพวกนั้น หรือ พยายามที่จะช่วงชิงเทคโนโลยีล้ำสมัยนั่นมา?”เคออสกล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืน แบล็คถึงกับอึ้งกับสิ่งที่ เคออส พูดออกมา

“ช่วงชิงงั้นรึ?”

“ใช่แล้ว..ช่วงชิงไงล่ะ ความโลภที่ต้องการเป็น 1 ในโลกไงล่ะครับ” เคออสหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบด้วยท่าทีสบายอารมณ์

“กี่ประเทศกันล่ะที่อยู่ในรายชื่อ พันธมิตร ไม่ถูกทำลายกลายเป็นผุยผงไปแล้ว ก็หายไปใช่ไหมล่ะ?”

“หายไป!..” แบล็คถึงกับตกใจกับคำพูดนี้ ใช่สิมีหลายประเทศที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาลืมนึกสิ่งนี้ไปได้ยังไงกัน “ตกลง ทีมของคุณจะรับงานนี้ไหม ไม่มีค่าตอบแทน ไม่มีการสรรเสริญ และไม่มีตัวตนอยู่จริง..ทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น” เคออสพูดถึงภารกิจก่อนจะสบตาแบล็ค “ได้!..เราจะทำมัน”แบล็คพูดก่อนจะเดินออกจากห้อง เคออสหยิบโทรศัพท์สีดำขึ้น

“ฮัลโหล..ใช่เขาตอบตกลงแล้ว ทุกอย่างเดินหน้าได้..”


Chapter25:Awake
แบล็คเริ่มต้นอธิบายให้ลูกทีมฟังเรื่องภารกิจลับในห้องพักอย่างเงียบๆ

“ใครจะขอถอนตัว ก็รีบทำซะตอนนี้ซะ”แบล็คกล่าวขณะที่ตากวาดมองลูกทีมของตน

“เรามันทีมเดียวกัน ลุยด้วยกัน ตายด้วยกันสิครับ!”แจ็คกล่าว “นั่นสินะ..ฮึๆ”แบล็ครู้สึกดีขึ้นมาบ้าง “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เชิญ”แบล็คส่งเสียงออกไป “โทษนะครับที่มาเวลาอย่างงี้ แต่มันอดใจไม่ไหวน่ะครับ”เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นขณะที่ประตูเหล็กสีขาวเปิดออก

“แจ็คสัน?”แบล็คกล่าว “..มาสการ์” ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องด้วยหน้าตายิ้มแย้มเหมือนจะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์

“มีงานใหญ่ทั้งที น่าจะลองส่งคำเชิญไปบ้งนะครับ”แจ็คสันกล่าว “พวกนายนี่มันบ้าบิ่นจริงๆเลย เอาล่ะงั้นเข้าเรื่องต่อ...”


“นายคิดว่าพวกนั้นจะทำได้ไหมนะ”เสียงเคออส แมนเดรลกล่าวกับคู่หู

“เป็นไปไม่ได้..”แม็ก ดีแวนซ์กล่าวห้วนๆ

“นั่นสินะ จะเป็นไปได้ไงล่ะ...ไม่เข้าใจเลยว่าศูนย์บัญชาการใหญ่คิดอะไรอยู่กันแน่” เคออสกล่าวก่อนจะเอนตัวลงพิงโซฟาอย่างสบายใจ “งานนี้มันต้องสนุกแน่นอน ฮึๆ”


แบล็คนำทีมขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ ช่วงเวลา 00 00 ฟ้ามืดสนิทลมกรรโชกอยู่ตลอดเวลา

“ไหนล่ะพาหนะของเรา?”แบล็คพูดกับ Shooter ที่ยืนรออยู่

“นั่นครับผม!” เขาชี้ไปที่ผ้าคลุมสีดำสนิทที่คลุมอะไรบางอย่างอยู่

“เฮ้! สุภาพบุรุษ” เสียงเคออสดังมาแต่ไกล

“เป็นไงบ้าง พร้อมไหม” เคออสกล่าวด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีพิลึก

“ไม่ชอบหน้าไอนี่เลยว่ะ”แจ็คสันกระซิบข้างๆ มาสการ์ “ฮ่ะๆ..ทำใจซะ” “แล้วไหนนักบินของเราล่ะ?” แบล็คเปิดคำถามทันที

“อ้อ..กำลังมาน่ะครับ เราหามือ 1 มาเลยนะครับ นั่นไง!” เคออสกล่าวก่อนจะชี้ไปทีทางเดิน ชายในชุดนักบินสีเขียวเข้ม พร้อมอุปกรณ์ติดตัวสวมหมวกนัดบินสีเทาตัดดำ รูปร่างล่ำสันในแบบฉบับทหารโดยเฉพาะ “สวัสดีครับ ผมนาวาอากาศโท ชาร์ลสัน เรียกผมว่า รอยซ์ ครับ” ชายในชุดนักบินแนะนำตัวก่อนจะยื่นมือออกเพื่อทักทาย “ผม กัปตัน แบล็ค ส่วนนี่ลูกทีมผม” แบล็คจับมือทักทายตอบ แต่ละคนแนะนำตัวอย่างรีบๆ ก่อนจะเริ่มเดินไปที่ผ้าคลุมสีดำ

“ในเมื่อนี่คือ ภารกิจ ลับสุดยอดและเร่งด่วนทางทัพอากาศของเรา จึงส่งมอบเครื่องบินลำนี้ให้เราโดยเฉพาะ” รอยซ์กล่าวด้วยท่าทีสุขุม “ดึงผ้าคลุมออกได้เลย” รอยซ์พูดกับเหล่า Shooter ที่ยืนอยู่รอบๆ “…B2 สเตลท์! สเตลท์เนี่ยนะ!?”อีเลียสพูดขึ้นด้วยท่าทีตกใจ

“ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 972 km/h มันคงช่วยเราได้มากแล้วยังช่วยเรื่องการหลบหลีกได้ดีอีกด้วย” รอยซ์อธิบายขึ้น

“นี่ครับ” เคออสกล่าว เขาส่งแฟ้มเอกสารสีดำให้แบล็ค “โชคดีนะครับ..” เคออสกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินหายไป “เอาล่ะทุกคนขึ้นเครื่องได้”แบล็คออกคำสั่งลูกทีม

“สวัสดีครับ หลังจากนี้เที่ยวบินนี้จะไปสู่จุดหมายที่ห่างออกไปมาก แต่ผมไม่สามารถให้รายละเอียดมากไปกว่านี้ได้ ส่วนถุงอ้วกอยู่ใต้ที่นั่ง ร่มชูชีพอยู่บริเวณผนังบนหัวของท่าน ขอให้โชคดีครับ..”

“เหตุผลที่ชั้น ไม่อยากเป็นนักยินก็เพราะไอพวกเครื่องบินพวกนี้แหละมันเร็วจนอยากจะอ้วกออกมา”แจ็คกล่าวด้วยอาการผะอืด พอม “แย่หน่อยนะเพื่อน ฮ่ะๆ”เทรวิสกล่าวก่อนจะลูบหลังแจ็ค

“เครื่องจะออกใน 3..2..1...เดินเครื่องได้!” เสียงเครื่องยนต์ส่งเสียงดังสนั่นลั่นฟ้า ก่อนจะส่งนกเหล็กสีดำขึ้นสู่ฟ้าในช่วงไม่กี่วินาที

“ปฏิบัติการ เฮเลน่า เริ่มได้”


Chapter26:Lies of Liar

สเตลท์สีดำทมิฬฝ่าแรงลมมหาศาลเหนือพื้นโลกกว่า 60000 ฟิต ด้วยความเร็วเต็มพิกัด เข้าสู่ห้วงเวหาที่ไม่มีใครรู้จัก ภายในทุกอย่างดูเงียบสนิท ต่างคนต่างนั่งเงียบๆไม่ได้สนใจอะไรมากนัก อุปกรณ์ของแต่ละคนดูจะพิเศษกว่าเก่านัก ด้วยชุดสีดำสนิท พร้อมชุดเกราะกันกระสุนแบบพิเศษและร่มชูชีพติดบริเวณหลังทำให้แต่ละคนดูตัวใหญ่กว่าเดิมมากพอสมควร ภารกิจที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์และไม่มีตัวตน ฟังดูเหมือนภารกิจ ฆ่าตัวตายก็ว่าได้

“ถึงที่หมายใน 1 ชม.” เสียง รอยซ์ ประกาศผ่านไมค์สื่อสารติดหมวกนักบิน แบล็คเอี้ยวตัวหันไปมองหน้าต่างเครื่องบิน พบแต่ความมืดและเมฆบางๆเท่านั้น

“มันที่ไหนกัน?” แบล็คครุ่นคิดด้วยความสงสัย “ตูม!” เกิดเสียงระเบิกไม่ไกลนักจากตัวเครื่อง

“อะไรวะนั่น!” รอยซ์ตะโกนลั่น “ไหนข่าวกรองบอกว่าช่วงนี้ไม่มีพวกมันไงวะ โธ่เว้ย!” เกิดแรงระเบิดจำนวนมากเหนือตัวเครื่อง รอยซ์หักคันบังคับไปทางซ้ายสุดตัว เครื่องสเตลท์หมุนเป็นเกลียวดิ่งหัวลงด้วยความเร็วสูง “ปลดเข็มขัดซะ เตรียมโดดได้”รอยซ์ตะโกนขึ้นอีกครั้ง

“จะบ้าเรอะ นี่มันเร็วไป 30 นาที!” แจ็คส่งเสียงตอบกลับ “จะตายหรือจะโดดเล่า!?”รอยซ์ตอบกลับทันควัน

“โธ่เว้ย!ซวยชะมัดข้างล่างนั่นมีแต่น้ำกับน้ำ” รอยซ์ตั้งนักบินอัตโนมัติไว้ในระดับต่ำก่อนจะวิ่งมาที่กลุ่ม “เอานี่ไป มันคือแผนที่ อย่างน้อยพวกนายคงรู้นะว่าต้องทำยังไง”รอยซ์พูดก่อนจะส่งแผนที่ให้แบล็ค “แล้วนายล่ะ?”มาสการ์ถามขึ้น

“เดี๋ยวชั้นตามไป หวังว่าจะถ่วงเวลาทางนี้ให้นานที่สุดแล้วเจอกันที่จุดนัดพบ 2 “ รอยซ์กล่าวก่อนจะรีบกลับไปขับต่อทันที “แล้วจุดนับพบ 2 มันที่ไหนวะ!”อีเลียสตะโกนถาม “แล้วเจอกันพวก”รอยซ์กล่าวลา เขาสับสวิทซ์เปิดประตูใต้ท้องเครื่อง

“ไปๆๆ!”แบล็คสั่งลูกทีมทันที ทุกคนรีบดิ่งลงในทันที ทีมดื่งลงพสุธาด้วยความเร็วสูง พวกเขายังคงเห็นแต่พื้นมหาสมุทรเท่านั้น

“แวบ!” แบล็คเหลือบมองแสงสัญญาณจากข้อมือมาสการ์ เขาชี้ไปทางทิศเหนือ

“พื้นดิน!”สมองแบล็คสั่งการทันที เขาหันตัวทำมุม 90 องศาเพื่อลดแรงเสียดทานแล้วพยายามเบี่ยงเบนทิศทางที่กำลังดิ่งลง ไม่นานนักทีมทั้งหมดอยู่ในระยะที่ร่มชูชีพพอจะกางแล้วพาไปบริเวณหน้าผาเกาะนั่นได้ แบล็คส่งสัญญาณเตรียมพร้อมก่อนจะดึงคันร่มออก ก่อนจะเงยหน้ามองบนท้องฟ้า แสงสีขาวแดงยังคงปรากฏทั่ว สเตลท์บินหลบหลีกอย่างน่าใจหาย “ฟ้าว...!” แบล็คเห็นลำแสงสีฟ้าเข้มพุ่งเข้าหาสเตลท์จากด้านหลัง

“หลบเร็ว รอยซ์”แบล็คพึมพำ “ตูม!” ลำแสงเข้าปะทะกับเครื่องบินก่อนที่มันจะหักหลบ

“โธ่ว้อยย!!” แบล็คตะโกนลั่น ไม่กี่นาทีทีมร่อนลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย “นี่ แบล็คไนท์ ติดต่อ ฮอร์ค ได้ยินแล้วตอบด้วย”เทรวิสพยายามวิทยุไปหารอยซ์แต่ก็ไม่ปรากฏสัญญาณใดๆ “ตึง” เทรวิสทุบพื้นด้วยความโกรธ

“ภารกิจของเราคือชิงของมีค่าของพวกมันมา และ ฆ่ามันให้เรียบ”แบล็คกล่าวก่อนจะออกเดินนำหน้าทีมเข้าไปในป่า

“ล้างบาง อย่าให้เหลือ!”


Chapter27:Kill

“ถ้าพวก CIA มันอธิบายแผนให้เราตั้งแต่บนเรือล่ะก็คงไม่ต้องมานั่งทำความเข้าใจตำแหน่งในแผนที่ใหม่หรอก” เทรวิสกล่าวขณะนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นโคลนด้วยอาการไม่สบอารมณ์นัก

“หน่วยข่าวกรองภาษาอะไรวะ สืบข่าวมาผิดๆ”แจ็คสันกล่าวเสริม บรรยากาศดูเคร่งเครียดยิ่งนัก หากเพียงการฝึกสอนพวกเขาว่าแม้จะมีคนตายในภารกิจนั้นๆ ก็มิอาจล้มเลิกหรือเสียกำลังใจให้กับการสูญเสียนั้นได้ ทุกคนจึงดูเป็นปกติธรรมดา

“เอาล่ะ...ภารกิจของเราคือเข้าไปในฐานทัพย่อยแห่งนี้ของพวกมัน”แบล็คพูดก่อนจะชี้นิ้วลงบนแผนที่

“เป้าหมายคือ คอร์ หรือ แหล่งพลังงานหลักของฐานที่มั่นนี้ การเข้าไปนั้นจะยากแสนสาหัส ต้องผ่านด่านแนวหน้าของพวกมันไปให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวสิ่งก่อสร้างได้” แบล็คหยุดอยู่ครู่หนึ่ง เขาหลังควับ กวาดสายตามองทั่วผืนป่าที่รกร้างแห่งนี้

“ศัตรู!..3 นาฬิกาทิศตะวันออก” พวกเอเลี่ยนเดินสองขา กลุ่มใหญ่เดินเรียงแถวแบบหน้ากระดาน ดูเหมือนว่าพวกมันรู้แล้วว่ามีคนโดดร่มลงมา รูปร่างเป็นลักษณะเดียวกันกับที่แบล็คเจอที่ นิวยอร์ก ไม่ผิดเพี้ยน

“ก้มไว้ทุกคน..”แบล็คกระซิบเบาๆ ก่อนฟุบลงไปนอนกับโคลนอยู่พักใหญ่ พวกลาดตระเวนค่อยๆเดินลับหายไปจากระยะการมองเห็น

“ทำไมพวกมันรู้เร็วนักล่ะ..พวกเราพึ่งลงถึงพื้นไม่ถึง 10 นาทีระยะห่างจากฐานทักมันไกลพอสมควร นี่มันกับดักชัดๆ”อีเลียสกล่าว “ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ภารกิจคือภารกิจ เราจะถอยไม่ได้ รอยซ์เสียสละมากพอแล้ว เราควรทำภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วงเพื่อเขา และเพื่อดวงดาวแห่งนี้!” กำลังใจที่จะยืนหยัดเพื่อมนุษยชาติ และเพื่อพวกพ้องนั้นมิอาจลบเลือนไปจากจิตใจของเหล่าทหารผู้กล้าได้ ทีมรุดหน้าโดยเป้าหมายเดียวคือ ชิง คอร์ ให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม


“ท่านครับ..” เสียงนายทหารดังขึ้นภายในห้องที่มีแต่แสงสว่างจากจอเรดาร์มากมาย

“มีอะไร ว่ามา”วิคเตอร์ กล่าว “เอ่อ..คือ สัญญาณตามตัวเครื่องสเตลท์หายไปแล้วครับ รวมทั้งสัญญาณตามตัวของทีม แบล็คไนท์ ด้วยครับ”นายทหารตอบด้วยเสียงสั่นๆ

“เป็นไปได้ยังไงกัน!..พยายามติดต่อ ทีม ให้ได้ลองทุกวิถีทาง! เข้าใจไหม”วิคเตอร์ออกคำสั่งลั่นทั่วห้องควบคุม จากนั้นทหารแต่ละคนรีบหาทางติดต่อทีม แบล็ค ในทันที วิคเตอร์รีบดิ่งไปที่ห้องของ เคออส แมนเดรล ทันที

“เฮ้! อยู่ไหมมีเรื่องด่วนจากทีม แบล็คไนท์..” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ

“เฮ้!” วิคเตอร์เปิดประตูเข้าไปพบเพียงความว่างเปล่าทุกอย่างดูเรียบร้อย ราวกับไม่เคยมีใครมาอยู่ภายในห้องนี้เลยแม้แต่คนเดียว “มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย” วิคเตอร์สบถขึ้น “เฮ้! จ่า” เขาเรียกนายทหารที่ยืนเฝ้ายามอยู่บริเวณนั้น “ครับผม!” นายทหารทำความเคารพก่อนจะยืนตัวตรง

“พวก CIA ในห้องนี้ล่ะ หายไปไหนหมดแล้ว?”วิคเตอร์ถามขึ้น

“พวกเขา พึ่งขึ้น ฮ.ลำเลียงทางอากาศของ CIA ไปได้ไม่นานนี้ครับ พวกเขามีเอกสารจากวอชิงตัน ดีซี ผมเลยต้องให้ผ่านออกไป” “ปัดโธ่เว้ย! มันพาพวกเขาไปหากับดักชัดๆ บ้าเอ๊ย! ไอสารเลวเอ๊ย!”วิคเตอร์ทุบประตูห้องดังลั่นด้วยอารมณ์โกรธแค้น


“ผมบอกท่านแล้วไงว่ามันต้องได้ผล..”เสียงที่ฟังดูคุ้นเคยดังขึ้นภายใน ฮ.ลำเลียง Chinook

“แล้วจะเอายังไงต่อล่ะครับ…” เสียงเงียบหยุดลง ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ “แกร็ก..” เสียงไฟแช็คดีดออก เกิดประกายไฟขึ้นก่อนจะนำไปจุด ซิการ์ มวนใหญ่

“การจะล่อ ราชสีห์ ออกจากถ้ำน่ะมันต้องเอา เหยื่อ ที่มีทั้งพละกำลังและสติปัญญา พอที่จะทำให้ ราชสีห์ ได้รู้สึกว่า เท่าเทียม กัน ไม่ใช่นำซากศพไปให้มันถึงปากถ้ำไงล่ะ คุณ แมนเดรล...เวลาคือ กุญแจ สำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างลงตัว...” แสงไฟแช็คดับลง

“อีกไม่นานเท่านั้น...ทุกอย่างก็จะเริ่มขึ้น”


Chapter28:Another

กาลเวลาคือสิ่งที่ปิดกั้นระหว่างโลก 3 โลกไว้นั่นคือ อดีตปัจจุบัน และอนาคต ถ้าจะถามว่าพอที่จะมีอะไรมาทำลายกำแพงนี้ได้นั้น คำตอบ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แต่พอจะมีอะไรเยียวยาให้ทั้ง 3 โลกมาบรรจบกันนั่นเหรอนั่นก็คงเป็น จิตใจของพวกเราทุกคนนี่แหละ...


“ตูม...ตูม...!” เสียงระเบิดดังกึกก้องทั่วชายป่าดงดิบรกชื้นแห่งนี้ ทีมแบล็คไนท์ต้องเผชิญกับศึกหนักหนากว่าที่คาดไว้มาก พวกเอเลี่ยนนั้นไหวตัวทันอย่างรวดเร็วหลังจากพวกเขาแฝงตัวเข้าใกล้ฐานของมันไปเรื่อยๆ

“เรียกกองเรือได้ไหม”แบล็คตะโกนสุดเสียงไปที่แนวต้นไม้ห่างออกไป 3 เมตร “ยังไม่มีใครตอบเลยครับ มีสัญญาณรบกวนตลอดจากพวกมันครับผม”เทรวิสตะโกนกลับมาก่อนจะก้มหัวหลบเศษไม้ที่ปลิวว่อนทั่วแนวป่า เหล่าแนวป้องกันของฝ่ายศัตรูระดมพลและอาวุธกราดใส่แนวป่าไม้อย่างหนักหน่วงตลอดเวลา 15 นาทีที่ผ่านมา เสียงยานบิน บินผ่านหัวของทีมแบล็คไนท์อย่างต่อเนื่อง พวกมันยังคงสุ่มทิ้งระเบิดแรงสูงใส่แนวป้าไม้ตลอดเวลา ยังดีที่พวกเขาพอจะหาต้นไม้ใหญ่เป็นแนวหลบกระสุนจากกองกำลังภาคพื้นของศัตรูที่กราดยิงเข้ามาเรื่อยๆ

“อยู่ยังงี้ต่อไปได้ตายสมใจแน่นอนเราต้องหา...”แบล็คหยุดชะงักทันทีที่เขามองเห็นบางสิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ที่โค่นล้มลงมา “ท่อน้ำ” แบล็คนึกได้เพียงอย่างเดียวและหวังว่าเขาจะเดาถูก

“ทางหลบหนีที่ 8 นาฬิกาทางทิศใต้” แบล็คสั่งลูกทีมแต่ละคน แต่ละคนค่อยๆลัดเลาะเข้ามาอย่างรวดเร็ว แบล็คใจชื้นขึ้นทันทีสิ่งที่เขามองอยู่ก็คือ ทางออกฉุกเฉินจากภายใน ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตามตอนนี้ขอแค่หลบไปจากบริเวณนี้ได้ก็เป็นพอ แจ็คสันค่อยๆงัดตัวฝาท่อให้เปิดออกอย่างช้าๆ

“ลงไปๆๆ” แจ็คสันบอกเพื่อนในทีม “แจ็คล่ะ” “แจ็คอยู่ไหนวะ”แจ็คสันตะโกนลั่นป่า

“กำลังไปว้อยย..ยย”เสียงตะโกนดังสวนกลับมา แจ็ควิ่งผ่านสิ่งกีดขวางมากมาย ทีมค่อยๆเห็นเขาชัดขึ้นทุกทีๆ

“ข้างหลัง!”เสียงตะโกนดังขึ้น แจ็คหันหลังไปมองทันที ยานบินขนาดใหญ่บินอยู่เหนือหัวของเขา ก่อนจะดีดระเบิดลงมา

“ตูม!” แรงระเบิดส่งร่างแจ็คกระเด็นขึ้นฟ้าก่อนจะตกลงมา “ไอบ้าเอ้ย..โธ่เว้ย”แจ็คสันดีดตัวออกจากท่อทันที เขาวิ่งไปที่ร่างของแจ็คทันที แจ็คหลับตาสนิทแต่ยังพอมีชีพจรแต่เบาบางมาก แจ็คสันดึงเสื้อเกราะของแจ็คออกก่อนจะยกตัวของเขาพาดบ่าแล้วดิ่งกลับมาที่ ท่อ ทันที

“ครบแล้ว ปิดเลย!”มาสการ์บอก ฮุค ที่กำลังรอเพื่อนของเขาอยู่ เจน่าวิ่งมาที่ร่างของแจ็คทันที “ถอยไปๆ ขอดูหน่อย” เจน่ารีบดึงกระเป๋าพยาบาลจากชุดเกราะของเขาออกทันที ก่อนจะจับข้อมือของแจ็คเพื่อฟังสัญญาณชีพ “ยังพอมี แต่เสี่ยงมากผมไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไงบ้าง”เสียงเจน่าสั่นนิดๆ

“แค่กๆ”แจ็คพ่นเลือดออกจากปากก่อนจะลืมตาขึ้น “เฮ้..” แจ็คกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง

“ว่าไง แกน่าจะเห็นนะว่าเมื่อกี้ลอยสูงแค่ไหน ฮ่ะ..”เจน่าพูดขึ้นด้วยท่าทีข่มอารมณ์อย่างมาก “เรื่องแค่นี้น่ะเล็กอยู่แล้ว”แจ็คกล่าว “อดทนไว้เพื่อนยาก นายน่ะต้องไม่เป็นไรอยู่แล้ว”เจน่ากล่าวก่อนจะฉัดมอร์ฟีนเข้าที่แขนขวาของแจ็ค เจน่าเดินตรงไปที่แบล็ค “หัวหน้าครับ..ถ้าไม่ส่งกลับเรือเขาได้ตายแน่ๆ เครื่องมือที่นี่เรามีไม่พอจะทำอะไรได้เลย”เจน่ากล่าวด้วยอารมณ์สงบเงียบ

“เข้าใจล่ะ งั้นเราจะแบ่งทีมไว้ที่นี่ 4 คนคอยติดต่อกองเรือนอกนั้นดำเนินภารกิจต่อ”

“ขอบคุณครับ”เจน่ากล่าวทิ้งท้าย


Episode29:Cruz

“เอาล่ะ เราจะไปกันแล้ว”แบล็คกล่าวเบาๆ “ถ้าเราไม่กลับมาใน 1 ชม. ทิ้งที่นี่ไปซะ”เขาหันหลังกลับไปบอกเจน่า ก่อนจะหายไปในเงามืดกับทีมที่เหลือทั้ง 6 คนมี อเล็กซ์ อัลโด อีเลียส ไมเคิล เร็กซ์ และ แจ็คสัน ทีมมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางของฐานที่มั่นของศัตรู โดยที่เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างข้างหน้านี้


ทัพเรือ ไอโอว่า “ชั้นบอกไปกี่ครั้งแล้วว่าลูกน้องของพวกแกน่ะมันหายไปแล้ว เข้าใจไหม!”นายพลวิคเตอร์ตะโกนใส่โทรศัพท์ด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

“ตึง” เขากระแทกหูโทรศัพท์ดังลั่น ทำเอาทหารยาม 2 คนนอกห้องสะดุ้งขึ้น วิคเตอร์พึ่งวางสายจากเบื้องบนของหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ หรือ CIA ดูเหมือนพวกนั้นจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่อย่างเดียว ราวกับไม่มีคนชื่อ เคออส แมนเดรล และ แม็ก ดีแวนซ์ ยังไงยังงั้น “ท่านครับ..” เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงนายทหารคนหนึ่ง “เข้ามา..”วิคเตอร์กล่าวอนุญาต

“มีการติดต่อมาจาก ขั้วโลกเหนือ ครับ ไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายไหนแต่ทางนั้นบอกว่าอยากคุยกับท่านคนเดี่ยวครับ”

“ขั้วโลกเหนือ? แล้วทำไมถึงติดต่อมาถึงนี่ได้ล่ะ”วิคเตอร์ขมวดคิ้วด้วยท่าทางสนใจขึ้นมาทันที “ขอบคุณมาก ไปได้แล้ว..”

“ครับผม”นายทหารทำความเคารพก่อนหมุนตัวออกจากห้องไป ไม่รอช้าวิคเตอร์เดินตรงไปที่ห้องควบคุมการสื่อสารทันที

“ยังอยู่ในสัญญาณไหม”เขาถาม พลทหารคนหนึ่งที่กำลังยุ่งอยู่กับการตรวจสอบสัญญาณที่รับเข้ามา

“ยังอยู่ครับ”พลทหารตอบกลับ “ขึ้นจอใหญ่สิ” “ครับผม”พลทหารตอบรับ ก่อนจะสับสวิทซ์สีแดงขึ้น

“ภาพใน 3..2..1 รับสัญญาณแล้ว”พลทหารกล่าว แสงสว่างบนจอสว่างวาบเป็นสีขาวโพลน “แกร็กๆ..อุ๊บ ระวังหน่อยสิของนี่มันแพงมากนะรู้ไหม.. โอ๊ะสัญญาณมาแล้วเรอะ” วิคเตอร์อยู่ในอาการงงนิดๆ

“โอ้..ขอโทษครับ ท่านนายพล ผมคือ ศ.ครัสเตอร์ เอลแซ็ก เป็น 1 ในทีมค้นหาของสถาบันวิจัยประจำขั้วโลกเหนือน่ะครับ”ชายวัย 30 ต้นๆกล่าวทักทายวิคเตอร์ ผมเป็นสีน้ำตาลเข้ม ตาสีฟ้าอ่อนดูภูมิฐานและหนักแน่น “ไม่ทราบว่า คุณมีอะไรถึงกับยอมลงทุนเสี่ยงส่งสัญญาณมาที่นี่?”วิคเตอร์ถามกลับด้วยมาดของทหาร

“โอ้..เรื่องนั้นไม่ต้องกลัวหรอกครับ”ครัสเตอร์กล่าวก่อนจะดึงกล้องออกจากขาตั้ง แล้วหมุนกลับไป 180 องศา

“มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”วิคเตอร์อุทาน “เราน่ะส่งสัญญาณผ่าน ริปเปอร์ ลำนี้น่ะครับ มันไม่มีทางแกะรอบสัญญาณของเราได้แน่นอน”ครัสเตอร์บรรยายไปพร้อมเดินถ่ายรอบตัวยานต่างดาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“ริปเปอร์?”วิคเตอร์กล่าว “อ้อ..พวกเราเรียกมันว่ายังงั้นน่ะครับ ที่นี่เราได้แบ่งหมวดหมู่ไว้หมดแล้ว คงเหลือไม่กี่แบบหรอกครับที่ยังไม่เห็น”ครัสเตอร์กลับมาอธิบายอีกครั้ง

“แล้วเรื่องสำคัญที่ว่าล่ะมันคืออะไรกันแน่?”วิคเตอร์มุ่งประเด็นแรกทันที “เอาเป็นว่ามันคือ กุญแจ สู่ชัยชนะของพวกเรานี่ล่ะครับ”ครัสเตอร์ยิ้ม

“ผมว่าพวกท่านมาที่นี่จะดีกว่า มันคงไม่ไกลนักดูจากตำแหน่งที่ท่านอยู่น่ะครับ”ครัสเตอร์กล่าว “ตอนนี้เรายังไปไหนไม่ได้ รายละเอียดน่ะคงบอกกันไมได้”วิคเตอร์กล่าว

“แน่ล่ะ ทหาร ชอบมีเรื่องยังงี้สินะครับ”ครัสเตอร์กล่าวติดตลก

“ท่านพร้อมเมื่อไหร่ติดต่อมาทางช่องสัญญาณนี้ละกัน พวกเราน่ะอยู่ที่นี่เสมอมันปลอดภัยที่สุดแล้ว..ตัดสัญญาณได้”เขากล่าวทิ้งท้าย “ปลอดภัย?”วิคเตอร์กล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่คิดอะไรมาก

ความยากลำบากมักจะมาตอนที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูแย่ไปหมด หากเพียงแต่มันก็ยังเหลือทางออกเล็กๆอยู่ แม้จะเล็กแค่ไหนมันก็สามารถพาเราออกไปได้เสมอล่ะ

Rex
20th July 2011, 17:28
Chapter30:Savior
เสียงฝีเท้าอันเงียบกริบดังอย่างแผ่นเบา ภายใต้เงามืดที่ปกปิดพวกเขาไว้ แบล็คนำลูกทีมทั้ง 6 คนเข้าสู่ใจกลางฐานทัพของศัตรู แม้ภายนอกนั้นจะดูเหมือนเทคโนโลยีจากต่างดาวก็ตาม แต่ภายในนั้นดูคล้ายกับแล็บวิจัยของมนุษย์มาก “ฟุบ” แบล็คส่งสัญญาณมือขึ้นเพื่อออกคำสั่งหยุด “ก้มต่ำไว้”แบล็คพูดขึ้น เอเลี่ยน 2 ตัวเดินมาทางพวกเขาดูเหมือนจะเป็นการ์ดประจำฐานของพวกมัน “ตึงๆ”เสียงฝีเท้าที่ดูหนักแน่นเดินผ่านหน้าพวกเขาไปไม่ถึงเมตร พวกมันผ่านไปโดยไม่สงสัยอะไรแม้แต่น้อย “เอาล่ะ ไปกันต่อ” แบล็คออกคำสั่งอีกครั้ง เขาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ตัวเลขนับถอยหลังเรื่อยๆ ตอนนี้เหลือเพียง 30 นาทีเท่านั้น ไม่งั้นทุกอย่างที่ทำมาก็ไร้ค่า ทีมค่อยๆคืบคลานเข้าสู่จุดหมายของพวกเขานั่นคือ แหล่งเก็บพลังงานหลักของพวกมัน หรือ คอร์ ทุกอย่างจะกระจ่างขึ้นเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกคนได้แต่คิดว่ามันจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้วที่พวกเขาทำ
วิคเตอร์เดินกลับมาที่ห้องสื่อสารหลักอีกครั้ง หลังจากคุยกับ ครัสเตอร์ เสร็จ “ได้เรื่องไหม”วิคเตอร์พูดกับนายทหารผู้คุมห้องสื่อสารหลักนี้ “ดูเหมือนจะจับสัญญาณ ฉุกเฉินจากที่นั่งนักบินที่ดีดตัวออกมาได้ครับ แต่มันเบาบางมาก เรากำลังพยายามตามให้ได้นานที่สุดครับ” นายทหารตอบกลับ “พอระบุสัญญาณได้ไหม”วิคเตอร์ถาม “พอได้ครับ แต่อยู่ในระยะค้นหาที่ 5 ไมล์ครับ” “ดี!..แจ้งตำแหน่งได้เลย แล้วแจ้งหน่วย Seal ให้เตรียมพร้อมด้วย”วิคเตอร์ออกคำสั่งกำชับนายทหารภายในห้องสื่อสารหลัก “ครับผม!” ทั้งหมดขานตอบรับเป็นเสียงเดียวกันก่อนจะลงมือทำหน้าที่ของตนเอง “ติดต่อกองเรือ UN กับ กองเรือของชาติพันธมิตรให้ผมด้วย”วิคเตอร์คุยกับรองนายพลที่เดินตามมาข้างหลัง “เดี๋ยวนี้เลยครับผม”เขาตอบรับก่อนจะรีบวิ่งแยกทางออกไป วิคเตอร์เดินกลับมาที่ห้องทำงานของเขาเขานั่งลงพิงเก้าอี้โซฟาหนังหน้าโต๊ะทำงานของเขา ในหัวของเขามันปั่นป่วนไปหมดราวกับได้ย้อนเวลาไปช่วงเวลาที่เขาออกรบในสงครามเวียดนาม ในสมัยที่เขายังเป็นเพียงทหารเรือคนหนึ่งที่ไม่คิดอะไรมากกับอนาคตของตัวเอง และสมัยที่แบล็คยังเคียงคู่ฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมๆกับเขาเสมอๆ “อดทนไว้...เพื่อน”
“ศัตรูที่ 10 นาฬิกา มีอีกที่ 6 8 2”อัลโดตะโกนลั่น “ปังๆๆ”เสียงปืนกลเบาสาดกระสุนออกไปทั่วทิศทาง ขณะที่ทีมวิ่งฝ่าดงกระสุนไปพร้อมกัน “ฟ้าว!” เสียงกระสุนลำแสงฝ่ายศัตรูวิ่งเฉียดตัวพวกเขาไปเพียงไม่กี่เมตร “ไปๆๆ!..ปังๆๆ”อีเลียสบอกเพื่อนก่อนจะหันหลังกลับมาประทับบ่าเล็งปืน P90 ใส่ศัตรูจำนวนมากที่วิ่งตามพวกเขามาติดๆ อีเลียสนับได้ว่าเป็นหนึ่งในนักแม่นปืนที่เก่งที่สุดในหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐ เพราะความเร็วอันเหลือเชื่อของเขาและสมองที่สั่งการได้อย่างฉับพลันทำให้เขากำจัดศัตรูจำนวนมากได้ในหนึ่งนัด เขามองผ่านกล้อง C-more ขนาดเล็กที่จุดรวมแสงสีแดงก่อนที่สมองจะสั่งการนับจำนวนศัตรูและเล็งยิงทันที “ปังๆๆๆๆๆ!”อีเลียสปล่อยกระสุนชุดใหญ่ใส่ศัตรู พวกมันล้มลงราวกับผ้าใบที่ปลิวว่อนตามลม “ระวังระเบิด!”เร็กซ์ตะโกนก่อนจะโยนระเบิดแรงดันสูงใส่ใจกลางกองกำลังศัตรู “..ตูม!” แรงระเบิดทำลายล้างเป็นวงกว้างทันที เศษชิ้นส่วนศัตรูปลิวว่อนทั่วบริเวณ “ไปได้!” แบล็คออกคำสั่ง ทีมรีบรุดหน้าเข้าสู่ใจกลางฐานทัพ อีกเพียงนิดเดียวก็จะถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขาแล้ว แต่จะมีอะไรบ้างล่ะที่รอพวกเขาอยู่...

Chapter31:Sky
“เลี้ยวขวาๆ ข้างหน้านั่น!”แบล็คตะโกนลั่นใส่ลูกทีมที่วิ่งนำหน้าเขาอยู่เหมือนการฝึกภาคสนามไม่ผิดเพี้ยน แต่นี่เขาต้องอ่านเครื่อง GPS ไปพร้อมๆกันกับวิ่งแบกปืนกลไปด้วย “ตรงไปเรื่อยๆ”เขากล่าวซ้ำอีกครั้งก่อนจะเจอทางแยกขวา ตึงๆๆ เสียงฝีเท้าทีมกระทบพื้นตะแกรงดังสะท้อนกลับไปกลับมา “นั่นไงเจอแล้ว!”อเล็กซ์ลั่นเสียงออกเมื่อพบแสงสีขาวข้างหน้าตน ทีมรุดเข้าพื้นที่อย่างรวดเร็ว ภายในห้องรูปทรงเลขาคณิตขนาดใหญ่ที่ดูว่างเปล่านี้ ไม่พบสิ่งใดนอกจากพื้นที่สีดำสนิทกับแสงสีฟ้าอ่อนๆ “มันอยู่ไหนกันแน่?”เร็กซ์กล่าวก่อนจะเดินวนรอบห้องพินิจพิเคราะห์หาสิ่งผิดปกติ “ตั้งแนวป้องกัน แจ็คสัน อีเลียส พวกนายไปคุ้มกันประทางเข้าตะวันออก อัลโดกับไมเคิล คุ้มกันตะวันตก เร็วเข้า!”แบล็คออกคำสั่งอย่างใจเย็น เขาเดินดูอยู่หลายรอบแต่ไม่พบอะไร แกร็ก เสียงใต้ฝ่าเท้าเขาดังขึ้น แบล็คก้มหน้ามองก่อนจะลงไปคุกเข่าเพื่อตรวจสอบ “มันอยู่ข้างใต้เรานี่แหละ!”เขาตะโกนบอกทีม “มองหาสัญลักษณ์วงกลม คล้ายร่องลึกบางๆ” ทีมที่เหลือพากันตั้งหน้าตั้งตาหาตำแหน่งดังกล่าวเหมือนที่ตรวจหาวัตถุแปลกปลอมบนเรือรบดีๆนี่เอง “เจอแล้ว”อเล็กซ์ส่งสัญญาณ “เจอแล้วเหมือนกันครับ”เร็กซ์ก็เช่นกัน แบล็ค ทาบฝ่ามือไว้กับพื้นสีดำบริเวณที่มีชิ้นส่วนยื่นออกมา “แกร็ก...กก”เสียงคล้ายกลไกบางอย่างดังขึ้น “วูบ!”แสงสีฟ้าสว่างวาบรอบวงกลมทำให้มันเปล่งประกายเป็นสีน้ำเงินเข้ม บริเวณที่แบล็ค ทาบมือไว้ มีราวจับเล็กๆเลื่อนขึ้นมาช้าๆ สักพักวงกลมทั้ง 3 วงก็สว่างจ้าขึ้นพร้อมๆกัน “เอาล่ะ ดึงเลย เอาไงเอากันล่ะวันนี้”แบล็คออกคำสั่ง เขาถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมดึงเจ้าวัตถุใต้พื้นขึ้นมาเต็มที่ “เอาเลย!” “เอาเว้ย!”เร็กซ์ตะโกนเรียกแรงตัวเองออกมา แท่งวงกลมทรงกระบอกค่อยๆเลื่อนขึ้นมาอย่างช้าๆ ไม่นานนักทั้ง 3 ดึงมันออกมาได้ในที่สุด “วาบบ..”แสงสีฟ้าตรงกลางสว่างจ้ากว่าแสงทั้งหมดในห้อง พื้นตรงกลางค่อยๆลอยขึ้นอย่างช้าๆราวกับมันไร้ซึ่งแรงดึงดูด “โอ้ว..เหนือมนุษย์?”อเล็กซ์กล่าวติดตลกก่อนจะหมอบเสียงลง แผ่นพื้นสีดำคล้ายโลหะค่อยๆลอยเปิดทางให้กับวัตถุข้างใต้อย่างช้าๆ “ตึง”ลูกบอลลำแสงขนาดเล็กลอยขึ้นมาช้าๆ และ หยุดในที่สุด “ให้ผมเดานั่นคงเป็น..”อเล็กซ์กล่าว “คอร์”เร็กซ์กล่าวปิดประโยค “ตูม!”เสียงกำแพงระเบิดออกควันตลบอบอวน “อะไรอีกล่ะนั่น”อัลโดพูดขึ้นก่อนยกปืนเตรียมพร้อม “ก๊าซ..!”เสียงคำรามลั่น “ไอบ้าเอ้ย..ไอเสียงนรกนี่อีกแล้วเหรอวะ!”เร็กซ์สบถ ตัวประหลาดอีกตัวที่ยืนอยู่หน้าแบล็คและลูกทีม เพียงแต่มันไม่ใช่ตัวในอุโมงค์ ดูใหญ่กว่ามากแข็งแรงกว่ามากอย่างแน่นอน ลำตัวที่เป็นโลหะบางอย่างผสมกับร่างเนื้อหนังราวกับ แฟรงเกนสไตน์ สายตาสีแดงสลับดำกรอกตาไปมามันจ้องเขม็งมาที่แบล็คโดยตรง เส้นเลือดปูนโปนบริเวณแขนขนาดใหญ่กระตุกนิดๆ สายตาแบล็คจ้องมองกลับด้วยท่าทีเอาจริงเช่นกัน “มาเลยไอพวกบ้า..”แบล็คพึมพำ ฟุบ! เขายกปากกระบอกปืนขึ้นเล็ง “อะไรว...?”ไม่ทันสิ้นเสียง เจ้าตัวประหลาดโดดขึ้นสูงเหนือหัวพวกเขาไปซะแล้ว “หลบ”แบล็คลั่นเสียงออกไปโดยอัตโนมัติ “ตูม!”เจ้าสัตว์ร้ายกุมมือทั้ง 2 ข้างแล้วทุบลงบนพื้นเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้น “ใช้แผนโจมตีสลับ เร็วเข้า!”แบล็คออกคำสั่ง “รับทราบ”ทีมตอบกลับเป็นเสียงเดียวกัน ทั้ง 7 คนยืนล้อมรอบเจ้าสัตว์ร้ายไว้ “ปังๆๆ”อัลโดเริ่มยิงใส่บริเวณหัวของมัน “ปังๆๆ”ไม่นานนักอีเลียสเริ่มยิงเช่นเดียวกันเพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่งเป็นลำตัว ทั้ง 7 เริ่มวิ่งและยิงทีละ 3 นัดตามจุดสำคัญต่างๆ พวกเขาวิ่งตัดผ่านกันเองอย่างพร้อมเพรียง “รับ”อเล็กซ์โยนระเบิดแสงให้อัลโด เจ้าสัตว์ร้ายหันตามหวังจะเตรียมป้องกันตัว “เฮ่ย! ไอหน้าโง่ ทางนี้เว้ย”เสียงเร็กซ์ตะคอกใส่ ก่อนจะโยนระเบิดแสงใส่หน้าของมัน “บึม” เกิดแสงจ้าบริเวณหัวของมัน ทำเอามันต้องล้มลงไปคุกเข่ากับพื้น “ถล่มมัน”เสียงแบล็คกล่าว ทีมระดมยิงปืน M203 ใส่เจ้าสัตว์ร้ายอย่างไม่ปรานี “ตูมๆๆๆ” สิ้นเสียงระเบิดพวกเขาเพ่งสายตาไปที่เป้าหมาย “เฮ้ย!”
Chapter32:Rise up!
เศษดินระเบิดกระจายทั่วพื้น เผยเห็นเงาบางอย่างยังคงยืนตระหง่านอยู่ภายใต้ไอความร้อนของแรงระเบิด “เป็นไปได้ยังไง!” เร็กซ์อุทานโดยไม่รู้ตัว สิ่งมีชีวิตต่างดาวเริ่มแสดงทีท่าดุดันเข้าข่มเหล่าทหารที่ยืนล้อมมันไว้ “ฮูมม..มม”สิ้นเสียง สัตว์ร้ายพุ่งเข้าใส่แบล็คเป็นเป้าหมายแรก “ตึงๆๆ” แขนมหึมาง้างขึ้นเหนือหัวของแบล็คหวังจะฟาดฟันลงมาอย่างไม่ปรานี “ตูม!” เสียงสนั่น “ถ้าแกคิดว่าเราเป็นแค่มนุษย์ล่ะก็...แกคิดผิดแล้วว้อย!” แบล็คยกปืนกลข้างกายมาบังไว้เหนือหัวได้ทันท่วงทีที่สัตว์ร้ายทุบลงมา แรงมหาศาลส่งทำให้ปืนหักเป็น 2 ท่อน ชั่วอึดใจแบล็คดึงมีดสั้นออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบรรจงกระแทกเข้าใส่ตาของสัตว์ร้ายทันที “ฉัวะ..” เลือดสีแดงทะลักออกจากตาของมันราวกับธารน้ำ “ฮูมม...มม” มันร้องด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ก่อนจะเริ่มเหวี่ยงแขนไม่เป็นทิศเป็นทางไปมา “ไปเอาคอร์มาเดี๋ยวนี้!”แบล็คตะโดนสั่ง อเล็กซ์ ที่ยืนอยู่ตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด “รับทราบ!” อเล็กซ์รีบวิ่งไปที่ตัวแกนกลาง ขณะที่เขากำลังยื่นมือคว้ามันไว้ อเล็กซ์เหลือบตาเห็นแสงสีฟ้าเป็นเส้นส่องมาที่เขา “เฮ้ย..” ลำแสงทอดยาวเป็นเส้นจำนวนมากมาย เล็งไปตามตัวของแต่ละคน ภายหน้าของแบล็คคือกองกำลังศัตรูจำนวนกว่า 20 ตัวยืนคุมสถาการณ์ไว้หมดแล้ว พวกเอเลี่ยนลักษณะคล้ายมนุษย์แบบที่แบล็คเจอมาก่อน พวกมันดูเหมือนรอคำสั่งบางอย่างอยู่ถึงไม่ยิงทีมของเขาทันที “จง..วาง..อาวุธ..ของเจ้าซะ!!” เสียงคำพูดดังขึ้นอย่างไม่เป็นช่วงจังหวะ “แกเป็นใคร!” แบล็คตะโกนตอบกลับ “ตุบๆๆ..” เสียงฝีเท้าเดินแหวกแนวทหารฝ่ายศัตรูออกมา เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตชีวภาพรูปทรงคล้ายมนุษย์ เพียงแต่เหมือนใส่ชุดสีดำปกปิดร่างกายเอาไว้ “ข้า..มีนามว่า....เรเว่น หนึ่งในสี่ ขุนพลแห่ง อิมมอร์ทอล “ “เรียกง่ายๆว่า หัวหน้าก็พอแล้วไอต่างดาวหน้าโง่” แจ็คสันสบถ “ระวังปากของเจ้าไว้ สัตว์ชั้นต่ำ!”ฝ่ายศัตรูโต้กลับอย่างสุขุม “..ข้าว่าพวกเจ้าควรจะดีใจที่ได้เจอกับข้าผู้นี้” เรเว่นกล่าว“..ข้าให้พวกเจ้ารอด แต่จงยอมจำนนต่อเราเสียตอนนี้ ถ้าไม่...ก็จงหายไปจากดวงดาวที่ใกล้ตายนี่ซะ” เรเว่นกล่าวจบ แบล็คหันมองลูกทีมของเขา ถ้าเขาไม่ยอมตัวเองก็ต้องตายและคนอื่นๆในทีม แบล็ค รู้สึกถึงความสับสนวุ่นวายในจิตใจของเขา “ตึก..” แจ็คสันยกมือตบบ่าแบล็ค “ถ้าหัวหน้าคิดเรื่องพวกเราอยู่ล่ะก็ ไม่ต้องสนใจหรอกครับ ศรัทธาต่อหัวใจตัวเองยังดีกว่ายอมแพ้ให้พวกมัน...” แจ็คสันกระซิบข้างๆแบล็คอย่างใจเย็น “ฮึ..! อย่าทำเท่ไปเลย แจ็คสัน” แบล็คกล่าวสายตาของเขากลับมามุ่งมั่นเหมือนเดิม เขายกมือชี้ไปที่หน้าเรเว่น “พวกเราน่ะ คือมนุษย์ และเราน่ะไม่เคยยอมแพ้ต่อใครว้อย ไอสารเลว!” แบล็คตะคอกใส่เหล่าเอเลี่ยนภายหน้า “..ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่..หยิ่งยโสโอหัง ยิ่งนัก...ถ้างั้นเจ้าจงดับสลายไปพร้อมๆกันซะ..!” สิ้นเสียงเรเว่น กองกำลังศัตรูยกปืนขึ้นพร้อมเล็ง “ดีใจที่ได้ร่วมทีมกับพวกนายทุกคน” แบล็คเปล่งเสียงขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ ทุกอย่างมันช่างเงียบและเยือกเย็นเสียจริง ทำไมกัน ทำไมทุกอย่างถึงต้องจบสิ้นที่ตรงนี้ แบล็คนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำมาในชีวิต มันเหมือนที่คนกำลังจะตายคิดกัน เหมือนภาพสไลด์เล่าชีวประวัติของเราอย่างช้าๆ “ วี้ด...” เสียงลำแสงชาร์จขึ้นที่ปลายกระบอกปืนของศัตรู “ ลาก่อน... “




Chapter33:Seem
6 อาทิตย์ก่อนเหตุการณ์ First Invade ชานเมืองมหานครนิวยอร์ก “เดน่า...วันนี้แม่จัดของอยู่ ลูกออกไปเล่นหน้าสนามหญ้าก่อนนะ” เสียงหญิงวัยกลางคนกล่าวออกมาจากห้องครัวในบ้านหลังหนึ่ง เด็กน้อยไม่ได้สนใจอะไรตอบกลับเพียงเบาๆ “ค่ะ” เธอวิ่งออกนอกประตูหน้าบ้านไปก่อนจะหยิบของเล่นประจำตัวไปด้วย “ดาวตก...” เด็กน้อยมองขึ้นฟ้าก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ แสงสีขาววิ่งผ่านฟากฟ้าท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้า ตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็นเธอวิ่งตามแสงสีขาวโพลนนั้นไป โดยไม่สงสัยอะไร “ตูม..” แสงสีขาวตกลงบนทุ่งหญ้าบริเวณแนวป่าไม้ใหญ่ เด็กหญิงค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปมองหลุมดินขนาดใหญ่ “วาบ..” แสงสีฟ้าสว่างจ้าขึ้น รูปทรงวงรีค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ “ตึง!” เสียงฝีเท้ากระแทกลงพื้นดินทราย “กรี๊ด..!” เด็กน้อยตกใจโดยสัญชาตญาณ ทำของเล่นตกกระเด็นเข้าไปบริเวณตัววัตถุแปลกประหลาด เธอวิ่งหนีออกมาไม่รีรอ สิ่งมีชีวิตรูปร่างใหญ่โต สวมผ้าคลุมสีดำทั่วทั้งตัวปิดหน้าตาไว้มิดชิด เขาเดินตรงมาหา เด็กน้อย “ช่วยด้วย!...” เด็กน้อยตะโกนลั่น แม่ของเธอที่อยู่ภายในบ้านตกใจทันทีที่ได้ยิน เธอรีบวิ่งออกจากบ้านไปหาลูกในทันที น่าแปลกใจเมื่อเธอไปถึงเด็กน้อยกลับเล่นของเล่นอย่างสุนกสนาน “เกิดอะไรขึ้นลูก?” ผู้เป็นแม่ถามขึ้น “พี่คนนั้น เขาหยิบของเล่นให้หนูด้วยล่ะคะ” เด็กน้อยตอบกลับอย่างใสซื่อ ก่อนจะชี้ตรงไปที่แนวป่าไม้ “เขาให้ของไว้กับหนูด้วย” เธอหยิบวัตถุวงกลมขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมา มันเรืองแสงสีฟ้าอ่อนสวยงาม แม่ของเธออยู่ในอาการงุนงงยิ่งนัก เธอเดินไปที่หลุมขนาดใหญ่ เพียงแต่เธอไม่พบอะไรนอกจากดินทรายปะปนกัน















Chapter34:EXIT
ความเงียบยังคงดำเนินต่อไป ทำไมเวลาที่เราเหนี่ยวไกใส่ศัตรูมันช่างดูเหมือนเวลามันสั้นนัก แต่นี่เรากับรู้สึกนาน นานเหลือเกิน ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด...
“ปัง...!” เสียงเหนี่ยวไกดังขึ้น แต่ทำไมเสียงนั้นช่างคุ้นเคยยิ่งนัก เสียงนี้ เสียงนี้มัน! แบล็คลืมตาขึ้นทันที เอเลี่ยนตัวหนึ่งล้มคะมำไปต่อหน้าเขา “อะไรกัน..!?” เรเว่นคำรามกร้าว “ปัง...ปัง...” กระสุนยังคงพุ่งมาเป็นช่วงๆ โดยไร้เสียงตอบรับ “ปัง..” เสียงกระสุนอีกนัดพุ่งเข้าเจาะหัวเหล่าเอเลี่ยนที่กำลังสับสนวุ่นวาย “เผยตัวออกมาเดี๋ยวนี้..!” เรเว่นตะโกนลั่นอีกครั้ง “ตึก..ตึก..” เสียงฝีเท้าดูหนักแน่นอันคุ้นเคย ชายในชุดทหารอากาศแห่งสหรัฐอเมริกา “รอยซ์!” อัลโดพูดขึ้นด้วยอาการตกใจ “สวัสดีท่านสุภาพบุรุษ” รอยซ์กล่าวเปิดบทสนทนาเขาถือปืน ACR ไว้ข้างกาย ไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อกองกำลังศัตรูที่อยู่ภายหน้า.. “ยอมแพ้ซะตอนนี้ แล้วพวกแกจะได้มีชีวิตต่อไปอีกนิด” รอยซ์กล่าวอย่างสุขุม “หึๆ..นี่พวกเจ้าเสียสติแล้วหรือยังไง แค่เจ้าเดินมาตรงนี้ก็เท่ากับพวกเราชนะแล้ว หน้าโง่!” เรเว่นตะโกนอย่างภาคภูมิใจ “ใครบอกว่าชั้นมาคนเดียวเล่า..” “ฆ่ามัน!” เรเว่นตะโกน ขณะที่กองกำลังศัตรูเตรียมเล็งปืน ชั่วขณะเสียงปืนกลดังขึ้นอย่างฉับพลัน “ปัง...ปังๆๆๆ!”ห่าหระสุนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ กองกำลังศัตรูล้มระเนระนาดกองอยู่กับพื้น “ทำไมกัน...!” เรเว่นกระอักเลือดกล่าวออกมา “จงอยู่กับความภาคภูมิใจของแกไปคนเดียวเถอะ...” แบล็คกล่าว “วี้ด..ดด” เสียงสายสลิงหย่อนลงมามากมาย ตามมาด้วยกองกำลังหน่วย Seal และ Ranger จำนวนมาก “สวัสดีครับ กัปตัน!” หน่วย Seal คนหนึ่งกล่าว “เราได้รับภารกิจมาช่วยทีมของท่านครับ” เขากล่าวเพิ่มเติม “ลูกทีมผมอีกส่วนหนึ่งยังติดอยู่ข้างนอกนั่น “ แบล็คทักท้วงขึ้น “ไม่ต้องห่วงครับเราได้ตัวพวกเขาแล้ว” Seal ตอบรับทันที “พวกเราพึ่งมาถึงได้สักพักครับ ต้องขอบคุณนักบินคนนั้นมากนะครับ เขาเป็นคนเปิดเครื่องส่งสัญญาณฉุกเฉิน” เขากล่าวก่อนชี้ไปที่รอยซ์ที่กำลังยืนคุยกับคนอื่นๆในทีมแบล็คไนท์ “ปี้ป..” เสียงนาฬิกาข้อมือของหน่วยกู้ภัยดังพร้อมๆกัน “ถึงเวลาแล้วครับ...ทางทัพอากาศจะทิ้งบอมบ์ที่นี่ในอีก 5 นาที พวกเราคงต้องรีบแล้วล่ะ” “เดี๋ยวก่อน” แบล็คกล่าว เขามองไปที่คอร์ซึ่งลอยตระหง่านอยู่กลางห้อง เขาเดินหยุดตรงหน้าของแหล่งพลังงาน ก่อนยื่นมือออกไปคว้าไว้ “วาบ!” แสงสีขาวจ้าปรากฏขึ้นชั่วเสี้ยววินาที ก่อนจะดับหายไป “ไปเถอะ..!” แบล็คกล่าว “พวกเรา ไปกันได้แล้ว” หน่วย Seal ส่งสัญญาณเรียกรวมพล ทั้งหมดค่อยๆกลับออกไปทางด้านบนตัวฐานทัพ “ฟ้าว...ตูมๆๆๆ” เครื่องบิน A-10 จำนวนหนึ่งบินโฉบขึ้นฟ้าก่อนจะทิ้งดิ่งลงมาปล่อยมิสไซล์ใส่ป้อมปืนของศัตรูเกิดแสงจากเปลวเพลิงอันร้อนระอุ ดูเหมือนป่าเพลิงเสียมากกว่า “อลังการจริงๆ พวกทัพอากาศ” Ranger คนหนึ่งพูดขึ้น “ศูนย์นี่หน่วยกู้ภัยพิเศษ เราได้ตัวทีมแบล็คไนท์แล้ว ส่ง ฮ. มารับโดยด่วน” Seal หวัหน้าทีมกู้ภัยวิทยุถึงกองเรือที่ห่างออกไปไกลจากตัวเกาะ “รับทราบหน่วยกู้ภัย กำลังส่ง CH-47 ไปรับ อดทนหน่อยเปลี่ยน” ศูนย์ตอบกลับ “รับทราบ ...เลิกการติดต่อ” Sealกล่าว “พับๆๆๆ” เสียงใบพัดห่างออกไปประมาณ 1 ไมล์ ฮ.CH-47 มาพร้อมกับ กันชิพ AH-64 Apache 2 ขนาบคู่มาด้วยกัน “ส่งสัญญาณ!” ทีมช่วยเหลือดึงแท่งพลุส่งสัญญาณขึ้น ก่อนจะกระแทกท้ายแท่งสัญญาณที่ขา ปลายพลุระเบิดออกเบาๆ เปล่งแสงสีเขียวสว่างจ้าชัดเจน “เราเห็นเป้าหมายแล้ว กำลังเข้าไปรับตัวมาเปลี่ยน” นักบิน ฮ.ช่วยเหลือ ตอบกลับถึงศูนย์ “รับทราบ ระวังตัวด้วยเปลี่ยน” ไม่นานศูนย์ตอบรับกลับมา ตัว ฮ.ช่วยเหลือ ค่อยๆบินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “เตรียมตัวพวกเรา” แบล็คออกคำสั่ง ทั้งหมดก้มต่ำเพื่อหลบแรงลมจากใบพัด “กึกๆๆๆ..” เสียงพื้นดินสั่น “เฮ้ย!..เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” อเล็กซ์กล่าวขณะที่พยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม “ตูม..!” เสียงดินระเบิดจากข้างใต้พื้นห่างจาดจุดอพยพ 20 เมตร “พระเจ้า!” อเล็กซ์อุทาน “เป้าหมายๆ! ถล่มมัน!” นักบินกันชิพตะโกนลั่น ก่อนกดปุ่มยิงมิสไซล์ใส่ไม่ยั้ง “ตูมๆๆๆ!...” แรงระเบิดมหาศาลทำให้เกิดเป็นควันสีเทาดำมากมาย “ไอตัวเมื่อตอนนั้น!” แบล็คกล่าวด้วยความตกใจ
























Chapter35:Break the heart
“ฟิ้ว...!” ลำแสงสีแดงจ้า พุ่งออกไปสุดลูกหูลูกตา ชั่วพริบตามันกวาดกันชิพ 2 ลำหายไปจากฟากฟ้า “ขึ้นมาเร็ว!” คนคุมเครื่อง ฮ.กู้ภัยตะโกน ทีมกู้ภัยและทีมแบล็คไนท์เริ่มวิ่งไปที่ ฮ.กู้ภัย CH-47 “เร็วเข้า!” มาสการ์ตะโกนรั้งท้ายไว้ ปีศาจร้ายกลับมาอีกครั้ง สิ่งที่แบล็คหวังจะไม่พบในภารกิจ มันเริ่มเบนความสนใจมาที่ ฮ.กู้ภัย ในที่สุด สายตาไร้ซึ่งสำนึกรู้ผิด จ้องมองมาที่แบล็ค นัยน์ตาสีแดงก่ำเรืองแสงขึ้นเรื่อยๆ “หัวหน้า.. เร็วเข้า!” แจ็คสันตะโกนออกมาจากภายในเฮลิคอปเตอร์ “ไป!...ไปเดี๋ยวนี้” แบล็คตะโกน อย่างที่เขาคาดการไว้ มันจะชาร์จลำแสงได้ก่อนที่เขาจะวิ่งไปถึง แบล็คหันหลังช่วงเวลานั้นเขามองลึกลงไปในตาของมัน แบล็ครู้สึกถึงความกระหายเลือดอย่างไม่หยุดหย่อนของมัน “ปังๆๆ” แบล็คประทับบ่าเล็งปืนกลสาดกระสุนเข้าใส่หัวของมัน ปีศาจร้ายยกมือป้องกันหน้าของมันไว้ “ไปสิโว้ย!” แบล็คตะคอก “นี่คือคำสั่งทหาร ไปเดี๋ยวนี้” คงเป็นทางสุดท้ายที่จะให้พวกเขาไปจากที่นี่ “ฮูอ่า!” แจ็คสันตอบกลับ สีหน้าอันผิดหวังแตกต่างกับนิสัยของเขา “ออกเครื่องเร็วเข้า ไม่ได้ยินคำสั่งหรือไง” “ครับผม” นักบินตอบรับคำสั่ง “โชคดีครับกัปตัน” “หัวหน้า...!” อเล็กซ์ ออกปากเรียกแบล็ค “ฮึบ..” เขาโยนสัมภาระบางอย่างให้แบล็ค “อย่าได้ตายเป็นอันขาดนะครับ” อเล็กซ์ตะโกนสวนกลับ “อย่าทำตัวเป็นเด็กไปหน่อยเลย” แบล็คคิดขึ้นมา พลางวิ่งเข้าที่กำบัง พยายามเบนความสนใจของเจ้าตัวใหญ่ เขาลากสัมภาระมาติดๆ “เหมือนจะรู้ใจ” แบล็คพึมพำพลางหยิบระเบิด C4 ขึ้นมาเตรียมตัว แบล็คค่อยๆวิ่งสลับไปมาหลบตามที่กำบัง ยักษ์ร้ายที่ยืนตระหง่านอยู่ยังคงคอยมองหาเขาตลอด แม้จะตัวใหญ่แต่มันก็ไม่ได้จะมีสมองใหญ่ตามตัวสักเท่าไหร่ “ติ๊ด” เสียงระเบิด C4 ทำงาน ปีศาจร้ายยังคงกวาดสายตาหาแบล็คต่อไป ขณะที่มันเมิน ฮ.กู้ภัย ไปซะแล้ว “ติ๊ด” อีกลูกทำงาน แบล็คสไลด์ตัวเข้าหลังกำแพงที่พังทลายบางส่วน เขากำรีโมทกดระเบิดไว้แน่น “เอาล่ะเว้ย!” แบล็คลุกขึ้นยืนเผยตำแหน่งให้ศัตรู “เฮ้! เข้ามาสิวะ!” เขาตะโกนให้ปีศาจร้ายหันมามองเขา ทันใดมือข้างหนึ่งชูเหนือศีรษะของมัน บดบังแสงแดดที่สอดส่องเข้ามา “ตูม!” มือขนาดใหญ่ทุบลงบริเวณที่แบล็คยืนอยู่ “เกือบไป” แบล็คกระโดดกลิ้งตัวหายเข้าที่กำบังไปอีกครั้ง สัตว์ร้ายเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันที มันเริ่มทุบมือลงบนสิ่งก่อสร้างอย่างไร้เป้าหมาย “แบล็คมองไปที่ระเบิด C4 ทั้ง 4 ลูกที่เขาแปะไว้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส “เสร็จชั้นล่ะ!” สายตาจ้องไปที่มือของสัตว์ร้ายมันอยู่เหนือเขตระเบิดพอดิบพอดี ขณะที่มันลงแรงแขนมาที่บริเวณระเบิด แบล็ค กดรีโมทในทันที “ติ้ด...บึมๆๆๆ!” ระเบิดทำงานไล่เลี่ยกันในเสี้ยววินาที “ก๊าซ...ซซ!” สัตว์ร้ายร้องเสียงหลงทันทีที่โดนแรงระเบิดอันมือมันเข้าไป ชิ้นส่วนเนื้อกระเด็นออกไปทั่วทุกทิศเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่ง “ภายในมันไม่มีเกราะนี่..งั้นภายนอกก็..” แบล็คอุทานขึ้นขณะที่สายตายังจ้องมองสัตว์ร้ายทุกการกระทำ “ก๊าซซ…!?” สัตว์ร้ายตะโกนลั่นอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันดูจะโกรธมากกว่าเจ็บปวด “เวร!” แบล็คนึกขึ้น นัยตาสีแดงของมันสว่างขึ้นอีกครั้ง “วิ้ง! ตูมม..มม” ลำแสงสีแดงจ้าสาดแสงลงพื้นดาดฟ้าของวิ่งก่อสร้างนี้ “ครืนน..” ตัวตึกเริ่มพังทลายลงบางส่วนอย่างรวดเร็ว แบล็คเริ่มวิ่งหาทางลงไปจากดาดฟ้านี้ “ไม่มีบันได พวกห่านั้นมันลงไปยังไงวะ!” แบล็ครู้สุกฉุนเฉียวขึ้นมา “วิ้ง!” เสียงชาร์จลำแสงดังขึ้นอีกครั้ง “เฮ้ย!” แบล็คหันหลังควับทันที สายตาของสัตว์ร้ายจ้องเขม็งมาที่เขา “ฟ้าว...!” เสียงของมีคมตัดผ่านอากาศผ่านหัวแบล็คไป “ฉัวะ!” วัตถุรูปทรงคล้ายดาบสั้นปักแน่นลงบนไหล่ของสัตว์ร้าย “มาได้เวลาพอดีเลย....อาคูร่า” แบล็คกล่าวเสียงสงบนิ่ง “ข้าก็เพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น” อาคูร่าในชุดคลุมสีเทาดำตอบกลับ “...เริ่มกันเลยไหม?” แบล็คเชื้อเชิญ “ฮึๆๆ...ได้!” อาคูร่ากล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน “ฟุบ!” ทั้งคู่ดีดตัวพุ่งเข้าใส่เจ้าสัตว์ร้ายที่ยืนรออยู่ “เอาให้มันตายไปข้างนึงเลยว้อย!”
Chapter36:Something gone
“ผมบอกแล้วไงว่า หัวหน้า ยังอยู่ที่นั่น!” เสียงอเล็กซ์ตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน “เราทำอะไรไม่ได้จริงๆครับ ทัพอากาศจะบอมบ์ที่นั่นในอีก 3 นาทีครับ กำลังพยายามติดต่ออยู่ที่คำสั่งเดิมออกไปได้ ก็ถือว่าโชคช่วยแล้วครับ” เจ้าหน้าการบินกล่าว “โธ่เว้ย!” อเล็กซ์สบถ เขารู้สึกผิดที่ต้องปล่อยหัวหน้าของเขาเองไว้คนเดียวสู้กับสิ่งที่ไม่มีอะไรทำร้ายมันได้ “หัวหน้าน่ะ..ไม่ตายง่ายๆหรอก” แจ็คสันกล่าวเขาจับบ่าอเล็กซ์ไว้ เขาเองก็รู้สึกแย่เหมือนกันแต่มันทำอะไรไม่ได้ “สวัสดีครับผม!” เสียงพลทหารทำความเคารพ “พักได้..” นายพลวิคเตอร์เดินเข้ามาในห้องควบคุมการบิน “ติดต่อยกเลิกคำสั่งเดิมได้หรือยัง?” เสียงของเขาดูสงบนิ่งเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ภายนอก “ยังครับท่าน...แต่ถ้าเราไม่ทิ้งบอมบ์ตอนนี้ เราสูญเสียมากกว่านี้นะครับ” พลทหารกล่าว “เราจะไม่!ทิ้งใครไว้เบื้องหลังเด็ดขาด ทหาร!” วิคเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขามองหน้าทีมของแบล็คก่อนจะเดินออกจากห้องไป “2 นาทีครับ”
“ฉัวะ!” เสียงใบมีดปักลงบนกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ “ก๊าซซ!” สัตว์ร้ายตะโกนลั่น “เหมือนเราจะทำให้มันโกรธนะ” แบล็คพูดติดตลก “ข้าไม่ค่อยได้เห็นพวก อัลติม่า โกรธเท่าไหร่หรอก ยิ่งกับมนุษย์ยิ่งหายาก” อาคูร่ากล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม “อัลติม่า?” แบล็คกล่าวด้วยความสงสัย “ชื่อของพวกมันน่ะ” อาคูร่าเสริมขึ้น อัลติม่าเริ่มคลุ้มคลั่งอย่างควบคุมไม่ได้ มันเริ่มยิงแสงเลเซอร์สีแดงสาดไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย “1 นาที!” แบล็คพึมพำ “เฮ้ อาคูร่า อีก 1 นาทีทัพอากาศจะถล่มที่นี่แล้ว ชั้นว่าเรารีบไปจะมีโอกาสรอดกว่าอยู่ที่นี่!” แบล็คตะโกน “ข้อก็ว่าเช่นนั้น ไปกัน” ทั้งคู่เริ่มวิ่งโดดลงมาจากซากปรักหักพังที่เรียงรายคล้ายขั้นบันได “เร็วเข้า!” พวกเขาวิ่งผ่านป่ารกชื้นอย่างรวดเร็ว “เฮ้ย..ชิบ” แบล็ควิ่งมาจนถึงสุดปลายทาง เพียงแต่ปลายทางของพวกเขามือหน้าผาที่สูงชัน “20 วินาที” แบล็คพูดกับอาคูร่า
“ฟ้าวว..วว!” เสียงเครื่องบินเจ็ทบินผ่านหัวเรือบรรทุกเครื่องบินไป “นี่มันจะจมเกาะหรือไงวะ?” เร็กซ์กล่าวขึ้น กองกำลังเครื่องบิน F18 และ F16 บินรวมกันเป็นกลุ่มในรูปแบบการรบตัววี ระยะนอกอีก 2 ไมล์มีเครื่องบิน กันชิพ AC-130 2ลำ บินวนรอบเกราะเตรียมสาดกระสุนปืนใหญ่ “5..4..3..2..1..เริ่มกันแล้ว!” ทหารนับร้อยนายที่อยู่บนดาดฟ้าเรือยืนมองจรวดมิสไซล์จำนวนมากราวกับพลุไฟในงานเทศกาล “ปังๆๆๆๆ...” เสียงปืนใหญ่ AC-130 สาดกระสุนจำนวนมากใส่เกาะ แสงสีขาวนวลจำนวนมากวิ่งเข้าปะทะเกาะใจกลางมหาสมุทรที่เงียบสงบ “วาบ...” แสงสีขาวจากแรงระเบิดจำนวนมากสว่างขึ้น “ตูมมม...มม!” เสียงระเบิดดังเสียดแก้วหู ก่อนจะตามมาด้วยลมกรรโชกมหาศาล “มีสัญญาณเข้ามาไหม..” เร็กซ์คุยกับเจ้าหน้าที่ดาดฟ้าที่กำลังวิทยุเข้าไปในเกาะ “ไม่มีเลยครับ” เจ้าหน้าที่ตอบ ทีมยืนนิ่งไม่มีใครพูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว “นั่นพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือนี่!” หน่วย Seal คนหนึ่งตะโกน “แบล็คฮอร์ค? หน่วยไหนน่ะ” เจ้าหน้าที่เริ่มวุ่นวายกันอีกครั้ง “แจ้งหอบัญชาการ ส่งกันชิพไปคุ้มกันกลับมาเร็ว!” อัลโดตะโกนบอก “ครับผม” เจ้าหน้าที่ตอบรับ “ใครกันที่ยอมเสี่ยงตายขับ ฮ. เข้าไปในดงระเบิด?” ไมเคิลกล่าวเสริม ฮ.AH-64 กันชิพบินตรงเข้าคุ้มกันทันที “ยังติดต่อใครไมได้ครับ ถึงแม้คลื่นรบกวนจะไม่มีแล้ว” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกน “เคลียร์ลานจอดเร็ว เตรีมหน่วยกู้ชีพมา เร็วเข้า!” นายพลวิคเตอร์ออกคำสั่งขณะที่เดินกึ่งวิ่งออกมา “พับๆๆๆ” เสียง ฮ.แบล็คฮอร์คบินลงจอดบนลานจอด “ตึง..” เสียงประตูเปิด “เฮ้ย...แก!” อเล็กซ์ถึงกับตกใจกับบุคคลที่อยู่ภายหน้าเขา

Chapter37:Stand as one
“สวัสดีสาวๆ..” เสียงของชายในชุดสูทสีดำทมิฬกล่าวติดตลกนิดๆ “แก!..ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้วะ” อเล็กซ์กร้าว “ผัวะ!” แจ็คสันปล่อยหมัดขวาเข้าหน้าชายในชุดสูทอย่างคาดไม่ถึง “โอย..เจ็บนะโว้ย” เคออส แมนเดรล กล่าว “นี่พวกนายควรจะของคุณชั้นนะที่ช่วยชีวิตหัวหน้านายไว้..” แมนเดรลกล่าวขณะที่แบล็คก้าวออกมาจากจากตัวเฮลิคอปเตอร์ “หัวหน้า!” ทั้งหมดกล่าวอย่างพร้อมเพรียง “สวัสดีครับ!” พวกเขาทำความเคารพ “ไม่ต้องเป็นพิธีมาก..จะว่าไปชั้นพาคนรู้จักมาด้วยน่ะ” “ตึง!” เสียงฝีเท้าแสนหนักแน่นกระแทกลงบนพื้นยางมะตอย “แกร็กๆๆ..!” เสียงปืนหลายกระบอกยกขึ้นประทับบ่า ก็มีเพียงทีมของแบล็คที่นิ่งเฉยแต่ค่อนข้างจะช็อคซะหน่อย “มนุษย์นี่ชอบทักทายกับคนแปลกหน้าอย่างนี้ประจำหรือยังไง?” อาคูร่าคุยกับแบล็ค “ลดปืนลง!...” เสียงนายพลวิคเตอร์ออกคำสั่งขณะที่เดินตรงมาที่แบล็ค “ดีใจที่กลับมาครบ 32 นะกัปตัน” เขากล่าวด้วยทีท่าโล่งใจ “แล้วก็คุณ...” วิคเตอร์มองไปที่อาคูร่า “อาคูร่า..” แบล็คแทรกบทสนทนา “อาคูร่า...ยินดีต้อนรับสู่เรือบรรทุกเครื่องบินไอโอว่าครับ” วิคเตอร์กล่าวอย่างนอบน้อม “ผมจะไม่ถามคุณนะกัปตันว่าเขาเป็นใคร ถ้าเป็นคนที่คุณพามาผมคิดว่าคงเป็นคนที่ไว้ใจได้ดีทีเดียว...” วิคเตอร์กล่าวอีกครั้ง “ครับ!” แบล็คตอบรับคำชม จบบทสนทนาทั้งหมดเริ่มเดินลงจากดาดฟ้าเรือหลายคนเริ่มเดินกลับห้องพักด้วยอาการเหนื่อยล้า บ้างก็รีบตรงไปที่ห้องครัวใหญ่หลายสิ่งที่นาวิกโยธินนายอื่นๆเขาทำกันคือ กินอาหารให้มากที่สุดเพราะเราไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกทีอีกนานเท่าไหร่ จะมีก็แบล็คคนเดียวในทีมที่ยังคงอยู่ในห้องบัญชาการกับนายพลวิคเตอร์และอาคูร่า
“สิ่งที่คุณพูดมันมีความเป็นได้มากแค่ไหนล่ะ?” นายพลแห่งกองเรือชั้นอลิซาเบธจากสหราชอาณาจักรกล่าวผ่านการติดต่อทางจอภาพแสดงผล “ได้ผลมากกว่าที่พวกเจ้าทำอยู่ตอนนี้อย่างแน่นอน”อาคูร่ายืนกรานขึ้นอย่างมั่นใจ “ผมว่ามันน่าจะได้ผลอย่างมากนะครับ” ครัสเตอร์กล่าวสนับสนุน “จากที่ผมลองทดสอบดูกับยานบินฝ่ายศัตรู..ผมถือว่ามันได้ผลเกินคาดครับ” เขากล่าวเพิ่มเติม “แต่พวกคุณยังไม่เข้าใจระบบการทำงานของมันดี แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อถึงเวลาเราจะหวังให้ผลออกมาดีล่ะ” นายพลวิคเตอร์ถามครัสเตอร์ “มนุษย์ชอบมองแต่สิ่งของทีตาเห็น แต่ไม่เคยลองใช้จิตใต้สำนึกมองมัน..” อาคูร่ากล่าวแย้งบทสนทนา “...คุณกำลังบอกว่าเข้าใจวิธีทำงานของมันสินะ” นายพลวิคเตอร์หันมาถามด้วยความสงสัย “แน่นอน...” อาคูร่าตอบรับ “งั้นเป็นไปตามนั้น เริ่มนับถอยหลังได้เลย..” นายพลจากสเปนกล่าวด้วยสำเนียงอันเป็นเอกลักษณ์
แบล็คเดินมาบริเวณท้ายตัวเรือเหนือห้องเครื่องยนต์เพื่อชมวิวอันเงียบสงบ “รู้ไหมว่าเจ้าน่ะไม่เหมือนใคร...” เสียงอาคูร่าดังออกจากทางเดิน “ทางที่ดี หรือ...ร้ายล่ะ?” แบล็คกล่าวถามคำถาม “เรื่องนั้นก็อยู่ที่เจ้า..” อาคูร่าตอบกลับ “...การประชุมเป็นยังไง?” แบล็คเลี่ยงหัวข้อสนทนา “พวกนั้นยอมรับคำขอของข้า แต่ก็เหมือนจะพยายามแย้งอยู่ตลอดเวลา” “ฮึๆ...” แบล็คขำเบาๆ “ชั้นอยากรู้ว่า Rising ที่ว่านั่นน่ะมันคืออะไร มาจากไหน” แบล็คกล่าวลอยๆ ลูกบอลสีดำลอยขึ้นระหว่างอาคูร่ากับแบล็ค.. “ถ้าอยากรู้ก็คว้ามันไว้...” อาคูร่าจ้องหน้าแบล็คเขม็งขณะที่พูด “สิ่งที่เจ้ากำลังจะเห็นต่อจากนี้ มันอาจจะทำให้ชีวิตของเจ้าเปลี่ยนไป เจ้าจะยังอยากรู้ไหมล่ะ?” อาคูร่ากล่าวเสริมขึ้นอีกครั้ง “...แน่นอน” ถึงแม้หน้าตาของแบล็คจะยังดูสับสนแต่เขาก็ยังอยากที่จะเข้าใจความเป็นมาของสิ่งที่พอจะเรียกได้ว่า จุดเปลี่ยน ของสงคราม แบล็คยื่นมือคว้าลูกบอลไว้ “วาบบ..บบ” แสงสีขาวนวลประดุจดั่งแสงดวงจันทร์สว่างขึ้นท่ามกลางทั้งคู่...
Chapter38:Chronicle
ยอดหน้าผาสูง เรียงรายด้วยต้นไม้มากมายที่ดูแปลกตา ผู้สร้างของสรรพสิ่งในห้วงกาแล็กซี่ที่เรารู้จักนั้นนามว่าคลอนิเคิล เผ่าพันธุ์ที่รักสงบและเมตตายิ่ง พวกเขาได้สร้างต้นไม้แห่งชีวิตขึ้น มันเหมือนแหล่งเก็บ DNA จำนวนมากที่ได้มาจากการค้นหาทั่ว เอกภพ อันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด มันมีมากจนไม่สามารถจะให้อยู่ร่วมกันในกาแล็กซี่ ผืนเดียวกัน พวกเขาตัดสินใจส่งกระสวย DNA ออกไปสู่กาแล็กซี่อื่นๆ ด้วยเครื่องมือข้ามเวลาแสง เหมือนพ่อแม่ที่คอยเลี้ยงดูลูก เหล่า คลอนิเคิล ยังคงห่วงใยสิ่งที่พวกเขาคอยบ่มเพาะเลี้ยงดูมาตั้งแต่จุดเริ่มแรก เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วพวกเขาติดสินใจสร้าง Rising ขึ้นมันคือเครื่องมือที่จะคอยปกป้อง สิ่งมีชีวิตเริ่มแรกที่กำลังเจริญเติบโตในดวงดาวต่างๆ มันมีพลังมหาศาลจน เผ่าพันธุ์อื่นจากทั่วเอกภพต้องการมัน ในเมื่อเข้าถึงดวงดาวที่ปกป้องด้วย Rising ไม่ได้พวกมันจึงใช้กลอุบายหลอกล่อให้เผ่าพันธุ์ตามดาวต่างๆ เริ่มก่อสงครามซึ่งกันและกัน เหมือนโรคร้ายสงครามแพร่กระจายไปทั่วกาแล็กซี่ต่างๆอย่างรวดเร็ว เมื่อหมดซึ่งสิ่งมีชีวิต Rising จะปิดตัวลง ขณะที่มันหยุดการทำงานเหล่าศัตรูร้ายได้บุกเข้ายึดเข้าครอบครองในที่สุด เหล่าคลอนิเคิล ตัดสินใจส่ง อิกนิก หรือ เหล่าแม่ทัพที่มีฝีมือการรบสูงส่งเข้าปราบปรามเหล่าผู้รุกรานให้สิ้นซาก เมื่อปราศจากสิ่งมีชีวิตใดๆในห้วงอวกาศอันเงียบงัน คลอนิเคิล คิดขึ้นว่าหากพวกเขาปล่อย Rising ให้คงอยู่ตามดวงดาวต่างๆ ในอนาคตก็คงจะเกิดโศกนาฏกรรมแบบเดิมๆ เช่นนั้น อิกนิก จึงได้คำสั่งให้ทำลายดวงดาวต่างๆและสิ่งมีชีวิตที่เหลือรอด ดวงดาวนับแสนกลายเป็นเศษฝุ่นละอองในพริบตา เฉกเช่นดวงดาว Rising ก็ได้ถูกทำลายลงเช่นเดียวกัน เพียงแต่ อิกนิก คนหนึ่งได้มาถึง ดวงดาวสีฟ้าขาว ที่เรียกว่า โลก เขาเห็นการเจริญเติบโตในระดับที่ต่ำที่สุด กล่าวคือโลกเหมือนลูกคนสุดท้องพวกเขาพึ่งจะได้เริ่มวิวัฒนาการได้ไม่นาน อิกนิก ผู้นั้นจึงคิดว่าหากทำลายเผ่าพันธุ์ที่ไร้เดียงสาเช่นนี้จะเป็นการป่าเถื่อนเกินไป เขาจึงถอยออกและกลับสู่ดวงดาวบ้านเกิด ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับเขาปิดระบบของ Rising ไว้และซ่อนมันไว้ในที่ๆจะไม่มีใครล่วงรู้ไปอีกนานแสนนาน เช่นเดียวกันชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ คลอนิเคิล จบลงหลังจากขึ้นถึง สูงสุดและคืนสู่สามัญ พวกเขาทิ้งไว้แต่แสงสว่างให้กับลูกคนสุดท้องได้แหงนหน้ามองนั่นก็คือ พระอาทิตย์ โดยหวังว่าจะมีใครสักคนที่ได้รู้ความหวังดีของพวกเขาในวันใดวันหนึ่ง
ตำนานจบลงใช่ว่าความแค้นจะสลายไปพร้อมกัน เหล่าเผ่าพันธุ์ที่เคยคิดจะครอบครอง Rising เพื่อเป็นหนึ่งใน เอกภพ พวกมันคือ อิมมอร์ทอล เผ่าพันธุ์ที่ครั้งหนึ่งเคยรักสงบแต่ด้วยอำนาจของเทคโนโลยีที่มันมีไม่สามารถสนองความต้องการได้อีกต่อไปมันจึงเริ่มเดินทางค้นหา เทคโนโลยี ที่สูงส่งจนไม่มีใครจะสยบไว้ได้ ตามประวัติศาสตร์ของโลก เหล่าอิมมอร์ทอล เคยมาถึงดาวดวงนี้แล้วเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ในช่วงเวลานั้นมนุษย์ได้พัฒนาตนเองขึ้นสู่จุดสูงสุดของวิวัฒนาการได้แล้ว แทบจะเทียบเท่าเหล่า คลอนิเคิล อาจเป็นเพราะมนุษย์ทุกคนมีเลือดของพวกเขาไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกาย เลือดที่พร้อมจะยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม เลือดที่พร้อมจะต่อสู้เพื่อพวกพ้องของตน ตามคาดเหล่า อิมมอร์ทอล เปิดฉากโจมตีอย่างไร้ความปรานี แต่ก็ใช่ว่าโลกจะไร้ซึ่งการป้องกัน พวกเขาป้องกันและโจมตีกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อสงครามมาถึงช่วงท้ายสุด เหล่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งต้องอ่อนกำลังลงเพราะจำนวนกองทัพที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เหล่า อิมมอร์ทอลที่ยังคงพยายามเกณฑ์เหล่าทหารจากเผ่าพันธุ์ต่างๆมากมายเข้าสู่สงคราม เมื่อถึงจุดวิกฤตผู้นำของมนุษย์ตัดสินใจยอมสละชีวิตของพวกตนเพื่อความยืนยงของมนุษยชาติในอนาคต พวกเขากล่าวว่า “แม้ข้าจะสลายเป็นเถ้าธุลี แต่หาใช่ว่าเลือดของข้าจะได้แห้งเหือดไปพร้อมกับมัน..” พวกเขาใช้อาวุธชิ้นสุดท้าย อาวุธที่ไร้ซึ่งการต่อกร อาวุธที่ทุกเผ่าพันธุ์โหยหามัน Rising พวกเขารู้จักมันดีพอๆกับโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ และรู้ถึงประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดการนองเลือดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายเหล่ามนุษยชาติกลุ่มสุดท้ายบนพื้นโลก เปิดเครื่อง Rising พลังงานมหาศาลดึงดูดยานรบประพิฆาตจำนวนมากเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวโลก และ ทำการระเบิดตนเองในที่สุด พลังงานมหาศาลจาก Rising ปะทุออกมาอย่างรวดเร็ว จนไม่เหลือเวลาให้ใครก็ตามหนีออกไปทัน Rising ยังคงเหลือปราการป้องกันด่านสุดท้ายไว้คือ พลังงานที่ห่อหุ้มโลกไว้ภายใน ดังนั้นแรงระเบิดจึงทำลายแต่เพียงพื้นผิวของโลกและทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีแรงระเบิด แรงระเบิดที่มีพลังมหาศาล มากเสียจนแสงถึงกับบิดเบี้ยว แสงสว่างสีขาวสว่างไปไกลหลายห้วงกาแล็กซี่ เมื่อสิ้นสุดสงครามนองเลือดครั้งใหญ่ มนุษย์ใช้ลูกเล่นของพวกเขาที่ซ่อนไว้ก่อนจะยอมสละชีวิตตนเอง คือแผ่นควบคุม DNA มันเหมือนกับที่เหล่า คลอนิเคิล ใช้เพียงแต่ DNA ทั้งหมดคือสายเลือดโดยแท้ของพวกเขา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาคิดว่าหากทุกคนบนโลกในอนาคตมีเลือดของเหล่า คลอนิเคิล ไหลเวียนอยู่จะให้ผลเสียมากกว่าผลดี เหมือนประวัติศาสตร์ของพวกเขาเองที่ต้องรบราฆ่าฟันกันมามากก่อนจะถึงจุดที่ทุกอย่างลงตัว ทุกอย่างสงบลง และคงต้องการเก็บงำความลับของ ดาบ 2 คมนาม Risng ไว้เช่นกัน...
















Chapter39:The Silence Night
วาบบ...บบบ แสงสีขาวสว่างจ้าส่องมาที่ม่านตาของแบล็ค เขายกแขนขึ้นป้อง ชั่วขณะทั้งคู่กลับมายืนอยู่ ณ จุดๆเดิม แบล็คก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เข็มนาทีผ่านไปเพียง 1 นาทีเท่านั้น “มิติที่ 3 จะเดินเร็วกว่าโลก ปัจจุบัน” อาคูร่ากล่าว “เจ้ารู้ทุกสิ่งที่ข้ารู้แล้ว นั่นคงจะช่วยให้เจ้าตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อถึงเวลา…” สิ้นเสียงสนทนา อาคูร่า ค่อยๆเลือนหายไปกับหมอกสีดำลอยห่างออกไปกลางทะเลลึก “ฮึๆ ท่ามากจริงๆนะ” แบล็คยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันหลังกลับเข้าตัวเรือ
“ยิง..!” “ตูมม...มม!” เสียงตะโกนออกคำสั่งดังขึ้นอยู่หลังบังเกอร์ รถถัง M1A1 Abrams ปล่อยกระสุนระเบิดออกจากปลายกระบอกอย่างต่อเนื่อง “ไอบ้านั่นทำไรอยู่วะ ยิงสิว้อย!” เสียงผู้บัญชาการคุมรถถังตะโกน แสงจากกระสุนความร้อนสูงมากมายบินว่อนท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ “พวกมันกำลังถอยร่นลงไปแล้วครับ!” นายทหารประจำปืนกล 50 mm บนรถถังตะโกนบอกหัวหน้าของเขา “แล้วยืนบื้ออยู่ทำไมวะ ถล่มมันให้ราบ” “ท่านครับ..” “อะไรอีกล่ะเนี่ย!” ผู้บังคับบัญชาหันหลังตามเสียงของพลทหารอีกคน “มีคนมาหาครับ...” พลทหารตอบด้วยอาการกล้าๆกลัวๆ “ท่านคงจะเป็น นายพล ดีโทมาสโซ่ สินะครับ...” เสียงที่ฟังดูเรียบง่ายแต่ก็เปลี่ยมไปด้วยพลัง “ผมคือ นายพลปอนชิโอ้ ฟิเรนเช่ ผู้บัญชาการกองทหารราบที่ 22 ประจำกองกำลังแห่งชาติอิตาลี ยินดีที่ได้รู้จักครับ” “คุณว่าอะไรนะ?..”
“เรียกประชุมด่วน ถึงหัวหน้าหน่วยทุกท่านรวมถึงหัวหน้าหน่วยผสมและ Ranger ด้วย...ย้ำ..” เสียงประกาศดังขึ้นตามลำโพงต่างๆ ทั่วตัวเรือ “อะไรอีกวะเนี่ย เฮ้อ..” แบล็คลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่พึ่งจะได้เอนหลังลงไปพักผ่อนได้ไม่นาน “ฟุบ...” เขาคว้าเสื้อคลุมนอกดิจิตอลไว้ก่อนจะค่อยๆใส่มันพร้อมกับเดินออกจากห้องไป “แต่ท่านครับ!...ผมว่าเราไม่น่าจะทำตามที่ เพนตากอน แนะนำมานะครับ” เสียงมาสการ์เอ่ยถามนายพลวิคเตอร์ ขณะที่แบล็คกำลังเดินเข้ามา “สวัสดีครับท่าน!” เขาทำความเคารพ “อืม..ตามสบาย” วิคเตอร์ตอบรับ ดูเหมือนเขาจะรักษามาดผู้บัญชาการไว้ในสถาการณ์เช่นนี้ “ตอนนี้สถานการณ์ที่ เพนตากอน กำลังอยู่ในสภาวะกดดันมาก...รมต.กลาโหม ออกคำสั่งให้ใช้ LGM-30 แล้ว..” “หรือตามที่พวกเราเรียกว่า Minute Man” วิคเตอร์หยุดการชี้แจงได้ชั่วครู่ “ท่านครับ แต่นี่มัน Minute Man นะครับ...ถ้าใช้ขึ้นมาเมืองทั้งเมืองมันหายไปง่ายๆได้เลยนะครับ เผลอๆเป้าหมายคงไม่สะทกสะท้าน” แบล็คคัดค้านทันที “ในเมื่อเรารู้ว่าเรามีอาวุธที่มีพลานุภาพมากกว่าทุกสิ่งที่เรามีอยู่ ทำไมเราไม่ลองที่จะใช้มันล่ะ?” เขากล่าวเสริมก่อนที่จะปล่อยให้วิคเตอร์พูด “ผมก็คิดเช่นนั้นกัปตัน แต่ รมต.กลาโหม กับ ท่านประธานาธิบดี ลงมติเป็นเอกฉันท์เรียบร้อยแล้ว” วิคเตอร์แทรกขึ้นทันท่วงที “ในเมื่อจำเป็นเราก็คงพึ่งตนเองแล้วล่ะ...ทางออกเดียวที่ดีกว่าคือเราไปถึงเป้าหมายของพวกเราให้ทันก่อนที่ ทัพอากาศจทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ตามหัวเมืองต่างๆ” แบล็คเสนอความคิดขึ้น “ฮึๆ...ถ้างั้นก็ต้องเป็นตามนั้น ผมก็ไม่ได้อยากให้พวกสมองกลวง เพนตากอน ทำอะไรได้ตามอำเภอใจมากนักหรอกกัปตัน” ดูเหมือนวิคเตอร์จะชอบใจความคิดนี้มากพอสมควร “ผมส่งผู้บัญชาการหลายฝ่ายรวมถึงจากผู้บัญชาการทัพเรือที่คู่ขนาบมากับเราไปเชิญกำลังเสริมมาแล้ว ถ้าตามที่คาดไว้หลายทัพที่ผมรู้จักคงกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่อลาสก้าแล้วล่ะ” วิคเตอร์กล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นนัยๆ “ฮะๆ! ผมคิดไว้แล้วว่าท่านต้องมีแผนสำรองเสมอ ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าจะคาดเดาพวกเราได้ง่ายขนาดนี้” มาสการ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี เสียงทหารหลายนายขำขันไปตามๆกัน “เอาล่ะสุภาพบุรุษงานนี้มันไมได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่พวกเราในฐานะนาวิกฯ ในฐานะทหารเรือ ในฐานะของ Ranger รวมทั้งทหารทุกคนบนเรือลำนี้และลำอื่นๆ เราจำทำมันเพื่อมนุษยชาติทุกคนบนโลกใบนี้ โลกที่เราเติบโตมา เพื่อผดุงไว้ซึ่งอธิปไตยของพวกเราทุกคน!” สิ้นเสียงวิคเตอร์ “ฮูอ่า..!!” เหล่าทหารหลากหน้าหลายตาต่างพร้อมใจกันตะโกนลั่นเพื่อปลุกกำลังใจที่แข็งกล้าแกร่ง ที่ลึกๆพวกเขาเองก็รู้จักมันดี “เอาล่ะทุกท่านปฏิบัติการ Silence Night เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว!” ค่ำคืนอันหนาวเหน็บที่กำลังจะมาเยือนพวกเขาในฐานะการทดสอบที่แท้จริง และในฐานะสิ่งชี้ชะตาของโลกใบนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทำสิ่งที่ถูกหรือทำสิ่งที่หัวใจเรียกร้องจงเลือกเพื่อมวลมนุษย์






















Chapter40:Big plan for brave men.
เสียงจ๊อกแจ๊กดังออกมาจากโรงอาหารหลักของตัวเรือ ขณะที่มีการป่าวประกาศออกไปถึงแผนที่จะถีบตัวออกจากการทำตามคำสั่งของ วอชิงตัน และ เพนตากอน ทำให้ทหารหลายนายบนเรือรู้สึกดีขึ้นมามาก เพราะพวกเขาไม่รู้ว่า หัวเมืองต่างๆ จะยังมีครอบครัว หรือ ญาติ ของพวกเขาอยู่ที่นั่นหรือไม่ คนบริสุทธิ์มากมายต้องตายหากใช้ แผนปิดฝาโลงแบบนั้น “โทษทีเรื่องหน้านายล่ะกันนะ” เสียงแจ็คสันกล่าวบนโต๊ะอาหาร “ชั้นออมมือให้ก็เท่านั้นแหละ..” เคออส แมนเดรล ตอบกลับแบบยียวนกวนฝ่าเท้าเหมือนเคย “ฮะๆๆ..” ทีมเกือบทั้งหมดนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหาร กับ อาหารกลางวันคนละถาดเบื้องหน้า ที่หายไปคงมีแค่ แจ็ค เท่านั้น “หมอบอกว่าไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” เจน่าหันไปถาม เทรวิส ที่พึ่งโดนมาร่วมวงด้วยอีกคน “ใช่..แจ็คมันถึกอยู่แล้ว กระดูกหักออกจะบ่อย ฮ่ะๆๆ!” เทรวิสตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่โล่งใจขึ้นเยอะ “ว่าไปหัวหน้าหายไปไหนของเขาอีกล่ะ...เห็นบอกว่าอาคูร่าก็หายไปอีกรอบแล้วนิ?” เทรวิสกล่าว “ใช่แล้ว พอถึงเวลาคงโผล่มาช่วยอีก ชั้นว่านะ” เร็กซ์แทรกขึ้น “เฮ้ หนุ่มๆ!” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลังโต๊ะ “อ้าว รอยซ์ มานั่งด้วยกันดิ!” แจ็คสันกล่าวเชื้อเชิญ “คิดว่าจะไม่ถามซะแล้ว” รอยซ์ยิ้มที่มุมปากก่อนจะทิ้งตัวนั่งลง “ชั้นได้ข่าวเรื่องกำลังหนุนมาบ้างแล้วล่ะ นักบินบางคนเริ่มพูดกันซะให้ทั่ว” รอยซ์หยุดพูดครู่หนึ่ง “เห็นว่าเพื่อนเก่าของ นายพล วิคเตอร์ ทั้งนั้นเลยล่ะ จะมีกองกำลังนาวิกฯ หลายทัพอยู่ที่จะมาร่วมด้วย รู้สึกว่าจะมีกองกำลังเก่าที่ประจำอยู่ นิวยอร์ก ด้วยนะ เอ... ชื่อไรนะ...อ้อ โจเซฟ เค.แจ็คสัน ล่ะ เขาฝากมาบอกว่ายังสบายดีอยู่” “เฮ้ย โจเซฟ เนี่ยนะตกลงที่เราเจอตอนนั้นก็คือตัวจริง!?” อเล็กกล่าวด้วยอาการกึ่งๆตกใจ “คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะ” รอยซ์กล่าวทับบทสนทนา “ต่อจากนี้จะเป็นยังไงกันนะ” อีเลียสที่นั่งเงียบมาโดยตลอดกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหดหู่ใจนัก...”นั่นสิ จากนี้น่ะจะเป็นยังไงกัน?”
“เริ่มจากแผนการกันก่อน...ผมหวังว่าทุกท่านคงไม่มีใครคัดค้านภารกิจครั้งนี้นะครับ” วิคเตอร์กล่าวผ่านการสื่อสารวีดิโอจอภาพ “แน่นอน พวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนกองกำลังของท่าน” นายพลแห่งชาติฝรั่งเศสกล่าวด้วยความมุ่งมั่น “ขอบคุณครับท่าน...ดังนั้นผมถือว่าทุกท่านเห็นด้วยกับแผนการนี้นะครับ” วิคเตอร์กล่าวขณะที่กวาดสายตามองจอขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ต่อหน้า
แบล็คยืนอยู่ที่ปลายดาดฟ้าเรือ ขณะที่เครื่องบินขับไล่มากมายทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ผลัดกันเปลี่ยนเวรยามป้องกันภัย ระลอกแล้วระลอกเล่า แบล็คยืนมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ขณะที่หมอกเริ่มก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ แบล็คเริ่มสังเกตเห็นแนวแผ่นดินสีขาวโพลน อยู่ไกลออกไป “อลาสก้า...” แบล็คกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาบาง ดูเหมือนพวกเขาจะอ้อมฝั่งอเมริกามาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ “แจ้งลูกเรือทุกท่านขณะนี้เราได้เข้าถึงเขตของ รัฐอลาสก้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้จะมีหมอกลงหนาเป็นพิเศษ โปรดคอยระมัดระวังการดำเนินงานด้วย...” เสียงหอควบคุมประกาศทางช่องสื่อสารทั่วตัวเรือ “นี่ครับหัวหน้า!” เสียงอเล็กซ์ดังขึ้นมาด้านหลัง เขายื่นแก้วกาแฟร้อนๆให้แบล็ค “ขอบคุณมาก” แบล็คกลับเข้าสู่ภาวะปกติแทบจะทันที อเล็กซ์ดูเหมือนจะไม่ได้ทันสังเกตเข้า “งานนี้ใหญ่เอาเรื่องนะครับ..?” อเล็กซ์กล่าวลอยๆ “อืมใช่...ผมก็ว่ายังงั้นแหละ” “เหมือนทุกภารกิจที่ผ่านมานั่นแหละ ก็แค่ทำตามคำสั่งที่ได้มาให้สำเร็จ แล้วกลับบ้านซะ” แบล็คกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจะหันหลังกลับ เขาจับบ่าของอเล็กซ์ชั่วครู่ก่อนจะเดินจากไป อเล็กซ์เหลียวตามองข้างหลังแบล็คขณะที้เดินออกไป “ผมก็หวังว่า หัวหน้าจะได้กลับบ้าน เหมือนกันล่ะ” เขากล่าวขึ้นก่อนจะหันหลังกลับมามองบรรยากาศเบื้องหน้าเหมือนเดิม

























Chapter41:Last Crisis
“เร็วเข้าทุกคน จะถึงเวลากันแล้ว เร่งมือเข้า!” หัวหน้าทีมปล่อยเครื่องบินรบ Shooter ตะโกนออกคำสั่งเร่งลูกทีมขณะที่แต่ละคนกำลังวุ่นวายกับการเตรียมเครื่องดีด EMALS ระบบแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูงทั้ง 4 เครื่องอยู่ เหล่านาวิกฯและ Ranger ก็ไม่แพ้กันแต่ละคนต่างเตรียมตัวกันอย่าวุ่นวายอยู่ในตัวเรือ โรงอาหารหลักหลายเป็นห้องสรรพาวุธจำเป็นไปเสียแล้ว ปืนกระบอกแล้วกระบอกเล่าถูกนำมาวางไว้อย่างเรียบร้อย ชุดเกราะกันกระสุนมากมายกองทับถมกันกองพะเนินสูง “ทุกคนฟังทางนี้!” เสียงแจ็คสันตะโกนก่อนจะกระโดดขึ้นบนโต๊ะอาหารกลางห้อง “สำหรับนาวิกฯหรือ Ranger ที่มีอาวุธประจำตัวอยู่แล้วไปเตรียมตัวที่ดาดฟ้าเรือ สำหรับหน่วยที่เดินทาง ทางน้ำตอนนี้ให้ไปที่ อับเฉาเรือ ตอนนี้เลย Hover Craft และ AAV รออยู่แล้วตอนนี้” แจ็คสันหยุดหายใจชั่วครู่ก่อนจะเริ่มประกาศต่อ “สำหรับหน่วย พลร่ม ตอนนี้ AC-130 รออยู่แล้ว อีก 10 นาทีจะเดินเครื่อง ทั้งหมดมีแค่นี้” หมดเสียงประกาศ ทหารแต่ละนายดูเหมือนจะรีบเร่งมากกว่าเดิม “พวกเราควรไปกันได้แล้วล่ะ...” แจ็คสันหันบอกทีมที่ยืนเตรียมพร้อมอยู่ได้สักพักแล้ว “งั้นลุย!” อีเลียสตอบ
“เรื่อง สัญญาณ ของศัตรูล่ะ ได้เรื่องไหม?” นายพลวิคเตอร์ถามพลทหารที่ควบคุมเรดาร์อยู่ในขณะนั้น “ไม่พบอะไรเลยครับท่าน ดูเหมือนพวกมันจะยังไม่พบที่มั่นนี้นะครับ” พลทหารตอบกลับในทันที “ไม่หรอก พวกมันน่ะอยู่ที่นี่แล้ว…”
“พับๆๆๆ...!?”เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอร์ค เสียดสีกับอากาศที่หนาวเหน็บ ทหารในชุดสีขาวโพลนหลายนายเริ่มทยอยกันขึ้น ฮ.ขนส่งแต่ละลำ “พวกแกจะไประเบิดอลาสก้าหรือไงวะ ขนไปซะเยอะขนาดนี้” เจน่าถามเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน “มันก็ต้องเล่นของแรงกันบ้างล่ะวะ แล้วถามไม่ดูตัวเองมั่งเลยนะ เลือก AS50 มาเนี่ยนะ ลืมไปแกมันสไนเปอร์เก่านี่หว่า ฮ่ะๆๆๆ!” เร็กซ์กล่าวด้วยอารมณ์ขัน ข้างกายของเขาคือปืน MGL วางไว้อย่างเรียบร้อย “ของมันหมดนิหว่า จำใจเลยยกเจ้านี่มา...” เจน่าโต้กลับในทันที ทีมสวมชุดลายพลางเทาขาวให้เข้ากับภูมิประเทศของอลาสก้าซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงหิมะตก อยู่ตลอดเวลา “เราจะไปกันแล้วหนุ่มๆ รัดเข็มขัดด้วย!” นักบินเริ่มสับสวิทช์เครื่องจำนวนมากบนแผงควบคุมเหนือหัว “ไฟเขียวแล้ว ไปได้” ผู้ช่วยนักบินกล่าว “ฟ้าวว..วว” แบล็คฮอร์ค ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าขณะที่ท้องฟ้ายังคงมืดมิด “เปิดไนท์ วิชั่น” นักบินกล่าว “รับทราบเปิดกล้องไนท์ วิชั่น” ผู้ช่วยนักบินกล่าวตอบรับ “หน่วย Alpha Bravo ถึงที่หมายแล้ว Hover Craft กำลังวกกลับแล้ววางแนวป้องกันภัยเปลี่ยน...” เสียงวิทยุดังขึ้น “รับทราบ Alpha Bravo ระวังตัวด้วยเปลี่ยน..” เสียงวิทยุจากหอบัญชาการตอบกลับ “ถึงหน่วย Charlie และ Delta มีแสงสีแดงจากทิศตะวันออก ความสูงประมาณ 30000 ft กำลังบินเข้าหาฝั่งขวาของคุณเปลี่ยน...” นักบินวิทยุถึงหน่วยบินที่อยู่บริเวณฝั่งขวาของพวกเขา “นั่นมันอะไรวะนั่น” เขาอุทานขึ้น แสงสีแดงสว่างขึ้นเรื่อยๆ “ถึง AC-130 ช่วยเช็คระยะทาง ของวัตถุแปลกปลอมด้วยเปลี่ยน” “รับทราบ กำลังเช็คอยู่ บนจอเรดาร์ไม่พบอะไรเปลี่ยน” ทีม EVAC บน AC-130 ตอบกลับด้วยความฉงนใจ “มันหายไปแล้ว!?” นักบินกล่าวด้วยความตกใจ ชั่วพริบตาแสงสีแดงหายไปโดยไร้สาเหตุ “กำลังส่ง Super Hornet เข้าตรวจสอบสถานการณ์เปลี่ยน” ศูนย์บัญชาการออกคำสั่ง “นั่นไง! ทางทิศ ตะวันออก ระยะทาง 1 ไมล์” นักบินจาก Delta ตอบกลับ “ฟ้าวว..วว” แสงสีแดงเป็นแถบยาวพุ่งเข้าผ่านใจกลางฝูงบิน “ตูมม..มม!” มันระเบิดออกขณะที่ยังอยู่กลางเวหาโดยไม่กระทบสิ่งใดแม้แต่น้อย แรงระเบิดส่งลมกรรโชกเข้ากระแทก แบล็คฮอร์คและ BH-47 หลายลำ “เรากำลังจะตก ย้ำเรากำลังจะตก...อ้ากก!” เสียงนักบินตะโกนลั่น “บึมม..มม!” แบล็คฮอร์คลำหนึ่งตกลงสู่มหาสมุทรที่เย็นยะเยือกอย่างไร้สาเหตุ “ส่ง Hover Craft ไปเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!” วิคเตอร์ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เขาคว้าวิทยุขึ้นมา “ถึงฝูงบินลดระดับแล้วรีบนำเครื่องลงจุดหมายทันที เร่งเครื่องเต็มอัตราเดี๋ยวนี้ เปลี่ยน!” เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “เวรล่ะ! ถึงหอบัญชาการเราพบวัตถุเช่นเดิมจำนวนมากบนจอเรดาร์เปลี่ยน” นักบินคนหนึ่งกล่าว “มันโจมตีแล้ว เตรียมรับการโจมตีเร็วเข้า!” แสงสีแดงนับร้อยโฉบลงเข้าสู่เขตฝูงบิน “ตูมม...มม!” เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระลอก เฮลิคอปเตอร์หลายลำบินหลบอย่างรวดเร็ว “บึมม..มม!” แบล็คฮอร์คที่อยู่ฝั่งขวาของทีมเกิดระเบิดขึ้น “เฮ้ย!อะไรว่ะนั่น” อเล็กซ์ตะโกนลั่นด้วยความตกใจ “ต้องการการโจมตีทางอากาศ ด่วนเรากำลังจะ...” เสียงวิทยุจากนักบินบน CH-47 ลำหนึ่งเกิดขาดการติดต่อในทันทีที่เขาวิทยุขอความช่วยเหลือ “หรือว่า...!” แบล็คพึมพำ เขาหยิบวิทยุสื่อสารภายในแบล็คฮอร์คขึ้นมา “แสงแรกคือตัวทดสอบ ที่ตามมามันคือของจริง มันหลอกเรา! สัญญาณวิทยุ...มันวิ่งตามสัญญาณวิทยุ ลำแรกที่โดนคือลำที่วิทยุก่อนลำอื่น!” แบล็คคุยกับนักบิน “รับทราบ! เปลี่ยนช่องสัญญาณควอนตั้มพิเศษ “ นักบินตอบรับในทันที “ถึงหอบัญชาการ เราทราบการติดตามของอาวุธศัตรูแล้ว สัญญาณวิทยุระยะไกล นั่นคือกุญแจ เปลี่ยน!” “รับทราบ Alpha ถึงฝูงบินหยุดการส่งสัญญาณวิทยุ ให้เปลี่ยนมาใช้ช่องสัญญาณพิเศษควอนตั้ม แทนเดี๋ยวนี้ แสงพวกนั้นจะวิ่งตามสายสัญญาณระยะไกลเปลี่ยน!”
















Chapter42:Nationnal military
“ลงจอดเรียบร้อย!” นักบินคนหนึ่งกล่าวพลางเช็คระบบไปพร้อมๆกัน “ ทีม Alpha ซึ่งตอนนี้เป็นหมู่ที่ แบล็ค รับหน้าที่ควบคุม กำลังลำเลียงยุทโธปกรณ์ออกมาจากตัวเครื่องแบล็คฮอร์ค “กำลังลงจอดเปลี่ยน...” เสียงวิทยุจาก CH-47 อีกลำกล่าว “Alpha 2 ลงจอดเรียบร้อย “ “เอาล่ะยังอยู่ครบ 32 ใช่ไหม?” แบล็คกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เรากำลังจะไปกันแล้ว! ที่เหลือฝากด้วยล่ะ” นักบินตะโกนเรียก “รับทราบ ระวังด้วยล่ะ!” แบล็คตะโกนโต้ตอบ ไม่นานนักแบล็คฮอร์คทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง บินหายลับไปจากแนวเทือกเขาน้ำแข็งมากมาย “ไปกันได้ทุกหน่วย!” แบล็คใช้วิทยุ ควอนตั้ม พิเศษติดต่อถึงหน่วย Alpha ทุกหน่วย
“เขต A001 เงียบสนิทไร้วี่แววศัตรูเปลี่ยน” รอยซ์ในชุดนักบินสีเทาติดต่อกลับถึงหอบัญชาการ เขากำลังควบคุมนกเหล็กรุ่นล่าสุดคือ F-22 Raptor “ปรับระดับลงเหลือ 40000 ft เผื่อจะมองเห็นอะไรมั่งเปลี่ยน” เขากล่าวอีกครั้ง ขณะที่โยกคันโยกความเร็วลงมา “ฟ้าว!” แสงสีแดงโฉบผ่านตัวเครื่องเขาไปห่างไม่ถึง 1 เมตร “เฮ้ย! อะไรวะนั่น” รอยซ์รีบกลับมาควบคุมคันบังคับทันที “เวรล่ะ...มากันเป็นฝูงเลยนะไอพวกหมาหมู่เอ้ย!” รอยซ์ตะโกนลั่น “ถึงหอบัญชาการพวกมันมาถึงแล้ว อากาศยานไม่ระบุสัญชาติจำนวนประมาณ 50 ลำ พวกมันแน่นอน! เปลี่ยน” เขารีบติดต่อกลับทันที “คำสั่งยิงคือ Fire at will” หอบัญชาการตอบกลับอย่างรวดเร็ว “รับทราบ! เอาล่ะพวกเราจัดรูปขบวนรบได้” เขาออกคำสั่งถึงนักบินลำอื่นๆที่ค่อยขนาบข้างเข้ามาทีละลำๆ กลุ่มเครื่องบินจัดรูปเป็นตัว V อย่างรวดเร็ว “ถึงเวลา จ่ายคืน แล้วไอพวกหัวโต!”
“ศจ.ครัสเตอร์ ยังอยู่ไหม ครัสเตอร์!” เทรวิสพยายามติดต่อหาเบสแคมป์ที่ใจกลางทุ่งน้ำแข็งอลาสก้า “ไม่ได้เรื่องเลยครับหัวหน้า” เทรวิสหันหน้ามาตอบแบล็คด้วยอาการไม่พอใจกับระบบสื่อสารเท่าไหร่นัก “งั้นเราเปลี่ยนจากจุดนัดพบเป็นไปที่เบสแคมป์พวกเขาล่ะกัน” แบล็คกล่าวขณะที่อุณหภูมิเริ่มเย็นลงทุกทีๆ ทุกครั้งที่พวกเขาเดินพวกเขากำลังเสียพลังงานทั้งหมดไปกับความเย็นทุกทีๆ “พายุกำลังมา…” เจน่ามองไปทางทิศใต้ของพวกเขา ถึงแม้ฟ้ามันจะยังดูสว่างเหมือนเดิมแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงลมเบาๆ และ ความชื้น นี่คงทำให้เขาเป็นสไนเปอร์ชั้น 1 ของทีมเลยก็ว่าได้ “หนักแค่ไหน?”แบล็คหันมาถามเจน่าตามปกติ “หนักมาก...ครับ” เจน่าตอบพลางเก็บของใส่เป้เตรียมออกเดินทางต่อ “งั้นเราต้องรีบแล้วล่ะ” อัลโดกล่าวขณะที่เขาเดินรั้งท้ายคอยเช็ควี่แววของศัตรู “จะว่าไปกำลังเสริมอยู่ไหนล่ะ?” เร็กซ์ย้ำเตือนความจำ “คงใกล้ถึงแล้วล่ะ...หวังว่านะ” แจ็คสันพูดขึ้นลอยๆ บรรยากาศเงียบลงแทบจะทันที “ปากเหรอนั่น ไอบ้าเอ้ย” อีเลียสพึมพำ เขาถูเข้าด้วยกันโดยหวังว่าจะอุ่นขึ้นสักนิด “ฮูม..มม!” เสียงคำรามดังขึ้น “อะไรวะ!” อีเลียสตะโกนด้วยความตกใจ “ถึง Alpha เราประจำตำแหน่งแล้วเปลี่ยน คุณได้ยินเสียงเมื่อกี้หรือไม่เปลี่ยน” เสียงทีม Bravo ดังขึ้นที่วิทยุของแต่ละคน “รับทราบ! เราได้ยินเช่นกันเห็นอะไรไหมเปลี่ยน?” เทรวิสโต้ตอบกลับ “ไม่เห็นเปลี่ยน ดูเหมือนหมอกจะลงหนาขึ้นเรื่อยๆเปลี่ยน” ทีม Bravo กล่าว “รับทราบๆ เรากำลังเข้าตรวจสอบเบสแคมป์วิจัยเปลี่ยน จุดนัดพบไม่พบใครเปลี่ยน” เทรวิสวิทยุกลับไปอีกรอบ “รับทราบ มีอะไรเราจะแจ้งไป เลิกการติดต่อ”


Chapter43:Finish
ราว 1 ชม. ทีมได้เข้ามาถึงตัวแคมป์วิจัยโดยไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ โดยนักวิจัยต่างทิ้งเครื่องมือต่างๆไว้ที่นี่อย่างไม่ตั้งใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกโจมตีโดยศัตรู “อืม...หายไปกันหมดทีนี้จะตามเบาะแสไงต่อล่ะ” เร็กซ์กล่าว “ไปที่แคมป์หลัก ดูสิว่ามีอะไรหลงเหลือไหม” แบล็คกล่าวขณะสายตาเขากวาดมองบริเวณโดยรอบ ทั้งหมดเดินตรงไปที่แคมป์หลัก บุด้วยพลาสติกสีขาว ดูเหมือนห้องแล็บขนาดกลาง “หัวหน้า ครัสเตอร์ฝากข้อความไว้ครับ” เทรวิสเจาะข้อมูลที่แล็บท็อปเครื่องหนึ่ง “เป็นไฟล์วีดิโอ ถูกอัดไว้เมื่อ 2 ชม. ก่อนครับ” เทรวิสอธิบาย เขากดปุ่มเพื่อเดินเทป “ถึงเหล่านาวิกฯและทหารหน่วยอื่นๆ ตอนนี้พวกเราโดนโจมตีอย่างหนัก ไม่รู้เหมือนกันทำไมมันฝ่าเข้าม่านพลังของเครื่องจักรนั่นมาได้ แต่ยังก็เถอะพวกเรากำลังอพยพคนไปที่พิกัด 152137 ตะวันตก” วีดิโอสั้นที่พอจะอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดได้ไม่ยาก “แจ้งกลับไปที่ หอบัญชาการ” แบล็คกล่าว
“พวกทัพบกมันไปอยู่ไหนกันหมดวะ” วิคเตอร์กล่าวอย่างกลุ้มใจอยู่ในห้องทำงาน ดูเหมือนพเขากำลังส่งเหล่านาวิกฯ และกองทหารทั้งหมดเข้าสู่หนทางแห่งความพ่ายแพ้เสียมากกว่าชนะ หากไร้ซึ่งกำลังสนับสนุนภาคพื้นจำนวนมาก “ต่อห้องสื่อสารทีสิ” วิคเตอร์ยกหูโทรศัพท์ขึ้น “ห้องสื่อสารหลักครับผม” นายทหารคนหนึ่งรับโทรศัพท์ “นี่นาลพลวิคเตอร์ ขอทราบความคืบหน้าเรื่อง กำลังภาคพื้นหน่อย” วิคเตอร์กล่าวเรียบๆ “ครับท่าน ตอนนี้ยังติดต่อหน่วยใดๆไมได้เลยครับท่าน กำลังส่งสัญญาณทุกช่องทางออกไป แต่ไม่พบครับ” นายทหารกล่าวเสียงสั่นเหมือนจะไม่มั่นใจว่าพวกกำลังสนับสนุนจะมาถึงที่นี่ “พยายามติดต่อเรื่อยๆ” วิคเตอร์ออกคำสั่ง
อีกฟากของเขตอลาสก้าเหล่านาวิกฯจำนวนมากย่ำเท้าเข้าสู่เขตป่าทึบซึ่งมีเพียงถนนสายเดียวที่ตัดผ่าน “เงียบชะมัด” พลทหารคนหนึ่งกล่าว “ตูม!” เสียงระเบิดดังขึ้น “ตูม!...ตูมๆๆๆ” ชั่ววินาทีเสียงระเบิดจำนวนมากดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง โดยไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ “มันยิงมาจากไหนวะ!” พลทหารตะโกนลั่น “ปังๆๆๆ” พวกเขาทั้งหมดสาดกระสุนปืนกลโดยไร้ซึ่งเป้าหมาย “ครืนน...นนน” เสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่วิ่งขนาบมาทางข้างหลังของพวกเขาบริเวณถนนหลวง “ตูม!” กระสุนพุ่งออกจากปลายกระบอกอันเลียวยาวของพวกมัน “ตูมๆๆๆ!” แนวป่าภายหน้าระเบิดกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว “กองกำลังหน่วยไหน!” พลทหาคนหนึ่งวิ่งไปเคาะที่ตัวรรถถัง M1A1 Abrams “กองกำลังยานเกราะที่ 13 ครับ!” เสียงพลปืนกล 50 มม. ตะโกนบอก ขณะที่สาดกระสุนเข้าแนวป่าอย่างไม่หยุดหย่อน “กำลังสนับสนุนมาถึงแล้วครับ” เขาตะโกนขึ้นอีกครั้ง “โธ่เว้ย มาพอดีปาร์ตี้เลยนะครับ!” พลทหารตะโกนตอบติดตลก พลปืนหันมายิ้มอย่างขำขัน
“ถึงหอบัญชาการ มีใครอยู่ไหมเปลี่ยน” เสียงวิทยุปริศนาดังขึ้น “รับทราบนี่หอบัญชาการแห่งเรือ USS Iova ระบุตัวตนเปลี่ยน” พลทหารห้องสื่อสารกล่าวด้วยความฉงนใจ “นี่คือกองกำลังยานเกราะที่ 13 เรามาถึงแล้วเปลี่ยน ยืนยันการเข้าช่วยเหลือนาวิกฯ เสร็จเรียบร้อยเปลี่ยน” เสียงวิทยุดังขึ้นอีกครั้ง ทหารหลายนายในห้องสื่อสารเงียบอยู่ชั่วขณะด้วยความดีใจยิ่ง “ยังอยู่ไหมเปลี่ยน” วิทยุดังขึ้นซ้ำอีกครั้ง “รับทราบ ยินดีต้อนรับเปลี่ยน เราดีใจมากที่พวกคุณมาถึง” พลทหารตอบรับ แทบไม่น่าเชื่อวิทยุจำนวนมากดังเข้ามาติดต่อกันหลายสาย โดยใช้การติดต่อผ่านทาง การสื่อสารคสอนตั้ม พิเศษ “นี่คือ Red eye กองกำลังภาคพื้นที่ 22 รายงานตัวเปลี่ยน” “กองกำลังทหารม้าที่ 32 Spartan ดีใจที่ได้พบเปลี่ยน” “Tangy Yangy หน่วยพลร่มพิเศษที่ 5 รายงานตัวเข้าช่วยเหลือเปลี่ยน” “Fallen Angle กองทัพอากาศที่ 8 เข้าร่วมแล้วเปลี่ยน” “Foxtrot 9 กองกำลังภาคพื้นรายงานตัวเข้าร่วมปฏิบัติการ” เสียงวิทยุแห่งความหวังดังขึ้นหลายครั้งหลายคราอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงเวลาแล้วที่จะทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่าง

Rex
20th July 2011, 17:28
Chapter44:Inside of destruction
“รับทราบ กองกำลังทางอากาศขอให้รวมตัวกันที่ ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ของตัวเรือด้วย ที่ความสูง 35000 ft เปลี่ยน” เสียงพลทหารห้องสื่อสารกล่าว ขณะที่ทหารอีกหลายนายเริ่มทำงานกันวุ่นวายไปทั่วห้อง “กองกำลังภาคพื้นที่ 22 โปรดเข้าประจำตำแหน่งแนวป้องกันที่เส้นแบ่งเขต 8 ด้วยเปลี่ยน” “รับทราบเปลี่ยน” หัวหน้ากองพันยานเกราะกล่าวรับคำสั่ง
แบล็คและทีมเดินทางเข้าสู่เขตติดต่อที่ซึ่งครัสเตอร์ฝากข้อความไว้ “เงียบเชียบจริงๆ” แจ็คสันพลางเดินเตะก้อนน้ำแข็งเล่น “หยุดก่อน!” แบล็คส่งสัญญาณมือ ภายในพายุหิมะที่เริ่มกระหน่ำพวกเขา ยังพอหลงเหลือแสงจากฟ้าพอจะมองไปข้างหน้าได้บ้าง “กองกำลังทหารสหรัฐ!” แบล็คตะโกนตามปกติเมื่อพบเจออีกฝ่ายซึ่งระบุตัวตนไมได้ “...อย่ายิงเราคือ กลุ่มทีมวิจัย!” เสียงครัสเตอร์ตะโกนมาอีกฟากของแนวลมพายุ “ตายยาก ตายเย็นจังนะศาสตราจารย์” อเล็กซ์กล่าวติดตลก “มันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ!” ครัสเตอร์เดินเข้ามาพร้อมกลุ่มนักวิจัยคนอื่น “ฉิวเฉียดมาก เราเกือบจะหนีออกมาไม่ทันแล้วล่ะ” ครัสเตอร์ถึงกับปาดเหงื่อทั้งที่ยืนอยู่ในพายุหิมะ “เอาล่ะ รอดมาก็ดีแต่เป้าหมายที่สำคัญกว่านี้ล่ะ อยู่ไหน?” แบล็คมุ่งเข้าประเด็นโดยด่วน “โอเค...ผมจะพาพวกคุณไปเอง ต้องมีไกด์ที่พอจะรู้ระบบการทำงานของมันสักคนถึงจะได้ผล” ครัสเตอร์เสนอตนเข้าช่วยเหลือ “เรียก ฮ. มารับคนอื่นๆ ไมเคิล ฮุค อัลโด นายคุ้มกันพวกเขาไปให้ถึงเรือด้วย ฝากที” แบล็คลำดับคำสั่งอย่างมืออาชีพ “วางใจได้เลยครับ หัวหน้า!” ไมเคิล กล่าว “เอาล่ะนอกนั้นไปกันได้!” ไม่รอช้าทีมที่เหลือมุ่งหน้าเข้าสู่เป้าหมายโดยเร็ว
“กาบซ้าย 8 นาฬิการะวังด้วย!” รอยซ์กล่าวผ่านหน้ากากออกซิเจน “ข้างหลังคุณ FA-2 ระวัง!” รอยซ์แทบจะนั่งไม่อยู่แล้วขณะนี้ ศัตรูมีมากเกินไปถึงแม้จะรวมทัพกับกองกำลังสนับสนุนแล้วก็ตาม พวกมันฉลาดพอจะไม่อยู่ในวิถีปืนใหญ่ของเรือ เพื่อที่จะเป็นต่อเรื่องจำนวน “ถึงฝูงบินผสม ฝ่ายเดียวกันที่ 6 นาฬิกา!” เสียงซ่าๆดังขึ้นเป็นระยะ “ฮะ! มาถึงสักทีไอพวกบ้าไปอู้ไหนกันมาวะ!” รอยซ์ถึงกับลั่นเสียงดังไปทั้งห้องคนขับ “กองทัพอากาศแห่งสหรัฐอเมริกา หน่วย 3-7 รายงานตัว และ กองกำลังทางอากาศอิตาลีที่ 32 รายงานตัวเช่นกัน!” ฟิเรนเช่กล่าวสำเนียงอิตาเลี่ยนแท้ๆ “ฆ่ามันให้เรียบ สุภาพบุรุษ...”
“พวกนั้นเป็นไงมั่งวะ ไอเราก็ช่วยไรไม่ได้เล้ย!” เคออสนั่งพาดขาบนโต๊ะทำงานบนเรือ พร้อมคู่หูนั่งข้างๆ แม็ก ดีแวนซ์ “อยากจะรู้นักว่า แผนซ้อนแผนของเบื้องบนมันคืออะไรกันแน่วะ แล้วไอแก่ที่เราทำงานให้ปลอมๆนั่นอีก?” คออสกล่าวด้วยความสงสัยขึ้นมาเล่นๆ “หัวหน้าบอกว่าจะอธิบายให้ฟังทีหลัง เขาฝากบอกว่า อย่าตายก่อนละกัน” แม็กกล่าวด้วยทีท่าเงียบขรึมสายตาที่เย็นชาไร้มนุษย์สัมพันธ์ “ช่างเถอะ ยังไงซะชั้นคิดว่ามันจำเป็นต้องทำ ก็มันงานนิหว่า” เคออสปลอบใจความคิดที่ขัดแย้งของตน “อย่าตายล่ะ กัปตัน...แบล็ค ยังมีเรื่องที่ต้องรู้อีกเยอะ” เคออสทิ้งทายลอยๆก่อนเขาเดินออกจากห้องพร้อมคู่หูไป
ความจริงทั้งหมดคืออะไร ในฐานะของมนุษย์ด้วยกันยังไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งได้ แล้วจะหาหนทางใดเข้าต่อกรสงครามครั้งนี้
Chapter45:Closer
“ถ้าเครื่องนำทางไม่ขัดข้อง สิ่งที่พวกคุณตามหาน่ะอยู่ข้างหน้าเราแล้ว” ครัสเตอร์กล่าวอธิบาย “เดี๋ยวๆ ข้างหน้าเนี่ยนะ แล้วมันอยู่ไหนล่ะ?” อีเลียสขมวดคิ้ว “มันพึ่งจะเป็นแบบนี้ ก็เมื่อตอนที่พวกศัตรูฝ่าเข้ามาได้น่ะสิ” ครัสเตอร์เดินตรงไป “ตรงนี้ไงล่ะ...เหมือนโหมดอำพรางตัวของเครื่องบิน แต่อันนี้มันหายไปจริงๆ” ครัสเตอร์ทุบบางอย่างข้างหน้าเกิดเสียงดังกังวานชั่วขณะ “เออดีนะ แล้วทีนี้จะหาทางเข้าไงล่ะ” อีแวนเกิดความรู้สึกผิดหวังเล็กๆ ดูเหมือนเขาจะปิดปากพูดมานาน “ไม่หรอกทางเข้าน่ะยังมีอยู่” แบล็คกล่าวดูพิลึก สิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นมีแต่เพียงเขาเท่านั้นที่เห็น เหมือนสีทีสะท้อนท่ามกลางความมืด คล้ายแถบลูกศรวิ่งไปตามทาง “แกร็ก...!?” แบล็คกดฝ่ามือบริเวณที่แถบสีหมดลง “ครืนน...นน” เสียงกลไกทำงาน เหมือนการดึงผ้าคลุมรถออกยังไงยังงั้น สิ่งก่อสร้างสูงตระหง่านค่อยๆเผยตัวออกมาทีละน้อยจากด้านบนสุด “สุดยอดเลย...” เจน่ายืนอึ้งชั่วพักใหญ่ “เอาล่ะเข้าไปข้างในกัน!” แบล็คกล่าวก่อนจะเดินนำทางเข้าสู่สิ่งก่อสร้างที่ไม่เคยมีมนุษย์คนใดเหยียบเข้าไป
“แจ้งสถานการณ์ด้วยเปลี่ยน!” เจ้าหน้าที่สื่อสารยกวิทยุขึ้น “พวกมันมากันเรื่อยๆไม่หยุดไม่หย่อน กำลังพลของเราลดลงทุกทีๆแล้ว โธ่เว้ย! ส่งแอร์สไตรท์มาสักที!” อีกฝั่งของการสื่อสารกำลังเกรี้ยกราดอย่างมาก “เรากำลังพยายามทุกวิถีทางที่จะส่ง กำลังสนับสนุนแล้ว ฝั่งเราก็ไม่แพ้กันพวกมันยิงเราร่วงไปหลายลำแล้วเปลี่ยน!” เจ้าหน้าที่สื่อสารตอบกลับอย่างลำบากใจ “ถึงหอบัญชาการ FA หลุดจากเขตต่อสู้แล้วขอคำสั่งเข้าช่วยเหลือภาคพื้นด้วยเปลี่ยน!” เสียงนาวาโทรอยซ์กล่าวอย่างหนักแน่น “หลุดออกมากี่ลำปลี่ยน!?” เจ้าหนีที่รีบคว้าวิทยุ “17 ลำเปลี่ยน อาวุธยังพอเหลือให้ระเบิดปูพรมพวกมันกลับบ้านเก่าได้สบายๆเปลี่ยน!” รอยซ์ติดตลก “กำลังส่ง พิกัด และ ระดับความเสียหายไปแล้วเปลี่ยน ขอให้โชคดีเปลี่ยน”
ภายใน Rising อีกฟากหนึ่ง สิ่งมีชีวิตต่างดาวผู้มีสติปัญญาสูงและเป็นมิตร เดินเข้ามาถึงภายในอย่างง่ายดาย อาคูร่า กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อที่จะระลึกความทรงจำที่แทบจะเลือนหายไปพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป ภายใต้หน้ากากสีดำมืด ความรู้สึกหดหู่ใจและโศกเศร้ากำลังกัดกินจิตใจของเขา “อยู่ไหนกัน!” อาคูร่าพึมพำเบาๆ สายตาอันคมกริบสีฟ้าอ่อนสว่างจ้าขึ้นหลังหน้ากากที่ปิดบังอดีตที่โหดร้าย “ภารกิจสุดท้ายแล้วสินะ” อาคูร่าเอื้อมมือคว้าแท่งแสงสีฟ้าที่ลอยอยู่ใจกลางห้อง “ตึง!...ข้าคิดไว้แล้วว่าเป็นเจ้า” เอเลี่ยนต่างดาวรูปร่างใหญ่โตกระโดดลงมาจากด้านบนตรงไหนสักแห่ง รูปทรงคล้ายมนุษย์แต่จะแปลก็ที่ขนาดแขนมันใหญ่ยักษ์และสูงผิดปกติ สายตาสีแดงจ้าภายใต้เงามืด “ยุคของเจ้าน่ะ มันจบลงแล้ว!” ศัตรูหน้าใหม่ตะโกนลั่น “พวกกระจอกที่เคยแพ้ข้าอย่างเจ้าน่ะเหรอ...มิดเดิล!” อาคูร่าหันมาเผชิญหน้า “บังอาจนัก...เจ้าน่ะมันอ่อนแอลงไปเยอะกว่าเมื่อก่อนแล้ว!” มิดเดิลไม่รอช้ากระโจนเข้าใส่อาคูร่าอย่างรวดเร็ว “ตูมม...มม!” หมัดมหึมาชกเข้าที่ลำตัวอย่างจังส่งผลให้อาคูร่าปลิวระลิ่วทะลุกำแพงไปสู่อีกฝั่ง “ฝีมือยังกระจอกเช่นเดิมเลยนะ” อาคูร่ายืนขึ้นราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาบิดมือไปมาเพื่อเตรียมพร้อม “เข้ามาเลย ไอกระจอก” “ฮ่ากก...กก!” มิดเดิลตะโกนลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ทั้งสองวิ่งเข้าหาซึ่งกันและกันอย่างรวดเร็ว “ปัง!” ฝ่ามือทั้งคู่ปะทะกันและกัน แรงบีบมหาศาลของทั้งสองก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นราวกับแส้ที่ผ่าอากาศ “ช่วงเวลาของ อิกนิก น่ะมันจบลงแล้ว!”

Chapter46:Break me down.
แบล็คและทีมมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเครื่องจักรมหึมา ภายในทำให้รู้สึกราวกับเดินอยู่บนทางลาดที่ล้อมรอบไปด้วยเมืองขนาดใหญ่ วัตถุหน้าตาแปลกประหลาดมากมายรายล้อมพวกเขา ด้วยสีน้ำเงินเข้มปนดำชวนขนลุก “ข้างนอกดูไม่ใหญ่มาก ทำไมภายในมัน...” ครัสเตอร์กล่าวขณะที่ดึงภาพถ่ายดาวเทียมออกมาดู “ใครจะรู้ล่ะ...สิ่งที่เราเจอมามันคงทำให้ด้านชากับเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ” แบล็คกล่าว เขามองขึ้นสู่ด้านบนที่ๆ อักษรมากมายหายไป “บนนั้นคือกุญแจสำคัญของการยุติสงครามครั้งนี้” ด้วยท่าทางที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง ทีมรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินตามใครบางคนที่ไม่ใช่หัวหน้าของพวกเขา “หัวหน้า...” อีเลียสแตะบ่าแบล็ค “วูบบ...บบ!” แบล็คหันหน้ามาตามปกติ เพียงแต่นัยน์ตาของเขานั้นเปลี่ยนไป สีของม่านตากลายเป็นสีแดงเถือก “เฮ่ย...!” อีเลียสถีบตัวออกห่างแบล็คทันที “มีอะไรกัน!?” ชั่วพริบตานัยน์ตาแบล็คกลับกลายเป็นอย่างเดิม “เปล่าครับ...” อีเลียสพูดขึ้น “เครียดไปหน่อยน่ะ”
“กรอด...” เสียงใบหน้าขนาดใหญ่ถูกบดด้วยส้นเท้าดังกรอบแกรบ “รู้หรือยังล่ะ!” อาคูร่ากล่าวขณะลงแรงกระทืบลงที่ใบหน้า มิดเดิล อย่างพึงพอใจ “งั้นก็ฆ่าข้าเสียสิ อิกนิก ผู้ยิ่งใหญ่...แต่รู้ไว้ซะว่าทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้มันเกิดขึ้นก็เพราะ เจ้า!” มิดเดิลตะโกนกร้าว “พวกข้าน่ะมันแตกต่างจากพวกเจ้าตรงไหนรู้ไหม” อาคูร่าเงื้อดาบลำแสงสั้นขึ้นฟ้า “ฉึบ...!” ปลายดาบแทงทะลุหัวจนมิดด้าม เลือดสีฟ้าค่อยๆไหลรินลงมาท่วมใบหน้า “ข้าน่ะไม่เคยเสียใจกับการกระทำของตัวเองไงล่ะ!” เขากล่าวทิ้งทายให้แก่ร่างไร้วิญญาณของศัตรู “
“ต่อจากนี้ไปชั้นต้องไปต่อคนเดียวแล้วล่ะ” แบล็คหยุดอยู่หน้าทางเดินที่สิ้นสุด “อะไรนะ หัวหน้า!” อเล็กซ์ถึงกับผงะด้วยความแปลกใจ “จะให้ใครไปด้วยไม่ได้ มันอันตรายเกินไป” แบล็คเสริมบทขึ้น “เอ้านี่รับไว้...” เขาส่งลูกบอลขนาดเล็ก เรืองแสงสีฟ้าเรือนรอง “มันจะช่วยให้พวกนายปลอดภัย” แบล็คกล่าว “พอชั้นขึ้นไป รีบออกไปทันที...ไปเจอกันที่จุดรวมพลที่ 3” “ครับผม...” แจ็คสันน้อมรับคำสั่ง “เจอกันที่นั่น โชคดีครับ!” เร็กซ์กล่าว “เอาล่ะงั้นก็เอาล่ะนะ” แบล็คเดินตรงไปที่ปากทางเดิน “เฮ้กัปตัน เอานี่ไปด้วยมันจะช่วยคุณได้!” ครัสเตอร์ยื่นแท่งเหล็กสีดำจำนวนหนึ่งให้แบล็ค “พวกเอเลี่ยนน่ะมันใช้ชุดที่ควบคุมด้วยระบบจำลองสมองกล ดังนั้นมันก็ต้องใช้พลังงานในการทำงาน คงรู้นะที่ผมให้ไปคืออะไร!” “แน่นอน!” แบล็คยิ้มขึ้น ก่อนจะก้าวเท้าลงไปในเหวลึก มันช่างดูรวดเร็วเหลือเกินเขาแทบไม่เห็นสีหน้าของลูกทีมตอนที่ตกลงมาด้วยซ้ำทำไปเพราะอะไรน่ะเหรอก็คงเพราะสัญชาติญาณมั้งล่ะ “วาบบ...บบบ” แสงสีขาวแสบตาสว่างจ้าขึ้นรอบตัวเขา ชั่วเสี้ยววินาทีแบล็คกลับยืนอยู่บนห้องขนาดใหญ่สีขาวสว่าง ไม่มีการตกแต่งใดๆ “สวัสดี!” เสียงหนึ่งดังขึ้น “ผมคือ ตัวแทนของ เอกภพ หรือ เหล่าคลอนิเคิล นั่นแหละ” ชายในชุดสูทสีขาวพร้อมเนกไทสีดำเดินตรงเข้ามาที่แบล็ค ก่อนจะยื่นมือทักทายอย่างเป็นกันเอง “อะ...เอ่อ” แบล็ครู้สึกแปลกกับเหตุการณ์ตรงหน้า “จะตกใจที่หน้าตาและการแต่งตัวรวมถึงการพูดเหมือนพวกคุณทุกอย่างสินะ ถึงพวกเราจะตายไปแล้วแต่เทคโนโลยีภายในนี้น่ะมันเรียนรู้ต่อไปไม่สิ้นสุดน่ะ มันคงรู้ว่าถ้าคุณเห็นร่างที่แท้จริงคงไม่อยากเสวนาด้วยน่ะ ฮะๆๆ” ชายในชุดสูทกล่าวติดตลก “แล้วที่นี่คือ?” แบล็คตั้งคำถาม “ภายนอกของเอกภพทั้งมวลน่ะ ที่จริงมันก็ไมได้ดูแย่อะไรใช่ไหมล่ะ อากาศรอบตัวของคุณตอนนี้ก็คือเหล่าดวงดาวมากมายไม่มีที่สิ้นสุด รวมถึงระบบสุริยะของพวกคุณด้วยไงล่ะ” ชายปริศนากล่าวอย่างยิ้มแย้ม “งั้นผมขอถามอะไรคุณบ้างล่ะกันนะ...เป้าหมายของคุณที่มาที่นี่น่ะคืออะไรกันล่ะ?”
Chapter47:Become heaven.
“เป้าหมายที่แท้จริงของคุณน่ะมันคืออะไรกันแน่?” ชายในชุดสูทขาวโพลนกล่าว เขายิ้มอย่างที่เลศนัย “เพื่อตัวเองหรือเพื่อโลกใบนี้ล่ะ?” ชายชุดสูทย้ำคำถามอีกครั้ง “ชั้นมาเพื่อหยุดยั้งการรุกรานครั้งนี้ ไม่ได้เพื่อเหตุผลอื่นใดทั้งสิ้น!” แบล็คกล่าวตะโกนเสียงดังหวังข่มฝ่ายตรงข้าม หยดเหงื่อไหลตกลงสู่พื้นอย่างช้าๆ ด้วยใจที่ร้อนรุ่มยิ่งกว่าดวงอาทิตย์และร่างกายที่เย็นชาราวดวงจันทร์สีขาว “นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการโดยแท้จริงจากจิตใจ เราก็จะช่วยให้คำขอนั้นเป็นผล...แต่ก่อนที่จะได้คำตอบนั้น พวกเราน่ะมีอะไรอยากจะถามอีกสักข้อ” ชายสุดสูทเดินวนเป็นวงกลมเขาบิดปลายแขนเสื้อให้เป็นระเบียบ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าแบล็คพอดิบพอดี “เป๊าะ!” เสียงดีดนิ้วดังขึ้น “ถ้าให้เลือกระหว่าง แคทเธอลีน กับ โลกใบนี้คุณจะเลือกอะไร?” ชายชุดสูทขาวกล่าวด้วยสีหน้าแน่วแน่โดยแท้ บรรยากาศรอบตัวค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำฟ้า เหมือนห้วงอวกาศที่มนุษย์เราเห็นด้วยตาเปล่า ภาพลางๆค่อยๆปรากฏขึ้นบนหัวชายในชุดสูทอย่างช้าๆ เป็นภาพหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มดูร่าเริง และ สง่างาม ดวงตาที่ดูมีความหวังอยู่ตลอดเวลา “คู่หมั้นของคุณเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แคทเธอลีน ฮอลโลเวล กุลสตรีผู้สูงศักดิ์แต่เธอก็มิได้เกลียดชนชั้นกลางเฉกเช่นคุณ ถึงกับยอมสละหน้าที่ของครอบครัวเพื่อมาหมั้นหมายกับชายผู้แสนจะธรรมดาคนหนึ่ง คือ...คุณ ใช่ไหมล่ะ” เขากล่าว ภาพหญิงสาวมากมายสลับไปมาเหมือนภาพฟิล์มเก่าๆที่กำลังฉายไปมา “คุณรักเธอมากใช่ไหมล่ะ รักมาเสียจนตั้งแต่เธอจากโลกใบนี้ไป คุณพยายามที่จะกลบความเศร้าใจความคิดถึงหวนแหน ด้วยอารมณ์ที่เย็นชาจากก้นบึ้งของหัวใจที่ดำหมอง” “แกน่ะไม่รู้อะไรหรอก...หุปปาก!” แบล็คกล่าวเสียงสั่นด้วยสายตาเศร้าหมอง เขาลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น ความทรงจำอันโหดร้ายย้อนกลับมาอีกครา มันคอยย้ำเตือนอดีตที่โหดร้ายแสนสาหัส “รู้ไหมว่า ถึงแม้จะเป็นเพียง ความทรงจำ ของคลอนิเคิลแต่เราน่ะสามารถดลบันดาลทุกสิ่งที่ผู้ถูกเลือกต้องการให้สมหวังได้หมดทุกอย่าง รวมถึงการนำคนที่รักกลับคืนจากความตาย” “บอกให้หุปปากไงเล่า!” แบล็คตะโกนลั่นด้วยความเกรี้ยวกราด น้ำตาที่เอ่อล้นจนไหลที่รินมาเป็นทาง ทหารผู้ไม่เคยเสียใจกับการสังหารเป้าหมาย หัวหน้าที่ลูกน้องทุกคนคิดว่าเป็นคนที่ไร้ซึ่งอารมณ์อ่อนไหว ชายผู้ที่ดูเหมือนจะไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ทำ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่แบล็คเป็นตลอด 6 ปีที่ผ่านมา “ชีวิตมันสั้นนักนะ พวกเราเคยคิดก่อนที่เราจะถึงจุดที่ทุกคนเรียกว่า พระเจ้า เราคิดว่าหากเราย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขสิ่งผิด แก้ไขให้ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางมันน่าจะให้ประโยชน์แก่ทุกฝ่าย แต่เราคิดผิดไม่ว่าพวกเราจะย้อนกลับไปเพื่อช่วยเพื่อนของเรา ไม่ว่าจะย้อนกลับไปกี่ครั้งผลที่ตามมากลับออกมาเหมือนกันทุกครั้ง เราไม่เคยคิดว่าลิขิตฟ้า น่ะมีจริงหรอก แต่เพราะประสบการณ์มันสอนเราว่า ลิขิตน่ะมันไม่สามารถวิ่งเป็นเส้นโค้งได้ มีแต่จะเป็นเส้นตรง” ชายชุดสูทเดินไปนั่งบนเก้าอี้สีขาวตัวหนึ่งที่พึ่งจะโผล่ออกมาเขากล่าวต่อ “แต่เส้นตรงที่กำลังวิ่งอย่างต่อเนื่องนั้นสามารถที่จะทำให้มันโรยด้วยดอกไม้นานาชนิด หรือ ลวดหนามที่คมกริบ ทำทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ให้มันดีที่สุด เพราะเราจะได้ไม่มาเสียใจทีหลังว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป” ชายชุดสูทค่อยๆยืนขึ้น “เราได้พิสูจน์ตัวคุณแล้ว ผู้ถูกเลือก จิตใจอันทรงคุณธรรมของคุณน่ะควรค่าแก่การช่วยเหลือยิ่งนัก หัวใจของคุณบอกเป้าหมายในความคิดของคุณแล้ว ถึงคุณจะไม่ปริปากออกมา แต่เราก็ได้ยิน เราได้ยินเสียงหัวใจที่มันดังสนั่นเพื่อมนุษย์ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ เราได้ยินมันเต้นอย่างแน่วแน่ ถ้าอยากจะร้องก็ร้องซะเถอะ” ชายในชุดสูทเดินเข้าหาแบล็ค ก่อนจะตบบ่าเบาๆ “แต่รู้ไว้สักอย่างหนึ่ง...แคทเธอลีน ไม่ได้จากคุณไปไหนหรอกนะ แต่เธอน่ะยังคงอยู่ในหัวใจที่เข้มแข็งของคุณต่างหาก เพียงแค่คุณยังไม่เคยแหงนหน้ามองฟ้าก็ไม่ใช่ว่าคุณจะทำไม่ได้หรอกนะ” เขากล่าวขณะเดินไปบริเวณผนังห้อง “แรงกายแรงใจคือสิ่งที่เรามอบให้มนุษย์เดินดิน ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในห้วงเอกภพนี้ที่มีความมุ่งมั่นเทียบเท่า มนุษย์อีกแล้ว...” ชายสูทขาวยกแขนเอื้อมแปะกับผนังกำแพง แสงสีขาวสว่างจ้าขึ้นตามเส้นขอบของห้องอย่างช้าๆ “พร้อมที่จะแก้ไข อนาคต ให้มันดูดีกว่าที่เป็นอยู่หรือยังล่ะ?” เขายิ้มอย่างมิตรไมตรี แบล็คค่อยๆลุกขึ้นอย่างแน่วแน่ ดวงตาที่แดงก่ำและแนวน้ำตาที่แห้งขอด ไม่ได้เสียใจอะไรเลย แต่กำลังดีใจต่างหาก ดีใจที่ได้มีความกล้าพอจะนึกถึงอดีตที่ผ่านมา เพราะปิดกั้นนานไปหรือเปล่า หรือจะเพราะมีอะไรมากมายมันเข้ามาในชีวิต แต่ตอนนี้ไม่สำคัญอีกแล้วเพราะตอนนี้คือปัจจุบัน และปัจจุบันนี่แหละที่เรากำลังยืนอยู่!..................................................

Rex
20th July 2011, 17:29
The End : Clear Sky

“ให้ตายเถอะ! ทีมแบล็คติดต่อกลับมาหรือยัง!” วิคเตอร์กล่าวอย่างร้อนรนภายในหอบังคับการที่เต็มไปด้วยทหารมากมาย “ยังครับท่าน เราพยายามติดต่ออยู่แต่สัญญาณถูกรบกวนครับ!” เจ้าหน้าที่สื่อสารตอบกลับ “ลองไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบสัญญาณ” วิคเตอร์ย้ำ “ครับผม”


“ฟิเรนเช่! กาบขวาระวัง” รอยซ์ตะโกนผ่านวิทยุสื่อสารภายในหน้ากากนักบิน

“รับทราบ” ฟิเรนเช่ตอบรับคำเตือนก่อจะหักเครื่องหลบหลีกอย่างเหนือชั้น

“แรงโน้มถ่วงโลกนี้กับโลกหน้าของแกมันต่างกันนะว้อย!” ฟิเรนเช่ตะโกนอย่างสะใจขณะตีวงกลับมาเป็นผู้ล่าอีกครั้ง

“มาร์ค 2” จรวดติดตามความร้อนพุ่งออกจากฐานยิงใต้ปีกอย่างรวดเร็ว

“ตูมม!” เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว “ต่อไป!”


“วาบบ..บบ” แสงสีขาวประจักษ์แก่สายตาแบล็ค ความคิดต่างๆดับวูบลง การคาดคะเนไม่ได้มีผลอะไรเลยกับสิ่งก่อสร้างเบื้องหน้าของกัปตันแบล็ค

“เริ่มกันเลยไหม? กัปตัน” ชายชุดสูทเยื้องมือออก

“ตึง...” เสียงแรงระเบิดตกกระทบเพดาน

“เร็วหน่อยน่าจะเป็นความคิดที่ดีนะ” ชายสูทขาวย้ำอีกครั้ง ทันทีแบล็ครีบวิ่งตามไป สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ลึกลงใต้เปลือกน้ำแข็งแห่งอลาสก้า ทางเดิน 4 เส้นที่โยงมาเชื่อมกันตรงกลางคล้ายใบพัดเฮลิคอปเตอร์ สูงขึ้นไปกว่า 100 เมตรเป็นเพดานวัตถุสีน้ำเงินเข้มที่ดูทนทาน ส่วนด้านล่างเป็นของเหลวสีฟ้าอ่อนที่เปล่งแสงระยิบระยับ

“ผมต้องทำยังไงบ้าง” แบล็คเอ่ยปาก “ไม่ต้อง...” ชายชุดสูทยิ้มก่อนจะก้าวเท้าถอยออกมาแท่นตรงกลางที่แบล็คยืนอยู่ค่อยๆลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ

“จงใช้มันอย่างคุ้มค่านะกัปตัน....ใช้อย่างคุ้มค่า” ชายชุดสูทโบกมือขณะที่ร่างของเขาค่อยๆสลายกลายเป็นไอระเหยส่องสว่างไปทั่วทั้งพื้นที่

“โชคดี...” สิ้นเสียงร่างกายทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


“ครืน...นน” ภายนอกที่สงครามยังคงดำเนินต่อไป แผ่นเปลือกน้ำแข็งค่อยๆแตกออกอย่างช้าๆ

“ตายห่าล่ะ!” อลเกซ์ที่สอดส่องสถานการณ์สบถอย่างไม่น่าไว้ใจ “พื้นกำลังแยกออกจากกัน...เรียก ฮ. มารับเร็วเข้า!” อเล็กซ์ไถลลงมาจากเนินอย่างรวดเร็ว “แต่หัวหน้ายังอยู่ในนั้นนะโว้ย!” อีเลียสแย้ง “หัวหน้าให้เราออกมาเพื่อที่เราจะได้มีชีวิตรอดต่อไป และเป็นกำลังเสริมให้กับทหารข้างนอกนั่นต่างหาก!” อเล็กซ์เขย่าไหล่อีเลียส “ฮึ่ม...โธ่เว้ย!”

“นี่คือกองกำลังพิเศษ อัลฟ่า ส่งสัญญาณจากจุดรวมพลสำรองที่ 3 เราต้องการอพยพโดยด่วน พื้นที่โดยรอบกำลังพังทลายเปลี่ยน!” อีเลียสส่งสัญญาณออกไปโดยหวังว่าจะมีใครได้รับมัน “...เราได้ยินแล้วอัลฟ่า นี่คือ แบล็คเบิร์ด 17 กำลังตรงไปทางคุณเตรียมแพ็คของได้เลยเปลี่ยน” เสียงปลายสายที่ให้ความหวังยิ่งนักกับทีมดังขึ้น

“ได้ยินชัดเจนเปลี่ยน ขอบคุณมาก!” อีเลียสแทบจะกระโดดโลดเต้นทันที


“วาบบ...บบ” แท่นเรืองแสงที่แบล็คยืนอยู่วิ่งผ่านม่านพลังสีขาวอ่อนๆ เข้าสู่อีกส่วนของ Rising แท่นค่อยๆหยุดอย่างช้าๆแล้วต่อเข้าด้วยกันกับทางเดินอีกทางที่ดูเหมือนจะเชื่อมไปสู่ แท่นวางของเล็กๆเบื้องหน้าแบล็ค วัตถุเรืองแสงสีขาวลอยอยู่ใจกลางห้อง

“ตึกๆ...” แบล็คก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง “บึมม!” แรงระเบิดดังขึ้นจากด้านบนของห้อง

“ตึงง!” เสียงการตกกระทบบางอย่างที่ดูหนักหน่วงดังขึ้น “มนุษย์!” เสียงเบื้องหลังม่านควันดังอย่างแผ่วเบา “ฟุบ” แบล็คคว้าปืนสั้นเล็งไปทิศทางของเสียง

“สิ่งมีชีวิตอันด้อยปัญญาไม่สามารถครอบครองพลังแห่งจักรวาลได้หรอก” เสียงปริศนาดังขึ้นอีกครั้ง “เผยตัวสิวะ ไอขี้ขลาด” แบล็คตะโกน

“ขี้ขลาด? ข้าน่ะรึ” เงาสีดำค่อยๆเผยตัวอย่างชัดเขน ร่างกายขนาดกว่า 3 เมตร กล้ามเนื้อสีดำสนิทมีใหญ่โตจนน่าเกรงขาม กับชุดเกราะสลักลายดูคล้ายกับนักรบสมัยอดีตของมนุษย์ “ทาการัส ดาราคัส คือชื่อของข้า หรือในภาษาของเจ้าคือ ราชาแห่งความตาย”

“ปัง!” ไม่รอช้านิ้วมือเหนี่ยวไกอย่างรวดเร็ว กระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร พุ่งตรงออกไปข้างหน้า แรงซูเปอร์โซนิคเข้าปะทะกับหน้าของ ราชาเอเลี่ยน “ปัก...” กระสุนดีดกลับออกมา แทบไม่น่าเชื่อกระสุนไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรเลยกับใบหน้าของ ทาการัส “ขี้ขลาด!” เขาคำรามก่อนจะพุ่งเข้าใส่แบล็ค “ฮึบ! ปังๆๆ” แบล็คม้วนตัวหลบก่อนรัว 3 ชุดเข้าใส่ไม่ยั้ง อีกครั้งกระสุนไม่ได้ทำให้ผิวหนังนั่นระคายเคืองแม้แต่น้อย “ฟับ!” ทาการัส คว้าตัวแบล็คไว้ก่อนจะยื่นมืออีกข้างบีบคอแบล็คอย่างเลือดเย็น

“อะ..อั่ก” เสียงลมหายใจที่กำลังจะดับลงของแบล็ค “ฉัวะ!” เสียงดาบ 2 แฉกพุ่งเสียบทะลุซี่โครงของ ทาการัส เลือดสีเทาพุ่งทะลักออกมาทันที “คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า ผู้ทรยศ!” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น “อาคูร่า!” ทาการัสละสายตาออกจากแบล็คทิ้งให้แบล็คไอค่อกแค่กอย่างลำบาก

“จบศึกครั้งนี้ซะ มนุษย์!” อาคูร่าตะโกน “อิกนิกรุ่นเก่าอย่างเจ้ามันหมดน้ำยาตั้งนานแล้ว อาคูร่า!” ทาการัสต่อยเข้าที่ท้องของอาคูร่าจนร่างกายกระแทกทะลุกำแพงไปอีกฝั่ง “ยังจะหลับตอนนี้...ไม่..ได้!” แบล็คคลานไปที่แท่นกลางห้องอย่างช้าๆ “ฮ่าๆๆ!” เสียงทาการัสที่รัวกำปั้นใส้อาคูร่าอย่างสะใจดังขึ้นจากอีกฝั่งของห้อง

“อีกนิดเดียว!” แบล็คเอื้อมมือขึ้นไปจับวัตถุสีขาวเบื้องหน้า “หมับ!” ทาการัสคว้าแบล็คขึ้นมาอีกครั้ง

“คราวของเจ้าล่ะมนุษย์ด้อยค่า” ทาการัสเงื้อมือ อีกข้างเตรียมปลิดชีพ “อย่าได้ใจนัก!” แบล็คตะโกนดังลั่น เขาคว้ามีดพกปักเข้าที่หน้าของ ทาการัส อย่างสุดแรงเกิด “อั่กก..กก!...ตายซะเถอะ!” ทาการัสตะโกน “ตึงง...งง” ราวกับภาพฉายอย่างช้าๆ อาคูร่าพุ่งเข้าชาร์จทาการัสอย่างเต็มแรง

“โชคดี มนุษย์” เสียงอาคูร่าดังขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนที่ทั่งคู่จะตกลงจากแท่นลงสู่เหวอันดำมืด “อาคูร่า!!!” แบล็คตะโกน

“ต้องจบ...สงคราม!” แบล็คหันมาที่วัตถุสีขาวอีกครั้ง “วาบบบ...บบบ!”


แสงสีขาวสว่างขึ้นขณะที่ผืนดินระเบิดส่งแรงสั่นสะเทือนมหาศาลไปทั่วทั้งโลก

“อะไรกันน่ะ!” กลุ่มเครื่องบิน เอฟ-22 ของรอยซ์บินส่ายไปมา คลื่นพลังสีขาวอ่อนๆกระจายไปทั่วทั่งบริเวณก่อนจะแผ่ปกคลุมไปทั้งโลก

“วูบบ..บบ!” แสงสีฟ้ายิงขึ้นไปสู่อวกาศ ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว “ครืนน..นน” เหนือชั้นบรรยากาศเกิดเป็นหลุมดำสีขาวสว่างจ้าขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ยานรบของศัตรูโดนดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกองกำลังภาคพื้นที่ค่อยๆล้มลงอย่างช้าๆ “จบแล้วสินะ!” วิคเตอร์ที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดบนเรือรบยิ้มอย่างดีใจ

“ท่านครับนั่นมัน!” เสียงตะโกนดังขึ้นจากพลทหารภายในห้อง วัตถุสีขาวพุ่งออกมาจากใจกลาย Rising มันค่อยๆลอยออกมาตกบริเวณพื้นมหาสมุทร “ส่งทีมออกไป!” วิคเตอร์ออกคำสั่ง


“อ่า...” แบล็คค่อยตื่นขึ้น สายตาที่พล่ามัวค่อยๆเบิกกว้างขึ้นเพื่อปรับการรับแสง

“หัวหน้า!” อีเลียสและคนอื่นๆตะโกนอย่างดีใจ แบล็คค่อยๆยืนขึ้นท่ามกลางทหารมากมายบริเวณดาดฟ้าเรือที่ยืนรอรับการกลับมา


“เฮ!” เสียงโห่ร้องดีใจดังสนั่นไปทั่วทั้งดาดฟ้าพร้อมกับเสียงปรบมือไม่มีสิ้นสุด “นายนี่มันตายยากจริงๆนะ” วิคเตอร์จับไหล่แบล็คอย่างดีใจ

“ฟ้าวว..วว” เสียงเครื่องบิน เอฟ-22 ของทีม FA บินเป็นชบวนตัววี “ต้องจัดหนักหน่อย หนุ่มๆ!” เสียงรอยซ์กล่าวอย่างขำขันกับขบวนเครื่องบิน

“มันจบแล้วสินะ” วิคเตอร์กล่าวขณะพยุงแบล็คเดินฝ่าวงล้อมเข้าสู่ตัวเรือ

“...ยังหรอก” แบล็คตอบ

“อะไรนะ!?” วิคเตอร์กล่าว

“พวกมันจะกลับมาอีก...อีกไม่นาน แต่คราวนี้...พวกเรารู้วิธีที่จะชนะพวกมันจริงๆไงล่ะ” แบล็คยิ้มที่มุมปากอย่างสุขใจ

“ระหว่างนั้นไปฉลองกันหน่อยเป็นไง!” วิคเตอร์ตะโกนดังลั่น “เฮๆๆ!”

จบ...

Rex
5th May 2012, 22:04
ขอขุดมาแต่งต่อให้จบครับ อยู่ดีๆมันนึกถึง....... แนะนำสำหรับผู้อ่านใหม่ให้อ่านช่วงต้นของ Topic แรกก้อนนะครับ เพราะ topic อื่นๆยังไม่ได้แก้การเว้นวรรคเลยครับ

ps. naza ผมตั้งใจใช้ชื่อนั้นนะ เพราะ nasa มันเป็นชื่อจดสิทธิบัตรเลยดูแหม่งๆถ้าจะใช้ ฮาาาา++

LoveSeeker
6th May 2012, 13:34
ขุดหลุมบุคคล ซุ่มอ่าน =.,=

ohana123
18th May 2012, 23:14
ขุดหลุมบุคคล ซุ่มอ่าน =.,=

ขอซุ่มด้วยคน ชอบๆ ><

Rex
15th June 2012, 14:17
จบแล้วครับ เฮ................... ดีใจจัง!